การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
- bluesky
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 1
เห็นด้วยไหมกับ คุณลุงกำธร สุวรรณปิยะศริ ดาราอาวุโส ที่ว่า การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
จากบทสัมภาษณ์ใน VOLUME เล่มล่าสุด
คุณลุงกำธร และ คุณป้า นันทวัน คู่ชีวิต มาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับชีวิตคู่ มีอยู่ตอนนึงน่าสนใจมาก
" ผมไม่เห็นด้วยกับลูกชายที่จะแต่งงาน เพราะชีวิตการเป็นโสดมีอิสระดีกว่า โลกในอนาคตจะยิ่งยุ่งยากมากกว่านี้ ถ้าอยู่คนเดียวไม่ต้องมีพันธะ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมาก แต่ถ้าต้องแต่งงาน เมื่อยังรักกันอยู่ก้อดี แต่ถ้าวันใดมีปัญหาเกิดขึ้นไม่ต้องอดทน เลิกกันเลย อย่าปล่อยให้คาราคาซัง "
"การมีคู่ คือ มีกรรม ถ้าถึงเวลาที่ต้องชดใช้กรรม มันจะมาเอง คนนี้เขาก็มีกรรมไง(ชี้มือไปที่ ภรรยา คุณนันทวัน) เผอิญ กรรมมันชื่อ กำธร จะดีหรือชั่วไม่รู้ แต่มัน อ่านว่า กำ เหมือนกัน "
"ถ้าได้เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ ถือว่า ประเสริฐที่สุด แล้วค่อยแบ่งเงินที่เรามีไปช่วยคนยากจนจะดีกว่า ถ้ามีสามีก็ต้องแบ่งเวลาไปดูสามี ถ้ามีลูกก็ต้องแบ่งเวลาไปดูลูก ทำให้เวลาที่มีให้พ่อแม่ลดระดับลงไปมาก "
"ขั้นต่อไป ผมบอกลูกชายว่า ถ้าเชื่อพ่อ อย่ามีลูก นี่เป็นกฎเหล็กของคนเป็นพ่อซึ่งวันหนึ่งอาจต้องกลายเป็น ปู่ เขาจะมีลูกไปทำไม เขาเป็นหมอ ภรรยาเป็นทันตแพทย์ ซึ่งต้องออกไปทำงานด้วยกันทั้งคู่ หากมีลูกก็ต้องให้คนใช้เลี้ยง แล้วต่อไปเด็กคนนี้จะเติบโตในมือใคร ถ้าจะเอามาให้ ปู่ย่า เลี้ยง ก็บอกกันตรงๆเลยว่า ไม่เลี้ยง "
ภรรยา คุณนันทวัน เสริมว่า
"ที่ไม่เลี้ยง เพราะยุคสมัยมันเปลี่ยนไป การเลี้ยงดูของเราต่างกันอาจทำให้เด้กสับสน ถ้าเลี้ยงลูกแล้วเขาเป็นคนดี พ่อแม่อย่ากระดากปากที่จะชมตัวเอง แต่ถ้าลูกไม่ดีก็ให้โทษตัวเอง อย่าไปโทษสิ่งแวดล้อม "
คุณกำธร เล่าถึงเหตุผลที่ไม่อยากมีหลานต่อว่า
" ไม่รู้จะมีไปทำไม ตระกูลยิ่งใหญ่นักหรือถึงต้องต่อเติม วันนี้รักกันเหลือเกิน แต่ถ้าสักวันหนึ่งแยกกันไป เด็กจะแย่ไหม จะอยู่กับพ่อหรือแม่ก็ยังไม่รู้ บางคู่ถึงกับต้องขึ้นโรงขึ้นศาล สู้ตัดไฟแต่ต้นลมตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า "
***********************************
อ่านบทสัมภาษณ์ของทั้งคู่แล้ว มึนๆ ตกลงท่านมีลูกชาย เพื่อให้มาเลี้ยงดูท่านเอง แต่ไม่อยากให้ลูกตัวเองมีลูก
มึนๆ ใครเห็นด้วยกับท่านทั้งสองบ้างนี่
จากบทสัมภาษณ์ใน VOLUME เล่มล่าสุด
คุณลุงกำธร และ คุณป้า นันทวัน คู่ชีวิต มาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับชีวิตคู่ มีอยู่ตอนนึงน่าสนใจมาก
" ผมไม่เห็นด้วยกับลูกชายที่จะแต่งงาน เพราะชีวิตการเป็นโสดมีอิสระดีกว่า โลกในอนาคตจะยิ่งยุ่งยากมากกว่านี้ ถ้าอยู่คนเดียวไม่ต้องมีพันธะ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมาก แต่ถ้าต้องแต่งงาน เมื่อยังรักกันอยู่ก้อดี แต่ถ้าวันใดมีปัญหาเกิดขึ้นไม่ต้องอดทน เลิกกันเลย อย่าปล่อยให้คาราคาซัง "
"การมีคู่ คือ มีกรรม ถ้าถึงเวลาที่ต้องชดใช้กรรม มันจะมาเอง คนนี้เขาก็มีกรรมไง(ชี้มือไปที่ ภรรยา คุณนันทวัน) เผอิญ กรรมมันชื่อ กำธร จะดีหรือชั่วไม่รู้ แต่มัน อ่านว่า กำ เหมือนกัน "
"ถ้าได้เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ ถือว่า ประเสริฐที่สุด แล้วค่อยแบ่งเงินที่เรามีไปช่วยคนยากจนจะดีกว่า ถ้ามีสามีก็ต้องแบ่งเวลาไปดูสามี ถ้ามีลูกก็ต้องแบ่งเวลาไปดูลูก ทำให้เวลาที่มีให้พ่อแม่ลดระดับลงไปมาก "
"ขั้นต่อไป ผมบอกลูกชายว่า ถ้าเชื่อพ่อ อย่ามีลูก นี่เป็นกฎเหล็กของคนเป็นพ่อซึ่งวันหนึ่งอาจต้องกลายเป็น ปู่ เขาจะมีลูกไปทำไม เขาเป็นหมอ ภรรยาเป็นทันตแพทย์ ซึ่งต้องออกไปทำงานด้วยกันทั้งคู่ หากมีลูกก็ต้องให้คนใช้เลี้ยง แล้วต่อไปเด็กคนนี้จะเติบโตในมือใคร ถ้าจะเอามาให้ ปู่ย่า เลี้ยง ก็บอกกันตรงๆเลยว่า ไม่เลี้ยง "
ภรรยา คุณนันทวัน เสริมว่า
"ที่ไม่เลี้ยง เพราะยุคสมัยมันเปลี่ยนไป การเลี้ยงดูของเราต่างกันอาจทำให้เด้กสับสน ถ้าเลี้ยงลูกแล้วเขาเป็นคนดี พ่อแม่อย่ากระดากปากที่จะชมตัวเอง แต่ถ้าลูกไม่ดีก็ให้โทษตัวเอง อย่าไปโทษสิ่งแวดล้อม "
คุณกำธร เล่าถึงเหตุผลที่ไม่อยากมีหลานต่อว่า
" ไม่รู้จะมีไปทำไม ตระกูลยิ่งใหญ่นักหรือถึงต้องต่อเติม วันนี้รักกันเหลือเกิน แต่ถ้าสักวันหนึ่งแยกกันไป เด็กจะแย่ไหม จะอยู่กับพ่อหรือแม่ก็ยังไม่รู้ บางคู่ถึงกับต้องขึ้นโรงขึ้นศาล สู้ตัดไฟแต่ต้นลมตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า "
***********************************
อ่านบทสัมภาษณ์ของทั้งคู่แล้ว มึนๆ ตกลงท่านมีลูกชาย เพื่อให้มาเลี้ยงดูท่านเอง แต่ไม่อยากให้ลูกตัวเองมีลูก
มึนๆ ใครเห็นด้วยกับท่านทั้งสองบ้างนี่
มีบางคนบอกว่า คนเราเกิดมาเพื่อตามหาอีกครึ่งหนึ่งของตัวเรา
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 2
ผมว่า ดีแล้วนะที่ท่านแนะนำให้ลูกอย่ามี ลูก แถมยังบอกอีกว่า ถ้าจะเอามาให้เลี้ยง ก็จะไม่เลี้ยง
สงสารเด็กที่มันเกิดมาน่ะครับ ต้องมาเจอปู่ย่าที่มีทัศนคติแบบนี้ ที่อื่นๆ ผมเคยเห็นแต่เขาเห่อหลานกัน แม้กระทั่งลูกสาวบางคนที่หนีตามผู้่ชายจนประกาศตัดพ่อแม่กัน แต่พอมาเจอหน้าหลานทีหลัง ยังลืมเรื่องเก่าหมดสิ้นเลย
ขอโทษด้วยนะครับ ถ้าคิดว่าตอบตรงไปหน่อย
สงสารเด็กที่มันเกิดมาน่ะครับ ต้องมาเจอปู่ย่าที่มีทัศนคติแบบนี้ ที่อื่นๆ ผมเคยเห็นแต่เขาเห่อหลานกัน แม้กระทั่งลูกสาวบางคนที่หนีตามผู้่ชายจนประกาศตัดพ่อแม่กัน แต่พอมาเจอหน้าหลานทีหลัง ยังลืมเรื่องเก่าหมดสิ้นเลย
ขอโทษด้วยนะครับ ถ้าคิดว่าตอบตรงไปหน่อย
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 3
วางแผนจะมีลูกแล้วเหรอคุณ bluesky
ผมว่าถามคุณภรรยา แม่ของลูกดีกว่านะ ว่าจะเอาด้วยเปล่า
ถ้าเค้า OK ก็จัดการเลย ... :lol:
ผมว่าถามคุณภรรยา แม่ของลูกดีกว่านะ ว่าจะเอาด้วยเปล่า
ถ้าเค้า OK ก็จัดการเลย ... :lol:
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 877
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 4
กระผมก้ม
หน้า
ก้ม
ตา
อ่านกระทู้นี้.........
