เอาข่าวมาจากThaihoon เกี่ยวกับ CK
-
- Verified User
- โพสต์: 118
- ผู้ติดตาม: 0
เอาข่าวมาจากThaihoon เกี่ยวกับ CK
โพสต์ที่ 1
เปิดแผนสร้างอาณาจักร ช.การช่าง (CK) "ตระกูลตรีวิศวเวทย์" กำลังจะหวนคืนสังเวียนหุ้น ภายหลังเปิดตัวโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 จากนั้นเตรียมส่ง 2 บริษัทในเครือ "BMCL" และ "TTW" เข้าตลาดหุ้น ตามหลัง BECL เพิ่มมูลค่าให้กับหุ้น CK เฉียด 1.2 หมื่นล้าน..เกมเดิมพันอนาคตครั้งนี้น่าจับตา
การกลับมาหลังจาก "เว้นวรรค" ชั่วคราวของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" พร้อมกับนำโครงการก่อสร้าง รถไฟฟ้า 3 เส้นทาง คือ สายสีแดง (แอร์พอร์ตลิงค์-ดอนเมือง-เชียงราก) สายสีน้ำเงิน (เส้นทางรอบเมืองจนถึงบางแค) และสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) ขึ้นมาปัดฝุ่น และถูกอุปโลกน์ขึ้นใหม่..ในชื่อ "โครงการโมเดิร์นไนซ์ไทยแลนด์" ของรัฐบาล
พร้อมส่งสัญญาณให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม (รังสิต-มหาชัย) และสายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-สุวรรณภูมิ) ได้ทันที
แม้หลายฝ่ายจะเชื่อว่าในที่สุดแล้ว น่าจะมีการ "ชักเข้าชักออก" อีก และเป็นโครงการหาคะแนนเสียงของพรรคไทยรักไทย ก่อนการเลือกตั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม จะมีขึ้น
แต่ "ปลิว ตรีวิศวเวทย์" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ช.การช่าง (CK) ก็สวมจังหวะช่วงที่ "ทักษิณ" กลับทำเนียบ เลือกเปิดตัวโครงการเมกะโปรเจคของตัวเอง ทั้งๆ ที่ บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ช.การช่าง (ถือหุ้น 28.5%) ได้ลงนามในสัญญาสัมปทาน "โครงการโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2" กับรัฐบาลลาว มาตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2549
อาจกล่าวได้ว่าโครงการนี้ถือเป็น "จุดหักเห" อนาคตใหม่ ของ ช.การช่าง ก็ว่าได้..สัญญาเขียนขึ้นแบบให้ประโยชน์กับ ช.การช่าง นานถึง 3 ทศวรรษ หรือ 32 ปี
แบ่งออกเป็น ระยะเวลา 5 ปีแรก สำหรับงานก่อสร้าง ช.การช่าง (ลาว) จะเป็นผู้รับเหมาไปด้วยวงเงิน 20,400 ล้านบาท ระยะเวลา 2 ปี สำหรับการทดสอบระบบของโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาด 615 เมกะวัตต์ และระยะเวลา 25 ปี สำหรับการส่งพลังงานไฟฟ้าข้ามแดนให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
"ปลิว" เปิดเผยว่า บริษัทจะเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง และบริหารโครงการโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ขนาด 615 เมกะวัตต์ มูลค่ารวม 31,600 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นโครงการขนาดใหญ่โครงการแรกที่ ช.การช่าง ลงทุนในต่างประเทศ
