ใครในนี้ที่มีครอบคัรวแล้ว เคยมีกิ๊กบ้างครับ

[Onokung]

ผมไม่ได้เข้ากระทู้นี้มาหลายวัน(ตั้งแต่ตอบไปคราวนู้นน เพราะว่ามัวแต่ไปเที่ยวชมบล๊อกชาวบ้านเค้า) เหมือนกัน ครับพี่เพื่อนตามไม่ทัน ก็เลยกลับมาอ่านย้อนหลังๆ ดู

ที่ผมบอกว่าเจตนาไม่ดีเพราะ คำตอบของพี่ san เอง

น้องเขาถามแค่ว่า  ผมอยู่คนเดียว รึป่าว  อันนี้ ผมตอบ ว่า ใช่  ..............เพราะว่าปกติอยู่คนเดียวครับ เจอภรรยาบ้างเป็นบางสัปดาห์
น้องเขาถามต่อว่ามีลูกแล้วยัง     อันนี้ตอบว่า  ยังครับ

ส่วนเรื่อง Sex นั้นคำตอบขัดแย้งอยู่ในตัวเองแล้วครับ พี่เพื่อน ไม่ใช่จุดเริ่มต้น แต่เมื่อเอาไปเชื่อมกับอันบนมันก็ดูกลายๆว่าจะเป็นเหมือนที่ พี่เพื่อน คิด

กรณีนี้ เรื่อง sex  กับเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก  เพราะว่าความสุขจากการพูดคุย อยู่ด้วยกัน มันเยอะกว่า  มันมากกว่า  จนล้น  เคยเห็นคนที่พูดคุยกัน  3-4  ชม  แล้วก็หัวเราะ  ยิ้ม  กันตลอดรึป่าวครั บ (ไม่มีเหล้านะครับ)  อะไรแบบนั้นเลย     ทุกครั้งที่เจอกัน

ผมไม่รู้ว่า พี่ san ทำยังไงนอกจากทำใจ แต่ว่ามันไม่ใช่ทั้งหมด เพราะว่า บางคนก็ตาม บางคนก็เฉยๆ
 ผมไม่รู้ว่าน้องคนนั้นเค้าเป็นยังไง ต้องขอยกตัวอย่างกรณี
อีกกรณีของเพื่อนสนิทผม ขอเลิกกับกิ๊กเพราะว่า เริ่มคิดว่าไม่ดีเหมือนที่พี่ san กำลังทำอยู่(แต่ต่างกันตรงที่นั้นกิ๊กของเพื่อนรู้ว่ามีแฟนอยู่แล้ว) เค้าใช้วิธีการตัดขาดไปเลย ด้วยการพูดตรงๆว่ารู้สึกแย่ๆเหมือนกัน มันยิ่งการทำให้คบกับไม่มีความสุข เพราะก็เกรงใจแฟน แต่ก็ชอบเวลาที่กิ๊กเอาใจ(เพราะแฟนไม่เอาใจเท่ากิ๊ก)
คราวนี้ น้องกิ๊กเค้าไม่ยอมเข้าใจด้วยน่ะสิครับ น้องกิ๊กเริ่มทำตัวเป็นนางร้ายด้วยการแอบเอาเบอร์โทรในเครื่องเพื่อนผมไปเช็คตอนที่เพื่อนนอนหลับ แล้วก็โทรไปวีนกับแฟนเพื่อน ส่งรูปที่ถ่ายกับเพื่อนไปให้แฟนของเพื่อนดู แล้วยังบอกด้วยว่า"ทำไมโง่จังไม่รู้เลยเหรอว่า ผู้ชายเค้าไปอยู่ไหนเวลาไม่อยู่กับเธอ"  . . . . เละไม่มีชิ้นดีครับ

 วิธีเลิกกับกิ๊ก ถ้าเลิกไม่ถูกทางมันก็ยุ่งเหมือนกันครับ
แต่ถ้าพี่ san จบเรื่องได้แล้ว ก็ยินดีด้วยครับ

ปล. ว้า ว่าจะเลี้ยงต้อนรับ สมาชิกกลุ่ม คนใหม่  8)

[san]

ไม่รู้ว่าวันนี้ผมจะดีใจหรือว่าเสียใจดีครับ  มีเรื่องมากมายผ่านมาอีกแล้ว

ที่คุณเพื่อน  กับ Onokung  พูดนี่     คล้ายๆกับว่า ยังงงอยู่ที่ผมว่า  เชื่อป่าวครับว่าเรื่อง  sex กับน้องเขานี่     ผมไม่ได้ติดใจเอ.ขยายความ   พูดได้ป่าวหนอ  ในเวบนี้     ถ้ามันอุดจาด  พี่ๆ เพื่อน    ที่ดูแลบอร์ดก็เอาออกได้นะครับ  
มันก็มาจากที่ว่า  ผมมี กิจกรรมกับน้องเขาแล้วผมสู้นะครับแต่ว่าจะไม่เสร็จครับ    น้องเขาก็รู้     น้องเขาทำหน้าเบ้ทุกครั้งที่รู้ว่าเรายังไม่..เขาพยายามช่วย    นานเท่าไรก็ไม่.ซึ่งปกติไม่ได้เป็นแบบนี้เลย    ยืนยันครับ    ส่วนที่ว่าทำไมนั้น..ไม่ขอตอบนะครับเพราะว่ามันเรื่องส่วนตัว  ลึกมากเกินไปนะ    นอกนั้นนอนคุยกัน   นัวเนียกัน   มีความสุขกว่า  หัวเราะได้ทั้งวัน     ครั้งก่อนสุดท้ายนี่อยู่ในที่มิดชิด    อยู่กัน  6  ชม  มีแต่เสียงหัวเราะ  

เมื่อคืนผมโทรคุยกับน้องเขาตั้งแต่  2  ทุ่ม  ยัน ตี  2    มีคั่นกลางตอน  4 ทุ่ม  โทรหาภรรยา เพราะว่า ภรรยาโทรมานะครับ  น้องเขาออกมาคุยนอกที่พักท่ามกลางเสียงจิ้งหรีดที่ร้องระงม  มีความสุขดีมาก  มีเสียงไก่ขัน  ตอนเที่ยงคืนด้วย  ขันกันเป็นทอดๆ  น้องเขาบอกว่า  ท้องฟ้า  มีดาวสวยจัง    อยากให้ไปอยู่ด้วยกัน   เพราะว่าอากาศที่โน่นตอนนี้เริ่มเย็นๆแล้ว ครับ

น้องเขาคุยเรื่องจิปาถะ  เยอะแย่ะ  ทำให้เรารู้เรื่องส่วนตัวของน้องเขามากขึ้น    รู้นิสัยน้องเขามากขึ้นทุกวันๆ
มีความคิดคล้ายๆกัน คือ ในเรื่องส่วนตัวนี่    คือ  ถ้าจะพูดเรื่องส่วนตัว    เจ้าตัวจะพูดเอง    ทั้งน้องเขา รวมทั้งผมด้วย      น้องเขาเองก็มองว่าเราพูดไม่หมด  เขามีความเชื่อเช่นนั้น  น้องเขาบอกแค่ว่าน้องเขาเชื่อว่า..ถ้าถึงเวลาเราจะพูดออกมาเอง.. อึ้งอยู่นานทีเดียว  สำหรับคนที่อายุแค่  20  กว่าไม่มากเท่าไร  

เมื่อคืนก่อนนอน  ตอนตี  2  ก็ไม่ได้เหงา  ก็ได้คุยแล้วมันก็ไม่เหงานะ    นอนหลับได้ง่าย

แต่ว่ามาตื่นตอน  6 โมงเช้า  ซึ่งถ้าแบบนี้  แสดงว่ามีความเครียดอะไรบางอย่างค้างอยู่ในใจ  รู้ตัวเลยครับ  ถ้าเครียดหรือว่ามีกังวลปุ๊บ   ตอนเช้าจะตื่นเช้าเสมอแม้ว่าจะพึ่งนอนแค่  ไม่กี่  ชม ก็ตาม  แต่จะนอนไม่หลับ

