จับฉ่าย

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 1

โพสต์

8) ไปอ่านเจอใน จีเอ็มเล่มล่าสุด
    หน้าปก โจ จิรายุศ วรรธนะสิน
    ปกติ เขาต้องนำผู้ถูกสัมภาษณ์มาขึ้นปกนะครับ
    สมัย ดร.นิเวศน์ก็เป็นงั้น ใส่เสื้อแดงเลือดหมูเข้ม หล่อเชียวครับ
    ส่วนท่านที่มาแนะนำวันนี้ ชื่อ ดร.เสรี พงศ์พิศ
    ชื่ออับจัง เกิดมาไม่เคยได้ยิน
    แต่อ่านบทสัมภาษณ์แล้วไม่ธรรมดาครับ
    ผมตัดตอนมาบางส่วน
    หาอ่านเต็มๆได้จากจีเอ็มนะครับ

8) ท่านพุทธทาสสอนว่า
    ถ้าเราไปยึดติดกับพระพุทธที่เป็นพระพุทธรูป
                            พระธรรมที่เป็นตัวอักษร
                            พระสงฆ์ที่เป็นผู้สวมใส่จีวรสีเหลือง
    มันก็ไปไม่ถึงนิพพานสิ
    เหมือนคนที่นั่งเรือข้ามฟากและชอบเรือมากเลย
    ถามว่าข้ามมาได้ไหม
    บอกว่าไม่ได้
    เพราะเขาชอบนั่งอยู่กับเรือ
    พอไปถึงฝั่งโน้นแล้วไม่ยอมเดินข้าม
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 2

โพสต์

8) ท่านพุทธทาสบอกว่าไม่มีภพ ไม่มีชาติหรอก
    ถ้าจะเป็นสัตว์ก็เป็นในชาตินี้
    ทำตัวอย่างไร
    ก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 3

โพสต์

8) พุทธว่าด้วยอริยสัจ 4
    แยกออกจากกันไม่ได้
    ต้องปฏิบัติธรรม จึงจะเข้าถึง
    เต๋าก็เหมือนกัน
    ฮินดู ก็เหมือนกัน
    ความคิดตะวันออกคือ เป้าหมายกับกระบวนการ
    เป็นอันเดียวกัน
    เพราะว่ากระบวนการคือเป้าหมายที่กำลังเกิดขึ้นจริง
   
    ขอบฟ้าไม่ได้อยู่สุดสายตา
    แต่อยู่ที่ทุกก้าวที่เดิน
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 4

โพสต์

8) การเรียนปริญญาเอก
    หมายถึงว่าเราฝึกวิทยายุทธเพื่อให้เป็นจอมยุทธ
    แต่ความจริงแล้วเรียนปริญญาเอก
    เนื้อหาไม่ใช่สิ่งสำคัญนัก
    แต่เป็นวิธีการ วิธีคิดมากกว่า
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 5

โพสต์

8) ปรัชญาคือการพยายามค้นหาคำตอบของชีวิต
    (ต้องไปถามเฮียปรัชญา ดูว่าใช่หรือเปล่า)
    ศาสนาคือคำตอบที่ศาสดาหรือผู้ก่อตั้งศาสนานั้นให้คำตอบไว้
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
Eyore
Verified User
โพสต์: 606
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 6

โพสต์

[quote="por_jai"]8) ท่านพุทธทาสบอกว่าไม่มีภพ ไม่มีชาติหรอก
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 7

โพสต์

8) ดัชนีความสุขโลก HPI=happy planet index
    (HVI= happy valuation index จัดทำโดยน้องหวี)
    ที่จัดทำโดยมูลนิธิ เศรษฐศาสตร์ใหม่
    และกลุ่มเพื่อนโลก
    บอกว่าประเทศวานูอาตู เป็นประเทศที่มีค่า HPIเป็นอันดับ1
    ทำได้68.5คะแนนเท่านั้นเอง
    โดยมีมาตรฐานตั้งไว้ที่ 83.5
    แสดงว่ายังไม่ถึงขั้นมีความสุขอะไรนักหนา
    เพียงแต่ว่าเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี
    มีโอกาสที่จะพัฒนาไปสู่ความสุขแบบยั่งยืน
    เพราะเขาไม่ได้ใช้ทรัพยากรแบบล้างผลาญ
    การใช้ทรัพยากรไม่มาก
    รายได้ก็ไม่มาก
    แต่มีความสุข ความพอใจในชีวิต
    เขามีความสุขตามอัตภาพที่มีอยู่

