“ตลาดหุ้นไทยลงทุนยากกว่าเมื่อก่อนมาก” “อยากได้กำไรต้องทำการบ้านให้มาก”
นี่เป็นข้อคิดและมุมมองการลงทุนไตรมาสที่ 3 ของพี่ป๋อง คุณวัชระ แก้วสว่าง นักลงทุนพันล้านขวัญใจมหาชน
ในงานสัมมนาของ The Advisory โดยธนาคารกรุงศรี สิทธิประโยชน์สำหรับลูกค้า Krungsri Prime และ Krungsri Exclusive ของธนาคารกรุงศรี
เลยอยากสรุปให้พี่ๆน้องๆนักลงทุนได้ฟังกันครับ
============
1. ”ตลาดหุ้นไทยช่วง 1-2 ปีนี้ลงทุนยากมากปีที่แล้วติดลบไปประมาณ 10% พอๆกับตลาด”
“ส่วนปีนี้ผลตอบแทนของผมก็เบาๆ บวก 1.5% แทบจะเท่ากับเงินฝากเลย” “หลายคนบอกว่าตกรถ แต่ตอนนี้รถผมไม่วิ่งไปไหนเลย” พี่ป๋องแซวตัวเอง คนหัวเราะทั้งห้องเลยครับ
พี่ป๋องเล่าเหตุผลให้ฟังว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพอร์ตใหญ่ขึ้น ทำให้การเข้า-ออก หุ้นแต่ละตัวยากกว่าตอนพอร์ตเล็ก “พี่แค่ซื้อนิดเดียว หุ้นตัวนั้นก็อาจจะขึ้นไปแล้ว 10%” “แวบนึงเราอาจจะหลอกตัวเองได้ว่า โห… หุ้นวิ่งแล้ว แต่จริงๆแล้วไม่ใช่… มันคือเราเนี่ยแหละที่ซื้อเอง ราคาเลยขึ้น”
ปัญหามันไม่ได้เกิดแค่ตอนซื้อครับ เพราะบางครั้งพอมีสัญญานขายแล้ว พี่ป๋องเองก็อยากขายใจจะขาด แต่มันขายไม่ได้เพราะไม่มี bid ทำให้หลายครั้งก็ติดหุ้นเหมือนกัน
============
2. หุ่นยนต์ทำให้การทำกำไรรายวันยากขึ้น
และอีกเหตุผลที่ทำให้การลงทุนยากขึ้น คือตอนนี้เริ่มมีการใช้หุ่นยนต์มาช่วยในการเทรด “บางทีเราเห็นโอกาสในการเทรดแล้ว แต่แค่คิดว่าอยากจะซื้อ” “เราแค่คิด…. แต่หุ่นยนต์ส่งคำสั่งซื้อก่อนหน้าเราเสียอีก” ทำให้เสียโอกาสในการลงทุนไป
“มันเหมือนเรามีมีด แต่คู่แข่งมีมีดด้ามยาว หรือปืนกล” ทำให้เราลงทุนยากขึ้นกว่าเมื่อก่อน “ผมยอมรับเลยว่าตอนนี้ตัวที่ซื้อแล้วถือยาว ทำกำไรได้มากกว่าตัวที่ day trade เสียอีก”
ตอนนี้สไตล์การลงทุนของเสี่ยป๋องเริ่มเน้นถือยาวมากขึ้น เน้นตัวที่มีสภาพคล่องสูง แล้วเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ ถ้าบริษัทน่าเชื่อถือ ราคาไม่แพงจนเกินไป แล้วกราฟสวยก็สามารถทยอยเก็บได้
“ตอนที่พอร์ตเล็กๆก็เล่นได้ทุกตัวแต่เดี๋ยวนี้พอร์ตใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็เล่นตัวที่ใหญ่หน่อย เพื่อความคล่องตัวในการซื้อขาย” ปัจจุบันพี่ป๋องเน้นหุ้นใหญ่ 90% และหุ้นเล็กเพียง 10% ของพอร์ต (มีเล่นหุ้นต่างประเทศบ้างแต่ถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก)
============
3. blocktrade ทำให้ตลาดหุ้นไม่เหมือนเดิม
blocktrade มีส่วนทำให้ตลาดหุ้นมีความเคลื่อนไหวที่แตกต่างจากอดีต มีความผันผวนรุนแรง เพราะเป็นการ leverage เงินที่เรามีอยู่ (มีเงิน 1 บาท แต่การใช้ blocktrade อาจจะเท่ากับมีเงิน 20 บาท ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความเสี่ยงมากๆ)
“คนไหนเล่น blocktrade ต้องระวัง แทบจะลุกไปเข้าห้องน้ำไม่ได้เลย” “หลายคนที่เล่น block trade สามารถปั้นพอร์ตจากหลักแสน ใช้เวลาใน 5-6 ปี พอร์ตเพิ่มขึ้นกลายเป็น 30 ล้าน แต่พอพลาดเชื่อไหมว่า ภายใน 2 อาทิตย์ พอร์ตกลับมาติดลบ” “รวยเร็วก็ไปเร็วได้เช่นกัน”