ทำให้ตอนเช้าวันนี้  ไม่ไหว  แต่ก็ไปทำงาน  รู้สึกว่าเครียดมากเรื่องน้องเขา    เราเริ่มไม่นิ่งอีกแล้ว    เลยโทรหาเพื่อนสนิท  ระบายอยู่  1  ชม    เพื่อนบอกว่า  คราวนี้  เขาช่วยผมไม่ได้แล้ว   เพราะว่าอาการหนัก    เขาว่าเรารู้ว่าอะไรดี  อะไรไม่ดี  แต่เหมือนตัดใจไม่ได้เลย  มีอาการฟุ้งซ่าน อยู่มาก   เขากลัวจะถลำลึกกว่านี้     เขาเลยแนะนำให้ไปคุยกับคนที่เขารู้จัก  เลยแว่บงานเลย   เพราะว่าไม่ไหวแล้ว   ไปหาผู้ใหญ่ คนที่เพื่อนแนะนำ   เป็นหมอจิตเวช  อยู่  รพ  เอกชน  

ตอนขับรถออกจากที่ทำงานไป   มันอัดอั้นมาก   น้ำตาไหลออกมา    นี่มันอะไรกันว่ะเนี่ย     นรก หรือว่า   สวรรค์  มีแต่คนเสียใจ  ท่าทางไม่มีใครจะได้ดีใจเลย    . ถ้าจะเลวก็ต้องเลวได้สุดๆ  ไม่น่าจะมาเสียใจอะไรมากมาย.

พอไปถึงที่  รพ  ผู้ใหญ่ทานนั้นคงเห็นว่าเรามีความคิดที่ฟุ้งซ่านอยู่      ทานก็ชวนคุย      ท่านว่าเรายังพอแยกแยะถูกผิดได้อยู่       ยังพอมีเหตุมีผลอยู่          ในปัจจุบัน  ท่านว่าเรา ก็พยายามเอาสติมา  กด  ควบคุมตัวเอง  แต่ดูเหมือนไม่ได้ผลเอาเลย        ท่านเลยสอนให้ผมทำความเข้าใจเกี่ยวกับอารมณ์ก่อน    ด้วยการทำความเข้าใจในไตรลักษณ์     ท่านก็ใช้อุบาย.สอน   แล้วค่อยๆถามว่า  เข้าใจยัง       จนผมเข้าใจเรื่อง     ไตรลักษณ์    อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา         ซึ่งเข้าใจได้ง่ายขึ้นเนื่องจากเรามีปัญหาอยู่แล้ว          ทำให้เราได้คิด    ว่า   เมื่อก่อนก็รู้จักเรื่องไตรลักษณ์  ตอนบวช    แต่พอห่างวัด   แล้วไม่ได้สนใจอีกเลย.. พอมีผงเข้าตาเรากลับไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย    พอเอาเรื่องนี้เป็นตัวตั้ง  ก็ได้สติ หายจากการฟุ้งซ่าน    ต่อจากนั้นท่านถึงบอกว่าคราวนี้ให้เอาใจที่มีสติดีแล้วมานึกถึงเหตุและผล    ข้อดี  ข้อไม่ดี      ของการยังติดต่ออยู่    มานั่งคิด  ท่านบอกว่ามีสติแล้ว  จะดีขึ้น         ท่านก็แนะเพียงว่า ปัญหาของเรา  ก็ให้เราแก้ไขเอง    แต่อย่าแข็งเกินไปจนเกิดความเสียหาย ต่อ คนที่เกี่ยวข้อง  ขอให้ใช้ความนุ่มนวล     แต่อย่าอ่อนแอ จนไม่รู้จบ

.ก็เลยขอกราบขอบคุณท่าน ที่แนะนำทางสว่างให้เรา   ทำให้ กลับมาทำงานสดใสมากขึ้น

พอฟังเพลง     นึกเสียว่าสงสาร     ของ  อ้อย  กระท้อน         สิ่งที่สะท้อนออกมาจากใจ  กลับไม่ใช่สงสารตัวเอง    แต่กลายเป็นว่าสงสารภรรยามากกว่ามาก  ฟังไป  20  กว่ารอบ  คราวนี้ ไม่มีอาการอะไรแล้วสงสารภรรยาอย่างเดียวแล้ว

ถ้าอารมณ์แล้วก็สติอยู่กับตัวแบบนี้  อีกนาน  ก็คงไม่เหลวไหลแล้วหละครับ

เรื่องอนาคตนั้นตัดสินใจแน่นอนแล้วครับ    ตอนนี้    ไม่ได้เสียดายอะไรอีกแล้ว   แม้ว่าจะมีใครมาจีบน้องเขาอยู่  ก็ตามสบาย    เอาไปได้เลย   เราทำหน้าที่ของเราดีกว่า  ..ทุกอย่างเป็น  อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา     เหลือแค่คำว่า   มีเมตตาให้มาก   มีกรุณาให้มาก     อย่าแข็งเกินไปจนเกิดความเสียหาย      อย่าใจอ่อนง่ายไปจนเป็นปัญหาต่อคนใกล้ตัว     เท่านั้นเอง   ก็จะพยายามทำเท่าที่ทำได้

ดีใจ ที่หลุดได้    ( ดูเหมือนนะครับ )  เนื่องจากยังแค่   ไม่ถึง  10  ชม  ก็เลยยังไม่อยากพูดอะไร

ที่ผ่านมานี้  ยังไม่ได้ขอบคุณ  ทางพี่มน  เจ้าของเวบ  และผู้ดูแลระบบ  ที่เอื้อเฟื้อพื้นที่ให้เกิดทำการระบายความในใจ  เนื่องจากกว่าถ้าไม่ได้ระบาย  ก็มีโอกาสที่ผมจะคิดอะไรที่สั้นๆ ได้    ความเหงาในยามค่ำคืน  บางครั้งมันรุนแรงมาก  มากจนเกินคาดคิด    สำหรับคนเหงาๆแล้ว    บางช่วงอะไรก็เกิดขึ้นได้

ขอบคุณ เพื่อนๆ  พี่ๆ  น้อง ๆ  ทุกท่านนะครับ  ที่อุตส่าห์เข้ามาติดตามเรื่องของกิเลส    รวมทั้งให้กำลังใจ  พยายามช่วยกระตุ้นให้ผมเลือกทางที่ดี  ที่ถูกต้อง  ขอบคุณจริงๆ ครับ   สำหรับนำใจที่มีให้   ไม่มีใครซ้ำเติมผมเลย  

ถ้าเวลาผ่านไปนานพอ   ก็อาจจะให้ภรรยาเข้ามาอ่านกระทู้นี้     เพื่อให้เขาได้เข้าใจว่า  เราอยากได้อะไรบ้างจากตัวเขา

สำหรับบ่างท่านอาจจะคิดว่าไม่มีประโยชน์เท่าไร  มันเป็นเพียงแค่  1 เหตุการณ์ เล็กๆ  ที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้   ก็จริงครับ

สำหรับบางท่าน  กระทู้นี้    ก็อาจจะเอาเป็นข้อเตือนใจ สำหรับตัวเอง  หรือคนนข้างเคียง   ได้นะครับ

สำหรับผมแล้ว ขอบคุณทุกๆท่านมากครับ   คงไม่เข้ามารำพึงรำพันอะไร  อีกแล้ว  เนื่องจากคิดว่าตัวเองตอนนี้ น่าจะมีสติแล้ว  เพราะว่าถ้าขนาดนี้แล้วยังลุ่มหลง  งมงายอยู่     ก็คงมีทางเดียว  คือ  ไปเกิดใหม่  เท่านั้นเอง

ชีวิตในความฝัน    กับ   ชีวิต ในความจริง   นั้นต่างกัน    เราไม่ควรเอาไปปนเป    จนแยกไม่ออก   ระหว่างความฝันกับความจริง     ไม่งั้นจะเสียใจได้  อันนี้ผมเริ่มได้คิดแล้ว

ขอขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านครับ

I  WILL  DO  MY  BEST

[Raphin Phraiwal]

ยินดีด้วยครับพี่แซน ที่พี่เริ่มพบทางออกแล้ว


[quote="san"]
ถ้าเวลาผ่านไปนานพอ

[Raphin Phraiwal]

ปล. ผิดถูกอย่างไรก็ขออภัยด้วยนะครับ

[por_jai]

8) เห็นท่านsan พูดเรื่องไตรลักษณ์ เคยก๊อปบทความ
    ศจ.นพญ.ท่านนึงเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ครับ
    ลองอ่านดู สำหรับผม อ่านแล้วได้ประโยชน์จังครับ
    ก็คิดว่าทุกๆท่านที่ได้เข้ามาอ่าน คงเก็บเกี่ยวไปได้บ้าง

    ฮุ..ฮุ..ง่ายจาตาย อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เห็นมีไร
    อ้าวๆ เข้าใจ รึ ทำได้รึ
    ฮ่า..ฮ่า..ทำไม่ได้ฟ่ะ...

