พุทธวจนในธรรมบท โดย อ.เสถียรพงศ์ วรรณปก

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

พุทธวจนในธรรมบท โดย อ.เสถียรพงศ์ วรรณปก

โพสต์ที่ 1

โพสต์

๑. สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส
สพฺเพ ภายนฺติ มจฺจุโน
อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา
น หเนยฺย น ฆาตเย ฯ ๑๒๙ ฯ


สัตว์ทั้งหมดกลัวโทษทัณฑ์
สัตว์ทั้งหมดกลัวความตาย
เปรียบตนเองกับผู้อื่นอย่างนี้แล้ว
ไม่ควรฆ่าเอง ไม่ควรสั่งให้คนอื่นฆ่า


All tremble at punishment;
All fear death;
Comparing others with oneself,
One should neither kill nor cause to kill.

๒. สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส
สพฺเพสํ ชีวิตํ ปิยํ
อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา
น หเนยฺย น ฆาตเย ฯ ๑๓๐ ฯ


สัตว์ทั้งหมดกลัวโทษทัณฑ์
สัตว์ทั้งหมดรักชีวิตของตน
เปรียบตนเองกับคนอื่นอย่างนี้แล้ว
ไม่ควรฆ่าเอง ไม่ควรสั่งให้คนอื่นฆ่า


All tremble a punishment;
To all life is dear;
Comparing others with oneself,
One should neither kill nor cause to kill.


๓. สุขกามานิ ภูตานิ
โย ทณฺเฑน วิหึสติ
อตฺตโน สุขเมสาโน
เปจฺจ โส น ลภเต สุขํ ฯ ๑๓๑ ฯ


สัตว์ทั้งหลายล้วนต้องการความสุข
ผู้ที่ต้องการความสุขแก่ตน
แต่เบียดเบียนสัตว์อื่น
ตายไปแล้วย่อมไม่ได้รับความสุข


Whoso, himself seeking happiness,
Harms pleasure-loving beings-
He gets no happiness
In the world to come.


๔. สุขกามานิ ภูตานิ
โย ทณฺเฑน น หึสติ
อตฺตโน สุขเมสาโน
เปจฺจ โส ลภเต สุขํ ฯ ๑๓๒ ฯ


สัตว์ทั้งหลายล้วนต้องการความสุข
ผู้ที่ต้องความสุขแก่ตน
ไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น
ตายไปแล้วย่อมได้รับความสุข


Whoso, himself seeking happiness,
Harms not pleasure-loving being-
He gets happiness
In the world to come.


๕, มาโวจ ผรุสํ กญฺจิ
วุตฺตา ปฏิวเทยฺยุ ตํ
ทุกฺขา หิ สารมฺภกถา
ปฏิทณฺฑา ผุเสยฺยุ ตํ ฯ ๑๓๓ ฯ


อย่ากล่าวคำหยาบแก่ใครๆ
เมื่อถูกท่านด่าว่า เขาจะโต้ตอบท่าน
การพูดจากร้าวร้าวกันเป็นเหตุก่อทุกข์
อาจลุกลามถึงขั้นลงมือประทุษร้ายกัน


Speak not harshly to anyone.
Those thus addressed will retort.
Painful, indeed, is vindictive speech.
Blows in exchange may bruise you.

๖. สเจ เนเรสิ อตฺตานํ
กํโส อุปหโต ยถา
เอส ปตฺโตสิ นิพฺพานํ
สารมฺโภ เต น วิชฺชติ ฯ ๑๓๔ ฯ

ถ้าเธอทำตนให้เงียบเสียงได้
เหมือนฆ้องแตก
ก็นับว่าเธอเข้าถึงนิพพานแล้ว
เธอก็จะไม่ต้องทะเลาะเบาะแว้งกับใครอีก


If you silence yourself
As a broken gong,
You have already attained Nibbana.
No contention will be found in you.

๗. ยถา ทณฺเฑน โคปาโล
คาโว ปาเชติ โคจรํ
เอวํ ชรา จ มจฺจุ จ
อายุํ ปาเชนฺติ ปาณินํ ฯ ๑๓๕ ฯ


ความแก่และความตาย
ไล่ต้อนอายุสัตว์ทั้งหลายไป
เหมือนเด็กเลี้ยงโค ถือท่อนไม้
คอยไล่ต้อนฝูงโคไปสู่ที่หากิน


As with a staff the cowherd drives
His cattle out to pasture-ground,
So do old age and death comple
The life of beings (all around).

8. อถ ปาปานิ กมฺมานิ
กรํ พาโล น พุชฺฌติ
เสหิ กมฺเมหิ ทุมฺเมโธ
อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ ฯ136ฯ


คนพาล เวลาทำชั่ว
หาสำนึกถึงผลของมันไม่
คนทรามปัญญามักเดือดร้อน
เพราะกรรมชั่วของตัว
เหมือนถูกไฟไหม้


When a fool does wicked deeds,
He does not know their future fruit.
The witless one is tormented by his own deeds
As if being burnt by fire.


9. โย ทณฺเฑร อทณฺเฑสุ
อปฺปทุฎฺเฐสุ ทุสฺสติ
ทสนฺนมญฺญตรํ ฐานํ
ขิปฺปเมว นิคจฺฉติ ฯ137ฯ


ผู้ทำร้ายลงทัณฑ์แก่บุคคล
ผู้ไม่เบียดเบียน ไม่ทำร้ายใคร
ย่อมได้รับผลสนองสิบอย่าง
อย่างใดอย่างหนึ่งทันตาเห็น


He who inflicts pnishment on those
Who are harmless and who offend no one
Speedily comes to one of these ten states;


10. เวทนํ ผรุสํ ชานึ
สรีรสฺส จ เภทนํ
ครุกํ วาปิ อาพาธํ
จิตฺตกฺเขปํว ปาปุเณ ฯ138ฯ


ได้รับเวทนาอย่างรุนแรง
ได้รับความเสื่อมเสีย
ถูกทำร้ายร่างกาย
เจ็บป่วยอย่างหนัก
กลายเป็นคนวิกลจริต


To grievous bodily pain,
To disaster,
To bodily injury,
To serious illness,
To loss of mind,
Will he come.


11. ราชโต วา อุปสคฺคํ
อพฺภกฺขานํ ว ทารุณํ
ปริกฺขยํ ว ญาตีนํ
โภคานํ ว ปภงฺคุณํ ฯ139ฯ


ต้องราชภัย
ถูกกล่าวหาอย่างรุนแรง
ไร้ญาติพี่น้อง
ทรัพย์สมบัติก็พินาศฉิบหาย


To oppression by the king,
to grave accusation,
To loss of relatives,
To destruction of wealth,
(will he come).


12. อถวาสฺส อคารานิ
อคฺคิ ฑหติ ปาวโก
กายสฺส เภทา ทุปฺปญฺโญ
นิรยํ โส อุปปชฺชติ ฯ140ฯ


หรือไม่บ้านเรือนของเขาย่อมถูกไฟไหม้
ตายไป เขาผู้ทรามก็ตกนรก


Or his house will be burnt up with fire,
And that unwise one will pass to hell
In the world to come.


13. น นคฺคจริยา น ชฎา น ปงฺกา
นานาสกา ตณฺฑิลสายิกา วา
รโชชลฺลํ อุกฺกุฎิกปฺปธานํ
โสเธนฺติ มจฺจํ อวิติณฺณกงฺขํ ฯ141ฯ


ไม่ใช่ประพฤติตนเป็นชีเปลือย ไม่ใช่มุ่นชฏา
ไม่ใช่เอาโคลนทาร่างกาย ไม่ใช่การอดอาหาร
ไม่ใช่นอนบนดิน ไม่ใช่คลุกฝุ่นธุลี ไม่ใช่นั่งกระโหย่ง
ที่ทำให้คนผู้ยังไม่ข้ามพ้นความสงสัย บริสุทธิ์


Not nakedness, nor matted hair,
Nor dirt,nor fasting,
Nor llying on the ground,
Nor besmearing oneself with ashes,
Nor squatting on the heels,
Can purity a mortal
Who has not overcome doubts.


14. อลงฺกโต เจปิ สมํ จเรยฺย
สนฺโต ทนฺโต นิยโต พฺรหฺมจานี
สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ
โส พฺรามหฺมโณ โส สมโณ ส ภิกขุ ฯ142ฯ


ถึงจะแต่งกายแบบใด ๆ ก็ตาม
ถ้าใจสงบระงับ ควบคุมตัวได้
มั่นคง บริสุทธิ์ ไม่เบียดเบีนคนอื่น
เรียกว่า พราหมณ์ สมณะ หรือ ภิกษุ


In whatever he be decked,
If yet he cultivates traquilty of mind,
Is calm, controlled, certain and chaste,
And has ceased to injure all other beings,
He is indeed, a brahmana, a samana, a bhikkhu.