สักพัก...........จึง
ขึ้น
หน้า
เงย...........
ด้วยความเคารพ............
กระผม สั_ม_ผั_ส
รู้ได้ทั้ง
'เสียง'และ 'ความรู้สึก'
ของคนพูด
แต่กระผมไม่คิดว่า.........กระผมเข้าใจ
หรือแม้แต่............จะรู้จักวิถีทางที่ว่านี้
ไมว่า ฤดูฝน ฤดูหนาว ฤดูร้อน
วันแดดแรง วันสายฝนกระหน่ำ วันอันแสนอบอุ่น
วันที่หนาวเหน็บจับใจ
กระผมขอเพียง
แค่ได้ 'รักลูก' ก็เท่านั้น
โห!....เขียนเองซึ้งเอง.......ขอนุญาตน้ำตาคลอ
ไปหอมลูกดีกว่า........ราตรีสวัสดิ์ขอรับ!
หน้า
ก้ม
ตา
อ่านกระทู้นี้.........
สักพัก...........จึง
ขึ้น
หน้า
เงย...........
ด้วยความเคารพ............
กระผม สั_ม_ผั_ส
รู้ได้ทั้ง
'เสียง'และ 'ความรู้สึก'
ของคนพูด
แต่กระผมไม่คิดว่า.........กระผมเข้าใจ
หรือแม้แต่............จะรู้จักวิถีทางที่ว่านี้
ไมว่า ฤดูฝน ฤดูหนาว ฤดูร้อน
วันแดดแรง วันสายฝนกระหน่ำ วันอันแสนอบอุ่น
วันที่หนาวเหน็บจับใจ
กระผมขอเพียง
แค่ได้ 'รักลูก' ก็เท่านั้น
โห!....เขียนเองซึ้งเอง.......ขอนุญาตน้ำตาคลอ
ไปหอมลูกดีกว่า........ราตรีสวัสดิ์ขอรับ!
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4526
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 5
มีลูก"...เพื่อชาติ!!! ของออสเตรเลียเริ่มได้ผล
สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
อ่านแล้วแทบไม่น่าเชื่อเลยว่า เรื่อง "ตั้งท้อง" มีลูก จะกลายมาเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติไปได้!!! เผลอๆ อาจเป็น "ปัญหาใหญ่ระดับโลก" เลยด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้ก็เริ่มมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหลายประเทศ อย่างเช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ฯลฯ ที่ออกมาพูดถึงปัญหาเรื่องประชากรสูงวัย ซึ่งจะมีมากขึ้นในอนาคต ขณะที่ประชากรเลือดใหม่ที่จะไล่ตามขึ้นมาชดเชย ช่วยทำงานแทนคนแก่คนเฒ่ากลับมีน้อยลงเรื่อยๆ เนื่องจากคนหนุ่มสาวหรือผู้ที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ไม่ค่อยนิยมมีลูกกันเล้ย!!!
แฮพ วัน ฟอร์ ยัวร์ คันทรี (Have One For Your Country) หรือ ช่วยมีลูกกันเพียง 1 คนเพื่อชาติ คำพูดที่ฟังคล้องจองราวกับ "คำขวัญ" ที่หลุดออกมาจากปากของนายปีเตอร์ คอสเตลโล รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของออสเตรเลีย เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก็เกิดขึ้นเพราะเหตุน่าเป็นห่วงนี้แหละ หลังจากที่ท่านรัฐมนตรีปีเตอร์และรัฐบาลออสซี่ ได้เห็นตัวเลขจากฝ่ายสำรวจสำมะโนครัวประชากรที่บอกไว้คร่าวๆ ว่า ภายในปี ค.ศ.2042 (ปี พ.ศ.2585) หรืออีก 36 ปีข้างหน้า ออสเตรเลียจะมีประชากรที่อายุเกิน 65 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ขณะที่ประชากรอายุเกินกว่า 85 ปีขึ้นไป จะมีเพิ่มทวีคูณขึ้นถึง 4 เท่า ส่วนประชากรวัยทำงานมีอยู่ "คงที่" เท่าเดิม
หลังจากเห็นผลการสำรวจดังกล่าว ปีเตอร์ก็ได้เริ่มออกมากระตุ้นเรียกร้องให้ประชาชนออสซี่ได้มาร่วมกันทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ ด้วยการช่วยกัน "ผลิตทายาท"นอกจากนั้น นายปีเตอร์ก็ยังตัดสินใจ "เพิ่มอายุเกษียณงาน" ของแรงงานในประเทศเพิ่มเป็น 65 ปี เพื่อให้แรงงานสูงวัย ยังอยู่เป็นกำลังสำคัญในตลาดแรงงานได้ต่อ แล้วเมื่อปี 2547 ปีเตอร์ คอสเตลโล ยังได้นำเสนอนโยบาย "จ่ายโบนัส" หรือเงินพิเศษจำนวน 3,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 85,200 บาท) ให้แก่คู่สามีภรรยาที่มีทารกแรกเกิด กำเนิดขึ้นมาแต่ละครั้งด้วย!!!
และที่อยากจะบอกต่อไปนี้ก็คือ ความพยายามของปีเตอร์เริ่มส่งผลน่ายินดีให้เห็นแล้ว เมื่อมีผลสำรวจพบว่า เมื่อปี 2548 ที่ผ่านมา ออสเตรเลียมีอัตราการเกิดของทารกแรกคลอดจำนวน 261,400 ราย ซึ่งเป็นอัตราการเกิดที่สูงสุดนับแต่ปี 2535 เป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม แผนการกระตุ้นล่อใจให้คนออสซี่ช่วยกันผลิตหนูน้อยออสซี่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ด้วยว่ารัฐบาลยังมีแผนระยะยาวที่จะเชิญชวนให้ประชาชนได้ช่วยกันผลิตทารกกันต่อไป อย่างเช่นจะมีการเพิ่มเงิน "โบนัส เบบี้" ต่อการมีลูกเพิ่มขึ้นในบ้าน 1 คน จาก 3,000 เหรียญออสเตรเลีย ขึ้นเป็น 4,000 เหรียญออสเตรเลีย (113,600 บาท) ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้ และจะเพิ่มเป็น 5,000 เหรียญออสเตรเลีย (142,000 บาท) ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ.2551 เป็นต้นไป
นอกจากนั้น รัฐบาลยังมีโครงการจะเสนอให้มีการ "หยุดพักการเก็บภาษี" แก่สามีภรรยาที่ต้องทำงานนอกบ้าน และยังต้องเลี้ยงดูลูกๆ เองด้วย
ส่วนข่าวนี้ตรงข้ามกับกระทู้เลยครับ
สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
อ่านแล้วแทบไม่น่าเชื่อเลยว่า เรื่อง "ตั้งท้อง" มีลูก จะกลายมาเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติไปได้!!! เผลอๆ อาจเป็น "ปัญหาใหญ่ระดับโลก" เลยด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้ก็เริ่มมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหลายประเทศ อย่างเช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ฯลฯ ที่ออกมาพูดถึงปัญหาเรื่องประชากรสูงวัย ซึ่งจะมีมากขึ้นในอนาคต ขณะที่ประชากรเลือดใหม่ที่จะไล่ตามขึ้นมาชดเชย ช่วยทำงานแทนคนแก่คนเฒ่ากลับมีน้อยลงเรื่อยๆ เนื่องจากคนหนุ่มสาวหรือผู้ที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ไม่ค่อยนิยมมีลูกกันเล้ย!!!