ถ้าจะลงทุนสินค้าที่มีความเสี่ยงขนาดนี้คงต้องทำการบ้านให้มากๆ
============
4. ลงทุนยุคนี้ต้องดูกระแสโลกด้วย
“สังเกตง่ายๆ ตอนนี้กระแสการใช้หลอดพลาสติกน้อยลง” “เน้นการดูแลสิ่งแวดล้อมมากขึ้น” นี่เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ กองทุนนอร์เวย์ ประกาศแล้วว่าจะลดความเสี่ยงในหุ้นน้ำมันและก๊าซ
ฟังแวบแรก ก็อาจจะเฉยๆนะครับ แต่กองทุนนอร์เวย์ คือกองทุนบริหารความมั่งคั่งของประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก (มูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านเหรียญ)
เท่าที่ผมเห็นตัวเลขปลายปีที่แล้ว กองทุนบริหารความมั่งคั่งของนอร์เวย์นี้ ถือหุ้นอุตสาหกรรมน้ำมัน คิดเป็นเงินเกือบ 4 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 1.2 ล้านล้านบาท
“การที่นอร์เวย์ ทยอยลดการลงทุนน้ำมันภายใน 5 ปีข้างหน้า คือสิ่งที่นักลงทุนไทยเองไม่ควรมองข้ามครับ เพราะหุ้นพลังงานในไทยก็คือหุ้นตัวใหญ่ๆทั้งนั้น” ประเด็นนี้อาจจะเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้บรรดากองทุนหลายๆแห่งพิจารณาปรับนโยบายการลงทุนในหุ้นพลังงานและแก๊สได้เช่นกัน
============
5. ทรัมป์คือปัจจัยที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอน
มีช่วงนึงถ้าจำกันได้อยู่ๆ พี่ทรัมป์ก็ทวีตจะใช้มาตรการภาษีกับเม็กซิโก ทำให้ตลาดหุ้น Dow Jones ล่วงไป 500 จุด
“ผมขายล้างพอร์ตไปช่วง พ.ค. (เพราะกำลังจะเดินทางไปสหรัฐ)” “แต่ปรากฏว่าอีกแปบนึงก็บอกว่า สี จิ้น ผิง คือเพื่อนที่ดีของเค้า ทำให้ตลาดหุ้นดีดกลับ”
“สงสัยพี่ทรัมป์แก จะเล่นหุ้นนะเนี่ย” พี่ป๋องแซว เรียกเสียงหัวเราะได้ทั้งห้องเลยครับ
============
6. ตลาดหุ้นเพราะเฟดจะลดดอกเบี้ย?
รอบนี้หลายคนอาจจะคิดว่าตลาดหุ้นขึ้นมาเป็นเพราะ แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด แต่อย่าลืมนะว่าในปี 2001 และปี 2007 ตอนนั้นอเมริกาเองก็ลดดอกเบี้ยแต่สุดท้ายก็ยังเกิดปัญหาตามมา
“ถ้าลดดอกเบี้ยครั้งเดียวคงจะไม่เป็นไร แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ลดดอกเบี้ยครั้งที่ 2” “นักลงทุนจะเริ่มคิดว่า เอ…. การที่เฟดลดดอกเบี้ยเป็นเพราะว่าเศรษฐกิจไม่ดีหรือไม่”
พี่ป๋องอธิบายโลกความเป็นจริงว่า คนส่วนใหญ่มักจะหาเหตุเอาไปใส่ผล “เศรษฐศาสตร์ที่เราเคยเรียนมาเอามาใช้แทบไม่ได้ในยุคนี้”
============
7. หลายคนอาจจะคิดว่าธุรกิจโรงไฟฟ้าต้องเป็นธุรกิจที่ดี
ธรรมชาติของธุรกิจโรงไฟฟ้า คือธุรกิจมีความนิ่ง มีกระแสเงินสดค่อนข้างแน่นอน และเห็นโครงการค่อนข้างแน่ทำให้สามารถคำนวณคาดการณ์รายได้ ได้แทบจะไม่พลาด และกระแสโลกก็เป็นกระแสรถไฟฟ้า (ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าก็เพิ่มมากขึ้น)
“แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาผมโดนไฟดูด” ตอนแรกทุกคนก็งง ผมเองก็งงครับ แต่แกใบ้ให้ว่ามันคือหุ้นโรงไฟฟ้า ก็เลยร้องอ๋อ ทั้งห้องครับ
“เอกสารเผยแพร่ผลการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินว่า ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ระบุว่ารัฐจะต้องถือหุ้นกิจการโรงไฟฟ้าอย่างน้อย 51% เป็นเวลา 10 ปีตั้งแต่ปี 2562” นี่แหละครับคือเหตุผลที่ทำให้หุ้นโรงไฟฟ้าร่วงทั้งแผงเฉลี่ย 5-7%
