ข้อมูล BAFS
-
- Verified User
- โพสต์: 32
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อมูล BAFS
โพสต์ที่ 1
BAFS เป็นหุ้น defensive ที่น่าสนใจในช่วงตลาดผันผวนไม่แพ้หุ้นในกลุ่มค้าปลีก โรงบาล หรือ หุ้นแฟรนไซด์ตัวอื่น เลยหาข้อมูลมาฝากกันครับ
BAFS ผลประกอบการไตรมาสแรกเติบโตอย่างต่อเนื่อง
BAFS ผลประกอบการไตรมาสแรกออกมายังแสดงอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยรายได้เติบโตจาก 267 ล้านบาทในปีที่แล้วเป็น 295 ล้านบาท ในปีนี้จากการเพิ่มขึ้นของการใช้น้ำมันขงสายการบินต้นทุนต่ำที่ปัจจุบันเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นส่งผลให้มีการเพิ่มเที่ยวบินมากขึ้น ถึงแม้ในปีนี้จะแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นและหนี้ของบริษัทปัจจุบันมีค่อนข้างมากแต่อยากไรก็ตามบริษัทได้ทำสัญญาค้ำประกันอัตราแลกเปลี่ยนเอาไว้แล้วทำให้ค่าใช้จ่ายจากดอกเบี้ยไม่ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก
ปัจจุบัน BAFS มีอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 1.66 เท่า ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงทีเดียว (ปัจจุบันมียอดหนี้สินรวมกว่า 4000 ล้านบาท)
หากในอนาคตอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นมาจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการอย่างแน่นอน โดยปัจจุบัน BAFS จ่ายดอกเบี้ยไตรมาสละ 10 ล้านบาท หรือปีกว่า 40 ล้านบาทแต่ถ้าอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมาอาจจะทำให้บริษัทต้องจ่ายดอกเบี้ยกว่าปีละ 70 ล้านบาททีเดียวซึ่งอาจจะส่งผลต่อผลประกอบการของบริษัทได้
รอข่าวดีอาจมีจ่ายปันผลระหว่างกาล
ถึงแม้ผลประกอบการของบริษัทจะยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ตามแต่จากภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นคาดว่าบริษัทอาจจะประกาศจ่ายปันผลดลงเล็กน้อยโดยเราคาดว่าในครึ่งปีแรกบริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินการปกติเท่ากับ 210 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดอิสระในครึ่งปีแรกเท่ากับ 180 ล้านบาท และคาดว่าบริษัทจะจ่ายปันผลในอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่จ่ายที่ 0.25 บาทต่อหุ้นปัญหาสุวรรณภูมิยังไม่ชัดเจนแต่ยังมีความหวังอยู่
BAFS เป็นบริษัทหนึ่งที่จะได้รับผลดีจากการเปิดใช้งานของสนามบินสุวรรณภูมิเนื่องจากปัจจุบันสนามบินดอนเมืองปัจจุบันมีการใช้งานจนไม่สามารถรับรองการเดินทางได้แล้วและสายการบินต้องใช้ค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการลงจอดที่สนามบินดอนเมืองจากความแออัดจนไม่วสามารถลงจอดได้จึงต้องบินวนเพื่อหาที่ลงจอด การเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิจะทำให้มีการพักลงจอดของสายการบินเพิ่มขึ้น ซึ่งหากเปรียบเทียบกับอัตราค่าธรรมเนียมเติมน้ำมันของสุวรรณภูมิที่ BAFS กำหนดไว้นั้นต่ำกว่าสนามบินคู่แข่งอย่าง สิงค์โป และ ฮ่องกงมาก และเป็นแรงดึงดุให้สายการบินมาลงจอดเติมน้ำมันที่ปรเทศไทยมากขึ้น เราคาดการว่าหลังจากเปิดใช้สนามบินจะส่งผลให้ผลประกอบการของ BAFS เติบโตอย่างโดดเด่นทีเดียว
BAFS ผลประกอบการไตรมาสแรกเติบโตอย่างต่อเนื่อง
BAFS ผลประกอบการไตรมาสแรกออกมายังแสดงอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยรายได้เติบโตจาก 267 ล้านบาทในปีที่แล้วเป็น 295 ล้านบาท ในปีนี้จากการเพิ่มขึ้นของการใช้น้ำมันขงสายการบินต้นทุนต่ำที่ปัจจุบันเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นส่งผลให้มีการเพิ่มเที่ยวบินมากขึ้น ถึงแม้ในปีนี้จะแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นและหนี้ของบริษัทปัจจุบันมีค่อนข้างมากแต่อยากไรก็ตามบริษัทได้ทำสัญญาค้ำประกันอัตราแลกเปลี่ยนเอาไว้แล้วทำให้ค่าใช้จ่ายจากดอกเบี้ยไม่ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก
ปัจจุบัน BAFS มีอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 1.66 เท่า ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงทีเดียว (ปัจจุบันมียอดหนี้สินรวมกว่า 4000 ล้านบาท)
หากในอนาคตอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นมาจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการอย่างแน่นอน โดยปัจจุบัน BAFS จ่ายดอกเบี้ยไตรมาสละ 10 ล้านบาท หรือปีกว่า 40 ล้านบาทแต่ถ้าอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมาอาจจะทำให้บริษัทต้องจ่ายดอกเบี้ยกว่าปีละ 70 ล้านบาททีเดียวซึ่งอาจจะส่งผลต่อผลประกอบการของบริษัทได้
รอข่าวดีอาจมีจ่ายปันผลระหว่างกาล
ถึงแม้ผลประกอบการของบริษัทจะยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ตามแต่จากภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นคาดว่าบริษัทอาจจะประกาศจ่ายปันผลดลงเล็กน้อยโดยเราคาดว่าในครึ่งปีแรกบริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินการปกติเท่ากับ 210 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดอิสระในครึ่งปีแรกเท่ากับ 180 ล้านบาท และคาดว่าบริษัทจะจ่ายปันผลในอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่จ่ายที่ 0.25 บาทต่อหุ้นปัญหาสุวรรณภูมิยังไม่ชัดเจนแต่ยังมีความหวังอยู่
BAFS เป็นบริษัทหนึ่งที่จะได้รับผลดีจากการเปิดใช้งานของสนามบินสุวรรณภูมิเนื่องจากปัจจุบันสนามบินดอนเมืองปัจจุบันมีการใช้งานจนไม่สามารถรับรองการเดินทางได้แล้วและสายการบินต้องใช้ค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการลงจอดที่สนามบินดอนเมืองจากความแออัดจนไม่วสามารถลงจอดได้จึงต้องบินวนเพื่อหาที่ลงจอด การเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิจะทำให้มีการพักลงจอดของสายการบินเพิ่มขึ้น ซึ่งหากเปรียบเทียบกับอัตราค่าธรรมเนียมเติมน้ำมันของสุวรรณภูมิที่ BAFS กำหนดไว้นั้นต่ำกว่าสนามบินคู่แข่งอย่าง สิงค์โป และ ฮ่องกงมาก และเป็นแรงดึงดุให้สายการบินมาลงจอดเติมน้ำมันที่ปรเทศไทยมากขึ้น เราคาดการว่าหลังจากเปิดใช้สนามบินจะส่งผลให้ผลประกอบการของ BAFS เติบโตอย่างโดดเด่นทีเดียว
-
- Verified User
- โพสต์: 32
- ผู้ติดตาม: 0
bafs มีมติปรับค่าบริการเติมน้ำมันจาก 2.5เซ็นต์ เป็น 2.7เซ็นต
โพสต์ที่ 2
จากภาระอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นประกอบกับราคานำมันที่พุ่งสูงขึ้นทำให้ BAFS ปรับค่าบริการเติมน้ำมันเพิ่มจาก 2.5 เซ็นต์ต่อแกลลอน (1แกลลอน =3.74 ลิตร) เป็น 2.7เซ็นต์ต่อแกลลอน (อาจจะถือโอกาสปรับขึ้นตามการปรับค่าลงจอดของ AOT เลยก็ได้ ) หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ซึ่งจะปรับในเดือนกรกฎาคมนี้ แต่ผมมองว่าจะไม่ส่งผลดีอะไรมากมายนัก ส่วนที่สนามบินสุวรรณภูมิจะมีการเก็บค่าบริการ 5 เซ็นต์ต่อแกลลอน
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อมูล BAFS
โพสต์ที่ 5
เปิดสนามปิดใหม่
Growth แน่ๆครับ .....
รายได้ Growth
แต่ไม่รู้ว่าจะ Growth หนีต้นทุนได้รึเปล่า อย่าลืมมองจุดนี้นะครับ
Growth แน่ๆครับ .....
รายได้ Growth
แต่ไม่รู้ว่าจะ Growth หนีต้นทุนได้รึเปล่า อย่าลืมมองจุดนี้นะครับ
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อมูล BAFS
โพสต์ที่ 7
แก้เป็นyoyo เขียน:เปิดสนามปิดใหม่
"เปิดสนามบินใหม่" :oops:
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 208
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อมูล BAFS
โพสต์ที่ 8
ผมคิดว่า bafs ยังไงๆก็กำไรโตครับ เพราะ
สุวรรณภูมิจะมาแทนดอนเมือง
ส่วน low cost airline ก็จะลงดอนเมืองแทน
ซึ่ง low cost airline พึ่งเกิดขึ้นไม่นานเองมีโอกาสที่จะโตได้อีกมาก
ถ้าราคา bafs ตก จะน่าสนใจมากๆ (ขอให้ตกสัก 6-7 บาท)
สุวรรณภูมิจะมาแทนดอนเมือง
ส่วน low cost airline ก็จะลงดอนเมืองแทน
ซึ่ง low cost airline พึ่งเกิดขึ้นไม่นานเองมีโอกาสที่จะโตได้อีกมาก
ถ้าราคา bafs ตก จะน่าสนใจมากๆ (ขอให้ตกสัก 6-7 บาท)
ตลาดหุ้นให้โอกาสกับคนโง่ๆเสมอ
-
- Verified User
- โพสต์: 150
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อมูล BAFS
โพสต์ที่ 10
BAFs น่าสนใจครับ แต่....
ดบ จ่ายมันก้อนใหญ่นะครับ
ถ้า สุวรรณภูมิเปิดไม่ทันนี่จบเห่เลย
เพราะเจ้าหนี้คงไม่ยอมให้ผ่อนผันกันอีก
ดังนั้น รอให้มันแน่จริงๆแล้วค่อยว่ากันดีกว่าครับ
ยังไง BAFS ก้ยังมีความเสี่ยงนะครับ ควรระวังไว้หน่อยก็ดีครับ
ดบ จ่ายมันก้อนใหญ่นะครับ
ถ้า สุวรรณภูมิเปิดไม่ทันนี่จบเห่เลย
เพราะเจ้าหนี้คงไม่ยอมให้ผ่อนผันกันอีก
ดังนั้น รอให้มันแน่จริงๆแล้วค่อยว่ากันดีกว่าครับ
ยังไง BAFS ก้ยังมีความเสี่ยงนะครับ ควรระวังไว้หน่อยก็ดีครับ
- โอ@
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4244
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อมูล BAFS
โพสต์ที่ 12
แต่รู้ได้ยังไงละครับว่า low cost airline จะมาลงดอนเมืองnowkung เขียน:ผมคิดว่า bafs ยังไงๆก็กำไรโตครับ เพราะ
สุวรรณภูมิจะมาแทนดอนเมือง
ส่วน low cost airline ก็จะลงดอนเมืองแทน
ซึ่ง low cost airline พึ่งเกิดขึ้นไม่นานเองมีโอกาสที่จะโตได้อีกมาก
ถ้าราคา bafs ตก จะน่าสนใจมากๆ (ขอให้ตกสัก 6-7 บาท)
ถ้าเกิดไม่ลงขึ้นมาละครับ
_________
-
- Verified User
- โพสต์: 32
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นด้วยครับ
โพสต์ที่ 15
สำหรับข้อกังวลขณะนี้คงมีอยู่ 2 เรื่องคือ
1. ที่สุวรรณภูมิจะมีคู่แข่งเข้ามา 1 ราย
2. สนามบินดอนเมืองจะยังเปิดบริการอย่หรือเปล่า
เรื่องแรกการที่มีคู่แข่งรายใหม่เนื่องจากเป็นกฎของสนามบินสุวรรณภูมิที่ต้องการให้มีการแข่งขันการเติมน้ำมันเพื่อให้ลดการผูกขาดการเติมน้ำมัน เลยมีคู่แข่งรายหนึ่งเข้ามาแข่งขันซึ่งคู่แข่งรายนี้ก็มีผู้ถือหุ้นเป็นสัญชาติอเมริกัน คือบริษัท ASIG ซึ่งชนะการประมูลมาได้( สัญญา 30 ปี ) ดังนั้นอำนาจการผูกขาดของ BAFS ก็จะลดลงและจะพเป็นผลเสียมากหากคู่แข่งเปิดศึกโดยใช้ PRICE WAR แต่จุดแข็งของ BAFS อยู่ที่การถือหุ้นในบริษัท ทาโก้ ซึ่งได้สัมปทานจากสนามบินให้เป็นผู้วางท่อเพียงรายเดียว ซึ่งมติรัฐมนตรีอนุญาตให้ผู้ประกอบการรายอื่นเข้ามาเชื่อมต่อกับท่อของ ทาโก้ได้แต่ก็คงต้องมีการตกลงว่าจะมีการคิดค่าธรรมเนียมกันเท่าไรอีกครั้งหนึ่งแต่ผมมองว่า BAFS จะยังได้เปรียบอยู่เพราะเป็นเจ้าของ(แต่เล่นกับภาครัฐนี่อะไรก็ผลิกได้เสมอนะครับ)
เรื่องที่ 2 ได้มีการสรุปออกมาแล้วว่าสนามบินดอนเมืองจะให้ใช้เฉพาะส่วนราชการกับกองทัพห้ามเอกชนใช้ดังนั้น BAFS จึงต้องย้ายคลังเก็บน้ำมันไปยังสุวรรณภูมิซึ่งทำให้อาจเกิด EXCESS CAPACITY ของคลังเก็บในสุวรรณภูมิได้ ซึ่งผมมองว่าไน่มีปัญหาหากการเติบโตของสนามบินเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้เพียง 2-3 ปี การใช้ CAPACITY ก็น่าจะเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ได้ ส่วนการรับรู้ขาดทุนจากอุปกรณ์ที่ดอนเมืองขาดว่าไม่เกิน 100 ล้านบาทครับ
1. ที่สุวรรณภูมิจะมีคู่แข่งเข้ามา 1 ราย
2. สนามบินดอนเมืองจะยังเปิดบริการอย่หรือเปล่า
เรื่องแรกการที่มีคู่แข่งรายใหม่เนื่องจากเป็นกฎของสนามบินสุวรรณภูมิที่ต้องการให้มีการแข่งขันการเติมน้ำมันเพื่อให้ลดการผูกขาดการเติมน้ำมัน เลยมีคู่แข่งรายหนึ่งเข้ามาแข่งขันซึ่งคู่แข่งรายนี้ก็มีผู้ถือหุ้นเป็นสัญชาติอเมริกัน คือบริษัท ASIG ซึ่งชนะการประมูลมาได้( สัญญา 30 ปี ) ดังนั้นอำนาจการผูกขาดของ BAFS ก็จะลดลงและจะพเป็นผลเสียมากหากคู่แข่งเปิดศึกโดยใช้ PRICE WAR แต่จุดแข็งของ BAFS อยู่ที่การถือหุ้นในบริษัท ทาโก้ ซึ่งได้สัมปทานจากสนามบินให้เป็นผู้วางท่อเพียงรายเดียว ซึ่งมติรัฐมนตรีอนุญาตให้ผู้ประกอบการรายอื่นเข้ามาเชื่อมต่อกับท่อของ ทาโก้ได้แต่ก็คงต้องมีการตกลงว่าจะมีการคิดค่าธรรมเนียมกันเท่าไรอีกครั้งหนึ่งแต่ผมมองว่า BAFS จะยังได้เปรียบอยู่เพราะเป็นเจ้าของ(แต่เล่นกับภาครัฐนี่อะไรก็ผลิกได้เสมอนะครับ)
เรื่องที่ 2 ได้มีการสรุปออกมาแล้วว่าสนามบินดอนเมืองจะให้ใช้เฉพาะส่วนราชการกับกองทัพห้ามเอกชนใช้ดังนั้น BAFS จึงต้องย้ายคลังเก็บน้ำมันไปยังสุวรรณภูมิซึ่งทำให้อาจเกิด EXCESS CAPACITY ของคลังเก็บในสุวรรณภูมิได้ ซึ่งผมมองว่าไน่มีปัญหาหากการเติบโตของสนามบินเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้เพียง 2-3 ปี การใช้ CAPACITY ก็น่าจะเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ได้ ส่วนการรับรู้ขาดทุนจากอุปกรณ์ที่ดอนเมืองขาดว่าไม่เกิน 100 ล้านบาทครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1266
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อมูล BAFS
โพสต์ที่ 16
ข้อกังวลข้อที่ 2 ผมกลับเห็นว่าเป็นผลดีกับ BAFS
การเปิดใช้สนามบินพาณิชย์เพียงแห่งเดียว อัตราทำกำไรขั้นต้นดีขึ้น ต้นทุน บุคคลากร ไม่ต้องเพิ่มมาก การเก็บค่าบริการอัตราที่สูงกว่าที่สุวรรณภูมิ ผู้บริหารกล่าวตอนประชุมผู้ถือหุ้นว่า มีแผนจะทำการย้ายคลังจากดอนเมืองไปใช้สุวรรณภูมิ
ส่วนข้อ 1 ผมทำไม ไม่รู้สึกกังวลนะ หรือว่า มันด้านชา
การเปิดใช้สนามบินพาณิชย์เพียงแห่งเดียว อัตราทำกำไรขั้นต้นดีขึ้น ต้นทุน บุคคลากร ไม่ต้องเพิ่มมาก การเก็บค่าบริการอัตราที่สูงกว่าที่สุวรรณภูมิ ผู้บริหารกล่าวตอนประชุมผู้ถือหุ้นว่า มีแผนจะทำการย้ายคลังจากดอนเมืองไปใช้สุวรรณภูมิ
ส่วนข้อ 1 ผมทำไม ไม่รู้สึกกังวลนะ หรือว่า มันด้านชา