รวมทั้งยังจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทน จาก "เงินปันผล" ในฐานะผู้ถือหุ้น ของ บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี (28.5%) ซึ่งเป็นผู้ผลิต และจำหน่ายไฟฟ้า ให้แก่ กฟผ.เป็นระยะเวลา 25 ปี นับแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 ในอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ย ที่ระดับ 1.99 บาทต่อหน่วย
...เห็นได้ชัดว่า เกมเดิมพันครั้งใหม่นี้ ช.การช่าง แทบจะไม่มีความเสี่ยง แต่กลับได้รับผลประโยชน์ ถึง "2 เด้ง" ทั้งจากงานก่อสร้าง ในนามบริษัท ช.การช่าง (ลาว) และสัญญาขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้ปีละ ประมาณ 4,000 ล้านบาท ในนาม บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี
ส่วนเงินทุนสนับสนุนงานก่อสร้าง ประมาณ 15,000 ล้านบาท ก็มาจากธนาคารที่ "รัฐบาล" หนุนหลัง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้ 8,850 ล้านบาท ธนาคารทหารไทย 2,097 ล้านบาท และ ธนาคารนครหลวงไทย 4,056 ล้านบาท
เบื้องหลังดีล "WIN-WIN-WIN" ระหว่าง "รัฐบาลลาว-ช.การช่าง-กฟผ." นักวิเคราะห์ ประเมินว่าจะทำให้ "Backlog" ในมือของ ช.การช่าง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 อยู่ที่ 13,829 ล้านบาท เพิ่มเป็น 34,200 ล้านบาททันที
หากวิเคราะห์เกมในกระดาน..เส้นทางสร้างมูลค่าหุ้น CK ของ "ปลิว" เป็นเพียงแค่ "จุดเริ่มต้น" สังเกตจาก "จิ๊กซอว์" ที่เขาต่อ และตั้งความหวังให้กับ ช.การช่าง ไว้สูงมาก
ขณะนี้บริษัทมีงานก่อสร้างในมือ (Backlog) อยู่ประมาณ 20,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 อีก 20,000 ล้านบาท จะทำให้มีงานในมือรวม 40,000 ล้านบาท (ไปจนถึงปี 2552) โดยไม่ต้องมีงานใหม่ (ก็อยู่ได้)
...และในขณะนี้รัฐเตรียมเปิดประมูลโครงการต่างๆ ตามแผนที่ไม่เกี่ยวข้องเมกะโปรเจคอีก 40,000-50,000 ล้านบาท บริษัทคาดว่าจะได้งานประมาณครึ่งหนึ่ง และหากรวมการประมูลรถไฟฟ้า 3 สาย อีก 150,000-170,000 ล้านบาท ก็คาดว่าจะได้งานในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 25% ปลิว ตั้งเป้าไว้สูง และพยายามสร้างเงื่อนไขให้กับราคาหุ้น CK
ก่อนจะกล่าวอีกว่า หลังจากที่ลงนามสัญญาก่อสร้าง โครงการโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ก็ทำให้ ช.การช่าง มีรายได้เข้าบริษัททันที 2,000 ล้านบาท เพราะได้เริ่มก่อสร้างไปบ้างแล้ว และปีนี้ยังได้กำไรจากการขายหุ้นน้ำประปาไทย (TTW) อีก 1,000 ล้านบาท รวมทั้งงานก่อสร้างในมือ จึงมั่นใจว่าปีนี้จะมีรายได้ไม่น้อยกว่า 14,000 ล้านบาท และมีกำไรมากกว่าปีที่แล้ว
หากใครจับสัญญาณออกก็จะพบว่า "ปลิว" ยังไม่ได้ "ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย" เขายังเหลือไพ่ในสำรับอีกหลายใบ..ที่จะมาสร้าง "สตอรี่" ต่อยอดราคาหุ้น
ไพ่ใบแรก..โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 เส้นทาง สายสีแดง สายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง ที่ ช.การช่าง หมายมั่นว่าต้องได้ส่วนแบ่งเค้ก ประมาณ 25%
ไพ่ใบที่สอง..เตรียมกระจายหุ้น บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) ผู้รับสัมปทานเดินรถไฟใต้ดิน ภายในปลายเดือนมิถุนายนนี้
