ถามพี่ๆที่มีครอบครัวแล้วหน่อยว่า.....

[terati20]

ถามพี่ๆที่มีครอบครัวแล้วหน่อยว่า........รู้ตัวได้ยังไงว่าถึงเวลาต้องแต่งงาน.........

เกี่ยวกับระยะเวลาที่คบกัน  และ ฐานะการเงินละเปล่า....

8)  8)  8)  8)  8)  8)  8)  8)

[ดร.โหน่ง]

สวัสดีครับน้องธี

     
       มือใหม่ นะ ผมอ่านแล้ว ใช่เลย นี่ น่าจะประยุกต์กับการแต่งงาน
      เป็นข้อคิดที่มีประโยชน์ได้สำหรับผมนะ .........ขออนุญาต...นิดหนึ่ง
      ผมนำมาดัดแปลงใหม่หลักการคงเดิม เปลี่ยนหุ้นเป็นการแต่งงาน
       จะมีคุณประโยชน์ต่อน้องธีหรือปล่าว อันนี้ต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านนะจ๊ะ  

           สำหรับมือใหม่ มีคำแนะนำสักสองสามข้อก่อนที่คิดเริ่มแต่งงาน
     
  หนึ่ง สำรวจตนเอง

           ให้ลองถามตัวเองก่อนว่า อยากแต่งงานไปเพื่ออะไร ถ้าเพื่อความร่ำรวยต้องถามให้แน่ชัด
เราพร้อมสำหรับการแต่งหรือปล่าว สิ่งที่น่าเตรียมตัวมากที่สุดสำหรับการเข้าพิธีการแต่งงาน
คือเรื่องของจิตใจ สามีที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่สามารถทนต่อความผันผวนบ้างของชีวิต
คู่ในบางช่วงได้เป็นอย่างดี ไม่ใช้อารมณ์ ในการตัดสินปัญหาต่างๆ ในครอบครัว
           
               จะไม่เหมือนหุ้นตรงที่ เราสามารถตัดขายหุ้นได้ทันทีเมื่อปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแปลงไป
แต่ศรีภรรเมีย คงตัดไม่ได้ แต่ครอบครัวต้องเข้ามาช่วยกันแก้ตรงนั้น ต้องสละเวลาทุกอย่าง
 ปัญหาเมียก็เหมือนปัญหาเรา มันหนีไม่พ้น จะรู้ใจกัน ต้องใช้เวลา บางทีนอนมองหน้ากัน
ทุกวันยังไม่เคยบอกเลยว่าแปลงเพศมาก่อน........พูดแล้วโมโห....ฮ่า
 
               ดังนั้นก่อนมีครอบครัว ว่าที่สามีต้องพิจารณาตนเองว่าเราเหมาะสมกับชีวิตคู่มากน้อยแค่ไหน

 สอง มีเวลาเพียงพอ

           นักลงทุนควรมีเวลาในการติดตามและวิเคราะห์บริษัทที่ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ฉันใด
สามีที่ดีควรจะเอาใจใส่ภรรยาฉันนั้น วันนี้เธอดูไม่ค่อยดีนะ นั่งตรงนี้ก่อน เดี๋ยวนวดให้
โถ! วันนี้ยาหยีจังไม่ต้องทำงานบ้านเดี๋ยวพี่ทำเอง พักผ่อนให้เยอะนะ พี่เป็นห่วง.....
อะไรเลี่ยนๆ ประมาณนี้  ไม่รู้นะผมว่าผู้หญิงบางทีก็ชอบ........ชอบให้เอาใจ.....ฮ่า

     สาม หาความรู้ก่อนเสมอ

         สิ่งหนึ่งที่สามีไม่ควรละเลยคือเรื่องหาความรู้เรื่องเพศของแต่งงาน
ส่วนใหญ่มักคิดว่ามีเงินและ เคล็ดลับ เล็กๆน้อยๆ ก๊เพียงพอแล้ว อย่าลืมว่า
การมีความสุขทางเพศในระยะสั้นนักไม่ยากอะไรนัก แต่การทำผลตอบแทน
ให้ได้ดีอย่างต่อเนื่องในระยะยาวเป็นสิ่งที่ยากยิ่งกว่า การทำเช่นนั้นได้จำเป็นต้องมีความ
ความรู้เข้าใจในความละเอียดอ่อนของสุภาพสตรี ความบอบบาง มิตรภาพและความรัก
แต่ไม่ต้องไปเข้าอบรมกับผู้มีประสบการณ์เพื่อยกระดับความสามารถหรอกนะ......ฮ่า
           โดยส่วนตัว ผมว่าชีวิตบนเตียงพอถึงช่วงหนึ่งมันจะสำคัญน้อยลงไป โดยเฉพาะผู้หญิง
หลังจากมีลูกนี่ ความต้องการจะน้อยมาก ไม่เหมือนผู้ชายอย่างเรา...........
อันนี้ต้องเข้าใจเค้านะ...เหนื่อยเลี้ยงลูกมาทั้งวันแล้วนี่......อย่าให้พวกเธอบ่นได้และว่า
มีลูกกวนตัว...มีผัวกวนใจละ..........โชคดีครับน้องธี

[Jeng]

มีหนังเรืองนึง

A : คุณโชคดีนะ ที่มีครอบครัว

B : ถ้าคุณทนความเจ็บปวดได้

[VIB007]

ท่าน ดร.โหน่ง
บทความมือใหม่ข้างบนนี่
ดูแล้วคุ้นมากๆ.......เลยนะเนี่ย

เขียนได้ดีจนอดอ่านไปขำไปไม่ได้
5 5 5

[ดร.โหน่ง]

ของพี่วิบูลย์นะแหละ จากBizWeek
หัวข้อ มือใหม่  หน้า A14 ฉบับ 30 มิ.ย.6 ก.ค. 49
ตอนแรกลงชื่อแล้ว แต่ลบออกครับ ไม่แน่ใจ
กลัวพี่โกรธผม เดี๋ยวเวลาเจอ ไม่ยอมเซ็นชื่อให้
ผมขอโทษด้วยละกันครับ
ถือโอกาสขออนุญาตตรงนี้ด้วยครับ....
 

[VIB007]

[quote="ดร.โหน่ง"] ของพี่วิบูลย์นะแหละ จากBizWeek
หัวข้อ มือใหม่

[CK]

ชีวิตคู่เป็นเรื่องของคนสองครอบครัว ไม่ใช่แค่สองคน

ถ้าคุณคิดว่า ยอมเสียสละทุกอย่างให้แฟนคุณได้
แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนไป

และแฟนคุณก็ยอมเหมือนกัน

แต่งได้เลยครับ คนนั้นล่ะ ใช่เลย

โดยมาก ก่อนแต่งงาน มักจะยอมๆ กัน หยวนๆ กันได้

แต่พอแต่งแล้ว จะเริ่มสร้าง "ความคาดหวัง"
จากอีกฝ่ายหนึ่ง

เมื่ออีกฝ่ายทำไม่ได้ ก็เกิดความเครียด

ซึ่งนำไปสู่ปัญหาครอบครัวต่างๆ มากมาย
เช่น การนอกใจ การทะเลาะเบาะแว้ง การหย่าร้าง

ถ้าคุณปรับตัวเข้าหากันได้

การแต่งงานจะเป็น blessings ที่ดีที่สุดในชีวิตเลยครับ

คุณจะรู้สึกเหมือนว่า

Alas, I have found my second half

ชีวิตโสดที่ผ่านมา เหมือนมีชีวิตอยู่แค่ครึ่งเดียวมาตลอด

[VIB007]

ตอนแต่งงาน ผมมีเงินแสนเดียว

แต่ผมอยากจะพิสูจน์ว่า
การแต่งงานกับคนที่เข้าใจกัน
ร่วมกันเสียสละ
ช่วยกันสร้างครอบครัว
ช่วยกันทำงาน
ช่วยกันเก็บเงิน
ช่วยกันอดออมนั้น
จะไปได้ไกลกว่าทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว
นั่นคือพิสูจน์ทฤษฏีที่ว่า
"หนึ่งบวกหนึ่ง มากกว่าสอง" (1+1 > 2)

และตอนนี้ผมก็พิสูจน์ได้แล้วว่าทฤษฏีนี้เป็นจริงได้

แต่ขณะเดียวกันก็มีอีกหนึ่งทฤษฏีคือ 1+1= -1
นั่นคือ
ถ้าคุณแต่งงานกับคนที่ไม่เข้าใจกัน
ไม่เสียสละ
ต่างคนต่างอยากได้อย่างที่ตนต้องการ
ไม่ช่วยกันทำมาหากิน
ไม่ช่วยกันเก็บออม
ไม่ช่วยกันประหยัด
มีปัญหาก็ทะเลาะกัน
ต่างคนต่างโทษกันละก็
ตกเข้าทฤษฏี หนึ่งบวกหนึ่งนั้น"ติดลบ"เลยทีเดียว

ความรักนั้นสำคัญ
แต่สำหรับชีวิตคู่ ความเข้าใจสำคัญกว่า

[por_jai]

8) 1+1=2 =ชีวิตคู่
    1+1=-1=ชีวิตคี่

[Thonburi Funds]

ความรักนั้นสำคัญ
แต่สำหรับชีวิตคู่ ความเข้าใจสำคัญกว่า

เห็นด้วยกับพี่วิบูลย์เป็นอย่างยิ่ง
คำว่ารัก คำเดียว ไม่พอครับ สำหรับชีวิตคู่

พ่อผมสอนเสมอๆ ว่า ให้อยู่กันด้วยความเอื้ออาทร
แม่ก็บอกว่า เอาลูกเค้ามาแล้ว ดูแลให้ดี

จากการใช้ชีวิตแต่งงานมาเกือบๆ 8 ปี
สำหรับผมแล้ว การเรียกร้องให้น้อยลง เป็นสิ่งสำคัญครับ
คล้ายๆ กับที่พี่ CK เขียนไว้ในเรื่องความคาดหวังครับ

[Thonburi Funds]

........รู้ตัวได้ยังไงว่าถึงเวลาต้องแต่งงาน.........

 

อันนี้ตอบน้อง terati20 (คิดว่าเป็นน้องนะครับ )

น่าจะเป็นตอนที่ไปเทียวรับเทียวส่ง
ดึกดื่นค่ำมืด ฝนตกแดดออก ไม่หวั่นเกรง

ก็มานั่งนึกดูว่าจะลำบากไปทำไมวะ
ไหนๆ ก็รักกันดี
แต่งงานมาอยู่บ้านเดียวกันซะเลยก็หมดเรื่อง

นอกจากนี้ คุณแม่ ก็เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการตัดสินใจแต่งงาน
เพราะท่านอยากมีหลานมากๆ และท่านสุขภาพไม่ดีครับ
เลยเป็นตัวเร่งชั้นดี ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น (แม่เป็น sponsor ใหญ่ด้วยอ่ะ  :D )

มาถึงตอนนี้ แม่ผมเสียไปแล้ว 2 ปี
นึกถึงทีไรก็ยังดีใจที่ท่านได้มีโอกาสเลี้ยงหลานรักตั้ง 5 ปี

ไปไหนที หน้าบานทั้งปู่ทั้งย่า
ฮือๆ พูดแล้วคิดถึงแม่

[drchatri]

ในนี้มีแต่ผู้เชี่ยวชาญในการวางแผนชีวิตทั้งนั้นเลย ผมโชคดีจังที่ได้รู้จักเวบนี้ 8)

[terati20]

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ จากท่านพี่ ทุกๆคน คับ




:lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol: