ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
2 dogs
Verified User
โพสต์: 726
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

มันช่วยให้ชีวิตเรามีความสุขมากขึ้นหรือครับ
หรือว่าการได้แสดง ego มากๆถือเป็นการประกาศ
การประสบความสำเร็จในชีวิต

ไม่มีอะไรนะครับเห็น web หุ้นที่อื่นมีคนเก่ง
แต่ ego เหมือนถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กให้เป็นแบบนั้น
เลยสงสัยว่านี่คือค่านิยมใหม่คนในสังคมหรือเปล่าครับ
ที่การได้แสดงความเหนือผู้อื่นถือเป็นความสำเร็จ  :?
หุ้นเงียบๆในวันนี้จะโด่งดังในปีหน้า
ดร.โหน่ง
Verified User
โพสต์: 877
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

รูปภาพ

  My ego is ghost.
ภาพประจำตัวสมาชิก
สุมาอี้
Verified User
โพสต์: 4576
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

เมื่อแรกเกิดคนเรามีแต่ id ครับ

แต่ชีวิตที่มีแต่ id เป็นชีวิตที่ยากมากเพราะเป็นชีวิตที่มีแต่สัญชาตญาญดิบไม่เพียงพอต่อแก่การเอาชีวิตให้รอดได้

ไม่ช้าไม่นานทารกน้อยจึงค่อยๆ สร้าง ego ขึ้นมา เพื่อต่อสู้กับความกลัวทั้งหลาย กลัวหิว กลัวเจ็บ ฯลฯ ไม่มีทารกคนไหนเลยที่อยู่รอดจนโตขึ้นมาได้โดยไม่สร้าง ego ขึ้นมาในระหว่างนั้น ego ทำให้เกิดความรู้สึกว่าเรานี้คือสิ่งหนึ่งที่แยกจากสิ่งอื่นๆ ทำให้เรารู้จักการรักษาชีวิตรอด ในขณะเดียวกันก็ทำให้เราหลอกตัวเองว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ด้วย

เมื่อเข้าสังคม ego กลับมาทำให้เราปรับตัวได้ยากอีกครั้ง เพราะเราจะ "ใหญ่" คับโลกในสังคมไม่ได้ เราจะเริ่มสร้าง superego ขึ้นมา superego คือเสียงในใจที่ห้ามมิให้เราทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ที่เราถูกปลูกฝังว่าเป็นสิ่งผิด สิ่งชั่วร้าย ทำให้เจียมตัวและอยู่ในสังคมได้มากขึ้น

ไม่มีใครไม่มี ego ครับ มันเกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ เพียงแต่ว่า superego ของใครจะเข้มงวดขนาดไหน
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ego คำฝรั่ง เข้าไม่ถึงหัวใจคนไทย
ถ้าแปลเป็นคำไทย คำที่ชาวพุทธทุกคนเข้าใจคงเป็น "ตัวกู ของกู"
หนังสือของท่านพุทธทาส กล่าวถึงเรื่องนี้อย่างละเอียด
ตั้งแต่เกิดขึ้นได้อย่าง และที่สำคัญจะทำให้มันลดน้อยลงได้อย่างไร

รูปภาพ

(คลิ้กที่รูปสำหรับรายละเอียดครับ)
"Winners never quit, and quitters never win."
ภาพประจำตัวสมาชิก
Raphin Phraiwal
Verified User
โพสต์: 1342
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

HVI เขียน:ego คำฝรั่ง เข้าไม่ถึงหัวใจคนไทย
ถ้าแปลเป็นคำไทย คำที่ชาวพุทธทุกคนเข้าใจคงเป็น "ตัวกู ของกู"
"อัตตา" กับ "ตัวกู ของกู" นี้อย่างเดียวกันหรือเปล่าครับ
รักในหลวงครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Raphin Phraiwal
Verified User
โพสต์: 1342
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

"อัตตาคือโรคเรื้อรัง แต่ยารักษาก็อยู่ในตัวมันเอง"

เคยได้ยินมาครับ
รักในหลวงครับ
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

Raphin Phraiwal เขียน: "อัตตา" กับ "ตัวกู ของกู" นี้อย่างเดียวกันหรือเปล่าครับ
ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ
เพื่อความเข้าใจถึงวิธีลด "อัตตา" ได้อย่างง่ายๆ โดยอาศัยหลักเกณฑ์ที่รัดกุม จึงจะได้พิจารณากันถึงสิ่งที่เรียกว่า "สังโยชน์" ๑๐ ประการ แล้วผู้ปฏิบัติธรรมก็จะทราบได้เองว่า พุทธศาสนามีความมุ่งหมายที่จะลด "ตัวตน" อย่างมีประสิทธิภาพเพียงไร
ถ้าเอาความหมายตามนี้ น่าจะใช่
นอกจากนี้ มักจะเข้าใจผิด ว่า "อัตตา" มีความหมายเดียวกับ "Ego" ในภาษา อังกฤษ จึงยิ่งรังเกียจอัตตา เข้าไปใหญ่ ทั้งๆ ที่ Ego น่า จะใกล้เคียงกับ คำว่า "ทิฏฐิ" กับ "มานะ" เสียมากกว่า ซึ่งแน่นอน ทิฏฐิมานะ เป็นกิเลสอย่างหนึ่ง ที่ควรจะต้องละอย่างแน่นอน


แต่ถ้าแบบนี้ก็ไม่ใช่
แล้วก็มีพระพุทธวจนะที่เราคุ้นกันดีก็อย่าง
"อัตตาหิ อัตโนนาโถ"  หรือ "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"
คำว่าอัตตาในทางพระ (ความหมายทางบาลี) อาจจะไม่ใช้ในแง่ลบก็เป็นได้ครับ

เท่าที่ทราบคำว่าอัตตาแปลว่า "ตัวตน"
แต่ความหมายของตัว "ตัวกู ของกู" น่าจะหมายความในแง่ของ
"การยึดมั่น ถือมั่น ว่ามีตัวตน"

แต่คำว่า "มานะ" กับ "วาสนา" ในทางพระเนี่ย เป็นความหมายในแง่ลบแน่ครับ ตรงนี้มั่นใจ
(ขัดกับความหมายที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน)

ผมเพียงตั้งข้อสังเกตนะครับ (ไม่รู้จริง) กรุณาตรวจสอบครับ
"Winners never quit, and quitters never win."
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

Raphin Phraiwal เขียน:"อัตตาคือโรคเรื้อรัง แต่ยารักษาก็อยู่ในตัวมันเอง"

เคยได้ยินมาครับ
ไม่เคยได้ยิน แล้วก็ไม่เข้าใจความหมายด้วยครับ
อธิบายให้ฟัง ได้มั้ยครับ...
"Winners never quit, and quitters never win."
ภาพประจำตัวสมาชิก
Raphin Phraiwal
Verified User
โพสต์: 1342
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

HVI เขียน: ไม่เคยได้ยิน แล้วก็ไม่เข้าใจความหมายด้วยครับ
อธิบายให้ฟัง ได้มั้ยครับ...
ผมก็คิดว่าน้องหวีคงไม่เคยได้ยินมาเช่นกันครับ  :lol:

สำหรับคำอธิบายผมก็ฟังมาอีกที่ครับ

มนุษย์เราบางทีก็เกิดโรคเรื้อรัง โรคบางโรคกว่าจะหายก็กินเวลานานเช่น วัณโรค ต้องกินยาอย่างเคร่งครัดอย่างน้อย 6 เดือน สำหรับบางคน 6 เดือนนั้นว่านานแล้ว บางโรคกว่าจะหายอาจใช้เวลานานกว่านั้นอีก บางโรคก็อยู่กับเราไปตลอดชีวิต จนกว่าเราจะตายจากมัน มันถึงจะตายจากเรา อันนี้เป็นโรคของร่างกายครับถ้ารักษาหายก็หายไป ถ้าไม่หายมันก็หายอยู่ดีเพราะจุดสิ้นสุดของร่างกายเราก็เป็นจุดสิ้นสุดของโรคด้วยครับ
ถ้าเราเชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด การสิ้นสุดของร่างกายนี้ยังไมใช่การสิ้นสุดที่แท้จริงจนกว่าจะนิพพาน (ไม่ทราบว่าผมใช้คำถูกไหมนะครับ) เราตายอัตตาก็คงอยู่ พอเราได้ร่างใหม่หรือสังขารใหม่ เราก็ได้ตัวตนใหม่ แต่จริงๆแล้วมันก็คืออัตตาเดิมในร่างใหม่ อัตตาก็คือสิ่งที่จะติดตัวเราไปทุกภพทุกชาติ ในความหมายนี้อัตตาจึงเปรียบเสมือนโรคเรื้อรังเพราะมันไม่หายง่ายๆ
อัตตานี้อยู่คู่การกระทำของมนุษย์ อยู่คู่ความนึกคิดของมนุษย์ (อัตตาตามความเข้าใจของผมก็คือตัวข้าหรือตัวกู หรือภาษาอังกฤษก็คือ "I am") ยกตัวอย่าง คนบางคนทำทานเสร็จจะพูดกับคนรอบข้างว่า ข้านั้นดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ ดูสิข้าให้ทานตั้งเยอะ สำหรับเขาการทำทานก็เป็นการเสริมอัตตาดีๆนี่เอง ทำเพื่อให้รู้สึกว่าตัวข้านั้นเป็นคนดี ทำเพื่อให้คนรอบข้างมองว่าตัวข้านั้นดี อัตตาต้องการการสรรเสริญ แล้วคนที่ทำทานแต่ไม่แสดงออกนั้นรอดพ้นจากอัตตาใช่ไหมครับ เปล่าครับ เพราะในใจก็จะมีความคิดว่าเขานั้นดี เขาทำดี และคอยสังเกตหรือสนใจว่ามีคนชมเขาว่าดีหรือเปล่า และมักจะอยากให้คนชมเขาว่าดี ฯลฯ
ธรรมชาติเป็นสิ่งมหัศจรรย์ครับ และมันก็มักจะมีสิ่งอะไรที่มนุษย์คาดไม่ถึง แต่มันก็เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของมันครับ "ในดีมีไม่ดี ในไม่ดีมีดี" (ทำให้คิดถึงเรื่อง Good or Bad Hard to Say  :lol: ) องุ่น ถ้าเราคั้นน้ำมันออกมาก็ถือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่เราหมักน้ำองุ่นมันก็จะกลายเป็นเหล้าและให้โทษแก่ร่างกาย (อันนี้หลายท่านในที่นี้อาจเถียงคอเป็นเอ็น  :lol: (ไม่รู้ทำไมนึกถึงพี่พอใจขึ้นมา :lol: )) ถ้าจะบอกว่าน้ำองุ่นนั้นมันฟลุคเป็นเหล้าหรือเปล่า (คือเกิดขึ้นอย่างฟลุคๆครั้งเดียวแล้วไม่เกิดขึ้นอีกเลย) ก็ไม่ใช่ เพราะถ้าเราทำตามกฎเกณฑ์ของมัน คือหมักอย่างถูกวิธี น้ำองุ่นก็จะเปลี่ยนเป็นเหล้า ส่วนพิษงูนี้อันตราย สามารถฆ่าคนได้ แต่ถ้านำมาสกัดเป็นเซรุ่มก็สามารถช่วยคนได้ นอกจากนั้นแล้ว ผมยังเคยได้ยินว่าพิษงูนี้สามารถนำมาสกัดเป็นยาได้บางชนิด ซึ่งเป็นยาที่มีราคาแพงเสียด้วย
ตอนนี้ก็ขอวกกลับเข้าส่วนที่สองของประโยคข้างต้น "แต่ยารักษาก็อยู่ในตัวมันเอง" ถ้าเราสามารถสกัดเซรุ่มจากพิษงูเพื่อใช้ต้านพิษงูได้ เราก็สามารถใช้ตัวข้ากำจัดตัวข้าได้ ลองดูประโยคสามประโยคข้างล่างนะครับ
1. ข้าจะตั้งใจเรียน เพื่อที่ข้าจะได้เป็นใหญ่เป็นโต เป็นเจ้าคนนายคน
นี่ก็คือใช้ตัวข้าเพื่อทำให้ตัวข้ายิ่งใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ
2. ข้าจะตั้งใจเรียน เพื่อที่ข้าจะเป็นหมอรักษาคน
นี่ดีกว่ากันเยอะเลยครับ
แต่ต่อไปนี้คือดีที่ที่สุด
3. ข้าจะปฏิบัติธรรม เพื่อที่ข้าจะได้พ้นทุกข์จากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ครั้งแล้ว ครั้งเล่า
ใช้ตัวข้าเพื่อกำจัดตัวข้า ใช้อัตตากำจัดอัตตา

อาจตีความหมายอีกวิธีหนึ่ง (สั้นกว่า) ได้ดังนี้
อัตตา คือข้า + สิ่งที่ส่งเสริมตัวข้า คือความอยาก อยากมีอำนาจอยากยิ่งใหญ่ อยากให้คนสรรเสิญ(สัมพันธ์กับความอหังการ) อยากร่ำรวยล้นฟ้า(สัมพันธ์กับความโลภ) อยากในรูป(สัมพันธ์กับกาม) สิ่งที่ทำให้เราได้ในสามสิ่งข้างต้นก็จะทำให้เราหลง(โมหะ) สิ่งที่ขัดขวางการได้มาซึ่งสามสิ่งข้างต้นก็จะทำให้เราโกรธ
เมื่อเราได้มาซึ่งสามสิ่งข้างต้น ก็จะทำให้เราสุข (ชั่วขณะ) แต่พอเราสูญเสียมันไปเราก็จะทุกข์ หรือได้มาเราก็อยากได้เพิ่มเพราะความอยากไม่เคยสิ้นสุด ก็ทำให้เราทุกข์ได้เช่นกัน
ตอนนี้ถ้าความทุกข์มันรุนแรงมากมันก็อาจปลุกเรา(ข้า)ให้ตื่น เราก็อาจมาพิจารณาดูว่าอะไรทำให้เราเกิดทุกข์ ก็ความอยากของข้า ความต้องการดำรงอยู่ของข้า
ก็คือการที่ข้าตื่นเพราะ[ทุกข์ที่ข้าก่อเพราะความอยากของ]ข้า นั่นเอง (ยารักษาข้าก็คือข้าเอง)

