VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
24
Verified User
โพสต์: 20
ผู้ติดตาม: 0

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์ที่ 1

โพสต์

แล้วเราจะรู้ได้ไงครับว่าพื้นฐานเปลี่ยน
akekarat
Verified User
โพสต์: 1746
ผู้ติดตาม: 0

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ก่อนจะรู้ว่าพื้นฐานเปลี่ยนหรือยัง ต้องรู้ก่อนว่า "พื้นฐาน" ที่ว่า คืออะไร

ว่าแต่พื้นฐานของคุณ 24 ก็คงไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ ของอย่างนี้ บางทีขึ้นอยู่กับความพอใจ หรือการจำกัดความเสี่ยง ของแต่ละคนครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
chansaiw
Verified User
โพสต์: 703
ผู้ติดตาม: 0

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์ที่ 3

โพสต์

temporary or permanent
"Failure is the only way to start again intelligently"
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์ที่ 4

โพสต์

พื้นฐานเปลี่ยน


อย่าง CEI ราคาไม่เคยต่ำกว่า 8.95 ก่อนปี 2004
พอต่ำกว่า ก็แสดงว่าพื้นฐานเปลี่ยน
ใช่ไหมครับ
nanchan
Verified User
โพสต์: 2938
ผู้ติดตาม: 0

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์ที่ 5

โพสต์

พื้นฐานบริษัท CEI ไม่เคยเปลี่ยน

แต่ที่เปลี่ยน คือ ความคิดของคนที่ถือหุ้น CEI
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ความคิดของผู้ที่ถือหุ้น CEI เปลี่ยน --> สะท้อนมาที่ราคา
มาจากพื้นฐานเปลี่ยน  :?:  (ขาดทุนหลักร้อยล้าน 2 ปีติดต่อกัน)

If the answer is :
Yes --> Good timing to buy.
No --> Just ignore it.
"Winners never quit, and quitters never win."
ภาพประจำตัวสมาชิก
Raphin Phraiwal
Verified User
โพสต์: 1342
ผู้ติดตาม: 0

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์ที่ 7

โพสต์

หลักการนี้ผมก็ฟังมาจากพี่ๆในบอร์ดนี้อีกที

เราอาจสนใจหุ้นที่พื้นฐานใดเช่น บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันสูง ไม่สามารถมีคู่แข่งเข้ามาแย่งชิงตลาดได้ง่าย อาจเป็นเพราะเหตุผลใดก็ตาม (มี Barrier of Entry สูง) แล้วจู่ๆ ปัจจัยนั้นเกิดเปลี่ยนไป เช่นรัฐบาลออกกฎหมายใหม่ที่เอื้ออำนวยต่อการเข้ามาของคู่แข่ง ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทที่เรามองหรือถือหุ้นอยู่ลดลง ทำให้ปัจจัยพื้นฐานที่เคยเป็นจุดแข็งเปลี่ยนไป

การเปลี่ยนไปของปัจจัยพื้นฐานอาจจำแนกได้เป็นทั้งแบบ temporary (ชั่วคราว) หรือแบบ permanent (ค้างคืน ..เอ้ย ถาวร) ตามที่พี่ chansaiw ได้บอกไว้ สำคัญคือเราต้องมองให้ออกว่าเป็นแบบไหน เราจะได้ตัดสินใจอย่างถูกต้อง
เช่น แบบ temporary บริษัทแจ้งว่ามีกำไรลดลงเพราะมียอดขายลดลง เนื่องมาจากปัจจัยการเมืองที่อึมครึม ทำให้ประชาชนรัดเข็มขัดกันแน่นขึ้น เราก็ต้องมองให้ออกว่าภาวะนี้เป็นภาวะชั่วคราวหรือไม่ ผู้คนจะกลับมาใช้สอยเหมือนเดิมหลังจากบรรยากาศดีขึ้นหรือไม่ เราอาจพิจารณาจุดแข็งจุดอื่นประกอบดู เช่นบริษัทนี้มีสินค้าที่ประชาชนทั่วไปใช้ อัตราการเติบโตของความต้องการของสินค้านี้ยังมีอยู่อีกมากในระยะยาว มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศตามแหล่ง modern trade ทั่วไป ฯลฯ เหตุการณ์นี้อาจทำให้หุ้นตก เราอาจถือโอกาสนี้เข้าไปลงทุนเพิ่มเพราะเรามั่นใจว่าปัจจัยพืนฐานจะกลับมาดีเหมือนเดิม (เราจะได้โอกาสเก็บหุ้นดีในราคาถูก)