15. หิรีนิเสโธ ปุริโส
โกจิ โลกสฺมึ วิชฺชติ
โย นิทฺทํ อปโพเธติ
อสฺโส ภทฺโร กสามิว ฯ153ฯ


ผู้หักห้ามใจไม่ทำชั่วเพราะละอายบาป
หาได้น้อยนักในโลกนี้
คนเช่นนี้ย่อมปลุกตัวเองจากหลับอยู่เสมอ
เหมือนม้าดี ระวังตัวเองให้พ้นแส้

Rarely is found in this world anyone
Who is restrained by shame and wide-awake,
As a thoroughbred horse avoids the whip.


16. อสฺโส ยถา ภทฺโร กสานิวิฎฺโฐ
อาตาปิโน สํเวคิโน ภวาถ
สทฺธาย สีเลน จ วีริเยน จ
สมาธินา ธมฺมวินิจฺฉเยน จ
สมฺปนฺนวิชฺชาจรณา ปฎิสฺสตา
ปหิสฺสถ ทุกฺขมิทํ อนุป์ปกํ ฯ144ฯ


ธรรมดาม้าดี เมื่อถูกลงแส้ครั้งหนึ่ง ย่อมสำนึก
(ความผิดครั้งแรก)และพยายาม(วิ่งให้เร็ว)
พวกเธอก็จงทำตนเช่นนั้น อาศัยศรัทธา, ศีล,
ความเพียรสมาธิ, การวินิจฉัยธรรม, ความสมบูรณ์ด้วย
ความรู้และความประพฤติ และอาศัยสติ
พวกเธอจักละทุกข์ได้ไม่น้อยเลย


Even as a thoroughbred horse once touched by the whip
Becomes agitated and exerts himself greatly,
So be strenuous and filled with religious emotion,
By confidance, virtue, effort and concentration,
By the investigation of the Doctrine,
By being endowed with knowledge and conduct
And by keeping your mind alert,
Will you leave this great suffering behind.


17. อุทกํ หิ นยนฺติ เนตฺติกา
อุสุการา นมยนฺติ เตชนํ
ทารุํ นมยนฺติ ตจฺฉกา
อตฺตานํ ทมยนฺติ สุพฺพตา ฯ145ฯ


ชาวนา ไขน้ำเข้านา
ช่าวศร ดัดลูกศร
ช่างไม้ ถากไม้
คนดี ฝึกตนเอง


Irrigaors lead water;
Fletchers fashion shafts;
Carpenters bend wood;
The good tame themselves.
"Winners never quit, and quitters never win."
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

พุทธวจนในธรรมบท โดย อ.เสถียรพงศ์ วรรณปก

โพสต์ที่ 2

โพสต์

8) น้องหวีผมนี่ตอนนี้ไม่แน่ใจว่า
    อาทิตย์ที่ผ่านมา
    กำลังพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกหรือเปล่า
    เพิ่งผ่านเหตุการณ์อกสั่นขวัญแขวนมา 2เรื่องเลย
    1.เกือบขับรถชนเด็ก2ขวบตาย
       เพราะแกวิ่งตัดหน้าจากท้ายรถกระบะ
       ผมไม่มีสิทธิมองเห็น
       เบรคได้แบบกันชนติดตัวเด็กรองเท้าหลุดเข้ามาใต้ท้องรถเลยทีเดียว
    2.เมื่อวานนี้เอง ฝนตกถนนลื่น
       รถปิกอัพเสียหลัก แถมาร้อยกว่าๆแบบในหนังจากฝั่งตรงข้าม
       มาฟาดกับรถตู้ที่อยู่ข้างหน้าผมคันเดียว
       แบบสนั่นหวั่นไหว แล้วก็พลิกหมุนไปอีกหลายตลบ
       กลับไปข้างตัวเอง
       ผมว่าขนาดผมซึ่งฝึกสมาธิอยู๋เป็นประจำ
       สติตอนนั้นไม่รู้หายไปไหน
       ทั้งๆที่มีช่องให้ผมหลบได้
       ผมกลับกำพวงมาลัยนั่งรอโชคชะตาตัวแข็งทื่อ
       ผมกลับมานึกสงสัยตัวเองว่าทำไมไม่หลบ
       แต่ที่สงสัยจริงๆคืออย่างนี้หรือเปล่า
       ที่เขาเรียกว่ากำลังเคราะห์หามยามร้าย

    ผมควรทำไงดีครับ
    ศาสนามีพุทธวจนเรื่องนี้ไว้ให้พิจารณาไหมครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
oatty
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2444
ผู้ติดตาม: 0