    ผมรับรองเลยว่าถ้าเมืองไทยยังพัฒนาแบบนี้
    อันดับมีแต่จะรูดลง ไม่มีขึ้น
    เผลอๆอีก5ปี เราอาจจะหล่นไปอยู่ที่100 ก็เป็นได้

    อเมริกาเองถูกจัดอยู่อันดับที่150เพราะ
    ชาวอเมริกันใช้ทรัพยากรเกินไปถึง 9.5เท่าของ
    สิ่งที่เขาควรจะใช้
    รวมทั้งโคลัมเบียที่อเมริกาชอบไปป้ายสีเขา
    ว่าเป็นเมืองค้ายา เป็นประเทศเผด็จการ
    แต่ค่า HPI อยู่อันดับ 2 ของโลกนะ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 8

โพสต์

[quote="Eyore"][quote="por_jai"]8) ท่านพุทธทาสบอกว่าไม่มีภพ ไม่มีชาติหรอก
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 9

โพสต์

8) ผมมีคำถามที่ตอบไม่ได้ว่า
    ทำไมผู้คนอยู่ในชนบทดีๆแล้วไม่ชอบ
    ต้องมาแออัดกันอยู่ในกรุงเทพ
    สลัมสมัยก่อนเหม็นมาก
    ผมงงว่าคนต่างจังหวัดที่มีบ้านที่อากาศดี ที่กว้างขวาง
    ทำไมมาแออัด อยู่ในสลัม
    และเด็กก็มารับจ้างในปั๊มน้ำมัน
    ผมสงสัยว่าทำไมชาวบ้านถึงต้องขายลูกมาเป็นโสเภณี
    พอไปอ่านหนังสือๆบอกว่าเป็นเพราะความจน
    แล้วยังไง
    ผมไม่พอใจในคำตอบ

    ปฏิรูปการศึกษา
    ทุกวันนี้มีแต่ทางด่วน
    ให้พวกเขาวิ่งเข้าเมืองเพื่อเรียนในสถาบัน
    จบแล้วไปรับจ้าง
    ถ้าไม่รับจ้างก็ไม่มีกิน ช่วยตัวเองไม่ได้

    ผมจึงตั้งคำถามว่า
    ทำยังไงเรียนแล้วจึงจะช่วยตัวเองได้
    ช่วยคนอื่นได้ และก็หาคำตอบ

    คำตอบก็คือ เป็นเพราะปัญหาจากโครงสร้าง
    จากระบบที่คนไม่ได้ โง่ จน เจ็บ มาตั้งแต่เกิด
    แต่ว่าไม่มีโอกาสได้เรียนรู้
    ไม่มีโอกาสได้พัฒนาตัวเอง
    ลองคิดดูสิ ผมก็บ้านนอก
    หลายคนก็บ้านนอก
    ทำไมถึงได้เรียนปริญญาเอก ก็เพราะมีโอกาสไง
    ผมจึงคิดว่าถ้าเรามีโอกาสได้เรียนรู้
    ได้ทำความเข้าใจกับโลกที่มีความซับซ้อน
    ชาวบ้านก็จะพัฒนาตัวเองได้

    ผมเชื่อว่าสิ่งที่ขาดในวันนี้
    ไม่ใช่ทรัพยากร
    แต่เป็นความรู้ เป็นปัญญา
    ภูมิปัญญาเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก
    เพราะทุกวันนี้ คนคิดถึงการเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
    อาณานิคม เมื่อก่อนเวลาไปไหน
    สิ่งแรกที่จะทำคือ การทำลายรากเหง้า
    กับอดีตของคนในท้องถิ่น
    คนไม่มีอดีต ก็ ไม่มีอนาคต

    เมื่อ19ปีก่อน
    ผมส่งน้องคนหนึ่งที่เรียนจบมหาวิทยาลัยมาแล้ว
    ให้ไปอยู่ภูพาน(สกลนคร)
    เพื่อที่จะได้ศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่นเพื่อการพัฒนา
    น้องคนนี้ไปอยู่กับชาวบ้าน
    ก็ต้องประหลาดใจมากว่าชาวบ้านจน
    ทั้งที่อยู่กับป่า อยู่กับทรัพยากร
    แต่ไม่มีข้าวกิน
    มันก็น่า งง นะ
    แต่ก็รู้ว่าชาวบ้านปลูกมันสำปะหลัง
    รวยกันปี สองปี
    แล้วก็จนเหมือนกันหมด
    เพราะมาปลูกเหมือนกันหมด
    แล้วก็ตัดป่าไปเรื่อย
    เพื่อจะได้ขยายธุรกิจ
    ต่อมาถนนก็เข้า ไฟฟ้าก็เข้า ก็เรียบร้อย
    ซื้อก่อนผ่อนทีหลัง พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าน่ะ
    ก็เลยเอาทุกอย่างที่มีอยู่ในป่ามาขายใช้หนี้
    มันถึงจน ไงล่ะ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 10

โพสต์

8) ตามชื่อกระทู้นะครับว่า จับฉ่าย
    เรื่องต่อไป ที่จะมาเล่าให้ฟัง
    เป็นเรื่องของนักคิดชาวญี่ปุ่น
    เคนอิชิ โอมาเอะ
    ที่เป็นคนแต่งหนังสือ
    The Mind of the Strategist
    ว่ากันว่าโด่งดัง
    ถูกรับเชิญมาพูดเมืองไทย
    แล้วหนังสือ Tycoon ไปสัมภาษณ์มา
    น่าอ่านมากครับ
   
    มาตั้งหัวข้อขำๆไว้ก่อน
    เด๋วว่างมาเขียนต่อ
    ไปวิ่งก่อนครับ ช่วงนี้ฝนตกตอนเย็นตลอด
    ต้องมาวิ่งช่วงเช้าแทน
    วันนี้ตอนเย็นคุณเจ๋ง จะมาเล่นแบดด้วย ตะหาก
    ดีครับ ออกกำลัง
    เหงื่อออกแล้วตัวเบาสบาย
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
Raphin Phraiwal
Verified User
โพสต์: 1342
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 11

โพสต์

มานั่งรอแถวหน้าครับ
รักในหลวงครับ
ดร.โหน่ง
Verified User
โพสต์: 877
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 12

โพสต์

รอด้วยคนครับ  :lol:
jaychou
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 13

โพสต์

เข้ามาดู
bandi
Verified User
โพสต์: 108
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ดีจัง ไม่ต้องเสียตังซื้อหนังสือ

แถมได้พี่พอใจ มาเล่าให้ฟังอีก

ขอพระคุณครับ พี่พอใจ

:)    :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 15

โพสต์

8) มาตามนัดครับ
    มาคุยเรื่องโอมาเอะ กันต่อ
 
    โอมาเอะ จบนิวเคลียร์ฟิสิกส์จาก MIT เข้าทำงานกับ
    Mckinsey & Company ในปี1972 จากนั้นก็ไต่เต้าขึ้นไป
    จนกลายเป็นหัวหน้าสำนักงานในโตเกียว
   
    ขณะที่คนญี่ปุ่นทั่วไปนั้นไม่ใช่คนเชิงรุก
    แต่สำหรับโอมาเอะแล้ว เขาตรงไปตรงมา

    Financial Times ให้สมญาว่า
    เขาเป็น" กูรูการจัดการคนเดียวของญี่ปุ่น"
    งานเขียนของเขาในระยะหลังๆนั้นเน้นด้านโลกาภิวัฒน์มาก
    จนเขาถูกขนานนามว่า "Mr. Globalization"
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
cha
Verified User
โพสต์: 73
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 16

โพสต์

cha
Verified User
โพสต์: 73
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 17

โพสต์

Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 18

โพสต์

เหอๆ จับฉ่าย รอฟังพี่พอใจ เม้าต่อหนุกดี

อยากฟังเรื่อง บู๊ลิ้ม

อืม วันศุกร์หน้าไปชัวร์ ศุกร์นี้ ขอหนีไปโยนโบว์ก่อน ที่ lotus บางกะปิ เห็นพริตตี้ แถวนั้นสวยดีครับพี่พอใจ

แงๆ ขอผิดนัดอีกครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 19

โพสต์

Jeng เขียน:เหอๆ จับฉ่าย รอฟังพี่พอใจ เม้าต่อหนุกดี

อยากฟังเรื่อง บู๊ลิ้ม

อืม วันศุกร์หน้าไปชัวร์ ศุกร์นี้ ขอหนีไปโยนโบว์ก่อน ที่ lotus บางกะปิ เห็นพริตตี้ แถวนั้นสวยดีครับพี่พอใจ

แงๆ ขอผิดนัดอีกครั้ง
8) แหมเสียดาย ถ้าไปที่ Bsl ที่ข้างในRca จะตามไป
    กินเบียร์ด้วย
    ผมว่าที่ Bsl นี่สาวๆก็เพียบเหมือนกันน๊า
    โลตัส บางกะปิ ไม่ไหว ไกลไป(ไม่)หน่อย
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 20

โพสต์

8) ของท่านโอมาเอะ ยังพิมพ์ไม่เสร็จเลยครับ
    ไปเจอบทความของอ.วราภรณ์ สามโกเศศ
    ในมติชนรายวัน
    อันนี้ก๊อปมาได้เลยๆเอามาให้อ่านกันก่อน
    เรื่อง"รวย จน และน้ำตา"
    ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองก็ฟังหูไว้หูนะครับ
    เพราะอาจารย์ท่านเป็นสมาชิกพรรคประชาธิกัด อ่ะครับ

   
ในโลกที่เต็มไปด้วยความรุนแรง มีความรวย และความจนที่กำลังเกิดขึ้นอย่างน่าสนใจและน่าใคร่ครวญ

ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ที่ผ่านมา ในช่วงเวลาเพียงครึ่งหนึ่งระหว่าง ค.ศ.1917 ที่เกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่งกับ ค.ศ.1956 เมื่อเกิดการขาดแคลนอาหารในจีนอย่างหนักหลังจากการใช้นโยบาย "Great Leap Forward" ของเหมา เจ๋อ ตุง ประชาชนในโลกนี้ประมาณ 1 ในทุก 10 คนที่มีชีวิตอยู่ ถูกยิง ถูกรมด้วยก๊าซพิษ ถูกแทง ถูกเผา หรืออดอาหารถึงตาย โดยฝีมือมนุษย์ด้วยกันเองทั้งสิ้น (ข้อมูลโดย J.B. Delong ศาสตราจารย์ทางเศรษฐศาสตร์แห่งเบิร์คเลย์)

ปัจจุบัน ณ จุดเริ่มต้นศตวรรษที่ 21 มนุษย์ก็ยังคงฆ่าฟันกันเองอย่างสนุกมือ และไม่ลดละในหลายแห่งของโลก จนมนุษย์โดยทั่วไปน่าจะมีฐานะทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายสุดสุด

อย่างไรก็ดี มีงานวิจัยโดย Xavier Sala-i-Martin ตีพิมพ์ใน Quarterly Journal of Economics (May, 2006) ศึกษาความยากจน และการกระจายรายได้ของโลก (138 ประเทศ) ระหว่างปี 1970 กับปี 2000 และพบความจริงที่น่าสนใจหลายประการ

งานวิจัยพบว่าสัดส่วนของจำนวนคนยากจนในโลกในปี 2000 ลดลง สัดส่วนดังกล่าวอยู่ประมาณระหว่างหนึ่งในสาม ถึงครึ่งหนึ่งของสัดส่วนของปี 1970 และในด้านจำนวนคนยากจน ก็พบว่าในปี 2000 มีคนจนน้อยกว่าในปี 1970 ประมาณ 250 ถึง 500 ล้านคน นอกจากนี้ยังใช้ดัชนี 8 ตัว วัดความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ในโลก และทุกตัวชี้ให้เห็นว่า ความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ในโลกระหว่าง 1980 และ 1990 ลดลง และเชื่อว่าปรากฏการณ์ฟู่ฟ่าทางเศรษฐกิจของจีนและอินเดีย จะมีส่วนช่วยทำให้ทางโน้มนี้ดำรงต่อไป

ข้อมูลของนานาประเทศเหล่านี้ถึงแม้จะมีข้อบกพร่องมากมาย และบางส่วนไม่น่าเชื่อถือ แต่ก็ควรรับไว้พิจารณาเพราะกลั่นมาจนได้สิ่งที่เชื่อว่าเป็นความจริงจากงานวิจัยซึ่งตีพิมพ์ไม่นานมานี้

ถึงแม้ข้อสรุปนี้สะท้อนความเป็นจริง แต่อย่าลืมว่าความยากจนที่ศึกษาอยู่ในระดับภาพรวม (มหาภาค) เราไม่เห็นความยากจนอย่างยิ่งของบางครัวเรือน และความร่ำรวยอย่างยิ่งของบางครอบครัว ซึ่งเมื่อถัวเฉลี่ยออกมาแล้วก็จะเห็นเพียงตัวเลขเฉลี่ยรายได้ของคนในประเทศ และถูกนำมาใช้เป็นข้อมูลในการวิจัย

เมื่อพูดถึงความจนแล้ว ถ้าจะให้สดชื่นหัวใจก็ต้องพูดถึงความรวยบ้าง และถ้าจะให้บ้าตกขอบไปเลยก็ลองดู ข้อมูลของคนที่เรียกว่า richest rich (RR) ในสหรัฐอเมริกาที่ศึกษาโดย E. Saez และ T. Piketty แห่งฮาร์วาร์ด

RR หรือคนที่รายได้มากกว่าปีละ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ (190 ล้านบาท) ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่รวยที่สุดในสหรัฐอเมริกา มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น จากร้อยละ 0.86 ในปี 1980 เพิ่มเป็นร้อยละ 3.44 ในปี 2000 และลดลงเป็นร้อยละ 3.19 ในปี 2004

ในสหรัฐอเมริกา RR มีอยู่ประมาณ 14,000 คน บางส่วนเป็น CEO ของบริษัทใหญ่ (แต่ไม่น่าจะเกิน 500 คน) ที่เหลือได้แก่นักกีฬา นักแสดง ผู้จัดการ Hedge Fund ทนายความ สื่อที่ประชาชนรู้จักดี (Media Personalities) นักธุรกิจที่ประกอบธุรกิจของตนเอง นักเขียน (น่าเสียใจที่ไม่ใช่ผู้เขียนตำรา)

ประเด็นสำคัญที่พบก็คือ RR เป็นพวก working rich (รวยจากการทำงาน) ไม่ใช่ Idle rich (รวยแบบไม่ต้องทำงานก็มีรายได้) เพราะสัดส่วนรายได้ของ RR ที่เป็นค่าเช่า ดอกเบี้ย เงินปันผลลดลงจากร้อยละ 56 ในปี 1980 เหลือเพียงร้อยละ 25 ในปี 2004 กล่าวคือมีรายได้ที่มาจากทุนลดน้อยลง ในขณะที่สัดส่วนของรายได้ที่มาจากค่าจ้างเพิ่มมากขึ้น

เหตุใด RR จึงรวยแตกต่างจากแรงงานที่เหลือมากมาย? ถ้าระบบเศรษฐกิจ ไม่มีการผูกขาดหรือไม่มี "กลไกการเมืองหน้าหนา" ที่ทำให้บางคนรวยขึ้นมาอย่างน่าเกลียดโดยอธิบายไม่ได้ อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้บุคคลหนึ่งกลายเป็น RR? RR เหล่านี้รักษาความเป็น RR ไว้ได้ตลอดรอดฝั่งและเป็น RR สม่ำเสมอหรือเป็นเพียงบางปี? และคำถามที่คนจนอยากรู้ก็คือจะรวยกันเป็นพันเป็นหมื่นล้านไปทำไม เพราะแค่หลักร้อยก็กินไม่หมดตลอดชีวิตแล้ว ตราบที่รู้จักใช้เงินและไม่เล่นการพนัน

เหล่านี้เป็นคำถามที่น่าสนใจ เช่นเดียวกับคำถามสำหรับประเทศไทยในยามนี้ว่า RR ของไทย มาจากการเป็นนักการเมือง ของรัฐบาล "พลัดพราก" กี่คน เมื่อไต่สวนสอบสวนอย่างจริงจังจนพบความฉ้อฉลแล้ว จะเอาเงินของประชาชน คืนมาได้มากน้อยเพียงใด และทำอย่างไรให้ RR ขี้โกงเหล่านี้ต้องมีชีวิตที่ลำบากยากเข็ญ เป็นทุกข์กังวลหลังจากเสวยสุขมานาน ต้องถูกฟ้องร้องจนย้ายบ้านเข้ากรง ถูกยึดทรัพย์ ฯลฯ เพื่อจะทำให้เกิดสภาวะ never again กล่าวคือไม่มีคนคิดกระทำแบบเดียวกันอย่างไม่อายฟ้าอายดินเกิดขึ้นอีกในบ้านเมืองเรา ในเกาหลีใต้นั้นอย่าว่าแต่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หรือรัฐมนตรีที่ติดคุกเพราะคอร์รัปชั่นเลย แม้แต่ประธานาธิบดีก็ยังติดคุก ถ้าบ้านเราทำได้ถึงขนาดนั้นเป็นครั้งแรกก็จะได้รับเสียงเชียร์และความเชื่อถือจากต่างชาติอย่างท่วมท้น การยึดทรัพย์และให้ติดคุกเป็นวิธีแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นที่ชะงัดที่สุด