ส่วนแบบ permanent บริษัทเคยมีกำไรดีมากแต่มีลูกค้ารายใหญ่ (ประมาณ 90 %) รายเดียวซึ่งซิ้อสินค้าจากบริษัทในราคาดี (สินค้าที่ผลิตก็เป็นสินค้าที่ไม่ต้องการ Know how อะไรมาก ใครๆก็ผลิตได้) ส่วนผู้บริหารบริษัทก็คุยไว้ว่ามีสายสัมพันธ์อันดีกับลูกค้ารายนี้ แล้วจู่ๆ วันดีคืนดีลูกค้ารายนี้ก็เลิกซื้อสินค้าแถมฟ้องร้องบริษัทอีกต่างหาก อย่างนี้คือปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแปลงอย่างแรง ต้องรีบขายหนีตายครับ

ความเห็นส่วนตัวนะครับ พี่ๆท่านอื่นช่วยเสริม/แก้ไขด้วยครับ ความรู้ผมยังน้อยอยู่
รักในหลวงครับ
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์ที่ 8

โพสต์

nanchan เขียน:พื้นฐานบริษัท CEI ไม่เคยเปลี่ยน

แต่ที่เปลี่ยน คือ ความคิดของคนที่ถือหุ้น CEI
อยู่ๆ บอกว่า ลูกค้ารายใหญ่เลิกสัญญา
แถมจะฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นพันล้านบาท

พื้นฐานบริษัทไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ หรือครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Raphin Phraiwal
Verified User
โพสต์: 1342
ผู้ติดตาม: 0

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์ที่ 9

โพสต์

อ้อ.. ตัวอย่างแรก (temporary) SE-ED ครับ
ตัวอย่างสอง (permanent) CEI ครับ

โปรดใช้วิจารณญาณครับ ผมอาจจะผิดก็ได้
รักในหลวงครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
yoyo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4833
ผู้ติดตาม: 0

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์ที่ 10

โพสต์

จะบอกว่า VI ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยนนี่เหมือนมองด้านเดียวไปรึเปล่าครับ
เพราะพื้นฐานก็เปลี่ยนไปในด้านดีได้เช่นกัน
เช่นแต่เดิมธุรกิจขายของอย่างนึงอยู่ แล้วหันมาขายของอีกอย่างปรากฎว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
ไอ้แบบนี้ผมว่าถ้าพื้นฐานเปลี่ยนแบบยั่งยืนไปในทางที่ดีขึ้น แบบนี้ต้องซื้อครับ  8)
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
nanchan
Verified User
โพสต์: 2938
ผู้ติดตาม: 0

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์ที่ 11

โพสต์

CK เขียน: อยู่ๆ บอกว่า ลูกค้ารายใหญ่เลิกสัญญา
แถมจะฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นพันล้านบาท

พื้นฐานบริษัทไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ หรือครับ
พี่CK ว่าเปลี่ยนรึเปล่าหละครับ
บริษัทก็ยังทำธุรกิจเหมือนเดิม
มีลูกค้ารายใหญ่รายเดี่ยว
ถ้าพรุ่งนี้ได้ลูกค้ามาเป็นรายใหญ่มาอีกซักครั้งพื้นฐานก็ยังเหมือนตอนนี้อยู่นั่นแหละ
พื้นฐานเหมือนเดิม

ความคิดตอนแรกของคนลงทุนก็คือว่า
บริษัทมีปันผลสูง
แต่มีลูกค้ารายใหญ่รายเดียวซึ่งเป็นความเสี่ยงที่สูงมากไม่คิด

ที่อยากจะบอกก็คือ พื้นฐานมันแย่มาตั้งนานแล้วหละ

บริษัทนี้ยืนอยู่บนเส้นด้ายบางๆมาตั้งนานแล้ว
ยังไม่ได้เปลี่ยนเลย
เพียงแต่ระยะเวลายังไม่ได้พิสูจน์ตัวมันออกมาเท่านั้นเอง
พึ่งจะมาแสดงผลเมื่อเร็วๆนี้เอง

อันนี้ก็อยู่ที่คนคิดพื้นฐานมั้งครับ
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 0

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์ที่ 12

โพสต์

mcs ก็มีลูกค้ารายใหญ่รายเดียวเหมือน cei  เพียงแต่ยังไม่เกิดเหตุเหมือน cei และหลายๆท่านบอกว่าโอกาสเกิดน้อย

อย่างนี้แปลว่าพื้นฐานเหมือน cei ไหมครับ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์ที่ 13

โพสต์

อย่างนี้ pttep ไม่แย่เหรอครับ

ลูกค้ารายเดียวเหมือนกัน.....
24
Verified User
โพสต์: 20
ผู้ติดตาม: 0

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์ที่ 14

โพสต์

:D มีพี่เก่งๆมาตอบทั้งนั้นเลย :D
BHT
Verified User
โพสต์: 1822
ผู้ติดตาม: 0

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ผมคิดว่า พื้นฐานหมายถึงการดำเนินธุรกิจตามปกติแล้วทำกำไรได้สม่ำเสมอ

ถ้าธุรกิจปกติที่ดำเนินอยู่จากที่ทำกำไรได้ กลายเป็นไม่ได้ นี่คือพื้นฐานเปลี่ยนไปในทางแย่ ก็ขายหุ้น

กรณีของคุณ yoyo ที่ว่าเปลี่ยนจากธุรกิจอย่างหนึ่งไปทำอีกอย่างหนึ่ง ถ้าเรามองออกว่าจะเป็นผลดีต่อรายได้และกำไรของบริษัท อย่างนี้พื้นฐานน่าจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีกว่า ถือต่อ หรือซื้อเพิ่มได้
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ขอแก้ไขหน่อยนะครับ
ก่อนหน้านี้ comment สลับกัน เดี๋ยวอ่านแล้วจะงง ขอแก้เป็น

[quote="HVI"]ความคิดของผู้ที่ถือหุ้น CEI เปลี่ยน --> สะท้อนมาที่ราคา
มาจากพื้นฐานเปลี่ยน
"Winners never quit, and quitters never win."
nanchan
Verified User
โพสต์: 2938
ผู้ติดตาม: 0

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์ที่ 17

โพสต์

ผมว่า mcs มีความใกล้เคียงกับ cei นะครับ

1.ลูกค้ารายใหญ่น้อยราย(ไม่รู้รายเดี่ยวรึเปล่า)
2.ลูกค้าต่างประเทศ(ความเสี่ยงค่าเงิน)

แล้วก็น่าจะเพิ่มอีกนิด คือ
ความเสี่ยงจากการปกป้องการค้าภายในประเทศของญี่ปุ่นเอง
ถ้าบริษัทที่ญี่ปุ่นไม่สามารถอยู่รอดได้ตอนนั้น
อาจต้องหาวิธีการต่างๆนานามาช่วยเช่นเพิ่มภาษีขาเข้า

ผมว่าผู้บริหารก็คงรู้อนาคตตัวเองหละครับ
ถึงได้พยายามให้ตัวเองมีหุ้นน้อยลง
เพื่อกระจายความเสี่ยงการลงทุน

แต่ผมว่าผู้บริหารก็ดูไม่ได้ทอดทิ้งบริษัทนะครับ
ก็เห็นว่ามีความพยายามไปร่วมทุนกับเมืองจีน
ซึ่งอาจจะเป็นผลดีต่อไปก็ดี
ที่สามารถไปทำการผลิตในเมืองจีนและขายในเมืองจีน
ซึ่งน่าจะลดความเสี่ยงลงไปได้เยอะ


ส่วนpttep นี่ไม่ทราบว่าเค้าเป็นลูกค้าหรือพ่อลูกกันครับ

ยังไงความเสี่ยงของลูกค้ารายเดียวก็คงต้องดูปัจจัยอื่นประกอบด้วยเช่นกัน
ว่าเสี่ยงมากมากหรือน้อยขนาดไหน

ถ้าญี่ปุ่นมีนโยบายไม่ผลิตเหล็กในประเทศแล้วหละก็
ผมว่าตรงนี้ก็อาจจะลดความเสี่ยงไปได้มาก