พุทธวจนในธรรมบท โดย อ.เสถียรพงศ์ วรรณปก

โพสต์ที่ 3

โพสต์

พี่พอใจ อย่างนี้เขาเรียกว่า ฝึกสมาธิดี แต่สติยังไม่ต่อเนื่องมั้งครับ เหมือนที่ท่านพุทธทาสกล่าวว่า
สติมา ปัญญาจะเกิด สติเตลิดจะเกิดปัญหา
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

พุทธวจนในธรรมบท โดย อ.เสถียรพงศ์ วรรณปก

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ผมขอยกคำตอบจากปราชญ์ที่ศึกษาปฏิบัติอย่างจริงจังมาตอบดีกว่านะครับ
จะได้ไม่ผิดพลาด คลาดเคลื่อน
จากหนังสือ พุทธธรรม ของท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฏก หน้า ๒๐๑
๕) ทำกรรมเก่าให้เกิดประโยชน์
         คนไทยสมัยนี้ได้ยินคำว่า กรรม มักจะนึกไปในแง่ว่ากรรมจะตามมา
ให้เคราะห์ให้โทษอย่างไร พูดถึงกรรมก็จะนึกถึงอะไรอย่างหนึ่งที่คอยตามจะ
ลงโทษ หรือทำให้เราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ โดยเฉพาะคิดไปถึงชาติก่อน คือ
มองกรรมในแง่กรรมเก่า และเป็นเรื่องไม่ดี
         คำว่า กรรมเก่า ก็บอกอยู่ในตัวเองแล้วว่า มันถูกจำกัดให้หดแคบ
เข้ามาเหลือเพียงส่วนหนึ่ง เพราะเติมคำว่า เก่า เข้าไป กรรมก็เหลือแคบ
เข้ามา ยิ่งนึกในแง่ว่ากรรมไม่ดีอีก ก็ยิ่งแคบหนักเข้า รวมแล้วก็คือเป็นกรรม
ที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ไปๆ มาๆ ก็เลยอะไรๆ ก็แล้วแต่กรรม (เก่า-ที่ไม่ดี)
บางทีถึงกับมีการหาทางตัดกรรม เลยพลัดออกไปจากพระพุทธศาสนา
         ความจริง กรรมก็เป็นเรื่องธรรมดาธรรมชาติ คือเป็นเรื่องความเป็น
ไปตามเหตุปัจจัยของชีวิตมนุษย์ ที่มีเจตนา มีการคิด การพูด และการ
กระทำ แสดงออก มีความสัมพันธ์กับสิ่งทั้งหลาย แล้วก็เกิดผลต่อเนื่องกัน
ไปในความสัมพันธ์นั้น
         ถ้ามัวไปยึดถือว่า แล้วแต่กรรมเก่าปางก่อนอย่างเดียว ก็จะทำกรรม
ใหม่ที่เป็นบาปอกุศลโดยไม่รู้ตัว
         หมายความว่า ใครก็ตามที่ปลงว่า แล้วแต่กรรม (เก่า) นั้น ก็คือ
เขากำลังทำความประมาท ที่ปล่อยปละละเลย ไม่ทำกรรมใหม่ที่ควรทำ
ความประมาทนั้นก็เลยเป็นกรรมใหม่ของเขา ซึ่งเป็นผลจากโมหะ แล้วกรรม
ใหม่ที่ประมาทเพราะโมหะหลงงมงายนั้น ก็จะก่อผลร้ายแก่เขาต่อไป
         ความเชื่อว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่กรรมเก่า กรรมปางก่อน หรือ
กรรมในชาติก่อน คือลัทธิกรรมเก่านั้น เป็นมิจฉาทิฏฐิ ที่เรียกว่าปุพเพกตเหตุวาท
หรือเรียกสั้นๆ ว่า ปุพเพกตวาท ดังพุทธพจน์ที่แสดงแล้วข้างต้น
         ท่านไม่ได้สอนว่าไม่ให้เชื่อกรรมเก่า แต่ท่านสอนไม่ให้เชื่อว่าอะไรๆ
จะเป็นอย่างไรก็เพราะกรรมเก่า
         - การเชื่อแต่กรรมเก่า ก็สุดโต่งไปข้างหนึ่ง
         - การไม่เชื่อกรรมเก่า ก็สุดโต่งไปอีกข้างหนึ่ง
         ได้กล่าวแล้วว่า กรรม พอเติม เก่า เข้าไป คำเดิมที่กว้าง
ครบถ้วนสมบูรณ์ ก็หดแคบเข้ามาเหลืออยู่ส่วนเดียว อย่ามองกรรมที่กว้าง
สมบูรณ์ให้เหลือส่วนเดียวแค่กรรมเก่า
         เรื่องกรรมที่เชื่อกันในแง่กรรมเก่านี้ มีจุดพลาดอยู่ ๒ แง่ คือ
         ๑. ไปจับเอาส่วนเดียวเฉพาะอดีต ทั้งที่กรรมนั้นก็เป็นกลางๆ ไม่จำกัด
ถ้าแยกโดยกาลเวลาก็ต้องมี ๓ คือ กรรมเก่า (ในอดีต) กรรมใหม่ (ใน
ปัจจุบัน) กรรมข้างหน้า (ในอนาคต)  ต้องมองให้ครบ
         ๒. มองแบบแยกขาดตัดตอน ไม่มองให้เห็นความเป็นไปของเหตุปัจจัย
ที่ต่อเนื่องกันมาโดยตลอด คือ ไม่มองเป็นกระแสหรือกระบวนการที่ต่อเนื่อง
อยู่ตลอดเวลา แต่มองเหมือนกับว่ากรรมเก่าเป็นอะไรก้อนหนึ่งที่ลอยตาม
เรามาจากชาติก่อน แล้วมารอทำอะไรกับเราอยู่เรื่อยๆ
ถ้ามองกรรมให้ถูกต้องทั้ง ๓ กาล และมองอย่างเป็นกระบวนการ
ของเหตุปัจจัย ในด้านเจตจำนง และการทำ-คิด-พูด ของมนุษย์ ที่ต่อเนื่อง
อยู่ตลอดเวลา ก็จะมองเห็นกรรมถูกต้อง ชัดเจนและง่ายขึ้น ในที่นี้ แม้จะไม่
อธิบายรายละเอียด แต่จะขอให้จุดสังเกตในการทำความเข้าใจ ๒-๓ อย่าง
----------------------------------------------------------
หน้า ๒๐๕

๖) อยู่เพื่อพัฒนากรรม ไม่ใช่อยู่เพื่อใช้กรรม
         ที่พูดมานี้ เท่ากับบอกให้รู้ว่า เราจะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องต่อกรรมที่
แยกเป็น ๓ ส่วน คือ กรรมเก่า-กรรมใหม่-กรรมข้างหน้า
         ขอสรุปวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องต่อกรรมทั้ง ๓ ส่วนว่า
         กรรมเก่า (ในอดีต) เป็นอันผ่านไปแล้ว เราทำไม่ได้ แต่เราควรรู้ เพื่อ
เอาความรู้จักมันนั้นมาใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปรับปรุงกรรมใหม่ให้ดียิ่งขึ้น
         กรรมใหม่ (ในปัจจุบัน) คือกรรมที่เราทำได้ และจะต้องตั้งใจทำให้ดีที่
สุด ตรงนี้เป็นจุดสำคัญ
         กรรมข้างหน้า (ในอนาคต) เรายังทำไม่ได้ แต่เราสามารถเตรียมหรือ
วางแผนเพื่อจะไปทำกรรมที่ดีที่สุด ด้วยการทำกรรมปัจจุบันที่จะพัฒนาเรา
ให้ดีงามและงอกงามยิ่งขึ้น จนกระทั่งเมื่อถึงเวลานั้นเราก็จะสามารถทำ
กรรมที่ดีสูงขึ้นไปตามลำดับ จนถึงขั้นเป็นกุศลอย่างเยี่ยมยอด
         นี่แหละคือคำอธิบายที่จะทำให้มองเห็นได้ว่า ทำไมจึงว่า คนที่วางใจ
ว่าจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่กรรม(เก่า) นั้นแล กำลังทำกรรมใหม่(ปัจจุบัน) ที่
ผิด เป็นบาป คือความประมาท ได้แก่การปล่อยปละละเลย อันเกิดจาก
โมหะ และมองเห็นเหตุผลด้วยว่า ทำไมพุทธศาสนาจึงสอนให้หวังผลจาก
การกระทำ
         ขอย้ำอีกครั้งว่า กรรมใหม่สำหรับทำ กรรมเก่าสำหรับรู้ อย่ามัวรอ
กรรมเก่าที่เราทำอะไรมันไม่ได้แล้ว แต่หาความรู้จากกรรมเก่านั้น เพื่อเอา
มาปรับปรุงการทำกรรมปัจจุบัน จะได้พัฒนาตัวเราให้สามารถทำกรรมอย่าง
เลิศประเสริฐได้ในอนาคต
         มีคำเก่าได้ยินมานานแล้วประโยคหนึ่ง คือที่พูดว่า คนเราเกิดมาเพื่อ
ใช้กรรมเก่า ความเชื่ออย่างนั้นไม่ใช่พุทธศาสนา และต้องระวังจะเป็นลัทธิ
นิครนถ์
         ที่พูดกันมาอย่างนั้น ความจริงก็คงประสงค์ดี คือมุ่งว่าถ้าเจอเรื่อง
ร้าย ก็อย่าไปซัดทอดคนอื่น และอย่าไปทำอะไรที่ชั่วร้ายให้เพิ่มมากขึ้น ด้วย
ความโกรธแค้นเป็นต้น แต่ยังไม่ถูกหลักพระพุทธศาสนา และจะมีผลเสียมาก
         ลัทธินิครนถ์ ซึ่งก็มีผู้นับถือในสมัยพุทธกาลจนกระทั่งในอินเดียทุกวัน
นี้ เป็นลัทธิกรรมเก่าโดยตรง เขาสอนว่า คนเราจะได้สุขได้ทุกข์อย่างไรก็
เป็นเพราะกรรมที่ทำไว้ในชาติปางก่อน และสอนต่อไปว่า ไม่ให้ทำกรรมใหม่
แต่ต้องทำกรรมเก่าให้หมดสิ้นไปด้วยการบำเพ็ญตบะ จึงจะสิ้นกรรมสิ้นทุกข์
นักบวชลัทธินี้จึงบำเพ็ญตบะทรมานร่างกายด้วยวิธีต่างๆ
         คนที่พูดว่า เราอยู่ไปเพื่อใช้กรรมเก่านั้น ก็คล้ายกับพวกนิครนถ์นี่
แหละ คิดว่าเมื่อไม่ทำกรรมใหม่ อยู่ไปๆ กรรมเก่าก็คงจะหมด ต่างแต่ว่า
พวกนิครนถ์ไม่รอให้กรรมเก่าหมดไปเอง แต่เขาบำเพ็ญตบะเพื่อทำกรรมเก่า
ให้หมดไปด้วยความเพียรพยายามของเขาด้วย
         มีคำถามที่น่าสังเกตว่า ถ้าไม่ทำกรรมใหม่ อยู่ไปๆ กรรมเก่าจะ
หมดไปเองไหม-
         เมื่อไม่ทำกรรมใหม่ อยู่ไป กรรมเก่าก็น่าจะหมดไปเอง แต่ไม่หมดหรอก
ไม่ต้องอยู่เฉยๆ แม้แต่จะชดใช้กรรมเก่าไปเท่าไรๆ ก็ไม่มีทางหมดไปได้
         เหตุผลง่ายๆ คือ
         ๑. คนเรายังมีชีวิต ก็คือเป็นอยู่ ต้องกินอยู่ เคลื่อนไหวอิริยาบถ ทำ
โน่นทำนี่ เมื่อยังไม่ตาย ก็ไม่ได้อยู่นิ่งๆ
         ๒. คนเหล่านี้เป็นมนุษย์ปุถุชน ก็มีโลภ โกรธ หลง โดยเฉพาะความ
หลง หรือโมหะนี้มีอยู่ประจำในใจตลอดเวลา เพราะยังไม่ได้รู้เข้าใจความจริง
ถึงสัจธรรม
"Winners never quit, and quitters never win."
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