เมื่อพูดถึงความรวยความจนแล้วก็ขอเสริมข้อมูลในเรื่องนี้ให้สมบูรณ์ไปเลย การศึกษาของธนาคารโลกพบว่า ในโลกที่มีประชากรประมาณ 6,000 ล้านคน มีผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าวันละ 1 เหรียญสหรัฐ (ปรับค่าครองชีพเข้าไปแล้ว เพื่อจะได้เปรียบเทียบกันได้ทั่วโลก) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นผู้ยากจนสุดสุด เพราะมีปัจจัย 4 ไม่ครบอยู่ 1.1 พันล้านคน

ส่วนผู้มีรายได้อยู่ระหว่าง 1 เหรียญสหรัฐขึ้นไปจนถึง 2 เหรียญสหรัฐ (มีปัจจัย 4 อย่างจำกัดในระดับหนึ่ง) มีอยู่ประมาณ 1.7 พันล้านคน เมื่อรวมคนทั้งสองประเภทเข้าด้วยกันแล้วก็จะมีจำนวนถึง 2.8 พันล้านคน หรือร้อยละ 46.7 ของประชากรทั่วโลก สรุปสั้นๆ ว่ามีคนเกือบครึ่งโลกที่ยากจน

ในแต่ละวันในโลก ผู้คนกว่า 20,000 คนตายด้วยสาเหตุซึ่งโยงใยกับความยากจน ในจำนวนนี้ 8,000 คน ตายด้วยมาลาเรีย 5,000
คน ตายด้วยวัณโรค 7,000 คน ตายด้วยโรคท้องร่วง โรคติดเชื้อทางเดินหายใจและอื่นๆ และอีก 7,500 คน ตายด้วยโรคเอดส์

คนที่โลภโมโทสันเบียดเบียนคดโกงเพื่อนร่วมชาติและอยากได้รายรับเป็นหมื่นล้านบาท โดยไม่ยอมเสียภาษีสักบาท (ซึ่งทรัพยากรที่ถูกโกงไป และภาษีจะช่วยคนยากจนเหล่านี้ซึ่งส่วนหนึ่งอยู่ในประเทศไทย) กรุณาดูตัวเลขการตาย ของคนยากจนเหล่านี้ในแต่ละวัน และลองจินตนาการว่า พ่อแม่ลูกเมียและญาติพี่น้อง ต้องโศกเศร้าเสียน้ำตากันในแต่ละวันทั่วโลกมากมายเพียงใด อย่าลืมว่าคนจนก็มีหัวใจ เพราะเขาก็เป็นมนุษย์เช่นเดียวกับคนรวยเหมือนกัน

มีเวลาว่างกันแล้ว ลองไตร่ตรองสุภาษิตจีนดัดแปลงนี้หน่อยเถอะ "ฉันโลภอยากได้รองเท้าสวยมากๆ จึงต้องฉ้อฉลคดโกง จนกระทั่งฉันได้พบคนขาด้วน.......และคนถือปืน"
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 21

โพสต์

Thai opportunities


โอมาเอะบอกว่าการพัฒนาทางเศรษฐกิจนั้น หากจะทำให้ประสบความสำเร็จ
ต้องทำควบคู่ไปกับการลดความยากจน
เขาแนะนำให้ internalize ญี่ปุ่นในประเทศไทย
ขณะเดียวกันต้อง internalize ไทยในประเทศญี่ปุ่น
หรือพูดง่ายๆก็คือให้ญี่ปุ่นเป็นเสมือนส่วนหนึ่งของไท ย
ส่วนไทยก็เป็นเสมือนส่วนนึงของญี่ปุ่น
เขายกตัวอย่างว่า เมื่อค่าจ้างแรงงานในการผลิตสินค้าพื้นที่หนึ่งสูงขึ้น
...ญี่ปุ่นก็ย้ายไปอยู่ในที่ที่หนึ่งที่เรียกว่า Tohoku
คำแนะนำของเขาก็คือ ให้ไทยเป็นเสมือน หนึ่ง Tohokuนั่นเอง
เพราะญี่ปุ่นก็ต้องการใช้ไทยเป็นฐานในการส่งออกอยู่แล้ว
ญี่ปุ่นจะทำให้รายได้ต่อหัวของไทยก้าวไปถึงระดับ 5000เหรียญต่อปี
เช่นเดียวกับที่เม็กซิโก ได้สหรัฐช่วยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด
โอมาเอะ บอกว่า in fact, Thailand need to become an insider of the Japanese sector
ซึ่งโอกาสจะเกิดขึ้น3ประการ
ไทยต้องตั้งต้นเป็น Medical Tourism
โลกภายนอก ต้อง Outsource การรักษาพยาบาลพนักงานที่แพงแสนแพงมายังประเทศไทย
ไม่ต้องแปลกใจที่จะเกิดการ เทคโอเว่อร์ธุรกิจโรงพยาบาลกันอีกหลายยก
เพราะธุรกิจ เฮลธ์แคร์จะเปลี่ยน S-curveอีกครั้ง
อีกธุรกิจที่มาแรงมากๆ ก็คือธุรกิจรับสร้างบ้านส่งออก
ซึ่งถือเป็น Value-added Tradeที่ต่างจาก Basic Industryอ่ย่างกุ้งแช่แข็ง ไก่แช่แข็ง
ที่มีมูลค่าเพียง 2พันล้านเหรียญสหรัฐ
แต่ธุรกิจที่มีมูลค่ามหาศาลกว่านั้นหลายสิบเท่าก็คือสร้างชุมชนผู้สูงอายุของญี่ปุ่น
ผู้สูงอายุญี่ปุ่น 8ล้านคน
เงินห้าแสนล้านรออยู่
ถ้าอยากได้ก็มาคว้าไป.......
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 22

โพสต์

in fact, Thailand need to become an insider of the Japanese sector

8) ตรงนี้ตกไปตัวนึงครับ ขอโทษด้วย

in fact, Thailand need to become an insider of the Japanese service sector
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 23

โพสต์

8) ความรู้ที่ท่านอาจจะยังไม่รู้

1.รู้รอบตัวมากมาย แต่ไม่รู้ดีรู้ชั่วก็เสื่อม
2.รู้เว้นงูเว้นเสือเว้นปืน ไม่รู้เว้นอบายมุขก็เสื่อม
3.รู้สร้างสนามบินใหม่ๆ(สุวรรณภูมิ) แต่ไม่รู้สร้างนิสัยใหม่ๆ(นิสัยไม่ขี้โกง)ก็เสื่อม
4.รู้ตอบคำถาม แต่ไม่รู้ตอบแทนบุญคุณก็เสื่อม
5.รู้ที่กินที่เที่ยว แต่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงก็เสื่อม
6.รู้วันเดือนปีเกิด แต่ไม่รู้กาลเทศะก็เสื่อม
7.รู้พยากรณ์อากาศ แต่ไม่รู้ว่าชีวิตมีขึ้นมีลงก็เสื่อม
8.รู้จักรวาลวิทยา แต่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำก็เสื่อม
9.รู้จักคนมากมายหลายวงการ แต่ไม่รู้จักตัวเองก็เสื่อม
10.รู้จักวิธีบริหารคน บริหารงานแต่ไม่รู้จักบริหารกิเลสก็เสื่อม
11.รู้วิธีหาเงินมากมาย แต่ไม่รู้วิธีใช้เงินให้เป็นก็เสื่อม
12.รุ้วิธีสร้างตึกนับร้อยชั้น แต่ไม่รู้วิธีฝึกใจให้สูง ก็เสื่อม
13.รู้คุณค่าเงินทอง แต่ไม่รู้คุณพ่อแม่ก็เสื่อม
14.รู้กฏกติกา แต่ไม่ทำตามกติกาก็เสื่อม
15.รู้จักสวมนาฬิกาแพงๆ แต่ไม่รู้คุณค่าของเวลาก็เสื่อม
16.รู้วิธีเข้าหาสังคม แต่ไม่รู้วิธีเข้าหาสังฆะ ก็เสื่อม
17.รู้วิธีเรียนเอาปริญญาสูงๆ แต่ไม่รู้จักยกพฤฒิกรรมให้สูงก็เสื่อม
18.รู้ที่จะมีลูก แต่ไม่รู้จักเลี้ยงลูก ก็เสื่อม
19.รู้ที่จะรัก แต่ไม่รู้ดูแลคนรัก ก็เสื่อม
20.รู้ที่จะดู แต่ไม่รู้ที่จะเห็น ก็เสื่อม
21.รู้วิธีที่จะสวมหัวโขน แต่ไม่รู้วิธีถอดหัวโขน ก็เสื่อม
22.รู้ว่าวันหนึ่งจะต้องตาย แต่ไม่รู้วิธีเตรียมตัวตายก็เสื่อม

