ใครถือ CM บ้างครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
tanate
Verified User
โพสต์: 307
ผู้ติดตาม: 0

ใครถือ CM บ้างครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

อยากหาแนวร่วม ที่ถือ CM อยู่ครับ
คิดอย่างไร กรณีที่เงินบาทแข็งค่า เป็น 35 บาท/$
 CM ยังจะน่าสนใจอีกหรือไม่  :roll:
หุ้นขึ้นสักแต่รู้ว่าหุ้นขึ้น หุ้นตกสักแต่รู้ว่าหุ้นตก
jojosati
Verified User
โพสต์: 190
ผู้ติดตาม: 0

ใครถือ CM บ้างครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เคย... ตอนนี้รอดูก่อน
น่าสนใจ ตรงที่ ปันผล 10%
ราคาขึ้นมาแล้ว หลังจากซึมอยู่กับที่ตั้งนาน
ปีนี้ Q1 ทำผลงานได้ดี เกินคาด
Q2 - Q3 เป็นช่วงที่รายได้สูงอยู่แล้วทุกปี

ผมคิดว่า
ปัจจัยบวก มีเรื่อง FTA

ปัจจัยเสี่ยง ปีนี้ มีปัญหาน้ำท่วม ลานินญ่า, ค่าเงินบาทแข็ง อย่างที่บอก

ส่วนโรงงานขนมปัง ถึงแม้คุณภาพดี คนที่บ้านผมก็ชอบซื้อมากิน ก็ยังห่างจาก PB เหลือเกิน ยิ่งเข้า 7-11 ไม่ได้ ทำให้เหนื่อยนาน

ปัญหาของผมคือ ดูคำชี้แจงผลประกอบการไม่รู้เรื่อง เอางบมาดูก็ไม่เคลียร์ เลยไม่ค่อย happy กับคนทำบัญชีของ CM (แค่ความรู้สึกนะครับ) ผมอ่านงบของ GMMM หรือ SUC ยุ่งเหยิงกว่านี้ ยังรู้สึกว่าเข้าใจเคลียร์กว่า
ก็เลยขอถอยออกมาดูก่อน

อีกอย่าง จำได้ว่ามีใครเคยบอกไว้ ว่าธุรกิจเกี่ยวกับเกษตร ตอนรับซื้อมันไม่มี VAT ไม่มีบิล เพราะฉะนั้น ต้นทุนมันจะพิสูจน์ยาก

สำหรับ CM ไม่ได้เจออะไรไม่ดีนะครับ แถมปันผลสม่ำเสมอ 10% ด้วย
ปีนี้ก็น่าจะทำได้ 10% ถ้าไม่โชคร้าย ครึ่งปีที่เหลือ

เพียงแต่ดูงบเขาแล้ว รู้สึกไม่กระจ่าง ก็เลยปล่อยไป
ราคาขึ้นมาแล้วยัง รู้สึกเสียดายเลยครับ

ฝากข้อมูลเก่าๆ ที่เคยสะสมไว้ พิจารณาแล้วกันครับ
จัดทัพใหญ่ ดันไทยฟู้ด เบอร์2โลก
วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ.2549  

กระทวงพาณิชย์- หน่วยงานรัฐ ดัน "ไทยฟูดส์" โกอินเตอร์ เจาะตะวันออกกลาง หวังปั้นขึ้นเบอร์ 2 ของโลก ชี้ผลพวงโครงการฯ ส่งออกสินค้าอาหารเกษตรปีละ 1 แสนล้านบาท ตั้งเป้าร้านอาหารไทยในต่างแดน 3,000 แห่งทั่วโลก      

นายพิมล ศรีวิกรม์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการโครงการครัวไทยสู่ครัวโลก เปิดเผยว่า จากการที่ภาครัฐได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมอาหารและร้านอาหารไทยในต่างประเทศที่กำลังขยายไปทั่วโลก โดยมีนโยบายส่งเสริมให้อุตสาหกรรมอาหารเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศและพัฒนาครัวไทยสู่โลก ซึ่งมีเป้าหมายหลัก ได้แก่ ส่งเสริมการขยายตลาดอาหารและร้านอาหารไทยในต่างประเทศ อย่างมีคุณภาพ และส่งเสริมให้อาหารไทยเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมติดอันดับ 2 ของโลก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการส่งออกสินค้าอาหารเกษตร การท่องเที่ยว ตลอดจนสินค้าประเภทอื่นๆ เช่น สินค้า OTOP เป็นต้น


สำหรับนโยบายหลักในปี 2549 ได้วางเป้าหมายในการเพิ่มจำนวนเชิงปริมาณและคุณภาพร้านอาหารไทยทั่วโลกให้มากยิ่งขึ้น กล่าวคือการเพิ่มเชิงปริมาณ ได้แก่ การเพิ่มปริมาณร้านอาหารไทยประเภทธุรกิจ "แฟรนไชส์" เครือร้านอาหาร เครือโรงแรม เป็นต้น ส่วนการเพิ่มในเชิงคุณภาพนั้น ได้มีการมอบเครื่องหมาย "ไทยซีเล็ค" ให้กับร้านอาหารไทยในต่างประเทศ เพื่อเป็นการรับรองคุณภาพมาตรฐาน รวมถึงสุขอนามัยความปลอดภัยของอาหารไทย  


นายยุทธศักดิ์ สุภสร รองสถาบันอาหาร ในฐานะผู้บริหารศูนย์พัฒนาอาหารไทยและครัวไทยสู่โลก กล่าวว่า ในปี 2549 ได้ตั้งเป้าที่จะขยายร้านอาหารไทยในต่างประเทศจากเดิมที่มีอยู่ 9,183 ร้าน เพิ่มขึ้นเป็น 12,000 ร้าน หรือมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณปีละ 20-100% ทั่วโลก เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาคือ สหรัฐอเมริกาจากเดิม 4,101 ร้าน เพิ่มเป็น 4,920 ร้าน หรือคิดเป็น 20 %, ยุโรป 2,287 ร้าน เพิ่มเป็น 2,860 ร้าน  หรือ 25 %, ออสเตรเลีย 1,377 ร้าน เพิ่มเป็น 1,790 ร้าน หรือ  30 %, เอเชีย 1,246 ร้าน เพิ่มเป็น 2,146 ร้าน  หรือ 70 %, ตะวันออกกลาง 104 ร้าน เพิ่มเป็น 170 ร้าน หรือ 60 % และ  แอฟริกา 68 ร้าน เพิ่มเป็น 140 ร้าน หรือ 100 %


จากการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมถึงการพัฒนาคุณภาพอาหารไทยในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ร้านอาหารไทยในต่างประเทศมีอัตราการขยายตัวที่สูงขึ้น รวมถึงแฟรนไชส์ร้านอาหารไทย ขณะเดียวกันการนำเมนูอาหารไทยไปจำหน่ายในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก จะช่วยให้ธุรกิจการส่งออกของประเทศไทยมีอัตราเพิ่มขึ้นตามไปด้วย อย่างเช่น สินค้าประเภทกุ้ง อาทิ กุ้งสด กุ้งต้ม กุ้งแช่แข็งและกุ้งแปรรูป ซึ่งมีมูลค่าส่งออกประมาณ 33,200 ล้านบาทต่อปี ขณะที่สินค้าผลไม้ เช่น ผลไม้แช่แข็ง มะพร้าว มะละกอ มีมูลค่าการส่งออกประมาณ 3,280 ล้านบาทต่อปี ส่งออกทูน่า 136 ล้านบาทต่อปี ส่งออกข้าว 76,799ล้านบาทต่อปี กลุ่มผักส่งออก 2,280 ล้านบาทต่อปี ซึ่งส่งผลให้ภาพรวมการส่งออกสินค้าอาหารเกษตร เพิ่มขึ้น 1 แสนล้านบาทต่อปี  นายยุทธศักดิ์ กล่าว


นอกจากนี้ ทางคณะกรรมการฯ โครงการครัวไทยสู่โลก ได้มีความเห็นชอบร่วมกันที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการส่งออก กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน  กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยและสถาบันอาหาร ร่วมกันเร่งรัดจัดทำและพัฒนามาตรฐานหลักสูตรอาหารไทย พร้อมทั้งเพิ่มศักยภาพพ่อครัวแม่ครัวไทยให้ก้าวสู่มาตรฐานระดับสากล รวมถึงการส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารไทยในต่างประเทศ พร้อมทั้งเร่งปรับปรุงเงื่อนไขการกู้ยืมเงินของธนาคาร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับภาคธุรกิจอาหาร โดยได้มีการเจรจาเรื่องสินเชื่อเพื่อโครงการครัวไทยสู่โลก ร่วมกับ เอ็กซิมแบงก์ เอสเอ็มอีแบงก์ ธนาคารกรุงเทพ และกรุงไทย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ประกอบการธุรกิจสะดวกในการบริการ
"เชียงใหม่ โฟรเซ่นฯ" ยันไม่กระทบผู้ถือหุ้นใหญ่โยกหุ้นจำนองแบงก์

4 สิงหาคม 2548 07:47 น.
เชียงใหม่ โฟรเซ่น ฟูดส์ ยันไม่มีปัญหาสภาพคล่อง หลังบริษัทเกษตรเหนือ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่นำหุ้นบางส่วนไปจำนองกับธนาคาร เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียน ล่าสุดเข้าซื้อหุ้นจากกลุ่มเดียวกันเพิ่มอีก 4.78%

     รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ในแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 25 ก.ค.48 บริษัทเกษตรเหนือ ได้เข้าซื้อหุ้นของบริษัท เชียงใหม่ โฟรเซ่น ฟูดส์ เพิ่มอีกจำนวน 15.06 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.78% จากเดิมที่ถือหุ้นอยู่ 36.78 ล้านหุ้น คิดเป็น 11.68% ดังนั้นทำให้การถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 51.84 ล้านหุ้น คิดเป็น 16.46% โดยเป็นการซื้อจากนายนิรันด์ และนายสุพจน์ พลพิพัฒนพงศ์

    จากโครงสร้างผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 7 เม.ย 2548 ของบริษัท เชียงใหม่โฟรเซ่น ฟูดส์ พบว่าบริษัท เกษตรเหนือ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับแรก ถือหุ้นอยู่ 17.51% รองลงมาเป็นบริษัท อิโตชู คอร์ปอเรชั่น (ITOCHU CORPORATION) ถือจำนวน 12.96% นายประภาส พลพิพัฒนพงศ์ จำนวน 4.06% MR.LAN, MU-CHIOU จำนวน 3.79 % และบริษัท อิโตชู (ไทยแลนด์) จำนวน 3.58%

     ด้าน นายศักดา พิมพ์เมือง ผู้มีอำนาจรายงานข้อสนเทศ บริษัท เชียงใหม่โฟรเซ่น ฟูดส์ เปิดเผยว่า การที่จำนวนหุ้นของบริษัท เกษตรเหนือ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทลดลงจาก 17.51% เหลือเพียง 11.68% ก่อนที่จะทำรายการซื้อหุ้นต่อจากนายนิรันด์ และนายสุพจน์ พลพิพัฒนพงศ์ นั้น เนื่องจากหุ้นบางส่วนบริษัท เกษตรเหนือ ได้นำไปจำนองไว้กับธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง เพื่อนำเงินมาใช้ในการทำธุรกิจของบริษัท เกษตรเหนือ ทำให้จำนวนการถือครองหุ้นลดลง

     อย่างไรก็ตาม จำนวนหุ้นดังกล่าวอยู่ระหว่างการโอนเข้ามา เมื่อดำเนินการเรียบร้อยการถือครองหุ้นก็จะเพิ่มขึ้นได้

    "ตอนนี้บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการนำหุ้นที่ติดจำนองอยู่กับแบงก์กลับเข้ามาในบริษัท และก็เห็นว่าเป็นเรื่องของบริษัทเกษตรเหนือ ซึ่งต้องการใช้เงินก็เลยนำหุ้นไปจำนอง แต่มั่นใจว่าบริษัท เชียงใหม่ โฟรเซ่น ฟูดส์ จะไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องดังกล่าว" นายศักดา กล่าว

     สำหรับเรื่องของการซื้อหุ้นเพิ่มอีก 4.78% นั้น เป็นการซื้อจากผู้ถือหุ้นที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน รวมทั้งเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทเกษตรเหนือด้วย และการซื้อหุ้นครั้งนี้เป็นเรื่องปกติไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งกลุ่มเกษตรเหนือยังยืนยันที่จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทต่อไป

   นายศักดา กล่าวว่า ภาพรวมของผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ น่าจะเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อน แม้ว่าในช่วงไตรมาสแรกจะขาดทุน ซึ่งไม่อยากให้นักลงทุนพิจารณาผลประกอบการเป็นรายไตรมาส ควรจะพิจารณาเป็นปีมากกว่า เพราะระยะยาวมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

   ทั้งนี้ผลประกอบการในงวดไตรมาสแรกปี 2548 บริษัทขาดทุนสุทธิ จำนวน 34 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 25 ล้านบาท แต่ถ้าพิจารณางบการเงินสิ้นปี 2547 บริษัทมีกำไรสุทธิ 91 ล้านบาท มีรายได้รวม 1.28 พันล้านบาท
อิโตชู ผู้ถือหุ้นอันดับ 2 คือใคร
บริษัท สยามแฟมิลี่มาร์ท จำกัด
หากจะกล่าวถึงความเป็นมาของ บริษัท สยามแฟมิลี่มาร์ท จำกัด ก็คงต้องขอเท้าความไปถึงบริษัท สยามแฟมิลี่มาร์ท ที่ญี่ปุ่นด้วย คือ บริษัท แฟมิลี่มาร์ท เป็นบริษัทของประเทศญี่ปุ่น ตั้งขึ้นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นประมาณสิบกว่าปีมาแล้วโดยบริษัท Supermarket Seiyu หลังจากนั้น บริษัท อีโตชู ( Itochu ) ซึ่งเป็นบริษัทแนวหน้าของญี่ปุ่นก็เข้ามาซื้อหุ้นจาก Seiyu และได้ขยายกิจการของแฟมมิลี่มาร์ทในประเทศญี่ปุ่นต่อไป ปัจจุบัน บริษัท อีโตชู ถือเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ แฟมิลี่มาร์ท
หลังจากที่ บริษัท อีโตชู ได้เข้ามาขยายกิจการก็ทำให้ร้านสะดวกซื้อแฟมิลี่มาร์ทมีสาขาถึงหกพันกว่าสาขาในญี่ปุ่น จากนั้นจึงได้มีการขยายเข้าไปในประเทศต่าง ๆ ประเทศแรกที่ขยายเข้าไป คือ ประเทศไต้หวัน ซึ่งปัจจุบันมีสาขาอยู่ประมาณ 1,700 สาขา ตามมาด้วยการขยายต่อไปในประเทศเกาหลี โดยมีสาขาอยู่ประมาณ 2,000 กว่าสาขา จนกระทั่งปี พ.ศ. 2535 แฟมิลี่มาร์ทก็ได้ขยายเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ไทยมีสาขาแฟมิลี่มาร์ทอยู่ประมาณ 300 กว่าสาขาแล้ว
เหตุที่แฟมิลี่มาร์ทขยายเข้ามาในไทย เนื่องจากแฟมิลี่มาร์ท ญี่ปุ่นมองเห็นว่าธุรกิจร้านสะดวกซื้อในประเทศไทยน่าจะเป็นธุรกิจที่ดีในอนาคตและตลาดก็น่าจะใหญ่ที่จะเติบโตได้ ดังนั้น ทางแฟมิลี่มาร์ท ญี่ปุ่น จึงได้เข้ามาติดต่อหุ้นส่วนในฝั่งไทย ซึ่งมีอยู่สองกลุ่มแรก คือ บริษัทในเครือสหพัฒน์ และอีกกลุ่ม คือห้างสรรพสินค้าโรบินสัน นอกจากนี้ยังมี บริษัท อีโตชู แห่งประเทศไทยก็มีส่วนร่วม ฉะนั้น ผู้ถือหุ้นหลักของแฟมิลี่มาร์ทในไทยจึงประกอบไปด้วย แฟมิลี่มาร์ท ญี่ปุ่น บริษัท อีโตชู ประเทศไทย บริษัทในเครือสหพัฒน์ และห้างสรรพสินค้าโรบินสัน
ในขณะก่อตั้งธุรกิจร้านสะดวกซื้อนี้ขึ้นในประเทศไทย ทางบริษัทแฟมิลี่มาร์ท ญี่ปุ่น มีความตั้งใจที่จะพัฒนาและทำธุรกิจระบบแฟรนไชส์ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุ่งขยายไปในบริเวณชุมชนที่อยู่อาศัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงานบ้าน บ้านพัก หรือบริเวณแหล่งชุมชนที่คนมักเข้ามาทำกิจกรรมในบริเวณนั้น เพื่อให้ความสะดวกในด้านการบริการสินค้า แก่ลูกค้าบริเวณนั้น ๆ ดังนั้น ถ้ากล่าวถึงเจตนารมณ์เบื้องต้นของแฟมิลี่มาร์ท คือเราตั้งใจที่จะทำงานร่วมกับแฟรนไชส์ของเรา เพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าทางธุรกิจร่วมกันระหว่างเรากับแฟรนไชส์ อันถือเป็นแนวทางสำคัญในการทำธุรกิจของแฟมิลี่มาร์ท ญี่ปุ่น เข้ามาร่วมทุนกับฝ่ายไทย จึงทำให้มีการตั้งบริษัทขึ้นภายใต้ชื่อว่า บริษัท สยามแฟมิลี่มาร์ท จำกัด ซึ่งได้ดำเนินงานมาจนถึงปัจจุบัน นั่นก็คือประวัติโดยย่อของการเกิด บริษัท สยามแฟมิลี่มาร์ทจำกัด
อุตส่าห์ ไปเกี่ยวพันกับ STA อีกแฮะ
บริษัท ไทยเทครับเบอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้ผลิตยางแท่งเพื่อการส่งออกเป็นหลัก มีโรงงานอยู่ 2 แห่ง กำลังการผลิตรวม 12,000 ตันต่อปี ตั้งอยู่ที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดตรัง บริษัทนี้เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือหุ้นร้อยละ 33.5 กับบริษัท อีโตชู แห่งประเทศญี่ปุ่นซึ่งถือหุ้นร้อยละ 33 และบริษัท เซาท์แลนด์รับเบอร์ จำกัด อีกร้อยละ 33.5 (ณ ปี 2547)
มีถือหุ้น SPACK ด้วย
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธ.ค.46 ประกอบด้วย กองทุนเพื่อการร่วมลงทุน (Thailand Equity Fund) ถือจำนวน 14 ล้านหุ้น หรือ 29.17% กลุ่มนายยุทธ ชินสุภัคคกุล ถือจำนวน 6.88 ล้านหุ้น หรือ 14.33% กลุ่มลีนุตพงษ์ ถือจำนวน 4 ล้านหุ้น หรือ 6.67% บ.อีโตชู แมนเนจเมนท์ (ประเทศไทย) ถือจำนวน 4 ล้านหุ้น หรือ 6.67% บ.สหกิจบรรจุภัณฑ์ จำกัด ถือจำนวน 3.784 ล้านหุ้น หรือ 7.89% บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) ถือจำนวน 3 ล้านหุ้น หรือ 6.25%
บินไทยจับมือยุ่นขุดทองสุวรรณภูมิ

     นายโชคชัย ปัญญายงค์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานพัฒนาโครงการลงทุน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการลงทุนในสนามบินสุวรรณภูมิ ว่า กลุ่ม อีโตชู คอร์ปอเรชั่น ของประเทศญี่ปุ่น ได้ชักชวนบริษัทการบินไทยมาร่วมลงทุนจัดตั้งบริษัทเพื่อบริหารศูนย์กระจายสินค้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรือนิว โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมีทุนจดทะเบียนเบื้องต้น 200 ล้านบาท โดยการบินไทยกับกลุ่มอีโตชูฯ ร่วมลงทุนรายละ 35% ส่วนอีก 30% จะเป็นบริษัทรายย่อย และมีงบประมาณจัดตั้งศูนย์ทั้งเฟส 1 และ 2 กว่า 700 ล้านบาท ซึ่งแผนดังกล่าวได้ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการการบินไทยแล้ว หลังจากนี้จะเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติ คาดว่าจะจัดตั้งบริษัทแล้วเสร็จทันการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิในเชิงพาณิชย์เดือน มิ.ย.49 การจัดตั้งบริษัทดังกล่าวจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางการขนส่งทางอากาศ 2,000 ล้านบาทต่อปี และจะทำให้นักลงทุนต่างประเทศหันมาตั้งบริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในไทยมากขึ้น

     นายรัช ตันตนันตา รองผู้จัดการฝ่ายพัฒนาการลงทุน การบินไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการก่อสร้างศูนย์ซ่อมอากาศยานของการบินไทยที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมูลค่าก่อสร้าง 15,000 ล้านบาท ว่า การก่อสร้างในส่วนของอาคารมีความคืบหน้าเกือบ 100% แล้ว เหลือเพียงการติดตั้งอุปกรณ์และการตกแต่งภายใน หรือไม่เกิน 1% แต่การบินไทยชะลอการลงทุนไว้ก่อน เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ว่าจะสามารถเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิได้เมื่อใด
easy buy ก็มีถือหุ้น
  - รายชื่อผู้ถือหุ้น


  บริษัท เอคอม จำกัด   49.0%  
บริษัท ซิว จำกัด   19.0%  
บริษัท อีโตชู แมนเนจเมนต์ (ประเทศไทย)     19.0%  
นายพรเสก กาญจนจารี   4.9%  
ธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน)   4.0%  
อื่นๆ   4.1%  
รวม   100.0%
ตระกูล พลพิพัฒนพงศ์ ผู้ถือหุ้นฝั่งไทย
เที่ยวสวนส้มทรายทอง
อาณาจักรของคนรักส้ม


ศิริพร โปธา
เทคโนโลยีชาวบ้าน
ฉบับที่ 350 01/01/48


ถ้าเอ่ยถึง อำเภอฝาง แล้ว เป็นที่รู้กันว่า เป็นแหล่งแห่งการผลิตส้มที่ใหญ่ที่สุด และริมถนนสายเชียงใหม่-ฝาง ก็เต็มไปด้วยบรรดาสวนส้มใหญ่ น้อย เรียงรายกัน และสวนส้มทรายทองก็เป็นสวนส้มที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งมีพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ ตั้งอยู่ที่ 209 หมู่ 17 ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี คุณเอกพงศ์ พลพิพัฒนพงศ์ เป็นผู้บริหาร
คุณเอกพงศ์ ได้เล่าว่า สวนส้มทรายทองแห่งนี้เริ่มทำกันมากว่า 14 ปีแล้ว โดย คุณประยูร พลพิพัฒนพงศ์ ซึ่งเป็นคุณพ่อ แต่เดิมก็ปลูกไม้ผลเศรษฐกิจทั่วไป เช่น ลำไย มะม่วง ลิ้นจี่ เป็นต้น ต่อมาคุณประยูรได้เล็งเห็นว่า ส้มเป็นไม้ผลที่น่าจับตามอง และน่าจะเป็นไม้ผลเศรษฐกิจในอนาคตได้ จึงเริ่มปลูกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
สวนส้มทรายทอง จุดกำเนิดของส้มสายน้ำผึ้งตราฮันนี่ควีน (Honey Queen) ภายใต้เทคโนโลยีการเพาะปลูกที่ทันสมัยและความเอาใจใส่อย่างพิถีพิถันในทุกๆ ขั้นตอน ตลอดระยะเวลา 9 เดือน นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มการผลิดอกออกผลจนกระทั่งถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมดูแลในเรื่องปริมาณน้ำ ปุ๋ย และความชื้น เพื่อให้ผลส้มนับแสนนับล้านต้นมีผิวสวยและเปลือกบางและมีรสชาติหวานหอมนุ่มลิ้น
นอกจากนี้ ยังใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยใหม่เน้นการใช้อินทรียวัตถุและการนำแมลงตัวห้ำ แมลงตัวเบียน มาใช้ในการควบคุมกำจัดแมลงศัตรูส้ม ควบคุมกับการใช้สารเคมีเท่าที่จำเป็นจนได้รับการรับรองจากกรมวิชาการเกษตรว่า "ปลอดภัยจากสารพิษ" ซึ่งสังเกตเห็นได้จากภายในสวนจะมีผีเสื้อ แมลงปอ และแมลงชนิดต่างๆ บินว่อนไปมา ราวกับว่ามันมาต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนดูน่าชวนมองนัก และมีนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นที่ปรึกษา
ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้เสมอว่า ไม่เพียงแต่คุณภาพและความสดใหม่เท่านั้น แต่ยังได้ลิ้มรสส้มที่อร่อยที่สุดในรอบปีที่ได้รับประกันความอร่อยจากเชลล์ชวนชิมอีกด้วย
สวนส้มทรายทองนอกจากจะเป็นแหล่งผลิตส้มที่ได้มาตรฐาน อร่อย และได้มาตรฐานแล้ว ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร และเชิงอนุรักษ์ด้วย โดยโปรแกรมการท่องเที่ยวที่นำเสนอ ได้แก่
1. Free Form Package : บนพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ ที่มีแนวต้นส้มเล็กใหญ่เรียงราย ที่ที่เป็นฉากของละครหลายต่อหลายเรื่อง ที่ที่ท่านสามารถสัมผัสกับฤดูหนาวท่ามกลางกลิ่นอายของดอกส้มที่กำลังเบ่งบาน กับความงามของทิวเขาน้อยใหญ่ที่รายล้อมสวนส้มแห่งนี้ เราน่าจะสร้างสรรค์อะไรก็ได้ที่ท่านฝันและไม่ไกลเกินเอื้อมสำหรับเรา อาหารค่ำในสวนแคมปิ้งใต้แสงจันทร์ท่ามกลางบรรยากาศใต้สวนส้ม หรือจัดกิจกรรมต่างๆ ที่สร้างสรรค์ เราก็พร้อมที่จะทำ เพราะธรรมชาติมันสวยเกินกว่าที่จะปล่อยให้ความฝันของพวกเราผ่านไป
2. โปรแกรมเที่ยวสวนส้มชมทรายทองที่ทางสวนจัดไว้ต้อนรับ
ช่วงเวลาเปิดทำการ : ทุกวัน ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน - 28 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เวลา 08.30-17.30 น. ราคาบัตรเข้าชม 100 บาท ต่อท่าน เด็กที่สูงต่ำกว่า 100 เซนติเมตร เข้าชมโครงการฟรี โปรแกรมการเข้าชมสวนเริ่มจาก
- เข้าชมวิดีโอแนะนำสวนและวิธีการจัดการสวนขนาดใหญ่อย่างมีระบบของสวนส้มทรายทองที่ห้องบรรยายพิเศษ
- ชิมน้ำส้มคั้นสดๆ หวานชื่นใจ
- จากนั้นขึ้นรถนำเที่ยวไปเก็บส้มทดลองตัดและชิมส้มสดๆ ที่อร่อยที่สุดในรอบปี จากต้นส้มได้อย่างไม่อั้น โดยมีเจ้าหน้าที่ของสวนเป็นวิทยากรบรรยาย ให้ความรู้ไปตลอดทาง
- แวะถ่ายภาพกับทุ่งทานตะวันดอกน้อย ใหญ่ ที่เบ่งบานรอให้ท่านมาสัมผัส
- แวะถ่ายภาพในบรรยากาศธรรมชาติเคียงคู่กับต้นส้มและผลส้มใหญ่ที่นับเท่าไหร่ก็ไม่ถ้วน
- ร่วมสัมผัสกลิ่นหอมของดอกส้มที่กำลังเบ่งบาน พร้อมกับชมทิวทัศน์และบรรยากาศรายรอบจากหอคอยสูง
- สั่งส้มสดๆ จากสวนส้มทรายทองกลับไปฝากคนที่บ้าน โดยเราจัดส่งให้ถึงมือท่านอย่างรวดเร็วทันใจ (เฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑล)
- ชมทิวทัศน์กว้างไกลของสวนส้มทรายทอง เลือกซื้อ และชมการแสดงของชาวสวนส้มรุ่นจิ๋วได้ที่ศาลาต้อนรับ
- เข้ารมโรงคัด และโรงบรรจุส้มโดยระบบคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยที่สุดของประเทศไทย
เชิญท่านมาสัมผัสถึงความเอาใจใส่ความพิถีพิถันและขั้นตอนต่างๆ กว่าจะมาเป็นส้มฮันนี่ควีน ที่สวนส้มทรายทองแห่งนี้ ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. (053) 382-888
มีชื่อประพจน์ใน SPPT ครับ แต่อาจจะไม่เกี่ยว
อาจจะไม่คุ้นหูมากนักเมื่อกล่าวถึงบริษัทรับจ้างผลิตชิ้นส่วนโลหะที่มีความเที่ยงตรงสูงเพื่อให้ในอุตสาหกรรการผลิตฮาร์ดิสก์ ที่ชื่อ ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) แต่การที่ชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นส่วนประกอบหนึ่งใน อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ จนทำให้ ประพจน์ พลพิพัฒนพงศ์ กรรมการผู้จัดการ ของบริษัทซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท ถึงกับมองว่านับจากนี้ไปอีก 5 ปี ยังไม่เห็นสิ่งใดที่จะเข้ามากระทบอุตสหากรรมนี้ เพราะรัฐบาลให้สิทธิประโยชน์จูงใจให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน ยิ่งจะเป็นประโยชน์หากนักลงทุนต่างชาติย้ายฐานการผลิตเข้ามาในไทย
โรงสีข้าวในขอนแก่น แต่อาจจะไม่เกี่ยว
17. บจก.โรงสีข้าวแสงตะวัน นางลินนา พลพิพัฒนพงศ์ 27/3-4 ถ.รามราช ต.ในเขตเทศบาล อ.พล จ.ขอนแก่น 40120  
ภาพประจำตัวสมาชิก
tanate
Verified User
โพสต์: 307
ผู้ติดตาม: 0

ใครถือ CM บ้างครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ดูคุณ jojosati มีข้อมูล มากจริงๆ เลย
ขอบคุณมากครับที่ให้ความรู้ และย่นระยะเวลาในการค้นหาข้อมูล

แต่ผมขอรบกวนอีกหน่อยเถอะครับ ประเภทคนคิดมาก

จากข้อมูลของ CM จุดแข็ง คือ
1.เป็นสินค้าประเภทผัก - อาหาร ที่เป็นปัจจัย 4 อย่างไงคนก็ต้องกิน
2.มีการควบคุมคุณภาพที่ดี มีR&D ด้วย
3.มีฐานตลาดที่ดี เพราะมีบริษัทผู้ถือหุ้นเป็นผู้จำหน่ายเอง
4.ใช้นโยบายคุณภาพของสินค้านำหน้า โดยให้ราคาต่ำกว่าคู่แข่งเล็กน้อย
5.มีสัดส่วนหนี้สิน/กำไรต่ำมาก
ที่จุดแข็งอื่นๆยังคิดไม่ออก

แต่จุดอ่อน นอกจากค่าเงินบาทแล้ว
ก็มี การมีลูกค้ารายใหญ่ คื่อ ญี่ปุ่น 70%  เสี่ยงมาก ถ้าเศรษฐกิจ ญี่ปุ่นแปรปรวน หรือ มีข้อกำหนด กีดกันครับ
k.jojosati มีอะไรจะเพิ่มเติมหรือไมครับ
หุ้นขึ้นสักแต่รู้ว่าหุ้นขึ้น หุ้นตกสักแต่รู้ว่าหุ้นตก
jojosati
Verified User
โพสต์: 190
ผู้ติดตาม: 0

ใครถือ CM บ้างครับ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

[quote="tanate"]ดูคุณ jojosati มีข้อมูล มากจริงๆ เลย
ขอบคุณมากครับที่ให้ความรู้ และย่นระยะเวลาในการค้นหาข้อมูล

แต่ผมขอรบกวนอีกหน่อยเถอะครับ ประเภทคนคิดมาก

จากข้อมูลของ CM จุดแข็ง คือ
1.เป็นสินค้าประเภทผัก - อาหาร ที่เป็นปัจจัย 4 อย่างไงคนก็ต้องกิน
2.มีการควบคุมคุณภาพที่ดี มีR&D ด้วย
3.มีฐานตลาดที่ดี เพราะมีบริษัทผู้ถือหุ้นเป็นผู้จำหน่ายเอง
4.ใช้นโยบายคุณภาพของสินค้านำหน้า โดยให้ราคาต่ำกว่าคู่แข่งเล็กน้อย
5.มีสัดส่วนหนี้สิน/กำไรต่ำมาก
ที่จุดแข็งอื่นๆยังคิดไม่ออก

แต่จุดอ่อน นอกจากค่าเงินบาทแล้ว
ก็มี การมีลูกค้ารายใหญ่ คื่อ ญี่ปุ่น 70%
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 0

ใครถือ CM บ้างครับ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

เคยถือเมื่อสี่ปีก่อนครับ จำได้ว่าที่ซื้อตอนนั้นเพราะ

ข้อดี
1.มีงบดุลแข็งแกร่ง หนี้น้อยมาก
2.เป็นหุ้นก้นบุหรี่ p/b ต่ำ
3.เป็นหุ้นปันผลเพราะปันผลดีมาก แม้ในปีที่ขาดทุนก็ยังอุตส่าห์เอากำไรสะสมมาจ่ายปันผล

ข้อเสีย
1.กำไรขึ้นๆลงๆตามธรรมชาติของธุรกิจการเกษตร บางปีก็ผันผวนมากตามฤดูกาลฝนตกมากตกน้อยและหนาวร้อนซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุม
2.เป็นธุรกิจที่ไม่มีกำแพงกั้น มาร์จิ้นจึงน้อย และคงจะน้อยไปอีกนาน
3.ไม่มีแบรนด์เนมเป็นของตัวเอง  สินค้าคือถั่วแระส่งไปให้เขาขายในชื่อของเขา
4.เป็นเบี้ยล่างของลูกค้าเพราะการแข่งขันสูง


ตัวนี้ทำให้ผมขาดทุนย่อยยับเพราะคาดเดากำไรไม่ถูก  บวกกับเคราะห์หามยามร้ายไปเจอไตรมาสที่ขาดทุนรุนแรงเข้า  ราคาก็รูดลงมหาศาลชนิดที่เงินปัญผลที่จะได้กลับคืนกลายเป็นเรื่องขี้ผงไปเลย

ปัจจุบันผมไม่ได้ตามแล้ว ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือเปล่า
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 0

ใครถือ CM บ้างครับ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

จากข้อมูลของ CM จุดแข็ง คือ
1.เป็นสินค้าประเภทผัก - อาหาร ที่เป็นปัจจัย 4 อย่างไงคนก็ต้องกิน
ขอวิจารณ์ตรงนี้หน่อยครับ
การที่เป็นปัจจัยสี่ก็มีความสำคัญเหมือนกัน  แต่สำคัญไม่มากเพราะว่า

1. เขาอาจจะไม่กินของเราก็ได้  ถ้าเขาไม่ซื้อเราๆก็ไม่ได้ตังค์

2.ถ้าsupply เยอะ  การตัดราคากันก็จะเกิดขึ้น  บางทีต้องเอาไปทำลายทิ้งเลยทีเดียวเพื่อดันราคาส่วนที่เหลือให้สูงขึ้น

3.ราคาของสินค้าไม่ได้วัดตรงที่ว่ามีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตมากเพียงใด ที่จริงก็มีผลอยู่บ้างแต่ไม่มาก แต่วัดตรง demand/supply ต่างหาก  เพชรทองนั้นไม่มีผลที่จะทำให้ชีวิตอยู่รอดแต่ด้วยความที่supply น้อย  ราคาก็เลยสูงขึ้น

4.ชาวนาปลูกข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักของคนครึ่งโลกแท้ๆ แต่ก็จนลงๆเรื่อยๆ  ที่จนเพราะราคาต่ำ ที่ราคาต่ำเป็นเพราะ supply เยอะเกิน demand ถ้าลดsupplyและเพิ่มdemandได้  ชาวนาถึงจะรวย

5.ในโลกธุรกิจนั้นสินค้าเราชนะในการแข่งขันหรือไม่  มีความสำคัญมากกว่าสินค้าเรามีความจำเป็นแต่แพ้ในการแข่งขัน

6.หลักการลงทุนของบัฟเฟตต์ไม่ได้เน้นว่าต้องลงทุนในบริษัทที่มีความจำเป้นต่อการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน  แต่เขาให้มองหาบริษัทที่มีความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืนเป็นหลัก
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 0

ใครถือ CM บ้างครับ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

4.ใช้นโยบายคุณภาพของสินค้านำหน้า โดยให้ราคาต่ำกว่าคู่แข่งเล็กน้อย
ผมไม่แน่ใจว่านำมาจาก 56-1 หรือไม่  แต่หลายๆบริษัทก็ทำกันอย่างนี้เหมือนกัน  ซึ่งผมเองก็เคยโดนหลอกมาบ่อยๆ

เนื้อหาอ่านดูแล้วทำให้สบายใจว่าบริษัทเน้นผลิตสินค้าคุณภาพ ซึ่งถ้าอ่านเผินๆจะเข้าใจว่าเป็น " ธุรกิจที่แข่งขันด้านคุณภาพ "

แต่จากประโยค " โดยให้ราคาต่ำกว่าคู่แข่งเล็กน้อย " เป็นตัวยืนยันเลยครับว่า เป็นธุรกิจที่แข่งขันในด้าน " ราคา " ซึ่งจริงๆแล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
bennn
Verified User
โพสต์: 412
ผู้ติดตาม: 0

ใครถือ CM บ้างครับ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

สามัญชน เขียน:เคยถือเมื่อสี่ปีก่อนครับ จำได้ว่าที่ซื้อตอนนั้นเพราะ

ข้อดี
1.มีงบดุลแข็งแกร่ง หนี้น้อยมาก
2.เป็นหุ้นก้นบุหรี่ p/b ต่ำ
3.เป็นหุ้นปันผลเพราะปันผลดีมาก แม้ในปีที่ขาดทุนก็ยังอุตส่าห์เอากำไรสะสมมาจ่ายปันผล
เหมือนกันเลยครับ ซื้อช่วงต้นปี 45 เลือก CM เพราะหนี้น้อยกับปันผลดี
แต่ของผมถือไม่กี่เดือน ขายไปหลังปันผลเลย
เพราะเหมือนรายงานจะบอกว่าจะโดนเรื่องกดราคาขาย..
ช่วงนั้นผมมักถือพวกธุรกิจเกษตร( CM, LEE, CPF)  
และผมขาดทุน CPF เยอะมากเลย
ภาพประจำตัวสมาชิก
tanate
Verified User
โพสต์: 307
ผู้ติดตาม: 0

ใครถือ CM บ้างครับ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ขอขอบคุณ ทุกๆท่านที่แนะนำมาครับ
:bow:
หุ้นขึ้นสักแต่รู้ว่าหุ้นขึ้น หุ้นตกสักแต่รู้ว่าหุ้นตก
Frankie
Verified User
โพสต์: 999
ผู้ติดตาม: 0

ใครถือ CM บ้างครับ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ไม่เคยซื้อตัวนี้ครับ ทีแรกกะจะไม่อ่าน
โชคดีครับที่เข้ามาอ่าน เพราะมีสาระอยู่ในกระทู้เยอะมากครับ :cool:
We are new KIDS.
We don' t SMOKE.
ร่วมรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่
โพสต์โพสต์