ยังไงถ้าความคิดเห็นผมไม่ถูกต้องนัก ก็แย้งได้เลยนะ
ผมก็ไม่ได้เจาะลึกข้อมูลทั้งmcsและpttep หรอกครับ
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
ภาพประจำตัวสมาชิก
คัดท้าย
Verified User
โพสต์: 2917
ผู้ติดตาม: 0

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์ที่ 18

โพสต์

ผมว่าทั้งหลายในโลกมันไม่มีจีรัง

บริษัท ทีมีลูกค้ารายเดียว ทำเงินให้ผู้ถือหุ้นมาก็มาก
บรษิท ที่มีลูกค้าแสนราย ทำผู้ถือหุ้นชีช้ำ มาก็เยอะ

CEI เอง ทำผู้ถือหุ้นได้ตังเป๋าตุง มาในช่วงเวลานึง .... และก็ทำเป๋าฉีก ในอีกช่วงระยะเวลานึง

MCS ตอนนี้ทำเงินให้ผู้ถือหุ้น แล้วต่อไปละ ?

SIAM คาดว่าจะทำเงินให้ผู้ถือหุ้น แล้วต่อไปละ ?

ILINK ทำเงินให้ผู้ถือหุ้นที่ผ่านมายิ้มแย้ม แล้วต่อไปละ?

PTTEP ทำเงินให้ผู้ถือหุ้นยิ้มแย้ม ... แล้วต่อไปแน่ใจหรือ?

ผมว่าการติดตามข้อมูลเป็นเรื่องจำเป็น ต้องรู้ว่าทำอะไรอยู่ และรู้ตัวเองด้วยว่าสิ่งที่ทำตรงหน้า เป็นการลงทุน หรือ การเก็งกำไรกันแน่ หรือว่าเป็นลูกครึ่ง เพราะถ้าหลอกตัวเอง ผมว่าอันตรายที่สุด
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
ภาพประจำตัวสมาชิก
HI.ผมเอง
Verified User
โพสต์: 811
ผู้ติดตาม: 0

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์ที่ 19

โพสต์

ใครน่าจะเป็นคนแรกๆที่รู้ว่า พื้นฐานของธุรกิจเปลี่ยน :roll:
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 0

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์ที่ 20

โพสต์

ผมก็เห็นคล้ายๆกับท่าน CK กับท่าน nanchan นะครับแม้จะฟังดูเหมือนเห็นไม่ตรงกัน

เป็นเพราะคำว่า qualitative กับ quantitative

คือว่าการที่บริษัทมีลูกค้ารายเดียว ถ้าถามในแง่ qualitative แค่ว่าดีหรือไม่ดี
ผมก็ว่าไม่ดี ท่าน ckก็ว่าไม่ดี ท่านnanchan บอกว่าไม่ดีแน่ๆ  การมีลูกค้าหลายรายย่อมมีความเสี่ยงน้อยกว่าโดยธรรมชาติอยู่แล้ว

แต่ถ้าถามเพิ่มว่าไม่ดีมากน้อยแค่ไหน(quantitative ) คำตอบก็คงขึ้นกับความเสี่ยงว่ามีอยู่มากน้อยแค่ไหน  ถ้าพี่เทพซึ่งเป็นพ่อลูกกันก็ถือว่าความเสี่ยงน้อย ถ้าcei ก็ถือว่าเสี่ยงสูงเพราะผูกพันกันด้วยผลประโยชน์ เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัวอะไรก็เกิดขึ้นได้

กรณี mcs ผมก็ว่าผูกพันกันด้วยผลประโยชน์ เพียงแต่ความเสี่ยงที่ว่ายังไม่เกิดขึ้นเหมือน cei แต่ในอนาคตก็มีโอกาสเช่นเดียวกัน
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
ต.หยวนเปียว
Verified User
โพสต์: 1688
ผู้ติดตาม: 0

VI......ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน

โพสต์ที่ 21

โพสต์

อ้างพื้นฐานเปลี่ยน
เพื่อกลบฝั่งความรู้สึกผิดแต่แรก
เมื่อเลือกลงทุน  :lol:
==หากบริษัทไม่ได้อยู่ในตลาดฯ หุ้นยังน่าซื้อหรือไม่ ==
โพสต์โพสต์