ว่าที่ประธานาธิบดี Biden เพิ่งให้สัมภาษณ์ว่าจะขอร้องให้ชาวอเมริกันทุกคนสวมหน้ากากอนามัยในช่วง 100 วันแรก นับตั้งแต่วันรับตำแหน่งประธานาธิบดี เพื่อยับยั้งโรคระบาด Covid เพราะสถานการณ์โควิดในอเมริกายังรุนแรงมาก
3 ธันวาคม 2563 รวมทั้งสิ้นมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 273,000 คน (CDC สงสัยว่าตัวเลขจริงอาจจะสูงกว่านี้ เพราะมีผู้เสียชีวิตโดยโรคที่ไม่รู้สาเหตุอีกว่า 100,000 คน และคาดว่าเกี่ยวข้องกับโควิด) และมีการประเมินว่าจากเวลานี้จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ อาจมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกประมาณ 180,000 คน
ความล้มเหลวในการควบคุมโรคระบาดของรัฐบาลทรัมป์ สร้างความเสียหายอย่างมากต่อชีวิตและสุขภาพของพลเมืองรวมทั้งเศรษฐกิจและสังคมของสหรัฐอเมริกา แต่อย่างไรก็ตามการเลือกตั้งโดยระบอบประชาธิปไตย ที่ถึงแม้จะดูวุ่นวายและขณะนี้ก็ยังไม่ลงเอย ก็กำลังนำมาสู่หนทางใหม่
ข่าวดีเรื่องมีวัคซีนจากหลายบริษัท จะเริ่มออกมาสู่ท้องตลาดทำให้มีความหวัง ดัชนีหุ้นเพิ่มขึ้นโดยสม่ำเสมอ ทั้งที่บรรยากาศของเศรษฐกิจโดยทั่วไปยังน่าวิตก แต่โดยทางปฏิบัติแล้ว กว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่จะได้รับวัคซีนนี้ ก็คงหลังจากเดือนมิถุนายนปีหน้าเป็นต้นไป เพราะการผลิตและการขนส่งวัคซีนต้องใช้ขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยากพอสมควร รัฐบาลใหม่ต้องรับมือช่วงแรกคือครึ่งปีหน้าค่อนข้างหนักเอาการ
สัปดาห์นี้ทั่วสหรัฐอเมริกายังมีการระบาดรุนแรงต่อเนื่อง นิวยอร์กและแคลิฟอร์เนียเป็นตัวอย่างที่ต้องออกกฏหมายบังคับเข้มงวดอีกครั้งให้ประชาชนอยู่บ้านและยกเว้นกิจกรรมนอกบ้านทุกอย่าง ประชาชนจำนวนมากยังเดือดร้อนในการทำมาหากิน สถาบันการศึกษาปิดหรือเปลี่ยนวิธีการสอน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อาคารพาณิชย์และมโหรสพต่างๆกำลังเสี่ยงต่อการล้มละลาย
รัฐบาลทรัมป์ซึ่งเหลือเวลาในการบริหารอีกไม่กี่สัปดาห์ ก็พยายามทิ้งทวนเพื่อสร้างความทรงจำไว้กับกลุ่มผู้สนับสนุน มีการเปิดเจรจากับประธานสภาผู้แทนฯเพื่อผลักดันการอนุมัติเงินกระตุ้นเศรษฐกิจรีบด่วน ให้ทันเทศกาลคริสต์มาส เช็คที่จะส่งให้ประชาชนคนละ 1,200 เหรียญซึ่งมีลายเซ็นของประธานาธิบดีทรัมป์ อาจช่วยให้เขามีโอกาสเผื่อหวนกลับมาชิงตำแหน่งคืนอีกสี่ปีข้างหน้า
นักลงทุนทั้งระดับสถาบันและรายย่อยมองข้ามไปถึงรัฐบาลใหม่แล้ว ทีมเศรษฐกิจของ Biden ประกาศชัดเจนเรื่องการลงทุนสาธารณูปโภคใหญ่ และพลังงานสะอาด ด้วยงบประมาณมหาศาล ทำให้มีการเก็งกำไรกับหุ้นพลังงานและรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า รวมทั้งธุรกิจเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง นักลงทุนจากต่างประเทศเตรียมตัวมาลงทุนกับอเมริกาในปีหน้า หุ้นเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายข้ามประเทศคาดว่าจะมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว จิตวิทยาแห่งความมั่นใจของภาพรวมทางเศรษฐกิจ จึงส่งผลให้ราคาทองคำไม่พุ่งขึ้นอย่างที่เคยประเมินไว้
ทีมของผู้บริหารและผู้วางนโยบายสำคัญของรัฐบาลชุด Biden เป็นสุภาพสตรีประมาณครึ่งหนึ่ง มีการจัดสรรผู้นำให้เป็นสัดส่วนคล้ายเป็นตัวแทนประชากรอเมริกัน เช่น ชนกลุ่มน้อย ผิวสี ต่างเผ่าพันธุ์ ฯลฯ นอกจากเป็นสัญลักษณ์และเป็นการปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาระหว่างหาเสียงแล้ว Biden กำลังเปิดมิติใหม่ให้อเมริกาแนะนำตัวเองสู่สมาคมโลก ว่าพร้อมแล้วที่จะเป็นผู้นำโลกอีกครั้ง ดั่งที่ที่อเมริกาเคยปฏิบัติมาเป็นเวลานาน
ผู้นำจีนซึ่งได้แสดงความยินดีกับว่าที่ประธานาธิบดี Biden แล้ว ก็ต้องเตรียมตัวไว้รับสถานการณ์ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หลายอย่าง หากอเมริกาลดความกดดัน และเปิดโอกาสในการแข่งขันการค้าระหว่างสองประเทศ เศรษฐกิจจีนก็จะพุ่งแรงขึ้นอย่างแน่นอน แต่หาก Biden เลือกปรับนโยบายช้าๆ เพราะต้องการสร้างพันธมิตรกับยุโรปและออสเตรเลียเพื่อต่อรองกับจีน ก็ต้องมีการใช้ความอดทนและหาทางปรับตัวให้อยู่ได้
สัปดาห์นี้รัฐสภาอเมริกาเพิ่งออกกฎหมายเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบบัญชีของบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในจีน ให้ใช้มาตรฐานของอเมริกัน จะมีการลงโทษหากละเมิด รวมถึงการถูกปลดออกจากตลาดหุ้นในอเมริกา จุดประสงค์ของกฎหมายนี้ก็คือการสร้างมาตรฐานคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งแปลว่าไม่ต้องการให้บริษัทจากต่างชาติมาหลอกลวงเอาเงินลงทุนของชาวอเมริกันไป ผลของการออกกฏหมายนี้ทำให้หุ้นของบริษัทจีนหลายบริษัทยอดนิยมในกลุ่มผู้ลงทุนอเมริกัน (BABA, JD, PDD, NIO, LI, BIDU, TCEHY ฯลฯ) เกิดสะดุดเล็กน้อย มีการขายเทหุ้นประมาณ 5-10% แต่เริ่มทรงตัวและกลับขึ้นมาอีกภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งแสดงถึงความมั่นใจของผู้ลงทุนชาวอเมริกันกับโอกาสแห่งการเติบโตของธุรกิจในจีน
การแข่งขันเรื่องนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์จะเป็นประเด็นใหญ่มากในระยะสองสามปีข้างหน้า แม้ขณะนี้ความสนใจของสื่อส่วนใหญ่อยู่ที่โรคระบาดและการเปลี่ยนรัฐบาล แต่สิ่งที่ต้องก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วและหยุดยั้งไม่ได้คือนวัตกรรมของการสื่อสาร การเงินการธนาคาร การซื้อขายหุ้นที่ใช้เทคโนโลยี การใช้ 5G กับการคมนาคมและการแพทย์ เป็นต้น สหรัฐอเมริกาและจีนเป็นคู่แข่งที่น่าสนใจ แต่ที่มองข้ามไม่ได้คือยุโรปและอินเดียซึ่งมีตลาดใหญ่มาก และมีพื้นฐานของการพัฒนาด้านนี้สูงมากอยู่แล้ว
นักลงทุนทั่วโลกพยายามหาทางเลือกอื่นแทนสหรัฐอเมริกาแต่ก็ยังหายาก รัฐบาลใหม่ชุดBidenนี้ มีภาพพจน์ของมืออาชีพที่คุ้นเคยกัน สร้างความมั่นใจให้กับการลงทุน เงินดอลล่าร์ที่ลดค่าลงมาระยะหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเงินตราสกุลอื่น ก็อาจมีโอกาสแข็งตัวขึ้นมาอีก สี่ปีข้างหน้าของผู้นำใหม่ในอเมริกาส่งสัญญาณความเชื่อมั่นซึ่งเป็นเรื่องจิตวิทยาการบริโภค ก็จะมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจกระจายไปทั่วโลก
ขณะนี้สายตาการเมืองทุกคู่กำลังจับตาการชิงสองตำแหน่งวุฒิสมาชิกในรัฐ Georgia รัฐบาล Biden ยังเหลือที่ต้องคุมวุฒิสภาให้ได้ ถึงเวลานี้รีพับลิกันได้แล้ว 50 ตำแหน่ง เดโมแครตได้ 48 ตำแหน่ง หากได้อีกสองตำแหน่งจาก Georgia ก็จะได้ 50 ตำแหน่งเท่ากัน หากมีกรณีที่เท่ากันคือ 50 ต่อ 50 รองประธานาธิบดีซึ่งเป็นประธานวุฒิสภา (Kamala Harris) จะเป็นผู้ลงคะแนนชี้ขาด
ความแตกแยกเรื่องอุดมการณ์ทางการเมืองเห็นเด่นชัดมาจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว และต่อเนื่องมาจนถึงการหาเสียงอย่างคึกคัก
แทนที่จะใช้สติด้วยความสงบและเปิดกว้างรับความเห็นใหม่ ผู้บริโภคหลายคนเลือกรับเพียงข้อมูลซึ่งเสริมกับความคิดเดิมที่มีอยู่แล้ว เพื่อเป็นการย้ำเตือนว่าสิ่งที่ตนเชื่อนั้นเป็นข้อเท็จจริง จึงทำให้เกิดความคิดที่จำกัดอยู่ในกรอบเดิม ขาดการพัฒนา ส่งผลให้มีการแบ่งฝ่ายแบ่งสีออกชัดเจน และนับวันยิ่งเข้มข้นมากขึ้น
โรคระบาดเรื่องข้อมูลที่ทำให้ผู้บริโภคเชื่อปักใจกับความคิดในกรอบเดียว และไม่ฟังความเห็นของผู้อื่น ปัจจุบันส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมรวมทั้งความมั่นคงของหลายประเทศในโลกไม่แพ้กับโควิดเลย
นวัตกรรมการสื่อสารที่เป็นความสะดวกและให้โอกาสทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความเห็น เป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ แต่หากเราใช้ในทางที่ผิดก็จะสร้างความแตกแยก หน้าที่พลเมืองและความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นสิ่งที่ต้องมาควบคู่กับความมีเมตตาและเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน การประนีประนอมเป็นนโยบายที่ใช้ได้แทบทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาของสหรัฐอเมริกา หรือมาตุภูมิที่เรารักครับ
Trump ไป Biden มา อเมริกาตั้งตัวใหม่/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1593
- ผู้ติดตาม: 2