การที่จะเพิ่มกิจการโรงไฟฟ้าให้ได้อย่างน้อย 51% จากปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 34% นั่นหมายความว่า เอกชนก็จะได้รับ license ยากมากขึ้น เพราะภาครัฐก็จะเพิ่มสัดส่วนมากขึ้น
“ต้องระมัดระวัง หุ้นโรงไฟฟ้าตัวไหนที่มีราคา เกินกว่ากำไรต่อเมกะวัตต์” “เช่นกำไรต่อหน่วย 2.5 บาท ก็ให้ถามนักวิเคราะห์เลยว่า แต่ละเจ้ามีกี่เมกกะวัตต์” “หลังจากนั้นก็เอาตัวเลขกำไรต่อหน่วย คูณ กับเมกกะวัตต์ แล้วก็หารด้วยจำนวนหุ้น”
“ถ้าสังเกตจะเห็นว่าหุ้นโรงไฟฟ้า นักลงทุนทั่วโลกให้ค่า P/E แค่ 15-20x” เราก็คูณตัวเลขกำไรต่อหุ้น ด้วยค่า P/E ก็พอจะรู้แล้วว่ามูลค่าหุ้นที่เหมาะสมของกลุ่มนี้ควรจะอยู่ที่เท่าไหร่
พี่ป๋อง เป็นนักลงทุนสายเทคนิคและพื้นฐานครับ แกเลยดูทั้งสองอย่าง และเล่าให้ฟังหลักการคำนวณราคาหุ้นเหมาะสม
“คือหลายคนคิดว่า หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า เป็นหุ้นกลุ่มที่ defensive ไม่ผันผวน ต้องดีแน่ๆ” แต่เจอประกาศนี้เข้าไปก็คงต้องประเมินกันใหม่
============
8. ระยะสั้นตลาดหุ้นไทยเริ่มดูโอเค
จุดที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยเริ่มดูดี คือ ตอนทะลุผ่าน 1680 จุดที่มาพร้อมปริมาณการซื้อขายหนาแน่นทำให้เป็นสัญญานซื้อระยะสั้น (แต่เป็นการเปิดแกป เพราะฉะนั้นมีโอกาสเหมือนกันที่ตลาดจะกลับมาปิดแกป ในอนาคต แต่ไม่รู้เมื่อไหร่)
“ตอนทะลุผ่าน 1680 พี่ก็เข้าซื้อตอนนั้นแหละ แต่ภาพรวมพอร์ตไม่ค่อยขึ้นเลย เพราะหุ้นตัวที่ขึ้นสูงมากกลับเป็นตัวที่ลงทุนไม่มาก” “มันก็ไปถัวๆกับตัวที่ขาดทุน”
ส่วนหนึ่งคิดว่าเป็นเพราะนักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นไทย โดยปีที่แล้วฝรั่งขายหุ้นไทยไป 3 แสนล้านบาท ปีนี้ฝรั่งเริ่มกลับมา “แต่พี่คิดว่า ฝรั่งชุดนี้เป็น Hedgefund พวกเก็งกำไรว่า ถ้าประเทศไทยเป็นประเทศประชาธิปไตย แล้วจะมีนักลงทุนฝรั่งอีกชุดที่ก่อนหน้านี้อาจจะติดกฏเกณฑ์ไม่สามารถลงทุนได้ ก็เลยรีบเข้ามาลงทุนก่อน”
โดยเน้นไปที่หุ้นกลุ่ม SET50 แต่ถ้าฝรั่งชุดใหญ่ไม่เข้ามาลงทุนจริง กลุ่มที่เป็น Hedgefund ก็คงขายออกมาก่อนเพราะฉะนั้นรอบนี้ต้องระวังเหมือนกัน
============
9. พี่ป๋องสอนเทคนิคลงทุน
พี่ป๋องแนะนำว่า ถ้าตลาดหุ้นกลับมาหลุด 1600 จุดอีกครั้งจะเป็นสัญญานขาย “แต่ถ้าเราถือหุ้นอยู่แล้วรอจนร่วงมาถึง 1600 จุด แล้วค่อยขาย จะลึกเกินไป”
คำแนะนำคือ ถ้าตลาดหุ้นยังทำจุดสูงสุดใหม่ ก็ห้ามหลุดทำจุดต่ำสุดใหม่อีกรอบนึง หรืออีกกรณีคือ ถ้าหุ้นหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันก็ให้ทยอยขายออกมาก่อน
(พี่ป๋องใช้เส้นค่าเฉลี่ย Exponential 10, 25, 75, 200, และ 400 วันและใช้ MACD ช่วยด้วยครับ)
แต่ถ้าให้ประเมินรอบนี้ถ้ามีปรับฐานก็คงจะเป็นการปรับฐานเพื่อที่จะไปต่อ ให้หาจังหวะรอซื้อ (ยกเว้นกรณีที่หลุด 1600 จุด ก็ให้ขายหมดเลย แล้วเดี๋ยวหาจังหวะเข้ากลับมาซื้ออีกที)
============
10. ยังเชื่อมั่นตลาดหุ้นในระยะยาวมีโอกาสแตะ 2,680 จุด!!
“ภาพใหญ่ๆ ตลาดหุ้นไทยเคยวิ่งจาก 100 จุดไปจนถึง 1,789 จุด” อันนี้พี่ป๋องมองว่าเป็นคลื่นที่ 1 ของภาพ SET Grand super cycle โดยใช้เวลา 19 ปี
“คลื่นที่ 2 คือตอนที่ตลาดหุ้นร่วงลงมาหนัก ตลาดหุ้นก็ร่วงลงมา 204 จุดในช่วงปี 2008” คลื่นที่ 2 ใช้เวลานานกว่า 14 ปี “ตอนที่ตลาดหุ้นไทยทะลุ 1850 จุดเมื่อปีที่แล้ว ก็คอนเฟิร์มว่ารอบนี้เป็นคลื่นที่ 3 แล้ว”
ส่วนถ้าใช้ ฟิโบมาจับ ตรงบริเวณ 161.8% จะวัดเป้าหมายตลาดหุ้น SET ได้แถวๆ 2,680 จุดเพียงแต่ว่าเราไม่ทราบว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ครับ
“นั่นคือจุดหมายปลายทางที่เรามอง แต่ระหว่างทางที่ตลาดหุ้นค่อยๆขึ้นไป ไม่ใช่ว่าตลาดหุ้นจะร่วงลงไม่ได้นะครับ” “มันเป็นเรื่องปกติที่ตลาดหุ้นจะปรับฐานบ้าง”
โดยมองว่ารอบนี้กว่าจะถึงเป้าหมาย อาจจะต้องใช้เวลา ไม่น้อยกว่า 19 ปี จากปี 2008 (นั่นคืออีก 8 ปีครับ)
============
คำแนะนำ
1. ให้ระวังการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มีรายได้เยอะๆ แต่อัตราทำกำไรต่ำๆ แต่มีค่า P/E สูง เพราะมีโอกาสที่จะพลิกขาดทุนแล้วทำให้หุ้นร่วงหนัก
2. ระวังอย่าเล่นอะไรที่เกินตัว อย่ากู้เงินมากเกินไป เป็นสิ่งที่อันตราย (สินค้าพวก derivative ต้องทำการบ้านเยอะๆ)
3. แนะนำให้ศึกษาเทคนิคการลงทุนให้มากๆ เดี๋ยวนี้หาอ่านได้ฟรีๆในออนไลน์ได้แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะเริ่มศึกษาจริงจังเมื่อไหร่
============
ความเห็นของ “ถามอีกกับอิก”
ส่วนตัวผมชอบพี่ป๋อง อยู่แล้วครับ เป็นคนจริง และจริงใจ ไม่ปิดบัง “ขาดทุนก็บอกว่าขาดทุน” ถ้าเทคนิคไหนทำแล้วได้กำไรแกก็แบ่งปันแบบไม่กั๊ก แต่ก็จะสอนคนอื่นเสมอๆ ว่าอย่าเชื่อแกหมดนะ ขอให้เรียนรู้วิธีคิดของแก และนำไปฝึกฝนให้เป็นสไตล์ของตัวเอง
“ตอนที่ลงทุนอย่าเชื่อคนอื่น อย่าเชื่อเสี่ยคนไหน แต่ขอให้เชื่อตัวเอง” ผมเห็นด้วยเลยครับเพราะทุกคนมีเส้นทางความสำเร็จไม่เหมือนกัน อยู่ที่ว่าเราจะเจอสไตล์ไหนที่เหมาะกับตัวเองได้เร็วแค่ไหน และฝึกฝนตัวเองเสมอๆได้หรือไม่ครับ
และแม้ว่าเราเคยสำเร็จแล้วระดับนึง ก็อย่าหยุดที่จะหาความรู้ให้กับตัวเองใหม่ๆตลอดเวลา เพราะยุคนี้เป็นยุคที่การลงทุนยากมาก คิดแบบเดิม ทำแบบเดิม แล้วคาดหวังความสำเร็จแบบเดิมๆก็คงจะไม่ได้
ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุน ลงทุนมีความสุขครับ