ป.ล. สิ่งที่ผิดพลาด ขอน้อมรับไว้เอง ส่วนประโยชน์ที่เกิดขึ้น ขอมอบให้แด่ครูบาอาจารย์
รักในหลวงครับ
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

หลังจากถามไปแล้ว คิดไปคิดมา คิดว่าตัวเองเข้าใจแล้ว
พอกลับมาอ่านคำตอบของพี่รพินทร์ อืม... ตรงกับที่เข้าใจ
แต่ได้แง่มุมใหม่พอสมควรครับ ... ขอบคุณครับ
3. ข้าจะปฏิบัติธรรม เพื่อที่ข้าจะได้พ้นทุกข์จากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ครั้งแล้ว ครั้งเล่า
ใช้ตัวข้าเพื่อกำจัดตัวข้า ใช้อัตตากำจัดอัตตา
ความอยากในทางที่ดีเช่นตัวอย่างข้างต้น หรือความต้องการที่สอดคล้องกับธรรม
ทางพระท่านใช้คำว่า "ฉันทะ" แต่ในที่สุดแล้วก็ต้องละเช่นกัน เช่น

"เราจะตั้งใจเรียน จะได้เป็นหมอ รักษาคน ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์"

พอเราได้เป็นหมอแล้ว "ฉันทะ" ตรงนี้ก็ถูกละ
แต่อาจจะมีการสร้าง "ฉันทะ" ตัวใหม่เช่น

"เราจะเป็นหมอที่ดี ช่วยเหลือคนไข้ให้ได้มากที่สุด"

ส่วนสิ่งที่ติดกับตัวเราไปทุกชาติน่าจะเป็นตัว "อวิชชา" ซึ่งเป็นบ่อเกิดของ
"ภพ" และ "ชาติ"  อยู่ในบทธรรมที่เรียกว่า ปฏิจจะสมุปบาท (สะกดผิดต้องขออภัย)
ซึ่งสามารถละได้ด้วย "ปัญญา" โดยมี "มรรค" มีองค์ 8 เป็นแนวทางปฏิบัติ

"ละอัตตาด้วยอัตตา" จึงเป็นข้อธรรมมะที่เป็นที่น่าสงสัยในแง่ความถูกต้อง
ในแง่การใช้คำ
ทั้งในอัตตาตัวแรก (สิ่งที่ต้องการละ) และอัตตาตัวหลัง (ธรรมที่นำมาใช้ในการละ) ถ้าเป็นไปได้อยากทราบที่มาครับ

แต่ในทางนัยยะแล้วเข้าใจตรงกันกับพี่รพินทร์ทุกประการ
ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยน ...  :D

ปล. หากผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยและช่วยชี้แนะด้วยครับ
"Winners never quit, and quitters never win."
ภาพประจำตัวสมาชิก
สุมาอี้
Verified User
โพสต์: 4576
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ส่วนใหญ่ทราบกันอยู่ว่าการคิดว่าตัวเองแน่ ตัวเองใหญ่คับฟ้านั้นเป็นอัตตา แต่ที่จริงแล้วแม้แต่การคิดว่าเราคือ "สิ่ง" หนึ่งที่แบ่งแยกจากสิ่งอื่นๆ ก็เป็นอัตตาแล้วครับ ธรรมชาติมันไม่ได้รับรู้ด้วย เราทึกทักของเราเองว่านี่คือตัวเราของเรา การอุปทานว่ามีตัวเรานี่แหละเป็นความเห็นผิด (อวิชชา) ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เรายังต้องเวียนไหว้ตายเกิดอยู่

พระอรหันต์คือผู้ซึ่งละได้แล้วซึ่งความเห็นผิดว่านี่คือตัวเราของเรา เมื่อละได้แล้วว่านี่คือตัวเราของเรา วัฏสงสารก็ดำเนินต่อไปมิได้ เมื่อเหตุแห่งการเกิดไม่อยู่แล้ว ผลย่อมไม่มี จึงไม่ต้องเกิดอีก  :D
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
สุมาอี้
Verified User
โพสต์: 4576
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ความชั่วมีกิเลสเป็นเครื่องผลักดัน

