MoneyTalk@SET16/11/62เล็งรวยหุ้นMegatrend&เลือกหุ้นจัดพอร์ตเส้นทางธรรม

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
i-salmon
Verified User
โพสต์: 293
ผู้ติดตาม: 0

MoneyTalk@SET16/11/62เล็งรวยหุ้นMegatrend&เลือกหุ้นจัดพอร์ตเส้นทางธรรม

โพสต์ที่ 1

โพสต์

MoneyTalk@SET16/11/62

ช่วง 2 “เลือกหุ้นจัดพอร์ตบนเส้นทางธรรม”
1) คุณ วรวรรณ ธาราภูมิ / กรรมการตลาดหลักทรัพย์
2) คุณ ศักดา สรรพปัญญาวงศ์ / ผู้ก่อตั้ง A - Academy
3) ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร / ผู้เชี่ยวชาญหุ้นแนวเน้นคุณค่า
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ ดำเนินรายการ

เปิดกลอนอ.เสน่ห์
“จะเลือกหุ้น แบบใดดี มีธรรมะ รู้ลดละ โลภโม และโทสัน
จัดพอร์ตบน หนทางธรรม เป็นสำคัญ มาฟังกัน ท่านมากธรรม นำจิตใจ
ธรรมชาติ จัดเต็ม เข้มเด็ดขาด กรรมการ ตลาด หลักทรัพย์ไทย
วรวรรณ ธาราภูมิ ชุ่มฤทัย คือหญิงใหญ่ กองทุน คุ้นกันดี
ธรรมะได้ จัดสรร ให้ท่านมา สร้างเว็บใซด์ เอ-อะคา เดมี
ให้ความรู้ เรื่องเงินทอง ของชีวี เอศักดา การันตี มีหลักการ
ธรรมดา แต่ว่า สุดพิเศษ คือดอกเตอร์ นิเวศน์ ผู้แตกฉาน
เลือกหุ้นเป็น เน้นคุณค่า มาเนิ่นนาน เต่าคืบคลาน รู้วิธี ให้มีชัย
หวังรวยแชร์ แม่มณี ที่หมดตัว ฟอร์เร็กซ์มั่ว ทรีดี นี้ไม่ไหว
เส้นทางธรรม ซีจีด้วย ช่วยมั่นใจ รวยกำไร ได้หุ้นดี ที่ยั่งยืน”

แนวทางการเลือกหุ้นจัดพอร์ตเส้นทางธรรม
คุณตู่ วรวรรณ เริ่มบุกเบิกกองทุน ESG(Environment Social and Governance) กองแรกในไทย
ชื่อ BKind กองทุนคนไทยใจดี เงินจากการจัดการกองทุน 40% ของรายได้เปิดมา 5 ปี
บริจาคให้กับโครงการที่สนับสนุน ESG เป็นมูลค่าราว 40 ล้านบาท ช่วยเหลือได้ 50 กว่าโครงการ
มีผู้ได้ประโยชน์กว่า 2 ล้านคน มีการตามวัดผล เช่น โครงการลำสนธิ ที่ลพบุรี
คนแก่นอนติดเตียงได้รับเงินให้คนในพื้นที่ฝึกฝน ไปดูแล ทำให้ชุมชนดีขึ้น ลดจำนวนคนที่ต้องเข้าเมือง
ผู้ลงทุนก็จะได้มีส่วนร่วมทำความดี หลังจากนั้น ได้ชักชวนทุก บลจ.มาตั้งกองทุนรวม
ไทยธรรมาภิบาล มากรั่นกรองหุ้นที่มีธรรมาภิบาล และต่อต้านคอรัปชั่น
เป็นการคัดสรรหุ้นลงตระกล้าร่วมกันและเลือกลงทุนเองแล้วแต่บลจ.

การทำงานบริหารพอร์ตจริง เราไม่ได้เอาหลักธรรมเข้ามาจับ
แต่สิ่งที่ทำมันเข้าหลักเกณฑ์โดยไม่ได้ตั้งใจ มีหลัก 6 ข้อ
1.มีภูมิรู้ 2.มีความเพียร 3. ไม่เพลี่ยงพล้ำ 4. รู้เพียงพอ 5.ไม่คบพาล 6.รู้เผื่อแผ่

ข้อ 1 มีภูมิรู้ ก่อนจะลงทุนต้องรู้และเข้าใจเป้าหมายตนเองก่อน เงินแต่ละก้อนเมื่อไรต้องใช้
แบ่งเป้าหมายเป็นระยะสั้นระยะยาว ถ้าเป็นเงินที่ 5 ปียังไม่ใช้งาน
ก็แบ่งไปลงทุนที่มีเป้าหมายระยะยาวรับความเสี่ยงได้บ้าง
เงินที่ต้องใช้ภายใน 5 ปีไม่อยากให้รับความเสี่ยงมาก
อีกอย่างคือ เข้าใจเมกะเทรนด์ในการลงทุน สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ และมีผลกระทบเปลี่ยนแปลงหลายเรื่อง
ซึ่งมี 3 เมกะเทรนด์ใหญ่ๆ คือ
1. คนแก่มีเยอะขึ้น-แก่นาน-เกิดใหม่น้อย เลือกบริษัทที่ ทำสินค้ามาตอบสนองคนกลุ่มนี้
2. เทคโนโลยีที่เข้ามา เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
3. ESG โลกจะถามหาสิ่งเหล่านี้ เช่น บริษัทเมื่อก่อนใช้ How much do you make a profit ทำกำไรได้เท่าไร
ต่อไปจะถามว่า How do you make profit ทำกำไรมาได้อย่างไร มีการเอาเปรียบคนอื่น สังคม สิ่งแวดล้อมหรือเปล่า
ถ้าไม่สามารถวิเคราะห์ตัดสินใจเองได้ก็ใช้บริการกองทุน ไม่จำเป็นต้องเป็นบัวหลวง เลือกที่ท่านมั่นใจ

ข้อ 2 มีความเพียร แสวงหาความรู้ เราต้องเท่าทันต่อเหตุการณ์เสมอ
เรียนรู้นวัตกรรมใหม่ในการลงทุน อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ
คน IQ 180 ไม่จำเป็นต้องลงทุนเก่งกว่า IQ 120
สิ่งสำคัญคือ EQ ที่จะทำให้เรารู้จักพัฒนา รู้จักใส่ใจ
อดทนต่อความผันผวนระหว่างทางลงทุน วัฏจักรต่างๆเกิดมาเป็นปกติ
ข้อ 3 ไม่เพลี่ยงพล้ำ ไม่ลงทุนหุ้นด้วยอารมณ์
เช่น มีข่าวอ.นิเวศน์ซื้อหุ้น ก็รีบซื้อตาม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าธุรกิจอะไร
หรือในกลอนอ.เสน่ห์ พวกเทรด forex, น้ำมัน หรืออะไรผลตอบแทนสูงปกติ
แม้แต่หุ้นกู้ให้ผลตอบแทน 6% ในภาวะดอกเบี้ยต่ำนี้ก็ต้องสงสัยว่าทำไมมีบริษัทมาขอกู้ดอกเบี้ยสูงขนาดนี้
และเผื่อเงินสดฉุกเฉินไว้ด้วย เวลามีข่าวดีข่าวร้ายไม่ต้องรีบกระโดดเข้าออก
บางคนยังไม่รู้จะซื้ออะไร เห็นข่าวดีก็รีบกระโดดซื้อหุ้น ต้องมีแผนก่อนในใจว่าจะซื้ออะไร
ต้องรู้ความเสี่ยงหุ้นที่จะซื้อด้วย
เช่น นักท่องเที่ยวต่อไปจะมีแนวโน้มลดลง 2-3 ปี รายได้กระทบโรงแรม สนามบิน
ก็ต้องวิเคราะห์แบบมีเหตุมีผล ถ้าผิดพลาดก็ cut loss มา พิจารณาดูว่าจะเอาเงินไปซื้ออะไรเหมาะสม

ข้อ 4 รู้เพียงพอ อย่ากู้เงินมาลงทุน อย่าละโมบ อย่าลงทุนในหุ้นปั่น และเมื่อถึงเป้าหมาย
ก็ต้องพิจารณาขาย เพราะไม่มีอะไรตลอดกาล ต้องรู้จักเพียงพอ

ข้อ 5 ไม่คบพาล เลือกบริษัทที่มีธรรมาภิบาล มีผู้บริหารมีคุณธรรม หรืออย่างน้อยก็ไม่ใช่คนที่ทำสิ่งไม่ดี
เป็นบริษัทที่ซื่อสัตย์ต่อสังคม,คู่ค้า,ลูกค้า และคนอื่นๆ แม้กระทั่งคู่แข่ง
ไม่เลือกบริษัทที่ค้าอาวุธ ค้าเหล้า ก็ต้องดูด้วยว่าบริษัททำ ESG ด้วยไหม
ต่อไปรัฐบาลควรดูแลบริษัทเหล่านี้เพราะมีต้นทุน

ข้อ 6 รู้เผื่อแผ่ เป็นบริษัทที่เป็นผู้ให้ ไม่ทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม ไม่เอาเปรียบแรงงาน ดูแลคนได้ดี

ต่อไปการทำธุรกิจต้องคำนึง 3 P คือ People นึกถึงผู้คน Planet มนุษยชาติ และค่อยมา Profit กำไร


คุณเอ ศักดา
พอทราบว่ามาเล่าหัวข้อนี้ ก็ต้องคิดหนัก พยายามทบทวนจากประสบการณ์ที่ทำมา เพื่อมาเล่าแชร์มุมมอง
เริ่มวางแผนการเงินมาตั้งแต่อายุ 20ปี ผ่านมา 16ปีแล้ว ตอนนี้ก็มีลูกค้าเกือบ 2700 คน
ได้เห็นว่าเวลาคนจะร่ำรวย ไม่ใช่แค่เรื่องเลือกหุ้นถูก
ถ้าเงินออมน้อย รายได้น้อย หรือรายได้ดี กินใช้หมด ก็ไม่รวย
หลักธรรมที่สำคัญสุดในพุทธศาสนาคือ ศีล สมาธิ ปัญญา
ทางสายกลาง ไม่ประมาท ไม่สุดโต่ง คิดให้รอบคอบ
ที่อยากให้ชวนคิด อุ อา กะ สะ เป็นคาถาหัวใจเศรษฐี
พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้บอกว่าให้ทำแล้วเป็นเศรษฐี แต่ให้อยู่ได้ดี

อุ คือ อุฏฐานสัมปทา ขยันหมั่นเพียรหา
เป็นการหารายได้ ปัจจุบันธุรกิจก็เปลี่ยนเร็ว
เคยทำงานบลจ. อยู่กับ ดร.สมจินต์ คนขายเป็น bank ต่อไปงานก็จะหายไป
เคยเรียนวิศวกรจบมาเดี๋ยวนี้ในโรงงานเครื่องจักรก็เข้ามาทำแทน
ตัวเราขวนขวายหาช่องทางทำมาหากินที่จะอยู่ต่อไปได้ยาวๆ
อย่างบ้านเราเป็นแหล่งท่องเที่ยว บวกกับเป็นยุคผู้สูงอายุ
มาลองนึกดูว่าคนที่เชี่ยวชาญท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุก็ยังมีน้อย
มักไปกระจุกตัวกับแหล่งท่องเที่ยวบางแห่ง

อา คือ อารักขสัมปทา เก็บรักษาไว้
บางคนรายได้ไม่เยอะ แต่รู้จักเก็บก็สร้างเนื้อสร้างตัวได้
สมัยนี้มีเครื่องมือช่วยรักษาเงินอีกเยอะ อยากชวนคิดว่าได้ใช้เครื่องมือเหล่านั้นหรือยัง
ประกันรถเราซื้อ แล้วได้ประกันให้ตัวเองหรือยัง
เงินสั้น เงินยาว ได้จัดการหรือยัง อาไม่ใช่แค่การเก็บ แต่เก็บให้ถูกวิธีด้วย
อย่างการเก็บเงินไว้เผื่อป่วย เก็บเท่าไรก็ไม่พอ เด็กเข้าโรงพยาบาลสัปดาห์เดียวก็หมดเป็นแสน
หรือผ่าตัดไส้ติ่งก็หมดเป็นแสน หรือบางอย่างก็เป็นล้าน

กะ กัลยาณมิตตตา การคบมิตรที่ดี
เคยบวชมา วันสุดท้ายก่อนสึก ไปลาพระอาจารย์
ปรึกษาว่าอยากทำดี รักษาศีล เพื่อนชวนไปกินดื่ม อยู่ในสังคมก็ต้องคล้อยตาม
พระอาจารย์ก็ตอบสั้นๆ ว่า เราเลือกเพื่อนได้
ในทางการเงิน กัลยาณมิตร ก็คือหากองทุนช่วย
ตอนที่อยู่ บลจ.ทหารไทย เห็นภาพ fund manager ทำงาน ตั้งใจทำ
คิดวิเคราะห์อย่างดี ไม่เคยเห็นว่าขี้เกียจ ปล่อยปละว่าพอร์ตเป็นอย่างไรช่างมัน
ซึ่งภาพต่างจากการดูข่าวออกรายวัน สถาบันทุบหุ้นทำร้ายรายย่อย
ที่จริงเงินสถาบันก็เป็นเงินจากประชาชนรายย่อย

ส่วนถ้าเราจะลงทุนทำเอง ก็ต้องหาเพื่อนที่มีความสนใจในแนวทางเดียวกัน
ช่วยกันเตือน ปรึกษาหารือกัน
ให้ระวังกลุ่มคนที่เหมือนเข้ามาช่วยแต่ปลอกลอก เช่น แชร์ลูกโซ่

ส่วนตัวก็โชคดีที่มีเพื่อนสนใจเรื่องเดียวกัน ยุคหนึ่งก็เคยสิงสถิตย์ในบอร์ดไทยวีไอเหมือนกัน
ยุคหลังก็มีสื่อเป็นเพื่อน สมัยก่อนไม่สามารถเข้าถึงความคิดไอดอลทางการเงินได้ง่ายแบบนี้
สามารถค้นหาดูได้ในอินเทอร์เน็ท เช่น เปิด youtube

สะ สมชีวิตา ใช้ชีวิตให้เหมาะสม หรือชีวิตที่พอเพียง
ส่วนตัว คิดว่าคือ คนที่มีความสุขได้ง่าย โดยไม่ต้องมีอะไรพิเศษมาก
คือคนที่ได้รับพรในชีวิตดี กินง่ายๆก็มีความสุข ขึ้นรถไฟฟ้าก็ไม่ได้ทุกข์อะไร
วันหนึ่งมีฐานะดีขึ้นก็มีความสุข ตกต่ำลงก็ไม่ทุกข์มาก
เป้าหมายก็จะไม่สูงพิสดาร พร้อมจะแบ่งปันคนอื่น

สรุปคือ หา ใช้ เก็บ ลงทุน วนอยู่ในคาถาหัวใจเศรษฐี
ช่วงที่จบจากนิด้า เรียนปี 50 เป็นผู้ช่วยสอนกับอ.ไพบูลย์ ได้ไปทำงานต่างจังหวัด
นั่งรถตู้ไป และมี นักศึกษานิด้า 2 คน ไปด้วยกัน เดินสายไปตามจังหวัดต่างๆเพื่อประชาสัมพันธ์
ซึ่งอาจารย์นั่งปล่อยมุขกันตลอดทางเหมือนบนเวที
สิ่งที่เป็นแบบอย่าง คือ อาจารย์ไม่ได้เจ้ายศเจ้าอย่าง กินง่ายๆ ที่ไหนก็ได้
เป็นตัวอย่าง กลุ่มเพื่อนที่คบกันมากกว่า 30 ปี กัลยาณมิตร ชีวิตง่ายธรรมดาเหมือนเดิม
กลับกันส่วนตัวรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยน รสนิยมเปลี่ยน ติดสุขสบายมากขึ้น เลยจึงอยากยกตัวอย่างให้เห็น

เลือกหุ้นจัดพอร์ต เคยซีเรียสมากในยุคหนึ่ง เปิดดูพระพุทธเจ้าห้ามอะไรไว้
วัสดุก่อสร้างก็ไม่ได้มียาฆ่าปลวก เซเว่นก็ไม่ได้ขายแอลกฮอลล์ ก็จะทำอะไรยาก
หลังๆก็มองว่าอะไรที่ไม่เป็นกิจกรรมหลัก ก็ยอมรับได้ แต่ก็ไม่ได้ไปยินดีอะไรกับมันมาก

ตอนหลังจะเลือกหุ้นที่ไม่ได้เบียดเบียนใครมาก ถ้า stakeholder ทุกคนมีความสุข
ลูกค้า พนักงานมีความสุขจะดีมาก

ยุคนี้อย่าประมาท อย่ากระจุกลงอะไรอย่างเดียว ต่อให้มั่นใจแค่ไหน คนเราก็เปลี่ยน ธุรกิจก็เปลี่ยนได้
เช่น ทั้งพอร์ตมีแต่หุ้น หรือหุ้นทั้งหมดมีแต่ไทย หรือหุ้นกลุ่มธุรกิจเดียวกัน ต้องกระจาย
อย่างจีน อเมริกาทะเลาะกันก็มีบริษัทที่จีน หรือ อเมริกาได้ประโยชน์หุ้นก็ขึ้นอยู่

อ.นิเวศน์
ครั้งหนึ่งเคยออกหนังสือ ธรรมะกับการลงทุน ขายไม่ดีเลยตระหนักว่า
คนส่วนใหญ่ไม่สนใจหรอกเป็น คนละเรื่อง ขัดแย้งกัน
แต่ที่จริง ธรรมะช่วยการลงทุนได้ ตัวเองก็เป็นชาวพุทธ เคยบวชตอนอายุยี่สิบต้นๆ
ตอนนี้กินเบียร์ทุกวันเลย ก็มาคิดว่าถ้าเป็นชาวพุทธต้องเลิกกินเบียร์ ความสุขคงหายไป
พออ่านหนังสือเยอะขึ้นก็พบว่า เราน่าจะเป็นเอทิสต์
คือเป็นกลุ่มนึ่งที่ไม่เชื่อในพระเจ้า/เทวดา/สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่เชื่อใน moral หรือคุณงามความดี
คนสมัยนี้จำนวนมากก็เป็นเอทิสต์ ซึ่งเป็นศาสนาที่โตเร็ว

ศาสนาคริสต์บอกมีพระเจ้ามาสร้างโลก ซึ่งสมัยนี้ได้เรียน ชาร์ล ดาวินก็บอกคนเหมือนลิง
แค่เกิดพัฒนามาเรื่อย มียีนส์ของคนที่มีความคิดทำให้เราเอาตัวรอดได้ดีในหมื่นกว่าปีที่ผ่านมา
ทำให้เผ่าพันธ์เจริญเติบโตมาเรื่อย มนุษย์เป็น selfish gene จึงทำให้เราเอาตัวรอดได้ดี
มีการช่วยเพื่อนและหวังว่าเพื่อนจะมาช่วยตัวเอง
มนุษย์ก็เป็นเหมือนๆกันไม่มีคนดีคนเลว ขึ้นกับสถานการณ์โอกาสเอื้ออำนวย

ที่จริงพุทธก็เป็นศาสนาที่ดีเยี่ยม อย่างพุทธก็เป็นเอทิสต์ ไม่มีพระเจ้าอะไร ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณทำ
ของบางอย่าง เป็นความสุขของเรา ต้องรู้จักสิ่งที่เหมาะสมเอง
ถ้าศาสนาบอกให้กินเหล้าวันละนิดจิตแจ่มใส ไม่ได้ มันต้องเข้มงวดไม่งั้นคนเมาก็ไม่ดี

ในเมื่อมนุษย์ต้องแข่งขัน จะไปบอกว่าคนนั้นไม่ดี คนนี้ดี มันขึ้นกับโอกาส
เพราะมนุษย์ทุกคนประเมินตลอดเวลาว่าทำสิ่งนั้นแล้วได้ผลตอบแทนคุ้มความเสี่ยงไหม
ไม่มีศาสนาไหนดีกว่าศาสนาไหน มันขึ้นกับคนนั้นๆ

มุมมองลงทุนก็จะมอง แข่งขันอย่างไร ชอบอะไรที่เป็นแฟร์เกม ใครที่โกงเราไม่ชอบก็ไม่เอา
โดยเรื่องขายไก่อะไรไม่ได้สนใจ เพราะเราก็ต้องกิน

ศาสนาพุทธมีอะไรเข้ากับการลงทุนได้ดี เป็นสายกลาง
เราอยากค่อยๆไป แบบไม่จน ขอมีความสุขไปเรื่อยๆดีกว่า
บางคนที่ชีวิตได้เพิ่มมากๆเร็วๆ เวลาที่ลดลงจะทุกข์หนัก

อย่าเอาเรื่องหุ้นมาเป็นทุกอย่างของชีวิต
มนุษย์ไม่ได้ต้องการมีหุ้นเยอะ มีความสุข ขยายเผ่าพันธ์
รวยไปมากๆ ก็ไม่ได้ใช้ ใช้เงินมากกว่านี้ก็ไม่มีความสุขขึ้น

ชอบศาสนาไหน นับถืออะไร ก็ทำให้ความสุข ลงทุนยึดสิ่งที่ตัวเองเชื่อถือ
ทุกศาสนาก็มีแนวคิดให้คนที่นับถือมีความสุข
ส่วนการลงทุนก็เป็นตัวช่วยให้มีความสุข การมีเงินมากก็มาช่วยแก้ปัญหาได้
แต่สุดท้ายสุขทุกข์ก็อยู่ที่ใจ

อ.เสน่ห์เสริมว่าไปเจอประโยคฝรั่งที่ตรงกับที่ดร.นิเวศน์พูด
A satisfied life is better than a successful life
because our success is measured by others
but our satisfaction is measured by our own, our mind, our heart

ชีวิตที่เราพึงพอใจดีกว่าชีวิตที่ประสบความสำเร็จ
เพราะความสำเร็จต้องวัดโดยคนอื่น แต่ความพึงพอใจมันวัดด้วยตัวของเราเอง ความคิดและหัวใจเราเอง

อ.ไพบูลย์
เวลาสอนที่นิด้า จะพูดประโยคหนึ่งให้นักศึกษารู้ว่าวิชาการเงินมันต้องควบคู่กับวิชาอื่น
เพราะจะสร้างกิเลสอย่างเดียว การเงินเป็น maximization หาให้มากสุด กอบโกยให้มากสุด
ซึ่งศาสนาพุทธเป็นทางสายการตรงกับฝรั่งคือ optimization ทำให้ชนะร่วมกับทั้งกลุ่ม
สิ่งที่เรียนการเงินต้องติดตัวไปด้วยคือ วิชาป้องกันเราไม่ให้โลภที่สุด นั่นพุทธศาสนามีอยู่
ถ้าเป็นเรื่องหุ้น ต้องรู้ว่าเราเงินไปลงที่ไหน ถ้าไปทำงานที่ไม่เหมาะก็เอากลับมา
อยากเป็นหมอ ไม่ได้เป็นก็ไปซื้อหุ้นโรงพยาบาล ไม่อยากเห็นคนเชือดไก่ ก็อย่าเอาเงินไปใส่ตรงนั้น
ไม่ชอบค้าอาวุธ ค้ามนุษย์ ค้ายาพิษ ของมึนเมาก็อย่าเอาเงินไปอยู่ตรงนั้น
นอกจากนั้นทางสายกลางอย่างที่หลายท่านพูดไม่ตึงไปไม่หย่อนไป
อย่างอ.นิเวศน์กินเบียร์กระป๋องนึงเป็นทางสายกลางก็กินไป
ส่วนตัวก็ไม่ซื้อหุ้นที่ขายเหล้า อย่างร้านอาหาร s&p, m
แต่ขายเบียร์ก็ไม่กล้าเอาเงินไปลง หากคนสบายใจก็เอาเงินลงได้

อยู่ในโลกการเงินต้องนึกถึงอะไรไม่เที่ยงแท้ โลกธรรม 8
มีลาภ เสื่อมสาภ มียศ เสื่อมยศ มีสุข มีทุกข์ มีสรรเสริญ มีนินทา
ถ้าระลึกตรงนี้แล้วยังไม่เชื่อตัวเอง ให้ระลึกว่าเราตายได้เสมอ
พูดกับตัวเองเสมอไม่รู้จะตายเมื่อไร แก่ก็ตาย เด็กก็ตาย
เมื่อเร็วๆนี้ออกข่าวก็มีคนอายุไม่มากมีเงินมาก็เสียชีวิต

อ.เสน่ห์ เสริมมีบทกลอนที่มีคนเขียนไว้ เป็นบทสรุปที่ดร.ไพบูลย์ พูด
ร่างกายนี้ ที่แท้ แค่บ้านเช่า
เพียงชั่วคราว เข้าพำนัก พักอาศัย
สามหมื่นวัน พลันต้องยื่น คืนเขาไป
วิงวอนใคร ไม่มีขอ ต่อสัญญา
ถึงหมอดี ผีดัง อย่าหวังพึ่ง
เวลาถึง ต้องจำพราก จากเคหา
ทิ้งร่างกาย ไว้ให้ กับโลกา
สิ่งนำพา ติดตัว ชั่วกับดี

ปิดท้าย
คุณตู่ สรุปที่ทุกท่านพูด
ของตัวเอง หลัก 6 ข้อ 1.มีภูมิรู้ 2.มีความเพียร 3. ไม่เพลี่ยงพล้ำ 4. รู้เพียงพอ 5.ไม่คบพาล 6.รู้เผื่อแผ่
อ.ไพบูลย์ เดินสายกลาง อย่ายึดติด
อ.นิเวศน์ สายกลาง มีประมาณปานกลาง มีเยอะเมียยึด
คุณเอ อุกากะสะ

คุณเอ
พอถึงจุดหนึ่งเราก็กินพอๆเดิม อายุ 36 บางทีก็อย่าสนเรื่องเงินเกินไป
จะใช้เวลาบนโลกนี้อย่างไร เห็นจากผู้ใหญ่หลายท่านยิ่งมีเงินยิ่งทำงานหนัก
ซึ่งท่านจะเชื่อว่าทำงานที่มีประโยชน์ มีลูกค้าที่เคารพสุดท่านหนึ่งว่าถ้าเรามีทุกอย่างแล้ว
จะทำอย่างไรต่อไป ท่านแนะนำ 2 อย่าง ทำสิ่งที่มีประโยชน์ หามิตรที่เชื่อแบบเดียวทำด้วยกัน
ถ้าได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แล้ว มันจะเจออุปสรรคอยู่ดี
อย่าทำคนเดียวจะได้มีคนที่เชื่อแบบเดียวมาให้กำลังใจ แล้วสิ่งที่ทำก็จะทำได้นานขึ้น

ดร.นิเวศน์ ตอนนี้ชีวิตเป็นนักเลือก ไม่ได้เป็นนักสู้ ใครจะทำอะไรก็ช่างเค้า
อย่าไปยึดติด กังวลมากว่าต้องอย่างนู้นอย่างนู้น พอตายไปคนก็ลืมหมดแล้ว
ชอบอยู่แบบอิสระ ไม่ได้แคร์อะไรมากไป อะไรไม่แฟร์ไม่ชอบก็เลี่ยงไป
เช่น ลูกเค้าก็ใช้ชีวิตแบบนั้นก็เรื่องของเค้า มีความสุข ทำได้ก็ทำไป
เป็นนักลงทุนก็ต้องเลือกให้เป็น ความสุขก็มาเอง เป็นนักสู้เถียงไปก็ไม่ได้อะไรก็ต้องทำอยู่ดี

อ.เสน่ห์
สิ่งที่พูดมีสรรเสริญ ก็ต้องมีนินทา
เด็กไปเล่นน้ำ น้ำทะเลพัดรองเท้าหลุดไป ก็เขียนบนหาดทรายว่าทะเลใจร้าย
ขณะที่ชาวประมงหาปลาได้มากมาย ชาวประมงก็เขียนบนหาดทรายทะเลเป็นผู้ให้
ผู้ชายคนหนึ่งก็พาลูกไปเที่ยว น้ำพรากชีวิตไป ก็เขียนว่าทะเลคือฆาตรกร
อีกคนหนึ่งไปงมได้หอยมุก บอกทะเลคือที่แสนวิเศษ

แมวชอบกินปลา แต่ว่ายน้ำไม่เป็นต้องรอให้คนหาปลามาให้
ปลาก็ชอบกินไส้เดือน แต่ปลาไม่มีโอกาสขึ้นบกมาหาไส้เดือน
อย่าคิดว่าต้องทำอะไรด้วยตัวเองเสมอไป

ชีวิตคนเรา
อย่าได้อวดเรื่องเงินทอง อวดไปตอนตายก็ไม่ได้มีความหาย
อย่าได้อวดเรื่องหน้าที่การงาน เกษียณก็ไม่ได้มีความหมาย
อย่าไปอวดเรื่องบ้านรถราต่างๆ เอาไปไม่ได้
อวดเรื่องคุณงามความดี อวดเรื่องสุขภาพ
จะทำให้เรามีชีวิตยืนยาวนาน มีชีวิตที่มีความสุข และทำให้คนรอบข้างมีความสุข
ในฐานะเป็นนักลงทุนอย่างมีเป้าหมาย

ขอขอบคุณผู้จัดงาน แขกรับเชิญ ทีมงานทุกท่านครับ
Part 1 ทางพี่อมรเป็นผู้สรุปให้ครับ
Go against and stay alive.
amornkowa
Verified User
โพสต์: 2195
ผู้ติดตาม: 0

Re: MoneyTalk@SET16/11/62เล็งรวยหุ้นMegatrend&เลือกหุ้นจัดพอร์ตเส้นทางธรรม

โพสต์ที่ 2

โพสต์

MoneyTalk@SET 16 Nov 2019 13.30
ช่วงที่1 เล็งรวยหุ้นด้วย Megatrend


วิทยากร :
นพ. เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการ บมจ บางกอก เชนฮอสปิทอล (BCH)
คุณ นริศ เชยกลิ่น กรรมการ บมจ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR)
คุณ เกษม พันธ์รัตนมาลา Head of Research บล ซีจีเอส ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) CGS CIMB

อ เสน่ห์ ศรีสุวรรณ และ นพ ศุภศักดิ์ หล่อธนวณิชย์ ดำเนินรายการ

MoneyTalk ครั้งหน้าวันที่ 14 ธันวาคม 2562 จองวันที่ 7 ธันวาคม 2562
ช่วงที่ 1 เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย ผลกระทบหุ้น
ดร ศุภวุฒิ สายเชื้อ
ถ้ามีเวลาเหลือจะพูดถึงเรื่องสุขภาพ
และ หัวข้อ พลังงานทางเลือก โดย คุณ กุลิศ สมบัติศิริ
ปลัดกระทรวงพลังงาน
อ นิเวศน์ และ อ ไพบูลย์ เป็นผู้ดำเนินการ

ส่วนช่วงที่2 แนวโน้มหุ้นไทย
วิทยากร
คุณ ไพบูลย์ นริทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์
คุณมนตรี ศรไพศาล บล เมย์แบงค์กิมเอ็ง
ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญหุ้นวีไอ
อ เสน่ห์ และ อ ไพบูลย์ ดำเนินรายการ

เริ่มเข้ารายการ

อ เสน่ห์ เกริ่นเรื่อง Megatrend ได้แก่
กระแสสุขภาพ
กระแสเทคโนโลยี เป็นต้น

วันนี้เราคุยเรื่อง เล็งรวยด้วยหุ้น Megatrend
แต่เล็งแล้ว อาจยังไม่ซื้อ เช่น เล็งรถยนต์ หรือ เล็งผู้หญิง
แต่ยังไม่ได้ซื้อก็ได้
เล็งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบ ใช้ในการจับตา ดูว่าน่าสนใจขนาดไหน

ช่วงแรก คุณเกษมมาอับเดทเทรนของกลุ่มนี้
ภาพรวมธุรกิจของโรงแรม และ โรงพยาบาล

คุณเกษมเริ่มที่กลุ่มโรงพยาบาล กระแสมาหลายปี
แต่ปลายปีที่แล้วถูกกระทบ จากเรื่องการควบคุมราคายา
และค่าใช้จ่ายต่างๆ ทำให้ราคาปรับลดลงมาพอสมควร
ทั้งที่ตอนต้นปี2561ปรับตัวดีมาก ทำให้เกิดการขายทำกำไรในช่วงปลายปี
ช่วงกลางปี2562 ยังกลัวเรื่องโรงพยาบาลกลางเมืองที่เพิ่มมาใหม่จะกระทบหรือเปล่า
กว่าจะเคลียร์ได้ก็ปลายไตรมาสสาม ว่าไม่มีการควบคุมราคายา (แต่ราคาหุ้นลดลงไปเรียบร้อยแล้ว)
แต่ให้รพ แจ้งราคายาอย่างโปร่งใส มีการแจ้งราคายากับคนไข้
และมีการประกาศ รพ สีเขียวกับรพ ต่างๆ ซึ่งราคายาถูก
แต่ราคาหุ้นยังไม่ฟื้นตัว เพราะมีขยายตัวเปิดรพใหม่
ต้องใช้เวลาในการขยายผลประกอบการ
เนื่องจากขนาดการสร้างรพต้องใหญ่พอสมควร ต้นทุนต่อขนาดจะถูกลง
และผู้ป่วยที่ต้องใช้เวลาในการที่จะรู้จักที่ใหม่
ผลการดำเนินงานที่ผ่านมายังไม่ดีเท่าไหร่

แต่ล่าสุด ผลประกอบการไตรมาสที่สามของกลุ่ม รพ ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
ผู้ป่วยจากตะวันออกกลาง เริ่มกลับมาแล้ว
จากเมื่อสองปีก่อนมีวิกฤตน้ำมัน ทำให้คนตะวันออกกลางรักษา
ภายในประเทศแทนเพื่อลดค่าใช้จ่าย ช่วงนั้นราคาน้ำมัน 40$
ตอนนี้ราคาน้ำมันฟื้นตัว และ รัฐบาลในตะวันออกกลางเป็นคนจ่ายให้
และมีกลุ่มที่จ่ายเอง

ทำให้คนไข้จากตะวันออกกลางเริ่มกลับเข้าที่ไทยมารักษา
ทำให้รพที่รักษาคนไข้ต่างประเทศ ผลประกอบการเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสสองปีที่แล้ว (2561)

แต่รายได้ค่อยๆมา ทั้งที่ราคาน้ำมันก็เพิ่มไม่มาก (จาก40$ไป60$)
การรักษาในโรงพยาบาลไทย ค่าใช้จ่ายถูกกว่ารักษาในประเทศตัวเอง(ตะวันออกกลาง) หรือ ถูกกว่าการรักษาที่ยุโรป

ตรงนี้น่าจะมีผลบวกต่อ รพ ที่รักษาคนไข้ต่างชาติ (ตะวันออกกลางและกลุ่มCLMV)
แต่มีเรื่อง รพ เพิ่มจำนวนจากการเปิดรพใหม่ ซึ่งเรื่องนี้ผมไม่ค่อยกังวล
เพราะต้องใช้เวลาในการให้คนรู้จัก รพใหม่
แต่ที่น่ากลัว คือ รพ รัฐ ที่มีชื่อเสียงเปิดรักษาในช่วงเย็น เช่น รพ จุฬา, ศิริราช
ซึ่งมาแย่งลูกค้าจาก รพ เอกชน ได้

กลุ่มรพ เอกชน ที่รักษาให้กับลูกค้าประกันสังคม
ได้ประโยชน์จากการที่จะมีโอกาสปรับค่ารักษามากขึ้น
หลังจากไม่ได้ปรับมา2ปีแล้ว

Sectorท่องเที่ยว โดนกระทบเยอะจาก ปีที่แล้ว เดือนกค เกิดเรือล่มที่ภูเก็ต
ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหายไปพอสมควร
กระทบต่อโรงแรม ซึ่งโรงแรมเพิ่มใหม่เยอะขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา

โรงแรมในต่างจังหวัดจะเพิ่มมาก่อน เพราะขนาดของโรงแรมเล็กและสร้างได้เร็วกว่า
การแข่งขันจะรุนแรง ถ้าsupplyเพิ่มมากกว่าDemand
ทำให้ผลประกอบการจะเหนื่อยถึงแม้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาแล้ว
นักท่องเที่ยวในไตรมาสสามเติบโต 7% ซึ่งไม่ได้แย่มากนัก
ไตรมาสสี่ก็น่าจะโตในระดับใกล้เคียงกัน

ปีนี้โตเฉลี่ย5% และปีหน้าก็โต5%
นักท่องเที่ยวปีละ40ล้านคน 5%ก็เพิ่มปีละ2ล้านคน เป็นตัวเลขพอok
ปีหน้าsupplyเยอะ ทำให้การแข่งขันยังรุนแรงอยู่
ดังนั้นกลุ่มที่มีโรงแรมในกรุงเทพก็ยังเหนื่อยอยู่
โรงแรมในต่างจังหวัดอาจเพิ่มไม่เยอะเหมือนกรุงเทพในปีหน้า
ส่วนจังหวัดที่มีการท่องเที่ยว พัทยา ภูเก็ต
ที่เพิ่มเยอะคือ โรงแรมในจังหวัดภูเก็ต

ส่วนภาคตะวันออก ไม่ค่อยเพิ่ม
โรงแรมในกรุงเทพและหัวเมืองภาคใต้ จะเหนื่อยกว่า
ถ้าบริษัทไหนมีโรงแรมในต่างประเทศ ผลประกอบการน่าจะดีกว่า

กระแสท่องเที่ยวของโลกค่อนข้างดีมาก หลายประเทศยังเติบโตได้ดี
ดังนั้นบริษัทที่ลงทุนโรงแรมในต่างประเทศก็ยังน่าสนใจ
ในยุโรป ตลาดโรงแรมค่อนข้างmature ไม่ได้มีการโตเยอะ ขึ้นกับกลยุทธ์

MINT หรือ บริษัทไมเนอร์ ก็มีการปรับโรงแรมไม่ดีก็ขายออกไปจากพอร์ต
และปรับปรุงโรงแรมที่มีอยู่ ที่เติบโตดี และมีlocationที่ดี
ที่มัลดีฟ ธุรกิจท่องเที่ยวก็ยังดีอยู่ ปีนี้นักท่องเที่ยวเติบโตดีขึ้น
9เดือนที่ผ่านมา เติบโต10กว่า% ในช่วง2-3ปีที่ผ่านมา โตพอๆกับไทย
แต่ปีนี้โตแซงเราไปแล้ว

นักท่องเที่ยวที่มัลดีฟปีละ1.5ล้านคน ดังนั้นการเพิ่มนักท่องเที่ยว10% ก็ไม่ใช่เรื่องยาก โดยมีการขยาย run way ใหม่ ซึ่งทำให้โตได้ไม่ยาก

นโยบายทางภาครัฐของมัลดีฟ นอกจากจับกลุ่มที่มาฮันนีมูนย่างเดียว
มาจับนักท่องเที่ยวที่มาซ้ำได้ ราคาย่อมลงมา ไซด์ของตลาดใหญ่กว่าเยอะ
เทียบกับเมืองไทยมีนักท่องเที่ยว 40 ล้านคน จะโต%สูงๆจะยากกว่า

ส่วนนักท่องเที่ยวอินเดีย ชอบเรื่องการยกเว้นวีซ่า2,000บาท ทำให้คนมาเที่ยวไทยเยอะ
อีกอย่างคือมาจัดงานแต่งงาน งานสัมมนา ซึ่งค่าใช้จ่ายถูกกว่าที่อินเดีย

ดังนั้นประเทศมาเลเซียก็พยายามcopyไทย เช่น ยกเว้นค่าวีซ่า
ส่วนฮ่องกงไม่ค่อยสงบ ทำให้นักท่องเที่ยวบางส่วนเปลี่ยนจากเที่ยวฮ่องกง
มาเที่ยวไทยแทน ก็สามารถเพิ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศมาไทยได้อีก

BCH :
คุณหมอเฉลิมมาอับเดท หลังจากเคยออกรายการเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
หมอเคถามว่า โรงพยาบาลประกันสังคมที่ใหญ่สุดในประเทศไทย
ผลประกอบไตรมาสสามสดใส หลังจากนี้เป็นอย่างไร อยากให้คุณหมอพูดสั้นๆ
เกี่ยวกับ รพ

คุณหมอเฉลิมบอกว่ากลุ่มรพ BCHมี4 แบรนด์ ได้แก่

1.World Medical Center ซึ่งเป็นBrand ระดับบน
2.รพ เกษมราษฏร์ International
3.รพ เกษมราษฏร์ทั่วไป เช่น เกษมราษฏร์ประชาชื่น บางแค
4.รพ เกษมราษฏร์ ประกันสังคม (การุณเวช)
ตอนนี้เรารับทุกตลาด

สัดส่วนรายได้ของBCH:

นอกจากตลาดลูกค้าประกันสังคม 32% ลดลงจากเดิม 38%
ผู้ป่วยทั่วไปที่ต้องจ่ายเงินสด รายรับโต5%
ตั้งเป้า 70% ตอนนี้ได้ 68% ซึ่งเป็นฐานสำคัญทั้งคนไทยและต่างชาติ

เราอยู่ในmegatrend : สังคมผู้สูงอายุ
เมืองไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว
ปีหน้าต้องเตรียมรับดีๆ เพราะว่าปีนี้ ปลายปี ประเทศไทย เรื่องนวดไทย
จะเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลก จากยูเนสโก
ประเด็นที่สอง ปีหน้าจะเป็นปีที่ถูกกระตุ้นในเรื่องของ Medical Tourism
และ Tourismด้วย ถือเป็นงานใหญ่ของรัฐบาล
ส่วนของโรงพยาบาล นักท่องเที่ยวเข้ามา 40 ล้านคน
7-8%เป็น Medical Tourismอยู่แล้วโดยธรรมชาติ

เมื่อก่อนเราไม่เคยมีรายรับจากคนต่างชาติ
ตอนนี้ ศูนย์ที่รอบรับต่างชาติก็โต10%แล้ว
เราโต2digitมาเกือบทุกปี 9เดือนปีนี้เราโต 12%กว่า
เราnew highมาเรื่อย รวมถึงผลประกอบการไตรมาสสาม

เหตุผลว่าทำไม รพ ของเราจึงโต
เดือน เมย หรือ พค ปีหน้า เราเปิด รพ เกษมราษฏร์อินเตอร์ อรัญประเทศ (ไม่มีประกันสังคม)
รับลูกค้าปอยเปต และ เขมร
ซึ่งเป็นคนชนชั้นกลาง ไม่ต้องบินมาไทย แต่เราไปบริการให้ที่ฝั่งไทยนะครับ ยังไม่ได้ข้ามฝั่งไป

ส่วนปลายปีหน้า เกษมราษฏร์ นครหลวงเวียงจันทร์ ก็เสร็จพอดี
ถือ เกษมราษฏร์อินเตอร์ เรายังไม่ลงทุนเพิ่มเตียง

ปีหน้า ก็เสร็จเหมือนกัน คือ เกษมราษฏร์ปราจีน อยู่หน้านิคมอุตสาหกรรม34
ซึ่งเราสามารถเพิ่มเตียงในกลุ่มรพ จนถึง 3,000 เตียง

ธุรกิจจะเดินหน้า 10%กว่าได้อีก เพราะมีอีกตัวแปร
มาจากค่าหัวประกันสังคม จะมีการปรับราคาใหม่ในแง่
เหมาจ่ายรายหัว ซึ่งดีต่อเรา
คร่าวๆในการปรับ จะสะท้อนค่าใช้จ่าย ปลายเดือนนี้ก็รู้แล้ว

เราเพิ่มรายได้โดยเปิด ศูนย์บุตรยากที่world medical center
เป็นอีกตัวที่เพิ่มรายได้
ศูนย์แผลเบาหวานที่ เกษมราษฏร์ รามคำแหง เปิดแล้ว 9เดือน จาก ตค 2561
ตอนนี้Break even มีกำไรแล้ว

สุดท้าย รพ ทั้ง13 จุด ไม่ใช่ประเด็นที่จะดึงเรา
ส่วนการupgrade รพ จะช่วยเพิ่มรายได้
โดยทำ physical , technology ,คุณหมอ หรือ เครื่องมือให้ทันสมัย
นอกจากนี้ ถือเป็นgrowth driver มากกว่าประกันสังคม

คณะแพทย์ที่จบมา ต้องการเครื่องมือ ดังนั้นรพ ที่ไม่มีเครื่องมือ
แพทย์จบใหม่ก็ไม่มาทำงานด้วย

การขยายรพ จากปัจจุบัน 2,500 เตียงจาก 12 รพ จริงได้ถึง 3,000 เตียง
โดยไม่มีการสร้างตึก แต่เพิ่มเครื่องมือเข้าไป
เทียบกับ เบอร์หนึ่ง 4,000 กว่าเตียง ซึ่งไม่ขยายมากนัก

หมอเคถามว่า แต่เราจะขยายไปชายขอบหรือต่างประเทศแสดงว่า
การขยายในประเทศยากใช่ไหม
หมอเฉลิมตอบว่าวิธีคิด ถ้ามีความต้องการของชุมชน
เราก็ไปตลาดชายขอบ รองรับคนต่างชาติ เช่น แม่สาย
เราลงทุน30เตียง รอบรับคนพม่า 300 คนต่อวัน
ฝั่งลาว แขวงบ่อแก้ว เขตเศรษฐกิจ มีรพ คาสิโน
คนไข้ก็ส่งต่อให้เรา

คำถามว่า ถ้ามีรพเก่าอยู่ และถามว่ามีที่ดินเพียงพอหรือไม่
ถ้ามีพื้นที่เพียงพอ สามารถปิดตึก renovate ได้

แต่บางรพ เล็กเกินไป ก็จะสร้างใหม่
รพ 300 โรง อยู่ในเครือข่ายรพ ใหญ่ 100 แห่ง

แนวทางขยาย
1.ลูกค้าจากต่างประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศในCLMV
ให้เช็คดูพบว่าลาวstableสุด ลาวมีประชากร6ล้านคน
ส่วนเขมรมีประชากร 17 ล้านคน
ซึ่งขาดโรงพยาบาลและหมอ

ส่วนในไทย การเอาหมอไปนั้น
ส่วนของราชการปี64 ไม่มีตำแหน่งของหมอ
หมายถึง รัฐไม่มีตำแหน่งให้หมอเข้าทำงานแล้ว
อาจมีการใช้โควตาของหมอที่เกษียณอายุมาใช้แทน

ดังนั้นหมอจะrollingให้หมอมาโรงพยาบาลเอกชน
เมืองนอก มี visiting doctor นาน6เดือน
แต่หัวหน้าแผนกของรพ ที่ต่างประเทศต้องเป็นคนไทย
การขยายต้องมีdemand โชคดีเรามีทุกตลาด

เรามีรพ 4 กลุ่ม คือ
World Medical Center ,
เกษมราษฏร์ International ,
เกษมราษฏร์ทั่วไป
เกษมราษฏร์ ประกันสังคม

ซึ่งจะแยกกันบริหาร


SHR :
หมอเค ถามว่า SHR Hotel หลัง IPO ราคาลงมา อยากให้คุณนริศชี้แจง

คุณนริศชี้แจงว่า บริษัทบุญรอดเป็นบริษัทแม่
SHR เข้าตลาดมาด้วยเกณฑ์ market cap ไม่ใช่ เกณฑ์ PE
เพราะบริษัทมีผลขาดทุนในปีนี้ เนื่องจากผลประกอบการ

ปีนี้ขาดทุนปีเดียวจากการเปิดโครงการที่มัลดีฟ สองแห่ง
400keys มีมารีน่า มีการจ้างพนักงานมาบริการ โดยยังไม่มีแขก
เราต้องมีค่าใช้จ่ายในกการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์
มีการทำหนังโฆษณา

ปีแรกมีค่าใช้จ่าย pre opening ประมาณ 260 ลบ ในไตรมาสสาม
ส่วนกฏเกณฑ์อื่นเช่น EV,PB
ราคาปัจจุบันถือเป็นการที่เราIPOณ ราคา Book value
ดังนั้น ณ วันนี้ 3.84 บาท ราคาอยู่ที่ Book value ต่ำกว่าราคาIPO 5.2 บาท
ผู้บริหารมีความมั่นใจ และ ชวนคนไปดูโครงการCrossroads
ซึ่งมีมูลค่าลงทุน 1 ใน 3 ของ SHR
เรามั่นใจว่าปีหน้า โครงการCrossroads จะมีกำไร
เติบโต50%ในส่วนของกำไรเมื่อเทียบกับปีนี้

ราคาตลาดที่ตกต่ำสะท้อนมาจากข่าว และ ภาพรวมที่ไม่ดี
สะท้อนจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไม่ดี
ผมไม่สามารถซื้อหุ้น IPO แต่เมื่อวานก็เริ่มซื้อแล้ว

คุณนริศ เล่าจาก เมื่อหกปีที่แล้ว
Sing estate (S) เริ่มจากการนำโรงแรมสันติบุรีสมุยเข้ามา
ปี2014 ซื้อ พีพีไอร์แลนด์ จาก property fund
ปีถัดมา ซื้อหุ้นโรงแรม 26 แห่ง ถือ 50%
ต่อมาซื้อ 3 โรง และ 6 โรงในต่างประเทศ

ปี2019 2โรงแรมที่Crossroads พึ่งเปิดในเดือน กย 19
ซึ่งagent เริ่มเปิดขาย และแขกจะเข้าพักในเดือน ธค 2019
ซึ่งถือเป็น high season ของ มัลดีฟพอดี
Sing estate(S) มีคนมาเสนอขายโรงแรมต่อตลอดเวลา
แต่เราเพิ่มทุนมาสามรอบ เลยเกรงใจผู้ถือหุ้น
เราเลยspin offธุรกิจโรงแรมออกมา ซึ่งดีกว่าSing estate(S)
เรามีธุรกิจอาคารสำนักงาน ที่ Sing complex
รวมถึง ตึก Sun plaza ที่เอาเข้าREITsไป

ส่วน SHR ถูกแยกออกมาและเข้ามาซื้อขายในปีนี้
เงินที่ได้มา
1. ชำระคืนเงินกู้ 5,000 ลบ
2. ขยายต่อ โดยใช้งบ 2,000 ลบ
เรามีแผนเติบโต เฉลี่ยในเรื่องทรัพย์สินเติบโต 45% รายได้ก็เพิ่มประมาณนั้น
ปี2020 โตไม่น้อยกว่า 50%

หมอเค สอบถามถึง กลยุทธ์ในการขยาย
คุณนริศ ตอบว่า ตอนนี้มีภาวะ oversupply
เราเลือก location ที่ไม่มี oversupply
แต่ภูเก็ต oversupply ค่อนข้างอิ่มตัว การเติบโตค่อนข้างจำกัดที่ภูเก็ต
และ พีพี occupancy 90% ซึ่งเป็นเครื่องจักรผลิตcash flow
ฟิจิ และ มอริเชียส ยังดีอยู่

แต่ มัลดีฟ มีคนบอกว่าoversupply แต่ก็มาติดต่อขอซื้อโครงการ Crossroads
สนามบินใหม่จะสร้างเสร็จ ก่อนหน้านั้น เครื่องบินใหญ่ลงไม่ได้
ปกติโต 10กว่า%

ปัญหาคือ ห้องพักจะโตไม่ทัน
เมื่อก่อน กลุ่มคนเที่ยว คือมาฮันนีมูน
เราไปทำบนพื้นที่ 9 เกาะ จากของ บริษัท บุญรอด 3 เกาะ
คือ Hard rock และ SAii Lagoon
นักท่องเที่ยวสามารถไปพักทั้งสองที่ได้

ผมมั่นใจไม่มี oversupply ในมัลดีฟ
ทำให้SHR มีโอกาสเติบโตจากมัลดีฟ

คุณหมอเฉลิม เจาะลึกเรื่องประกันสังคม
เรื่องการปรับการรักษาพยาบาล ส่วนประกันตน
เรามีที่ว่างเป็นแสนคน
โดยเฉพาะสาขารามคำแหง 7หมื่นคน
สระบุรี รับได้ 150,000 คน ตอนนี้มี 100,000 คน
เรายังมีสาขาปราจีนที่จะเปิดใหม่

ดังนั้นผู้ประกันตนล่าสุดคือ 880,000 คน เพิ่มขึ้นมา 8หมื่นคน
จากที่เรารับได้ 1 ล้านคน

ส่วนอัตราการเหมาคนไข้ประกันสังคมไม่ได้ปรับมาสองปี
หม่อมเต่าเป็นคนมาดูแล และ เร่งการจ่ายประกันสังคมออกมา2,000ลบ
เราเลยให้ท่านพิจารณาเรื่องความชัดเจนในการปรับ
และระบบการจ่ายเงินที่รวดเร็วขึ้น
อยากให้จ่ายไปก่อน และ ตรวจสอบทีหลัง

ส่วน World medical center ปี2561 high growth
ปีนี้โต 40% ส่วนแผนกการมีบุตรยาก ก็ตัวเร่งการเติบโต
ถือเป็นการเพิ่มรายได้ของWDC Growth 30%

ส่วนเกษมราษฏร์ รามคำแหง โตกว่า 100%
เรามีupgrade รพ และ เทคโนโลยี ทำให้cash 62% เป็น 68%
เราไม่ต้องส่งผู้ป่วยออกไป เรามีศูนย์หัวใจที่ประชาชื่น
เราไปแก้ไขเรื่องการทำให้รายได้คงที่

เราศึกษาสร้างรพ มะเร็งเกษมราษฎร์ จะได้ไม่ต้องส่งต่อให้รพ อื่น
ศูนย์Stroke (ลิ่มเลือดที่สมอง) เป็นสิ่งที่เราต้องทำ
และให้คนอื่นมาส่งที่เรา เราจะเป็นพี่เลี้ยงของระบบ
Turn over ของเครื่องมือเราจะเร็วมาก
ศูนย์ระดับสูงต้องมีผู้ร่วมใช้ และ เราเป็นคนรับเงิน

SHR อยากให้เล่าเรื่องกลยุทธ์ (เรื่องการสร้างใหม่ หรือ การซื้อ)
คุณนริศ มีทั้งสองอย่าง คือ
1.บริหารเอง มีสองแห่ง คือ รร สันติบุรีสมุย
2.จ้างบริหาร Hotel management agreement 6 แห่ง
3.บริหารเองภายใต้แฟรนไชส์ 29 โรงแรมในอังกฤต
เราบริหารเอง มีทั้ง GM ส่วนสันติบุรี เราบริหารเอง
ส่วน Hardrock , SAii Lagoon
เราใช้แบรนด์ของเขา ทำให้ได้ประโยชน์จากสมาชิก
ส่วนmargin ต่ำจากการจ้างบริหาร 6 แห่ง(HMA)
การเปิดโรงแรมช่วงแรก จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเยอะ

แต่ถ้าซื้อมา เช่น พีพี มีแค่ 150 ห้อง เราเพิ่มเป็น 200 ห้อง
ทำให้รายได้เพิ่มเป็นสองเท่า
ปี2021 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นมา

รร ที่ซื้อ การคืนทุนปกติทั่วไปไม่น่าจะเกิน 8ปี
คือถ้าสร้างเองจะใช้เวลา2ปี กว่าจะได้คืนอีก 8-9ปี
การเติบโตต่อมาจาก M&A ซื้อเข้ามาและปรับปรุงเพิ่มค่าห้องได้

สัดส่วนรายได้
ฐานเราใหญ่ขึ้นจากCrossroads ซึ่งรายได้ค่าห้องแพงมากเฉลี่ยคืนละ 10,000บาท
ประมาณ 1 ใน 3
ส่วนที่3 โรงแรม 5 ดาว 70-90 ห้อง คืนละ 20,000-30,000 บาท
ซึ่งเป็นคนละตลาดกับโรงแรมสองแห่งแรก
ดังนั้นการเติบโตของ SHR จะมาจาก มัลดีฟ
ส่วนอังกฤษ เราซื้อโรงแรมที่เมืองรอง เช่น แมนเชสเตอร์ ไฮเดนเบิร์ก
ซึ่งเป็น shopping street ช่วงBrexit ธุรกิจชะงัก
ดังนั้น โรงแรมรับจัดสัมมนา ก็โดนกระทบ แต่ได้นักท่องเที่ยว ทำให้โต2-3%
ส่วนเมืองไทยค่าห้องแพงขึ้น 10 กว่า% จากค่าเงินบาทแข็ง

สิ่งที่นักลงทุนคาดหวังได้รับ
คุณนริศ บอกว่า ลงทุนในราคาBook value
ราคาปัจจุบัน ไม่สะท้อนมูลค่าของบริษัท
การเติบโตจากนี้ไป เราโต 20% ต่อปี
โดยเฉพาะปีหน้า โต 50%
ดังนั้นสรุปว่าบริษัทสามารถปันผลได้ในเดือน พค 2564

คุณเกษม บอกว่า ปีหน้าตลาดหุ้นผันผวนพอสมควร
ตอนนี้บวกแค่2% ปีหน้านักลงทุนต่างชาติน่าจะไหลเข้ามาเพิ่มขึ้น
จากการเจริญเติบโตของโลกที่ชะลอตัวลง
เขาน่าจะหาที่ลงทุนใหม่

1. กลุ่ม รพ น่าจะได้รับความสนใจจากต่างชาติ
ส่วนหุ้น BCH ถือว่าเป็น Top pick ของเรา

2.ประกันสังคมและกลุ่มลูกค้าเงินสด ทำให้ผลประกอบการ
เป็นบวกเร็วขึ้น รพ ที่Focusขนาดกลางน่าสนใจมากกว่ารพ ขนาดใหญ่
รพ จุฬารัตน์ มี upsideน้อยกว่า BCH
ส่วนกลุ่มรร นักท่องเที่ยวปีหน้ามาเยอะอยู่
แต่ รร มีoversupply ดังนั้น รร ที่มีสาขาในต่างประเทศน่าสนใจ เพราะ
EBITDA ของมัลดีฟ หลัง Breakeven จะมากถึง 40%
ส่วนโรงแรมในไทย EBITDA ประมาณ 30%

การดูPEปีหน้าเป็นหลัก
ปี2021 SHR การทำกำไรของโรงแรมในมัลดีฟ
จะก้าวกระโดด โดยPEในปี2021จะต่ำกว่า รร อื่น ๆ 30%กว่า ดูน่าสนใจ

กลยุทธ์การลงทุน
การรอให้มีกำไรก่อน แล้วค่อยซื้อ ราคาอาจไม่ได้ราคานี้
ตัวเลขการเพิ่มของโรงแรมของมัลดีฟ มีการแจ้งตลอด
แต่การเพิ่มของโรงแรมในไทยไม่มีการแจ้ง ดังนั้นที่มัลดีฟดูมีความเสี่ยงน้อยกว่า

สุดท้ายขอขอบคุณวิทยากรทุกท่าน
อ เสน่ห์ อ ไพบูลย์ และ หมอเค รวมถึงstaff Moneytalkทุกท่านครับ
โพสต์โพสต์