ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
-
- Verified User
- โพสต์: 2032
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 1
ผมมีเรื่องมาเตือนทุกท่าน เช่นเดียวกับเรื่องรถ ที่พี่ฉัตรชัยนำมาลง
2 เรื่อง 2 เหตุการณ์ครับ แต่เพิ่งเกิดกับผมเอง
เรื่องแรก : เกือบไป
ประมาณ 2 อาทิตย์ที่แล้ว ลูกชายผมเป็นไข้สูง 38 -40 C ตอนแรกไปหาหมอ หมอก็ให้ยาลดไข้เด็กมาทาน ช่วง 2-3 วันแรก ไข้ก็ไม่ลด ทานยาทุก 6 ชม.ได้ คืนนึง ผมก็เลยลองไปหายาลดไข้อีกตัว ที่เค้าเคยกินและเก็บอยู่ในตู้ยา ว่าจะลองเปลี่ยนดู หยิบมาแล้ว ว่าจะให้ลูกกิน แต่ ยาเพิ่งหมดอายุไปได้ 2-3 เดือนครับ
โชคดีที่เอะใจ ดูวันหมดอายุก่อน ไม่งั้นถ้าให้ลูกทานไปแล้วมีปัญหาอะไร ผมคงไม่ให้อภัยตัวเองครับ
สรุป ก่อนทานยาทุกครั้ง อย่าลืมดูวันหมดอายุ
เรื่องที่ 2 : เสียวครับ
เพิ่งเมื่อวาน ผมมีอาการเจ็บหลังด้านล่าง เลยไปหาหมอ หมอก็ให้ยาแก้ปวดมากิน ด้วยความที่หมอรู้ว่าผมเป็นตับอักเสบเมื่อต้นปี เลยให้ยาตัวใหม่ที่มีผลข้างเคียงต่อตับน้อยมา ปกติผมอ่าน เอาสารกำกับยาทุกครั้ง เข้าใจมั่ง ไม่เข้าใจมั่ง แต่ยาตัวนี้เป็นแผงแคปซูลไม่มีเอกสารมาให้ ก็เลยกินยาเข้าไปเลย
หลังทานยา ถึงเข้าไปหาข้อมูลในอินเตอร์เนต ปรากฎว่า ยาตัวนี้ เป็นตระกูลซัลฟา ซึ่งผมเคยแพ้ยาเมื่อตอนวัยรุ่น 10กว่าปีที่แล้ว มีอาการผื่นขึ้นเต็มตัว
เล่นเอาผมนอนไม่หลับเลย เพราะเท่าที่อ่านดู อาการแพ้ มีตั้งแต่ขั้นเบา จนถึง ขั้นหนัก คือหัวใจหยุดเต้น ผมไม่รู้จะทำยังไง ล้วงคอก็ไม่ออก เลยได้แต่ภาวนาให้ไม่เป็นอะไร และเตรียมพร้อมที่จะไปโรงพยาบาลทันทีถ้ามีอะไรเกิดขึ้น โชคยังดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น (จริงๆผมรู้สึกคอแห้งนิดหน่อย) หรือว่า อาการแพ้ยังไม่เกิดตอนนี้ก็ได้ หรือครั้งต่อไปอาจจะไม่โชคดีแบบนี้ ก็ได้
จริงๆ ประวัติแพ้ยาตระกูลดังกล่าว ผมระบุไว้ใน file อยู่แล้ว หมอคงมองข้ามไป
สรุป ก่อนทานยาทุกครั้ง ต้องตรวจสอบให้แน่ใจถ้าคุณเคยแพ้ยามาก่อน
จริงๆเวปนี้ คุณหมอเยอะ ถ้าจะเสริม หรือแนะนำสิ่งใด เพิ่มเติม ก็กรุณาด้วยเพื่อเป็นประโยชน์แก่ทุกท่าน
2 เรื่อง 2 เหตุการณ์ครับ แต่เพิ่งเกิดกับผมเอง
เรื่องแรก : เกือบไป
ประมาณ 2 อาทิตย์ที่แล้ว ลูกชายผมเป็นไข้สูง 38 -40 C ตอนแรกไปหาหมอ หมอก็ให้ยาลดไข้เด็กมาทาน ช่วง 2-3 วันแรก ไข้ก็ไม่ลด ทานยาทุก 6 ชม.ได้ คืนนึง ผมก็เลยลองไปหายาลดไข้อีกตัว ที่เค้าเคยกินและเก็บอยู่ในตู้ยา ว่าจะลองเปลี่ยนดู หยิบมาแล้ว ว่าจะให้ลูกกิน แต่ ยาเพิ่งหมดอายุไปได้ 2-3 เดือนครับ
โชคดีที่เอะใจ ดูวันหมดอายุก่อน ไม่งั้นถ้าให้ลูกทานไปแล้วมีปัญหาอะไร ผมคงไม่ให้อภัยตัวเองครับ
สรุป ก่อนทานยาทุกครั้ง อย่าลืมดูวันหมดอายุ
เรื่องที่ 2 : เสียวครับ
เพิ่งเมื่อวาน ผมมีอาการเจ็บหลังด้านล่าง เลยไปหาหมอ หมอก็ให้ยาแก้ปวดมากิน ด้วยความที่หมอรู้ว่าผมเป็นตับอักเสบเมื่อต้นปี เลยให้ยาตัวใหม่ที่มีผลข้างเคียงต่อตับน้อยมา ปกติผมอ่าน เอาสารกำกับยาทุกครั้ง เข้าใจมั่ง ไม่เข้าใจมั่ง แต่ยาตัวนี้เป็นแผงแคปซูลไม่มีเอกสารมาให้ ก็เลยกินยาเข้าไปเลย
หลังทานยา ถึงเข้าไปหาข้อมูลในอินเตอร์เนต ปรากฎว่า ยาตัวนี้ เป็นตระกูลซัลฟา ซึ่งผมเคยแพ้ยาเมื่อตอนวัยรุ่น 10กว่าปีที่แล้ว มีอาการผื่นขึ้นเต็มตัว
เล่นเอาผมนอนไม่หลับเลย เพราะเท่าที่อ่านดู อาการแพ้ มีตั้งแต่ขั้นเบา จนถึง ขั้นหนัก คือหัวใจหยุดเต้น ผมไม่รู้จะทำยังไง ล้วงคอก็ไม่ออก เลยได้แต่ภาวนาให้ไม่เป็นอะไร และเตรียมพร้อมที่จะไปโรงพยาบาลทันทีถ้ามีอะไรเกิดขึ้น โชคยังดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น (จริงๆผมรู้สึกคอแห้งนิดหน่อย) หรือว่า อาการแพ้ยังไม่เกิดตอนนี้ก็ได้ หรือครั้งต่อไปอาจจะไม่โชคดีแบบนี้ ก็ได้
จริงๆ ประวัติแพ้ยาตระกูลดังกล่าว ผมระบุไว้ใน file อยู่แล้ว หมอคงมองข้ามไป
สรุป ก่อนทานยาทุกครั้ง ต้องตรวจสอบให้แน่ใจถ้าคุณเคยแพ้ยามาก่อน
จริงๆเวปนี้ คุณหมอเยอะ ถ้าจะเสริม หรือแนะนำสิ่งใด เพิ่มเติม ก็กรุณาด้วยเพื่อเป็นประโยชน์แก่ทุกท่าน
-
- Verified User
- โพสต์: 2032
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 2
ส่วนเรื่องป่วยของลูกชาย ต้องขอบพระคุณพี่หมอชาตรีด้วย เพราะผมได้ปรึกษาอาการผ่านทาง PM
สรุป ลูกเป็นไข้สูงอยู่ที่บ้าน 5-6 วัน วันที่ 6 หมอเลยให้ admit เข้าโรงพยาบาล เนื่องจาก เป็นปอดอักเสบ (เข้าใจว่า เริ่มจากคออักเสบก่อน แล้วลงหลอดลม แล้วลงปอด)
อยู่โรงพยาบาลอีก 6 วัน ให้ยาทางสายน้ำเกลือ อาการดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้หายดีแล้ว กลับมาพักฟื้นที่บ้านได้ 3 วันแล้วครับ ผมให้พักฟื้นต่อ สักอาทิตย์หน้าถึงจะให้ไปโรงเรียน
สรุป ลูกเป็นไข้สูงอยู่ที่บ้าน 5-6 วัน วันที่ 6 หมอเลยให้ admit เข้าโรงพยาบาล เนื่องจาก เป็นปอดอักเสบ (เข้าใจว่า เริ่มจากคออักเสบก่อน แล้วลงหลอดลม แล้วลงปอด)
อยู่โรงพยาบาลอีก 6 วัน ให้ยาทางสายน้ำเกลือ อาการดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้หายดีแล้ว กลับมาพักฟื้นที่บ้านได้ 3 วันแล้วครับ ผมให้พักฟื้นต่อ สักอาทิตย์หน้าถึงจะให้ไปโรงเรียน
- กระทิงแดง
- Verified User
- โพสต์: 952
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 3
อันนี้ ผมเพิ่งเจอเมื่อวานนี้เองครับ
ไปซื้อยาแก้อักเสบ ที่ร้านขายยาตามห้าง (เป็น fanchrise ฝรั่ง) เดินออกมาแล้วนะครับ แล้วเผิอญไปดูที่วันหมดอายุ
June 2006 ครับ ตกใจมากเลย
รีบเอากลับไปคืน ทางร้านบอกว่า ปกติเช็คทุกอัน ยกเว้นอันนี้ครับ
ผมก็เลยยิ้มเจื่อนๆ แล้วก็เดินออกมาครับ
ต้องระวังกันให้ดีนะครับ
ไปซื้อยาแก้อักเสบ ที่ร้านขายยาตามห้าง (เป็น fanchrise ฝรั่ง) เดินออกมาแล้วนะครับ แล้วเผิอญไปดูที่วันหมดอายุ
June 2006 ครับ ตกใจมากเลย
รีบเอากลับไปคืน ทางร้านบอกว่า ปกติเช็คทุกอัน ยกเว้นอันนี้ครับ
ผมก็เลยยิ้มเจื่อนๆ แล้วก็เดินออกมาครับ
ต้องระวังกันให้ดีนะครับ
"The enemy is a very good teacher" Dalai Lama
"Confidence doesn't come from being right all the time; it comes
from surviving the many occasions of being wrong." B.N. Steenbarger
"Luck is where preparation meets opportunity"
"Confidence doesn't come from being right all the time; it comes
from surviving the many occasions of being wrong." B.N. Steenbarger
"Luck is where preparation meets opportunity"
- drchatri
- Verified User
- โพสต์: 767
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 4
น่าจะเป็น Celebrex(Celecoxib) ใช่ไหมครับ พวกนี้เป็นยาแก้ปวดกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียร์รอยด์ (NSAIDs Non Steroidal Anti-Inflammatory Drugs) ที่ออกฤทธิ์ต่อเฉพาะ COX-2 receptor ซึ่งเชื่อกันว่าฤทธิ์ข้างเคียงต่อกระเพาะจะน้อยกว่ายา NSAIDs รุ่นเก่าๆครับ เช่น Diclofenac(Voltaren) Ibluprofen ฯลฯ แต่ปัจจุบันเริ่มมีหลักฐานว่าอาจมีฤทธิ์ข้างเคียงต่อหัวใจได้ ขึ้นอยู่กับขนาดของยาและระยะเวลาที่ใช้ยา และฤทธิ์ข้างเคียงต่อกระเพาะก็ยังคงมีอยู่บ้างแม้จะน้อยกว่ายารุ่นแรกแต่ก็ไม่ 100% ดังนั้นยังคงต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง และเจ้ายา Celebrex ยังต้องระวังในคนที่แพ้ยาซัลฟา หรือยา Sulfonamide ด้วย เนื่องจากมันมีโมเลกุลบางส่วนใกล้เคียงกัน เป็นข้อห้ามในการใช้ยา อาการแพ้เป็นแบบไม่ขึ้นกับขนาด หากแพ้ขึ้นมา มีโอกาสเป็นได้ตั้งแต่เป้นผื่นธรรมดาจนมีอาการแพ้แบบรุนแรงที่เราเรียกว่า SJS(Stephen Johnson Syndrome) ซึ่งผื่นจะเป็นลักษณะเหมือนผิวหนังไหม้เกรียมทั้งตัว มีตุ่มน้ำลอกทั่วตัว รวมทั้งตามเยื่อบุปากคอ ตา ตัวอย่างที่เคยเป็นคดีฟ้องกระทวง สธ.มาแล้วก็คือเคสคุณดอกรัก หน่ะครับ ฉะนั้นต้องระวังมากๆครับ ปรกติหากเป้น รพ.หากหลุดที่แพทย์ ก็น่าจะถูกท้วงติงที่ห้องจ่ายยาซึ่งจะต้องมีเภสัชกรคอยตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งเภสัชกรมักจะแม่นกว่าแพทย์ในประเด็นเรื่องเหล่านี้ครับ จะช่วยกันหลุดได้มาก แต่ของคุณปุยหลุด 2ที่เลยคือ หมอและเภสัช คงต้องกลับไปบอกหมอ และให้ข้อมูลเรื่องนี้กับทาง รพ.นะครับ เขาจะได้แก้ไขไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก เพราะเป็นเรื่องซีเรียสมากๆ 8) :(
- drchatri
- Verified User
- โพสต์: 767
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 6
ครับปรกติถ้าผมไปซื้อยาอย่างร้าน Fascino ผมก็จะต้องเช็คดู วันเดือนปีที่ผลิตและวันหมดอายุเสมอครับ (Mfd and Exp date ที่อยู่ตรงขอบกล่องนะครับ) หรือถ้าเป้น รพ.ไม่ใช่ร้านขายยา ทางห้องจ่ายยาก็จะต้อง พิมพ์ไว้ที่ฉลากยาเสมอครับ :Dกระทิงแดง เขียน:อันนี้ ผมเพิ่งเจอเมื่อวานนี้เองครับ
ไปซื้อยาแก้อักเสบ ที่ร้านขายยาตามห้าง (เป็น fanchrise ฝรั่ง) เดินออกมาแล้วนะครับ แล้วเผิอญไปดูที่วันหมดอายุ
June 2006 ครับ ตกใจมากเลย
รีบเอากลับไปคืน ทางร้านบอกว่า ปกติเช็คทุกอัน ยกเว้นอันนี้ครับ
ผมก็เลยยิ้มเจื่อนๆ แล้วก็เดินออกมาครับ
ต้องระวังกันให้ดีนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2938
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 8
คุณปุย ลองกินเห็ดหลินจือ ดูเปล่าครับ
เห็นว่ามีประโยชน์หลายอย่าง
ลองอ่านหนังสือ what your doctor doen't know about nutritioal medicine may be killing you
โดย RAY D.STRAND M.D.
ดูซิครับ อาจได้ข้อคิดเพิ่มเติม ผมพึงอ่านได้50หน้าฉบับภาษาไทย ไม่อาจเอือมอ่านภาษาอังกฤษนะ
เห็นว่ามีประโยชน์หลายอย่าง
ลองอ่านหนังสือ what your doctor doen't know about nutritioal medicine may be killing you
โดย RAY D.STRAND M.D.
ดูซิครับ อาจได้ข้อคิดเพิ่มเติม ผมพึงอ่านได้50หน้าฉบับภาษาไทย ไม่อาจเอือมอ่านภาษาอังกฤษนะ
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
-
- Verified User
- โพสต์: 2032
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 9
[quote="drchatri"]น่าจะเป็น Celebrex(Celecoxib) ใช่ไหมครับ พวกนี้เป็นยาแก้ปวดกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียร์รอยด์ (NSAIDs Non Steroidal Anti-Inflammatory Drugs) ที่ออกฤทธิ์ต่อเฉพาะ COX-2 receptor ซึ่งเชื่อกันว่าฤทธิ์ข้างเคียงต่อกระเพาะจะน้อยกว่ายา NSAIDs รุ่นเก่าๆครับ เช่น Diclofenac(Voltaren) Ibluprofen ฯลฯ แต่ปัจจุบันเริ่มมีหลักฐานว่าอาจมีฤทธิ์ข้างเคียงต่อหัวใจได้ ขึ้นอยู่กับขนาดของยาและระยะเวลาที่ใช้ยา และฤทธิ์ข้างเคียงต่อกระเพาะก็ยังคงมีอยู่บ้างแม้จะน้อยกว่ายารุ่นแรกแต่ก็ไม่ 100% ดังนั้นยังคงต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง และเจ้ายา Celebrex ยังต้องระวังในคนที่แพ้ยาซัลฟา หรือยา Sulfonamide ด้วย เนื่องจากมันมีโมเลกุลบางส่วนใกล้เคียงกัน เป็นข้อห้ามในการใช้ยา อาการแพ้เป็นแบบไม่ขึ้นกับขนาด หากแพ้ขึ้นมา มีโอกาสเป็นได้ตั้งแต่เป้นผื่นธรรมดาจนมีอาการแพ้แบบรุนแรงที่เราเรียกว่า SJS(Stephen Johnson Syndrome) ซึ่งผื่นจะเป็นลักษณะเหมือนผิวหนังไหม้เกรียมทั้งตัว มีตุ่มน้ำลอกทั่วตัว รวมทั้งตามเยื่อบุปากคอ ตา ตัวอย่างที่เคยเป็นคดีฟ้องกระทวง สธ.มาแล้วก็คือเคสคุณดอกรัก หน่ะครับ ฉะนั้นต้องระวังมากๆครับ ปรกติหากเป้น รพ.หากหลุดที่แพทย์ ก็น่าจะถูกท้วงติงที่ห้องจ่ายยาซึ่งจะต้องมีเภสัชกรคอยตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งเภสัชกรมักจะแม่นกว่าแพทย์ในประเด็นเรื่องเหล่านี้ครับ จะช่วยกันหลุดได้มาก แต่ของคุณปุยหลุด 2ที่เลยคือ หมอและเภสัช คงต้องกลับไปบอกหมอ และให้ข้อมูลเรื่องนี้กับทาง รพ.นะครับ เขาจะได้แก้ไขไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก เพราะเป็นเรื่องซีเรียสมากๆ 8)
-
- Verified User
- โพสต์: 1468
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 10
หาซื้อได้แถวไหนคะ กล้วยทอดอยู่บ้านนอกหน่ะnanchan เขียน:คุณปุย ลองกินเห็ดหลินจือ ดูเปล่าครับ
เห็นว่ามีประโยชน์หลายอย่าง
ลองอ่านหนังสือ what your doctor doen't know about nutritioal medicine may be killing you
โดย RAY D.STRAND M.D.
ดูซิครับ อาจได้ข้อคิดเพิ่มเติม ผมพึงอ่านได้50หน้าฉบับภาษาไทย ไม่อาจเอื้อมอ่านภาษาอังกฤษนะ
..สักวันจะเก่งเหมือนพี่บ้าง..
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 11
ที่ผมพาไปพบคุณหมอ คุณหมอจะให้ยาลดไข้เด็กมา 2 แบบนะครับ
แบบแรกสำหรับไข้ไม่สูงมากนัก คือไม่ถึง 39 -40 องศา ให้พร้อมกับเช็ดตัวเด็กไปเรื่อยๆจนกว่าไข้จะลด
ถ้าไข้สูงเกิน หรือครึ่งชัวโมงแล้วไข้ยังไม่ลง ก็จะให้ยาลดไข้อีกตัวครับ
เรื่องไข้สำหรับเด็กเล็ก ต้องระวังให้มาก เพราะเดี๋ยวเด็กชัก ถ้าเคยชักแล้ว ก็มีโอกาสชักไปอีก
เวลาเด็กเป็นไข้ พ่อแม่ไม่ค่อยได้นอน ต้องผลัดกันเฝ้าไข้ตลอดวันตลอดคืน ผมได้ดู DVD จบหลายเรื่องก็เพราะเฝ้าไข้ลูกตอนกลางคืนนี่ละครับ
แบบแรกสำหรับไข้ไม่สูงมากนัก คือไม่ถึง 39 -40 องศา ให้พร้อมกับเช็ดตัวเด็กไปเรื่อยๆจนกว่าไข้จะลด
ถ้าไข้สูงเกิน หรือครึ่งชัวโมงแล้วไข้ยังไม่ลง ก็จะให้ยาลดไข้อีกตัวครับ
เรื่องไข้สำหรับเด็กเล็ก ต้องระวังให้มาก เพราะเดี๋ยวเด็กชัก ถ้าเคยชักแล้ว ก็มีโอกาสชักไปอีก
เวลาเด็กเป็นไข้ พ่อแม่ไม่ค่อยได้นอน ต้องผลัดกันเฝ้าไข้ตลอดวันตลอดคืน ผมได้ดู DVD จบหลายเรื่องก็เพราะเฝ้าไข้ลูกตอนกลางคืนนี่ละครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- drchatri
- Verified User
- โพสต์: 767
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 12
ไม่น่าเป็นไรแล้วครับน้องปุยสบายใจได้ครับ ส่วนใหญ่ผื่นแพ้ยามักจะเกิดภายใน 24 ชม.นะครับ และอีกอย่าง มันไม่ได้เป็นตัวซัลฟาซะทีเดียวแต่เพียงมีโมเลกุลบางส่วนใกล้เคียงหน่ะครับ ผมว่าฤทธิ์คงอ่อนกว่าครับ หายใจให้ทั่วท้องเถอะครับ สงสารน้องแองจัง
- drchatri
- Verified User
- โพสต์: 767
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 13
เล่มนี้ผมก็เพิ่งเห็นอยู่ในซีเอดไม่นานี้เอง กำลังสนใจอยู้เหมือนกันครับ เท่าที่ลองเปิดดูคร่าวๆ เห็นเป็นหมอเขียน ก็น่าสนใจดีครับ หากว่าอิงวิชาการไม่ใช่การให้ข้อมูลเพื่อโฆษณาขายของ ผมก็เป็นคนที่ไม่ปิดกั้นเหมือนกันครับ เปิิดโลกทัศน์พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลาnanchan เขียน:คุณปุย ลองกินเห็ดหลินจือ ดูเปล่าครับ
เห็นว่ามีประโยชน์หลายอย่าง
ลองอ่านหนังสือ what your doctor doen't know about nutritioal medicine may be killing you
โดย RAY D.STRAND M.D.
