ขอคำแนะนำหลักคิดการลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนและผ่านวิกฤตราคา
-
- Verified User
- โพสต์: 2187
- ผู้ติดตาม: 0
ขอคำแนะนำหลักคิดการลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนและผ่านวิกฤตราคา
โพสต์ที่ 1
ด้วยช่วงนี้ราคาหุ้นลดลงทุกวัน
และพอร์ทผมก็ลดลงทุกวันด้วยเช่นกัน
โดยพอร์ทการลงทุนของผมประกอบด้วยหุ้น 7 ตัวในพอร์ท แต่เน้นนำหนัก 4 ตัว ประมาณ 70%ของพอร์ท
โดยราคาของหุ้นทั้ง 4 ตัวนี้ลดลงอย่างมากในปีนี้ ดั้งนี้
หุ้นตัวที่ 1 โรงพยาบาล ที่ไม่มีบทวิเคราะห์ ไม่มาออก oppday งบ Q1 ออก รายได้เติบโตน้อยเนื่องจากผลกระทบจากการห้ามย้ายผู้ป่วยข้ามจังหวัด แต่ค่าใช้จ่ายเติบโตตามแผนการขยายงาน เป็นผลทำให้กำไรไตรมาสนี้ลด เมื่อเปรียบเทียบ QoQ ประกอบกับไม่มีบทอธิบายเหตุผลจากบรษัท เนื่องจากกำไรลดไม่เกิน 20% บริษัจึงไม่แจ้ง ตลท. เป็นผลทำให้ราคาหุ้นลดอย่างต่อเนื่อง
หุ้นตัวที่ 2 หุ้นในธุรกิจท่องเที่ยวตัวเล็ก PE สูง ผลประกอบการร์ที่ผ่านมาคือ แนวโน้มการเติบโตของรายได้และกำไร มีแนวโน้มที่ลดลงตลอดเนื่องจากขนาดกิจการที่ใหญ่ขึ้น และโตรมาสนี้กำไรเติบโตในตัวเลขหลักเดียว จากที่ก่อนหน้านี้เติบโตสองหลักมาตลอด ราคาหุ้นเลยเริ่มไหลลงทุกวันหลังจากงบออก
หุ้นตัวที่ 3 หุ้น Electronics กำไรยังเติบโตได้ดี แต่ไม่ได้ตามเป้าที่ผู้บริหารให้ไว้ และตำกว่าเป้าของนักวิเคราะห์ เหตุผลน่าจะมาจากค่าเงินบาที่เเข็ง แต่ผลกระทบเชิงจิตวิทยาตอนนี้คือ trade war จึงทำให้ราคาไหลลงทุกวัน
หุ้นตัวที่ 4 ค้าปลีกรายเล็กต่างจังหวัด รายได้โตจากการขยายสาขาแต่ SSSG สาขาเดิมติดลบ จึงทำให้กำไรสิทธิไม่เติบโต เนื่่องจากเศรษฐกิจรากหญ้าไม่ดี
เนื่องด้วยผมไม่มีเพื่อนนักลงทุน VI สนิท สำหรับปรึกษาแนวด้วยด้วยเช่นกัน
จึงอยากจะคำแนะนำหลักคิดการลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนและผ่านวิกฤตราคาครั้งนี้ครับ
ขอบคุณมากครับ
และพอร์ทผมก็ลดลงทุกวันด้วยเช่นกัน
โดยพอร์ทการลงทุนของผมประกอบด้วยหุ้น 7 ตัวในพอร์ท แต่เน้นนำหนัก 4 ตัว ประมาณ 70%ของพอร์ท
โดยราคาของหุ้นทั้ง 4 ตัวนี้ลดลงอย่างมากในปีนี้ ดั้งนี้
หุ้นตัวที่ 1 โรงพยาบาล ที่ไม่มีบทวิเคราะห์ ไม่มาออก oppday งบ Q1 ออก รายได้เติบโตน้อยเนื่องจากผลกระทบจากการห้ามย้ายผู้ป่วยข้ามจังหวัด แต่ค่าใช้จ่ายเติบโตตามแผนการขยายงาน เป็นผลทำให้กำไรไตรมาสนี้ลด เมื่อเปรียบเทียบ QoQ ประกอบกับไม่มีบทอธิบายเหตุผลจากบรษัท เนื่องจากกำไรลดไม่เกิน 20% บริษัจึงไม่แจ้ง ตลท. เป็นผลทำให้ราคาหุ้นลดอย่างต่อเนื่อง
