วางแผนอย่างไรก่อนตัดสินใจมีบุตรคนแรกครับ ...
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
วางแผนอย่างไรก่อนตัดสินใจมีบุตรคนแรกครับ ...
โพสต์ที่ 1
ถามประสบการณ์พี่ๆทุกท่านครับ
มีการวางแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร
เช่น แต่งงานมาแล้วกี่ปี ถึงควรมีบุตร
อีกอย่างได้ยินมาว่าฝ่ายหญิง ไม่ควรมีอายุมากนัก
ไม่อย่างนั้นลูกออกมาอาจมีความเสี่ยงมากขึ้น
อายุฝ่ายหญิงไม่ควรเกินกี่ปีครับ
แล้วถ้าหากทั้งคู่เป็นพนักงาน Office แบบนี้จะทำยังไงครับ
แล้วพี่ๆบางคน อาจจะเป็นคนที่บ้างาน
ซึ่งสิ่งที่ต้องการคือเวลาในการทำงานเต็มที่
มีการตัดสินใจอย่างไร ก่อนที่จะมีบุตรคนแรกครับ
ตัดสินใจยากมั้ยครับ ...
(อยากรับฟังไว้เป็นความรู้ครับ :D )
มีการวางแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร
เช่น แต่งงานมาแล้วกี่ปี ถึงควรมีบุตร
อีกอย่างได้ยินมาว่าฝ่ายหญิง ไม่ควรมีอายุมากนัก
ไม่อย่างนั้นลูกออกมาอาจมีความเสี่ยงมากขึ้น
อายุฝ่ายหญิงไม่ควรเกินกี่ปีครับ
แล้วถ้าหากทั้งคู่เป็นพนักงาน Office แบบนี้จะทำยังไงครับ
แล้วพี่ๆบางคน อาจจะเป็นคนที่บ้างาน
ซึ่งสิ่งที่ต้องการคือเวลาในการทำงานเต็มที่
มีการตัดสินใจอย่างไร ก่อนที่จะมีบุตรคนแรกครับ
ตัดสินใจยากมั้ยครับ ...
(อยากรับฟังไว้เป็นความรู้ครับ :D )
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
วางแผนอย่างไรก่อนตัดสินใจมีบุตรคนแรกครับ ...
โพสต์ที่ 2
แต่ละครอบครัว คงไม่เหมือนกันครับ
สภาพแวดล้อมก็แตกต่าง ยากที่จะเอาเป็นบรรทัดฐานได้
แต่อย่างหนึ่ง ที่ผมว่าพ่อแม่สมัยนี้ควรทำใจแต่แรก
คือเลี้ยงลูก อย่าหวังให้เขามาดูแลเราตอนแก่
แค่ไม่เป็นภาระก็ดีมากแล้ว
แนวทางการเลี้ยงลูก ควรตกลงเห็นด้วยในหลักการเดียวกัน
ตั้งแต่ก่อนมีลูก
ถ้าไม่เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้องตกลงกันให้ได้ว่า
ใครตัดสินใจเรื่องอะไร (เกี่ยวกับลูก)
ส่วนมาก ก็ให้ผู้หญิงตัดสินใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ครับ
เช่น เรียนที่ไหน กินอะไร เลี้ยงแบบไหนดี ฯลฯ
ส่วนผู้ชาย ควรตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ
เช่น เราควรประนามบุชในการก่อสงครามหรือไม่
ควรเลือกพรรคใดเป็นรัฐบาล เป็นต้น
สภาพแวดล้อมก็แตกต่าง ยากที่จะเอาเป็นบรรทัดฐานได้
แต่อย่างหนึ่ง ที่ผมว่าพ่อแม่สมัยนี้ควรทำใจแต่แรก
คือเลี้ยงลูก อย่าหวังให้เขามาดูแลเราตอนแก่
แค่ไม่เป็นภาระก็ดีมากแล้ว
แนวทางการเลี้ยงลูก ควรตกลงเห็นด้วยในหลักการเดียวกัน
ตั้งแต่ก่อนมีลูก
ถ้าไม่เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้องตกลงกันให้ได้ว่า
ใครตัดสินใจเรื่องอะไร (เกี่ยวกับลูก)
ส่วนมาก ก็ให้ผู้หญิงตัดสินใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ครับ
เช่น เรียนที่ไหน กินอะไร เลี้ยงแบบไหนดี ฯลฯ
ส่วนผู้ชาย ควรตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ
เช่น เราควรประนามบุชในการก่อสงครามหรือไม่
ควรเลือกพรรคใดเป็นรัฐบาล เป็นต้น
-
- Verified User
- โพสต์: 877
- ผู้ติดตาม: 0
วางแผนอย่างไรก่อนตัดสินใจมีบุตรคนแรกครับ ...
โพสต์ที่ 3
ผมว่าประเมินค่าเลี้ยงดูจนจบมหาลัยนะพี่หวี
ค่าคลอด........39,000 กรณีผ่า ปกติทุกอย่าง
ค่านม ค่าผ้าอ้อม ค่าหาหมอ ฯลฯ ค่าพี่เลี้ยง 3-4 ปีแรก
ตกเดือนละ 15000-20000 นี่เฉพาะของลูก
เข้าอนุบาลเอกชนปีละ 80K อ. 1 2 3 รวม 240,000
ค่าแปะเจียโรงเรียนดัง ป.1 50000-100000
เยอะเนอะพี่หวี 16 ปี ผมว่าเป็นล้านนะ.....
อย่าลืมแจกการ์ดนะพี่หวี....555
ค่าคลอด........39,000 กรณีผ่า ปกติทุกอย่าง
ค่านม ค่าผ้าอ้อม ค่าหาหมอ ฯลฯ ค่าพี่เลี้ยง 3-4 ปีแรก
ตกเดือนละ 15000-20000 นี่เฉพาะของลูก
เข้าอนุบาลเอกชนปีละ 80K อ. 1 2 3 รวม 240,000
ค่าแปะเจียโรงเรียนดัง ป.1 50000-100000
เยอะเนอะพี่หวี 16 ปี ผมว่าเป็นล้านนะ.....
อย่าลืมแจกการ์ดนะพี่หวี....555
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
วางแผนอย่างไรก่อนตัดสินใจมีบุตรคนแรกครับ ...
โพสต์ที่ 4
8) รุ่นนี้ทำอะไรไม่วางแผนจะลำบาก
เรื่องนี้ผมช่วยไม่ได้มาก
สมัยผมเงินหาง่ายกว่านี้มาก
ที่สำคัญข้าวของไม่แพงเหมือนทุกวันนี้
เพราะผมแต่งงานก็ไม่ได้วางแผนก็คิดว่ามีเลยก็ดี
แฟนเขาก็อยากมี เขาชอบเด็ก
ผมแต่งพย.24 อีหนูคนแรก เกิดพย.25
ผ่าด้วยนะ ค่าใช้จ่ายตอนนั้นประมาณ2หมื่นกว่าบาท
ผมเปียแชร์มาจ่าย
ปรากฏว่าเอาไปเลี้ยงเพื่อนที่ซื้อของมาเยี่ยมจนหมด
ต้องไปถอนในบัญชีมาจ่าย
(ตอนนั้นยังไม่มีบัตรเอทีเอ็ม เลยนะ)
แล้วก็ไม่เคยคุม อยากมีอีกคน
2-3ปีผ่านไป มันก็ไม่มีเพิ่มอีกคนซักที
บางคนอาจจะไปทำกิฟท์ ถ้าอยากได้มาก
แต่วิธีของผมดีกว่านั้นมาก ทำกิฟท์นี่ผู้หญิงเจ็บตัวมากนะครับ
ผมใช้วิธีไปขอที่ไต้ฮงกง เยาวราช
ตั้ง3ปีเชียวครับ
ที่ต้องเอาสิงห์โตน้ำตาลไปบูชาจาก1คู่เป็น2คู่และ4คู่
ในปีที่3 ถ้ายังไม่ได้ปีที่4จะเป็น8คู่ หิ้วไม่ไหวแน่
กว่าจะได้ไอ้หนุ่มมาอีกคน ก็เมษ.31 เกือบ6ปีทีเดียว
ของผมนี่เขาเรียกคนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต
ฮุ..ฮุ...
เรื่องนี้ผมช่วยไม่ได้มาก
สมัยผมเงินหาง่ายกว่านี้มาก
ที่สำคัญข้าวของไม่แพงเหมือนทุกวันนี้
เพราะผมแต่งงานก็ไม่ได้วางแผนก็คิดว่ามีเลยก็ดี
แฟนเขาก็อยากมี เขาชอบเด็ก
ผมแต่งพย.24 อีหนูคนแรก เกิดพย.25
ผ่าด้วยนะ ค่าใช้จ่ายตอนนั้นประมาณ2หมื่นกว่าบาท
ผมเปียแชร์มาจ่าย
ปรากฏว่าเอาไปเลี้ยงเพื่อนที่ซื้อของมาเยี่ยมจนหมด
ต้องไปถอนในบัญชีมาจ่าย
(ตอนนั้นยังไม่มีบัตรเอทีเอ็ม เลยนะ)
แล้วก็ไม่เคยคุม อยากมีอีกคน
2-3ปีผ่านไป มันก็ไม่มีเพิ่มอีกคนซักที
บางคนอาจจะไปทำกิฟท์ ถ้าอยากได้มาก
แต่วิธีของผมดีกว่านั้นมาก ทำกิฟท์นี่ผู้หญิงเจ็บตัวมากนะครับ
ผมใช้วิธีไปขอที่ไต้ฮงกง เยาวราช
ตั้ง3ปีเชียวครับ
ที่ต้องเอาสิงห์โตน้ำตาลไปบูชาจาก1คู่เป็น2คู่และ4คู่
ในปีที่3 ถ้ายังไม่ได้ปีที่4จะเป็น8คู่ หิ้วไม่ไหวแน่
กว่าจะได้ไอ้หนุ่มมาอีกคน ก็เมษ.31 เกือบ6ปีทีเดียว
ของผมนี่เขาเรียกคนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต
ฮุ..ฮุ...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
วางแผนอย่างไรก่อนตัดสินใจมีบุตรคนแรกครับ ...
โพสต์ที่ 5
[quote="ดร.โหน่ง"]ผมว่าประเมินค่าเลี้ยงดูจนจบมหาลัยนะพี่หวี
ค่าคลอด........39,000 กรณีผ่า ปกติทุกอย่าง
ค่านม ค่าผ้าอ้อม ค่าหาหมอ ฯลฯ ค่าพี่เลี้ยง 3-4 ปีแรก
ตกเดือนละ 15000-20000 นี่เฉพาะของลูก
ค่าคลอด........39,000 กรณีผ่า ปกติทุกอย่าง
ค่านม ค่าผ้าอ้อม ค่าหาหมอ ฯลฯ ค่าพี่เลี้ยง 3-4 ปีแรก
ตกเดือนละ 15000-20000 นี่เฉพาะของลูก
"Winners never quit, and quitters never win."
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
วางแผนอย่างไรก่อนตัดสินใจมีบุตรคนแรกครับ ...