[por_jai]

[por_jai]

[por_jai]

[por_jai]

8) ผมจะไปที่วัดผาวันที่10-17ธค.นี้ครับ
    เพื่อไปเรียนรู้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นี่แหละ
    ไม่ค่อยได้มรรคได้ผลเท่าไรหรอก
    แต่สงบอกสงบใจเนี่ย ยังไงก็ได้
    ส่วนตัว กำหนดสติได้มากขึ้นก็ดีใจยังกะหลุดพ้นแล้ว
    ชื่อก็บอกอยู่แล้ว พอใจ ครับ พอใจ
    พี่san อยากไปก็เข้าเวบ kondee.com อ่านรายละเอียดดูได้
    อย่างบทความที่ผมเอามาให้อ่านนะ
    ถ้ามีบุญก็คงได้เจอกันครับ...

[Ent']

มีเว็บ สอนการปฎิบัติวิปัสสนา ด้วยการดูจิต อีกเว็บมาฝากครับ ในเว็บจะมีเทศของหลวงพ่อ ปราโมทย ปราโมชโช ให้ดาวน์โหลดได้ซึ่ง คุณอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง คนเขียนหนังสือเข็มทิศชีวิต ก็เป็น ลูกศิษย์ของหล่วงพ่อเหมือนกัน   www.wimutti.net

[san]

ขอบคุณมากครับ  พี่พอใจ กับ คุณ Ent'    ขอบคุณที่เป็น กัลยาณมิตร  ครับ

[น้ำครึ่งแก้ว]

ฝากอันนี้ด้วยครับ
เห็นพูดเรื่องวิปัสสนากัน
เผื่อ พี่ๆ น้องๆ ที่อ่านจะเจอปัญหา อาจไม่ใช่เรื่องรักใคร่ แต่เป็นเรื่องอื่นก็
อยากให้อยู่กับตัวเอง คิดอย่างมีสติด้วยครับ

http://www.watkoh.com/data/thitinat/

[naris]

ยินดีที่หาทางออกเจอจนได้  พี่sanไม่หลงทางแล้วครับ แต่ทางใหม่นั้นยังจะมีขวากหนามอยู่ระยะหนึ่งจากกรรมที่เราสร้างไว้ ยังไงก็อดทนสู้ชีวิตต่อไปนะครับ เอาใจช่วย

[chatchai]

พระมิตซูโอะ กล่าวไว้ในหนังสือว่า

ถ้าเราไม่มีขันติ  ก็เท่ากับเราตามใจกิเลส  ทำความดีไม่ได้  ทั้งๆที่รู้ว่าสิ่งไหนไม่ดี  ก็ตามใจตัวเอง  ตามใจกิเลส  ทำสิ่งไม่ดี  อย่างความเจ้าชู้  ก็รู้ว่าไม่ดี  แต่ก็ยังตามใจตัวเอง  ถ้ามีขันติก็จะอดกลั้นได้  การเป็นมนุษย์ต่างจากสัตว์  ตรงที่มนุษย์มีใจสูง  ใจสูงคือรู้จักชั่วดี  ทุกคนรู้อยู่ว่าสิ่งไหนดี  สิ่งไหนไม่ดี  แต่เรามักจะเลือกทำในสิ่งที่ไม่ดี  เป็นไปตามกิเลสของเรา  แต่ถ้าเรามีขันติเราก็จะเลือกทำในสิ่งที่ดี  สิ่งที่มีประโยชน์  สิ่งนี้ดี  สิ่งนี้เป็นกุศล  เราจะทำได้นั้นต้องอาศัยขันติอดในส่งที่เราอยากได้  ไม่มีก็อด  ทนในสิ่งที่เรามีอยู่  ไม่มีก็ทน  สังคมทุกวันนี้ขาดธรรมะข้อนี้  ไม่ใช่เราไม่รู้ว่าสิ่งไหนดีไม่ดี  แต่เราก็ทำสิ่งนั้นไม่ได้  คือไม่มีกำลังใจ  ความอดทนต้องมีกำลังใจ

การที่เรายังเห็นผู้คนสูบบุหรี่  ดื่มเหล้า  มีภรรยาหลายคน ปล้นฆ่าชิงทรัพย์ กันอยู่นั้น  ไม่ใช่ว่าเขาเหล่านั้นไม่ทราบว่าอะไรดี  อะไรไม่ดี

[por_jai]

ถ้าถือศีล กินเจ  ความคิดผมนะครับ  ไปบวชเลยดีกว่าครับ  ( อันนี้ส่วนตัวนะครับ )
ถ้าชอบที่จะบวชที่อีสาน  ผมคงช่วยแนะนำได้ครับ  เพระที่นั่นสายวัดป่ายังดีอยู่  คือเน้นที่ปฏิบัติมากกว่า พิธีการ
ฉันท์มื้อเดียวด้วย    ตอน  7   โมง  เช้า    

แล้วแต่ด้วยว่าคุณ  เจ๋ง  ชอบแบบไหน   แบบเคร่งครัดสุดขั้ว  แบบที่ว่านั่งกันวันละ  6  ชม  แบบไม่ลุก  อาจารย์นั่งคุมอยู่  ถ้าทำไม่ได้   ก็ออกจากวัดไปได้เลย  อยู่ไปก็อายเขา  แบบนั้น  หรือว่าแบบปานกลาง   แบบเงียบๆ  ค่อยๆ   นั่งคิดดุตัวเอง   มีกิจให้ทำ  เช่น  ทุบหิน  หินขนาด ฟุตกว่า  มาทุบจนได้เป็นก้อน  ขนาด 2-3  นิ้ว    แต่ฝึกได้ดีเหมือนกัน  ฆ่าแรง  กิเลส  ที่หล่อเลี้ยงเราได้ด้วยความเหนื่อย

ที่โน่น ถ้าหาวัดได้แบบไม่มีไฟฟ้าเข้าได้จะดีทีสุด  คือไฟเข้าไม่ถึงกุฏิ  ไฟฟ้าเข้าถึงแค่  ศาลารวม  เท่านั้นนะครับ  มันจะทำให้เราตัดความยุ่งเหยิงออกไปได้หมด    มันจะล้างใจเราได้ดี

ที่ผมเคยไปอยู่  ตอนนั้นไปอยู่  100 กว่าวัน  ความเคร่งครัดแบบปานกลางนะครับ  ก็กุฏิก็มีแค่  2 ม. x 3 ม.  ไม่มีเฟอร์อะไรเลยนะครับ มีแค่ ฝา + พื้นไม้  + หน้าต่าง  +  ประตู    ไม่มีการสะสมทั้งสิ้น   แต่ละกุฎิ  ห่างกันประมาณ 40-50  ม.  แต่ละกุฏิจะมีทางจงกลม  ส่วนตัว  ดีมากๆครับ     ดินเป็นทราย  นุ่มพอควร   เรื่องการคุยกันระหว่าง สงฆ์ เป็นเรื่องไม่ดีเท่าไร  ท่านหลวงพ่อ ท่านอยากให้พวกเราอยู่คนเดียว  ไม่อยากให้รวมกลุ่ม  จะได้มีเวลาฝึกตัวเอง  ศึกษาตัวเอง  
การขอออกจากวัดไม่ใช่เรื่องที่ดี   ท่าไม่อนุญาติ ง่ายๆ    ต้องอยู่แต่ในวัด  หนังสือที่ไม่ใช่หนังสือพระ  ให้ งดเสีย  โทรศัพท์ท่านพยายามสั่งให้งด  แต่ว่า  บางท่านก็ฝืน  ก็มี
เวลาบิณบาตร  ตอนเช้า  เจ็บขาเป็นเริ่องปกติ  เดี่ยวก็ชินไปเอง  ถ้าไม่ได้ออกบิณทบาตร หน้าฝนก็ไม่เท่าไร  ถ้าหน้าฝนก็เหนื่อยหน่อย    ไหนจะร่ม  ไหนจะบาตร   ไหนจะระวังลื่นล้ม  วันแรกผมล้มจ้ำม่ำไปแล้ว  โชคดีมากที่บาตรไม่หลุดจากมือ   ชาวบ้านเอาไปแซวกัน     อิอิอิ    มือใหม่นี่นาาาา  อิอิอิ

วันที่ออกมานั้น  รู้สึกโลกข้างนอกแปลกมาก   มันวุ่นวาย     แต่แป่บเดียว    ก็ชีวิตชินแล้วยุ่งเหยิงตามเดิม  เพราะว่าเราไม่ได้ทำตามที่หลวงพ่อท่านสั่ง  
สำหรับผมตอนลาท่านท่านเน้นว่า     ขอให้มีสติอยู่กับตัว    ก่อนกลับ  2-3  วัน  ผมเดินกลับกุฏิ ตามทางในป่า   อยู่ดีๆท่านโผล่มาที่ตรงหน้าไม่เกิน  10  เมตร  เอ๋อ  เลย.รีบคุกเข่าลง   ไหว้ท่าน   อาจจะผมไม่มีสติ จริงๆ ก็ได้    เพียงแต่ผมแปลกใจ    ก่อนที่ผมจะเดินตรงกลับกุฏิ    โดยไม่ได้แวะไหนท่านยังอยู่ที่      ศาลา  ทำไมพอผมเดินตรงมาที่กุฏิ  ท่านถึงอยู่ข้างหน้าผม   ท่านอายุมากแล้ว  เดินช้ามากด้วย  เพราะว่าขาท่านไม่ดี    แล้วท่านเดินสวนมาหาผม      ท่านถามว่า  พระ..รู้จัก ตัวสติแล้วยัง   แล้วบอกให้หาพุทธโธ   ให้เจอด้วย     พูดแล้ว ท่านเดินไปเลย  ท่านไม่รอคำตอบ         ก็รู้ตัวดีครับ  ท่านเมตตา  ไม่ดุมากกว่านี้  ท่านพูดน้อยของท่าน  มีคนบริจาค  ท่านเองเงินไปซื้อที่ให้สงฆ์หมด   ท่านยังคิดที่จะทำระบบบัญชี ขึ้นในวัดเลย     นี่ขนาดวัดป่านะเนี่ย
บางคนไปห่มขาวถึงที่โน่น  ท่านไม่ให้ บวชก็มี   ท่าบอกว่ากรรมเก่ายังไม่หมด    ต้องรออีกหน่อยบางคนรอไม่ไหวก็เผ่นเลย  

ถ้าคุณเจ๋งทำธุรกิจอยู่  แล้วแขนขายังไม่ลงตัว     อย่าไปเลยครับ  เดี๋ยวจะกังวลแล้วจะอยู่ไม่ได้

ในวัดนั้นดีมากครับ  ตัดทุกอย่างให้เรา    คือ  สภาพแวดล้อมดีมาก  ไม่ใช่สวยนะครับ  แต่หมายความว่า สงบดีมากครับ

8) ผมได้อ่านข้อความข้างบนที่พี่san
    ได้โพสไว้เรื่องของคุณเจ๋ง ที่อยากไปอยู่วัด3เดือน
    ทำให้ผมได้รู้สึกว่า
    ชั้นหรือกระดูกของผมในเรื่องศาสนานี่
    น่าจะยังห่างจากพี่san อีกระยะใหญ่ๆเลยทีเดียว
    แฮะ..ขอโทษนะครับที่บังอาจแนะนำ
    คงจะต้องสลับกันซะละมั๊งครับ.......
    เหมือนโคลงโลกนิติที่ชอบนะครับ

    รู้น้อยว่ามากรู้เริงใจ
    กลกบเกิดอยู่ในสระจ้อย
    ไป่เห็นชเลไกลกลางสมุทร
    ชมว่าน้ำบ่อน้อยมากล้ำลึกเหลือ...

    ฮ่า...ขำตัวเองดีครับ

[chatchai]

ไม่รู้คุณ san ตามหาพุทธโทเจอหรือยัง

[san]

พี่  Chatchai  ครับ  ขอบคุณครับ หรับ กลอนที่ว่า
ผมมันความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดครับ
รู้มากอย่างผม ใช่ว่าเอาตัวรอดได้   รู้ตัวดีครับ
เป็นเพียงแค่ท่องจำ

สิ่งที่ดีที่สุดตอนอยู่วัดคือวันที่เดินจงกรม 1.5 ชม  พัก  10  นาทีรวม 6 ชม  ใจสบายๆดี

แต่ก็.......เมื่อยิ่งใกล้สึก ยิ่งตามหาเวลามากกว่าตามหาพุทโธ

สึกแล้ว....ก็ยิ่งไม่ได้ตามหาพุทโธ  อีกเลย
เพราะไม่จำคำท่าน.....จึงเป็นเหตุให้มีกระทู้นี้   นะครับ

ท่านสอนไว้ว่า
หลักใหญ่ๆคือ......ให้ละบาป  ให้ทำความดี  ให้ทำจิตใจให้สะอาด  บริสุทธิ์   ผ่องใส  อันนี้เป็นหลักของศาสนา  รวบรวมจากทุกข้อกำหนด

เฮ้อ.....เมื่อลืมพุทโธ   อะไรก็เกิดขึ้นได้ง่าย

อยากจะไปอยู่ที่โน่นอีกซักพัก  อยู่แบบผ้าขาว    เสียดายว่าไปไม่ได้ เพราะว่างานเร่ง  ไม่มีคนแทน

วัน 2 วันนี้  ก็ก็เจอบ้าง  ไม่เจอบ้าง  ไม่ทุรนทราย  ก็พอแล้วครับ    ใจสงบดี

เรื่องธรรมะยังต้องให้พี่ chatchai  สอนอีกนะครับ  ผมความรู้น้อยครับ

[ปุย]

มีใครนับถือ คริสต์ หรือว่า รู้จักหลักคำสอนของเค้าบ้างไหมครับ

คือผมอยากทราบว่า  เค้ามีหลักคำสอนยังไง  ที่ไม่ให้คู่สามี-ภรรยา หลังแต่งงาน นอกใจไปนอกลู่ นอกทาง

เท่าที่ผมเข้าใจ  คือพวกฝรั่ง ก่อนแต่งงาน เค้าจะเสรี ในการคบหา ดูใจ ถึงกับลองอยู่ก่อนแต่ง บางคู่ก็มีลูกด้วยซ้ำ จนมั่นใจ ว่าอยู่กันได้  ถึงแต่งงานกัน

ถ้าอยู่กันไม่ได้ หรือหลังแต่งงานแล้วไม่ดี เค้าก็เต็มใจที่จะหย่าขาดจากกัน ก่อนไปหาคู่ใหม่   คู่ไหนที่เค้าแต่งงานกันยืดยาว ก็แสดงว่าเค้ารักกันมาตลอด

ไม่รู้ว่าผมเข้าใจผิดไปหรือเปล่า


ไม่เหมือนกับพุทธ อย่างอินเดีย หรือ ไทย
แต่ก่อน ห้ามผิดผีกันก่อนแต่งด้วยซ้ำ (ศีล ข้อ3) คลุมถุงชนยังมี
พอแต่งไป มีไม่พอใจกัน ส่วนใหญ่จะทน ไม่กล้าหย่า กลัวเด็กมีปัญหา
และที่สำคัญ ผู้ชายมองว่าการมีบ้านเล็ก เป็นเรื่องเล็กๆ เพื่อนๆยอมรับกันได้ อย่าให้เมียรู้อย่างเดียว แปลกดี  


แต่ไม่รู้แบบไหนดีกว่ากัน สงสัยจริงๆ


ปล. ไม่เกี่ยวกับพี่ san โดยตรงนะครับ พูดในภาพรวมๆ ผมอ่านกระทู้พี่ แล้วนึกคำถามนี้ได้

[2 dogs]

เท่าที่ดูฝรั่งผิดผัวผิดเมีย ก็มีครับ แต่ไม่มากเท่า
ผู้หญิงมีปากมีเสียงกล้าพูดมากกว่าและไม่หงอ
ไม่ใช่วัตนธรรมการยอมให้อีกฝ่ายเหนือกว่าแบบเอเชีย
เพราะไม่ได้รอผู้ชายหาเลี้ยง อัตราการหย่าก็สูงหน่อย
เพราะไม่ได้มีพวกที่ทนอด กล้ำกลืนทนอยู่กันมากนัก

ส่วนกรณีคุณ san ผมคิดต่างกันออกไป ถ้าไม่ถูกใจใครก็ขอโทษด้วยนะครับ
การเข้าวัดเหมือนการสะกดความใคร่เอาไว้ ซักวันก็ระเบิดออก
ถ้าอยากให้ความใคร่ลดลง ก็ต้องไปเอามันออกบ่อยๆ
ไปอาบน้ำมันทุกวัน จนกว่าจะเบื่อ จนกว่าจะหมดแรงกันไปข้าง
เหมือนออกกำลังกายชั่วโมงนี้  ถ้าเล่นจนเหนื่อย
ก็ไม่มีแรงจะไปออกกลังกายอีกทันที ต้องรอไปอีก
ถ้าเรามี sex บ่อยๆกับแถวๆที่อาบน้ำ เราก็หมดแรงไปปลดปล่อย
กับน้องคนนั้น  แค่นั้นเองครับ และห้ามไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแถวๆที่อาบน้ำ
เท่านั้นเองครับ

[chatchai]

[quote="san"]เรื่องธรรมะยังต้องให้พี่ chatchai

[Mon money]

เพ่งได้อ่านครับ ที่จริงห้องนี้มันก็มีเอาไว้เขียนเรื่องทั่วๆไป

ได้อ่านก็ถือได้ว่าเป็นบทเรียนถึงคนอื่น เอาไว้ให้ได้คิดก่อนทำ

พี่sanครับ ผมอายุน้อยกว่า แต่ไม่แน่ใจว่าหล่อกว่าหรือเปล่า อิ อิ 8)

อายุผมเข้าวัยซ่าเลย เฮียที่เคารพบอกว่าเดี๋ยวมึงก็รู้เอง สาวๆมันชอบคนวัยนี้ไม่รู้เป็นไง

เฮียผมเองก็เคยมีเด็ก เลี้ยงเอาไว้ เมียไม่รู้ แต่พอแม่รู้ก็ด่าเปิงเลย ผมโดนหางเลขด้วย

พ่อตาผมถูกไล่ออกจากบ้าน จะเกษียรอยู่แล้ว สงสัยต้องอาศัยวัดอยู่แน่ๆ(อันนนี้เมีผมบอก)

ส่วนพ่อผมก็ไม่เบา แต่ท่านรู้ตัวแล้วแก้ไขได้ทันเลยรอดตัวไป

ส่วนตัวผมและภรรยานั้น น่าจะมีสถานการณ์เดียวกันครับ เมียผมเป็นผู้หญิงเก่ง ไม่ค่อยสนใจเรื่องเข้าครัว ซึ่งผมจะต้องเป็นผู้ทำเอง อย่างอื่นเธอทำเกือบหมด เธอไม่อ่อนหวานเหมือนสมัยสาวๆ พอมีลูกแล้วก็ต่างไป เธอเอาใจใส่ครอบครัวเธอมากกว่าครอบครัวเรา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร

ผมเองก็เซ็งๆกับเมียครับ ตอนนี้เมียก็เป็นได้แค่เพื่อนสนิทคนหนึ่ง คิดว่าถ้าหาเมียใหม่ เก่าๆไปก็คงเหมือนเดิม

บังเอิญผมแต่งงานช้ามาก เลยชินกับการอยู่คนเดียว เที่ยวเลื่อยไป การที่เมียไม่สนใจก็เลยเฉยๆ

จริงๆวิธีที่ดีที่สุดคือพยายามอย่าเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง ผมเลยรอดปลอดภัยมาโดยตลอด

[ลูกอิสาน]

จริงๆวิธีที่ดีที่สุดคือพยายามอย่าเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง ผมเลยรอดปลอดภัยมาโดยตลอด

เห็นด้วยกับบทสรุปของพี่มนครับ

โบราณว่าไว้..

น้ำมันกับไฟ เจอกันเมื่อไหร่ก็..

อย่าฝากปลาย่างไว้กับแมว

หญิงหรือชาย (ที่มีเจ้าของแล้ว) อย่าให้มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ถ้าเราสังเกตุรอบตัวเรา จะพบว่าแทบจะ 100% สถานการณ์อย่างนี้มักเกิดเพราะความใกล้ชิดกันในที่ทำงาน ที่เรียน ทางป้องกันที่ดีที่สุดก็คือหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับคนที่เราแอบถูกใจ ตัดใจ ตัดไฟแต่ต้นลม ดีกว่าต้องมาตามแก้ปัญหา

แต่ถ้าสถานการณ์ล่วงเลยมาแบบคุณ san ต้องอาศัย ใจ ตัวเดียวครับ ผมขอเอาใจช่วยให้ทุกอย่างลุล่วงไปได้ด้วยดีครับ

[por_jai]

เขาขรึมทึมเทาเงาทบ
จุดบรรจบดินฟ้าน่าฉงน
เหมือนที่ฉันพบเธอเมื่อได้ยล
เลศกลลีลาแห่งฟ้าดิน

[Eyore]

ทำไมต้องเป็นผู้หญิงที่ต้องอดทน
ขอทราบความคิดของผู้ที่เคยให้อภัยสามีค่ะ
เหมือนสามีตายจากไป แต่ยังเหลือร่างกายอยู่เท่านั้น
หัวอกเมียหลวง
เมียน้อยจะแต่งงานกับสามีดิฉัน
อยากให้เรื่องของสามีดิฉันเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ชายที่กำลังคิดจะมีเมียน้อย

ใจเค้า...ใจเรา...

เป็นกำลังใจให้พี่ San นะครับ

[nam]

เพิ่งมาอ่านเจอ เรื่องคุณ san วันนี้เชื่อว่าระดับฮอร์โมนที่ถูกเหนี่ยวนำโดยน้องคนนั้นคงลด peak ไปแล้วคงจะนอนหลับได้ดีขึ้น

คงเหลือแต่เรื่อง service mind ที่คาดหวังว่าจะได้รับจากภรรยา ผมเคยฟังจากคำบรรยายจากวิดวะรุ่นใหญ่ท่านหนึ่งขออภัยที่จำชื่อท่านไม่ได้ ดูเหมือนจะเป็นอดีตนายกสมาคมมาตรฐานแห่งประเทศไทย ท่านบอกว่า

ถ้าคาดหวังว่าจะได้รับอะไรบางอย่างจากใคร เราทำนายได้ยากว่าจะได้หรือไม่ได้และถ้าได้จะได้เมื่อไรก็ม่ายรู้....แต่

ถ้าเราคิดจะให้อะไรแก่ใคร คิดแล้วทำเลย ได้ผลเดี๋ยวนี้....สาธุ

วันนี้กลับบ้าน ลองกอดภรรยาแน่นๆ หอมสักฟอด บอกรักเธอสักครั้งเป็นไง

ลอง service ภรรยาดู เอาแบบที่เราอยากได้จากเขาน่ะ ทำให้ได้หนึ่งเดือน คงเห็นผลการเปลี่ยนแปลงแน่นอน

และที่สำคัญอย่าถือโอกาสไปปล่อยผี hallowe'en ครั้งสุดท้ายเชียวล่ะ

โชคดีนะครับ

[san]

ไม่ได้กลับมานานแล้วครับ  อยากจะเขียนอะไรอีกหน่อยครับ    อะไรบางอย่างที่ได้ทำไปแล้ว  มีทั้งดี  แล้วก็ไม่ดี

ก่อนนี้ ไม่กี่วัน week ที่แล้ว    หลังจากไปทานข้าวกับน้องเขา   แฟนผมโทรมา   ผมไม่รับโทรเลย    แล้วไปดูหนังกับน้องเขาต่อ    ผมเองไม่ค่อยชอบความคลุมเคลือมากเท่าไร     เมื่อกลับมาบ้านผมเองเป็นคนเดินเข้าหาภรรยา   แล้วบอกเขาเองว่า ผมเองมีปัญหาเรื่องผู้หญิง   แล้วเอาเรื่องที่  post  ในเวบนี้  ให้ภรรยาอ่านอยู่เกือบ  ชั่วโมง    

เมื่อภรรยาอ่านแล้วก็เสียใจ  เขาเองไม่ได้นอน หลายวัน  โทรไปปรึกษาทางบ้าน   แต่ว่าข้อมูลที่เขาเล่าได้   ก็แค่ว่าผมมีใหม่ผมเองบอกญาติของภรรยาว่าเรื่องนี้มันแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง  เรื่องใต้ภูเขาน้ำแข็งยังมีอีกเยอะมาก   ผมอยากคุยในครั้งเดียวกัน  ต่อหน้ากัน  ผมกับแฟน และผู้ใหญ่   ชีวิตคู่ถึงจะยังไปได้   เพราะว่าผมพยายามคุยกับภรรยามานานแล้ว  แต่คุยแล้วไม่ได้ผลเลย    ท้ายสุด    ผมเสนอตัวขอไปคุยกับภรรยา  ต่อหน้า  ผู้ใหญ่ทางฝ่ายภรรยาที่ ต่างจังหวัด    ผมเลยไปจัดการจองตั๋วเครื่องบิน

เมื่อเราทั้ง 2  คน  กลับไปต่างจังหวัด   ไปคุยกัน ต่อหน้าผู้ใหญ่  ถึงทุกเรื่องที่เกิดขึ้น  โดยเฉพาะในช่วง 3  ปี หลัง  ของการแต่งงาน    ก่อนคุยผมเพลียมาก   เนื่องจากก็นอนไม่หลับเหมือนกัน    ทางผู้ใหญ่ขอคุยเลย  ผมเองบอกขอนอนก่อน   เพื่อให้มีสติดีๆ    คุยกันได้ง่ายขึ้น  พอนอนจนพอ  แล้วมานั่งคุยกัน  ก็ดีขึ้น

สิ่งที่ผมได้  post  ในนี้   มันเป็นความผิดของผมล้วนๆที่ไปยุ่งกับน้องคนหนึ่ง   แต่มันก็เป็นแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็งจริงๆ      ส่วนที่อยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็งนั้นใหญ่เหลือเกินสำหรับชีวิตคู่    ยอมรับว่าเกินกว่าจะเยียวยากันเองแล้ว

ที่ผ่านมาใน  บอร์ด  ผมยังไม่ได้เล่าเรื่อง  ภรรยามากมาย  เพราะว่ารู้ตัวว่า  หลายคนอาจจะบอกว่า  เราหาเป็นข้ออ้าง  เพื่อมีกิ๊ก     ก็เลยไม่อยากจะพูดอะไรมากมาย    

จริงๆ  วันนี้ พร้อมเล่าแล้ว   เพื่อเป็นอุทาหรณ์  สำหรับคนอื่น

.. หลังจากที่ผมไปหาผู้ใหญ่ทางฝ่ายภรรยา  ให้ท่านเป็นคนให้คำแนะนำ   ผมเล่าว่าผมพยายามเป็นร้อยๆครั้ง   ที่บอกภรรยาถึงปัญหาชีวิตคู่    แล้วก็พยายามบอกมานานถึง  3  ปีหลัง   บอกภรรยาถึงสิ่งที่เรารู้สึกมาตลอด   รวมทั้ง  ขอให้ ภรรยาไปหาผู้ใหญ่ทางฝั่งของเขาเป็นที่ปรึกษาให้เขา   เขาก็เฉย     บอกปัญหา และขอร้อง หลายเรื่อง   จนเราควันขึ้นหู  หน้าตาแดงจัด  บอกขนาดที่ว่า  ต้องให้ภรรยาเจอคนเลวๆก่อนมั๊ง    เขาถึงสำนึกได้ว่าผมมีค่าพอ    แต่เขาไม่เคยสนใจเลย    เขาคิดเพียงแค่ว่า  เขาไม่อยากทำ  เขาไม่ผิด   ไม่กี่วันนี้เลยตกลงเล่าให้ผู้ใหญ่ทางฝ่ายภรรยาฟัง   เล่า  ระบาย  อยู่  1  ชั่วโมง     ผู้ใหญ่เลยถามภรรยาผมว่า  เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น  เป็นจริงหรือไม่   ภรรยาบอกว่าจริง  ผู้ใหญ่ท่านจึงบอกว่าถ้างั้น  ภรรยาผมทำไม่ถูกสำหรับชีวิตคู่

ก่อนคุยกัน     ภรรยาเขายังไม่ยอมรับเรื่องต่างๆว่าเขามีส่วนอยู่มาก  เขามองแต่ว่าเป็นเรื่องของเรา   เป็นความผิดของเราเท่านั้น  จนเมื่อผู้ใหญ่ท่านให้ความคิดเห็นในหลักใหญ่ๆก่อน  แล้วค่อยลงในรายละเอียด     ทางภรรยา  ถึงได้ยอมรับว่ามีส่วนอยู่มาก    เพราะว่าสิ่งที่เขาทำนั้น  ผิดต่อหลักใหญ่ๆ     รวมทั้งรับปากว่าจะแก้ไข     ทำให้ผมเองเห็นอนาคตมากขึ้น     รวมทั้งดีขึ้นด้วย  (  ก่อนจะไปคุยกันงวดนี้  ความรักของผมต่อภรรยาแทบจะไม่เหลือเลย  เพราะว่ามีความขัดแย้งกันมากตลอด 3 ปี หลัง  แต่งงานมา  5  ปี ครับ  มีแค่ความห่วงใยเท่านั้นที่มีเหลืออยู่ )

ผมเองขอเวลาประมาณ  3  เดือน  ในการปรับทุกอย่าง ให้เป็นไปตามปกติ ( ภรรยา เขาบอกว่านาน  ผมบอกว่า ถ้าผมมีค่าพอ    ก็ขอให้อดทน   ถ้าไม่มีค่า  ก็ตัดสินใจเอาเอง  )..เขาเองก็รู้ว่า  ผมเป็นคนยังไง   เขาบอกว่าผมดีที่สุด ปกติผมให้ใครผมให้สุดหัวใจ  ไม่ต้องเรียกร้อง    ผมให้เองตลอด    เหนื่อยแค่ไหนยังให้    แล้วให้มากด้วย    พอเราขออะไรบางอย่างจากภรรยาแล้วไม่ได้    ซึ่งมันไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย     แต่เขาเลือกที่จะไม่ให้  แม้ว่าเขารู้ว่าถ้าเขาให้เราแล้วเรามีความสุข    ถึงวันหนึ่งเราก็เลยเลือกที่จะไปหาคนอื่นที่สามารถทำให้เราสบายใจ    

พี่ที่ทำงานเคยบอกว่า  ระวังจะมีปัญหาเพราะว่าเราให้แฟนมากไป  พอวันนึง ถ้าเราไม่ให้หรือให้ไม่เหมือนเดิม  จะมีปัญหา  ผมเองก็ได้แต่หัวเราะ