หุ้นตัวที่ 2 หุ้นในธุรกิจท่องเที่ยวตัวเล็ก PE สูง ผลประกอบการร์ที่ผ่านมาคือ แนวโน้มการเติบโตของรายได้และกำไร มีแนวโน้มที่ลดลงตลอดเนื่องจากขนาดกิจการที่ใหญ่ขึ้น และโตรมาสนี้กำไรเติบโตในตัวเลขหลักเดียว จากที่ก่อนหน้านี้เติบโตสองหลักมาตลอด ราคาหุ้นเลยเริ่มไหลลงทุกวันหลังจากงบออก
หุ้นตัวที่ 3 หุ้น Electronics กำไรยังเติบโตได้ดี แต่ไม่ได้ตามเป้าที่ผู้บริหารให้ไว้ และตำกว่าเป้าของนักวิเคราะห์ เหตุผลน่าจะมาจากค่าเงินบาที่เเข็ง แต่ผลกระทบเชิงจิตวิทยาตอนนี้คือ trade war จึงทำให้ราคาไหลลงทุกวัน
หุ้นตัวที่ 4 ค้าปลีกรายเล็กต่างจังหวัด รายได้โตจากการขยายสาขาแต่ SSSG สาขาเดิมติดลบ จึงทำให้กำไรสิทธิไม่เติบโต เนื่่องจากเศรษฐกิจรากหญ้าไม่ดี
เนื่องด้วยผมไม่มีเพื่อนนักลงทุน VI สนิท สำหรับปรึกษาแนวด้วยด้วยเช่นกัน
จึงอยากจะคำแนะนำหลักคิดการลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนและผ่านวิกฤตราคาครั้งนี้ครับ
ขอบคุณมากครับ
เราลงรายละเอียดระดับไหน + แผนการ + วินัยในการแบ่งและใช้เวลาในแต่ละวัน
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำหลักคิดการลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนและผ่านวิกฤตราคา
โพสต์ที่ 3
viewtopic.php?f=35&t=33509&p=1821901#p1821901
ไม่กล้าชี้แนะหุ้นรายตัวครับ แต่อยากให้อ่านบทความที่พี่โจ ลูกอีสานเขียนสวัสดีปีใหม่ มาหลายปี, ในนั้นพี่เขาสรุปบทเรียนทั้งช่วงปีที่หุ้นขึ้น หุ้นตกหนักๆ(พี่โจยังขาดทุน)
อีกเรื่องที่พี่โจบอกล่าสุดในงาน thaivi meeting ประมาณว่า รักจะมาสายVIนี้ มันต้องเจอจุดขาดทุนหนักๆเพราะตลาดลงกันทุกคน แต่มันแค่ไม่ตาย(ไม่ล้างพอร์ต ไม่ล้มเลิก)
(แต่ถ้าเราจะประยุกต์วิชาอื่นเข้ามาเช่นcut lossด้วยเป้าราคา, กราฟ, หรือขายทิ้งก่อน...ก็แล้วแต่เลยครับ)
อีกจุดที่พี่โจบอกคือสาเหตุของกำไรที่ลดลง(หรือเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ) คิดว่าชั่วคราว หรือตลอดไป และถ้าชั่วคราว...อีกนานมั้ย ที่กำไรมันจะกลับมาเป็นแบบปกติ
เอาใจช่วยครับ You Will Never Doi Alone
ไม่กล้าชี้แนะหุ้นรายตัวครับ แต่อยากให้อ่านบทความที่พี่โจ ลูกอีสานเขียนสวัสดีปีใหม่ มาหลายปี, ในนั้นพี่เขาสรุปบทเรียนทั้งช่วงปีที่หุ้นขึ้น หุ้นตกหนักๆ(พี่โจยังขาดทุน)
อีกเรื่องที่พี่โจบอกล่าสุดในงาน thaivi meeting ประมาณว่า รักจะมาสายVIนี้ มันต้องเจอจุดขาดทุนหนักๆเพราะตลาดลงกันทุกคน แต่มันแค่ไม่ตาย(ไม่ล้างพอร์ต ไม่ล้มเลิก)