 8) ท่านว.วชิรเมธี ว่าไว้ครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 24

โพสต์

8)     พระอาจารย์เทศน์ว่า
    การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ก็ดี
    การลักขโมย ก็ดี
    การประพฤติผิดในกาม ก็ดี
    การพูดโป้ปด มดเท็จ ก็ดี
    การดื่มสุรา ก็ดี

    (มีบางคนนะครับเชื่อพระนะครับไม่ใช่ไม่เชื่อ
    แต่แกฟังพระเทศน์ไม่จบ
    แกชิงไปปฏิบัติซะก่อน
    ยังฟังไม่ศัพท์ตอนจบที่ว่า)
   

    ล้วนควรละเว้นเสียทั้งสิ้น....
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 25

โพสต์

8) ชั่วชีวิตหนึ่ง
    ที่จะได้มาจริง
    มีอยู่สิ่งเดียว
    คือการเห็นตามจริง
    นอกนั้นได้มา
    เพื่อจะสูญเสียไปสิ้น..


    อันนี้ท่านดังตฤณ ว่าไว้ครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 26

โพสต์

8) มึคนถามท่านด๊อกเต้อร์ว่าถ้าพ่อแม่รวยเป็นเศรษฐี
    ดร.จะเป็น แวยูอินเวสเตอร์หรือเปล่า

    ท่านด๊อกเต้อร์ว่า ท่านคงจะไม่ได้เป็นแน่ๆ

    ด๊อกเต้อร์ว่าต่อว่า ท่านชอบเขียนหนังสือมาก
    ไม่แน่ ถ้าพ่อแม่รวย และเลือกที่จะทำไรได้เอง
    อาจจะเป็นนักเขียนเต็มตัว

    จากบทสัมภาษณ์ หนังสือจีเอ็ม เมื่อไม่นานมานี้เอง....
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ด๊กดิงด่าง
Verified User
โพสต์: 312
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 27

โพสต์

เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ผู้เขียนชื่อแดง ไบเลย์ บอกว่า ทางไปสู่ความสุขหามีไม่ ความสุขนั่นแหละคือทาง

ผมตีความว่า ถ้าเรายอมรับกับสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้ เราก็ไม่ทุกข์ไม่ต้องดิ้นรน  แม้ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเราจะต้องถูกตัดคอเราก็ยังมีความสุขได้

เหมือนตอนเด็กๆ รู้ว่างานนี้ต้องถูกครูตีแน่ แต่ยอมรับกับความผิดที่เราก่อได้ก็ไม่กลัวการถูกตี อย่างมากก็แค่เจ็บ

ความสุขในที่นี้คือความสงบที่เป็นความสุขสูงสุด
การทำอะไรแบบเดิมๆเป็นเวลานานๆทำให้ชีวิตเสียหาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 28

โพสต์

[quote="bandi"]ดีจัง ไม่ต้องเสียตังซื้อหนังสือ

แถมได้พี่พอใจ มาเล่าให้ฟังอีก

ขอพระคุณครับ พี่พอใจ

:)
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
nanchan
Verified User
โพสต์: 2938
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 29

โพสต์

[quote="por_jai"]8)
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
nanchan
Verified User
โพสต์: 2938
ผู้ติดตาม: 0

จับฉ่าย

โพสต์ที่ 30

โพสต์

คำพูดภาษาไทยชอบยอกย้อนเนอะ
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
โพสต์โพสต์