ปัจจุบัน ช.การช่าง ถือหุ้น BMCL จำนวน 3,078.76 ล้านหุ้น สัดส่วน 40.26% หากคำนวณราคายุติธรรม (ราคาอ้างอิง) ที่หุ้นละ 1.52 บาท จะมีมูลค่า ประมาณ 4,680 ล้านบาท
และ ไพ่ใบที่สาม..เตรียมส่ง บริษัท น้ำประปาไทย (TTW) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการน้ำประปาในเขตจังหวัดนครปฐม และ สมุทรสาคร กระจายหุ้นภายในปลายปีนี้
ที่ผ่านมา ช.การช่าง มีมติขายหุ้น TTW จำนวน 14.67 ล้านหุ้น หรือ 45.16% ขายให้กับ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ (BECL) ในเครือไปแล้ว 1.67 ล้านหุ้น และขายให้แก่ บริษัท มิตซุย วอเตอร์ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำนวน 11.37 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 320 ล้านบาท ยังคงเหลือหุ้น TTW ในส่วนที่ยังไม่ได้ขายและต้องขายอีก 1.62 ล้านหุ้น
ภายหลังการขายหุ้น TTW ออกไปครบตามจำนวน จะทำให้ ช.การช่าง เหลือหุ้นทั้งสิ้น 14.68 ล้านหุ้นหากคำนวณราคาอ้างอิง ที่หุ้นละ 320 บาท จะมีมูลค่า ประมาณ 4,700 ล้านบาท
เท่ากับว่าถ้า ช.การช่าง ส่ง BMCL (4,680 ล้านบาท) และ TTW (4,700 ล้านบาท) เข้าตลาดหุ้น เมื่อรวมกับหุ้นที่ถืออยู่ใน BECL อีก 122.82 ล้านหุ้น มูลค่า 2,580 ล้านบาท
จะเพิ่มมูลค่า(หุ้น)ให้กับ ช.การช่าง อีกประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับ "มาร์เก็ตแคป" ในปัจจุบันของบริษัท
ด้วยเหตุนี้ไพ่ที่เหลือในสำรับ จะถูกทิ้งออกมาทีละใบ เพื่อสร้างมูลค่า(เพิ่ม)ให้กับหุ้น CK
เพราะฉะนั้นราคาหุ้นต้องสูงกว่า 10 บาท อย่างไม่ต้อง
_________________
การกลับมาหลังจาก "เว้นวรรค" ชั่วคราวของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" พร้อมกับนำโครงการก่อสร้าง รถไฟฟ้า 3 เส้นทาง คือ สายสีแดง (แอร์พอร์ตลิงค์-ดอนเมือง-เชียงราก) สายสีน้ำเงิน (เส้นทางรอบเมืองจนถึงบางแค) และสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) ขึ้นมาปัดฝุ่น และถูกอุปโลกน์ขึ้นใหม่..ในชื่อ "โครงการโมเดิร์นไนซ์ไทยแลนด์" ของรัฐบาล
พร้อมส่งสัญญาณให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม (รังสิต-มหาชัย) และสายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-สุวรรณภูมิ) ได้ทันที
แม้หลายฝ่ายจะเชื่อว่าในที่สุดแล้ว น่าจะมีการ "ชักเข้าชักออก" อีก และเป็นโครงการหาคะแนนเสียงของพรรคไทยรักไทย ก่อนการเลือกตั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม จะมีขึ้น
แต่ "ปลิว ตรีวิศวเวทย์" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ช.การช่าง (CK) ก็สวมจังหวะช่วงที่ "ทักษิณ" กลับทำเนียบ เลือกเปิดตัวโครงการเมกะโปรเจคของตัวเอง ทั้งๆ ที่ บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ช.การช่าง (ถือหุ้น 28.5%) ได้ลงนามในสัญญาสัมปทาน "โครงการโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2" กับรัฐบาลลาว มาตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2549
