ผมขอสรุปบทเรียนและประสบการณ์เรียนรู้ที่ลงทุนในหุ้นอเมริกามา 6 ปีเพื่อแชร์เพื่อนๆดังนี้
1. ในช่วงวิกฤตโควิดช่วงเดือนมีนาคม นักลงทุนแนววีไอต้องไม่ตื่นตระหนกกับการพาดหัวข่าวมากมายที่พยายามดึงความสนใจเรา
แต่การที่ตั้งสติและทำการบ้านหาโอกาสลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีเยี่ยมแต่เกิดวิกฤตขึ้นชั่วคราวกับธุรกิจ เราก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างยอดเยี่ยม
ผมได้โอกาสลงทุนในหุ้นอย่าง Starbuck Booking Disney Berkshire และ ROSS ทุกตัวปรับตัวขึ้นมา 30-60%
2. การลงทุนบางเรื่องไม่ต้องการอะไรที่ซับซ้อนเช่นเรื่องการหามูลค่าหุ้น ผมให้น้ำหนักกับความแข็งแกร่งของธุรกิจถึง 80% ถ้าเราเลือกธุรกิจได้ถูกต้อง
ราคาจะเป็นแค่การต่อรอง ผมเลือกใช้วิธีหาราคาหุ้นง่ายๆมาตลอดการลงทุนวีไอ สามารถติดตามได้ที่ตัวอย่างการหามูลค่าหุ้นของ Google ในเพจ
3. เซียนระดับโลกอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์เมื่อลงทุนผิดพลาด มองไม่เห็นชัดเจนว่าอนาคตธุรกิจสายการบินจะกลับมาเมื่อไหร่ ถ้ากลับมาแล้วจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
การตัดสินใจขายก็เป็นทางเลือกที่คุณปู่ไม่ต้องการขาดทุนมากไปกว่านี้ แม้ว่าจริงๆถ้าดูผลลัพธ์เก็บไว้ขายตอนนี้น่าจะดีกว่า
4. การลงทุนในโลกปัจจุบันมีระบบที่เอื้อให้สามารถลงทุนได้ทั่วโลก การลงทุนนอกบ้านเกิดด้วย ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่บัฟเฟตต์เลือกใช้เช่นกันด้วยการลงทุนในหุ้นซุปเปอร์สต๊อกในญี่ปุ่นทั้ง 5 ตัว
5. ปีนี้เป็น Abnormal Year นักลงทุนหรือกองทุนได้ผลตอบแทนระดับ 100% หรือมากกว่า แม้กระทั่งเพื่อนผมซึ่งไม่รู้จักการลงทุนเลย ซื้อกองทุนยูเอสไว้ยังได้ผลตอบแทน 60%
ผมคิดว่าเราอย่าเอาหลักการปีนี้ไปให้มูลค่าหุ้นหรือเลือกหุ้นและกองทุนในปีต่อๆไปอย่างเดียว อย่าลืมว่าปีนี้มีทั้งเงินอัดฉีดมหาศาล ดอกเบี้ยต่ำติดดิน และโควิดเร่งให้ธีมเทคโนโลยีวิ่งกระจายทั้งที่บางธุรกิจยังไม่มีกำไร
การลงทุนอย่างระมัดระวัง จะช่วยให้เราอยู่ในตลาดได้นานที่สุดและเป็นผู้ชนะ
คนเก่งๆอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ยังทำได้ 20% กว่าๆต่อปีเลย
6. โดยส่วนตัวลงทุนแนววีไอแบบวอร์เรน บัฟเฟตต์ ไม่ลงทุนในบริษัทที่ยังไม่มีกำไร แต่หลังจากได้เรียนรู้การลงทุนของ Cathie Wood ผู้ก่อตั้ง Ark Investment
ก็ได้เริ่มทดลองลงในหุ้นที่ยังไม่มีกำไรบ้างแต่เป็นธุรกิจที่แข็งแกร่ง สามารถเติบโตได้อีกไกล แต่ก็ยังลงเป็นสัดส่วนที่น้อยมากของพอร์ตอยู่
ผลการทดลองมาสามสัปดาห์ก็ให้ผลตอบแทนที่ดีพอสมควร
หลักๆคิดว่ายังลงทุนในแนวเดิมกว่า 90% โดยอาจจะเเบ่งเงินมา 10% เพื่อลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเติบโต 10X ในระยะเวลา 5 ปี
7. เกิดซุปเปอร์สตาร์ในการลงทุนหุ้นในปีนี้อย่าง Cathie Wood เพราะสามารถสร้างผลตอบแทนจากกองทุน ETF ที่เธอบริหารสูงถึง 154% (ARKK) จากการลงทุนหลักในหุ้น Tesla และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงโลกเช่น Gemone Sequencing, AI, Robotics
สิ่งที่ต้องระวังถ้าจะลงทุนในกองทุนหรือลงทุนหุ้นตามเธอคือหุ้นเทคโนโลยีไม่สามารถขึ้นได้ทุกปี คงต้องดูอัตราผลตอบแทนกับความเสี่ยงว่าคุ้มค่ามากแค่ไหน
8. ปีนี้มีหุ้นที่ยังไม่มีกำไรหลายตัวแต่ราคาหุ้นขึ้นมา 3-5 เท่า เช่น หุ้นรถ EV จีน และหุ้น SaaS บางตัว การหามูลค่าหุ้นแบบเดิมที่ดูกระแสเงินสดและกำไรใช้ไม่ได้เลย
ในปีนี้ผมได้รู้จักการหามูลค่าหุ้นแนวสตาร์ทอัพโดยใช้ Price per Sales เป็นแนวการคิดมูลค่าแบบใหม่ที่ยังไม่มีใครพิสูจน์ว่าได้ผลจริง
9. ไม่ใช่แค่หุ้นเทคโนโลยีมีผลงานดีมากในปีนี้ หุ้นในกลุ่มพลังงานทางเลือกเช่น Sunrun, Plug Power, First Solar ก็ปรับตัวขึ้นมาหลายเท่าตัว เรียกว่าขึ้นยกกลุ่มเลยสำหรับแผงพลังงานแสงอาทิตย์และระบบที่เกี่ยวข้อง
เพราะฉะนั้นการเป็นนักลงทุนต้องขยันทำการบ้านหาหุ้นดีจากหลากหลายกลุ่ม แต่ต้องมั่นใจว่าเราเข้าใจมันจริงๆก่อนที่จะลงทุน
10. หุ้นไทยก็ยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีถ้าเราขยันศึกษา หุ้นอย่าง Singer และอีกหลายตัวก็ขึ้นมาไม่รู้กี่เท่าตัว เลือกเอาหุ้นที่เราสนใจโดยไม่ต้องจำกัดตลาดในการลงทุนจะดีกว่า
สวัสดีปี 2021 ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการลงทุน และที่สำคัญที่สุดคือมีร่างกายแข็งแรงครับ
สรุปบทเรียนการลงทุนในอเมริกาประจำปี 2020
- Billionaire VI
- Thai VI Partner
- โพสต์: 15
- ผู้ติดตาม: 0