(แต่ถ้าเราจะประยุกต์วิชาอื่นเข้ามาเช่นcut lossด้วยเป้าราคา, กราฟ, หรือขายทิ้งก่อน...ก็แล้วแต่เลยครับ)
อีกจุดที่พี่โจบอกคือสาเหตุของกำไรที่ลดลง(หรือเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ) คิดว่าชั่วคราว หรือตลอดไป และถ้าชั่วคราว...อีกนานมั้ย ที่กำไรมันจะกลับมาเป็นแบบปกติ
เอาใจช่วยครับ You Will Never Doi Alone
You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 91
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำหลักคิดการลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนและผ่านวิกฤตราคา
โพสต์ที่ 5
ขอออกตัวก่อนว่าตัวที่ผมเดาไว้ ผมแทบไม่เคยศึกษาเลยรู้ข้อมูลแค่เพียงคร่าวๆมาก แต่ขอตั้งข้อสงสัยละกันนะครับ
1. โรงพยาบาล ; 1.1โรงพยาบาลนี้มีอะไรโดดเด่นเหนือคู่แข่งมั้ยที่จะทำให้คนไข้คนมาแต่ที่นี่ เข้าใจว่าในระแวกเรือนเคียงก็มีหลายโรงพยาบาล 1.2โรงพยาบาลทำไมถึงรับประกันสังคมอยู่เข้าใจว่าซึ่งประกันสังคมมีNPMน้อยมากการที่รับในส่วนนี้อาจบอกเป็นนัยๆว่ามีคนไข้ทั่วไปยังไม่เต็มความจุหรือเปล่า 1.3การที่รพ.มีกำไรที่เติบโตได้ต้องมีความexpertในสักด้านนึง ทำให้คนไข้หันมา เช่น มีแต่อาจารย์แพทย์มารับจ๊อบ, เก่งเรื่องกำรให้กำเนิดผู้มีบุตรยาก,... 1.4บางคนซื้อเพราะเห็น P/E ต่ำกว่าตัวอื่นๆในกลุ่ม ผมยังเชื่อว่าp/eประมาณนี้ก็ไม่ได้ต่ำอะไรหรอกเพียงแต่ตัวอื่นสูงเกินไปจาก Theme Megatrend ที่พูดๆกันตั้งแต่ 3 ปีที่แล้วทำให้รพ.ดีๆแทบทุกตัวราคาพุ่ง แต่กำไรยังไม่พุ่งตามถ้ารอยาวหน่อย 10 ปีอาจได้เห็น Theme นี้มากขึ้นมาก็ได้ครับ(หรืออาจจะไม่เห็นมากมายก็ได้ ) อ้อลืมผมคิดว่ารพ.ที่รับประกันสังคมกับไม่รับควรจะให้ค่า p/e ไม่เท่ากันนครับ
ปล.1 เป็นคหสต.นะครับเป็นมุมมองคนนอกที่ไม่เคยศึกษาอย่างจริงจัง คุณที่ศึกษาอย่างจริงจังอาจเห็นอะไรที่คนนอกไม่เห็นก็ได้ครับ
ปล.2 หุ้นไซต์เล็กมีความเสี่ยงสูงกว่าตัวใหญ่ดังนั้นถ้าอดทนรอความสำเร็จได้ถึงเวลาต้องกอบโกยให้ถึงที่สุดอย่างต่ำ 2-3 เด้งถึงจะคุ้มค่ากับที่เราเข้าไปศึกษาครับ ไม่งั้นซื้อกองทุนset50ดีกว่าครับ
ปล.3 ถ้ามีคนสนใจมุมมองของผมเดี๋ยวจะมาพูดถึง TNP ต่อครับ (ซึ่งผมก็ไม่เคยเจาะลึกอีกเหมือนกัน 555+)
1. โรงพยาบาล ; 1.1โรงพยาบาลนี้มีอะไรโดดเด่นเหนือคู่แข่งมั้ยที่จะทำให้คนไข้คนมาแต่ที่นี่ เข้าใจว่าในระแวกเรือนเคียงก็มีหลายโรงพยาบาล 1.2โรงพยาบาลทำไมถึงรับประกันสังคมอยู่เข้าใจว่าซึ่งประกันสังคมมีNPMน้อยมากการที่รับในส่วนนี้อาจบอกเป็นนัยๆว่ามีคนไข้ทั่วไปยังไม่เต็มความจุหรือเปล่า 1.3การที่รพ.มีกำไรที่เติบโตได้ต้องมีความexpertในสักด้านนึง ทำให้คนไข้หันมา เช่น มีแต่อาจารย์แพทย์มารับจ๊อบ, เก่งเรื่องกำรให้กำเนิดผู้มีบุตรยาก,... 1.4บางคนซื้อเพราะเห็น P/E ต่ำกว่าตัวอื่นๆในกลุ่ม ผมยังเชื่อว่าp/eประมาณนี้ก็ไม่ได้ต่ำอะไรหรอกเพียงแต่ตัวอื่นสูงเกินไปจาก Theme Megatrend ที่พูดๆกันตั้งแต่ 3 ปีที่แล้วทำให้รพ.ดีๆแทบทุกตัวราคาพุ่ง แต่กำไรยังไม่พุ่งตามถ้ารอยาวหน่อย 10 ปีอาจได้เห็น Theme นี้มากขึ้นมาก็ได้ครับ(หรืออาจจะไม่เห็นมากมายก็ได้ ) อ้อลืมผมคิดว่ารพ.ที่รับประกันสังคมกับไม่รับควรจะให้ค่า p/e ไม่เท่ากันนครับ
ปล.1 เป็นคหสต.นะครับเป็นมุมมองคนนอกที่ไม่เคยศึกษาอย่างจริงจัง คุณที่ศึกษาอย่างจริงจังอาจเห็นอะไรที่คนนอกไม่เห็นก็ได้ครับ
ปล.2 หุ้นไซต์เล็กมีความเสี่ยงสูงกว่าตัวใหญ่ดังนั้นถ้าอดทนรอความสำเร็จได้ถึงเวลาต้องกอบโกยให้ถึงที่สุดอย่างต่ำ 2-3 เด้งถึงจะคุ้มค่ากับที่เราเข้าไปศึกษาครับ ไม่งั้นซื้อกองทุนset50ดีกว่าครับ
ปล.3 ถ้ามีคนสนใจมุมมองของผมเดี๋ยวจะมาพูดถึง TNP ต่อครับ (ซึ่งผมก็ไม่เคยเจาะลึกอีกเหมือนกัน 555+)
-
- Verified User
- โพสต์: 2606
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำหลักคิดการลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนและผ่านวิกฤตราคา
โพสต์ที่ 6
ผมว่ากระทู้นี้น่าสนใจดี ขอแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนะครับ เป็นความเห็นส่วนตัวของผมเอง ณ ตอนนี้ เพราะอีกหน่อยอาจจะมองอะไรๆ ไปอีกแบบนึงนะครับ ขอวิเคราะห์ แบบคร่าวๆ จากข้อมูลให้มานะครับ พยายามมองภาพรวมๆ ไม่เฉพาะเจาะจงเป็นหุ้นใด หุ้นหนึ่งนะครับ
1. หุ้นตัวที่#1 ถือว่าเป็นประเภทหุ้นที่หาข้อมูลยาก เช่น ไม่มีออก oppday, ไม่ออกสื่อ, ไม่มีนักวิเคราะห์ cover (อาจจะเป็นเพราะเข้าไม่ถึงเหมือนกัน), ไม่มีรายละเอียด MD&A แค่ทำตามกฏตามเกณฑ์ของ ตลท เรื่องการให้ข้อมูลให้ผ่านก็พอ
ผมคิดว่าหุ้นประเภทนี้ทำให้ เราทำความเข้าใจธุรกิจและติดตามความเป็นไปได้ค่อนข้างยากครับ ทำให้เราคาดการณ์อะไรได้ลำบาก และทำให้นักลงทุนหรือสถาบันที่มีเม็ดเงิน ก็คงไม่น่าจะกล้าที่จะ ลงเงินในหุ้นประเภทนี้ในสัดส่วนที่มากได้ครับ จึงทำให้ PE ของตลาดอาจจะไม่สูง สภาพคล่องอาจจะไม่ค่อยมี แน่นอนว่า คนที่มีหุ้นมักจะคาดหวังว่า ผลประกอบการณ์ ในบริษัทที่เราลงทุน มันจะเติบโต แต่พอออกมาไม่ดี ก็ปกติที่จะมีแรงขายออกมาครับ เล่นหุ้นประเภทนี้ คงต้องทำงานเยอะ ลงพื้นที่หนักๆ จนเรามั่นใจว่าเห็นประเด็นอะไรที่จะทำให้มันดีจริงๆ แล้วค่อยลงทุน อันนี้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้ครับ
2. หุ้น PE สุงที่มีการเติบโตแบบชะลอลง อันนี้เป็นความจริงของหุ้น PE สูงครับ เข้าใจว่าคนลงทุนพวกนี้ หวังจะเป็นยอดขายและกำไรเติบโตแรงๆ ให้สมกับ PE ที่สูง ความเสี่ยงคือถ้าผลงานออกมาไม่โตตามที่ตลาดคาดหวังอันนี้ ลำบากเลยครับ
ปกติผมมักจะคาดการณ์ ประเมิณมั่วๆ ว่าอีกซัก 2-3 ปี บริษัทจะขยายไปอีกเท่าไหร่และ กำไรมันน่าจะเป็นเท่าไหร่ และ PE ตอนนั้น ก็ควรจะต้องมีการปรับลดลงมาให้เหมาะสมกับการเติบโตที่น้อยลงด้วยแล้ว แล้วมาดูว่า market cap ในอนาคต 2-3 ปีนั่น น่าจะอยู่ที่เท่าไหร่ เทียบกับราคาปัจจุบัน ว่ายังมี gap ใน% ที่คุ้มค่า พอที่จะให้ถือต่อหรือไม่ในระยะเวลาที่เราต้องเจอความไม่แน่นอนนั้นมั้ย และคอยปรับตัวเลขเรื่อยๆ เวลางบออกครับ ถ้างบผิดคาดก็ปรับตัวเลขแล้วค่อยตัดสินใจจากข้อมูลที่ได้มาใหม่ครับ
3. หุ้นที่มีข่าว Macro มากระทบ อันนี้เราคงต้องดูว่าข่าว sentiment ที่มากระทบมันมีผลกระทบจริงๆ หรือไม่ ถ้าไม่มีก็อาจจะเป็นโอกาส แต่ถ้ามีก็เสี่ยงเลย เพราะลูกค้าเค้ามีจำนวนรายน้อย ไม่ได้ขายตรงกระจายไป consumer คือมันอาจจะมามากเลย หรือ หายไปเยอะเลย ก็ได้ กรณีนี้อาจจะเป็นกลุ่มธุรกิจที่ยากเกินไปสำหรับผม เพราะผมไม่ค่อยเข้าใจสินค้าที่เค้าขายอยู่ และยิ่งเรื่องค้าขายว่าขายใครอย่างไร ตลาดแข่งขันรุนแรงไหม ยิ่งไม่รู้เรื่องเลย พอไม่รู้มันก็เดาอะไรลำบาก ยิ่งถ้าถาม ผบห ส่วนใหญ่ก็มักจะทำให้เราไม่ต้องกังวลอะไร แต่จริงๆ แล้วเราควรกังวลครับ เล่นหุ้นพวกนี้คงต้องเข้าใจธุรกิจเค้าพอสมควร หรือเคยทำงานในอุตสาหกรรมนี้ น่าจะลดความเสี่ยงได้ครับ
4. ขอสรุปรวมๆเลยนะครับ ผมว่าหลังๆ นี้ ถ้าหุ้นตัวไหนผลประกอบการณ์ ต่ำลงแย่ลง ไม่ว่าหุ้นนั้น PE จะต่ำหรือสูง หรือ ผลประกอบการณ์ดีขึ้นแต่ ต่ำกว่าคาดการณ์โดยเฉพาะพวกหุ้นที่มีPEสูง มักจะถูกตลาดลงโทษอย่างรุนแรง คงเป็นเพราะตอนนี้ คนในตลาดมีความระมัดระวังกันมาก วิธีแก้คือ เราคงต้องหาหุ้นที่ผลประกอบการณ์เติบโต (และมันจะต้องโตจริงๆ ไม่ใช่แค่ในฝัน) ในขณะที่ราคาปัจจุบันไม่แพงมากเมื่อเทียบกับอนาคต และ เราต้องมองให้ออก และ ให้เห็นเร็วๆ กว่าคนส่วนใหญ่ในตลาดอ่ะครับ ซึ่งมันก็ยากตรงนี้แหละ ยิ่งสมัยนี้ คนมาลงทุนเยอะเม็ดเงินเพิ่มขึ้นมาก การแข่งขันก็สูง เลยน่าจะต้องออกแรงมากหน่อย เหนื่อยมากขึ้นหน่อยครับ
1. หุ้นตัวที่#1 ถือว่าเป็นประเภทหุ้นที่หาข้อมูลยาก เช่น ไม่มีออก oppday, ไม่ออกสื่อ, ไม่มีนักวิเคราะห์ cover (อาจจะเป็นเพราะเข้าไม่ถึงเหมือนกัน), ไม่มีรายละเอียด MD&A แค่ทำตามกฏตามเกณฑ์ของ ตลท เรื่องการให้ข้อมูลให้ผ่านก็พอ
ผมคิดว่าหุ้นประเภทนี้ทำให้ เราทำความเข้าใจธุรกิจและติดตามความเป็นไปได้ค่อนข้างยากครับ ทำให้เราคาดการณ์อะไรได้ลำบาก และทำให้นักลงทุนหรือสถาบันที่มีเม็ดเงิน ก็คงไม่น่าจะกล้าที่จะ ลงเงินในหุ้นประเภทนี้ในสัดส่วนที่มากได้ครับ จึงทำให้ PE ของตลาดอาจจะไม่สูง สภาพคล่องอาจจะไม่ค่อยมี แน่นอนว่า คนที่มีหุ้นมักจะคาดหวังว่า ผลประกอบการณ์ ในบริษัทที่เราลงทุน มันจะเติบโต แต่พอออกมาไม่ดี ก็ปกติที่จะมีแรงขายออกมาครับ เล่นหุ้นประเภทนี้ คงต้องทำงานเยอะ ลงพื้นที่หนักๆ จนเรามั่นใจว่าเห็นประเด็นอะไรที่จะทำให้มันดีจริงๆ แล้วค่อยลงทุน อันนี้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้ครับ
2. หุ้น PE สุงที่มีการเติบโตแบบชะลอลง อันนี้เป็นความจริงของหุ้น PE สูงครับ เข้าใจว่าคนลงทุนพวกนี้ หวังจะเป็นยอดขายและกำไรเติบโตแรงๆ ให้สมกับ PE ที่สูง ความเสี่ยงคือถ้าผลงานออกมาไม่โตตามที่ตลาดคาดหวังอันนี้ ลำบากเลยครับ
ปกติผมมักจะคาดการณ์ ประเมิณมั่วๆ ว่าอีกซัก 2-3 ปี บริษัทจะขยายไปอีกเท่าไหร่และ กำไรมันน่าจะเป็นเท่าไหร่ และ PE ตอนนั้น ก็ควรจะต้องมีการปรับลดลงมาให้เหมาะสมกับการเติบโตที่น้อยลงด้วยแล้ว แล้วมาดูว่า market cap ในอนาคต 2-3 ปีนั่น น่าจะอยู่ที่เท่าไหร่ เทียบกับราคาปัจจุบัน ว่ายังมี gap ใน% ที่คุ้มค่า พอที่จะให้ถือต่อหรือไม่ในระยะเวลาที่เราต้องเจอความไม่แน่นอนนั้นมั้ย และคอยปรับตัวเลขเรื่อยๆ เวลางบออกครับ ถ้างบผิดคาดก็ปรับตัวเลขแล้วค่อยตัดสินใจจากข้อมูลที่ได้มาใหม่ครับ
3. หุ้นที่มีข่าว Macro มากระทบ อันนี้เราคงต้องดูว่าข่าว sentiment ที่มากระทบมันมีผลกระทบจริงๆ หรือไม่ ถ้าไม่มีก็อาจจะเป็นโอกาส แต่ถ้ามีก็เสี่ยงเลย เพราะลูกค้าเค้ามีจำนวนรายน้อย ไม่ได้ขายตรงกระจายไป consumer คือมันอาจจะมามากเลย หรือ หายไปเยอะเลย ก็ได้ กรณีนี้อาจจะเป็นกลุ่มธุรกิจที่ยากเกินไปสำหรับผม เพราะผมไม่ค่อยเข้าใจสินค้าที่เค้าขายอยู่ และยิ่งเรื่องค้าขายว่าขายใครอย่างไร ตลาดแข่งขันรุนแรงไหม ยิ่งไม่รู้เรื่องเลย พอไม่รู้มันก็เดาอะไรลำบาก ยิ่งถ้าถาม ผบห ส่วนใหญ่ก็มักจะทำให้เราไม่ต้องกังวลอะไร แต่จริงๆ แล้วเราควรกังวลครับ เล่นหุ้นพวกนี้คงต้องเข้าใจธุรกิจเค้าพอสมควร หรือเคยทำงานในอุตสาหกรรมนี้ น่าจะลดความเสี่ยงได้ครับ
4. ขอสรุปรวมๆเลยนะครับ ผมว่าหลังๆ นี้ ถ้าหุ้นตัวไหนผลประกอบการณ์ ต่ำลงแย่ลง ไม่ว่าหุ้นนั้น PE จะต่ำหรือสูง หรือ ผลประกอบการณ์ดีขึ้นแต่ ต่ำกว่าคาดการณ์โดยเฉพาะพวกหุ้นที่มีPEสูง มักจะถูกตลาดลงโทษอย่างรุนแรง คงเป็นเพราะตอนนี้ คนในตลาดมีความระมัดระวังกันมาก วิธีแก้คือ เราคงต้องหาหุ้นที่ผลประกอบการณ์เติบโต (และมันจะต้องโตจริงๆ ไม่ใช่แค่ในฝัน) ในขณะที่ราคาปัจจุบันไม่แพงมากเมื่อเทียบกับอนาคต และ เราต้องมองให้ออก และ ให้เห็นเร็วๆ กว่าคนส่วนใหญ่ในตลาดอ่ะครับ ซึ่งมันก็ยากตรงนี้แหละ ยิ่งสมัยนี้ คนมาลงทุนเยอะเม็ดเงินเพิ่มขึ้นมาก การแข่งขันก็สูง เลยน่าจะต้องออกแรงมากหน่อย เหนื่อยมากขึ้นหน่อยครับ
- Suysak
- Verified User
- โพสต์: 691
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอคำแนะนำหลักคิดการลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนและผ่านวิกฤตราคา
โพสต์ที่ 7
ผมเข้าใจว่าธุรกิจที่จะผ่านช่วงวิกฤติไปได้คือ ธุรกิจที่มีจุดแข็งนะครับ
บางครั้งข้อผิดพลาดของนักลงทุนระยะยาวคือ ไปลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีจุดแข็ง และถือหุ้นนั้นยาวจนเกินไป
อันนี้จึงต้องมองว่าธุรกิจที่เราถือหุ้นอยู่นั้น มีอะไรที่แตกต่างจากชาวบ้านเขาบ้าง
ถ้ามีจุดนี้อยู่ การลดลงของกำไร หรือเติบโตน้อย ผมว่าสามารถพลิกกลับมาได้เสมอ จากสภาวะเศรษฐกิจ ในแต่ละช่วงครับ
ส่วนธุรกิจ ที่ไกลตัวเราเกินไปจนไม่สามารถติดตามดูได้นั้นผมไม่ชอบเอาเสียเลย เพื่อสร้างความมั่นใจเราต้องออกไปดูให้รู้แน่ครับ ไม่งั้นความเสี่ยงที่จะลงทุนผิดมันเยอะมากๆ
บางครั้งข้อผิดพลาดของนักลงทุนระยะยาวคือ ไปลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีจุดแข็ง และถือหุ้นนั้นยาวจนเกินไป
อันนี้จึงต้องมองว่าธุรกิจที่เราถือหุ้นอยู่นั้น มีอะไรที่แตกต่างจากชาวบ้านเขาบ้าง
ถ้ามีจุดนี้อยู่ การลดลงของกำไร หรือเติบโตน้อย ผมว่าสามารถพลิกกลับมาได้เสมอ จากสภาวะเศรษฐกิจ ในแต่ละช่วงครับ
ส่วนธุรกิจ ที่ไกลตัวเราเกินไปจนไม่สามารถติดตามดูได้นั้นผมไม่ชอบเอาเสียเลย เพื่อสร้างความมั่นใจเราต้องออกไปดูให้รู้แน่ครับ ไม่งั้นความเสี่ยงที่จะลงทุนผิดมันเยอะมากๆ
โอ้ละหนอดวงเดือนเอย พี่มาเว้ารักเจ้าสาวคำดวง
โอ้ดึกแล้วหนอพี่ขอลาล่วง อกพี่เป็นหวงรักเจ้าดวงเดือนเอย
โอ้ดึกแล้วหนอพี่ขอลาล่วง อกพี่เป็นหวงรักเจ้าดวงเดือนเอย