* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
-
- Verified User
- โพสต์: 1717
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 1
ผมบังเอิญ อ่านเจอบทความของท่านอาจารย์ สมัย ชินผา ซึ่งเป็นอดีตอาจารย์ใหญ่
โรงเรียน เซนต์คาเบรียล และเจ้าของและผู้ก่อตั้ง โรงเรียนเครือ เซนต์จอห์น
และเพื่อให้เกิดอรรถรส ผมจะทยอยลงไปเรื่อยๆ จนกว่าเพื่อนๆจะเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์
ใดๆต่อไป หากเห็นว่ามีสาระและเป็นประโยชน์ ก็ช่วยบอกกล่าวมาด้วย ขอเริ่มเลยนะครับ....
จาก หนังสืออนุสรณ์ ครบรอบ 30 ปี เซนต์จอห์น
โดย อาจารย์สมัย ชินะผา
ปีนี้ ค.ศ.1991 โรงเรียนเซนต์จอห์นตั้งมาได้ 30 ปี ข้าพเจ้าใคร่ขอเล่าประวัติของโรงเรียนไว้เพื่อประดับความรู้ของผู้สนใจ และเพื่อที่อีก 30 ปีข้างหน้า เมื่อจะฉลองครบ 60 ปี จะได้มีเรื่องเปรียบเทียบกันแจ่มชัดขึ้น การเล่าเรื่องโรงเรียนเซนต์จอห์น โดยตัวข้าพเจ้าเขียนเอง คงต้องมีเรื่องเกี่ยวพันกับตัวข้าพเจ้าผสมกันไปมากพอสมควร จึงต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
เมื่อปี พ.ศ.2503 ขณะที่ข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ใหญ่ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ข้าพเจ้ามีความคิดในการสร้างโรงเรียนด้วยเหตุผลหลายประการ ประการแรก สงสารเด็กที่มาสมัครเข้าโรงเรียนเซนต์คาเบรียลไม่ได้ ประการที่สองต้องการบริหารกิจการให้เต็มมือด้วยตัวเอง ประการที่สาม ต้องการช่วยน้องชาย (สุมน ชินะผา) ให้มีเสถียรภาพในอนาคต
ขณะที่ข้าพเจ้าคิดและควานหาที่ตั้งโรงเรียน ในปี พ.ศ. 2503 นั้น ข้าพเจ้าอายุ 38 ปี มีลูกคนที่ 4 (ฤดีทิพย์) แล้ว ทาบทามที่ตรงไหนในกรุงเทพฯ ก็ไม่สำเร็จ คงเพราะข้าพเจ้ามีแต่มือเปล่า
ด้วยเหตุผลบังเอิญในปลายปี พ.ศ.2503 ได้พบสำนักงานจัดสรรที่ดินแห่งหนึ่ง ที่ห้วยขวาง-กลางทุ่งติดกับ โรงเรียนจันทร์หุ่น ในปัจจุบัน และตกลงกันได้ในเนื้อที่ 20 ไร่ ไร่ละ 7 หมื่นบาท โดยไม่ต้องวางมัดจำ ไม่ต้องทำสัญญาจะซื้อจะขาย เพียงตอบคำถามเจ้าของที่จัดสรรว่าจะซื้อไปสร้างโรงเรียนเซนต์จอห์น ตัวเองชื่อ สมัย ชินะผา อาจารย์ใหญ่โรงเรียนเซนต์คาเบรียลเท่านั้น ทุกอย่างก็เป็นอันตกลง ไม่กี่วันต่อมา ต้นปี พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) โรงเรียนเซนต์จอห์นก็ถูกโฆษณาอย่างหรูหรา จากเจ้าของที่จัดสรร ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ ทำให้คนสนใจมาซื้อที่ดินและนำบุตรหลานมาติดต่อกันมากมาย ด้วยการจัดการจากสำนักที่ดินแต่ลำพัง ขณะนั้นข้าพเจ้ายังไม่ได้ลาออกจากอาจารย์ใหญ่เซนต์คาเบรียลและทางโรงเรียนก็ยังไม่ทราบว่าข้าพเจ้ากำลังจะท่านอธิการโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ชะรอยจะสงสัยว่าข้าพเจ้าเป็นข่าวที่น่าจะเป็นไปได้ เรื่องขอลาออกไปตั้งโรงเรียน จึงออกจดหมายเวียน ถามครู-อาจารย์เซนต์คาเบรียลทุกคน ว่าจะอยู่ทำงานต่อไปในปีการศึกษาหน้าหรือไม่ ข้าพเจ้าและน้องชายตอบเป็นลายลักษณ์อักษรลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2504 ว่าขอลาไปตั้งโรงเรียนชื่อ เซนต์จอห์น ท่านอธิการได้เรียกไปคุยและต่อว่า ว่าทำไมไม่ปรึกษาก่อน ข้าพเจ้าไม่มีคำตอบ ท่านก็ถามว่ามีเงินหรือเปล่า ข้าพเจ้าเรียนตอบว่า ไม่มีมีที่ดินหรือเปล่า ไม่มีครับ มี Sponsor หรือเปล่า ไม่มีครับ งั้นก็ Bankrupt ข้าพเจ้าฟังด้วย (ความ Ignorentia) ความไม่ลึกซึ้งอะไร คิดตามที่วางแผนไว้และได้หารือเจ้าหน้าที่กองโรงเรียนราษฎร์ กระทรวงศึกษาธิการหลายท่านถึงความสำเร็จที่โรงเรียนอื่นได้ตั้งตัวมาได้ เราคิดเริ่มเพียงอาคารคูหาเดียว มีเด็กเพียงสัก 7 คน จะไม่สำเร็จเชียวหรือ นอกจากนั้นข้าพเจ้ามีประสบการณ์เป็นครูมาตั้งแต่อายุ 17 ที่บ้านนอก เป็นทั้งครูน้อย ครูใหญ่ และผู้จัดการ เมื่ออายุ 22 ปี ก็มาเริ่มเป็นครูน้อยที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล 13 ปี จนได้ตำแหน่งเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล และด้วยความวิริยะอุตสาหะ นักสู้ได้ทำงานอย่างหนัก เรียนพิเศษตอนภาคค่ำ สอบเพิ่มวุฒิทางครูได้ พป.พม.และ Entrance เข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยปี 3 ได้ อบ. และคบ. จนกระทั่งเมื่ออายุ 35 ปี ก็ได้สอบชิงทุน British Council ไปเรียนที่ Institute Education ที่มหาวิทยาลัย London ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นและเชื่อมือตนเอง กล้าหาญพอที่จะเผชิญต่ออนาคตอย่างเด็ดเดี่ยวและสู้ตาย ต้องการเริ่มจากเด็ก 7 คน เพียงอาคารคูหาเดียวจะไม่สำเร็จเชียวหรือ
"Pensons aux choses simples. Commencons par les choses simples. Tenons-nous en d'abord aux choses simples. Et gardons toujours en memoire que les choses simples ironie du sort, sont le plus souvent, comme le diamant, les plus difficiles a trouver
ดังนักปราชญ์ชาวฝรั่งเศสท่านกล่าวไว้ว่า เราจงคิดเรื่องง่ายเรียบ เราจงเริ่มต้นด้วยเรื่องง่ายเรียบและเราจงจำไว้เสมอว่าบ่อยครั้งทีเดียว ของธรรมดาเรียบง่ายนั้น แทนที่จะเป็นของหาง่าย โชคชะตากลับเล่นตลกทำให้เป็นของหายากที่สุดเหมือนเพชร"
มีต่อ..
โรงเรียน เซนต์คาเบรียล และเจ้าของและผู้ก่อตั้ง โรงเรียนเครือ เซนต์จอห์น
และเพื่อให้เกิดอรรถรส ผมจะทยอยลงไปเรื่อยๆ จนกว่าเพื่อนๆจะเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์
ใดๆต่อไป หากเห็นว่ามีสาระและเป็นประโยชน์ ก็ช่วยบอกกล่าวมาด้วย ขอเริ่มเลยนะครับ....
จาก หนังสืออนุสรณ์ ครบรอบ 30 ปี เซนต์จอห์น
โดย อาจารย์สมัย ชินะผา
ปีนี้ ค.ศ.1991 โรงเรียนเซนต์จอห์นตั้งมาได้ 30 ปี ข้าพเจ้าใคร่ขอเล่าประวัติของโรงเรียนไว้เพื่อประดับความรู้ของผู้สนใจ และเพื่อที่อีก 30 ปีข้างหน้า เมื่อจะฉลองครบ 60 ปี จะได้มีเรื่องเปรียบเทียบกันแจ่มชัดขึ้น การเล่าเรื่องโรงเรียนเซนต์จอห์น โดยตัวข้าพเจ้าเขียนเอง คงต้องมีเรื่องเกี่ยวพันกับตัวข้าพเจ้าผสมกันไปมากพอสมควร จึงต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
เมื่อปี พ.ศ.2503 ขณะที่ข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ใหญ่ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ข้าพเจ้ามีความคิดในการสร้างโรงเรียนด้วยเหตุผลหลายประการ ประการแรก สงสารเด็กที่มาสมัครเข้าโรงเรียนเซนต์คาเบรียลไม่ได้ ประการที่สองต้องการบริหารกิจการให้เต็มมือด้วยตัวเอง ประการที่สาม ต้องการช่วยน้องชาย (สุมน ชินะผา) ให้มีเสถียรภาพในอนาคต
ขณะที่ข้าพเจ้าคิดและควานหาที่ตั้งโรงเรียน ในปี พ.ศ. 2503 นั้น ข้าพเจ้าอายุ 38 ปี มีลูกคนที่ 4 (ฤดีทิพย์) แล้ว ทาบทามที่ตรงไหนในกรุงเทพฯ ก็ไม่สำเร็จ คงเพราะข้าพเจ้ามีแต่มือเปล่า
ด้วยเหตุผลบังเอิญในปลายปี พ.ศ.2503 ได้พบสำนักงานจัดสรรที่ดินแห่งหนึ่ง ที่ห้วยขวาง-กลางทุ่งติดกับ โรงเรียนจันทร์หุ่น ในปัจจุบัน และตกลงกันได้ในเนื้อที่ 20 ไร่ ไร่ละ 7 หมื่นบาท โดยไม่ต้องวางมัดจำ ไม่ต้องทำสัญญาจะซื้อจะขาย เพียงตอบคำถามเจ้าของที่จัดสรรว่าจะซื้อไปสร้างโรงเรียนเซนต์จอห์น ตัวเองชื่อ สมัย ชินะผา อาจารย์ใหญ่โรงเรียนเซนต์คาเบรียลเท่านั้น ทุกอย่างก็เป็นอันตกลง ไม่กี่วันต่อมา ต้นปี พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) โรงเรียนเซนต์จอห์นก็ถูกโฆษณาอย่างหรูหรา จากเจ้าของที่จัดสรร ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ ทำให้คนสนใจมาซื้อที่ดินและนำบุตรหลานมาติดต่อกันมากมาย ด้วยการจัดการจากสำนักที่ดินแต่ลำพัง ขณะนั้นข้าพเจ้ายังไม่ได้ลาออกจากอาจารย์ใหญ่เซนต์คาเบรียลและทางโรงเรียนก็ยังไม่ทราบว่าข้าพเจ้ากำลังจะท่านอธิการโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ชะรอยจะสงสัยว่าข้าพเจ้าเป็นข่าวที่น่าจะเป็นไปได้ เรื่องขอลาออกไปตั้งโรงเรียน จึงออกจดหมายเวียน ถามครู-อาจารย์เซนต์คาเบรียลทุกคน ว่าจะอยู่ทำงานต่อไปในปีการศึกษาหน้าหรือไม่ ข้าพเจ้าและน้องชายตอบเป็นลายลักษณ์อักษรลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2504 ว่าขอลาไปตั้งโรงเรียนชื่อ เซนต์จอห์น ท่านอธิการได้เรียกไปคุยและต่อว่า ว่าทำไมไม่ปรึกษาก่อน ข้าพเจ้าไม่มีคำตอบ ท่านก็ถามว่ามีเงินหรือเปล่า ข้าพเจ้าเรียนตอบว่า ไม่มีมีที่ดินหรือเปล่า ไม่มีครับ มี Sponsor หรือเปล่า ไม่มีครับ งั้นก็ Bankrupt ข้าพเจ้าฟังด้วย (ความ Ignorentia) ความไม่ลึกซึ้งอะไร คิดตามที่วางแผนไว้และได้หารือเจ้าหน้าที่กองโรงเรียนราษฎร์ กระทรวงศึกษาธิการหลายท่านถึงความสำเร็จที่โรงเรียนอื่นได้ตั้งตัวมาได้ เราคิดเริ่มเพียงอาคารคูหาเดียว มีเด็กเพียงสัก 7 คน จะไม่สำเร็จเชียวหรือ นอกจากนั้นข้าพเจ้ามีประสบการณ์เป็นครูมาตั้งแต่อายุ 17 ที่บ้านนอก เป็นทั้งครูน้อย ครูใหญ่ และผู้จัดการ เมื่ออายุ 22 ปี ก็มาเริ่มเป็นครูน้อยที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล 13 ปี จนได้ตำแหน่งเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล และด้วยความวิริยะอุตสาหะ นักสู้ได้ทำงานอย่างหนัก เรียนพิเศษตอนภาคค่ำ สอบเพิ่มวุฒิทางครูได้ พป.พม.และ Entrance เข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยปี 3 ได้ อบ. และคบ. จนกระทั่งเมื่ออายุ 35 ปี ก็ได้สอบชิงทุน British Council ไปเรียนที่ Institute Education ที่มหาวิทยาลัย London ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นและเชื่อมือตนเอง กล้าหาญพอที่จะเผชิญต่ออนาคตอย่างเด็ดเดี่ยวและสู้ตาย ต้องการเริ่มจากเด็ก 7 คน เพียงอาคารคูหาเดียวจะไม่สำเร็จเชียวหรือ
"Pensons aux choses simples. Commencons par les choses simples. Tenons-nous en d'abord aux choses simples. Et gardons toujours en memoire que les choses simples ironie du sort, sont le plus souvent, comme le diamant, les plus difficiles a trouver
ดังนักปราชญ์ชาวฝรั่งเศสท่านกล่าวไว้ว่า เราจงคิดเรื่องง่ายเรียบ เราจงเริ่มต้นด้วยเรื่องง่ายเรียบและเราจงจำไว้เสมอว่าบ่อยครั้งทีเดียว ของธรรมดาเรียบง่ายนั้น แทนที่จะเป็นของหาง่าย โชคชะตากลับเล่นตลกทำให้เป็นของหายากที่สุดเหมือนเพชร"
มีต่อ..