อาจกล่าวได้ว่าโครงการนี้ถือเป็น "จุดหักเห" อนาคตใหม่ ของ ช.การช่าง ก็ว่าได้..สัญญาเขียนขึ้นแบบให้ประโยชน์กับ ช.การช่าง นานถึง 3 ทศวรรษ หรือ 32 ปี
แบ่งออกเป็น ระยะเวลา 5 ปีแรก สำหรับงานก่อสร้าง ช.การช่าง (ลาว) จะเป็นผู้รับเหมาไปด้วยวงเงิน 20,400 ล้านบาท ระยะเวลา 2 ปี สำหรับการทดสอบระบบของโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาด 615 เมกะวัตต์ และระยะเวลา 25 ปี สำหรับการส่งพลังงานไฟฟ้าข้ามแดนให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
"ปลิว" เปิดเผยว่า บริษัทจะเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง และบริหารโครงการโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ขนาด 615 เมกะวัตต์ มูลค่ารวม 31,600 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นโครงการขนาดใหญ่โครงการแรกที่ ช.การช่าง ลงทุนในต่างประเทศ
รวมทั้งยังจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทน จาก "เงินปันผล" ในฐานะผู้ถือหุ้น ของ บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี (28.5%) ซึ่งเป็นผู้ผลิต และจำหน่ายไฟฟ้า ให้แก่ กฟผ.เป็นระยะเวลา 25 ปี นับแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 ในอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ย ที่ระดับ 1.99 บาทต่อหน่วย
...เห็นได้ชัดว่า เกมเดิมพันครั้งใหม่นี้ ช.การช่าง แทบจะไม่มีความเสี่ยง แต่กลับได้รับผลประโยชน์ ถึง "2 เด้ง" ทั้งจากงานก่อสร้าง ในนามบริษัท ช.การช่าง (ลาว) และสัญญาขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้ปีละ ประมาณ 4,000 ล้านบาท ในนาม บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี
ส่วนเงินทุนสนับสนุนงานก่อสร้าง ประมาณ 15,000 ล้านบาท ก็มาจากธนาคารที่ "รัฐบาล" หนุนหลัง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้ 8,850 ล้านบาท ธนาคารทหารไทย 2,097 ล้านบาท และ ธนาคารนครหลวงไทย 4,056 ล้านบาท
เบื้องหลังดีล "WIN-WIN-WIN" ระหว่าง "รัฐบาลลาว-ช.การช่าง-กฟผ." นักวิเคราะห์ ประเมินว่าจะทำให้ "Backlog" ในมือของ ช.การช่าง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 อยู่ที่ 13,829 ล้านบาท เพิ่มเป็น 34,200 ล้านบาททันที
หากวิเคราะห์เกมในกระดาน..เส้นทางสร้างมูลค่าหุ้น CK ของ "ปลิว" เป็นเพียงแค่ "จุดเริ่มต้น" สังเกตจาก "จิ๊กซอว์" ที่เขาต่อ และตั้งความหวังให้กับ ช.การช่าง ไว้สูงมาก
ขณะนี้บริษัทมีงานก่อสร้างในมือ (Backlog) อยู่ประมาณ 20,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 อีก 20,000 ล้านบาท จะทำให้มีงานในมือรวม 40,000 ล้านบาท (ไปจนถึงปี 2552) โดยไม่ต้องมีงานใหม่ (ก็อยู่ได้)
...และในขณะนี้รัฐเตรียมเปิดประมูลโครงการต่างๆ ตามแผนที่ไม่เกี่ยวข้องเมกะโปรเจคอีก 40,000-50,000 ล้านบาท บริษัทคาดว่าจะได้งานประมาณครึ่งหนึ่ง และหากรวมการประมูลรถไฟฟ้า 3 สาย อีก 150,000-170,000 ล้านบาท ก็คาดว่าจะได้งานในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 25% ปลิว ตั้งเป้าไว้สูง และพยายามสร้างเงื่อนไขให้กับราคาหุ้น CK
ก่อนจะกล่าวอีกว่า หลังจากที่ลงนามสัญญาก่อสร้าง โครงการโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ก็ทำให้ ช.การช่าง มีรายได้เข้าบริษัททันที 2,000 ล้านบาท เพราะได้เริ่มก่อสร้างไปบ้างแล้ว และปีนี้ยังได้กำไรจากการขายหุ้นน้ำประปาไทย (TTW) อีก 1,000 ล้านบาท รวมทั้งงานก่อสร้างในมือ จึงมั่นใจว่าปีนี้จะมีรายได้ไม่น้อยกว่า 14,000 ล้านบาท และมีกำไรมากกว่าปีที่แล้ว
หากใครจับสัญญาณออกก็จะพบว่า "ปลิว" ยังไม่ได้ "ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย" เขายังเหลือไพ่ในสำรับอีกหลายใบ..ที่จะมาสร้าง "สตอรี่" ต่อยอดราคาหุ้น
ไพ่ใบแรก..โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 เส้นทาง สายสีแดง สายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง ที่ ช.การช่าง หมายมั่นว่าต้องได้ส่วนแบ่งเค้ก ประมาณ 25%
ไพ่ใบที่สอง..เตรียมกระจายหุ้น บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) ผู้รับสัมปทานเดินรถไฟใต้ดิน ภายในปลายเดือนมิถุนายนนี้
ปัจจุบัน ช.การช่าง ถือหุ้น BMCL จำนวน 3,078.76 ล้านหุ้น สัดส่วน 40.26% หากคำนวณราคายุติธรรม (ราคาอ้างอิง) ที่หุ้นละ 1.52 บาท จะมีมูลค่า ประมาณ 4,680 ล้านบาท
และ ไพ่ใบที่สาม..เตรียมส่ง บริษัท น้ำประปาไทย (TTW) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการน้ำประปาในเขตจังหวัดนครปฐม และ สมุทรสาคร กระจายหุ้นภายในปลายปีนี้
ที่ผ่านมา ช.การช่าง มีมติขายหุ้น TTW จำนวน 14.67 ล้านหุ้น หรือ 45.16% ขายให้กับ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ (BECL) ในเครือไปแล้ว 1.67 ล้านหุ้น และขายให้แก่ บริษัท มิตซุย วอเตอร์ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำนวน 11.37 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 320 ล้านบาท ยังคงเหลือหุ้น TTW ในส่วนที่ยังไม่ได้ขายและต้องขายอีก 1.62 ล้านหุ้น
ภายหลังการขายหุ้น TTW ออกไปครบตามจำนวน จะทำให้ ช.การช่าง เหลือหุ้นทั้งสิ้น 14.68 ล้านหุ้นหากคำนวณราคาอ้างอิง ที่หุ้นละ 320 บาท จะมีมูลค่า ประมาณ 4,700 ล้านบาท
เท่ากับว่าถ้า ช.การช่าง ส่ง BMCL (4,680 ล้านบาท) และ TTW (4,700 ล้านบาท) เข้าตลาดหุ้น เมื่อรวมกับหุ้นที่ถืออยู่ใน BECL อีก 122.82 ล้านหุ้น มูลค่า 2,580 ล้านบาท
จะเพิ่มมูลค่า(หุ้น)ให้กับ ช.การช่าง อีกประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับ "มาร์เก็ตแคป" ในปัจจุบันของบริษัท
ด้วยเหตุนี้ไพ่ที่เหลือในสำรับ จะถูกทิ้งออกมาทีละใบ เพื่อสร้างมูลค่า(เพิ่ม)ให้กับหุ้น CK
เพราะฉะนั้นราคาหุ้นต้องสูงกว่า 10 บาท อย่างไม่ต้อง
_________________
-
- ผู้ติดตาม: 0
เอาข่าวมาจากThaihoon เกี่ยวกับ CK
โพสต์ที่ 10
อ่านงบการเงินคับ
ว่าไม่น่าเข้าใจยาก
ว่าเพิ่มมูลค่าหรือเปล่า
ว่าไม่น่าเข้าใจยาก
ว่าเพิ่มมูลค่าหรือเปล่า