แต่ที่จริงแล้วความดีก็มีกิเลสเป็นเครื่องผลักดันด้วยเหมือนกัน

ฉันทะ ก็เหมือนกัน ฉันทะ อาจพาเราไปสู่พรหมได้ แต่ไม่มีทางทำให้เราหลุดออกจากวัฏสงสารได้ ความดีอย่างอื่นๆ ก็เหมือนกัน

พุทธทาสท่านกล่าวว่า สิ่งใดเป็นธรรม สิ่งนั้นเป็นกลางๆ ไม่ดีและไม่ชั่ว

กรรมดีและกรรมชั่วล้วนมีกิเลสเป็นเครื่องผลักดันทั้งสิ้น ถ้าจะหยุดวัฏสงสารต้องหยุดกรรม กรรมคือการกระทำที่มีเจตนาเป็นเครื่องกำกับ เช่น ทำบุญเพราะหวังว่าจะได้บุญมากๆ นั่งสมาธิเพราะหวังจะหลุดพ้น เป็นต้น จิตที่ปราศจากเจตนาแล้ว ทำอะไรก็ไม่เป็นกรรม เมื่อกรรมเป็นเหตุให้ต้องเวียนว่ายตายเกิด แต่หยุดกรรมได้แล้ว จึงไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก

เจตนาเกิดจากความเห็นผิด (อวิชชา) ว่านี่คือตัวเราของเรา เราจึงทำดีและทำชั่วไปเพื่อตัวของเรา ดังนั้นการละอัตตาได้ก็จะละกรรมไปได้ด้วย พระอรหันต์คือผู้ที่ละอัตตาได้หมดแล้ว ท่านจึงไม่เกิดอีก  :D
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
กล้วยทอด
Verified User
โพสต์: 1468
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ถึง EGO ราคาจะถูกเมื่อเทียบกับจำนวนชั่วโมงที่ได้
แต่มันช้าค่ะ เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมาเป็น High speed ของ True แล้วค่ะ
เร็วดี  :lol:

รูปภาพ

http://shoponline.isp-thailand.com/egoDetail.php

ไม่ค่อยมี ego เท่าไหร่ หัวอ่อน ชื่อคนง่ายค่ะ
..สักวันจะเก่งเหมือนพี่บ้าง..
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ขอทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่าที่เรากำลังออกความเห็นกัน
ก็เพื่อที่จะปรับกรอบความคิดของเราในแง่ข้อคิดด้านธรรมมะตรงนี้
ให้ตรงกับธรรมมะของพระพุทธองค์

ไม่ใช่ด้วยเจตนาในแง่ พยายามปรับข้อธรรมะ ซึ่งเป็นหลักความเป็นจริงตามธรรมชาติ
ซึ่งไม่ว่าจะถูกค้นพบ หรือไม่ถูกค้นพบก็ตาม ก็จะยังเป็นจริงเช่นนั้นเอง (อกาลิโก)
ให้ตรงกับความเข้าใจของเรา เดี๋ยวจะกลายเป็นตาบอดคลำช้าง มาทะเลาะกันว่าช้างต้องเป็นอย่างที่ตัวเองได้คลำเจอ
(ที่เปรียบกับคนตาบอด เนื่องจากว่า คงไม่มีใครได้บรรลุในข้อธรรมมะตรงนี้สักท่าน)

ถ้าจะเปรียบกับเรื่องตาบอดคลำช้าง ก็อยากให้พูดคุยแลกเปลี่ยนในแง่ที่ว่า
ช้างในความคิดของเราเป็นอย่างไร เพื่อที่จะได้นำมาประกอบกัน
เพื่อให้เห็นช้างได้ชัดเจนขึ้น แต่ไม่ใช่ในแง่ที่ว่า ช้าง... ต้องเป็นแบบที่เราคิด

เมื่อทำความเข้าใจตรงกันแล้ว ก็สนทนาธรรมกันได้ด้วยความสบายใจ ...
"Winners never quit, and quitters never win."
ภาพประจำตัวสมาชิก
สุมาอี้
Verified User
โพสต์: 4576
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ยังไม่มีใครเห็นช้างหรอกครับ เพราะยังไม่มีใครหลุดพ้น

พุทธเจ้าท่านตรัสว่านิพพานเป็นอย่างไรนั้นอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ เปรียบเสมือนชีวิตบนบกเป็นอย่างไรนั้นอธิบายให้ปลาเข้าใจเป็นคำพูดไม่ได้
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 16

โพสต์

สุมาอี้ เขียน:ยังไม่มีใครเห็นช้างหรอกครับ เพราะยังไม่มีใครหลุดพ้น

พุทธเจ้าท่านตรัสว่านิพพานเป็นอย่างไรนั้นอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ เปรียบเสมือนชีวิตบนบกเป็นอย่างไรนั้นอธิบายให้ปลาเข้าใจเป็นคำพูดไม่ได้
8) ปัจจัตตัง
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 17