-
- Verified User
- โพสต์: 1717
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 3
ขอเล่าต่อเรื่องสถานที่โรงเรียนในที่จัดสรรซึ่งอยู่ติดโรงเรียนจันทร์หุ่นห้วยขวางปัจจุบัน ขณะที่ประกาศโฆษณานั้น ใครๆ ใคร่รู้จักที่ตั้งโรงเรียน แต่ลี้ลับไกลเหลือเกิน ติดต่อได้แต่ Office เล็ก ห้องแถวคูหาที่ 12 จากปากซอยสุทธิสาร สะพานควายเท่านั้น ไม่มีหนทางรถเข้าถึงที่ตั้งของโรงเรียนได้เลย
20 เมษายน พ.ศ. 2504 เป็นวันเกิดของโรงเรียนเซนต์จอห์นด้วยการได้รับอนุมัติจาก ม.ล.ปิ่น มาลากุล รมต.กระทรวงศึกษาธิการ คุณกำจร พรหมะวัน หัวหน้ากองโรงเรียนราษฎร์ได้อนุเคราะห์ในเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนเซนต์จอห์น ข้าพเจ้าคิดถึงบุญคุณอยู่ไม่รู้วาย การที่โรงเรียนชื่อดังไปตั้งในที่จัดสรรดังกล่าวนี้ทำให้ชาวนารอบที่จัดสรรมองเห็นการณ์ไกล ไม่ยอมขายที่ดิน ซึ่งเป็นทางออกของโรงเรียน ตามแผนที่ประกาศไว้ เจ้าของที่จัดสรรปวดหัว ข้าพเจ้ารอวันรอคืนให้ผู้จัดสรรที่ดิน จัดการซื้อทางออก รอเท่าไรก็ไม่สำเร็จ จนลุถึงวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ.2504 เป็นวันฉัตรมงคล พระก็โปรดให้มีอันต้องย้ายหาที่ใหม่
วันฉัตรมงคล ข้าพเจ้าและน้องชายตัดสินใจทิ้งเรือ ย้ายมาสร้างที่ตลาดหมอชิต ปากซอยวัดไผ่ตัน สะพานควาย เหลือเวลาอีกเพียง 12 วัน 12 คืนก็จะถึง 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2504 ซึ่งเป็นวันเปิดเทอมได้พยายามสร้างอาคารชั่วคราว ทั้งคืนทั้งวัน เป็นอาคารไม้ยกพื้น 1 เมตร 12 ห้องเรียน รับนักศึกษาได้ 280 คน มีอนุบาล ประถม ป.1-ป.4 และ ม.1-ม.6 นักเรียนที่สนใจใคร่จะเข้าเซนต์จอห์น บ่ายหน้าไปโรงเรียนรุจิเสรีหมดหลายพันคน เพราะรุจิเสรีเริ่มต้นด้วยทุนมหาศาล (ทั้งอาจารย์ผู้จัดการก็เป็นอดีตอาจารย์ใหญ่เซนต์คาเบรียล เช่นเดียวกับข้าพเจ้า) อยู่ปากซอยสุทธิสาร สร้างเป็นตึกหลายหลัง หรูหรา
วันที่ 17 พฤษภาคม เปิดเรียน เจ้าหน้าที่ระดับอธิบดีโรงเรียนราษฎร์ได้มาแสดงความยินดีทั้งๆ ที่มิได้ขออนุมัติย้าย และมิได้ขออนุญาตสร้างจากกระทรวงฯ และกทม. (จะขออะไรทันล่ะ! กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เงินก็ไม่มี เด็กก็น้อย ที่ดินก็ไม่มี) ที่ก่อสร้างอยู่นี้ก็ได้รับการอนุเคราะห์จากผู้ปกครองผู้หนึ่งที่ให้มาสร้างโรงเรียน ซึ่งมาทราบภายหลังว่าเป็นที่ติดขายฝาก กำลังจะหลุด มิน่าเล่า! เมื่อสร้างเสร็จจึงมีนายธนาคารคนหนึ่งมาส่งเสียงเอ็ดตะโรว่า "ใครวะมาสร้างโรงเรียนนี้ โดยไม่บอกอั๊ว!"ข้าพเจ้าได้ฟังแล้วก็รู้สึกเฉย ๆ ได้อุตส่าห์แสวงหาที่ดินเพื่อย้ายที่ตั้ง ร.ร.แห่งใหม่ทั่วกรุงเทพฯ ...หายากเพราะไม่มีเงิน ไม่มีใครช่วย " เมื่อไร้ทรัพย์อับปัญญา ชะตาหัก ป่วยก็นัก รักหน่าย ค่อยคลายลง" ดังสุนทรภู่ได้กล่าวไว้
มีใครอยากอ่านต่อ..ช่วยบอกด้วยครับ
20 เมษายน พ.ศ. 2504 เป็นวันเกิดของโรงเรียนเซนต์จอห์นด้วยการได้รับอนุมัติจาก ม.ล.ปิ่น มาลากุล รมต.กระทรวงศึกษาธิการ คุณกำจร พรหมะวัน หัวหน้ากองโรงเรียนราษฎร์ได้อนุเคราะห์ในเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนเซนต์จอห์น ข้าพเจ้าคิดถึงบุญคุณอยู่ไม่รู้วาย การที่โรงเรียนชื่อดังไปตั้งในที่จัดสรรดังกล่าวนี้ทำให้ชาวนารอบที่จัดสรรมองเห็นการณ์ไกล ไม่ยอมขายที่ดิน ซึ่งเป็นทางออกของโรงเรียน ตามแผนที่ประกาศไว้ เจ้าของที่จัดสรรปวดหัว ข้าพเจ้ารอวันรอคืนให้ผู้จัดสรรที่ดิน จัดการซื้อทางออก รอเท่าไรก็ไม่สำเร็จ จนลุถึงวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ.2504 เป็นวันฉัตรมงคล พระก็โปรดให้มีอันต้องย้ายหาที่ใหม่
วันฉัตรมงคล ข้าพเจ้าและน้องชายตัดสินใจทิ้งเรือ ย้ายมาสร้างที่ตลาดหมอชิต ปากซอยวัดไผ่ตัน สะพานควาย เหลือเวลาอีกเพียง 12 วัน 12 คืนก็จะถึง 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2504 ซึ่งเป็นวันเปิดเทอมได้พยายามสร้างอาคารชั่วคราว ทั้งคืนทั้งวัน เป็นอาคารไม้ยกพื้น 1 เมตร 12 ห้องเรียน รับนักศึกษาได้ 280 คน มีอนุบาล ประถม ป.1-ป.4 และ ม.1-ม.6 นักเรียนที่สนใจใคร่จะเข้าเซนต์จอห์น บ่ายหน้าไปโรงเรียนรุจิเสรีหมดหลายพันคน เพราะรุจิเสรีเริ่มต้นด้วยทุนมหาศาล (ทั้งอาจารย์ผู้จัดการก็เป็นอดีตอาจารย์ใหญ่เซนต์คาเบรียล เช่นเดียวกับข้าพเจ้า) อยู่ปากซอยสุทธิสาร สร้างเป็นตึกหลายหลัง หรูหรา
วันที่ 17 พฤษภาคม เปิดเรียน เจ้าหน้าที่ระดับอธิบดีโรงเรียนราษฎร์ได้มาแสดงความยินดีทั้งๆ ที่มิได้ขออนุมัติย้าย และมิได้ขออนุญาตสร้างจากกระทรวงฯ และกทม. (จะขออะไรทันล่ะ! กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เงินก็ไม่มี เด็กก็น้อย ที่ดินก็ไม่มี) ที่ก่อสร้างอยู่นี้ก็ได้รับการอนุเคราะห์จากผู้ปกครองผู้หนึ่งที่ให้มาสร้างโรงเรียน ซึ่งมาทราบภายหลังว่าเป็นที่ติดขายฝาก กำลังจะหลุด มิน่าเล่า! เมื่อสร้างเสร็จจึงมีนายธนาคารคนหนึ่งมาส่งเสียงเอ็ดตะโรว่า "ใครวะมาสร้างโรงเรียนนี้ โดยไม่บอกอั๊ว!"ข้าพเจ้าได้ฟังแล้วก็รู้สึกเฉย ๆ ได้อุตส่าห์แสวงหาที่ดินเพื่อย้ายที่ตั้ง ร.ร.แห่งใหม่ทั่วกรุงเทพฯ ...หายากเพราะไม่มีเงิน ไม่มีใครช่วย " เมื่อไร้ทรัพย์อับปัญญา ชะตาหัก ป่วยก็นัก รักหน่าย ค่อยคลายลง" ดังสุนทรภู่ได้กล่าวไว้
มีใครอยากอ่านต่อ..ช่วยบอกด้วยครับ
- Raphin Phraiwal
- Verified User
- โพสต์: 1342
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 4
รออ่านต่อ ครับพ้ม
รักในหลวงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1717
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 5
ก็เป็นบุญอีกหนึ่งชั้น ที่จำใจต้องย้าย พยายามทุกวันทุกคืนทุกหัวระแหงของกรุงเทพฯ แม้กระทั่งในเขตของวัดพุทธที่ตลาดพลู ก็เกือบๆ จะตกลงตั้งโรงเรียนเซนต์จอห์นเข้าไปแล้ว บังเอิญมาได้ที่ตรงปัจจุบันนี้ห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งขณะนั้นมีธงแดงปักเป็นทิวเพื่อเตรียมตัดถนน High Way วิภาวดี-รังสิต เจ้าของที่ดิน ชื่อ คุณประดิษฐ์ กรรณสูต ใจดีมาก ขายให้ด้วยราคาและเงื่อนไขมิตรภาพมากที่สุด หลายล้านบาทเป็นเงินผ่อนด้วยการขอร้องวางมัดจำเพียงเข็มขัดทองเส้นเดียว ราคาหมื่นบาท ซึ่งข้าพเจ้าขอมาจาก คุณซาแลน ภรรยาของข้าพเจ้าเอง ซึ่งมิได้เอ่ยปากแม้แต่คำเดียวทั้งๆ ที่มีลูกเล็กๆ 4 คน คือ ด.ญ.รวงกาญจนา 7 ขวบ ด.ช.จุฬาเกษม 4 ขวบ เทมส์นที 2 ขวบ และลูกน้อยฤดีทิพย์ 11 เดือน เด็กตาดำๆ เหล่านี้ ไม่รู้เดียงสาอะไร ว่าพ่อของเขากำลังสู้กับเสือด้วยมือเปล่า! ข้าพเจ้ากำลังจับเสือมือเปล่าจริงๆ อาจารย์สุมน ชินะผา ก็เช่นเดียวกันช่วยกันหาเงิน กู้เงินยืมเงิน ดอกเบี้ยเท่าไรไม่ว่า ใช้เช็คค้ำประกัน 5%, 7% ไม่ต้องคำนึงทั้งซื้อ ทั้งสร้างไม่เคยกลับบ้านก่อนเที่ยงคืนราว10 ปี
17 พฤษภาคม พ.ศ. 2505 ย้ายโรงเรียนจากตลาดหมอชิตมาลาดพร้าว มีนักเรียนเพิ่มเป็น 2,500 คน ปี พ.ศ. 2506-นักเรียน 3,500 คน ปี พ.ศ. 2507-นักเรียน 4,500คน มีนักเรียนประจำ 200 คน ปี พ.ศ. 2508 ได้รับการรับรองวิทยฐานะ ขยายออกเป็น 3 โรงเรียน คือ โรงเรียนเซนต์จอห์นอนุบาล โรงเรียนเซนต์จอห์น (ชาย) และ โรงเรียนสตรีเซนต์จอห์น มีครูใหญ่ 3 คน ที่ดินเดิมมี 2.5 ไร่ ซื้อเพิ่ม 8 ไร่ อาคารสร้างเป็นตึก 4 ชั้น 2 หลัง ยาว 48 เมตร ปี พ.ศ. 2509 เปิดแผนก Commerce นักเรียนเพิ่มทุกปี ซื้อที่เพิ่มทุกปี สร้างเพิ่มทุกปี เป็นหนี้เพิ่มทุกปีไม่มี Master Plan การหมุนเงิน เริ่มจากธนาคารทหารไทยโดย คุณสุขุม นวพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ได้มาสำรวจและอนุมัติเริ่มด้วยเงินแสนจนเป็นหลายแสน และจากหลายแสนเป็นล้าน และจาก1ล้านบาทเป็นหลายล้าน จนถึง 10 ล้านบาท ข้าพเจ้านำชีวิตเข้าประกันหนี้ด้วยการซื้อกรมธรรม์ 30 ล้านบาท จากบริษัท AIA เป็นยอดสูงสุดของสถิติบริษัท AIA ซึ่งถูกนำมากล่าวขวัญแก่ผู้ขายประกัน AIA ตลอดมา จนกระทั่งทุกวันนี้ข้าพเจ้าทำโรงเรียนโดยเอาชีวิตเป็นประกัน!