แฮพ วัน ฟอร์ ยัวร์ คันทรี (Have One For Your Country) หรือ ช่วยมีลูกกันเพียง 1 คนเพื่อชาติ คำพูดที่ฟังคล้องจองราวกับ "คำขวัญ" ที่หลุดออกมาจากปากของนายปีเตอร์ คอสเตลโล รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของออสเตรเลีย เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก็เกิดขึ้นเพราะเหตุน่าเป็นห่วงนี้แหละ หลังจากที่ท่านรัฐมนตรีปีเตอร์และรัฐบาลออสซี่ ได้เห็นตัวเลขจากฝ่ายสำรวจสำมะโนครัวประชากรที่บอกไว้คร่าวๆ ว่า ภายในปี ค.ศ.2042 (ปี พ.ศ.2585) หรืออีก 36 ปีข้างหน้า ออสเตรเลียจะมีประชากรที่อายุเกิน 65 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ขณะที่ประชากรอายุเกินกว่า 85 ปีขึ้นไป จะมีเพิ่มทวีคูณขึ้นถึง 4 เท่า ส่วนประชากรวัยทำงานมีอยู่ "คงที่" เท่าเดิม
หลังจากเห็นผลการสำรวจดังกล่าว ปีเตอร์ก็ได้เริ่มออกมากระตุ้นเรียกร้องให้ประชาชนออสซี่ได้มาร่วมกันทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ ด้วยการช่วยกัน "ผลิตทายาท"นอกจากนั้น นายปีเตอร์ก็ยังตัดสินใจ "เพิ่มอายุเกษียณงาน" ของแรงงานในประเทศเพิ่มเป็น 65 ปี เพื่อให้แรงงานสูงวัย ยังอยู่เป็นกำลังสำคัญในตลาดแรงงานได้ต่อ แล้วเมื่อปี 2547 ปีเตอร์ คอสเตลโล ยังได้นำเสนอนโยบาย "จ่ายโบนัส" หรือเงินพิเศษจำนวน 3,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 85,200 บาท) ให้แก่คู่สามีภรรยาที่มีทารกแรกเกิด กำเนิดขึ้นมาแต่ละครั้งด้วย!!!
และที่อยากจะบอกต่อไปนี้ก็คือ ความพยายามของปีเตอร์เริ่มส่งผลน่ายินดีให้เห็นแล้ว เมื่อมีผลสำรวจพบว่า เมื่อปี 2548 ที่ผ่านมา ออสเตรเลียมีอัตราการเกิดของทารกแรกคลอดจำนวน 261,400 ราย ซึ่งเป็นอัตราการเกิดที่สูงสุดนับแต่ปี 2535 เป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม แผนการกระตุ้นล่อใจให้คนออสซี่ช่วยกันผลิตหนูน้อยออสซี่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ด้วยว่ารัฐบาลยังมีแผนระยะยาวที่จะเชิญชวนให้ประชาชนได้ช่วยกันผลิตทารกกันต่อไป อย่างเช่นจะมีการเพิ่มเงิน "โบนัส เบบี้" ต่อการมีลูกเพิ่มขึ้นในบ้าน 1 คน จาก 3,000 เหรียญออสเตรเลีย ขึ้นเป็น 4,000 เหรียญออสเตรเลีย (113,600 บาท) ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้ และจะเพิ่มเป็น 5,000 เหรียญออสเตรเลีย (142,000 บาท) ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ.2551 เป็นต้นไป
นอกจากนั้น รัฐบาลยังมีโครงการจะเสนอให้มีการ "หยุดพักการเก็บภาษี" แก่สามีภรรยาที่ต้องทำงานนอกบ้าน และยังต้องเลี้ยงดูลูกๆ เองด้วย
ส่วนข่าวนี้ตรงข้ามกับกระทู้เลยครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 6
ถ้าเป็นเหตุผลนี้ คงเห็นแก่ตัวสุดๆbluesky เขียน:"ถ้าได้เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ ถือว่า ประเสริฐที่สุด แล้วค่อยแบ่งเงินที่เรามีไปช่วยคนยากจนจะดีกว่า ถ้ามีสามีก็ต้องแบ่งเวลาไปดูสามี ถ้ามีลูกก็ต้องแบ่งเวลาไปดูลูก ทำให้เวลาที่มีให้พ่อแม่ลดระดับลงไปมาก "
ตัวเองกลัวหลานจะมาแย่งความรักและเวลาไป
กลัวลูกจะไม่มีเวลาดูแลตัวเอง แล้วไม่คิดถึงลูกหรือว่า จะไม่มีหลานมาดูแลลูกเมื่อยามแก่บ้าง
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 7
8) ผมเชื่อมั่นอยู่อย่างลึกซึ้งว่า
ชีวิตใคร ใครเลือกเองครับ
เพราะจริงๆแล้วเราไปยุ่งกับชีวิตคนอื่นไม่ได้เลย
ไม่ว่าจะเป็นลูกเรา (หรือ คนรักของเราก็ตามที)
วันนึงที่เขาโตเป็นหนุ่มสาว เขาก็มีก้าวย่างของเขา
ใครที่คิดจะไปยุ่งกับชีวิตคนอื่น
มีสิทธิที่จะต้องชีช้ำเป็นอย่างสูงถึงสูงมาก
คนที่เราจะยุ่งได้มีคนเดียวครับ ตัวเราเอง
ต้องมาปรับมาจูนที่ตัวเราครับ
จึงจะมีความสุขขึ้นได้
ผมมิอาจยืนอยู่ข้างคุณกรรมทอน ได้
ผมยืนอยู่ข้างดร.โหน่งโดยไม่ต้องกังขาใดๆเลยครับ
ชีวิตใคร ใครเลือกเองครับ
เพราะจริงๆแล้วเราไปยุ่งกับชีวิตคนอื่นไม่ได้เลย
ไม่ว่าจะเป็นลูกเรา (หรือ คนรักของเราก็ตามที)
วันนึงที่เขาโตเป็นหนุ่มสาว เขาก็มีก้าวย่างของเขา
ใครที่คิดจะไปยุ่งกับชีวิตคนอื่น
มีสิทธิที่จะต้องชีช้ำเป็นอย่างสูงถึงสูงมาก
คนที่เราจะยุ่งได้มีคนเดียวครับ ตัวเราเอง
ต้องมาปรับมาจูนที่ตัวเราครับ
จึงจะมีความสุขขึ้นได้
ผมมิอาจยืนอยู่ข้างคุณกรรมทอน ได้
ผมยืนอยู่ข้างดร.โหน่งโดยไม่ต้องกังขาใดๆเลยครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- bluesky
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 8
ผมยังไม่แต่งงานครับ แต่อ่านเรื่องนี้แล้วHVI เขียน:วางแผนจะมีลูกแล้วเหรอคุณ bluesky
ผมว่าถามคุณภรรยา แม่ของลูกดีกว่านะ ว่าจะเอาด้วยเปล่า
ถ้าเค้า OK ก็จัดการเลย ... :lol:
รู้สึกว่าความคิดแบบนี้ มีอยู่ด้วยหรือ
อ่านแล้วก็รู้สึกแปลกๆ ขืนผมคิดแบบนี้
คนข้างๆคงเอาฆ้อนทุบกระโหลกร้าวเป็นแน่
วันนี้แฟนหยุดอีกวัน ต้องพาไปเปิดหูเปิดตา
ช่วงนี้เลยต้องหายหน้าหายตาไป
เปิดงานมาใหม่ เจอกันแน่ครับพี่ๆ
มีบางคนบอกว่า คนเราเกิดมาเพื่อตามหาอีกครึ่งหนึ่งของตัวเรา
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 10
ล้อเล่น ขำๆ เน้อ... :lol:bluesky เขียน: ผมยังไม่แต่งงานครับ แต่อ่านเรื่องนี้แล้ว
รู้สึกว่าความคิดแบบนี้ มีอยู่ด้วยหรือ
อ่านแล้วก็รู้สึกแปลกๆ ขืนผมคิดแบบนี้
คนข้างๆคงเอาฆ้อนทุบกระโหลกร้าวเป็นแน่
วันนี้แฟนหยุดอีกวัน ต้องพาไปเปิดหูเปิดตา
ช่วงนี้เลยต้องหายหน้าหายตาไป
เปิดงานมาใหม่ เจอกันแน่ครับพี่ๆ
อ่ะ... เอาอันเป็นหลักเป็นการมาฝาก
ภรรยาแบบต่างๆ (ภรรยา 7)