โพสต์

สุมาอี้ เขียน:ยังไม่มีใครเห็นช้างหรอกครับ เพราะยังไม่มีใครหลุดพ้น

พุทธเจ้าท่านตรัสว่านิพพานเป็นอย่างไรนั้นอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ เปรียบเสมือนชีวิตบนบกเป็นอย่างไรนั้นอธิบายให้ปลาเข้าใจเป็นคำพูดไม่ได้
เข้าใจครับ...
ผมหมายถึง เรากำลังคุยในสิ่งที่ยังไม่มีใครเข้าถึง
เหมือนปลากำลังคุยกันเรื่องบนบก

ถ้าปลาฉลาม บอกว่าบนบกต้องเป็นอย่างนี้หรือใกล้เคียงแบบนี้
ปลาวาฬ  บอกไม่ใช่ ที่จริงต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้
และยึดมั่นกับความเชื่อของตน
การสนทนาในลักษณะนี้คงไม่เกิดประโยชน์อะไร

แต่ถ้าเป็นในแง่ที่ว่า สมมติว่าวันนึงมหาสมุทรจะแห้งเหือด
แล้วมีอันที่เหล่าปลาทั้งหลาย ต้องวิวัฒนาการไปใช้ชีวิตบนบก
เหล่าปลาเห็นว่า บกเป็นอย่างไร แบบนี้จะได้ประโยชน์
และพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันได้โดยเสรี มีเหตุมีผล

ที่ผมพูดก่อนหน้านี้ ผมไม่ได้เจาะจงบุคคลใดบุคคลหนึ่งนะครับ
ผมรวมตัวผมเองเข้าไปในนั้นด้วย
เพราะการคุยเรื่องศาสนา กับการเมือง ทำให้คนผิดใจกันได้ง่าย
ถ้าไม่ได้ตั้งจุดหมายในการสนทนาที่สอดคล้องกัน ...
"Winners never quit, and quitters never win."
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 18

โพสต์

แล้วคนที่ทำทานแต่ไม่แสดงออกนั้นรอดพ้นจากอัตตาใช่ไหมครับ เปล่าครับ เพราะในใจก็จะมีความคิดว่าเขานั้นดี เขาทำดี และคอยสังเกตหรือสนใจว่ามีคนชมเขาว่าดีหรือเปล่า และมักจะอยากให้คนชมเขาว่าดี ฯลฯ
ตรงนี้ผมไม่ค่อยเห็นด้วย
ผมเห็นว่า อาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้ หรือไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้
ผู้มองต่างหากไปยัดเยียดความคิดดังกล่าวให้

เปรียบดังเช่นมีพระโพธิสัตว์กำลังบำเพ็ญทานบารมี
ท่านอาจจะบำเพ็ญทานด้วยจุดมุ่งหมายในการหลุดพ้น
แต่เหล่าปุถุชนอาจจะมองท่านว่า ท่านทำทานเนื่องจากต้องการเด่นดัง
เลยไปเหมาเอาว่าท่านทำไปด้วยอัตตา เนื่องจากนำไปเทียบกับสภาวะจิตของตัวเอง

การที่ผู้ทำทานจะทำด้วยเหตุผลใด ผู้ทำเป็นฝ่ายรู้เอง
อาจจะทำเพราะต้องการเด่น ดัง ต้องการคำชม (หยาบที่สุด)
อาจจะทำด้วยการหวังผล ขึ้นสวรรค์ (ละเอียดขึ้นมาหน่อย)
หรือทำเนื่องจากผลของทาน ได้ช่วยเหลือผู้คน (ละเอียดขึ้นมาอีกขั้น) ก็เป็นได้

จึงไม่สามารถเหมารวมว่าผู้ทำทานแต่ไม่แสดงออก ก็เป็นการทำไปด้วยความยึดมั่นถือมั่น
"Winners never quit, and quitters never win."
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 19

โพสต์

[quote]ส่วนใหญ่ทราบกันอยู่ว่าการคิดว่าตัวเองแน่ ตัวเองใหญ่คับฟ้านั้นเป็นอัตตา แต่ที่จริงแล้วแม้แต่การคิดว่าเราคือ "สิ่ง" หนึ่งที่แบ่งแยกจากสิ่งอื่นๆ ก็เป็นอัตตาแล้วครับ ธรรมชาติมันไม่ได้รับรู้ด้วย เราทึกทักของเราเองว่านี่คือตัวเราของเรา การอุปทานว่ามีตัวเรานี่แหละเป็นความเห็นผิด (อวิชชา) ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เรายังต้องเวียนไหว้ตายเกิดอยู่