หน้าตาผมธรรมดานะ     แต่มีบุคคลิกอะไรบางอย่างมั๊ง    ไม่รู้ครับ    ที่สาวๆ บางคนชอบ  . บางคนที่  สวย  ดูดี   คุยกันแป่บเดียว   ก่อนจากกัน  ก็เอากระดาษเขียนเบอร์โทรแล้วมา  ยื่นเบอร์ให้  บอกว่าว่างๆ โทรมาคุยกันสิ  อยากคุยด้วยหน้าตาผมธรรมดาจริงๆ  แต่.จีบใครมักไม่นาน    มันคล้ายๆว่าเราโตจนเข้าใจเรื่องจิตวิทยาเกี่ยวกับผู้หญิง  จับจุดผู้หญิงถูก  อาจจะเรื่องมีตำแหน่งการงานด้วยมั๊ง.อะไรมันก็เลยไม่ยากเท่าไร      แต่เลิกหมดครับ  หลังแต่งงาน  มีอะไรเข้ามา เลือกที่จะปัดออกไปหมดเลย     จนมาน้องคนนี้แหล่ะครับ  ที่ผมเปิดประตูออกไปอีกครั้ง

ตอนนี้   ปัญหากับภรรยาคลี่คลายแล้ว  
..วันที่คุยกันที่ต่างจังหวัดนั้น    ถึงได้รู้ว่า  ภรรยาผมนั้น  ก็เอาเรื่องเหมือนกัน    พึ่งรู้ว่า ภรรยาเองก็เคยมีกิ๊กทางใจ   ย้อนไป  ก่อนแต่งงาน ไม่นาน เมื่อ  6  ปีก่อน  เขาคิดจะไปเที่ยวที่  ตจว  มีการค้างคืน ที่ เชียงใหม่นะ  กับคนที่เขาปิ๊งใหม่   ( ตอนนั้นผมไม่รู้เรื่อง ผมมารู้เรื่องไม่กี่วันนี้เอง )  ซึ่งคนนั้นก็ปิ๊งเขาด้วย   ไปค้าง  ตจว    2  คืน      ตอนนั้นเราเองก็สงสัยแล้ว  เพราะว่า มันผิดปกติมาก  ทุกคนไปเป็นคู่ เป็นแฟนกัน  ยกเว้นแฟนเรา กับ หนุ่มกิ๊กคนนั้น   ที่ไปเดี่ยวๆ   ปกติ หนุ่มคนนี้  ชอบไปคาราโอเกะกับแฟนผม    ผมเองไม่ได้ว่าอะไร  ไว้ใจแฟน     ให้แฟนสามารถมีกิจกรรมส่วนตัวกับเพื่อนฝูงโดยที่เราไม่ห้ามเลย  สนับสนุนด้วยซ้ำ       แต่พอคิดดูแล้ว เอ..ค้างคืน  ตจว..    แล้วมันจะยังไงหว่า .. งง         ถ้าไปกับเพื่อนล้วนๆ ไม่ว่ากัน  แต่ถ้าไปเป็นคู่แบบนี้  ยอมรับว่า งง  มาก
..ก็เลยขอว่า  ไม่ไปได้ป่าว    เฮ้อภรรยาไม่ยอม  จะไปท่าเดียว  ..ตอนนั้นผมกับภรรยา  คุยกันถึง 2 เดือนว่า   ถ้าภรรยาผมทำอย่างนั้น    ผมไม่มีความสุข     อย่าทำได้มั๊ย     เขาไม่ยอม   ขัดแย้งกันหนักมาก   เขาจะไปให้ได้   เราบอกให้เขาไปปรึกษาผู้ใหญ่ทางฝั่งเขาก่อนดีมั๊ย     เขาก็ไปปรึกษา    ปรากฎว่าทุกคนบอกว่าให้สนใจความรู้สึกของผมคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตเขาเป็นหลัก     เขาเองก็ยังไม่เชื่อ     จะไปให้ได้   ดูแฟนผมสิ    เขาไม่ได้ทำเพื่อความสุขใจของเราเลย    
แปลกอีกอย่างด้วย  การท่องเที่ยว  trip  นั้น  พอแฟนผมไม่ไป  อ่ะ  ยกเลิกเฉยเลย   ทุกคนไม่ไป    อะไรจะขนาดนั้น    แฟนผมสำคัญมากขนาดนั้น  เลยเหรอ   พอไม่กี่วันนี้  ตอนอยู่  ต่างจังหวัด   ถึงได้รู้ว่าคนที่ไปด้วยคนนั้นเป็นกิ๊ก..  คนที่ไปในก๊วนนั้นเป็นเพื่อนกับกิ๊กของแฟนผมล้วนๆ         เอาเรื่องมั๊ย  ผู้หญิง    
ผมบอกได้ว่า  ถ้าเป็นผมไปเป็นคู่แบบนั้นนะ แล้ว ถ้าผมเจตนาไม่ดี   ไม่ยากหรอกครับ  ในการสร้างสภาพสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการทำอะไรบางอย่าง  ง่ายนิดเดียว  เมื่อบรรยากาศพาไป   อารมณ์ก็จะโดนพาไปเอง     อะไรก็ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก  ก่อนแต่งงานมีพี่คนนึงในเวบหมากฮอสเขาเตือนแล้วว่าระวัง  ให้คุยกันให้ดีก่อน   เพราะว่าตอนนนั้นก็ไปปรึกษาพี่เขาในเวบหมากฮอส  แต่เราเลือกที่จะคิดเอง

เฮ้อ  ส่วนที่ต่อมาได้แต่งงานนั้น    เพราะว่า  ผมบอกว่าถ้าไปก็ยกเลิกงานแต่งงาน    แฟนเลยไม่ไปเฮ้อ..   ตอนนั้น  ได้ข้อสรุปว่า  แฟนเราเป็นคนที่เราต้องหักเราถึงได้

ณ.วันนี้   ต้องบอกว่าภรรยาอยากรักษาและมีครอบครัวกับเราต่อ       ผมก็เลยขอเวลาเขาในการปรับตัว     แล้วเขายอมให้เวลาเรา  เพราะว่าถ้าไม่ให้ก็คงเลิก.เท่านั้นเอง     คงเพราะว่าภรรยาเขาเองยอมรับว่าขาดเราได้ยาก ด้วยมั๊ง      อาจจะเพราะว่าภรรยามีความรักต่อเรามาก    รวมทั้งเขาเองก็ยอมรับว่าเขาเองมีความผิดพลาดอยู่พอควร     ก็ขอไปปรับปรุงตัวเอง  ให้ดีขึ้น     ผมเองก็บอกได้ว่า ตัวผมเองก็ทำสิ่งที่ไม่เหมาะ     ก็กำลังแก้ไขอยู่    ก็เลยตกลงกับภรรยาแยกกันอยู่ซักพัก    โทรคุยกันทุกวัน     ได้แต่หวังว่าจะแก้ไขเหตุการณ์ให้ดีขึ้นได้   ตามที่หวังไว้

ถึงวันนี้  น้องเขาก็ยังเป็นคนที่ดีมาก   บางครั้งเข้ามาในบ้านดูแลทุกอย่างในบ้านให้เรา    ทำความสะอาดบ้านให้     จัดการบ้านให้เรียบร้อย    ถอนหญ้าให้ด้วย    ทำอาหารให้ทาน    จิปาถะ    บอกไม่หมด    เขามาดูที่ห้องนอน   ที่นอนเราเขาดูแลจัดการจนเรียบร้อย     อาหารที่น้องเขาทำอร่อยมาก  อย่างที่บอก      บ้านเขารวยกว่าผมอีก .บอกว่าไม่ต้องทำ    ก็ยังจะทำ  
เฮ้อเมียเราก็ยอมแก้ไขแล้ว      แต่ว่าแล้วตรูจะทำยังไงกะน้องคนนี้ว่ะเนี่ย.  น้องเขาเคยบอกว่า  ถ้าท้ายที่สุดแล้ว  เพื่อความสุขของผม   ถ้าผมอยากให้เขาทำอะไร  แม้ว่าต้องจากไปจริงๆ  ให้บอกเขาตรงๆ   เขาจะไปเอง        อ่า  ยังงงๆอยู่ ว่าตรู   จะบอกยังไง    บอกแล้วไปทำร้ายคนที่ดีกับเรามาตั้งแต่ต้น     จนวันนี้  ได้ยังไง   จริงๆมีคนมาชอบน้องเขาเยอะ   เขาเลือกที่จะคบทีละคน  วันลอยกระทงที่ผ่านมา  มีคนไปดักรอน้องเขาหลายคน     น้องเขาขอเกี่ยวแขนผมออกมาจากบ้านไปเที่ยวที่    สะพานซังฮี้     วันนั้นเกือบโดนหนุ่มๆคนอื่นตีหัวแล้ว

น้องคนนี้  ถ้าว่างๆ ตอนอยู่บ้านเขาเอง  เขามักจะพา  อากง  อาม่า  ไปนั่งรถเข็นเล่น ตอนเย็นๆ  รอบหมู่บ้าน  เพื่อให้อากง  อาม่า   ได้รู้สึกสบาย  ได้สูดอากาศดีๆ    เพราะว่าอากง   อาม่า  เดินเองไม่ไหว     เขาปรนนิบัติผู้ใหญ่ดีมาก     ทำกับข้าว  อาหารให้อากง   อาม่า   หรือว่า พ่อแม่ ทานเสมอ     พี่น้องคนอื่นไม่ทำ    พออากงไม่สบาย  อยู่  รพ.  ก็เป็นคนที่ไปเฝ้าดูแลเสมอ..ไม่ได้ขาด     เมื่อทำหน้าที่  ที่ตัวเองควรทำเสร็จแล้ว  เขาก็จะทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ   เช่นบางครั้งไปสังสรรค์กับเพื่อน  มีดื่มมั่ง  วันก่อน  ผมก็ต้องไปรับเขากลับ     เพราะว่าเขาขับกลับเองไม่ไหว   โทรมาบอกให้ไปขับรถให้ด้วย    เป็นคนที่มี  2  บุคลิกในตัว    คือไม่ใช่คนเรียบร้อย  ดูแบบสาวสมัยใหม่มากกว่า    ชอบแต่งตัวแต่ไม่เปลืองตัง      มีความเป็นตัวเองสูง    ดูแลตัวเองดี    เป็นสาวมั่น     แต่ว่าขณะเดียวกัน   จะดูแลคนที่เกี่ยวข้องรอบตัวได้ดีแบบไม่มีที่ติแบบสาวสมัยก่อนเลย      โดยเฉพาะคนที่อ่อนแอกว่า  จะดูแลเสมอ     แต่ถ้าบอกว่าเป็นแบบรักนวลสงวนตัวรึป่าว  น้องเขาก็ไม่ใช่คนอนุรักษ์นิยมถึงกับแบบนั้น  แต่เป้นแบบฝรั่งมากกว่า  คือ  อยู่ก่อนแต่งได้

วันนี้น้องเขาส่ง  ข้อความมาว่า  

Wouldn  it  be  nice  if  we  could  wake  up  in  the  morning  when  the  day  is  new.

เป็นเพลงจากในหนังเรื่องอะไรจำไม่ได้แล้วครับ  ที่ว่า นางเอกตื่นขึ้นมาวันใหม่   แล้วจะจำเรื่องวันก่อนไม่ได้ แล้วพระเอกตามจีบเสมอทุกวัน

แรกสุดน้องเขาไม่รู้ว่าเรามีภรรยา    แต่หลังจากรู้ว่าเรามีภรรยา     น้องเขารู้ว่าเรามีปัญหากับภรรยา   รวมทั้งรู้ว่าก่อนหน้านี้  ผมเองเคยแยกกันอยู่กับภรรยาจริงๆ  ซักพัก     แต่ไม่นานเท่าไร ก็สงสารภรรยา  ก็เลยไปเอาใจภรรยาตามเดิม  หลังจากรู้ว่าเรามีภรรยา  น้องเขาก็อึ้งไปพักใหญ่..

ภรรยา   ตอนนี้  ก็ยอมแก้ไขแล้ว..ว่าแต่จะบอกน้องเขาได้ป่าวหนอ  ทั้งๆที่น้องเขาบอกว่า  บอกมาเถอะเขารับได้เสมอ     ถ้าตกลงใจแล้ว   บอกด้วย .เขาให้เวลาเราเต็มที่    ไม่ได้เร่งเลย     เขาให้เวลาเสมอส่วนภรรยาก็บอกว่า  เขาให้โอกาสแล้ว  ก็รีบๆ  โทรบอกเขาสิ      แล้วก็ถามว่า  ทำไมเขาไม่ไปซักที      ไอเราก็บอกว่า  คนที่เหนี่ยวรั้งกันอยู่คือเรา     ไม่ใช่เขา   เพราะว่าถ้าเราบอก     เขาก็น่าจะไปทันที   น่าจะ.นะ  ภรรยาเลยเสนอว่า    ขอโทรไปบอกเองแล้วกัน    เราเองก็บอกภรรยาว่าขอเวลาอีกนิด

ไม่เจอจะไม่รู้ว่า  มันยากมากแค่ไหน  ในการตัดสินใจ

มาเล่าเรื่องราวให้ฟังเพื่อให้ครบถ้วนในหลายแง่มุมที่เกิดขึ้นจริง  เพื่อนสนิทที่เคยปรึกษาเขาเห็นเราอาการดีขึ้นแล้ว  เขาก็ดีใจ  หัวเราะเยอะเย้ยเสมอ  

ทำไงดีหว่า..

หรือว่า นี่คือ  โรค ของคนอายุ 40++  ครับ

[ลูกอิสาน]

นี่มั้งครับที่เรียกว่า ละครแห่งชีวิต ครับคุณซัง

ดูหนัง ดูละคร แล้วย้อนดูตัว
ยิ้มเยาะ เล่นหวัว เต้นยั่ว เหมือนฝัน..



เพื่อนๆในเวปนี้ก็หวังให้คุณซัง หาทางออกได้เร็วๆครับ

[por_jai]

คุณ san

ยินดีด้วยครับ อย่างน้อยคุณก็ก้าวเข้าใกล้ทางออกไปอีกก้าวหนึ่ง
ด้วยการยอมเผชิญหน้ากับภรรยาแล้ว

ขอเป็นกำลังใจให้ครับ

8) เห็นด้วยกับพี่โต้ทุกประการ
    มาเป็นกำลังใจให้ด้วยครับ
    เข้มแข็งและมองโลกบวกเข้าไว้ครับ

[nanchan]

ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปครับ

วันนึงเรานั่งเครื่องบินแล้วมองลงมาบนพื้นดิน
เราก็สิ่งต่างๆมากมายเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ

วันนึงเมื่อเวลาผ่านไปเรื่องนี้ก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ
การตัดสินใจก็เป็นทางที่จะทำให้เป็นเรื่องเล็ก

[เพื่อน]

ขอมองต่างนะครับ

คุณSan เป็นคนมีศิลปะสูงในการเขียนอธิบายเรื่องราวต่างๆได้ดีมาก...แต่ผมกลับเห็นว่า คุณกำลังใช้มันในทางแปลกๆอยู่นะครับ โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับภรรยาคุณเอง

ภรรยาคุณไม่มีโอกาสชี้แจงตอบผ่านกระทู้นี้เลย เรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับภรรยาของคุณ ผมว่าอย่านำมาวิจารณ์ผ่านสาธารณะเลยครับ ถึงจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ตาม

สงสารเธอบ้างนะครับ แค่นี้เธอก็ชอกช้ำมากแล้ว ค่อยๆพูดคุยกันดีกว่าครับ

ผมขอเป็นกำลังใจให้ภรรยาคุณSan ผ่านกระทู้นี้ หากเธอเข้ามาอ่านอยู่นะครับ

ขอให้โชคดีทั้งคู่ครับ