ได้ขึ้นราคา 1 บาท กับ น้ำมันขึ้นไป 3x บาท อันไหนแรงกว่ากัน?
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ได้ขึ้นราคา 1 บาท กับ น้ำมันขึ้นไป 3x บาท อันไหนแรงกว่ากัน?
โพสต์ที่ 1
ssc ที่ได้ขึ้นราคา 1 บาท กับค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน และอนาคตอันใกล้ สมมุติว่าน้ำมัน 33 บาท
อันไหนส่งผลแรงกว่ากันครับ ?
อันไหนส่งผลแรงกว่ากันครับ ?
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- worapong
- Verified User
- โพสต์: 929
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ได้ขึ้นราคา 1 บาท กับ น้ำมันขึ้นไป 3x บาท อันไหนแรงกว่าก
โพสต์ที่ 6
ไอ้น้ำมันคงไม่เท่าไรครับ แต่น้ำตาลสิครับ ที่แย่กว่านั้นคือ ผมซื้อเข้าไปแล้ว คราวนี้คงต้องรอนานกว่าจะเริ่มวิ่งมั๊งครับ :roll: :roll:คัดท้าย เขียน:ssc ที่ได้ขึ้นราคา 1 บาท กับค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน และอนาคตอันใกล้ สมมุติว่าน้ำมัน 33 บาท
อันไหนส่งผลแรงกว่ากันครับ ?
margin of safety
circle of competence
waiting for the perfect pitch
circle of competence
waiting for the perfect pitch
-
- ผู้ติดตาม: 0
ได้ขึ้นราคา 1 บาท กับ น้ำมันขึ้นไป 3x บาท อันไหนแรงกว่ากัน?
โพสต์ที่ 7
น้ำมันส่งผลแรงกว่าครับ ไม่งั้นราคาหุ้นไม่ลงมาขนาดนี้หรอก
-
- Verified User
- โพสต์: 308
- ผู้ติดตาม: 0
ได้ขึ้นราคา 1 บาท กับ น้ำมันขึ้นไป 3x บาท อันไหนแรงกว่ากัน?
โพสต์ที่ 8
ประมาณการณ์จากท่านผู้รู้
......สำหรับราคาน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น 3 บาทต่อ กก และล่าสุด 0.75 บาท
คิดเป็นต้นทุนที่เพิ่มต่อขวด ( 8 บาท ) ขวดละ 0.15 บาท ในขณะที่ ssc
ได้ปรับขึ้น 1 บาทครับ
ส่วนน้ำมันที่เพิ่มก็ยังไม่เกิน 0.3 บาทต่อขวด
เท่าที่ถามทางบริษัท volume
ไม่ลดลงจากการขึ้นราคา
eps
ปีหน้าก็ประมาณ 3.5 บาท
......สำหรับราคาน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น 3 บาทต่อ กก และล่าสุด 0.75 บาท
คิดเป็นต้นทุนที่เพิ่มต่อขวด ( 8 บาท ) ขวดละ 0.15 บาท ในขณะที่ ssc
ได้ปรับขึ้น 1 บาทครับ
ส่วนน้ำมันที่เพิ่มก็ยังไม่เกิน 0.3 บาทต่อขวด
เท่าที่ถามทางบริษัท volume
ไม่ลดลงจากการขึ้นราคา
eps
ปีหน้าก็ประมาณ 3.5 บาท
-
- ผู้ติดตาม: 0
ได้ขึ้นราคา 1 บาท กับ น้ำมันขึ้นไป 3x บาท อันไหนแรงกว่ากัน?
โพสต์ที่ 9
เจี๊ยก..............!!!
ท่านพีซฟูลเฉลยแบบนี้..............
หุ้นก็ไม่ลงนะสิขอรับ............
เสียแผนๆๆๆ
ท่านพีซฟูลเฉลยแบบนี้..............
หุ้นก็ไม่ลงนะสิขอรับ............
เสียแผนๆๆๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 308
- ผู้ติดตาม: 0
ได้ขึ้นราคา 1 บาท กับ น้ำมันขึ้นไป 3x บาท อันไหนแรงกว่ากัน?