พุทธวจนในธรรมบท โดย อ.เสถียรพงศ์ วรรณปก

โพสต์ที่ 5

โพสต์

จากพระอภิธัมมัตถสังคหะ  ปริเฉทที่ ๕ ได้รวบรวมกฏแห่งกรรมจากพระไตรปิฏก, อรรถกถา ไว้ดังนี้
http://aphidham.mcu.ac.th/html/book/prariset5.html

        หน้า ๑๓
อนึ่งมนุษย์ที่มีสภาพแตกต่างกันนั้น มูลปัณณาสก์ มัชฌิมนิกาย แสดงไว้ว่า
ฆ่าสัตว์ ไม่มีความกรุณา เป็นเหตุให้ อายุสั้น
ไม่ฆ่าสัตว์ มีความกรุณา เป็นเหตุให้ อายุยืน
เบียดเบียนสัตว์ เป็นเหตุให้ มีโรคมาก
ไม่เบียดเบียนสัตว์ เป็นเหตุให้ มีโรคน้อย
มักโกรธ มีความคับแค้นใจมาก เป็นเหตุให้ ผิวพรรณทราม
ไม่โกรธ ไม่มีความคับแค้นใจ เป็นเหตุให้ ผิวพรรณผุดผ่อง
มีใจประกอบด้วยความริษยาผู้อื่น เป็นเหตุให้ มีอานุภาพน้อย
มีใจไม่ริษยาผู้อื่น เป็นเหตุให้ มีอานุภาพมาก
ไม่บริจาคทาน เป็นเหตุให้ ยากจน อนาถา
บริจาคทาน เป็นเหตุให้ มีโภคสมบัติมาก
กระด้าง ถือตัว เป็นเหตุให้ เกิดในสกุลต่ำ
ไม่กระด้าง ไม่ถือตัว เป็นเหตุให้ เกิดในสกุลสูง
ไม่อยากรู้ ไม่ไต่ถามผู้มีปัญญา เป็นเหตุให้ มีปัญญาน้อย
อยากรู้ หมั่นไต่ถามผู้มีปัญญา เป็นเหตุให้ มีปัญญามาก
----------------------------------------------------------------
หน้า ๖๒

ผลที่อกุสลกรรมบถ ๑๐ ส่งให้ในปวัตติกาล(ภายหลังการเกิด)

ผลในปวัตติกาลของปาณาติบาต มี ๙ ประการ คือ
๑. ทุพพลภาพ ๒. รูปไม่งาม
๓. กำลังกายอ่อนแอ ๔. กำลังกายเฉื่อยชา
๕. เป็นคนขลาด ๖. ฆ่าตนเอง หรือถูกฆ่า
๗. โรคภัยเบียดเบียน ๘. ความพินาศของบริวาร กำลังปัญญาไม่ว่องไว
๙. อายุสั้น



--------------------------------------------------------------------------------


หน้า ๖๓

ผลในปวัตติกาลของอทินนาทาน มี ๖ ประการ คือ
๑. ด้อยทรัพย์ ๒. ยากจน
๓. อดอยาก ๔. ไม่ได้สิ่งที่ตนปรารถนา
๕. พินาศในการค้า ๖. ทรัพย์พินาศเพราะอัคคีภัย อุทกภัย ราชภัย โจรภัยเป็นต้น

ผลในปวัตติกาลของกาเมสุมิจฉาจาร มี ๑๑ ประการ คือ
๑. มีผู้เกลียดชังมาก ๒. มีผู้ปองร้ายมาก
๓. ขัดสนทรัพย์ ๔. ยากจนอดอยาก
๕. เป็นหญิง ๖. เป็นกระเทย
๗. เป็นชายในตระกูลต่ำ ๘. ได้รับความอับอายเป็นอาจิณ
๙. ร่างกายไม่สมประกอบ ๑๐. มากไปด้วยความวิตกห่วงใย
๑๑. พลัดพรากจากผู้ที่ตนรัก

ผลในปวัตติกาลของมุสาวาท มี ๘ ประการ คือ
๑. พูดไม่ชัด ๒. ฟันไม่เป็นระเบียบ
๓. ปากเหม็นมาก ๔. ไอตัวร้อนจัด
๕. ตาไม่อยู่ในระดับปกติ ๖. กล่าววาจาด้วยปลายลิ้น และปลายปาก
๗. ท่าทางไม่สง่าผ่าเผย ๘. จิตไม่เที่ยงคล้ายวิกลจริต

ผลในปวัตติกาลของปิสุณาวาท มี ๔ ประการ คือ
๑. ตำหนิตนเอง ๒. มักจะถูกลือโดยไม่มีความจริง
๓. ถูกบัณฑิตตำหนิติเตียน ๔. แตกมิตรสหาย



--------------------------------------------------------------------------------


หน้า ๖๔

ผลในปวัตติกาลของ ผรุสวาท มี ๔ ประการ คือ
๑. พินาศในทรัพย์ ๒. ได้ยินเสียง เกิดไม่พอใจ
๓. มีกายและวาจาหยาบ ๔. ตายด้วยอาการงงงวย

ผลในปวัตติกาลของสัมผัปปลาป มี ๔ ประการ คือ
๑. เป็นอธัมมวาทบุคคล ๒. ไม่มีผู้เลื่อมใสในคำพูดของตน
๓. ไม่มีอำนาจ ๔. จิตไม่เที่ยง คือ วิกลจริต

ผลในปวัตติกาลของอภิชฌา มี ๔ ประการ คือ
๑. เสื่อมในทรัพย์และคุณงามความดี ๒. ปฏิสนธิในตระกูลต่ำ
๓. มักได้รับคำติเตียน ๔. ขัดสนในลาภสักการะ

ผลในปวัตติกาลของพยาบาท มี ๔ ประการ คือ
๑. มีรูปทราม ๒. มีโรคภัยเบียดเบียน
๓. อายุสั้น ๔. ตายโดยถูกประทุษร้าย

ผลในปวัตติกาลของมิจฉาทิฏฐิ มี ๔ ประการ คือ
๑. ห่างไกลรัศมีแห่งพระธรรม ๒. มีปัญญาทราม
๓. ปฏิสนธิในพวกคนป่าที่ไม่รู้อะไร ๔. เป็นผู้มีฐานะไม่เทียมคน

ผลในปวัตติกาลของการเสพสุราเมรัย มี ๖ ประการ คือ
๑. ทรัพย์ถูกทำลาย ๒. เกิดวิวาทบาดหมาง
๓. เป็นบ่อเกิดของโรค ๔. เสื่อมเกียรติ
๕. หมดยางอาย ๖. ปัญญาเสื่อมถอย
ทั้งสอง comment จากท่านเฉลิมศักดิ์จากกระทู้ใน Website ลานธรรม
http://larndham.net/index.php?showtopic ... ลกรรม&st=0
(เข้าใจว่ามีภาษาไทยใน Link จึงทำให้ Link ไม่สมบูรณ์ ให้ Copy ทั้งหมดไป Paste ที่ Address Bar นะครับ)
"Winners never quit, and quitters never win."
Boring Stock Lover
Verified User
โพสต์: 1301
ผู้ติดตาม: 0

พุทธวจนในธรรมบท โดย อ.เสถียรพงศ์ วรรณปก

โพสต์ที่ 6

โพสต์

[quote="por_jai"]8)
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

พุทธวจนในธรรมบท โดย อ.เสถียรพงศ์ วรรณปก

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ผมก็เคยเหมือนกันครับพี่พอใจ
ขนาดไปทำบุญนะครับ
กับครอบครัวแฟน แถวอยุธยา
เรียกได้ว่าทัวร์วัดดังๆ เกือบทั่วอยุธยาเลยก็ว่าได้

ขากลับฝนตกหนัก ถนนลื่น
รถวิ่งอยู่บนทางด่วนซะด้วย
ปรากฎว่ารถเบนซ์ค่อนข้างเก่า (น่าจะมากกว่า 10 ปีแล้ว)
เสียหลักไปปาดหน้ารถกระบะ
รถกระบะเลยชนเข้าเต็มเหนี่ยว
เบนซ์บุบไม่มาก แต่กระบะหน้าบุบไปทั้งแถบ
คันที่ผมนั่งขับตามกระบะคันนั้นมาอย่างกระชั้นชิด
คุณพ่อของแฟนผมเป็นคนขับ สติดีมาก
ถ้าหักหลบ รถคันหลังที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงก็คงชนท้าย
ถ้าเบรคก็คงไม่ทัน ดีไม่ดีรถเสียหลักไถลก็จะเกิดอุบัติเหตุใหญ่โต
เลยตัดสินใจ เหยียบเบรคชะลอความเร็วแล้วหักหลบ
จากนั้นรถที่ตามหลังมา (คันที่ 4) ก็ชนท้ายแต่ไม่แรงเท่าไหร่
แต่ก็รู้สึกได้ถึงแรงปะทะพอสมควรเลย
จากนั้นคันที่ 5 ที่ตามหลังมาก็อัดเข้ากับคันที่ 4 อีก แต่ไม่แรงเท่าไหร่
สรุปว่ารถที่เกิดอุบัติเหตุทั้งหมดมี 5 คัน
ดีที่ไม่มีใครได้รับอันตรายร้ายแรงจากอุบัติเหตุครั้งนี้

พอมีคนมาอัดท้าย ท่านก็ยังคุมสติได้
ไม่ได้ฝืนแรงปะทะ พยายามควบคุมรถ แล้วก็ค่อยๆ เปิดไฟเลี้ยวเข้าชิดซ้ายของทางด่วน
เป็นอุบัติเหตุเกี่ยวกับรถยนต์ที่ตกใจที่สุดเท่าที่เคยประสบมาครับ
ถ้ามันเป็นผลมาจากกรรมเก่าเราก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขได้อย่างไร
ถ้ามองในแง่ดี กรรมดีที่เราทำในปัจจุบันอาจจะผ่อนหนักให้เป็นเบาก็เป็นได้ครับ
มันก็คงมีเหตุปัจจัยของมันที่ทำให้เกิดขึ้น
เหมือนกับการได้มาพูดคุยสนทนากันบน Webboard นี่แหละครับ ...
คนเราควรใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท และหมั่นสะสมแต่กรรมดี
แต่ผมก็ยังไม่คิดว่า ผมทำได้ดีเท่าที่ควรหรอกครับ ...
"Winners never quit, and quitters never win."
โพสต์โพสต์