ภรรยา 7 ภรรยาแบบต่างๆ จำแนกโดยคุณธรรม ความประพฤติ ลักษณะนิสัย และการปฏิบัติต่อสามี
ภรรยาเยี่ยงเพชฌฆาต (วธกาภริยา) , ภรรยาที่คิดร้าย ซื้อได้ด้วยเงิน มิได้อยู่กินด้วยความพอใจ ยินดีชายอื่น ดูหมิ่นและคิดทำลายสามี
ภรรยาเยี่ยงโจร (โจรีภริยา) , ภรรยาผู้ล้างผลาญทรัพย์สมบัติ
ภรรยาเยี่ยงนาย (อัยยาภริยา) , ภรรยี่เกียจคร้าน ไม่ใส่ใจการงาน กินมาก ปากร้าย หยาบคาย ใจเหี้ยม ชอบข่มสามี
ภรรยาเยี่ยงมารดา (มาตาภริยา) , ภรรยาที่หวังดีเสมอ คอยห่วงใยเอาใจใส่สามี เหมือนมารดาปกป้องบุตร และประหยัดรักษาทรัพย์ที่หามาได้
ภรรยาเยี่ยงน้องสาว (ภคินีภริยา) , ภรรยาผู้เคารพรักสามี ดังน้องรักพี่ มีใจอ่อนโยน รู้จักเกรงใจและคล้อยตามสามี
ภรรยาเยี่ยงสหาย (สขีภริยา) , ภรรยาที่เป็นเหมือนเพื่อน พบสามีเมื่อใด ก็ปลาบปลื้มดีใจเหมือนเพื่อนพบเพื่อนที่จากไปนาน เป็นผู้มีการศึกษาอบรม มีกิริยามารยาท ความประพฤติดี ภักดีต่อสามี
ภรรยาเยี่ยงทาสี ( ทาสีภริยา), ภรรยาที่ยอมอยู่ในอำนาจสามี ถูกข่มตะคอกเฆี่ยนตี ก็อดทนไม่โกรธตอบ
ท่านสอนให้ภรรยาสำรวจตนว่า ที่เป็นอยู่ ตนเป็นภรรยาประเภทไหน และจะให้ดีควรจะเป็นภรรยาประเภทใด , สำหรับชาย อาจใช้เป็นหลักสำรวจอุปนิสัยของตนว่าควรแก่หญิงประเภทใดเป็นคู่ครอง และสำรวจหญิงที่จะเป็นคู่ครองว่าเหมาะกับอุปนิสัยของตนหรือไม่
ที่มา : พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ผู้แต่ง พระธรรมปิฎก สำนักพิมพ์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. 2546 หน้า 206
ถ้าเจอภรรยา 3 แบบแรก ก็ซวยไป และอาจจะมีทัศนคติในแง่ลบสำหรับการมีคู่
สำหรับผม... ผมคงได้ภรรยาเยี่ยงมารดาแน่ๆเลยอ่ะ...
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 11
ฉักกะ ทิศ ๖
๑. ปุรัตถิมทิส คือทิศเบื้องหน้า มารดา บิดา
๒. ทักขิณทิส คือทิศเบื้องขวา อาจารย์
๓. ปัจฉิมทิศ คือทิศเบื้องขวา บุตรภรรยา
๔. อุตตรทิส คือทิศเบื้องซ้าย มิตร
๕. เหฏฐิมทิส คือทิศเบื้องต่ำ บ่าว
๖. อุปริมทิส คือทิศเบื้องบน สมณพราหมณ์
๑. ปุรัตถิมทิส คือทิศเบื้องหน้า มารดา บิดา บุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ท่านได้เลี้ยงมาแล้วเลี้ยงท่านตอบ ๒. ทำกิจของท่าน
๓. ดำรงวงศ์สกุล ๔. ประพฤติตนให้เป็นคนควรรับทรัพย์มรดก
๕. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน
มารดาบิดาได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์บุตรด้วยสถาน ๕
๑. ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว ๒. ให้ตั้งอยู่ในความดี
๓. ให้ศึกษาศิลปวิทยา ๔. หาภรรยาที่สมควรให้
๕. มอบทรัพย์ให้ในสมัย
๒. ทักขิณทิส คือทิศเบื้องขวา อาจารย์ ศิษย์พึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ด้วยลุกขึ้นยืนรับ ๒. ด้วยเข้าไปยืนคอยรับใช้
๓. ด้วยเชื่อฟัง ๔. ด้วยอุปัฏฐาก
๕. ด้วยศิลปวิทยาโดยเคารพ
อาจารย์ได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์ศิษย์ด้วยสถาน ๕
๑. แนะนำดี ๒. ให้เรียนดี
๓. บอกศิลปให้สิ้นเชิง ไม่ปิดบังอำพราง ๔. ยกย่องให้ปรากฏในเพื่อนฝูง
๕. ทำความป้องกันในทิศทั้งหลาย (คือจะไปทิศไหนก็ไม่อดอยาก)
๓. ปัจฉิมทิศ คือทิศเบื้องขวา ภรรยา สามีพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ด้วยยกย่องนับถือว่าเป็นภรรยา ๒. ด้วยไม่ดูหมิ่น
๓. ด้วยไม่ประพฤติล่วงใจ ๔. ด้วยมอบความเป็นใหญ่ให้
๕. ด้วยให้เครื่องแต่งตัว
ภรรยาได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์สามีด้วยสถาน ๕
๑. จัดการงานดี ๒. สงเคราะห์คนข้างเคียงของผัวดี
๓. ไม่ประพฤติล่วงใจผัว ๔. รักษาทรัพย์ที่ผัวหามาได้ไว้
๕. ขยันไม่เกีนจคร้านในกิจการทั้งปวง
๔. อุตตรทิส คือทิศเบื้องซ้าย มิตร กุลบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ด้วยให้ปัน ๒. ด้วยเจรจาภ้อยคำไพเราะ
๓. ด้วยประพฤติประโยชน์ ๔. ด้วยความเป็นผู้มีตนเสมอ
๕. ด้วยไม่แกล้งกล่าวให้คลาดจากความเป็นจริง
มิตรได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรด้วยสถาน ๕
๑. รักษามิตรผู้ประมาทแล้ว ๒. รักษาทรัพย์ของมิตรผู้ประมาทแล้ว
๓. เมื่อมีภัยเอาเป็นที่พึ่งพำนักได้ ๔. ไม่ละทิ้งในยามวิบัติ
๕. นับถือตลอดถึงวงศ์มิตร
๕. เหฏฐิมทิส คือทิศเบื้องต่ำ บ่าว นายพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ด้วยจัดการงานให้ทำตามสมควรแก่กำลัง ๒. ด้วยให้อาหารและรางวัล
๓. ด้วยรักษาพยาบาลในเวลาเจ็บป่วย ๔. ด้วยแจกของมีรสแปลกประหลาดให้กิน
๕. ด้วยปล่อยให้สมัย
บ่าวได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์นายด้วยสถาน ๕
๑. ลุกขึ้นทำการงานก่อนนาย ๒. เลิกการงานทีหลังนาย
๓. ถือเอาแต่ของที่นายให้ ๔. ทำการงานให้ดีขึ้น
๕. นำคุณของนายไปสรรเสริญในที่นั้นๆ
๖. อุปริมทิส คือทิศเบื้องบน สมณพราหมณ์ กุลบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ด้วยกายกรรม คือทำอะไรๆ ประกอบด้วยเมตตา ๒. ด้วยวจีกรรม คือพูดอะไรๆ ประกอบด้วยเมตตา
๓. ด้วยมโนกรรม คือคิดอะไรๆ ประกอบด้วยเมตตา ๔. ด้วยความเป็นผู้ไม่ปิดประตู คือมิได้ห้ามเข้าบ้านเรือน
๕. ด้วยให้อามิสทาน
สมณพราหมณ์ได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรด้วยสถาน ๖
๑. ห้ามไม่ให้กระทำความชั่ว ๒. ให้ตั้งอยู่ในความดี
๓. อนุเคราะห์ด้วยน้ำใจอันงาม ๔. ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง
๕. ทำสิ่งที่เคยฟังแล้วให้แจ่ม ๖. บอกทางสวรรค์ให้
๑. ปุรัตถิมทิส คือทิศเบื้องหน้า มารดา บิดา
๒. ทักขิณทิส คือทิศเบื้องขวา อาจารย์
๓. ปัจฉิมทิศ คือทิศเบื้องขวา บุตรภรรยา
๔. อุตตรทิส คือทิศเบื้องซ้าย มิตร
๕. เหฏฐิมทิส คือทิศเบื้องต่ำ บ่าว
๖. อุปริมทิส คือทิศเบื้องบน สมณพราหมณ์
๑. ปุรัตถิมทิส คือทิศเบื้องหน้า มารดา บิดา บุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ท่านได้เลี้ยงมาแล้วเลี้ยงท่านตอบ ๒. ทำกิจของท่าน
๓. ดำรงวงศ์สกุล ๔. ประพฤติตนให้เป็นคนควรรับทรัพย์มรดก
๕. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน
มารดาบิดาได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์บุตรด้วยสถาน ๕
๑. ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว ๒. ให้ตั้งอยู่ในความดี
๓. ให้ศึกษาศิลปวิทยา ๔. หาภรรยาที่สมควรให้
๕. มอบทรัพย์ให้ในสมัย
๒. ทักขิณทิส คือทิศเบื้องขวา อาจารย์ ศิษย์พึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ด้วยลุกขึ้นยืนรับ ๒. ด้วยเข้าไปยืนคอยรับใช้
๓. ด้วยเชื่อฟัง ๔. ด้วยอุปัฏฐาก
๕. ด้วยศิลปวิทยาโดยเคารพ
อาจารย์ได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์ศิษย์ด้วยสถาน ๕
๑. แนะนำดี ๒. ให้เรียนดี
๓. บอกศิลปให้สิ้นเชิง ไม่ปิดบังอำพราง ๔. ยกย่องให้ปรากฏในเพื่อนฝูง
๕. ทำความป้องกันในทิศทั้งหลาย (คือจะไปทิศไหนก็ไม่อดอยาก)
๓. ปัจฉิมทิศ คือทิศเบื้องขวา ภรรยา สามีพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ด้วยยกย่องนับถือว่าเป็นภรรยา ๒. ด้วยไม่ดูหมิ่น
๓. ด้วยไม่ประพฤติล่วงใจ ๔. ด้วยมอบความเป็นใหญ่ให้
๕. ด้วยให้เครื่องแต่งตัว
ภรรยาได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์สามีด้วยสถาน ๕
๑. จัดการงานดี ๒. สงเคราะห์คนข้างเคียงของผัวดี
๓. ไม่ประพฤติล่วงใจผัว ๔. รักษาทรัพย์ที่ผัวหามาได้ไว้
๕. ขยันไม่เกีนจคร้านในกิจการทั้งปวง
๔. อุตตรทิส คือทิศเบื้องซ้าย มิตร กุลบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ด้วยให้ปัน ๒. ด้วยเจรจาภ้อยคำไพเราะ
๓. ด้วยประพฤติประโยชน์ ๔. ด้วยความเป็นผู้มีตนเสมอ
๕. ด้วยไม่แกล้งกล่าวให้คลาดจากความเป็นจริง
มิตรได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรด้วยสถาน ๕
๑. รักษามิตรผู้ประมาทแล้ว ๒. รักษาทรัพย์ของมิตรผู้ประมาทแล้ว
๓. เมื่อมีภัยเอาเป็นที่พึ่งพำนักได้ ๔. ไม่ละทิ้งในยามวิบัติ
๕. นับถือตลอดถึงวงศ์มิตร
๕. เหฏฐิมทิส คือทิศเบื้องต่ำ บ่าว นายพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ด้วยจัดการงานให้ทำตามสมควรแก่กำลัง ๒. ด้วยให้อาหารและรางวัล
๓. ด้วยรักษาพยาบาลในเวลาเจ็บป่วย ๔. ด้วยแจกของมีรสแปลกประหลาดให้กิน
๕. ด้วยปล่อยให้สมัย
บ่าวได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์นายด้วยสถาน ๕
๑. ลุกขึ้นทำการงานก่อนนาย ๒. เลิกการงานทีหลังนาย
๓. ถือเอาแต่ของที่นายให้ ๔. ทำการงานให้ดีขึ้น
๕. นำคุณของนายไปสรรเสริญในที่นั้นๆ
๖. อุปริมทิส คือทิศเบื้องบน สมณพราหมณ์ กุลบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ด้วยกายกรรม คือทำอะไรๆ ประกอบด้วยเมตตา ๒. ด้วยวจีกรรม คือพูดอะไรๆ ประกอบด้วยเมตตา
๓. ด้วยมโนกรรม คือคิดอะไรๆ ประกอบด้วยเมตตา ๔. ด้วยความเป็นผู้ไม่ปิดประตู คือมิได้ห้ามเข้าบ้านเรือน
๕. ด้วยให้อามิสทาน
สมณพราหมณ์ได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรด้วยสถาน ๖
๑. ห้ามไม่ให้กระทำความชั่ว ๒. ให้ตั้งอยู่ในความดี
๓. อนุเคราะห์ด้วยน้ำใจอันงาม ๔. ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง
๕. ทำสิ่งที่เคยฟังแล้วให้แจ่ม ๖. บอกทางสวรรค์ให้
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 12
มีพ่อลูกคู่นึงยืนสนทนากันอยู่ลูกกำลังย่างเข้าสู่วัยรุ่นจึงมีคำถามเกี่ยวกันเรื่องเพศสัมพันธ์มาถามพ่อ
ลูก พ่อครับทำไม การมีเพศสัมพันธ์ทำให้มีความรู้สึกยังไงครับ
พ่อ-ก็มันเหมือนกับการที่เอ็งเอานิ้วเอ็งไปแคะขี้มูกในจมูกของเอ็งแหละ
ลูก แล้วทำไมเวลามีเพศสัมพันธ์ ผู้ห_ิงถึงร้องครว_คราง เหมือนมีความรู้สึกดีกว่าผู้ชายครับ
พ่อ - อ้าว.. แล้วเวลาเอ็งแคะขี้มูก เอ็งรู้สึกว่า นิ้วของเอ็งดีขึ้น หรือว่ารูจมูกของเอ็งดีขึ้น...
ลูก ในเมื่อผู้ห_ิงรู้สึกดีขึ้น แล้วทำไมผู้ห_ิงถึงเกลียดการข่มขืนล่ะ
พ่อ มันไม่เหมือนกัน แล้วถ้าเอ็งเดินอยู่บนถนนแล้วมีคนวิ่งมาเอานิ้วมาทิ่มจมูกเอ็งนะ เอ็งจะชกเขามั้ย
ลูก -แล้วทำไมผู้ห_ิงถึงไม่ชอบมีเพศสัมพันธ์กันในระหว่างมีประจำเดือน
พ่อ แล้วถ้าจมูกของเอ็งเลือดไหลอยู่ เอ็งจะแคะขี้มูกมั้ย..
ลูก -ทำไมผู้ชายถึงไม่ชอบใส่ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์
พ่อ -แล้วถ้าพ่อบังคับเอ็งใส่ถุงมือแคะขี้มูกเอ็งจะรู้สึกยังไง
ลูก - มีอีกคำถามครับพ่อ ผู้ห_ิงทำไมชอบบรรยากาศเงียบ ๆ สลัว ๆขณะที่เธอมีความต้องการ
พ่อ - อ้าว..แล้วพ่อใช้ให้เอ็งแคะขี้มูก หน้าชั้นเรียนเอ็งจะทำได้มั้ย..โธ่ลูกพ่อเอ๊ย......
ลูก - พ่อครับ พ่อเก่งจังเลย
ลูก พ่อครับทำไม การมีเพศสัมพันธ์ทำให้มีความรู้สึกยังไงครับ
พ่อ-ก็มันเหมือนกับการที่เอ็งเอานิ้วเอ็งไปแคะขี้มูกในจมูกของเอ็งแหละ
ลูก แล้วทำไมเวลามีเพศสัมพันธ์ ผู้ห_ิงถึงร้องครว_คราง เหมือนมีความรู้สึกดีกว่าผู้ชายครับ
พ่อ - อ้าว.. แล้วเวลาเอ็งแคะขี้มูก เอ็งรู้สึกว่า นิ้วของเอ็งดีขึ้น หรือว่ารูจมูกของเอ็งดีขึ้น...
ลูก ในเมื่อผู้ห_ิงรู้สึกดีขึ้น แล้วทำไมผู้ห_ิงถึงเกลียดการข่มขืนล่ะ
พ่อ มันไม่เหมือนกัน แล้วถ้าเอ็งเดินอยู่บนถนนแล้วมีคนวิ่งมาเอานิ้วมาทิ่มจมูกเอ็งนะ เอ็งจะชกเขามั้ย
ลูก -แล้วทำไมผู้ห_ิงถึงไม่ชอบมีเพศสัมพันธ์กันในระหว่างมีประจำเดือน
พ่อ แล้วถ้าจมูกของเอ็งเลือดไหลอยู่ เอ็งจะแคะขี้มูกมั้ย..
ลูก -ทำไมผู้ชายถึงไม่ชอบใส่ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์
พ่อ -แล้วถ้าพ่อบังคับเอ็งใส่ถุงมือแคะขี้มูกเอ็งจะรู้สึกยังไง
ลูก - มีอีกคำถามครับพ่อ ผู้ห_ิงทำไมชอบบรรยากาศเงียบ ๆ สลัว ๆขณะที่เธอมีความต้องการ
พ่อ - อ้าว..แล้วพ่อใช้ให้เอ็งแคะขี้มูก หน้าชั้นเรียนเอ็งจะทำได้มั้ย..โธ่ลูกพ่อเอ๊ย......
ลูก - พ่อครับ พ่อเก่งจังเลย
"Winners never quit, and quitters never win."
- เพื่อน
- Verified User
- โพสต์: 1826
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 13
สมัยก่อน เวลามีคนมาถามว่า หากย้อนเวลาได้คุณอยากจะกลับไปอยู่ที่ช่วงไหนของชีวิต
ผมจะตอบแบบไม่ลังเลว่า ขอกลับไปอยู่ช่วงมัธยมต้น เพราะมีความสุขกับเพื่อนๆมาก ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมายแบบผู้ใหญ่
แต่คำถามเดียวกัน ถ้ามาถามตอนนี้
ผมจะตอบว่า ไม่ขอย้อนเวลากลับไปในอดีตเด็ดขาด เพราะกลัวว่าจะไม่ได้เจอหน้าลูกๆแบบทุกวันนี้...ชีวิตคงขาดความสุขไปมากถ้าไม่มีโอกาสเจอลูกอีก
เขียนแล้วน้ำตาคลอเบ้า...ขอไปร่วมแจมร้องไห้กับดร.โหน่งดีกั่ว... 8)
ผมจะตอบแบบไม่ลังเลว่า ขอกลับไปอยู่ช่วงมัธยมต้น เพราะมีความสุขกับเพื่อนๆมาก ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมายแบบผู้ใหญ่
แต่คำถามเดียวกัน ถ้ามาถามตอนนี้
ผมจะตอบว่า ไม่ขอย้อนเวลากลับไปในอดีตเด็ดขาด เพราะกลัวว่าจะไม่ได้เจอหน้าลูกๆแบบทุกวันนี้...ชีวิตคงขาดความสุขไปมากถ้าไม่มีโอกาสเจอลูกอีก
เขียนแล้วน้ำตาคลอเบ้า...ขอไปร่วมแจมร้องไห้กับดร.โหน่งดีกั่ว... 8)
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 15
8) คุยเรื่องภรรยาแล้วไม่รู้เป็นไง
ใจคอไม่ค่อยดีเลย
สงสัยต้องไปสมัครชมรมที่มีท่านฉัตรเป็นประธานซะแล้วมั๊ง
แฟนผม(คำรามในลำคอ)ว่า ห้ามมาจัดประเภทชั้นเด็ดขาด
ไปดีกว่า..
ใจคอไม่ค่อยดีเลย
สงสัยต้องไปสมัครชมรมที่มีท่านฉัตรเป็นประธานซะแล้วมั๊ง
แฟนผม(คำรามในลำคอ)ว่า ห้ามมาจัดประเภทชั้นเด็ดขาด
ไปดีกว่า..
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 16
ในช่วงชีวิตของผมนั้น
ผมว่ามี 2 ช่วงที่เหนื่อยสุดๆ
ช่วงแรก เป็นช่วงที่ทำงานไปด้วย เรียนปริญญาโท ที่ธรรมศาสตร์ ภาคค่ำ ไปด้วย เหนื่อยมาก ทำงานเสร็จก็ต้องรีบขับรถไปเรียน ไปลุ้นที่จอดรถ เสาร์อาทิตย์ก็ต้องไปเรียนหรือทำรายงาน ไม่มีเวลาไปเที่ยวเลย ดดยเฉพาะช่วงใกล้จบ
ช่วงที่สอง เป็นช่วงที่คลอดลูกคนแรก ให้ภรรยาลาออกจากงานมาเลี้ยงลูก ไม่มีแม่บ้านและพี่เลี้ยง มีแต่ญาติผุ้ใหญ่มาช่วยช่วงกลางวัน
ผมทำงานเสร็จก็ต้องรีบกลับบ้าน กลับมาก็ผลัดกันอุ้มลูกกับภรรยา ซักผ้าอ้อม ช่วยอาบน้ำ ชงนม ป้อนนม กล่อมนอน เหนื่อยสุดๆ
ผมว่ามี 2 ช่วงที่เหนื่อยสุดๆ
ช่วงแรก เป็นช่วงที่ทำงานไปด้วย เรียนปริญญาโท ที่ธรรมศาสตร์ ภาคค่ำ ไปด้วย เหนื่อยมาก ทำงานเสร็จก็ต้องรีบขับรถไปเรียน ไปลุ้นที่จอดรถ เสาร์อาทิตย์ก็ต้องไปเรียนหรือทำรายงาน ไม่มีเวลาไปเที่ยวเลย ดดยเฉพาะช่วงใกล้จบ
ช่วงที่สอง เป็นช่วงที่คลอดลูกคนแรก ให้ภรรยาลาออกจากงานมาเลี้ยงลูก ไม่มีแม่บ้านและพี่เลี้ยง มีแต่ญาติผุ้ใหญ่มาช่วยช่วงกลางวัน
ผมทำงานเสร็จก็ต้องรีบกลับบ้าน กลับมาก็ผลัดกันอุ้มลูกกับภรรยา ซักผ้าอ้อม ช่วยอาบน้ำ ชงนม ป้อนนม กล่อมนอน เหนื่อยสุดๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 17
สิ่งมีชีวิตในโลกไม่ได้เป็นอมตะ ธรรมชาติ
ถึงให้พรวิเศษในการสืบสายเลือดได้
มีโอกาศมีลูก
ลูกเรา ก็คือ ตัวเรา อีกคนหนึ่งที่เราบังจงถ่ายทอด
ความเป็นตัวเรา และสิ่งที่เราอยากให้เป็น
หรือการปล่อยให้เขาหาหนทางของตนเอง
ถ้าสิ่งมีชีวิต เป็นอมตะ คงไม่เห็นความสำคัญ
กับการมีลูกเท่าไร
ถึงให้พรวิเศษในการสืบสายเลือดได้
มีโอกาศมีลูก
ลูกเรา ก็คือ ตัวเรา อีกคนหนึ่งที่เราบังจงถ่ายทอด
ความเป็นตัวเรา และสิ่งที่เราอยากให้เป็น
หรือการปล่อยให้เขาหาหนทางของตนเอง
ถ้าสิ่งมีชีวิต เป็นอมตะ คงไม่เห็นความสำคัญ
กับการมีลูกเท่าไร
- bluesky
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 18
HVI เขียน:
หุหุ แบบนี้เท่ากับยอมรับว่ามีแฟนดุ เหมือนมีแม่อยู่ที่บ้าน
เอิ้ก เอิ้ก แบบนี้ท่าทางจะเกรงใจว่าที่ภรรยา
ตั้งแต่ยังไม่แต่งเลยนะครับเนี่ย
สงสัยดูพี่พอใจเป็นต้นแบบมาแน่ๆ
ยังไม่ทันแต่ง เหมือนมีแม่ 2 คน
ถ้าแต่งไป จะเหลือเรอะเนี่ย พี่เอ็ช เรา
มีบางคนบอกว่า คนเราเกิดมาเพื่อตามหาอีกครึ่งหนึ่งของตัวเรา
- stp
- Verified User
- โพสต์: 252
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 20
พอมีที่เหลือให้ผมยืนไหมครับpor_jai เขียน:8) ผมเชื่อมั่นอยู่อย่างลึกซึ้งว่า
ชีวิตใคร ใครเลือกเองครับ
เพราะจริงๆแล้วเราไปยุ่งกับชีวิตคนอื่นไม่ได้เลย
ไม่ว่าจะเป็นลูกเรา (หรือ คนรักของเราก็ตามที)
วันนึงที่เขาโตเป็นหนุ่มสาว เขาก็มีก้าวย่างของเขา
ใครที่คิดจะไปยุ่งกับชีวิตคนอื่น
มีสิทธิที่จะต้องชีช้ำเป็นอย่างสูงถึงสูงมาก
คนที่เราจะยุ่งได้มีคนเดียวครับ ตัวเราเอง
ต้องมาปรับมาจูนที่ตัวเราครับ
จึงจะมีความสุขขึ้นได้
ผมมิอาจยืนอยู่ข้างคุณกรรมทอน ได้
ผมยืนอยู่ข้างดร.โหน่งโดยไม่ต้องกังขาใดๆเลยครับ
โหวตให้อีกคนครับพี่พอใจ
-
- Verified User
- โพสต์: 2032
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 21
chatchai เขียน:ในช่วงชีวิตของผมนั้น
ผมว่ามี 2 ช่วงที่เหนื่อยสุดๆ
ช่วงแรก เป็นช่วงที่ทำงานไปด้วย เรียนปริญญาโท ที่ธรรมศาสตร์ ภาคค่ำ ไปด้วย เหนื่อยมาก ทำงานเสร็จก็ต้องรีบขับรถไปเรียน ไปลุ้นที่จอดรถ เสาร์อาทิตย์ก็ต้องไปเรียนหรือทำรายงาน ไม่มีเวลาไปเที่ยวเลย ดดยเฉพาะช่วงใกล้จบ
ช่วงที่สอง เป็นช่วงที่คลอดลูกคนแรก ให้ภรรยาลาออกจากงานมาเลี้ยงลูก ไม่มีแม่บ้านและพี่เลี้ยง มีแต่ญาติผุ้ใหญ่มาช่วยช่วงกลางวัน
ผมทำงานเสร็จก็ต้องรีบกลับบ้าน กลับมาก็ผลัดกันอุ้มลูกกับภรรยา ซักผ้าอ้อม ช่วยอาบน้ำ ชงนม ป้อนนม กล่อมนอน เหนื่อยสุดๆ
ผมอยากเรียน MBA มากๆ แต่ไม่มีจังหวะ (ตอนนั้นทำงาน อยู่ระยอง)
แต่พอนึกออกว่าจะเหนื่อยแค่ไหน
ส่วนเรื่องเลี้ยง ลูกเล็ก เข้าใจซึ้งเลย เพราะผมทำงาน อยู่ ตปท.
พาแฟนมาอยู่ด้วย แต่กลับไปคลอดลูกที่เมืองไทย พอลูกเกือบ 3 เดือน ก็บินกลับมา เลี้ยงกัน 2 คน พ่อ-แม่ ไม่มีพี่เลี้ยง ไม่มีแม่บ้าน ไม่มีญาติผู้ใหญ่มาช่วย เลี้ยงกัน 2 คน ตลอด 24 ชม. เหนื่อยจริงๆ
ผมว่า อีกช่วง ก็บอลโลก นี่แหละ อดตาหลับ ถ่างตาดูบอล
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 22
ผมเชื่อว่าพ่อแม่เกือบทุกคน
รักลูกยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง
เลี้ยงลูกโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
เมื่อก่อนผมเคยคิดว่า
หากมีลูกแล้วลูกเกิดมาเหมือนต้องชดใช้กรรม
การไม่มีลูกจะเป็นการดีกว่าหรือเปล่า
พ่อแม่ผมอยากได้อุ้มหลาน หลายๆคน ยิ่งเยอะยิ่งดี
เป็นหนึ่งแรงผลักให้ผมมีลูก
นึกดูแล้ว
มันเป็นเช่นนั้นเอง
ผมมีลูกสองคน เป็นเช่นนั้นเอง
เพื่อนผมบางคน พยายามยังไงก็ไม่มีลูก บางคนลูกแฝด เป็นเช่นนั้นเอง
รักลูกยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง
เลี้ยงลูกโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
เมื่อก่อนผมเคยคิดว่า
หากมีลูกแล้วลูกเกิดมาเหมือนต้องชดใช้กรรม
การไม่มีลูกจะเป็นการดีกว่าหรือเปล่า
พ่อแม่ผมอยากได้อุ้มหลาน หลายๆคน ยิ่งเยอะยิ่งดี
เป็นหนึ่งแรงผลักให้ผมมีลูก
นึกดูแล้ว
มันเป็นเช่นนั้นเอง
ผมมีลูกสองคน เป็นเช่นนั้นเอง
เพื่อนผมบางคน พยายามยังไงก็ไม่มีลูก บางคนลูกแฝด เป็นเช่นนั้นเอง
==หากบริษัทไม่ได้อยู่ในตลาดฯ หุ้นยังน่าซื้อหรือไม่ ==
-
- Verified User
- โพสต์: 2938
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 23
สุดแท้แต่ใจจะต้องการ ...
ถ้าพูดถึงทุกข์
มีก็ทุกข์ ไม่มีก็ทุกข์
ถ้าพูดถึงสุข
มีก็สุข ไม่มีก็สุข
ไม่เคยมี หรือไม่อยากมี ก็ยังไม่รู้ว่าสุขหรือทุกข์
อาเมน
คนที่เห็นแก่ตัว ทำอะไรก็ย่อมได้ทุกข์เป็นส่วนใหญ่
ถ้าพูดถึงทุกข์
มีก็ทุกข์ ไม่มีก็ทุกข์
ถ้าพูดถึงสุข
มีก็สุข ไม่มีก็สุข
ไม่เคยมี หรือไม่อยากมี ก็ยังไม่รู้ว่าสุขหรือทุกข์
อาเมน
คนที่เห็นแก่ตัว ทำอะไรก็ย่อมได้ทุกข์เป็นส่วนใหญ่
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 24
8) ผมยังไม่มีวี่แววnanchan เขียน:สุดแท้แต่ใจจะต้องการ ...
ถ้าพูดถึงทุกข์
มีก็ทุกข์ ไม่มีก็ทุกข์
ถ้าพูดถึงสุข
มีก็สุข ไม่มีก็สุข
่
ว่าจะไปถึงขั้นที่ท่านนันจัง ว่าเลยครับ
(ทั้งๆที่ในเวปนี้ผมว่ามีพี่ขวดกะพี่ครรชิตที่อาวุโสกว่าผม)
ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่กับอารมณ์
สติที่คิดว่าคุมได้บ้าง
ก็ยังต้องฝึกปฏิบัติต่อเนื่องอีกมากมาย จริงๆ
แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะไปบรรล๊งบรรลุอะไรหรอกครับ
คิดว่าได้แค่ไหนก็เอาเท่านั้น
ไ่ม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 2938
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 25
ผมไม่ได้หมายฟามลึกล้ำอะไรขนาด
การมีหรือไม่มี เกี่ยวกันขนาดไร้อารมณ์เวียนว่ายเวียนวน
ถ้าถึงขนาดบรรลุนี่ก็ ไม่เคยคิดอะไรขนาดนั้นเลยจริงๆ
ทุกวันนี้ก็ดื่มเหล้า เที่ยว ดูหนัง บ้างตามความเหมาะสม
ฟามหมายผมแค่พื้นๆเองครับ
คือ ถ้าเรามี เราก็อาจจะมีความสุข
สุขแบบธรรมดาของมนุษย์ที่พอจะมี เช่น
การได้เลี้ยงดูแลลูก ได้ให้ความรัก เอาใจใส่ การเฝ้าดูการเจริญเติบโตของเค้า การมีใครซักคนเหมือนเป็นกำลังใจในการใช้ชีวิต การมีเสมือนเพื่อนยามเหงา การมีเสมือนที่หมายให้ดูแลเราในยามแก่เฒ่า การได้คิดได้เป็นได้ทำ
ในสิ่งต่างๆ
ส่วนทุกข์แบบธรรมดา เช่น
การเสียเวลาส่วนตัวไปกับการใช้ชีวิตเพื่อลูก การหาเงินหาทองมาจุนเจือ
ความเป็นห่วงต่างๆนานา ความอยากให้ลูกเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
เราอาจจะต้องเหนือยมากขึ้นกับทางกายและทางใจ
บางทีความทุกข์ที่เกิดของบางคน ก็อาจจะไม่ใช่ของอีกคนก็ได้นะครับ
บางทีเราอาจจะทุกข์และก็สุขพร้อมกัน บางทีมันก็เป็นสมดุลให้ชีวิตเราได้เหมือนกัน
ในขณะที่เราอาจจะไม่เคยเจออะไรหนักๆเข้ามากระทบ ก็ก็อาจจะไม่รู้ว่าความทุกข์จะเกิดเมื่อไร
เราอาจจะเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอ
แต่ผมเชื่อว่าคนเป็นพ่อแม่คน ยังไงยังไงก็ต้องมีทุกข์ใจบ้างหละ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษาลูก เรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วย ฯลฯ
ส่วนการไม่มีลูก
เราก็ใช่ว่าจะมีสุข
เราอาจจะเห็นครอบครับอื่น เค้ามีกันเป็นครอบครัว
ความอิจฉามันก็มีบ้างหละครับ
บางทีเราหาเงินมา ก็ไม่รู้จะเอาไปให้ใคร มันก็น่าจะทุกข์อย่างหนึ่งนะ
(อย่างบอกนะเอามาให้ผมก็ได้ อิอิ)
ฯลฯ
ส่วนใครจะทำใจอะไรได้ขนาดไหน มันก็สุดแต่ใจจะไขว้คว้าหละครับ
ถ้าเข้าใจอะไรไม่ถูกต้องนักก็ขออำภัย
เพราะประสบการณ์น้อยจริงๆ
การมีหรือไม่มี เกี่ยวกันขนาดไร้อารมณ์เวียนว่ายเวียนวน
ถ้าถึงขนาดบรรลุนี่ก็ ไม่เคยคิดอะไรขนาดนั้นเลยจริงๆ
ทุกวันนี้ก็ดื่มเหล้า เที่ยว ดูหนัง บ้างตามความเหมาะสม
ฟามหมายผมแค่พื้นๆเองครับ
คือ ถ้าเรามี เราก็อาจจะมีความสุข
สุขแบบธรรมดาของมนุษย์ที่พอจะมี เช่น
การได้เลี้ยงดูแลลูก ได้ให้ความรัก เอาใจใส่ การเฝ้าดูการเจริญเติบโตของเค้า การมีใครซักคนเหมือนเป็นกำลังใจในการใช้ชีวิต การมีเสมือนเพื่อนยามเหงา การมีเสมือนที่หมายให้ดูแลเราในยามแก่เฒ่า การได้คิดได้เป็นได้ทำ
ในสิ่งต่างๆ
ส่วนทุกข์แบบธรรมดา เช่น
การเสียเวลาส่วนตัวไปกับการใช้ชีวิตเพื่อลูก การหาเงินหาทองมาจุนเจือ
ความเป็นห่วงต่างๆนานา ความอยากให้ลูกเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
เราอาจจะต้องเหนือยมากขึ้นกับทางกายและทางใจ
บางทีความทุกข์ที่เกิดของบางคน ก็อาจจะไม่ใช่ของอีกคนก็ได้นะครับ
บางทีเราอาจจะทุกข์และก็สุขพร้อมกัน บางทีมันก็เป็นสมดุลให้ชีวิตเราได้เหมือนกัน
ในขณะที่เราอาจจะไม่เคยเจออะไรหนักๆเข้ามากระทบ ก็ก็อาจจะไม่รู้ว่าความทุกข์จะเกิดเมื่อไร
เราอาจจะเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอ
แต่ผมเชื่อว่าคนเป็นพ่อแม่คน ยังไงยังไงก็ต้องมีทุกข์ใจบ้างหละ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษาลูก เรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วย ฯลฯ
ส่วนการไม่มีลูก
เราก็ใช่ว่าจะมีสุข
เราอาจจะเห็นครอบครับอื่น เค้ามีกันเป็นครอบครัว
ความอิจฉามันก็มีบ้างหละครับ
บางทีเราหาเงินมา ก็ไม่รู้จะเอาไปให้ใคร มันก็น่าจะทุกข์อย่างหนึ่งนะ
(อย่างบอกนะเอามาให้ผมก็ได้ อิอิ)
ฯลฯ
ส่วนใครจะทำใจอะไรได้ขนาดไหน มันก็สุดแต่ใจจะไขว้คว้าหละครับ
ถ้าเข้าใจอะไรไม่ถูกต้องนักก็ขออำภัย
เพราะประสบการณ์น้อยจริงๆ
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 27
8) เมื่อวานเย็นผมโดดเล่นแบดhot เขียน:สิ่งมีชีวิตในโลกไม่ได้เป็นอมตะ ธรรมชาติ
ถึงให้พรวิเศษในการสืบสายเลือดได้
มีโอกาศมีลูก
ลูกเรา ก็คือ ตัวเรา อีกคนหนึ่งที่เราบังจงถ่ายทอด
ความเป็นตัวเรา และสิ่งที่เราอยากให้เป็น
หรือการปล่อยให้เขาหาหนทางของตนเอง
ถ้าสิ่งมีชีวิต เป็นอมตะ คงไม่เห็นความสำคัญกับการมีลูกเท่าไร
ไปดูไอ้หนูของผมแข่งแบดเฟรชชี่ที่มหาลัย
ถือโอกาสกลับไปเยี่ยมถิ่นเก่าที่เคยให้ความรู้
ให้ประสบการณ์เรามามากมาย
ที่จริงแล้วอาซ้อผมเขาอุตส่าห์ลางานอยากดู
ผมนะเฉยๆเพราะเล่นด้วยกันบ่อยแล้ว
ผมเป็นคนชักชวนไอ้หนูให้เข้ามาวงการนี้
ใจผมคิดนะว่าคนเล่นกีฬาได้เปรียบหน่อยนึง
ตอนทำงานแล้ว เครียด
วิธีแก้ทางหนึ่งที่ทำได้ง่ายคือเล่นกีฬานี่แหละ
ก็คอยหาครูให้ตั้งกะ10กว่าขวบ
ใหม่ๆก็ดูเขาไม่ค่อยชอบนะ
จะชอบเล่นเกมมากกว่า
แต่เขาเห็นผมกระวีกระวาด คงจะกลัวผมเสียใจ
นานไปเข้า ก็เลยกลายเป็นกิจวัตร
ที่ไปเล่นแบดด้วยกันเป็นประจำ
จากที่เราต้อนมัน
ตีไปหลายๆปีมันก็กลับมาต้อนเรามั่ง
แต่เล่นเป็นrecreation นะครับ
ไม่ได้คิดจะส่งไปแข่งกะใคร
ที่ไปแข่งนี่ก็ไม่ได้เอาเป็นเอาตาย
เป็นกีฬาเฟรชชี่
มาแข่งกันให้กองเชียร์มีงานทำ
ผมไปนั่งดูก็นึกถึงคำที่พี่ hot ว่า
เพราะคนเราไม่ได้เป็นอมตะเราจึงต้องมีลูกเพื่อสืบสายเลือด
กันต่อไป
เห็นไอ้หนุ่มมันตื่นเต้นตีได้สัก70%ของฝืมือที่มีมั๊ง
ดูไปก็นึกถึงตัวเอง ตอนแข่งกีฬาครั้งแรกๆ
ก็ตื่นๆเหมือนกัน
ผมมาคิดได้ว่าใครว่าเราไม่เป็นอมตะ
ถ้าเรามีลูกและลูกเราก็มีหลานสืบต่อกันไปได้เรื่อยๆ
มันอมตะดีๆนี่เองครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 8
- ผู้ติดตาม: 0
การมีคู่คือมีกรรม ถ้ามีคู่แล้ว อย่าได้คิดมีลูก
โพสต์ที่ 29
เอ...โลกเรานี่เป็นไงนะ
มองดูเห็นด้านหน้า
มองดูเห็นด้านหลัง
อืมม...เรานี่เก่งนะ
นาน..ไป...เอ ยังมีมุมลึกอีกนะ
โอ...ช่างลำลึก
เอ...คนเรานี่เป็นไงนะ
มองดูเห็นด้านหน้า
มองดูเห็นด้านหลัง
อืมม...เรานี่เก่งนะ
นาน..ไป...เอ ยังมีมุมลึกอีกนะ
แล้วที่มองไม่เห้นล่ะ???????
เพราะโลกมิได้มีด้านเดียว
เพราะคนมิได้มีด้านเดียว
เพราะเรามิได้รู้รอบ เห็นแจ้ง
ใยรีบตัดสินคน....เพียงคำ.....
มองดูเห็นด้านหน้า
มองดูเห็นด้านหลัง
อืมม...เรานี่เก่งนะ
นาน..ไป...เอ ยังมีมุมลึกอีกนะ
โอ...ช่างลำลึก
เอ...คนเรานี่เป็นไงนะ
มองดูเห็นด้านหน้า
มองดูเห็นด้านหลัง
อืมม...เรานี่เก่งนะ
นาน..ไป...เอ ยังมีมุมลึกอีกนะ
แล้วที่มองไม่เห้นล่ะ???????
เพราะโลกมิได้มีด้านเดียว
เพราะคนมิได้มีด้านเดียว
เพราะเรามิได้รู้รอบ เห็นแจ้ง
ใยรีบตัดสินคน....เพียงคำ.....