ฐานะของโรงเรียนในด้านที่ดิน-อาคาร และจำนวนนักเรียนมากขึ้นเมื่อเทียบกับการทำโรงเรียนธรรมดาๆ รายได้มากแต่ดอกเบี้ยมากกว่า เพราะค่าเล่าเรียนถูก และถูกระเบียบกระทรวงฯอันเป็นเวลาไม่มีกำหนด จนเกิดวิกฤตการณ์ Cheque เด้งบ่อยครั้ง มีครั้งหนึ่งเด้งพร้อมกันวันเดียว 21ใบ 21เจ้าของ ซึ่งถูกผัดผ่อนมาหลายครั้งเต็มที เจ้าหนี้มา 21ราย พร้อมด้วยตำรวจ 6 นาย ข้าพเจ้าแต่งกายเต็มที่ทานอาหารอิ่มแต่เช้า-เตรียมรับศึกบุกหนัก ในวันนั้น 3 ชั่วโมง ผ่านไปด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใสและตื่นเต้น (ใช้หลักของกรีกชนะ SPARTA) เจ้าหนี้ทุกคนทยอยกันกลับด้วยความอิ่มใจในความปรานี ผ่อนผันให้กับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้โผล่ขึ้นหายใจอีกครั้งหนึ่ง "พระเป็นกำลังของข้าพเจ้า
17 พฤษภาคม พ.ศ. 2505 ย้ายโรงเรียนจากตลาดหมอชิตมาลาดพร้าว มีนักเรียนเพิ่มเป็น 2,500 คน ปี พ.ศ. 2506-นักเรียน 3,500 คน ปี พ.ศ. 2507-นักเรียน 4,500คน มีนักเรียนประจำ 200 คน ปี พ.ศ. 2508 ได้รับการรับรองวิทยฐานะ ขยายออกเป็น 3 โรงเรียน คือ โรงเรียนเซนต์จอห์นอนุบาล โรงเรียนเซนต์จอห์น (ชาย) และ โรงเรียนสตรีเซนต์จอห์น มีครูใหญ่ 3 คน ที่ดินเดิมมี 2.5 ไร่ ซื้อเพิ่ม 8 ไร่ อาคารสร้างเป็นตึก 4 ชั้น 2 หลัง ยาว 48 เมตร ปี พ.ศ. 2509 เปิดแผนก Commerce นักเรียนเพิ่มทุกปี ซื้อที่เพิ่มทุกปี สร้างเพิ่มทุกปี เป็นหนี้เพิ่มทุกปีไม่มี Master Plan การหมุนเงิน เริ่มจากธนาคารทหารไทยโดย คุณสุขุม นวพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ได้มาสำรวจและอนุมัติเริ่มด้วยเงินแสนจนเป็นหลายแสน และจากหลายแสนเป็นล้าน และจาก1ล้านบาทเป็นหลายล้าน จนถึง 10 ล้านบาท ข้าพเจ้านำชีวิตเข้าประกันหนี้ด้วยการซื้อกรมธรรม์ 30 ล้านบาท จากบริษัท AIA เป็นยอดสูงสุดของสถิติบริษัท AIA ซึ่งถูกนำมากล่าวขวัญแก่ผู้ขายประกัน AIA ตลอดมา จนกระทั่งทุกวันนี้ข้าพเจ้าทำโรงเรียนโดยเอาชีวิตเป็นประกัน!
ฐานะของโรงเรียนในด้านที่ดิน-อาคาร และจำนวนนักเรียนมากขึ้นเมื่อเทียบกับการทำโรงเรียนธรรมดาๆ รายได้มากแต่ดอกเบี้ยมากกว่า เพราะค่าเล่าเรียนถูก และถูกระเบียบกระทรวงฯอันเป็นเวลาไม่มีกำหนด จนเกิดวิกฤตการณ์ Cheque เด้งบ่อยครั้ง มีครั้งหนึ่งเด้งพร้อมกันวันเดียว 21ใบ 21เจ้าของ ซึ่งถูกผัดผ่อนมาหลายครั้งเต็มที เจ้าหนี้มา 21ราย พร้อมด้วยตำรวจ 6 นาย ข้าพเจ้าแต่งกายเต็มที่ทานอาหารอิ่มแต่เช้า-เตรียมรับศึกบุกหนัก ในวันนั้น 3 ชั่วโมง ผ่านไปด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใสและตื่นเต้น (ใช้หลักของกรีกชนะ SPARTA) เจ้าหนี้ทุกคนทยอยกันกลับด้วยความอิ่มใจในความปรานี ผ่อนผันให้กับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้โผล่ขึ้นหายใจอีกครั้งหนึ่ง "พระเป็นกำลังของข้าพเจ้า
- Raphin Phraiwal
- Verified User
- โพสต์: 1342
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 6
กำลังมันส์ครับพี่ ต่อครับต่อ :lol:
รักในหลวงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1717
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 7
ข้าพเจ้าจ้างเจ้าหน้าที่วิเคราะห์สินเชื่อจากธนาคารกรุงเทพ ให้ประเมินจุดยืนของเซนต์จอห์นเป็นเงินแสนบาทสมัยนั้น วิเคระห์ออกมาว่า รายจ่ายเกินรายรับ อยู่ไม่ได้ ต้องเฉือนที่บางส่วนขาย ได้ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ Bangkok Post 3 เดือน ไม่มีใครสนใจ แม้โทรศัพท์ก็ไม่มีใครโทร.ถาม ขายไม่ได้! ดี! (ข้าพเจ้าคิด) ยิ่งกว่านั้นยังเสนอขายกิจการโรงเรียนทั้งหมด ให้แก่รัฐบาลถึง 2 สมัย สมัย รมต.ประชุม รัตนเพียรและสมัย ดร.นิพนธ์ ศศิธร กระทรวงฯได้เสนอคณะรัฐมนตรีเป็นทางการ ข้าพเจ้าได้เข้าถึงผู้ใหญ่ของรัฐบาลเองด้วย ได้รับคำตอบว่า ถ้ารัฐซื้อโรงเรียนเซนต์จอห์น คงต้องซื้อโรงเรียนราษฎร์ทั่วประเทศ ขายไม่ออก! ดี! (ข้าพเจ้าคิด)
วิกฤติการณ์อีกครั้งเมื่อท่านรมต.มล.ปิ่น มาลากุล ประชุมอธิบดีทั้งหลายตกลงให้เปลี่ยนชื่อ St.John เป็นชื่อไทย ข้าพเจ้าจำใจจำยอม คิดแล้วคิดอีก หาทางออกทุกวิถีทางที่จะขอชื่อเดิมไว้ ได้ไปขอร้องท่านอธิบดีด้วยกระเช้า Apples ก็ถูกไล่ออกจากบ้านด้วยอาการโกรธา ได้ไปหาท่านรัฐมนตรีถึงบ้านพร้อมด้วยขวดเหล้า Contreau ก็ถูกคุณหญิงไล่ให้ไปกระทรวงฯ หันหน้าไปหาใครก็ไม่มีใครช่วย "When you laugh, the world will laugh with you, when you cry, you'll cry alonel" ดี! ข้าพเจ้ายังไม่ท้อถอย เพียงถอยมาตั้งหลักว่าจะทำอย่างไรดี สวดมนต์ว่า "DOMINUS ILLUMINATIO MEA DOMINUS FORTITUDO MEA." (พระเป็นแสงสว่างของข้าพเจ้า, พระเป็นกำลังของข้าพเจ้า) ข้าพเจ้าเรียน Latin มานิดหน่อย เรียน Organ มานิดหน่อย จากสามเณรบางช้างและ SEMINAIRE DUSACRE-COEUR ศรีราชา 3-4 ปี เมื่ออายุ 11 ปี ถึง 15 ปี และดีด Organ ในโบสถ์ ตลอดมาจนถึงอายุ 68 ปี การขับร้องเพลงโบสถ์ Gregorian จึงเข้าจิตเข้าใจและบำรุงความศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง
ข้าพเจ้าตัดสินใจ หาใครช่วยไม่ได้แล้ว มาคิดได้อย่างเดียว คือต้องไปหา รมต. มล.ปิ่น มาลากุล ที่กระทรวงฯ คุณสวัสดิ์ ปิ่นสุวรรณ เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ ตัวสั่นเมื่อเดินเป็นเพื่อนข้าพเจ้าเข้าไปในห้องของสิงโต "ปิ่น มาลากุล" ใจข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า ท่าน รมต. ผู้เดียวที่อนุมัติเรื่องนี้ได้เพราะอำนาจอยู่ในปากของสิงโต "Si Vis Pacem Para Bellum. Pax in Ore Leonis"
"แม้หวัง ตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์" "สันติภาพอยู่ในปากของสิงโต" ประโยคหลังนี้เรามาต่อกันเอง!
ในห้องของสิงโตที่กระทรวงฯ ข้าพเจ้าเดินเข้าไปกราบเท้าท่าน รมต.ที่พื้นพรมสีแดงขอความเมตตาคำเดียว ท่านดึงแขนเชิญนั่ง เงียบอยู่ 3 นาที...แล้วข้าพเจ้าก็ลงกราบที่เท้าอีกครั้ง ขอลาท่านด้วย ท่านเดินไปส่งที่ประตู ข้าพเจ้าเงยหน้ายกมือไหว้เหลือบเห็นนัยน์ตาของท่าน มีน้ำตาคลอหน่วยไหลลงที่แก้ม!
อีก 7 วันต่อมา คุณกำจร พรหมะวัน โทรศัพท์มาแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบว่า รมต.เชิญอธิบดีทุกคนประชุมและพูดในที่ประชุมว่า "เรายอมแพ้คุณสมัย" ไม่เคยมีครั้งใดที่เรื่องเข้าประชุมระดับอธิบดีแล้ว จะมาประชุมเป็นครั้งที่สอง ข้าพเจ้าไม่ได้ชนะ ท่าน รมต.ไม่ได้แพ้! เพียงแค่ "พระทำอัศจรรย์โดยใช้วิธีการของมนุษย์" ตามที่นักบุญ Cottolango เขียนไว้เมื่อ 200 ปีที่แล้วที่เมืองตุริน อิตาลี ว่า "God always makes miracles by human means"
วิกฤติการณ์อีกครั้งเมื่อท่านรมต.มล.ปิ่น มาลากุล ประชุมอธิบดีทั้งหลายตกลงให้เปลี่ยนชื่อ St.John เป็นชื่อไทย ข้าพเจ้าจำใจจำยอม คิดแล้วคิดอีก หาทางออกทุกวิถีทางที่จะขอชื่อเดิมไว้ ได้ไปขอร้องท่านอธิบดีด้วยกระเช้า Apples ก็ถูกไล่ออกจากบ้านด้วยอาการโกรธา ได้ไปหาท่านรัฐมนตรีถึงบ้านพร้อมด้วยขวดเหล้า Contreau ก็ถูกคุณหญิงไล่ให้ไปกระทรวงฯ หันหน้าไปหาใครก็ไม่มีใครช่วย "When you laugh, the world will laugh with you, when you cry, you'll cry alonel" ดี! ข้าพเจ้ายังไม่ท้อถอย เพียงถอยมาตั้งหลักว่าจะทำอย่างไรดี สวดมนต์ว่า "DOMINUS ILLUMINATIO MEA DOMINUS FORTITUDO MEA." (พระเป็นแสงสว่างของข้าพเจ้า, พระเป็นกำลังของข้าพเจ้า) ข้าพเจ้าเรียน Latin มานิดหน่อย เรียน Organ มานิดหน่อย จากสามเณรบางช้างและ SEMINAIRE DUSACRE-COEUR ศรีราชา 3-4 ปี เมื่ออายุ 11 ปี ถึง 15 ปี และดีด Organ ในโบสถ์ ตลอดมาจนถึงอายุ 68 ปี การขับร้องเพลงโบสถ์ Gregorian จึงเข้าจิตเข้าใจและบำรุงความศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง
ข้าพเจ้าตัดสินใจ หาใครช่วยไม่ได้แล้ว มาคิดได้อย่างเดียว คือต้องไปหา รมต. มล.ปิ่น มาลากุล ที่กระทรวงฯ คุณสวัสดิ์ ปิ่นสุวรรณ เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ ตัวสั่นเมื่อเดินเป็นเพื่อนข้าพเจ้าเข้าไปในห้องของสิงโต "ปิ่น มาลากุล" ใจข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า ท่าน รมต. ผู้เดียวที่อนุมัติเรื่องนี้ได้เพราะอำนาจอยู่ในปากของสิงโต "Si Vis Pacem Para Bellum. Pax in Ore Leonis"
"แม้หวัง ตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์" "สันติภาพอยู่ในปากของสิงโต" ประโยคหลังนี้เรามาต่อกันเอง!
ในห้องของสิงโตที่กระทรวงฯ ข้าพเจ้าเดินเข้าไปกราบเท้าท่าน รมต.ที่พื้นพรมสีแดงขอความเมตตาคำเดียว ท่านดึงแขนเชิญนั่ง เงียบอยู่ 3 นาที...แล้วข้าพเจ้าก็ลงกราบที่เท้าอีกครั้ง ขอลาท่านด้วย ท่านเดินไปส่งที่ประตู ข้าพเจ้าเงยหน้ายกมือไหว้เหลือบเห็นนัยน์ตาของท่าน มีน้ำตาคลอหน่วยไหลลงที่แก้ม!
อีก 7 วันต่อมา คุณกำจร พรหมะวัน โทรศัพท์มาแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบว่า รมต.เชิญอธิบดีทุกคนประชุมและพูดในที่ประชุมว่า "เรายอมแพ้คุณสมัย" ไม่เคยมีครั้งใดที่เรื่องเข้าประชุมระดับอธิบดีแล้ว จะมาประชุมเป็นครั้งที่สอง ข้าพเจ้าไม่ได้ชนะ ท่าน รมต.ไม่ได้แพ้! เพียงแค่ "พระทำอัศจรรย์โดยใช้วิธีการของมนุษย์" ตามที่นักบุญ Cottolango เขียนไว้เมื่อ 200 ปีที่แล้วที่เมืองตุริน อิตาลี ว่า "God always makes miracles by human means"
-
- Verified User
- โพสต์: 1717
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 10
ประวัติเซนต์จอห์นคงขาดไปอย่างน่าเสียดาย ถ้าข้าพเจ้าไม่เล่าเรื่องนี้ กล่าวคือ ในขณะโรงเรียนเซนต์จอห์น ประสบวิกฤติการณ์ทางการเงินเมื่อราว 20 ปีมาแล้วนั้น ได้ถูกเจ้าหนี้ทวงเงิน 12 ล้านบาท โดยให้เวลาภายใน 30 วัน ข้าพเจ้าขอ12 เดือน ไม่ได้ 30 วัน ข้าพเจ้าขอ 6 เดือน ไม่ได้ 30 วัน ข้าพเจ้าขอ 90 วัน ไม่ได้ 30 วัน ข้าพเจ้าขอ 60 วัน - 45 วัน ไม่ได้ 30 วัน ข้าพเจ้างง! กลับโรงเรียนทราบจากคนภายในสำนักงานเจ้าหนี้ว่าเขาวางตัวยึดกิจการโรงเรียนเซนต์จอห์นไว้เรียบร้อยแล้ว มีเจ้าหน้าที่ควบคุมหน่วยต่างๆ อย่างรัดกุมและเคร่งครัด ขอสารภาพว่าได้เกิดความกลัวขึ้นเป็นอันมาก! ได้ถอยไปตั้งหลักที่พัทยาบางแสนเป็นเวลา 7 วัน พักผ่อน เล่นน้ำ ทานอาหารอย่างดีที่โรงแรมบางแสน เดินตากลมทะเลชายหาด! คิดทางออก! ที่สุดทำ Project เสนอนายห้าง ชิน โสภณพนิช โดยความช่วยเหลือของเลขาหนุ่มที่นัดให้พบและด้วยน้ำใจไมตรี และความสงสารของ คุณวีระ รมยะรูป ที่จูงมือเข้าขอพบนายห้าง ขอกู้เงิน 12 ล้านบาท เพื่อชำระคืนแก่เจ้าหนี้เดิม นายห้างชิน นัดให้มาพบใหม่ภายใน 7 วัน คุณบุญชู โรจนเสถียร ผู้จัดการใหญ่ ได้ประชุมคณะกรรมการ ไม่อนุมัติ ข้าพเจ้าไปหานายห้างตามนัด ได้รับคำตอบว่า ไม่ได้ ข้าพเจ้าขอ "นายห้างช่วยผมด้วยครับ" คุณชินนัดอีก 7 วัน คุณบุญชูประชุม ไม่ได้อีก นายห้างบอกข้าพเจ้าว่าไม่สำเร็จ ข้าพเจ้าขอ "นายห้างช่วยผมด้วยเถิดครับ" นายห้างนัดใหม่เป็นครั้งที่ 3 ข้าพเจ้าไปพบพร้อมกับ คุณวีระ รมยะรูป นายห้างตอบว่า คุณบุญชู ประชุมแล้วไม่อนุมัติ ข้าพเจ้าขอ "นายห้างให้ช่วยผมด้วย" นายห้างนัดให้มาอีก 3 วันต่อมาข้าพเจ้าไปพบนายห้างจ้องหน้าข้าพเจ้าครู่หนึ่ง แล้วบอกว่า "ผมช่วยคุณสมัย" (เหมือนนักบุญ Cottolango พูดไว้เมื่อ 200 ปีไหม?) ข้าพเจ้าถอนหายใจขอบคุณพระ
รุ่งขึ้นข้าพเจ้านำ Cashier Cheque 12 ล้าน พร้อมด้วยกระเช้าดอกไม้ที่ใหญ่และสวยและแพงที่สุดไปกราบขอบคุณเจ้าหนี้ ได้รับคำชมเชยว่า ตั้งแต่เห็นลูกค้ามายังไม่เคยเจอแบบคุณสมัยนี้เลย ขาดเหลืออะไรเชิญมาคุยกันได้อีกเสมอ และก็สมจริงดังประโยคสุดท้ายที่กล่าวนี้
และแล้วพระก็โปรดให้โรงเรียนเซนต์จอห์นเจริญพัฒนาขึ้นเสมอมา เราเปิดแผนกอาชีวศึกษา เพิ่มขึ้นอีกในปี พ.ศ. 2514 เปิดระดับปวช. และปวส. แยกเป็นอาชีวะอีก 3 โรงเรียน คือ โรงเรียนอาชีวศึกษาเซนต์จอห์น ซึ่งเปลี่ยนเป็น เซนต์จอห์นโปลีเทคนิค มี ระดับปวช. และปวส. โรงเรียนเซนต์จอห์นอาชีวะกรุงเทพ ซึ่งเปลี่ยนเป็นเซนต์จอห์นเทคโนโลยี และระดับปวส.ต่างหาก ชื่อโรงเรียนเซนต์จอห์นเทคนิคกรุงเทพ
ปี พ.ศ. 2533 ได้เปิดวิทยาลัย St.John's ซึ่งมีโครงการจะเปิดเป็นมหาวิทยาลัยในอนาคตอันใกล้นี้รออาคาร "ชิน โสภณพนิช" และอาคาร "ฤดีทิพย์" 30 ปี เซนต์จอห์น ซึ่งกำลังก่อสร้างให้สร้างสำเร็จเสียก่อน
รุ่งขึ้นข้าพเจ้านำ Cashier Cheque 12 ล้าน พร้อมด้วยกระเช้าดอกไม้ที่ใหญ่และสวยและแพงที่สุดไปกราบขอบคุณเจ้าหนี้ ได้รับคำชมเชยว่า ตั้งแต่เห็นลูกค้ามายังไม่เคยเจอแบบคุณสมัยนี้เลย ขาดเหลืออะไรเชิญมาคุยกันได้อีกเสมอ และก็สมจริงดังประโยคสุดท้ายที่กล่าวนี้
และแล้วพระก็โปรดให้โรงเรียนเซนต์จอห์นเจริญพัฒนาขึ้นเสมอมา เราเปิดแผนกอาชีวศึกษา เพิ่มขึ้นอีกในปี พ.ศ. 2514 เปิดระดับปวช. และปวส. แยกเป็นอาชีวะอีก 3 โรงเรียน คือ โรงเรียนอาชีวศึกษาเซนต์จอห์น ซึ่งเปลี่ยนเป็น เซนต์จอห์นโปลีเทคนิค มี ระดับปวช. และปวส. โรงเรียนเซนต์จอห์นอาชีวะกรุงเทพ ซึ่งเปลี่ยนเป็นเซนต์จอห์นเทคโนโลยี และระดับปวส.ต่างหาก ชื่อโรงเรียนเซนต์จอห์นเทคนิคกรุงเทพ
ปี พ.ศ. 2533 ได้เปิดวิทยาลัย St.John's ซึ่งมีโครงการจะเปิดเป็นมหาวิทยาลัยในอนาคตอันใกล้นี้รออาคาร "ชิน โสภณพนิช" และอาคาร "ฤดีทิพย์" 30 ปี เซนต์จอห์น ซึ่งกำลังก่อสร้างให้สร้างสำเร็จเสียก่อน
-
- Verified User
- โพสต์: 1717
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 11
เพื่อนๆ..เบื่อ. หรือยังครับ.. หรือเอาไว้ต่อพรุ่งนี้..
- Raphin Phraiwal
- Verified User
- โพสต์: 1342
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 12
ต่อครับพี่ คืนนี้ไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนกัน :lol:
รักในหลวงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1717
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 13
จัดให้.. ตามความต้องการครับ ..ทุกครั้งที่จบตอน ถ้าเงียบไป ผมถือว่าไม่อยากอ่านแล้วนะครับ ผมจะได้หยุด.. ตกลงตามนี้นะครับ
วิทยาลัย St.John's ปี พ.ศ. 2534 ปีที่ 2 นี้ ได้มี 2 คณะวิชา คือ คณะบริหารธุรกิจและนิเทศศาสตร์สาขาวิชา การบัญชี การตลาด การบริหารทั่วไปและธุรกิจ Computer คณะนิเทศฯ มี 3 สาขาวิชา คือ โฆษณา ประชาสัมพันธ์ และวิทยุ-โทรทัศน์ ปี พ.ศ. 2535 จะเปิดอีก 2 คณะ คือ คณะศิลปศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์อุตสาหกรรม วิทยาลัย St.John's ของเรายังก้าวหน้าไปถึงขั้นมีหลักสูตร การสอนภาษาอังกฤษ เป็นภาษากลาง "Using English as a Medium Language" มีทั้งภาค 4 ปีและต่อเนื่อง 2 ปี มีทั้งภาคปกติและภาคค่ำ วันนี้มีนักเรียนตั้งแต่อนุบาล - วิทยาลัย 20,000 คน ครู 600 คน
นอกจากนั้น ในปีนี้เซนต์จอห์นเรายังมีของดีพิเศษอีกคือ มี office ของมหาวิทยาลัย cambridge ที่จัดเรื่องการสอบ PETเป็น Examination Syndicate มีสถานสอนภาษาอังกฤษชั้นยอดจากอังกฤษชื่อ The Bell ทั้งดีทั้งแพงสุดยอด เรายังส่งเสริมภาษาฝรั่งเศสโดยให้มี office ของ Alliance Francaise มีห้องให้นักเรียนเรียนกับอาจารย์ชาวฝรั่งเศส เหมือนสมาคมฝรั่งเศสที่สาธรกรุงเทพ นักเรียนชั้น ม.4-5-6 เรายังได้รับการสอนจากอาจารย์ชาวฝรั่งเศสตรง จากสมาคมฝรั่งเศส นอกจากนั้นระดับอุดมศึกษาจากเซนต์จอห์น ยังได้รับความช่วยเหลือจาก British Columbia Canada ส่งอาจารย์มาช่วยสอนระดับมหาวิทยาลัย ที่พิเศษอีกเรื่องหนึ่งข้าพเจ้าได้เป็นผู้รับใบอนุญาตให้เปิดอบรม Course Dale Carnegie จาก New York หลังจากได้พยายามปูพื้นฐานมาแล้ว 2 ปี ลงทุนไปราว 2 ล้านบาท ผู้เดียวในประเทศไทยอันเป็นประเทศที่ 69 ที่ได้ใบอนุญาตนี้ นับเป็นนิมิตดีที่จะเป็นศูนย์อบรมบุคคลภายในประเทศไทยให้มีอุดมการณ์ตามปรัชญา เดล คาร์เนกี้ ว่า "วิธีผูกมิตรและจูงใจคน - วิธีดับทุกข์และสร้างสุข"
อนึ่งในวันที่ 30 พฤศจิกายน 1991 มีการเซ็นสัญญาความร่วมมือระหว่างสถาบันเซนต์จอห์น กับสถาบัน Bell แห่งประเทศอังกฤษ เป็นสัญญาเริ่มโครงการเปิดโรงเรียนเซนต์จอห์นนานาชาติขึ้นในอาณาบริเวณโรงเรียนเซนต์จอห์น ปัจจุบันเด็กนักเรียนไทยตั้งแต่ระดับประถม ก็สามารถสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติเซนต์จอห์นได้ นับเป็นข่าวดีแก่ผู้ปกครองของนักเรียน
ข้าพเจ้าอยากให้สถาบันเซนต์จอห์นยั่งยืนไปเป็นร้อยร้อยปี เหมือนความคิดของลูกๆ ข้าพเจ้า อยากให้ผู้มีความศรัทธาในการศึกษา ได้มีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ โดยเป็นบริษัทมหาชน ขณะนี้กำลังยื่นขอเข้าตลาดหลักทรัพย์ และได้รับการพิจารณาหากเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ สถาบันการศึกษาเซนต์จอห์นจะรุ่งโรจน์ อย่าบอกใครเชียว!! ข้าพเจ้าได้วางบุคคลไว้ทุกจุด อันจัดเป็นแกนของสถาบัน ได้สร้างอาคารไว้อย่างมั่นคงและสวยงาม แต่เสาเข็มที่เป็นฐานอันมั่นคงของ St. John's ก็คืออุดมการณ์ของเราทุกคนที่ว่า "SAPIENTIA SCIENTIA SANCTITIAS" (ความฉลาด-ความรู้-ความศักดิ์สิทธิ์) และ "VIRTUS SOLA NOBILITAT" (คุณธรรมอย่างเดียวเท่านั้นที่ทำให้มนุษย์มีเกียรติ)
วิทยาลัย St.John's ปี พ.ศ. 2534 ปีที่ 2 นี้ ได้มี 2 คณะวิชา คือ คณะบริหารธุรกิจและนิเทศศาสตร์สาขาวิชา การบัญชี การตลาด การบริหารทั่วไปและธุรกิจ Computer คณะนิเทศฯ มี 3 สาขาวิชา คือ โฆษณา ประชาสัมพันธ์ และวิทยุ-โทรทัศน์ ปี พ.ศ. 2535 จะเปิดอีก 2 คณะ คือ คณะศิลปศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์อุตสาหกรรม วิทยาลัย St.John's ของเรายังก้าวหน้าไปถึงขั้นมีหลักสูตร การสอนภาษาอังกฤษ เป็นภาษากลาง "Using English as a Medium Language" มีทั้งภาค 4 ปีและต่อเนื่อง 2 ปี มีทั้งภาคปกติและภาคค่ำ วันนี้มีนักเรียนตั้งแต่อนุบาล - วิทยาลัย 20,000 คน ครู 600 คน
นอกจากนั้น ในปีนี้เซนต์จอห์นเรายังมีของดีพิเศษอีกคือ มี office ของมหาวิทยาลัย cambridge ที่จัดเรื่องการสอบ PETเป็น Examination Syndicate มีสถานสอนภาษาอังกฤษชั้นยอดจากอังกฤษชื่อ The Bell ทั้งดีทั้งแพงสุดยอด เรายังส่งเสริมภาษาฝรั่งเศสโดยให้มี office ของ Alliance Francaise มีห้องให้นักเรียนเรียนกับอาจารย์ชาวฝรั่งเศส เหมือนสมาคมฝรั่งเศสที่สาธรกรุงเทพ นักเรียนชั้น ม.4-5-6 เรายังได้รับการสอนจากอาจารย์ชาวฝรั่งเศสตรง จากสมาคมฝรั่งเศส นอกจากนั้นระดับอุดมศึกษาจากเซนต์จอห์น ยังได้รับความช่วยเหลือจาก British Columbia Canada ส่งอาจารย์มาช่วยสอนระดับมหาวิทยาลัย ที่พิเศษอีกเรื่องหนึ่งข้าพเจ้าได้เป็นผู้รับใบอนุญาตให้เปิดอบรม Course Dale Carnegie จาก New York หลังจากได้พยายามปูพื้นฐานมาแล้ว 2 ปี ลงทุนไปราว 2 ล้านบาท ผู้เดียวในประเทศไทยอันเป็นประเทศที่ 69 ที่ได้ใบอนุญาตนี้ นับเป็นนิมิตดีที่จะเป็นศูนย์อบรมบุคคลภายในประเทศไทยให้มีอุดมการณ์ตามปรัชญา เดล คาร์เนกี้ ว่า "วิธีผูกมิตรและจูงใจคน - วิธีดับทุกข์และสร้างสุข"
อนึ่งในวันที่ 30 พฤศจิกายน 1991 มีการเซ็นสัญญาความร่วมมือระหว่างสถาบันเซนต์จอห์น กับสถาบัน Bell แห่งประเทศอังกฤษ เป็นสัญญาเริ่มโครงการเปิดโรงเรียนเซนต์จอห์นนานาชาติขึ้นในอาณาบริเวณโรงเรียนเซนต์จอห์น ปัจจุบันเด็กนักเรียนไทยตั้งแต่ระดับประถม ก็สามารถสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติเซนต์จอห์นได้ นับเป็นข่าวดีแก่ผู้ปกครองของนักเรียน
ข้าพเจ้าอยากให้สถาบันเซนต์จอห์นยั่งยืนไปเป็นร้อยร้อยปี เหมือนความคิดของลูกๆ ข้าพเจ้า อยากให้ผู้มีความศรัทธาในการศึกษา ได้มีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ โดยเป็นบริษัทมหาชน ขณะนี้กำลังยื่นขอเข้าตลาดหลักทรัพย์ และได้รับการพิจารณาหากเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ สถาบันการศึกษาเซนต์จอห์นจะรุ่งโรจน์ อย่าบอกใครเชียว!! ข้าพเจ้าได้วางบุคคลไว้ทุกจุด อันจัดเป็นแกนของสถาบัน ได้สร้างอาคารไว้อย่างมั่นคงและสวยงาม แต่เสาเข็มที่เป็นฐานอันมั่นคงของ St. John's ก็คืออุดมการณ์ของเราทุกคนที่ว่า "SAPIENTIA SCIENTIA SANCTITIAS" (ความฉลาด-ความรู้-ความศักดิ์สิทธิ์) และ "VIRTUS SOLA NOBILITAT" (คุณธรรมอย่างเดียวเท่านั้นที่ทำให้มนุษย์มีเกียรติ)
-
- Verified User
- โพสต์: 1717
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 15
ต้องขอโทษเพื่อนๆด้วยครับ.. ที่หยุดไป นึกว่าหลับแล้ว.. วันนี้เรามาต่อกันครับ..
เมื่อข้าพเจ้าคิดตั้งโรงเรียน เมื่อ 30 ปีที่แล้ว (พ.ศ. 2504) ข้าพเจ้าแสวงหานามชื่ออันเป็นมงคล ซึ่งก็คิดตามประสาคนนับถือศาสนาคริสต์ ก็คงไม่พ้นชื่อนักบุญ ในฐานะที่ข้าพเจ้ากำลังดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ก็น่าที่จะเริ่มนามอันเป็นสิริมงคลว่า เซนต์ (SAINT) อันแปลว่า นักบุญ หรือ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ชื่อเซนต์จอห์นก็จะได้เป็นอนุสรณ์ถึงโรงเรียนเก่า และที่ทำงานที่ข้าพเจ้าอยู่ถึง15 ปี ได้ดิบได้ดีมาจากที่นี่
การเริ่มโฆษณาก็อาศัยชื่อ อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ด้วยความภาคภูมิใจ และรู้สึกเป็นเกียรติอันชอบธรรม กฎเกณฑ์ ระเบียบ แบบแผน ตลอดจนเครื่องแบบของนักเรียนชายก็ลอกแบบมาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียลทั้งสิ้น มาเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง และงดเว้นบางข้อบางประการ เพื่อความเหมาะสมแก่สถานภาพของโรงเรียนใหม่ และซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเซนต์จอห์น เพราะฉะนั้น จิตตารมณ์ในการบริหารโรงเรียนก็พยายามตาม MOTTO ของเซนต์คาเบรียลที่ว่า "LABOR OMNIA VINCIT" (งานหนักชนะทุกสิ่ง) ส่วน MOTTO ของโรงเรียนเซนต์จอห์นก็มีว่า "SAPIENTIA SCIENTIA SANCTITIAS" (ความปรีชาฉลาด ความรู้ ความศักดิ์สิทธิ์)
การเป็นครูโรงเรียนเซนต์คาเบรียล นอกจากได้รับเงินเดือนเลี้ยงชีพและครอบครัวแล้ว ยังได้เงินพิเศษจากการสอนพิเศษ ยิ่งกว่านั้น ยังได้มีโอกาสเพิ่มพูนความรู้ และสอบเลื่อนวิทยฐานะสูงขึ้นทุกปี พร้อมกับความมีประสบการณ์นานาชนิด เกี่ยวกับการบริหารโรงเรียน ตามแนวของคณะนักบวช ภารดาเซนต์คาเบรียลอัสสัมชัญ การตรงต่อเวลา การป่วย สาย ลา ขาด เป็นเรื่องของท่านอธิการเป็นพิเศษ ที่เอาใจใส่อย่างละเอียดละออที่สุดในการพบเด็ก ไถ่ถามเหตุผลและติดตาม และลงโทษตลอดจนจำหน่ายชื่อออกจากโรงเรียน ครั้งหนึ่งท่านอธิการ Hubert ได้จำหน่ายนักเรียนที่มาสายเป็นประจำตลอดปี เป็นจำนวนถึง 20 กว่าคน ยิ่งทางโรงเรียนกวดขันนักเรียนมากเท่าไร ผู้ปกครองก็ยิ่งนำบุตรหลานมาฝากทวีจำนวนสูงขึ้นทุกที ข้าพเจ้าเล่าถึงความยากลำบาก ของการสมัครเข้าโรงเรียนเซนต์คาเบรียล เมื่อ 30 ปีที่แล้ว สาเหตุอะไรขณะนี้ ความลำบากจะเพิ่มขึ้นเป็นอีก 30 เท่าเป็นแน่แท้
เมื่อข้าพเจ้าคิดตั้งโรงเรียน เมื่อ 30 ปีที่แล้ว (พ.ศ. 2504) ข้าพเจ้าแสวงหานามชื่ออันเป็นมงคล ซึ่งก็คิดตามประสาคนนับถือศาสนาคริสต์ ก็คงไม่พ้นชื่อนักบุญ ในฐานะที่ข้าพเจ้ากำลังดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ก็น่าที่จะเริ่มนามอันเป็นสิริมงคลว่า เซนต์ (SAINT) อันแปลว่า นักบุญ หรือ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ชื่อเซนต์จอห์นก็จะได้เป็นอนุสรณ์ถึงโรงเรียนเก่า และที่ทำงานที่ข้าพเจ้าอยู่ถึง15 ปี ได้ดิบได้ดีมาจากที่นี่
การเริ่มโฆษณาก็อาศัยชื่อ อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ด้วยความภาคภูมิใจ และรู้สึกเป็นเกียรติอันชอบธรรม กฎเกณฑ์ ระเบียบ แบบแผน ตลอดจนเครื่องแบบของนักเรียนชายก็ลอกแบบมาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียลทั้งสิ้น มาเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง และงดเว้นบางข้อบางประการ เพื่อความเหมาะสมแก่สถานภาพของโรงเรียนใหม่ และซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเซนต์จอห์น เพราะฉะนั้น จิตตารมณ์ในการบริหารโรงเรียนก็พยายามตาม MOTTO ของเซนต์คาเบรียลที่ว่า "LABOR OMNIA VINCIT" (งานหนักชนะทุกสิ่ง) ส่วน MOTTO ของโรงเรียนเซนต์จอห์นก็มีว่า "SAPIENTIA SCIENTIA SANCTITIAS" (ความปรีชาฉลาด ความรู้ ความศักดิ์สิทธิ์)
การเป็นครูโรงเรียนเซนต์คาเบรียล นอกจากได้รับเงินเดือนเลี้ยงชีพและครอบครัวแล้ว ยังได้เงินพิเศษจากการสอนพิเศษ ยิ่งกว่านั้น ยังได้มีโอกาสเพิ่มพูนความรู้ และสอบเลื่อนวิทยฐานะสูงขึ้นทุกปี พร้อมกับความมีประสบการณ์นานาชนิด เกี่ยวกับการบริหารโรงเรียน ตามแนวของคณะนักบวช ภารดาเซนต์คาเบรียลอัสสัมชัญ การตรงต่อเวลา การป่วย สาย ลา ขาด เป็นเรื่องของท่านอธิการเป็นพิเศษ ที่เอาใจใส่อย่างละเอียดละออที่สุดในการพบเด็ก ไถ่ถามเหตุผลและติดตาม และลงโทษตลอดจนจำหน่ายชื่อออกจากโรงเรียน ครั้งหนึ่งท่านอธิการ Hubert ได้จำหน่ายนักเรียนที่มาสายเป็นประจำตลอดปี เป็นจำนวนถึง 20 กว่าคน ยิ่งทางโรงเรียนกวดขันนักเรียนมากเท่าไร ผู้ปกครองก็ยิ่งนำบุตรหลานมาฝากทวีจำนวนสูงขึ้นทุกที ข้าพเจ้าเล่าถึงความยากลำบาก ของการสมัครเข้าโรงเรียนเซนต์คาเบรียล เมื่อ 30 ปีที่แล้ว สาเหตุอะไรขณะนี้ ความลำบากจะเพิ่มขึ้นเป็นอีก 30 เท่าเป็นแน่แท้
-
- Verified User
- โพสต์: 1717
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 17
ที่จริง..ผมอยากให้มีการ Discuss กันในระหว่างที่ Break เพราะอรรถรสของแต่ละบทนั้น
มันมีความหลากหลายอยู่ในนั้น.. เหมือนตอนโฆษณา เราก็วิพากษ์วิจารณ์
ไปตามความรู้สึก นึกคิดของแต่ละคน แบบนี้จะทำให้ สนุกตื่นเต้นดีซะอีก เพื่อนๆคิดว่าดีมั้ยครับ..
มันมีความหลากหลายอยู่ในนั้น.. เหมือนตอนโฆษณา เราก็วิพากษ์วิจารณ์
ไปตามความรู้สึก นึกคิดของแต่ละคน แบบนี้จะทำให้ สนุกตื่นเต้นดีซะอีก เพื่อนๆคิดว่าดีมั้ยครับ..
- mtidus
- Verified User
- โพสต์: 37
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 18
8) ผมก็เคยหิ้วกระเช้าไปให้ผู้ใหญ่ที่แบ๊งค์กรุงเทพMatrix เขียน:ที่สุดทำ Project เสนอนายห้าง ชิน โสภณพนิช โดยความช่วยเหลือของเลขาหนุ่มที่นัดให้พบและด้วยน้ำใจไมตรี และความสงสารของ คุณวีระ รมยะรูป ที่จูงมือเข้าขอพบนายห้าง ขอกู้เงิน 12 ล้านบาท เพื่อชำระคืนแก่เจ้าหนี้เดิม นายห้างชิน นัดให้มาพบใหม่ภายใน 7 วัน คุณบุญชู โรจนเสถียร ผู้จัดการใหญ่ ได้ประชุมคณะกรรมการ ไม่อนุมัติ ข้าพเจ้าไปหานายห้างตามนัด ได้รับคำตอบว่า ไม่ได้ ข้าพเจ้าขอ "นายห้างช่วยผมด้วยครับ" คุณชินนัดอีก 7 วัน คุณบุญชูประชุม ไม่ได้อีก นายห้างบอกข้าพเจ้าว่าไม่สำเร็จ ข้าพเจ้าขอ "นายห้างช่วยผมด้วยเถิดครับ" นายห้างนัดใหม่เป็นครั้งที่ 3 ข้าพเจ้าไปพบพร้อมกับ คุณวีระ รมยะรูป นายห้างตอบว่า คุณบุญชู ประชุมแล้วไม่อนุมัติ ข้าพเจ้าขอ "นายห้างให้ช่วยผมด้วย" นายห้างนัดให้มาอีก 3 วันต่อมาข้าพเจ้าไปพบนายห้างจ้องหน้าข้าพเจ้าครู่หนึ่ง แล้วบอกว่า "ผมช่วยคุณสมัย"
ตอนปีใหม่
ตอนนั้นคุณชาติสิริ ยังฝึกงานเป็นหัวหน้าแผนก
นั่งอยู่ทีสีลมซอย3 นั่นแหละ
ห้องทำงานเล็กนิดเดียว
พวกผู้ใหญ่แบ๊งค์นี่เขาชอบขอหุ้นครับ
เขาเห็นธุรกิจดีๆเยอะ
ปล่อยกู้ด้วย ขอหุ้น5-10%ด้วย
หุ้นเงินนะครับ ไม่ใช่หุ้นลม พวกนี้เขาไม่ใช่มาเฟีย
บางธุรกิจ คุณอยากได้หุ้นแต่เขาไม่อยู่ในตลาด
คุณก็ไม่รู้จะไปซื้อที่ไหน ใช่ไหมครับ
พี่แมทผมทำหน้าที่แล้วนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1717
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 19
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วนะครับ.. ว่า ค่าแป๊ะเจี๊ยะแรกเข้า "เซนต์ คาเบรียล " แพงขนาดไหนเมื่อปี พ.ศ.2503 ขณะที่ข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ใหญ่ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ข้าพเจ้ามีความคิดในการสร้างโรงเรียนด้วยเหตุผลหลายประการ ประการแรก สงสารเด็กที่มาสมัครเข้าโรงเรียนเซนต์คาเบรียลไม่ได้
อยากทราบจังว่า สมัยนั้น ค่าแป๊ะเจี๊ยะเท่ไหร่ ตอนนี้ล่าสุดได้ยินมาว่า " 200 k up " แล้ว
ทำให้คนที่อายุใกล้เคียง เริ่มมีกำลังใจที่จะสู้แล้วซี..ขณะที่ข้าพเจ้าคิดและควานหาที่ตั้งโรงเรียน ในปี พ.ศ. 2503 นั้น ข้าพเจ้าอายุ 38 ปี มีลูกคนที่ 4 (ฤดีทิพย์) แล้ว
พี่พอใจ.. คำนวณหน่อยครับ ว่าแถวนั้นราคาปัจจุบันเท่าไหร่แล้ว และคุ้มมั้ยด้วยเหตุผลบังเอิญในปลายปี พ.ศ.2503 ได้พบสำนักงานจัดสรรที่ดินแห่งหนึ่ง ที่ห้วยขวาง-กลางทุ่งติดกับ โรงเรียนจันทร์หุ่น ในปัจจุบัน และตกลงกันได้ในเนื้อที่ 20 ไร่ ไร่ละ 7 หมื่นบาท
ถ้าถือจนถึงตอนนี้..
คนสมัยนั้นเค้าใจดีเนอะ..หาไม่มีอีกแล้ว..โดยไม่ต้องวางมัดจำ ไม่ต้องทำสัญญาจะซื้อจะขาย เพียงตอบคำถามเจ้าของที่จัดสรรว่าจะซื้อไปสร้างโรงเรียนเซนต์จอห์น ตัวเองชื่อ สมัย ชินะผา อาจารย์ใหญ่โรงเรียนเซนต์คาเบรียลเท่านั้น ทุกอย่างก็เป็นอันตกลง
เจ้าของที่ดินจัดสรร เค้าใจดี โฆษณาให้อีกด้วย.. เหมือนสมัยนี้รึเปล่า..ไม่กี่วันต่อมา ต้นปี พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) โรงเรียนเซนต์จอห์นก็ถูกโฆษณาอย่างหรูหรา จากเจ้าของที่จัดสรร ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ ทำให้คนสนใจมาซื้อที่ดินและนำบุตรหลานมาติดต่อกันมากมาย
ท่านเรียกไปอวยพร.. อาเมนท่านอธิการได้เรียกไปคุยและต่อว่า ว่าทำไมไม่ปรึกษาก่อน ข้าพเจ้าไม่มีคำตอบ ท่านก็ถามว่ามีเงินหรือเปล่า ข้าพเจ้าเรียนตอบว่า ไม่มีมีที่ดินหรือเปล่า ไม่มีครับ มี Sponsor หรือเปล่า ไม่มีครับ งั้นก็ Bankrupt ข้าพเจ้าฟังด้วย (ความ Ignorentia)
ท่านคิดเล็ก ไม่คิดใหญ่..เราคิดเริ่มเพียงอาคารคูหาเดียว มีเด็กเพียงสัก 7 คน จะไม่สำเร็จเชียวหรือ นอกจากนั้นข้าพเจ้ามีประสบการณ์เป็นครูมาตั้งแต่อายุ 17 ที่บ้านนอก เป็นทั้งครูน้อย ครูใหญ่ และผู้จัดการ เมื่ออายุ 22 ปี ก็มาเริ่มเป็นครูน้อยที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล 13 ปี จนได้ตำแหน่งเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล
อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเล ร้อยเอ็ด เจ็ดย่านน้ำมาแล้ว ไม่สำเร็จให้รู้ไป นักเรียนแค่ 7 คนเองจนกระทั่งเมื่ออายุ 35 ปี ก็ได้สอบชิงทุน British Council ไปเรียนที่ Institute Education ที่มหาวิทยาลัย London ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นและเชื่อมือตนเอง กล้าหาญพอที่จะเผชิญต่ออนาคตอย่างเด็ดเดี่ยวและสู้ตาย ต้องการเริ่มจากเด็ก 7 คน เพียงอาคารคูหาเดียวจะไม่สำเร็จเชียวหรือ
ต้องจดลอกไว้เลียนแบบ..ดังนักปราชญ์ชาวฝรั่งเศสท่านกล่าวไว้ว่า เราจงคิดเรื่องง่ายเรียบ เราจงเริ่มต้นด้วยเรื่องง่ายเรียบและเราจงจำไว้เสมอว่าบ่อยครั้งทีเดียว ของธรรมดาเรียบง่ายนั้น แทนที่จะเป็นของหาง่าย โชคชะตากลับเล่นตลกทำให้เป็นของหายากที่สุดเหมือนเพชร"
-
- Verified User
- โพสต์: 1717
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 21
จากชาวนา กลายเป็นนักเก็งกำไร..ชาวนารอบที่จัดสรรมองเห็นการณ์ไกล ไม่ยอมขายที่ดิน ซึ่งเป็นทางออกของโรงเรียน ตามแผนที่ประกาศไว้
อ้าว... ท่านคงท่องสูตรคูณเพลิน จาก 7 กลายเป็น 280 = 40 เด้งข้าพเจ้าและน้องชายตัดสินใจทิ้งเรือ ย้ายมาสร้างที่ตลาดหมอชิต ปากซอยวัดไผ่ตัน สะพานควาย เหลือเวลาอีกเพียง 12 วัน 12 คืนก็จะถึง 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2504 ซึ่งเป็นวันเปิดเทอมได้พยายามสร้างอาคารชั่วคราว ทั้งคืนทั้งวัน เป็นอาคารไม้ยกพื้น 1 เมตร 12 ห้องเรียน รับนักศึกษาได้ 280 คน มีอนุบาล ประถม ป.1-ป.4 และ ม.1-ม.6
โถ.. มิน่าเล่า ถึงใจดีขนาดนั้น..วันที่ 17 พฤษภาคม เปิดเรียน เจ้าหน้าที่ระดับอธิบดีโรงเรียนราษฎร์ได้มาแสดงความยินดีทั้งๆ ที่มิได้ขออนุมัติย้าย และมิได้ขออนุญาตสร้างจากกระทรวงฯ และกทม. (จะขออะไรทันล่ะ! กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เงินก็ไม่มี เด็กก็น้อย ที่ดินก็ไม่มี) ที่ก่อสร้างอยู่นี้ก็ได้รับการอนุเคราะห์จากผู้ปกครองผู้หนึ่งที่ให้มาสร้างโรงเรียน ซึ่งมาทราบภายหลังว่าเป็นที่ติดขายฝาก กำลังจะหลุด
มึนตึ๊บ.. เป็นลมดีกว่า..เมื่อสร้างเสร็จจึงมีนายธนาคารคนหนึ่งมาส่งเสียงเอ็ดตะโรว่า "ใครวะมาสร้างโรงเรียนนี้ โดยไม่บอกอั๊ว!"
-
- Verified User
- โพสต์: 1717
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 22
ที่ตรงนี้แหละครับ.. ยิ่งกว่าทำเลทอง..บังเอิญมาได้ที่ตรงปัจจุบันนี้ห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งขณะนั้นมีธงแดงปักเป็นทิวเพื่อเตรียมตัดถนน High Way วิภาวดี-รังสิต
มีศรีภรรยาที่ดี ...คอยให้กำลังใจ.. และสนับสนุน...ขายให้ด้วยราคาและเงื่อนไขมิตรภาพมากที่สุด หลายล้านบาทเป็นเงินผ่อนด้วยการขอร้องวางมัดจำเพียงเข็มขัดทองเส้นเดียว ราคาหมื่นบาท ซึ่งข้าพเจ้าขอมาจาก คุณซาแลน ภรรยาของข้าพเจ้าเอง ซึ่งมิได้เอ่ยปากแม้แต่คำเดียวทั้งๆ ที่มีลูกเล็กๆ 4 คน
ถ้าลูกรู้..ผมว่าคงร้องไห้แน่เลย..ด.ญ.รวงกาญจนา 7 ขวบ ด.ช.จุฬาเกษม 4 ขวบ เทมส์นที 2 ขวบ และลูกน้อยฤดีทิพย์ 11 เดือน เด็กตาดำๆ เหล่านี้ ไม่รู้เดียงสาอะไร ว่าพ่อของเขากำลังสู้กับเสือด้วยมือเปล่า!
น่านับถือ..ในความเป็นนักสู้จริงๆ..กู้เงินยืมเงิน ดอกเบี้ยเท่าไรไม่ว่า ใช้เช็คค้ำประกัน 5%, 7% ไม่ต้องคำนึงทั้งซื้อ ทั้งสร้างไม่เคยกลับบ้านก่อนเที่ยงคืนราว10 ปี
โอ้..ว้าว นั่นมัน..เกือบ 650 เด้ง นะนั่นน่ะ..17 พฤษภาคม พ.ศ. 2505 ย้ายโรงเรียนจากตลาดหมอชิตมาลาดพร้าว มีนักเรียนเพิ่มเป็น 2,500 คน ปี พ.ศ. 2506-นักเรียน 3,500 คน ปี พ.ศ. 2507-นักเรียน 4,500คน
คราวนี้เป็น พยัคฆ์ติดปีก มังกรเหินหาว แล้ว..เป็นหนี้เพิ่มทุกปีไม่มี Master Plan การหมุนเงิน เริ่มจากธนาคารทหารไทยโดย คุณสุขุม นวพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ได้มาสำรวจและอนุมัติเริ่มด้วยเงินแสนจนเป็นหลายแสน และจากหลายแสนเป็นล้าน และจาก1ล้านบาทเป็นหลายล้าน จนถึง 10 ล้านบาท ข้าพเจ้านำชีวิตเข้าประกันหนี้ด้วยการซื้อกรมธรรม์ 30 ล้านบาท
เอ.. สมัยนี้เค้าเรียก NPL รึเปล่า น๊า..รายได้มากแต่ดอกเบี้ยมากกว่า เพราะค่าเล่าเรียนถูก และถูกระเบียบกระทรวงฯอันเป็นเวลาไม่มีกำหนด จนเกิดวิกฤตการณ์ Cheque เด้งบ่อยครั้ง มีครั้งหนึ่งเด้งพร้อมกันวันเดียว 21ใบ 21เจ้าของ ซึ่งถูกผัดผ่อนมาหลายครั้งเต็มที เจ้าหนี้มา 21ราย พร้อมด้วยตำรวจ 6 นาย ข้าพเจ้าแต่งกายเต็มที่ทานอาหารอิ่มแต่เช้า-เตรียมรับศึกบุกหนัก
งง ....ทำไงหว่า..(ใช้หลักของกรีกชนะ SPARTA) เจ้าหนี้ทุกคนทยอยกันกลับด้วยความอิ่มใจในความปรานี ผ่อนผันให้กับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้โผล่ขึ้นหายใจอีกครั้งหนึ่ง "พระเป็นกำลังของข้าพเจ้า
-
- Verified User
- โพสต์: 1717
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 23
ปีละ 10 เด้ง.. ผมว่ามันคุ้มนา มีอะไรจะได้มากขนาดนี้อีก..เมื่อก่อนซื้อได้400ตรว.
ก็ได้แค่400ท่วมเองครับ
แฮะ...พี่ว่าคุ้มไหมละครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1717
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 24
ค่าแรง จนท.วิเคราะห์สมัยก่อน ก็ไม่เบานะ.. ผลออกมาก็..ขายทิ้ง ง่ายดี..เหมือนปัจจุบันเปี๊ยบเลย ทีหลังใครมีปัญหา..ไม่ต้องจ้าง ขายลูกเดียว..แก้ได้ชัวร์..ข้าพเจ้าจ้างเจ้าหน้าที่วิเคราะห์สินเชื่อจากธนาคารกรุงเทพ ให้ประเมินจุดยืนของเซนต์จอห์นเป็นเงินแสนบาทสมัยนั้น วิเคระห์ออกมาว่า รายจ่ายเกินรายรับ อยู่ไม่ได้ ต้องเฉือนที่บางส่วนขาย ได้ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ Bangkok Post 3 เดือน ไม่มีใครสนใจ แม้โทรศัพท์ก็ไม่มีใครโทร.ถาม ขายไม่ได้!
คำพูด..แบบ คิดได้ไง ..เนี๊ยะเสนอขายกิจการโรงเรียนทั้งหมด ให้แก่รัฐบาลถึง 2 สมัย ได้รับคำตอบว่า ถ้ารัฐซื้อโรงเรียนเซนต์จอห์น คงต้องซื้อโรงเรียนราษฎร์ทั่วประเทศ
เหตุการณ์แบบนี้ ...วจี แบบนี้... ช่างเหมาะเจาะ จริงแท้แน่เลย...วิกฤติการณ์อีกครั้งเมื่อท่านรมต.มล.ปิ่น มาลากุล ประชุมอธิบดีทั้งหลายตกลงให้เปลี่ยนชื่อ St.John เป็นชื่อไทย ข้าพเจ้าจำใจจำยอม คิดแล้วคิดอีก หาทางออกทุกวิถีทางที่จะขอชื่อเดิมไว้ ได้ไปขอร้องท่านอธิบดีด้วยกระเช้า Apples ก็ถูกไล่ออกจากบ้านด้วยอาการโกรธา ได้ไปหาท่านรัฐมนตรีถึงบ้านพร้อมด้วยขวดเหล้า Contreau ก็ถูกคุณหญิงไล่ให้ไปกระทรวงฯ หันหน้าไปหาใครก็ไม่มีใครช่วย "When you laugh, the world will laugh with you, when you cry, you'll cry alonel"
ต้องจด.. จด.. .. เอาไว้ใช้บ้าง...ข้าพเจ้ายังไม่ท้อถอย เพียงถอยมาตั้งหลักว่าจะทำอย่างไรดี สวดมนต์ว่า "DOMINUS ILLUMINATIO MEA DOMINUS FORTITUDO MEA." (พระเป็นแสงสว่างของข้าพเจ้า, พระเป็นกำลังของข้าพเจ้า)
อืม.. ท่านใช้เคล็ดวิชา อ่อนน้อม กล่อมศัตรู นับถือ ๆในห้องของสิงโตที่กระทรวงฯ ข้าพเจ้าเดินเข้าไปกราบเท้าท่าน รมต.ที่พื้นพรมสีแดงขอความเมตตาคำเดียว ท่านดึงแขนเชิญนั่ง เงียบอยู่ 3 นาที...แล้วข้าพเจ้าก็ลงกราบที่เท้าอีกครั้ง ขอลาท่านด้วย ท่านเดินไปส่งที่ประตู ข้าพเจ้าเงยหน้ายกมือไหว้เหลือบเห็นนัยน์ตาของท่าน มีน้ำตาคลอหน่วยไหลลงที่แก้ม!
เอ้า..จด จด อ้าปากค้างอยู่นั่นแหละ..จดข้าพเจ้าไม่ได้ชนะ ท่าน รมต.ไม่ได้แพ้! เพียงแค่ "พระทำอัศจรรย์โดยใช้วิธีการของมนุษย์" ตามที่นักบุญ Cottolango เขียนไว้เมื่อ 200 ปีที่แล้วที่เมืองตุริน อิตาลี ว่า "God always makes miracles by human means
-
- Verified User
- โพสต์: 1717
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 25
ไม่กลัวก็เกินไปแล้วล่ะ..ถูกเจ้าหนี้ทวงเงิน 12 ล้านบาท โดยให้เวลาภายใน 30 วัน ข้าพเจ้าขอ12 เดือน ไม่ได้ 30 วัน ข้าพเจ้าขอ 6 เดือน ไม่ได้ 30 วัน ข้าพเจ้าขอ 90 วัน ไม่ได้ 30 วัน ข้าพเจ้าขอ 60 วัน - 45 วัน ไม่ได้ 30 วัน ข้าพเจ้างง! กลับโรงเรียนทราบจากคนภายในสำนักงานเจ้าหนี้ว่าเขาวางตัวยึดกิจการโรงเรียนเซนต์จอห์นไว้เรียบร้อยแล้ว มีเจ้าหน้าที่ควบคุมหน่วยต่างๆ อย่างรัดกุมและเคร่งครัด ขอสารภาพว่าได้เกิดความกลัวขึ้นเป็นอันมาก!
นี่เป็นเคล็ดวิชาการกู้เงิน ครับ.. ใครถอดใจถอย รับรอง....อด จำไว้..นายห้างชิน นัดให้มาพบใหม่ภายใน 7 วัน คุณบุญชู โรจนเสถียร ผู้จัดการใหญ่ ได้ประชุมคณะกรรมการ ไม่อนุมัติ ข้าพเจ้าไปหานายห้างตามนัด ได้รับคำตอบว่า ไม่ได้ ข้าพเจ้าขอ "นายห้างช่วยผมด้วยครับ" คุณชินนัดอีก 7 วัน คุณบุญชูประชุม ไม่ได้อีก นายห้างบอกข้าพเจ้าว่าไม่สำเร็จ ข้าพเจ้าขอ "นายห้างช่วยผมด้วยเถิดครับ" นายห้างนัดใหม่เป็นครั้งที่ 3 ข้าพเจ้าไปพบพร้อมกับ คุณวีระ รมยะรูป นายห้างตอบว่า คุณบุญชู ประชุมแล้วไม่อนุมัติ ข้าพเจ้าขอ "นายห้างให้ช่วยผมด้วย" นายห้างนัดให้มาอีก 3 วันต่อมาข้าพเจ้าไปพบนายห้างจ้องหน้าข้าพเจ้าครู่หนึ่ง แล้วบอกว่า "ผมช่วยคุณสมัย"
เค้าเรียกว่า.. ลูกค้าชั้นดี มีแบ๊คหนุน..ครับรุ่งขึ้นข้าพเจ้านำ Cashier Cheque 12 ล้าน พร้อมด้วยกระเช้าดอกไม้ที่ใหญ่และสวยและแพงที่สุดไปกราบขอบคุณเจ้าหนี้ ได้รับคำชมเชยว่า ตั้งแต่เห็นลูกค้ามายังไม่เคยเจอแบบคุณสมัยนี้เลย ขาดเหลืออะไรเชิญมาคุยกันได้อีกเสมอ
-
- Verified User
- โพสต์: 1717
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 26
อาจารย์ ทินวัฒน์ มฤคพิทักษ์ ก็ไปเทค Course ที่ Dale Carnegie ที่นี่มา แต่คนละ Course กัน ได้ข่าวว่าแพงมาก..ข้าพเจ้าได้เป็นผู้รับใบอนุญาตให้เปิดอบรม Course Dale Carnegie จาก New York หลังจากได้พยายามปูพื้นฐานมาแล้ว 2 ปี ลงทุนไปราว 2 ล้านบาท ผู้เดียวในประเทศไทยอันเป็นประเทศที่ 69 ที่ได้ใบอนุญาตนี้
โรงเรียน Inter ที่กำลัง Hit ในสมัยนี้นี่เอง... สายตาท่าน แหลมคมยาวไกลจริงๆในวันที่ 30 พฤศจิกายน 1991 มีการเซ็นสัญญาความร่วมมือระหว่างสถาบันเซนต์จอห์น กับสถาบัน Bell แห่งประเทศอังกฤษ เป็นสัญญาเริ่มโครงการเปิดโรงเรียนเซนต์จอห์นนานาชาติ
เอ.. โรงเรียนเซนต์จอห์น จะรุ่งโรจน์.. ผมเชื่อ แต่ราคาจะรุ่งโรจน์หรือเปล่านี่ สงสัยอยู่...อย่าบอกใครเชียวขณะนี้กำลังยื่นขอเข้าตลาดหลักทรัพย์ และได้รับการพิจารณาหากเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ สถาบันการศึกษาเซนต์จอห์นจะรุ่งโรจน์ อย่าบอกใครเชียว!!
ต้องมี จริยธรรม ด้วยครับ ท่าน... เอ.. ภาษากรีก ว่าไงหว่า..."VIRTUS SOLA NOBILITAT" (คุณธรรมอย่างเดียวเท่านั้นที่ทำให้มนุษย์มีเกียรติ)
-
- Verified User
- โพสต์: 1717
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 27
มาต่อกันดีกว่าครับ...
เมื่อปี พ.ศ. 2500 ข้าพเจ้าสอบได้ปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในปีต่อมาก็เรียนครุศาสตร์ที่ จุฬาฯ และได้ปริญญาครุศาสตร์อีกปริญญาหนึ่ง ได้รับบุญคุณจากโรงเรียนโดยได้ตารางสอนน้อยกว่าสัปดาห์ละ 16 ชั่วโมง สามารถขับรถไป-กลับ มาฟังเลคเชอร์ และสอนเรียนบางชั่วโมงได้คล่องตัว สมัยนี้คงหมดสิทธิ์ เพราะการจราจรมหาโหด!!
โรงเรียนเซนต์คาเบรียลยังได้กรุณาให้เงินเดือนแก่ข้าพเจ้าเดือนละ 600 บาท ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ข้าพเจ้าสอบชิงทุน BRITISH COUNCIL ไปเรียนที่มหาวิทยาลัย London ประเทศอังกฤษ เรื่องการบริหารโรงเรียน ตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ก็ยังคงเก็บไว้ให้ การอนุเคราะห์เรื่องให้ยืมเงิน 10,000 บาท เพื่อเป็นเงินสินสอดแต่งงาน หลานชายของข้าพเจ้าหลายคนที่เป็นกำพร้าและขาดแคลน ทางคณะเซนต์คาเบรียลก็ได้กรุณารับไว้อุปการะในฐานะเด็กกำพร้า ที่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชาตลอดหลายปี จนข้าพเจ้าตั้งโรงเรียนมีหลักฐาน จึงรับหลานๆเหล่านั้นมาเรียนที่เซนต์จอห์น
คงไม่ลืมที่จะทบทวนความทรงจำที่มีความสุข เมื่อครั้งข้าพเจ้าอายุ 16 ปี คุณพ่อบาทหลวง ปีโอ เจ้าอาวาสวัดแม่พระประจักษ์ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งได้ฝากข้าพเจ้าให้เข้าเรียนในฐานะเด็กขาดแคลน ที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ซึ่งรับนักเรียนประจำ 80คน มีเด็กกำพร้าและขาดแคลนราว 20คน ข้าพเจ้าอยู่ในกลุ่มหลังนี้ จำได้ว่าทุกวันอาทิตย์หลังอาหารเช้าแล้ว บราเดอร์ ผู้มีหน้าที่แจกเงินค่าขนมประจำสัปดาห์ ได้ให้พวกเราเข้าแถว 2 แถว แถวที่1 จำนวน 20 คนเป็นพวกเด็กขาดแคลน ข้าพเจ้าอยู่ปลายแถว เพราะเรียนอยู่ชั้น ม.6 คนเดียว อันเป็นชั้นสูงสุด อีกแถวหนึ่ง 60 คน รับแจกเงินคนละ 7 บาท วันละบาท ส่วนพวกเด็กแถว 20 คน ได้รับคนละ 35 สตางค์ ต่อสัปดาห์ตกวันละ 5 สตางค์ ข้าพเจ้ารำลึกด้วยใจเป็นสุข เมื่อหวนนึกถึงภาพเข้าแถวรับสตางค์เบี้ยเลี้ยง ประจำสัปดาห์ดังกล่าวนี้ ตลอดระยะเวลา ตั้งแต่ 17 พฤษภาคม จนถึง 19 มกราคม พ.ศ. 2485
เมื่อปี พ.ศ. 2500 ข้าพเจ้าสอบได้ปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในปีต่อมาก็เรียนครุศาสตร์ที่ จุฬาฯ และได้ปริญญาครุศาสตร์อีกปริญญาหนึ่ง ได้รับบุญคุณจากโรงเรียนโดยได้ตารางสอนน้อยกว่าสัปดาห์ละ 16 ชั่วโมง สามารถขับรถไป-กลับ มาฟังเลคเชอร์ และสอนเรียนบางชั่วโมงได้คล่องตัว สมัยนี้คงหมดสิทธิ์ เพราะการจราจรมหาโหด!!
โรงเรียนเซนต์คาเบรียลยังได้กรุณาให้เงินเดือนแก่ข้าพเจ้าเดือนละ 600 บาท ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ข้าพเจ้าสอบชิงทุน BRITISH COUNCIL ไปเรียนที่มหาวิทยาลัย London ประเทศอังกฤษ เรื่องการบริหารโรงเรียน ตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ก็ยังคงเก็บไว้ให้ การอนุเคราะห์เรื่องให้ยืมเงิน 10,000 บาท เพื่อเป็นเงินสินสอดแต่งงาน หลานชายของข้าพเจ้าหลายคนที่เป็นกำพร้าและขาดแคลน ทางคณะเซนต์คาเบรียลก็ได้กรุณารับไว้อุปการะในฐานะเด็กกำพร้า ที่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชาตลอดหลายปี จนข้าพเจ้าตั้งโรงเรียนมีหลักฐาน จึงรับหลานๆเหล่านั้นมาเรียนที่เซนต์จอห์น
คงไม่ลืมที่จะทบทวนความทรงจำที่มีความสุข เมื่อครั้งข้าพเจ้าอายุ 16 ปี คุณพ่อบาทหลวง ปีโอ เจ้าอาวาสวัดแม่พระประจักษ์ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งได้ฝากข้าพเจ้าให้เข้าเรียนในฐานะเด็กขาดแคลน ที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ซึ่งรับนักเรียนประจำ 80คน มีเด็กกำพร้าและขาดแคลนราว 20คน ข้าพเจ้าอยู่ในกลุ่มหลังนี้ จำได้ว่าทุกวันอาทิตย์หลังอาหารเช้าแล้ว บราเดอร์ ผู้มีหน้าที่แจกเงินค่าขนมประจำสัปดาห์ ได้ให้พวกเราเข้าแถว 2 แถว แถวที่1 จำนวน 20 คนเป็นพวกเด็กขาดแคลน ข้าพเจ้าอยู่ปลายแถว เพราะเรียนอยู่ชั้น ม.6 คนเดียว อันเป็นชั้นสูงสุด อีกแถวหนึ่ง 60 คน รับแจกเงินคนละ 7 บาท วันละบาท ส่วนพวกเด็กแถว 20 คน ได้รับคนละ 35 สตางค์ ต่อสัปดาห์ตกวันละ 5 สตางค์ ข้าพเจ้ารำลึกด้วยใจเป็นสุข เมื่อหวนนึกถึงภาพเข้าแถวรับสตางค์เบี้ยเลี้ยง ประจำสัปดาห์ดังกล่าวนี้ ตลอดระยะเวลา ตั้งแต่ 17 พฤษภาคม จนถึง 19 มกราคม พ.ศ. 2485
-
- Verified User
- โพสต์: 1717
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 28
อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งน่าจะเล่าให้ฟัง ณ ที่นี้คือเมื่อข้าพเจ้ามาจากบ้านนอก มาเป็นนักเรียนประจำมาถึงทำ Algebra 1 ข้อ และอ่านภาษาฝรั่งเศสให้อธิการ John ฟัง ท่านก็รับเข้าชั้น ม.6 เลย ทั้งๆที่ข้าพเจ้ามิได้สอบ ม.4 ม.5 ซึ่งข้าพเจ้าหาหนังสือมาอ่านมาเรียนเอง ขณะที่รอคอยโชคชะตาที่จะมีโอกาสได้เรียน เช่น เด็กมีเงิน มีทองทั้งหลาย ที่เดินผ่านสายตาทุกวัน ด้วยความหวังและความฝันอันสูงสุด ที่จะสอยดาว สอยเดือนซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่มันก็เป็นไปได้ เมื่อโรงเรียนเซนต์คาเบรียลได้อนุเคราะห์รับให้เข้าเรียน เพราะเห็นแก่บาทหลวงปีโอ ซึ่งคงจะอ้างเหตุผลว่า เมื่อจบแล้วจะได้ให้เป็นครู และช่วยวัด ช่วยโรงเรียนของวัดที่สองพี่น้อง ท่านผู้อ่านคงเกิดความรู้สึกว่าข้าพเจ้ามีวาสนาเหลือเกินที่ได้มาเรียนต่อ ณ โรงเรียนเซนต์คาเบรียลนี้เพราะฉะนั้น ถ้าข้าพเจ้าประพฤติตัวผิดระเบียบ จนถูกไล่ออกจากโรงเรียน ก็จะเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เสียใจและขายหน้าปานใดยิ่งกว่านั้น อนาคตจะดำมืดสนิททันที ถ้าเกิดเหตุถึงกับต้องถูกไล่ออก! สิ่งที่มิได้คาดฝันนี้ก็ได้เกิดขึ้นเพราะนิสัยเสียของข้าพเจ้าเอง
- Raphin Phraiwal
- Verified User
- โพสต์: 1342
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 29
ต้องมี จริยธรรม ด้วยครับmatrix เขียน:
รักในหลวงครับ
- Raphin Phraiwal
- Verified User
- โพสต์: 1342
- ผู้ติดตาม: 0
* * * ประวัติ เซนต์จอห์น * * *
โพสต์ที่ 30
ขอบคุณครับพี่คีนู ที่เอาบทความมาให้อ่าน พร้อมตั้งประเด็นต่างๆที่น่าสนใจ
เมื่อคืนกำลังอ่านอยู่ พอดีไฟดับเลยปิดคอมพ์ขึ้นนอนครับ
เมื่อคืนกำลังอ่านอยู่ พอดีไฟดับเลยปิดคอมพ์ขึ้นนอนครับ
รักในหลวงครับ