โพสต์ที่ 12
........อย่าลืมภาษีสรรพสามิตด้วยครับ
จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ 35 สตางค์/ 1 บ. หรือเปล่าไม่แน่ใจ
ต้นทุนรวมภาษีสรรพสามิตแล้ว ก็ยังน้อยกว่าราคาที่ปรับเพิ่มค่ะ
งานนี้ดูแล้ว eps กรณีแย่ๆก็น่าจะเท่าเดิมไม่น่าลดลง มีโอกาสที่ eps เพิ่มขึ้นมากกว่าค่ะ
เมื่อเดือนก่อนมี big lot ราคา 21 บาท มูลค่า 170 ล้านบาท ไม่รู้ฝีมือใคร
เท่าที่ดูหุ้นลงมาแบบไม่มี vol เลย เอ ! ไม่รู้ใครแอบทุบ
จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ 35 สตางค์/ 1 บ. หรือเปล่าไม่แน่ใจ
ต้นทุนรวมภาษีสรรพสามิตแล้ว ก็ยังน้อยกว่าราคาที่ปรับเพิ่มค่ะ
งานนี้ดูแล้ว eps กรณีแย่ๆก็น่าจะเท่าเดิมไม่น่าลดลง มีโอกาสที่ eps เพิ่มขึ้นมากกว่าค่ะ
เมื่อเดือนก่อนมี big lot ราคา 21 บาท มูลค่า 170 ล้านบาท ไม่รู้ฝีมือใคร
เท่าที่ดูหุ้นลงมาแบบไม่มี vol เลย เอ ! ไม่รู้ใครแอบทุบ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
ได้ขึ้นราคา 1 บาท กับ น้ำมันขึ้นไป 3x บาท อันไหนแรงกว่ากัน?
โพสต์ที่ 13
ตอนขอขึ้นราคา บอกว่าต้นทุนขึ้น 3.57 บาท
รักษายอดขาย Q2/2006 ด้วยแคมเปญโฆษณาช่วงบอลโลกเดลินิวส์ เขียน:โดยขณะนี้ต้นทุนการผลิตน้ำอัดลมเพิ่มขึ้นถึงลิตรละ 3.57 บาท แบ่งเป็นต้นทุนด้านวัตถุ
ดิบ ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ ค่าใช้จ่ายด้านภาษีสรรพสามิต ที่กระทบต้นทุนลิตรละ 2.74
บาท ค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน และน้ำมันเชื้อเพลิง ที่กระทบต้นทุนลิตรละ 0.83 บาท ส่งผลให้บริษัท
ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นกว่า 2,000 ล้านบาท
คมชัดลึก เขียน:เป๊ปซี่ หวั่นยอดขายร่วงหลังปรับราคาสินค้า ใช้กระแสบอลโลกแจกทอง-รถโตโยต้ายาริส 14 คันปั๊มยอด ใช้งบกว่า 100 ล้านบาท พร้อมเจียดงบโปรโมทเป๊ปซี่แม็กซ์ เอาใจคนรักสุขภาพ มั่นใจสิ้นปีกลับมามีกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี เหตุจากการแบกรับต้นทุนสินค้ามานานกว่า 7 ปี
-
- ผู้ติดตาม: 0
ได้ขึ้นราคา 1 บาท กับ น้ำมันขึ้นไป 3x บาท อันไหนแรงกว่ากัน?
โพสต์ที่ 14
เอาข่าวนั้นด้วยคับ ที่มีน้องแพนเค้กอะ 8)
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
ได้ขึ้นราคา 1 บาท กับ น้ำมันขึ้นไป 3x บาท อันไหนแรงกว่ากัน?