พระอรหันต์คือผู้ซึ่งละได้แล้วซึ่งความเห็นผิดว่านี่คือตัวเราของเรา เมื่อละได้แล้วว่านี่คือตัวเราของเรา วัฏสงสารก็ดำเนินต่อไปมิได้ เมื่อเหตุแห่งการเกิดไม่อยู่แล้ว ผลย่อมไม่มี จึงไม่ต้องเกิดอีก
"Winners never quit, and quitters never win."
ดร.โหน่ง
Verified User
โพสต์: 877
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 20

โพสต์

รูปภาพ

    :lol:
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 21

โพสต์

ความชั่วมีกิเลสเป็นเครื่องผลักดัน

แต่ที่จริงแล้วความดีก็มีกิเลสเป็นเครื่องผลักดันด้วยเหมือนกัน
กิเลส เป็นคำรวมๆ มักใช้กับความหมายในแง่ลบ
ประโยคนี้จึงฟังแล้วแปลกๆ

ถ้าจะแปลจริงๆ
กิเลสคือ สิ่งที่ทำใจให้เศร้าหมอง ความชั่วที่แฝงอยู่ในความรู้สึกนึกคิด
ทำให้จิตใจขุ่นมัว ไม่บริสุทธิ์

http://board.dserver.org/e/easydharma/00000042.html

ความต้องการที่จะทำสิ่งที่ดี ผมว่าไม่น่าจะใช้คำว่ากิเลสครับ ...
"Winners never quit, and quitters never win."
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 22

โพสต์

ฉันทะ ก็เหมือนกัน ฉันทะ อาจพาเราไปสู่พรหมได้ แต่ไม่มีทางทำให้เราหลุดออกจากวัฏสงสารได้ ความดีอย่างอื่นๆ ก็เหมือนกัน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมมาวายามะเป็นไฉน? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ยังฉันทะ ให้เกิด พยายาม ปรารถนาความเพียร ประคองจิตไว้ ตั้งจิตไว้ เพื่อมิให้อกุศลธรรมอันลามก ที่ยังไม่เกิดบังเกิดขึ้น เพื่อละอกุศลธรรมอันลามกที่บังเกิดขึ้นแล้ว เพื่อให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด บังเกิดขึ้น พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้ ตั้งจิตไว้ เพื่อความตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือน เพิ่มพูน ไพบูลย์ เจริญ บริบูรณ์ แห่งกุศลธรรมที่บังเกิดขึ้นแล้ว นี้เรียกว่า สัมมาวายามะ.

จากพระสุตตันตปิฎก
"Winners never quit, and quitters never win."
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 23

โพสต์

ถ้าจะหยุดวัฏสงสารต้องหยุดกรรม
กรรมหมายถึงการกระทำ มีทั้งกรรมดี (กุศลกรรม) และ กรรมชั่ว (อกุศลกรรม)
การหลุดพ้น หลุดได้ด้วยการปฏิบัติตาม มรรคมีองค์ 8 หรือย่อให้เหลือ 3 อย่างก็คือ
ไตรสิกขา (ศีล สมาธิ ปัญญา) ซึ่งเป็นกุศลกรรม
การหยุดวัฏสงสารจึงไม่ใช่การหยุดกรรม
เจตนาเกิดจากความเห็นผิด (อวิชชา)
เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ
เรากล่าวเจตนาว่าคือกรรม

เจตนาเกิดจากความเห็นผิดก็ได้ ความเห็นชอบก็ได้
เจตนา คือ ก็เป็นรูปแบบหนึ่งของ "กรรม" (มโนกรรม)
   เจตณา ในการดำรงณ์จิตไว้อย่างถูกต้อง ในสติปัฏฐาน 4 จะทำให้ปัญญาเข้าใจการปฏิบัติธรรม
     กรรมมีเพราะเจตณา
     การภาวนามีได้เพราะเจตณา
     ธรรมมีเพราะเจตณา
     นิพพานบรรลุได้เพราะเจตณา
http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/003851.htm
"Winners never quit, and quitters never win."
nanchan
Verified User
โพสต์: 2938
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 24

โพสต์

เอะ แล้วการบริจาคเงินของเรา โดยที่เราก็เสียดายเงินของเรา
และก็คิดว่าไม่บริจาคก็ได้ (บริจาคแบบเงียบๆคนเดียว)

แต่เราก็บริจาค เพียงเพราะคิดว่าดี

อย่างนี้จะเป็นทั้งอัตตาและไม่อัตตาได้ไหม หรือแค่พยายามลดอัตตา
หรือว่าเงินนั้นไม่เยอะพอจึงยังทำให้ไม่รู้สึกอะไร
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 25

โพสต์

nanchan เขียน:เอะ แล้วการบริจาคเงินของเรา โดยที่เราก็เสียดายเงินของเรา
และก็คิดว่าไม่บริจาคก็ได้ (บริจาคแบบเงียบๆคนเดียว)

แต่เราก็บริจาค เพียงเพราะคิดว่าดี

อย่างนี้จะเป็นทั้งอัตตาและไม่อัตตาได้ไหม หรือแค่พยายามลดอัตตา
หรือว่าเงินนั้นไม่เยอะพอจึงยังทำให้ไม่รู้สึกอะไร
http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/002356.htm

เอากระทู้ในลานธรรมเกี่ยวกับการทำบุญมาฝาก
นานๆ ผมเข้าไปอ่านที ผมรู้สึกอึ้งและทึ่งกับบุคคลผู้ใฝ่ธรรมเหล่านั้นครับ
บางท่านอ่านพระไตรปิฎก ถกข้อสงสัยในพระสูตร พระอภิธรรม
แต่ผมว่าหากท่านเหล่านั้น มาอ่านเรื่องหุ้นของ Thaivi
ก็คงอึ้งและทึ่งเหมือนกันว่า กลุ่มคนเหล่านี้ช่างสนใจเรื่องหุ้นเหลือเกิน ... :P
"Winners never quit, and quitters never win."
ด๊กดิงด่าง
Verified User
โพสต์: 312
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 26

โพสต์

ผมว่าธรรมชาติคงสร้างอีโก้มาให้เราเพื่อจะได้รู้จักปกป้องตนเองไม่ให้เป็นเบี๊ยล่างหรือเหยื่ออีโก้ตัวอื่นๆ เพราะถ้าเราไม่มีอีโก้ของเราเองหรือมีแต่อ่อนก็มักจะเสียเปรียบคนอื่นเขา น่าจะเป็นตัวเดียวกันหรือไม่ก็เป็นลูกเป็นหลานของสัญชาตญาณของการเอาตัวรอด สังเกตุดูว่าอีโก้มักจะเกิดในสถานการณ์ที่ต้องมีการเปรียบเทียบระหว่างบุคคลไม่ว่าในขณะเผชิญหน้ากันหรือลับหลัง แต่ถ้ามีเงื่อนไขให้ได้เปรียบเสียเปรียบกันอีโก้ก็จะออกมาทำงานเสมอ

ภาษาไทยน่าจะเป็นคำว่าการสำคัญตนว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าภาษาธรรมะก็น่าจะเป็นคำว่า อหังการ์ มมังการ์(ไม่แน่ใจเหมือนกันห่างหนังสือธรรมะแบบลึกๆมานาน) ถ้ายกตัวอย่างแบบที่ผมเข้าใจ เช่นเวลาอยู่ที่ทำงานเป็นหัวหน้างานก็เกรี้ยวกราดกับลูกน้องแม้เรื่องเล็กๆน้อย พอผ่านก็ไม่ยอมให้ผ่านเพราะต้องปกป้องสถานะภาพของตนเอง แม้แต่เวลากินเหล้ากับเพื่อนฝูงบางทีเถียงกันจนเกือบเสียเพื่อนก็มีเพราะอยากให้เพื่อนยอมรับความคิดของตัวเองยิ่งมีแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดด้วยอีโก้ตัวมันก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แต่พอออกจากสถานการณ์ที่ว่ามาอีโก้ก็จะลดลง ยิ่งกลับเข้าบ้านซึ่งน่าจะเป็นสถานที่ๆปลอดภัยที่สุดอีโก้ก็อาจจะไม่เหลือเลยหรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นอีโก้ที่อ่อนหวานไม่กร้าวร้าว เป็นอีโก้แบบเย็นๆ
การทำอะไรแบบเดิมๆเป็นเวลานานๆทำให้ชีวิตเสียหาย
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมคนเราถึงมี ego ครับ

โพสต์ที่ 27

โพสต์

ด๊กดิงด่าง เขียน: ถ้าภาษาธรรมะก็น่าจะเป็นคำว่า อหังการ์ มมังการ์(ไม่แน่ใจเหมือนกันห่างหนังสือธรรมะแบบลึกๆมานาน)
อืมม...ใช่แล้วครับ ตอบคำถามพี่รพินทร์ได้แล้ว
"ตัวกู ของกู" คือ ทิฏฐิความเห็นว่าตัวว่าตน
ภาษาพระใช้คำว่า "อหังการ มมังการ" จะตรงกว่าคำว่า "อัตตา" ครับ
"Winners never quit, and quitters never win."
โพสต์โพสต์