โพสต์ที่ 6
8) เฮียคลายเครียดเคยเขียนไว้นะ
ผมจำสำนวนได้แกว่าแกเป็นคนมีต้นทุนทางสังคมอยู่
หมายความว่าแบบว่าเป็นครอบครัวคนจีน
มีอะไรเขาจะช่วยกัน ในกรณีที่พ่อแม่เลี้ยงดี พี่น้องรักกัน
ผมก็เช่นกัน คือผมมีพี่น้องอีก5คนทุกคนยังมีชีวิตอยู่
ผม50แล้วปีนี้ แฮะ...คนสุดท้องครับ
คุณแม่ก็ยังแข็งแรงดีอยู่ ความจำสุดยอด
เราก็ช่วยๆกันทั้งครอบครัวอ่ะครับ
เรื่องเงินทองเราสามารถเอาเงินในอนาคตมาใช้ได้
โดยไม่มีต้นทุน
เพียงแต่เราต้องมีงานทำให้พี่ๆน้องๆเขาเชื่อว่าเราคืนเขาได้
ดังนั้นตอนคิดจะมีลูกนี่
ไม่ได้วางแผนเรื่องเงินหรอกครับ
มันมีอยู่รอบๆตัวเต็มไปหมด
เดี๋ยวนี้ก็วางแผนบ้าง เพราะสังคมเปลี่ยนไป
สินค้าและบริการเดี๋ยวนี้ราคาไม่ถูกเหมือนเมื่อวันวาน
แล้วนะครับ เมื่อมาเปรียบเทียบกะรายได้ของเรา
ไอ้หนุ่มเมื่อปีที่แล้ว ไปผ่าไส้ติ่ง
หมอถามว่าจะผ่าแบบไหน
มีแบบเดิม แผลยาว หายช้า ราคาถูก
กะแบบใช้ส่องกล้อง แผลสั้น หายเร็ว ราคาแพงหน่อย
ที่รพ.รามคำแหง
เราก็เลือกแบบที่ลูกเราเจ็บน้อยอยู่แล้ว
นอน3คืน ประมาณ 6หมื่นอ่ะครับ
แล้วจะไม่วางแผนการเงินได้อย่างไร
ผมจำสำนวนได้แกว่าแกเป็นคนมีต้นทุนทางสังคมอยู่
หมายความว่าแบบว่าเป็นครอบครัวคนจีน
มีอะไรเขาจะช่วยกัน ในกรณีที่พ่อแม่เลี้ยงดี พี่น้องรักกัน
ผมก็เช่นกัน คือผมมีพี่น้องอีก5คนทุกคนยังมีชีวิตอยู่
ผม50แล้วปีนี้ แฮะ...คนสุดท้องครับ
คุณแม่ก็ยังแข็งแรงดีอยู่ ความจำสุดยอด
เราก็ช่วยๆกันทั้งครอบครัวอ่ะครับ
เรื่องเงินทองเราสามารถเอาเงินในอนาคตมาใช้ได้
โดยไม่มีต้นทุน
เพียงแต่เราต้องมีงานทำให้พี่ๆน้องๆเขาเชื่อว่าเราคืนเขาได้
ดังนั้นตอนคิดจะมีลูกนี่
ไม่ได้วางแผนเรื่องเงินหรอกครับ
มันมีอยู่รอบๆตัวเต็มไปหมด
เดี๋ยวนี้ก็วางแผนบ้าง เพราะสังคมเปลี่ยนไป
สินค้าและบริการเดี๋ยวนี้ราคาไม่ถูกเหมือนเมื่อวันวาน
แล้วนะครับ เมื่อมาเปรียบเทียบกะรายได้ของเรา
ไอ้หนุ่มเมื่อปีที่แล้ว ไปผ่าไส้ติ่ง
หมอถามว่าจะผ่าแบบไหน
มีแบบเดิม แผลยาว หายช้า ราคาถูก
กะแบบใช้ส่องกล้อง แผลสั้น หายเร็ว ราคาแพงหน่อย
ที่รพ.รามคำแหง
เราก็เลือกแบบที่ลูกเราเจ็บน้อยอยู่แล้ว
นอน3คืน ประมาณ 6หมื่นอ่ะครับ
แล้วจะไม่วางแผนการเงินได้อย่างไร
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- bluesky
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
วางแผนอย่างไรก่อนตัดสินใจมีบุตรคนแรกครับ ...
โพสต์ที่ 7
[quote="HVI"][quote="ดร.โหน่ง"]ผมว่าประเมินค่าเลี้ยงดูจนจบมหาลัยนะพี่หวี
ค่าคลอด........39,000 กรณีผ่า ปกติทุกอย่าง
ค่านม ค่าผ้าอ้อม ค่าหาหมอ ฯลฯ ค่าพี่เลี้ยง 3-4 ปีแรก
ตกเดือนละ 15000-20000 นี่เฉพาะของลูก
ค่าคลอด........39,000 กรณีผ่า ปกติทุกอย่าง
ค่านม ค่าผ้าอ้อม ค่าหาหมอ ฯลฯ ค่าพี่เลี้ยง 3-4 ปีแรก
ตกเดือนละ 15000-20000 นี่เฉพาะของลูก
มีบางคนบอกว่า คนเราเกิดมาเพื่อตามหาอีกครึ่งหนึ่งของตัวเรา
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
วางแผนอย่างไรก่อนตัดสินใจมีบุตรคนแรกครับ ...
โพสต์ที่ 8
โสดหมายถึงยังมะได้แต่งงานจ้า ส่วนแฟนน่ะมีแล้วbluesky เขียน: เอ ผมคุ้นๆว่า พี่เฮช บอกว่ามีแฟนแล้วนะ
แต่บางทีก็บอกว่า โสด ผมก็งง
ถามแบบนี้ผมก็เห็นเหมือนดร.