โพสต์ที่ 15
เท่าที่จำได้ Tropicana เป็นแบรนด์ที่ดังเรื่องน้ำผลไม้ 100% (น้ำส้ม)ผู้จัดการรายวัน เขียน: ผู้จัดการรายวัน เสริมสุข-เป๊ปซี่ ปรับตัวรับกระแสสุขภาพบูม เบนเข็มสร้างตลาดเครื่องดื่มนอน คาร์บอเนตเสริมทัพ หลังเทรนด์เครื่องดื่มน้ำอัดลมตกลง ชูทรอปิคานา ทวิสเตอร์ จิ๊กซอว์ตัวสำคัญพร้อมแย้มโผนมถั่วเหลืองตัวต่อไป ด้านเป๊ปซี่ทุ่ม 30 ล้านบาท ปั้นทรอปิคานาบุกตลาดน้ำผลไม้มูลค่า 4,000 ล้านบาท สร้างความต่างชูคุณภาพบวกอีโมชันนัลแจ้งเกิด ปีแรกขอแชร์ 6%
นายสมชาย บุลสุข ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)
ผู้ผลิตน้ำดื่ม-โซดาคริสตัล และจัดจำหน่ายเครื่องดื่มอัดลมเป๊ปซี่และมิรินด้า ฯลฯ เปิดเผยว่า
นโยบายทางการตลาดของเสริมสุขได้วางแนวทางขยายไลน์สินค้าสู่กลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากขึ้น จากปัจจุบันรายได้หลักมาจากเครื่องดื่มอัดลม 80% และเครื่องดื่มไม่อัดลม 20%
ซึ่งล่าสุดบริษัทก็ได้เป็นผู้จัดจำหน่ายน้ำผลไม้ทรอปิคานา ทวิสเตอร์ พร้อมกับลงทุนซื้อเครื่องจักรระบบฮอต ฟิว มูลค่า 200 ล้านบาท
ส่วนในอนาคตเครื่องดื่มที่บริษัทให้ความสนใจที่จะลงตลาด คือ นมถั่วเหลือง เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่มีมูลค่า 2,500-3,000 ล้านบาทและอยู่ในกลุ่มฟูดส์ ซึ่งบริษัทฯเคยมีประสบการณ์ทำตลาดนมถั่วเหลือง ภายใต้แบรนด์ โย มาก่อน
นโยบายของเสริมสุขสอดคล้องกับบริษัทเป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด
โดยนายชาลี จิตจรุงพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ได้กล่าวว่า แนวทางของเป๊ปซี่ โคล่า ต้องการสร้างตลาดใหม่ๆ เพื่อบาลานช์ตลาดระหว่างเครื่องดื่มน้ำอัดลมและไม่อัดลม ดังนั้นเป๊ปซี่จึงตัดสินใจนำน้ำผลไม้ภายใต้ ทรอปิคานา แบรนด์น้ำผลไม้ ที่มีต้นกำเนิดมาจากมลรัฐฟลอริดาประเทศสหรัฐอเมริกา และมียอดขายโดยรวมคิดเป็น 10% จากรายได้รวมทั่วโลกเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ภายใต้ ซับแบรนด์ ทรอปิคานา ทวิสเตอร์
ตลาดน้ำผลไม้ในประเทศไทยมูลค่า 5,000 ล้านบาท ปีที่ผ่านมาเติบโต 20% และปีนี้คาดว่าจะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก เมื่อเทียบกับตลาดน้ำอัดลมมูลค่า 30,000 ล้านบาท ปีที่แล้วโต 5-6%
และปีนี้คาดว่าจะเติบโต 3-4% จากการสำรวจยังพบว่าตลอด 24 ชั่วโมงมีผู้ดื่มน้ำผลไม้เพียง 13% ส่วนน้ำอัดลมมีถึง 43%
นายชาลีกล่าวว่า แผนการตลาดน้ำผลไม้ ทรอปิคานา ทวิสเตอร์ เป็นน้ำผลไม้ 10% วางตำแหน่งลงตลาดน้ำผลไม้ที่ต่ำกว่า 100% ซึ่งเป็นตลาดน้ำผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดมีสัดส่วน 80% คิดเป็นมูลค่า 4,000 ล้านบาท ชูกลยุทธ์หลักด้านรสชาติโดยเน้นคุณภาพของสินค้า เนื่องจากแบรนด์ท้องถิ่นจะใช้กลยุทธ์ราคาเป็นหลัก โดยบริษัทฯทุ่มงบ 30 ล้านบาททำตลาด พร้อมดึงแพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์
แต่เป๊ปซี่ดูเหมือนจะเน้นตลาดน้ำผลไม้ผสมนะครับ
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ได้ขึ้นราคา 1 บาท กับ น้ำมันขึ้นไป 3x บาท อันไหนแรงกว่ากัน?
โพสต์ที่ 17
มีอะไรยั่งยืนในโลกนี้มั่งครับ ยิ่งหุ้นเนี่ย ผมว่ามันเป็นอนิจจัง ..beammy เขียน:SSC แม้เป็นหุ้นที่ไม่เจิดจรัส แต่ยั่งยืน
ไหมครับ ??? ...
___________
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ได้ขึ้นราคา 1 บาท กับ น้ำมันขึ้นไป 3x บาท อันไหนแรงกว่ากัน?