ดูซิครับ อาจได้ข้อคิดเพิ่มเติม ผมพึงอ่านได้50หน้าฉบับภาษาไทย ไม่อาจเอือมอ่านภาษาอังกฤษนะ
- drchatri
- Verified User
- โพสต์: 767
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 14
ยาลดไข้ส่วนใหญ่สำหรับเด็กตอนนี้จะนิยมใช้อยู่สองอย่างนี้หล่ะครับ คือ Paracetamal และ Ibluprofen ครับ ซึ่งมักจะเป็นน้ำสีส้มข้นๆ เหมือนยาปฏิชีวนะ ปรกติแล้วยาที่นับว่าปลอดภัยที่สุดสำหรับเด็กในการลดไข้ก็คือยา พาราฯ นี่หล่ะครับ ซึ่งฤทธิ์ข้างเคียงน้อยมากครับ เรื่องฤทธิ์ต่อตับก็แทบไม่ต้องกังวลหากเรากินในขนาดปรกติไม่ได้ over dose แต่ยา Ibluprofen นี่ต้องระวังนิดครับ เนื่องจากเป็นยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียร์รอยด์ที่เรียกว่า NSAIDs(Non Steroidal Anti-Inflammatory drugs ) ซึ่งยาตัวนี้จะมีฤทธิ์หลายอย่างตั้งแต่ใช้แก้ปวด ลดไข้ และแก้อักเสบได้ด้วยครับ ยาตัวนี้มีฤทธิ์ลดไข้ได้ดีกว่าพาราฯ แต่ของฟรีไม่มีในโลกครับ ต้องแลกมากับข้อเสียคืออาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์ครับ เช่นระคายเคืองกระเพาะอาหาร จนอาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร อาจทำให้เกิดอาการบวมน้ำได้ จนอาจเกิดอาการแทรกซ้อนทางไตอักเสบก็ได้ และยังมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเกร็ดเลือดซึ่งมีความสำคัญในกระบวนการแข็งตัวของเลือดนะครับchatchai เขียน:ที่ผมพาไปพบคุณหมอ คุณหมอจะให้ยาลดไข้เด็กมา 2 แบบนะครับ
แบบแรกสำหรับไข้ไม่สูงมากนัก คือไม่ถึง 39 -40 องศา ให้พร้อมกับเช็ดตัวเด็กไปเรื่อยๆจนกว่าไข้จะลด
ถ้าไข้สูงเกิน หรือครึ่งชัวโมงแล้วไข้ยังไม่ลง ก็จะให้ยาลดไข้อีกตัวครับ
เรื่องไข้สำหรับเด็กเล็ก ต้องระวังให้มาก เพราะเดี๋ยวเด็กชัก ถ้าเคยชักแล้ว ก็มีโอกาสชักไปอีก
เวลาเด็กเป็นไข้ พ่อแม่ไม่ค่อยได้นอน ต้องผลัดกันเฝ้าไข้ตลอดวันตลอดคืน ผมได้ดู DVD จบหลายเรื่องก็เพราะเฝ้าไข้ลูกตอนกลางคืนนี่ละครับ
อย่างไรก็ตามอาการข้างเคียงเหล่านี้ ลดลงได้หากเรากินยาตอนหลังอาหารทันทีและดื่มน้ำตามมากๆนะครับ และใช้ยาในระยะเวลาอันสั้นเท่าที่จำเป็น ถ้าไข้ไม่สูงแล้วก็ควรจะรีบหยุดยานะครับ เห็นข้อแทรกซ้อนมากมายอย่างนี้ แต่แพทย์ก็ยังอาจเลือกใช้ไ้ด้ ข้อบ่งชี้คือไข้ต้องสูงมากเช่นเกิน 39-40 องศาเซลเซียส มีประวัติเคยชักตอนไข้สูงจัด ไข้สูงลอยตลอดเวลา กินยาพาราฯแล้วไข้ไม่ค่อยลง และที่สำคัญที่สุดก็คือ แพทย์ ต้องไม่ได้กำลังนึกถึง โรคไข้เลือดออกอยู่นะครับ เนื่องจาก ไข้เลือดออก มีโอกาสที่เมื่อการดำเนินโรคถึงจุดที่ผ่านการเป็นไข้มาแล้ว 4-5วันในช่วงนี้ไข้จะสูงลอยตลอด กินยาฉีดยาเช็ดตัว ไข้ไม่ค่อยจะลง ลงแป๊บเดียวก็จะซ้ำ อยู่ดีๆ ไข้ก็จะเริ่มลดเองโดยไม่ต้องทำอะไร แต่ช่วงที่ไข้ลงกลับเป็นช่วงที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดที่สุด เพราะช่วงนี้จะเป้นช่วงที่มีโอกาสจะเกิดการช๊อค คือความดันโลหิตต่ำ และภาวะเลือดออกจากการที่มีภาวะเกร็ดเลือดต่ำ และผนังหลอดเลือดฝอยเปราะแตกง่าย ซึ่งการใช้ยา Ibluprofen ในคนไข้ที่เป็นไข้เลือดออก ถือว่าไม่ควรอย่างยิ่งและเป็นข้อห้าม เนื่องจากจะเสี่ยงต่อการตกเลือดอย่างรุนแรงในกระเพราะอาหาร จนช๊อคได้ครับ ปัจจุบันกุมารแพทย์จะใช้น้อยลงและต้องให้ความระมัดระวังมากครับ ผมถามแฟนผมซึ่งเป็นหมอเด็กมาแล้ว เธอบอกว่าโดยทางปฏิบัติก็ยังใช้กันอยู่ แต่ใช้น้อยมากๆครับ หรือไม่ต้องเป็นคนไข้ที่รับตัวไว้นอน รพ.ซึ่งสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดได้ ปัจจุบันเราเน้นวิธีการลดไข้เด็กที่ถูกต้องและดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด คือ การให้เด็กกินยาพาราฯตามเวลาทุก 4-6ชม. และต้องถอดเสื้อผ้าเช็ดตัวลดไข้ด้วยวิธีการที่ถูกต้องครับ ถ้าไข้ซ้ำ ก็ห้ามพ่อแม่ขี้เกียจเด็ดขาด ต้องเช็ดซ้ำทันที เพื่อให้ระดับไข้ ไม่สูงเกินไปจนอาจสูงถึง threshold ที่จะเสี่ยงต่อการชักได้ ลูกผมเวลาป่วย ให้กินแต่พารา และเช็ดตัวครับ ตีสองตีสามก็ผลัดกันลุกขึ้นมาเช็ดตัวครับ ทำเองที่บ้านนี่หล่ะ ไม่เคยฉีดยาลดไข้เลย แต่ Ibluprofen ก็เคยใช้บ้างครับเท่าที่จำเป็น และต้องระวังแน่ใจอย่างที่ว่าครับว่าไม่ใช่ไข้เลือดออก สำหรับของลูกพี่ฉัตรชัย ก็ไม่ต้องกลัวเกินไปนะครับ เดี๋ยวอ่านข้อมูลของผมแล้วเลยพาลเลิกกินไป ตรงนี้คงต้องอยู่ในดุลพินิจและประสบการณ์ของคุณหมอที่ดูแลด้วยครับ เพียงแต่ผมให้ข้อมูลไว้ จะได้ระมัดระวังมากขึ้น
สำหรับยาลดไข้ชนิดกินตัวสุดท้ายที่อยากจะแถมให้รู้ไว้ก็คือ แอสไพรินครับ ยาแอสไพริน ก็เป็นยากลุ่มเดียวกับ Ibluprofen ครับ คือเป็น NSAIDs เหมือนกัน มีฤทธิ์คล้ายๆกัน ข้่างเคียงก็คล้ายๆกัน แต่มีของแถมที่อันตรายกว่าอีกก็คือ หากใช้ลดไข้ในเด็กเล็กที่เป็นไข้จาการติดเชื้อกลุ่มไวรัส( เช่นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ สุกใส ไข้เลือดออก คางทูม หัด ฯลฯ ) มีความเสี่ยงต่อการเกิดการแพ้ยาอย่างรุนแรงที่เรียกว่า Rye 's syndrome ซึ่งจะมีอาการโคมา อาการแทรกซ้อนทางตับรุนแรงจนถึง ตับวายได้ ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ อาการแทรกซ้อนนี้มักมีโอกาสเกิดในเด็กเล็กมากกว่าเด็กโตและผู้ใหญ่ ปัจจุบัน แพทย์ไม่ค่อยใช่ยานี้สำหรับลดไข้แล้วหล่ะครับ โดยเฉพาะในเด็ก แต่อาจใช้ด้วยข้อบ่งชี้อื่นๆมากกว่า
ก็เขียนมายืดยาว ไม่รู้ว่าเบื่อที่จะอ่านกันหรือเปล่า แต่ผมคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย ครับ ขอให้ทุกคนโชคดีมีสุขภาพแข็งแรง อย่าได้ป่วยไข้ไม่สบายบ่อยหรือหนักๆ แต่หากต้องป่วยไข้ ก็ขอให้หายไวๆ และปลอดภัยสูงสุดกับการใช้บริการทางการแพทย์แผนปัจจุบัน กับแพทย์ประจำตัวท่านที่ท่านไว้ใจครับ :D
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 15
ยาที่ใช้เป็นประเภท Ibuprofen B.P. ยี่ห้อ Nurofen ครับ
ถามคุณหมออีกข้อครับ
เวลาเด็กเป็นไข้ สามารถนอนห้องแอร์ได้ไหมครับ
ภรรยาของผมมักจะให้ลูกนอนในห้องที่ไม่เปิดแอร์ ไม่เปิดพัดลมครับ
เค้าบอกว่าให้นอนร้อนๆ เหงื่อออกจะได้หายไข้
แต่ทั้งเด็กและพ่อแม่ก็นอนลำบากเพราะร้อนนะครับ
ถามคุณหมออีกข้อครับ
เวลาเด็กเป็นไข้ สามารถนอนห้องแอร์ได้ไหมครับ
ภรรยาของผมมักจะให้ลูกนอนในห้องที่ไม่เปิดแอร์ ไม่เปิดพัดลมครับ
เค้าบอกว่าให้นอนร้อนๆ เหงื่อออกจะได้หายไข้
แต่ทั้งเด็กและพ่อแม่ก็นอนลำบากเพราะร้อนนะครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- drchatri
- Verified User
- โพสต์: 767
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 19
หวัดดีครับ พี่ฉัตรชัย ยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยครับ พูดถึงเรื่องว่าเวลาเป็นไข้ แล้วต้องพยายามให้เหงื่อออกแล้วไข้จะลด มันก็มีความจริงซักครึ่งครับ เพราะแน่นอนว่า ระบบระบายความร้อนของร่างกายก็คล้ายๆ รถยนนั่นแหล่ะครับที่ต้องอาศัยหม้อน้ำระบายความร้อน เหงื่อก็จะช่วยนำพาความร้อนออกจากร่างกายได้ ดังนั้น หากร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำ ก็เหมือนรถยนต์ที่หม้อน้ำแห้ง จนเครื่องฮีท และในที่สุดก็น๊อค(ถ้าเป็นเด็กก็คือชัก) ดังนั้นในภาวะที่กำลังมีไข้สูงต้องให้คนไข้ดื่มน้ำมากๆ นะครับ น้ำอุ่นจะดีกว่าน้ำเย็นเพราะช่วยให้เสมหะละลายด้วย และทำให้อุณหภูมิไม่แกว่งไป แต่หากเป็นกรณีที่เด็กมีแผลในปาก หรือเป็นโรคที่เรียกว่า Herpangina ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อไวรัส Coxakie ชนิดหนึ่งซึ่งจะมีแผลพุพองและเป็นเม็ดตุ่มน้ำใสในปาก และเพดานปากจำนวนมาก (แต่จะไม่เหมือน Hand Foot Mouth ที่เป็นตุ่มน้ำใสขึ้นมือและเท้าด้วย) รวมทั้ง HFM นี่ด้วยนะครับ ต้องให้เด็กกินของเย็นๆ จัด เช่นน้ำแข็ง หรือไอติม เนื่องจากเด็กจะเจ็บปวดแผลอย่างมาก หากให้กินน้ำอุ่น การกินของเย็นจัด ช่วยลดอาการเจ็บปวดได้มาก และทำให้เด็กได้รับอาหารดีขึ้นchatchai เขียน:ยาที่ใช้เป็นประเภท Ibuprofen B.P. ยี่ห้อ Nurofen ครับ
ถามคุณหมออีกข้อครับ
เวลาเด็กเป็นไข้ สามารถนอนห้องแอร์ได้ไหมครับ
ภรรยาของผมมักจะให้ลูกนอนในห้องที่ไม่เปิดแอร์ ไม่เปิดพัดลมครับ
เค้าบอกว่าให้นอนร้อนๆ เหงื่อออกจะได้หายไข้
แต่ทั้งเด็กและพ่อแม่ก็นอนลำบากเพราะร้อนนะครับ
สรุปว่าน้ำอะไรก็ดีทั้งนั้น กินมากๆ ไม่เสียหาย แต่เลือกให้เหมาะสมก็จะดีครับ
ส่วนประเด็นที่ว่า เวลาเป็นไข้นอนห้องเปิดแอร์ได้หรือไม่นั้น แต่ก่อนที่ผมจะเป็นหมอ ก็เคยมีความเชื่อคล้ายๆ แฟนพี่ฉัตรชัยครับ เพราะเราลูกคนจีนก็ถูกสอนกันมาอย่างนี้ ต้องเอาผ้ามาห่มคุมโปง และต้องนอนร้อนๆ ให้เหงื่อออกมากๆ แล้วไข้จะได้ลด แต่พอผมมาเป็นหมอแล้ว ถึงได้รู้ว่าการทำเช่นนั้น กลับเสี่ยงต่อการที่ร่างกายจะมีอุณหภูมิขึ้นสูงอย่างรวดเร็วจน ฮีท นะครับ เพราะถ้าขณะไข้สูงจัด นั้นรูขุมขนมักจะปิด การยิ่งคุมโปงด้วยผ้าหนาๆ กลับยิ่งทำให้ร่ายกายไม่มีทางระบายความร้อนออกได้ครับ ผมคิดว่าอันตรายและไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งครับ วิธีดีที่สุดคือการ ให้กินยาลดไข้ และเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น หรือน้ำที่ไม่เย็นจัดจนเกินไป ให้เช็ดตามซอกคอรักแร้และขาหนีบ เอาผ้าโปะทิ้งไว้เลย พอ ผ้าร้อนก็เปลี่ยน ลำตัวก็ให้ใช้ผ้าลูบให้ทั่วทั้งด้านหน้าและหลัง ท่าที่ผมชอบใช้เช็ดตัวลูกคือที่นอนตะแคงครับ เพราะเช็ดได้พร้อมกันทั้งหน้าและหลัง ส่วนแขนขาก็ให้ลูบย้อนจากปลายมือปลายเท้าเข้าหาลำตัวครับ เพื่อย้อนรูขุมขนให้รูขุมขนเปิด เวลาเช็ดให้ใช้ผ้าหลายๆผืนครับ อย่าใช้ผืนเดียวนะครับ และอย่าโปะเฉพาะหน้าผาก และอย่าสงสารเด็กเกินไปนะครับ ถ้าไม่ยอมเพราะร้องไห้ก็ต้องยอมทนครับ เพราะเด็กมักจะอ้อนไม่ยอมให้เช็ด แต่เราก็ต้องฝืนครับ เพราะการไม่เช็ดตัว รอให้ไข้ขึ้นจนฮีทมีผลเสียมากกว่าครับ เป็นธรรมชาติของเด็ก ที่ต้องร้องครับ พ่อแม่ต้องอดทนทำภาระกิจนี้ให้ได้ เพื่อลูกครับ เขาไม่รู้เรื่องหรอกครับตอนนี้ แต่พอโตขึ้นเขาจะซาบซึ้งในการกระทำของเราอย่างแน่นอน ลูกผมประจำครับ ขนาดแฟนผมเป็นหมอเด็ก พอลูกร้อง ก็ไม่ค่อยกล้าเช็ด ผมต้องจัดการเอง ขืนใจแป๊บเดียวไข้ก็จะลง อย่างรวดเร็ว แล้วเด็กก็จะสบาย นอนหลับสบายครับ เวลาเช็ดอย่าถูแรงไปนะครับ ลูบเบาๆ และห้ามใช้น้ำเย็นจัด หรือน้ำผสมแอลกอฮอล์เด็ดขาดนะครับ เพราจะทำให้อุณหภูมิลดเร็วเกินไป และเกิดมีภาวะสั่น และขนตั้งตามมา ซึ่งจะทำให้ไข้กลับซ้ำเร็ว ต้องใช้น้ำอุ่นเช็ดซึ่งน้ำอุ่น จะช่วยนำพาความร้อนระบายออกไปอย่างช้าๆ เหมือนกับรถยนต์ที่หม้อน้ำแห้งเพราะเครื่องฮีท จะเติมน้ำทันที่ไม่ได้ครับ เย็นเร็วไปเครื่องจะพัง ส่วนแอลกอฮอล์นอกจากมีผลระบายความร้อนเร็วไปแล้ว ยังมีไอระเหยที่อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ครับ ถ้าไข้ซ้ำ ก็ห้ามขี้เกียจหรือสงสารเด็กเด็ดขาดครับ ต้องเช็ดตัวซ้ำ คอยดูเวลาให้ยาถ้าถึงเวลาให้ซ้ำได้ก็ให้ รับรองว่าลูกที่รักของเราก็จะไม่ฮีทเด็ดขาดครับ
ส่วนประเด็นเรื่องนอนแอร์ได้ไหม ไม่เป็นข้อห้ามนะครับ กลับเป็นผลดีเสียอีกครับ เพราะการนอนห้องแอร์ จะเป็นห้องที่ได้รับการปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะต่อร่างกาย เราสามารถควบคุมอุณหภูมิได้แน่นอน ความชื้นสัมพัทธ์ก็พอเหมาะ หายใจสะดวกกว่า จะทำให้ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ เพราะหลับสบายกว่าครับ การที่อุณหภูมิคงที่ ก็เป็นผลดีมากกว่าครับ แต่ที่ต้องระวังคือ ให้เด็กใส่เสื้อผ้าหนาขึ้นนิดนึง และคลุมช่วงคอและหน้าอกให้ดี เท่านี้ก็พอครับ ในห้อง ไอซียู ของ รพ.ทุก รพ. ก็เป็นห้องปรับอากาศทั้งนั้นครับ และคนไข้ในห้อง ไอซียู ส่วนใหญ่ถ้ามีไข้ติดเชื้อก็ อุณหภูมิทะลักจุดเดือด แทบทุกรายนะครับ แต่เราก็ให้นอนในห้องปรับอากาศที่เย็นสบายด้วยสาเหตุอย่างที่เล่ามา การที่พีฉัตรชัย และครอบครับ พยายามนอนร้อนๆเพื่อเพียงหวังให้เหงื่อออกเพื่อมาระบายความร้อนอีกที มันไม่คุ้มกันเลยครับ ทรมานเปล่าๆ ครับ เพราะเราแค่เช็ดตัวอย่างถูกวิธี ก็สามารถระบายความร้อนออกจากร่างกายได้ดีกว่าเหงื่อออกเป็นไหนๆนะครับ
การปรับอุณหภูมิในห้องก็เอาประมาณ 25-27องศาเซลเซียสครับ ถ้าชอบอุ่นหน่อยก็ตั้งสูงถ้าชอบเย็นก็ 25 รับรองไม่มีปัญหาครับ แต่เรื่องว่าเปิดแอร์แล้วภูมิแพ้จะกำเริบไหม ก็ล้างแอร์บ่อยๆซิครับ แอร์จะได้ไม่สกปรก และสะสมฝุ่นละออง และเชื้อรา แต่หากใครไม่มีแอร์ก็ไม่เป็นไรครับ ควรเปิดหน้าต่างให้โล่งเพื่อให้มีลมพัดระบายเย็นสบาย หรืออาจเปิดพัดลมส่ายไปมาไม่จ่อที่ตัว จะดีกว่าปิดห้องให้เป็นเตาอบนะครับ
ที่เล่ามานี้ไม่ได้ใช้กับเด็กแรกเกิดนะครับ เพราะเด็กแรกเกิดจะต้อง Keep warm ครับไม่เหมือนกัน ซึ่งกุมารแพทย์ต้องเอาเข้าตู้อบหรือที่เรียกว่า Incubator เพื่อปรับอุณหภูมิ เพราะร่ายกายเด็กแรกเกิดจะมีการสูญเสียความร้อนได้ง่าย และเวลาเด็กแรกเกิดเวลาติดเชื้อรุนแรงนั้น(เช่นภาวะติดเชื้อในกระแสโลหิต หรือที่เรียกว่า Sepsis ) อุณหภูมิร่างกายมักจะลดลงที่เรียกว่า Subtemperature มากกว่าที่จะมีไข้
ลูกผมเวลาเป็นไข้ ก็เปิดแอร์นอนตามปรกติครับ อาจจะเพิ่มอุณหภูมิให้อุ่นขึ้นเล็กน้อยราว 1องศาครับ นอนเย็นสบายหลับปุ๋ยทั้งพ่อแม่ลูกครับ (เพราะหลังจากปลุกปลั้ม กระทำชำเราเช็ดตัว เสร็จแล้วก็เพลียกันหมดครับ เพราะระหว่างเช็ดลูกก็จะร้องตลอด พ่อแม่ก็ต้องปลอบโยนไปตามเรื่องครับ ผมมักจะพูดกับลูกว่า พ่อจำเป็นต้องเช็ดตัวหนูนะ เพราะหนูมีไข้สูง ถ้าพ่อไม่ทำเดี๋ยวหนูก็จะชักและเป็นอันตราย พ่อรักหนูมากๆ นะครับ พ่อขอโทษที่อาจทำให้หนูเจ็บ แต่พ่อก็จะเป็นต้องทำ (จริงๆ ไม่เจ็บหรอกครับ เช็ดตัวแค่นี้ ) ผมพูดไปเรื่อยๆ ครับ ระหว่างที่เช็ดตัว ไม่ได้หวังให้ลูกรู้เรื่องอะไรหรอกครับ แต่หวังให้ค่อยๆซึมซับ ผมว่าถึงลูกจะฟังไม่ออกหรือไม่เข้าใจ แต่อย่างน้อยผมว่า ด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นของเรา และความปรารถนาดีของเรา ทำให้ลูกรับรู้ได้แน่นอนครับ
หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับพี่ๆน้องๆ ไม่มากก็น้อย ขอเป็นกำลังใจให้ คุณพ่อคุณแม่ที่รักและห่วงใยลูกสุดทีั้่รักทุกท่านครับ โชคดีครับ
- Raphin Phraiwal
- Verified User
- โพสต์: 1342
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 20
ขอบคุณพี่ปุย และพี่หมอครับ
รักในหลวงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 22
พี่หมอครับ พอดีผมได้ยินชื่อโรค FHM เลยไปลองค้นดู
ได้ผลลัพธ์แบบนี้อ่ะครับ จะรักษายังไงดีครับ หรือว่าผมพิมพ์อะไรผิด ... :lol:
(ล้อเล่นๆ... อิอิ :D )
ได้ความรู้มากเลยครับ โดยเฉพาะความเข้าใจผิดสำหรับวิธีการลดไข้เด็ก
ขอบคุณคุณหมอโฮจุนแห่ง TVI
ได้ผลลัพธ์แบบนี้อ่ะครับ จะรักษายังไงดีครับ หรือว่าผมพิมพ์อะไรผิด ... :lol:
(ล้อเล่นๆ... อิอิ :D )
ได้ความรู้มากเลยครับ โดยเฉพาะความเข้าใจผิดสำหรับวิธีการลดไข้เด็ก
ขอบคุณคุณหมอโฮจุนแห่ง TVI
- drchatri
- Verified User
- โพสต์: 767
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 23
:mrgreen: :B :twisted: :ep: :DHVI เขียน:พี่หมอครับ พอดีผมได้ยินชื่อโรค FHM เลยไปลองค้นดู
ได้ผลลัพธ์แบบนี้อ่ะครับ จะรักษายังไงดีครับ หรือว่าผมพิมพ์อะไรผิด ... :lol:
(ล้อเล่นๆ... อิอิ :D )
ได้ความรู้มากเลยครับ โดยเฉพาะความเข้าใจผิดสำหรับวิธีการลดไข้เด็ก
ขอบคุณคุณหมอโฮจุนแห่ง TVI
โรคนี้เป็นต้นเหตุของ Over Heat อย่างหนึ่งในผู้ป่วยชายสูงอายุที่ระบบระบายความร้อนของร่างกาย
เริ่มเสื่อมสมรรถภาพแล้วหน่ะครับ อาจพอจะป้องกันได้บ้างด้วยการลดอุณหภูมิในจิตใจก่อนด้วยการเช็ดใจและเอาธรรมะเข้าลูบหน่ะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 26
ขอบคุณหมอชาตรีมากๆครับ
หลายประเด็นที่ผมสงสัยมานาน
หมออธิบายอย่างชัดเจนมากครับ
ทั้งยา Ibluprofen และเรื่องการเช็ดตัว
เวปเรามีผู้รู้หลายๆด้านจริงๆครับ
เวลาลูกไม่สบาย พ่อแม่เหนื่อยกายที่สุดครับ
ลูกๆจะรู้ไหมหนอ
วงเวียนชีวิต
พ่อเราก็คงทำอย่างนี้เช่นกัน
หลายประเด็นที่ผมสงสัยมานาน
หมออธิบายอย่างชัดเจนมากครับ
ทั้งยา Ibluprofen และเรื่องการเช็ดตัว
เวปเรามีผู้รู้หลายๆด้านจริงๆครับ
เวลาลูกไม่สบาย พ่อแม่เหนื่อยกายที่สุดครับ
ลูกๆจะรู้ไหมหนอ
วงเวียนชีวิต
พ่อเราก็คงทำอย่างนี้เช่นกัน
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- drchatri
- Verified User
- โพสต์: 767
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 27
หวัดดีครับคุณลูกอิสาน ดีใจจังเลยครับที่เข้ามาทักทาย ผมยังจำได้ไม่มีวันลืมที่วันแรกที่ผมสมัครเป็นสมาชิกของ TVI ก็เป็นคุณลูกอิสานนี้แหล่ะครับ ที่กรุณาเข้ามาตอบกระทู้ของผม ในห้องมือใหม่ ทำให้ผมรู้สึกทันทีว่า เวบนี้เป็นเวบที่ช่างอบอุ่นเสียจริงๆ และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ตั้งใจมาตลอดว่า หากมีทางใดที่จะตอบแทนแก่ทุกคนในเวบนี้ได้ ผมก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถเ่ท่าที่จะทำได้ ดีมากครับ พวกเราต่างสาขาต่างอาชีพ แต่ก็มาพูดคุยเป็นเพื่ือนกันได้ จะอยู่กันคนละภาคหรือแม้แต่ ซีกโลกอย่างน้องปุย เราก็ยังคุยกันได้อย่างอบอุ่นทุกวัน เหมือนเราอยู่บ้านเดียวกันเลยครับ ขอบคุณ เวบมาสเตอร์และเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆทุกท่านที่ทำให้เวบเรามีชีวิต และความอบอุ่นเช่นนี้ ขอบคุณอีกครั้งครับลูกอิสาน เขียน:ขอบคุณหมอชาตรีมากๆครับ
หลายประเด็นที่ผมสงสัยมานาน
หมออธิบายอย่างชัดเจนมากครับ
ทั้งยา Ibluprofen และเรื่องการเช็ดตัว
เวปเรามีผู้รู้หลายๆด้านจริงๆครับ
เวลาลูกไม่สบาย พ่อแม่เหนื่อยกายที่สุดครับ
ลูกๆจะรู้ไหมหนอ
วงเวียนชีวิต
พ่อเราก็คงทำอย่างนี้เช่นกัน
- drchatri
- Verified User
- โพสต์: 767
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 28
วานนี้เพิ่งให้การรักษาคนไข้ซึ่งมาด้วยอาการแพ้ยา Ibluprofen เป็นผื่นคันทั้งตัว และหน้าบวม หนังตาบวม หายใจติดขัด โชคยังดีที่ไม่ช๊อคครับ น้องคนนี้เป็นคนงานโรงงาน แล้วมีอาการปวดเมื่อยธรรมดาจึงไปขอยาจากห้องยาของโรงงาน จริงๆ น้องคนนี้เขาไม่เคยมีประวัติแพ้ยาตัวนี้โดยตรง แต่มีประวัติแพ้ยา Voltaren หรือชื่อสามัญทางยาว่า Diclofenac ซึ่งมันเป็นยากลุ่ม NSAIDs เหมือนกัน แสดงว่า น้องคนนี้เขาต้องมีการแพ้ยาอยู่ในกลุ่มนี้ทั้งกลุ่มได้ เหมือนถ้าคนเคยแพ้ยากลุ่ม Penicillin ก็อาจแพ้ Amoxycillin Ampicillin Augmentin หรือแม้กระทั่งแพ้ยาข้ามกลุ่มไปเลยเช่น Cephalosporin ซึ่งมันมีโมเลกุลบางส่วนที่คาบเกี่ยวกัน สรุป ว่าหากท่านจำเป็นต้องใช้ยา ก็ขอให้ระมัดระวังมากๆ ต้องให้ประวัติการแพ้ยาแก่แพทย์ และเภสัช เสมอนะครับ และไม่ควรซื้อยาชุดที่เราไม่รู้ว่าเป็นยาอะไร หากจำเป็นต้องซื้อยากินเองจริง ควรซื้อจากร้านขายยาที่มีเภสัช ให้ข้อมูลทางยาแก่ท่านด้วยนะครับ ด้วยความห่วงใย.. 8)
-
- Verified User
- โพสต์: 2032
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 29
พี่หมอครับ ถามต่อ.... :lol:
เผอิญผมได้ดูช่อง ITV เมืองไทย (ผ่านทาง TGN) แล้วเค้ามีโฆษณาเกี่ยวกับ โรค I P D ในเด็ก ไม่เกิน 5 ขวบ (ประมาณว่า เยื่อสมองอักเสบ มั้งครับ)
แล้วบอกว่าสอบถามรายละเอียดการป้องกันเพิ่มเติม ได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน
ไม่ทราบ พี่พอมีข้อมูลหรือไม่ ผมดูโฆษณาแล้ว รู้สึกเอาเองว่าเหมือนจูงใจ ให้ไปฉีดวัคซีนป้องกัน อะไรทำนองนั้น
จริงๆ จำเป็นแค่ไหนครับ อัตราการติดโรค มาก-น้อยแค่ไหน เพราะไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย แล้วถ้าไปรับวัคซีน แบบเผื่อเอาไว้ (กันไว้ดีกว่าแก้) อันนั้น จะมีข้อเสียอะไรมั้ยครับ
อันนี้ไม่ด่วนนะครับ ไว้พี่หมอ พอมีเวลาว่างเมื่อไร ค่อยเขียนตอบก็ได้
เผอิญผมได้ดูช่อง ITV เมืองไทย (ผ่านทาง TGN) แล้วเค้ามีโฆษณาเกี่ยวกับ โรค I P D ในเด็ก ไม่เกิน 5 ขวบ (ประมาณว่า เยื่อสมองอักเสบ มั้งครับ)
แล้วบอกว่าสอบถามรายละเอียดการป้องกันเพิ่มเติม ได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน
ไม่ทราบ พี่พอมีข้อมูลหรือไม่ ผมดูโฆษณาแล้ว รู้สึกเอาเองว่าเหมือนจูงใจ ให้ไปฉีดวัคซีนป้องกัน อะไรทำนองนั้น
จริงๆ จำเป็นแค่ไหนครับ อัตราการติดโรค มาก-น้อยแค่ไหน เพราะไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย แล้วถ้าไปรับวัคซีน แบบเผื่อเอาไว้ (กันไว้ดีกว่าแก้) อันนั้น จะมีข้อเสียอะไรมั้ยครับ
อันนี้ไม่ด่วนนะครับ ไว้พี่หมอ พอมีเวลาว่างเมื่อไร ค่อยเขียนตอบก็ได้
- drchatri
- Verified User
- โพสต์: 767
- ผู้ติดตาม: 0
ทุกคนที่กินยา: กรุณาอ่าน
โพสต์ที่ 30
ผมขออนุญาต search มาตอบแทนแล้วกันนะครับ เพราะรายละเอียดค่อนข้างจะมาก และจะละเอียดกว่าที่ผมจะตอบเองนะครับ ผมพยายามเลือกที่อ่านเข้าใจตรงประเด็นมาให้เลยครับ คือของสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ครบถ้วนที่ถามมาเลยครับ ลองน้องปุยและเพื่อนๆ ทัศนาดูครับ :lol:ปุย เขียน:พี่หมอครับ ถามต่อ.... :lol:
เผอิญผมได้ดูช่อง ITV เมืองไทย (ผ่านทาง TGN) แล้วเค้ามีโฆษณาเกี่ยวกับ โรค I P D ในเด็ก ไม่เกิน 5 ขวบ (ประมาณว่า เยื่อสมองอักเสบ มั้งครับ)
แล้วบอกว่าสอบถามรายละเอียดการป้องกันเพิ่มเติม ได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน
ไม่ทราบ พี่พอมีข้อมูลหรือไม่ ผมดูโฆษณาแล้ว รู้สึกเอาเองว่าเหมือนจูงใจ ให้ไปฉีดวัคซีนป้องกัน อะไรทำนองนั้น
จริงๆ จำเป็นแค่ไหนครับ อัตราการติดโรค มาก-น้อยแค่ไหน เพราะไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย แล้วถ้าไปรับวัคซีน แบบเผื่อเอาไว้ (กันไว้ดีกว่าแก้) อันนั้น จะมีข้อเสียอะไรมั้ยครับ
อันนี้ไม่ด่วนนะครับ ไว้พี่หมอ พอมีเวลาว่างเมื่อไร ค่อยเขียนตอบก็ได้
http://www.pidst.net/2005/peaple.php
ของ รพ.กรุงเทพ http://www.bangkokhealth.com/sitesearch ... umber=9769
ของสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย http://www.pedsocthai.org/content_view. ... 45cb67a8bb
ปล.น้องปุยไม่ต้องกลัวครับ ของผมลูกก็ไปเนิสเซอร์รี่มาครบปีกว่าแล้ว และกำลังจะเอาเข้าอนุบาล แต่ก็ยังไม่ได้ฉีดตัวนี้เหมือนกันครับ ผมเคยถามภรรยาเหมือนกันว่าต้องฉีดไหม แต่ดูเขาไม่กะตือรือร้นที่จะฉีดซักเท่าไหร่ ยังไงก็มีลูกผมเป็นเพื่อนนะครับ (ผมเข้าใจเอาเองว่า ถ้าเราอ่านข้อมูลดีๆจะพบว่า IPD เสี่ยงไม่มากในเด็กไทยเหมือนในต่างประเทศ และเด็กที่จะเสี่ยงมากๆ ต้องเป็นพวกที่มีร่างกายไม่แข็งแรงและภาวะภูมิต้านทานไม่ดี เช่นพวกถูกตัดม้าม เป็นโรคเรื้อรังเช่นโรคเบาหวาน โรคตับ ฯลฯ และเด็กที่อายุน้อยกว่า 2ขวบครับ ไม่ใช่ 5ขวบ ลูกผมเลยแล้วครับ 2ขวบกว่า ) :D