คือ คิดว่าพี่เฮช กำลังจะสละโสด
แจกการ์ด แล้วก็เตรียมวางแผน
จะมีลูกหลังแต่งงานซะอีก
ขออภัยที่ทำให้คุณ Blue งง
เรื่องวางแผนแต่งงานคิดว่า สำหรับผมแล้วไม่มีปัญหาครับแหม ถ้ายังไม่มีแผนจะแต่งงาน
วางแผนเรื่องจะมีลูกเมื่อไหร่แล้ว
ผมว่าพี่ข้ามขั้นตอนสำคัญไปหน่อยนะ
น่าจะไปหาแม่ของลูกหรือเมียคนแรก
ในกระทู้พี่กั้มก่อนนะครับ
พอจะนึกภาพออกว่า เมื่อไหร่พร้อมสำหรับชีวิตคู่
แต่เรื่องลูกเนี่ย ผมนึกอะไรไม่ออกเลยครับ
สมมติว่าแต่งงานแล้วกี่ปีถึงจะมีลูก ต้องดูอะไรบ้าง
และที่สำคัญที่สุด พี่ๆคิดและตัดสินใจกันอย่างไร ก่อนมีลูก
ตรงนี้อยากรับฟังไว้เป็นข้อมูล และความรู้ มากๆขอรับ ...
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 857
- ผู้ติดตาม: 0
วางแผนอย่างไรก่อนตัดสินใจมีบุตรคนแรกครับ ...
โพสต์ที่ 9
เท่าที่รู้นะครับอายุฝ่ายหญิงเกิน 30 ปีก็เริ่มมีความเสี่ยงบ้างแล้ว ถ้าเกิน 40 ท้องแล้วน่าจะต้องเจาะน้ำคร่ำเพื่อตรวจดูว่าทารกสมบูรณ์ไม่มีปัญหา อันนี้ให้คุณหมอมา confirm ดีกว่า
ส่วนมีลูกเมื่อไหร่นี่ น่าจะมีเมื่อพร้อม ซึ่งพร้อมแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ทั้งพร้อมเรื่องทรัพย์ เรื่องจิตใจ เรื่องความสะดวก สถานการณ์ (เช่นโดนปู่ย่าตายายบังคับให้มี :lol: )
มีลูกแล้วทำใจได้เลยว่าจะเหนื่อยมาก ๆ (ถ้าเลี้ยงเอง) ไปอย่างน้อยก็ 6 เดือนถึง 1 ปี และไม่ได้เที่ยวหรือออกไปไหนไกล ๆ อีกหลายปี เพราะไปทีต้องขนสัมภาระมหาศาล หรือจะไปโดยไม่มีเจ้าตัวเล็กก็จะไม่ค่อยสนุกเพราะนั่งห่วงพะวงตลอดเวลาเที่ยว นอกจากนี้เรื่องค่าใช้จ่ายก็จะเยอะขึ้นมากอย่างที่ท่านอื่นบอก
สิ่งที่ return มาก็คือเหมือนกับเรามีเทวดาตัวเล็ก ๆ หรือพระอาทิตย์ที่ส่องสว่างอยู่ที่บ้าน บ้านเราจะไม่เคยเงียบเหงาไปอีกเป็นสิบปี ถ้าเราเป็นคนชอบความเงียบสงบอาจจะต้องเปิดศึกกับลูกบ่อย ๆ ก็ได้
ส่วนมีลูกเมื่อไหร่นี่ น่าจะมีเมื่อพร้อม ซึ่งพร้อมแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ทั้งพร้อมเรื่องทรัพย์ เรื่องจิตใจ เรื่องความสะดวก สถานการณ์ (เช่นโดนปู่ย่าตายายบังคับให้มี :lol: )
มีลูกแล้วทำใจได้เลยว่าจะเหนื่อยมาก ๆ (ถ้าเลี้ยงเอง) ไปอย่างน้อยก็ 6 เดือนถึง 1 ปี และไม่ได้เที่ยวหรือออกไปไหนไกล ๆ อีกหลายปี เพราะไปทีต้องขนสัมภาระมหาศาล หรือจะไปโดยไม่มีเจ้าตัวเล็กก็จะไม่ค่อยสนุกเพราะนั่งห่วงพะวงตลอดเวลาเที่ยว นอกจากนี้เรื่องค่าใช้จ่ายก็จะเยอะขึ้นมากอย่างที่ท่านอื่นบอก
สิ่งที่ return มาก็คือเหมือนกับเรามีเทวดาตัวเล็ก ๆ หรือพระอาทิตย์ที่ส่องสว่างอยู่ที่บ้าน บ้านเราจะไม่เคยเงียบเหงาไปอีกเป็นสิบปี ถ้าเราเป็นคนชอบความเงียบสงบอาจจะต้องเปิดศึกกับลูกบ่อย ๆ ก็ได้

-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
วางแผนอย่างไรก่อนตัดสินใจมีบุตรคนแรกครับ ...
โพสต์ที่ 11
ความคิดเห็นของพี่ๆทุกท่านล้วนมีประโยชน์ครับ รวมถึงของคุณ Blue ด้วย
ขนาดยังไม่มีลูก ยัง Comment ได้ดีขนาดนี้ ถ้ามีแล้วคงเป็น Family Man แน่นอน
สรุปได้ว่าการวางแผนทางการเงิน รวมทั้งอายุของแฟน เป็นปัจจัยที่สำคัญอันดับต้นๆเลย
ผมลองค้นหาข้อมูลเพิ่ม ไปเจอเหตุผลต่างๆในการมีลูก
เห็นว่าน่าสนใจดี เลยหยิบมาแปลเอาความครับ
10 เหตุผลสำหรับการมีบุตร สำรวจจากตัวอย่างชีวิตจริง
1. การตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ ความบกพร่องในการคุมกำเนิด
2. เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองเป็นชาย
3. ทำตามความคาดหวังของบุคคลรอบข้าง
4. ไม่เคยคิดหาเหตุผล
5. มีหลานให้คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย
6. มีลูกคอยดูแลตอนแก่เฒ่า
7. วัยบอกว่าถึงเวลาแล้ว
8. เพื่อรักษาชีวิตคู่
9. มีผู้สืบสกุล
10. เป็นการต่อยอดชีวิตคู่ เพื่อรักษาความสัมพันธ์
สำหรับครอบครัวที่ตัดสินใจมีบุตรด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ มักจะเสียใจและพบว่าตัวเองได้ตัดสินใจผิด
ถึงแม้ว่าเขาจะรักและเห็นคุณค่าของบุตร แต่เขาจะไม่ตัดสินใจมีบุตรอีกด้วยเหตุผลเหล่านี้
จากหนังสือ
Why Don't You Have Kids? Living a Full Life without Parenthood
ซึ่งเป็นแนวคิดทางตะวันตก
ขนาดยังไม่มีลูก ยัง Comment ได้ดีขนาดนี้ ถ้ามีแล้วคงเป็น Family Man แน่นอน
สรุปได้ว่าการวางแผนทางการเงิน รวมทั้งอายุของแฟน เป็นปัจจัยที่สำคัญอันดับต้นๆเลย
ผมลองค้นหาข้อมูลเพิ่ม ไปเจอเหตุผลต่างๆในการมีลูก
เห็นว่าน่าสนใจดี เลยหยิบมาแปลเอาความครับ
ทำไมคุณถึงไม่มีลูกซะล่ะ?Why Don't You Have Kids?
explores with examples from the lives of real people
the following 10 reasons for having children:
1. contraceptive failure, accidental pregnancy.
2. for a man to prove he is a man.
3. conformity, the expectations of other people.
4. never considered not doing it.
5. to create grandchildren.
6. to be taken care of in old age.
7. the biological clock says it's time.
8. to save the marriage.
9. immortality thru reproduction.
10. as a natural extension of a committed relationship.
The people who admitted having children for these 'reasons'
regretted such thinking in retrospect.
Even tho they often loved and treasured their actual children,
they would not be induced to reproduce again for such 'reasons'.
10 เหตุผลสำหรับการมีบุตร สำรวจจากตัวอย่างชีวิตจริง
1. การตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ ความบกพร่องในการคุมกำเนิด
2. เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองเป็นชาย
3. ทำตามความคาดหวังของบุคคลรอบข้าง
4. ไม่เคยคิดหาเหตุผล
5. มีหลานให้คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย
6. มีลูกคอยดูแลตอนแก่เฒ่า
7. วัยบอกว่าถึงเวลาแล้ว
8. เพื่อรักษาชีวิตคู่
9. มีผู้สืบสกุล
10. เป็นการต่อยอดชีวิตคู่ เพื่อรักษาความสัมพันธ์
สำหรับครอบครัวที่ตัดสินใจมีบุตรด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ มักจะเสียใจและพบว่าตัวเองได้ตัดสินใจผิด
ถึงแม้ว่าเขาจะรักและเห็นคุณค่าของบุตร แต่เขาจะไม่ตัดสินใจมีบุตรอีกด้วยเหตุผลเหล่านี้
จากหนังสือ
Why Don't You Have Kids? Living a Full Life without Parenthood
ซึ่งเป็นแนวคิดทางตะวันตก
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
วางแผนอย่างไรก่อนตัดสินใจมีบุตรคนแรกครับ ...
โพสต์ที่ 12
สำรวจความลับของผู้ใหญ่ที่ไม่มีบุตรexplores several myths about child-free adults:
1. They are anti-child.
2. They are selfish.
3. They have empty livessad, depressed, lonely.
4. They are sorry they will lack children to take care of them.
5. They are 'different'.
6. They are unfulfilled.
7. They are self-absorbed.
In some cases, these characterizations are correct,
but in the vast majority of child-free people
interviewed by the author,
the above 'profile' was far from accurate.
1. ไม่ชอบเด็ก
2. เห็นแก่ตัว
3. มีชีวิตที่ว่างเปล่า เช่นอยู่ในความเศร้า เหงา
4. จะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียใจหากบุตรไม่คอยดูแลตอนแก่
5. เป็นคนที่แตกต่างจากคนหมู่มาก
6. ยังมีความรู้สึกว่าชีวิตยังไม่เต็ม
7. เป็นคนที่สนใจแต่ตัวเองและกิจกรรมของตัวเอง
ในบางกรณี เหตุผลเหล่านี้ถูกต้อง แต่สำหรับผู้ใหญ่ที่ไม่มีบุตรเป็นจำนวนมาก
เหตุผลดังกล่าวเหล่านี้ห่างไกลกับความเป็นจริง
"Winners never quit, and quitters never win."
- bluesky
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วางแผนอย่างไรก่อนตัดสินใจมีบุตรคนแรกครับ ...
โพสต์ที่ 13
[quote="HVI"]ถามประสบการณ์พี่ๆทุกท่านครับ
มีการวางแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร
เช่น แต่งงานมาแล้วกี่ปี ถึงควรมีบุตร
อีกอย่างได้ยินมาว่าฝ่ายหญิง ไม่ควรมีอายุมากนัก
ไม่อย่างนั้นลูกออกมาอาจมีความเสี่ยงมากขึ้น
อายุฝ่ายหญิงไม่ควรเกินกี่ปีครับ
แล้วถ้าหากทั้งคู่เป็นพนักงาน Office แบบนี้จะทำยังไงครับ
แล้วพี่ๆบางคน อาจจะเป็นคนที่บ้างาน
ซึ่งสิ่งที่ต้องการคือเวลาในการทำงานเต็มที่
มีการตัดสินใจอย่างไร ก่อนที่จะมีบุตรคนแรกครับ
ตัดสินใจยากมั้ยครับ ...
(อยากรับฟังไว้เป็นความรู้ครับ
มีการวางแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร
เช่น แต่งงานมาแล้วกี่ปี ถึงควรมีบุตร
อีกอย่างได้ยินมาว่าฝ่ายหญิง ไม่ควรมีอายุมากนัก
ไม่อย่างนั้นลูกออกมาอาจมีความเสี่ยงมากขึ้น
อายุฝ่ายหญิงไม่ควรเกินกี่ปีครับ
แล้วถ้าหากทั้งคู่เป็นพนักงาน Office แบบนี้จะทำยังไงครับ
แล้วพี่ๆบางคน อาจจะเป็นคนที่บ้างาน
ซึ่งสิ่งที่ต้องการคือเวลาในการทำงานเต็มที่
มีการตัดสินใจอย่างไร ก่อนที่จะมีบุตรคนแรกครับ
ตัดสินใจยากมั้ยครับ ...
(อยากรับฟังไว้เป็นความรู้ครับ
มีบางคนบอกว่า คนเราเกิดมาเพื่อตามหาอีกครึ่งหนึ่งของตัวเรา
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วางแผนอย่างไรก่อนตัดสินใจมีบุตรคนแรกครับ ...
โพสต์ที่ 14
ถ้ากลัวลูกจะมาแย่งเวลา อนาคตผมคงไม่มีลูกแน่ๆครับbluesky เขียน: อ่านแล้วท่าทางพี่เฮช จะบ้างาน
และคงกลัวว่า ลูกจะมาแย่งเวลาไปนะเนี่ย
พอถึงเวลา จะแบ่งได้เองครับ
เหมือนตอนมีแฟนนะ ผมว่า
และลูก จะทำให้เรารู้สึกหายเหนื่อย
หลังจากกลับมาจากการทำงาน
เหมือนเป็นความเต็มใจและสุขใจ
ที่จะให้เวลาเค้านะ ผมคิดแบบนั้น
สิ่งที่ผมกังวลคือกลัวไม่มีเวลาให้ลูกมากกว่า และเลี้ยงได้ไม่ดีมากกว่า
ฟังดูแล้วอาจจะคล้ายๆ กันแต่ต่างกันนะครับ
กลัวลูกมาแย่งเวลา (เป็นการมองที่ตัวเองเป็นหลัก)
กลัวไม่มีเวลาให้ลูก (มองที่ลูกเป็นหลัก)
คือความรู้สึกตอนนี้มันช่างห่างไกลเหลือเกิน
เมื่อจินตนาการว่าต้องไปรับผิดชอบชีวิตใครสักคน
เลยอยากจะได้มุมมอง จากพี่ๆที่มีประสบการณ์
เพื่อขยายกรอบความคิดของเราครับ
อีกอย่าง ผมมักจะคิดหาเหตุผลของสิ่งต่างๆ ให้ตกผลึกก่อนที่จะทำ
อาจจะใช้สมองซีกซ้ายมากเกินไปหน่อย ...
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
วางแผนอย่างไรก่อนตัดสินใจมีบุตรคนแรกครับ ...
โพสต์ที่ 15
ลองดูแนวคิดจากคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่คิดว่ามนุษย์ควรสูญพันธุ์ไปในที่สุด :shock:
The Voluntary Human Extinction Movement
การ์ตูนล้อเลียนจากคนกลุ่มนี้


The Voluntary Human Extinction Movement
การ์ตูนล้อเลียนจากคนกลุ่มนี้


"Winners never quit, and quitters never win."
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
วางแผนอย่างไรก่อนตัดสินใจมีบุตรคนแรกครับ ...
โพสต์ที่ 16
8) น้องเฮ็ชฟังที่ท่านมิสเตอร์เค ว่าไว้
8) ประสบการณ์ของผมเป็นแบบนี้เปี๊ยบเลย
MisterK เขียน:สิ่งที่ return มาก็คือเหมือนกับเรามีเทวดาตัวเล็ก ๆ หรือพระอาทิตย์ที่ส่องสว่างอยู่ที่บ้าน บ้านเราจะไม่เคยเงียบเหงาไปอีกเป็นสิบปี
8) ประสบการณ์ของผมเป็นแบบนี้เปี๊ยบเลย
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- bluesky
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วางแผนอย่างไรก่อนตัดสินใจมีบุตรคนแรกครับ ...
โพสต์ที่ 18
อย่างที่เรียนครับ คนเรามีเวลาเท่ากันครับHVI เขียน: ถ้ากลัวลูกจะมาแย่งเวลา อนาคตผมคงไม่มีลูกแน่ๆครับ
สิ่งที่ผมกังวลคือกลัวไม่มีเวลาให้ลูกมากกว่า และเลี้ยงได้ไม่ดีมากกว่า
ฟังดูแล้วอาจจะคล้ายๆ กันแต่ต่างกันนะครับ
กลัวลูกมาแย่งเวลา (เป็นการมองที่ตัวเองเป็นหลัก)
กลัวไม่มีเวลาให้ลูก (มองที่ลูกเป็นหลัก)
คือความรู้สึกตอนนี้มันช่างห่างไกลเหลือเกิน
เมื่อจินตนาการว่าต้องไปรับผิดชอบชีวิตใครสักคน
เลยอยากจะได้มุมมอง จากพี่ๆที่มีประสบการณ์
เพื่อขยายกรอบความคิดของเราครับ
อีกอย่าง ผมมักจะคิดหาเหตุผลของสิ่งต่างๆ ให้ตกผลึกก่อนที่จะทำ
อาจจะใช้สมองซีกซ้ายมากเกินไปหน่อย ...
เวลามีแฟน เราก็ยังแบ่งเวลาให้แฟนได้
แบ่งเวลาให้เพื่อนได้ ครอบครัวได้
ถ้าเราจะแบ่ง และจัดลำดับความสำคัญ
อีกอย่าง พอมีลูก ไม่ใช่คุณพ่อบ้านเท่านั้น
ที่มีหน้าที่ เพราะคุณแม่บ้านก็เป็นหลัก
สำหรับลูกอยู่แล้ว ให้คุณแม่ดูแลใกล้ชิด
จะละเอียดกว่า รวมทั้งคุณปู่ คุณย่า
คุณตา คุณยาย ขี้คร้าน จะรุมล้อม
แย่งกันให้ความรัก ดีไม่ดี คุณพ่อจะตกกระป๋อง
เพราะคุณแม่ไปรัก ไปดูแลลูก
จนอาจจะลืมคุณพ่อไปเลย
เอหรือพี่เฮช กลัวลูก จะมาแย่งความรัก ไปหนอ

มีบางคนบอกว่า คนเราเกิดมาเพื่อตามหาอีกครึ่งหนึ่งของตัวเรา
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
วางแผนอย่างไรก่อนตัดสินใจมีบุตรคนแรกครับ ...
โพสต์ที่ 19
ขอทำความเข้าใจกับคุณ Blue อีกครั้ง
ผมไม่ได้ตั้งกระทู้เพื่อเปิดประเด็นมีลูกดีกว่าหรือไม่มีลูกดีกว่า
ผมต้องการรับฟังทัศนะของพี่ๆที่อาบน้ำร้อนมาก่อน ว่าพี่ๆคิดและเตรียมตัวกันอย่างไร
ประเด็นแฟนกับลูกผมว่าต่างกันพอสมควรนะ
แฟนเราก็มีวุฒิภาวะไม่ได้ต่างอะไรไปจากเราหรอก
สิ่งที่ต้องมีคือความเข้าใจ ความเอื้ออาทร เพื่อให้ชีวิตคู่สมบูรณ์กว่าชีวิตโสด
แฟนเราไม่ได้ต้องการ การดูแลเหมือนเด็กทารก
แฟนเราไม่ได้ต้องการ การรับผิดชอบสูงเหมือนเลี้ยงเด็ก
ตรงกันข้าม เรากับแฟนต่างดูแลและรับผิดชอบซึ่งกันและกัน
ผมว่าพ่อแม่คนไหนก็รักลูกด้วยกันทั้งนั้นแหละครับ รวมทั้งผมด้วยถ้าผมมีลูกแล้ว
มีลูกแล้วกลัวลูกจะมาแย่งความรัก ผมว่าตลกดีนะ
มีแต่พ่อแม่รุมรักลูก เหมือนอย่างท่าน MisterK และพี่พอใจว่าไว้ เหมือนมีเทวดาตัวเล็กๆ
พอบ้านมีเทวดาแล้ว ความรักที่มีให้กันก่อนมีลูก อาจจะมากขึ้นอีกก็ได้
เพราะความสุขใจที่ได้มีเจ้าตัวเล็ก และประสบการณ์ที่ดีๆร่วมกัน
ขอสรุปอีกครั้งว่า ผมขอรับฟังประสบการณ์จากพี่ๆในการเตรียมตัวมีบุตรคนแรก ว่าพี่ๆคำนึงถึงปัจจัยอะไรบ้าง ซึ่งมีประโยชน์ ยกตัวเอย่างเช่น
ประเด็นเรื่องการเงิน มันมากมายขนาดนั้นเลยเหรอ ผมไม่เคยคิดมาก่อน หากผมจะมีบุตรผมจะได้เตรียมความพร้อมในเรื่องนี้
ประเด็นเทวดาตัวน้อย หากผมตัดสินใจไม่มีลูก ครอบครัวผมคงพลาดการมีเทวดาตัวน้อยๆ เหล่านี้เป็นต้น
ซึ่งมันคนละเรื่องกับการมากล่าวหาผมว่ากลัวลูกมาแย่งความรักจากแฟน หวังว่าคุณ Blue คงเข้าใจนะ
ท้ายนี้ในอนาคตถึงผมจะมีลูกหรือไม่มี ผมคิดว่าผมได้เลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผมและภรรยาในอนาคตแล้ว
ซึ่งไม่จำเป็นต้องเหมือนคนอื่น และผมคงไม่มองคู่สามีภรรยา ที่ตัดสินใจไม่มีลูก
ว่าเป็นพวกกลัวลูกมาแย่งความรัก หรือ กลัวลูกมาแย่งเวลา เขาอาจจะมีเหตุผลดีๆ
และเหมาะสมกับเขาเหล่านั้นแล้วก็เป็นได้...
ผมไม่ได้ตั้งกระทู้เพื่อเปิดประเด็นมีลูกดีกว่าหรือไม่มีลูกดีกว่า
ผมต้องการรับฟังทัศนะของพี่ๆที่อาบน้ำร้อนมาก่อน ว่าพี่ๆคิดและเตรียมตัวกันอย่างไร
ประเด็นแฟนกับลูกผมว่าต่างกันพอสมควรนะ
แฟนเราก็มีวุฒิภาวะไม่ได้ต่างอะไรไปจากเราหรอก
สิ่งที่ต้องมีคือความเข้าใจ ความเอื้ออาทร เพื่อให้ชีวิตคู่สมบูรณ์กว่าชีวิตโสด
แฟนเราไม่ได้ต้องการ การดูแลเหมือนเด็กทารก
แฟนเราไม่ได้ต้องการ การรับผิดชอบสูงเหมือนเลี้ยงเด็ก
ตรงกันข้าม เรากับแฟนต่างดูแลและรับผิดชอบซึ่งกันและกัน
ผมว่าพ่อแม่คนไหนก็รักลูกด้วยกันทั้งนั้นแหละครับ รวมทั้งผมด้วยถ้าผมมีลูกแล้ว
มีลูกแล้วกลัวลูกจะมาแย่งความรัก ผมว่าตลกดีนะ
มีแต่พ่อแม่รุมรักลูก เหมือนอย่างท่าน MisterK และพี่พอใจว่าไว้ เหมือนมีเทวดาตัวเล็กๆ
พอบ้านมีเทวดาแล้ว ความรักที่มีให้กันก่อนมีลูก อาจจะมากขึ้นอีกก็ได้
เพราะความสุขใจที่ได้มีเจ้าตัวเล็ก และประสบการณ์ที่ดีๆร่วมกัน
ขอสรุปอีกครั้งว่า ผมขอรับฟังประสบการณ์จากพี่ๆในการเตรียมตัวมีบุตรคนแรก ว่าพี่ๆคำนึงถึงปัจจัยอะไรบ้าง ซึ่งมีประโยชน์ ยกตัวเอย่างเช่น
ประเด็นเรื่องการเงิน มันมากมายขนาดนั้นเลยเหรอ ผมไม่เคยคิดมาก่อน หากผมจะมีบุตรผมจะได้เตรียมความพร้อมในเรื่องนี้
ประเด็นเทวดาตัวน้อย หากผมตัดสินใจไม่มีลูก ครอบครัวผมคงพลาดการมีเทวดาตัวน้อยๆ เหล่านี้เป็นต้น
ซึ่งมันคนละเรื่องกับการมากล่าวหาผมว่ากลัวลูกมาแย่งความรักจากแฟน หวังว่าคุณ Blue คงเข้าใจนะ
ท้ายนี้ในอนาคตถึงผมจะมีลูกหรือไม่มี ผมคิดว่าผมได้เลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผมและภรรยาในอนาคตแล้ว
ซึ่งไม่จำเป็นต้องเหมือนคนอื่น และผมคงไม่มองคู่สามีภรรยา ที่ตัดสินใจไม่มีลูก
ว่าเป็นพวกกลัวลูกมาแย่งความรัก หรือ กลัวลูกมาแย่งเวลา เขาอาจจะมีเหตุผลดีๆ
และเหมาะสมกับเขาเหล่านั้นแล้วก็เป็นได้...

"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
วางแผนอย่างไรก่อนตัดสินใจมีบุตรคนแรกครับ ...
โพสต์ที่ 20
ขอเพิ่มพี่ปุยอีกคน ขออภัยด้วยครับ เพิ่งเห็น Comment ... :lol:HVI เขียน: มีแต่พ่อแม่รุมรักลูก เหมือนอย่างท่าน MisterK และพี่พอใจว่าไว้ เหมือนมีเทวดาตัวเล็กๆ
"Winners never quit, and quitters never win."
- bluesky
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
วางแผนอย่างไรก่อนตัดสินใจมีบุตรคนแรกครับ ...
โพสต์ที่ 21
ขออภัยครับ พี่เฮชที่ทำให้เข้าใจผิด และอาจจะทำให้พี่เคือง กระผมทราบเจตนาพี่ดีครับ แต่ที่กล่าวท้ายๆผมเน้นไปในทางแซวพี่หนะ อย่างที่ผมเรียนว่าขออภัยที่เข้ามาตอบ เพราะไม่มีประสบการณ์มีแค่ความคิดเห็นส่วนตัว แต่พอเห็นพี่เกริ่นมาว่าหากจะมีลูกกลัวว่าจะไม่มีเวลาให้ลูก ผมแค่ต้องการลดความกังวลตรงส่วนนี้ เพราะผมเห็นคนรอบตัวกระผมที่มุงาน พอมีลูกแม้จะยังมุงาน แต่ก็เห็นว่ามีเวลาให้ลูกเสมอ เพียงแต่ช่วงเวลาพักผ่อนน้อยลงไป และเหนื่อยมากขึ้น กระผมคงต้องขออภัย ที่ทำให้ขุ่นใจ ท้ายสุดผมเลยแซวเล่นสนุกๆ เป็นการถ่ายเทความเครียด ครับพี่
:lol:
ขออภัยอย่างสูง
:lol:
ขออภัยอย่างสูง

มีบางคนบอกว่า คนเราเกิดมาเพื่อตามหาอีกครึ่งหนึ่งของตัวเรา
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
วางแผนอย่างไรก่อนตัดสินใจมีบุตรคนแรกครับ ...
โพสต์ที่ 22
bluesky เขียน:ขออภัยครับ พี่เฮชที่ทำให้เข้าใจผิด และอาจจะทำให้พี่เคือง กระผมทราบเจตนาพี่ดีครับ แต่ที่กล่าวท้ายๆผมเน้นไปในทางแซวพี่หนะ อย่างที่ผมเรียนว่าขออภัยที่เข้ามาตอบ เพราะไม่มีประสบการณ์มีแค่ความคิดเห็นส่วนตัว แต่พอเห็นพี่เกริ่นมาว่าหากจะมีลูกกลัวว่าจะไม่มีเวลาให้ลูก ผมแค่ต้องการลดความกังวลตรงส่วนนี้ เพราะผมเห็นคนรอบตัวกระผมที่มุงาน พอมีลูกแม้จะยังมุงาน แต่ก็เห็นว่ามีเวลาให้ลูกเสมอ เพียงแต่ช่วงเวลาพักผ่อนน้อยลงไป และเหนื่อยมากขึ้น กระผมคงต้องขออภัย ที่ทำให้ขุ่นใจ ท้ายสุดผมเลยแซวเล่นสนุกๆ เป็นการถ่ายเทความเครียด ครับพี่
:lol:
ขออภัยอย่างสูง
ผมก็ชี้แจงไปตามที่ถูกตั้งคำถาม
ไม่ได้โกรธอะไรหรอกครับ ...
"Winners never quit, and quitters never win."