โพสต์ที่ 18
โห....ท่านคัดท้ายเล่นยกเอาไตรลักษณ์มาตอบเลยเหรอครับ อิอิ
อย่างนี้บริษัทที่มีความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืนก็ไม่มี เพราะในอนาคตมันก็เป็นอนิจจังและทุกขัง ไม่เป็นในยี่สิบปีข้างหน้าก็ต้องเป็นในร้อยปีข้างหน้าพันปีข้างหน้า
เงินทองที่เราตั้งใจทำงานเสาะหามาก็ไม่ใช่ของเราเพราะมันเป็นอนัตตา อิอิ พูดไปพูดมาเลยขี้เกียจทำงานเพราะได้เงินมามันก็ไม่ใช่ของเรา
เอาเป็นว่าในระดับฆราวาสนะครับคุณ beammy ผมคิดว่าเป๊บซี่ก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาได้นานแล้วเป็นร้อยปี(ที่อเมริกา) โอกาสที่จะอยู่กับสังคมไทยไปอีกสักยี่สิบปีก็มีอยู่สูงครับ ส่วนเลยจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรก็สุดจะคาดเดา
ยอดขายจะเติบโตแค่ไหน ก็คงพอโตได้มั้งครับแต่ไม่รู้ว่าจะถึง 10%ทุกปีติดต่อกันสิบปีได้ไหม หรืออาจจะโตกระโดดขึ้นกระโดดลงเหมือนลูกคลื่น
ที่ผ่านมาเจอสินค้าทดแทนแย่งตลาดไปเยอะทั้งชาเขียว น้ำผลไม้ สารพัด บวกกับน้ำมันแพงค่าขนส่งสูง ผลประกอบการก็เลยไม่ค่อยดี
ต่อมาก็ขอขึ้นราคาเพราะน้ำตาลขึ้นราคา ซึ่งก็ได้ขึ้นไปขวดละหนึ่งบาท ก็คงดีขึ้นกว่าเดิม แต่น้ำมันก็ดันแพงขึ้นอย่างคุณคัดท้ายว่า ชั่งน้ำหนักดูแล้วก็คงพอถูไถ
ท่านอื่นจะชอบเป๊บซี่หรือไม่ผมไม่ทราบเหมือนกันนะครับ แต่ผมชอบดื่มอยู่ครับ รสชาติดีไม่เบื่อง่าย
แต่ถ้าน้ำมันลงก็น่าลุ้นอยู่เหมือนกันครับ เพราะราคาเป๊บซี่ขึ้นแล้วขึ้นเลย แต่น้ำตาลและน้ำมันมีขึ้นมีลง
อย่างนี้บริษัทที่มีความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืนก็ไม่มี เพราะในอนาคตมันก็เป็นอนิจจังและทุกขัง ไม่เป็นในยี่สิบปีข้างหน้าก็ต้องเป็นในร้อยปีข้างหน้าพันปีข้างหน้า
เงินทองที่เราตั้งใจทำงานเสาะหามาก็ไม่ใช่ของเราเพราะมันเป็นอนัตตา อิอิ พูดไปพูดมาเลยขี้เกียจทำงานเพราะได้เงินมามันก็ไม่ใช่ของเรา
เอาเป็นว่าในระดับฆราวาสนะครับคุณ beammy ผมคิดว่าเป๊บซี่ก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาได้นานแล้วเป็นร้อยปี(ที่อเมริกา) โอกาสที่จะอยู่กับสังคมไทยไปอีกสักยี่สิบปีก็มีอยู่สูงครับ ส่วนเลยจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรก็สุดจะคาดเดา
ยอดขายจะเติบโตแค่ไหน ก็คงพอโตได้มั้งครับแต่ไม่รู้ว่าจะถึง 10%ทุกปีติดต่อกันสิบปีได้ไหม หรืออาจจะโตกระโดดขึ้นกระโดดลงเหมือนลูกคลื่น
ที่ผ่านมาเจอสินค้าทดแทนแย่งตลาดไปเยอะทั้งชาเขียว น้ำผลไม้ สารพัด บวกกับน้ำมันแพงค่าขนส่งสูง ผลประกอบการก็เลยไม่ค่อยดี
ต่อมาก็ขอขึ้นราคาเพราะน้ำตาลขึ้นราคา ซึ่งก็ได้ขึ้นไปขวดละหนึ่งบาท ก็คงดีขึ้นกว่าเดิม แต่น้ำมันก็ดันแพงขึ้นอย่างคุณคัดท้ายว่า ชั่งน้ำหนักดูแล้วก็คงพอถูไถ
ท่านอื่นจะชอบเป๊บซี่หรือไม่ผมไม่ทราบเหมือนกันนะครับ แต่ผมชอบดื่มอยู่ครับ รสชาติดีไม่เบื่อง่าย
แต่ถ้าน้ำมันลงก็น่าลุ้นอยู่เหมือนกันครับ เพราะราคาเป๊บซี่ขึ้นแล้วขึ้นเลย แต่น้ำตาลและน้ำมันมีขึ้นมีลง
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด