ยัปปี้หนุ่มขับรถพุ่งชนเสาริมถนนอย่างจัง พอเขาหลุดออกจากซากรถได้ก็ร้องเสียงหลง " โอ๊ย รถเบนซ์ของฉัน รถเบนซ์ของฉันพังยับเยินเลย "
" ไปห่วงรถทำไมพ่อหนุ่ม " ชายแก่ที่เห็นเหตุการณ์เตือน " ห่วงแขนของคุณดีกว่า โน่น กระเด็นไปโน่นแล้ว "
พอเหลียวมองไปเห็นท่อนแขน ยัปปี้หนุ่มก็ครางขึ้นมาทันที " โอ๊ย โรเล็กซ์ของฉัน "
ฉากของเรื่องนี้ออกจะหวาดเสียว ถ้าคุณเป็นคนขวัญอ่อน ลืมภาพโชกเลือดไปก่อน แล้วจะพบว่าอาการของพ่อหนุ่มยัปปี้นี้สวนทางกับพุทธพจน์อย่างจั ง พุทธพจน์ที่ว่าก็คือ "พึงสละทรัพย์เพื่ออวัยวะ สละอวัยวะเพื่อชีวิต ตลอดจนสละทรัพย์ อวัยวะ และชีวิต เมื่อระลึกถึงธรรมะ "
พ่อหนุ่มคนนี้แทนที่จะดีใจที่รอดชีวิต กลับเสียดายรถ และแทนที่จะเสียใจที่แขนขาด กลับเป็นห่วงนาฬิกา พูดง่ายๆ ก็คือ เห็นนาฬิกาสำคัญกว่าอวัยวะ และเห็นรถสำคัญกว่าชีวิต
ลัทธิบริโภคนิยมทำให้คุณค่าของสิ่งต่างๆ สับสน ไขว้เขวไปหมด วัตถุและทรัพย์สินกลายเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าชีวิตและบ่อยครั้งช ีวิตก็มีคุณค่าน้อยกว่าอวัยวะด้วยซ้ำ ดังเห็น ได้ว่าคนเป็นอันมากยอมเสี่ยงชีวิตเพียงเพื่อต่อเติมเสริมทรงให้ น่าดูเท่านั้น
ลองสำรวจชีวิตเราบ้างว่าเราให้ความสำคัญกับวัตถุมากกว่าชีวิตแล ะธรรมะหรือไม่ เราอาจไม่สุดโง่อย่างยัปปี้คนนี้ แต่บางครั้งเราอยากฆ่าตัวตายใช่ไหมเมื่อพบว่ากิจการล้มละลายทรั พย์สินสูญหายไปกับกองไฟ หรือกลายเป็นคนหมดเนื้อหมดตัวไป เวลามีขโมยเอามีดมาจ่อคอเรา เราเคยคิดหรือไม่ที่จะต่อสู้ขัดขืนเพื่อรักษาเงินในกระเป๋าเอาไ ว้โดยไม่เห็นแก่ชีวิตเลย มีบ้างไหมที่เราตีลูกด้วยความโกรธเพราะทำข้าวของแตกหรือหายไป ถ้าเคย ลองถามตัวเองว่าเรารักลูกหรือรักข้าวของมากกว่ากัน และเราคิดจะโกหกพกลมไหมเพื่อเงินจะได้ไหลมาเทมา
ที่มา เสถียรธรรมสถาน สา-ระ-ขัน คติธรรมในขำขัน