จดหมายถึงผู้ถือหุ้นเขียนโดย Warren E. Buffett (WB) มีนักลงทุนทั่วโลกเฝ้าคอยติดตามทุกปีเพราะนอกจากจะพูดถึงผลประกอบการณ์และแผนงานของธุรกิจ BRK แล้วยังสอดแทรกเนื้อหาการลงทุนแบบวีไอที่เป็นประโยชน์มากๆกับนักลงทุน เปรียบเหมือนเป็นหนังสือการลงทุนจากปรมาจารย์หุ้น
1. หุ้น BRK ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาได้อย่างยอดเยี่ยม
BRK สร้างความมั่งคั่งให้กับผู้ถือหุ้นด้วยผลตอบแทนถึง 20.9% ตั้งแต่ปี 1965 หรือผลตอบแทนรวมทั้งหมด 2,400,000% ตลอด 53 ปี BRK ได้ผ่านช่วงที่เลวร้ายมาทั้งหมดดังนี้
หุ้นลดลงไป 59% ในช่วงปี 1973-1975
ลดลง 37% ช่วง Black Monday ปี 1987
ลดลง 48.9% ช่วงปี 1998-2000
ลดลง 50.7% ช่วงปี 2008-2009
สรุปคือให้มองการลงทุนหุ้นระยะยาวแม้ว่าระหว่างทางอาจจะบาดเจ็บบ้างก็อย่าไปให้น้ำหนักกับมันมากตราบใดที่เราถือหุ้นที่ดีอยู่
2. ประโยชน์จากนโยบายลดภาษีในปี 2017
BRK สร้างผลกำไรให้ผู้ถือหุ้นในปี 2017 ได้มากถึง 65.3 พันล้านดอลล่าร์ มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 23%
แต่ WB ชี้แจงว่าในผลกำไรทั้งหมดจริงๆแล้ว 36 พันล้านดอลล่าร์มาจากผลดำเนินงานจริงของบริษัทที่เหลือเป็นผลจากการลดภาษีตอนปลายปีที่แล้ว
3. ทำไม WB ไม่ได้ลงทุนครั้งใหญ่ในปี 2017
หลังจากลงทุนครั้งใหญ่ในหุ้น Apple ปี 2016 แต่ WB ยังไม่ได้ลงทุนครั้งใหญ่ในปี 2017 เลยแม้ว่าจะมีการลงทุนบางบริษัทแต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการลงทุนครั้งใหญ่
WB บอกว่าในการลงทุนหาหุ้นนั้นต้องมีคุณภาพโดยดูได้จาก 1)ศักยภาพในการแข่งขัน 2)คุณภาพของผู้บริหาร 3) การจัดการกับสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4) โอกาสในการเติบโต 5)ราคาที่เหมาะสม
แม้ว่าจะมีหุ้นที่เข้าข่ายหลายข้อแต่ WB ก็ยังหาหุ้นที่มีราคาเหมาะสมไม่ได้ในปีที่แล้ว ปีนี้ต้องคอยติดตามการเข้าซื้อกิจการกันต่อไป
4. เปรียบเทียบขั้นตอนการซื้อธุรกิจกับหนุ่มผู้คลั่งรัก
เมื่อนักวิเคราะห์หรือผู้ถือหุ้นเรียกร้องให้ CEO ซื้อกิจการเปรียบได้เหมือนกับให้วัยรุ่นปฎิบัติตามชีวิตรักที่ตัวเองชอบ (A normal sex life) ง่ายๆก็คือยังไง CEO ก็ต้องทำแม้ว่าราคาจะไม่เอื้อต่อการเข้าซื้อกิจการ
เมื่อ CEO ได้รับโจทย์ให้ซื้อกิจการแล้วก็จะพยายามให้ทีมงานทำ Feasibility Study ที่จะทำให้ดีลเกิดขึ้นให้ได้ลูกน้องก็จะเชียร์ให้ทำเพราะถ้ากิจการใหญ่ขึ้นก็มีโอกาสได้โบนัสมากขึ้น ส่วน Investment Banker ก็ยิ่งชอบเพราะอยากเอาหุ้นเข้าตลาด
แม้ว่าผลงานในอดีตของหุ้นจะตัดสินได้ว่าไม่ควรเข้าซื้อกิจการแต่คนเหล่านั้นก็จะร่วมมือกันทำให้ดีลเกิดขึ้นให้ได้บน Spreadsheets Excel
WB เลยไม่เร่งรีบซื้อกิจการถ้าคิดว่าไม่ดีจริง ไม่ใช่ให้ทีมงานตัดสินใจกันเอง
5. กล้าบ้าบิ่นที่จะเสี่ยงในสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการ
แม้ว่าผลของการที่ WB ไม่กู้เงินมาลงทุนทำให้เสียโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแต่ WB ก็นอนหลับฝันดีเพราะคิดว่าจะเสี่ยงไปกู้เงินมาลงทุนทำไมตอนนี้ได้มากกว่า 20% ต่อปีความเสี่ยงไม่เยอะก็ดีอยู่แล้ว
WB มีแนวคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อ 50 ปีที่แล้วตอนเริ่มลงทุนแบบ Partnership กับเพื่อนและญาติ ทุกวันนี้มีผู้ถือหุ้นเป็นล้านคน WB ก็ยังมีหลักการเหมือนเดิมที่จะไม่กู้เงินมาลงทุนในหุ้น
6. ธุรกิจประกันดีมาก
BRK ได้รับผลขาดทุนประมาณ 3 พันล้านดอลล่าร์หรือประมาณ 3% ของผลเสียหายทั้งหมด (1 แสนล้านดอลล่าร์) จาก Hurricane ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม WB ยังคงเชื่อว่าธุรกิจประกันเป็นโมเดลธุรกิจที่ยอดเยี่ยมเพราะบริษัทได้รับเงินจากผู้ทำประกันมาก่อนแล้วนำเงินไปลงทุนสร้างผลตอบแทน ส่วนค่าเคลมประกันค่อยจ่ายทีหลังเมื่อมีการเคลมเกิดขึ้น
7. การลงทุนในหุ้นไม่ใช่แค่ชื่อตัวย่อหุ้นในตลาด
การลงทุนในหุ้นเป็นเจ้าของธุรกิจไม่ใช่การซื้อหุ้นที่รู้จักแค่ตัวย่อ Ticket ของหุ้น การซื้อตามสัญญาณทางเทคนิคหรือซื้อตามราคาเป้าหมายจากนักวิเคราะห์
WB มีความเชื่อว่าถ้าธุรกิจดีราคาหุ้นก็จะดีเองแม้ว่าบางครั้ง WB จะมีการลงทุนผิดพลาดบ้างแต่ในระยะยาวก็สามารถสร้างตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นได้อย่างยอดเยี่ยม
WB เปรียบเทียบนักลงทุนในตลาดหุ้นอเมริกาว่าเป็นนักลงทุนที่มีลมคอยสนับสนุนด้านหลังให้สามารถขับเคลื่อนไปได้ตลอด ง่ายๆคือลงทุนที่อเมริกาดี
ทั้งหมดนี้เป็นแค่บางส่วนของจดหมาย ทุกท่านสามารถอ่านได้โดยตรงที่ http://www.berkshirehathaway.com/letters/letters.html
หวังว่าเนื้อหาทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับนักลงทุนทุกท่านครับ #วอร์เรนบัฟเฟต์ #BerkshireHathaway
CR: Billionaire VI
ไฮไลท์จดหมายถึงผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway (BRK) ปี 2017
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ไฮไลท์จดหมายถึงผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway (BRK) ปี 20
โพสต์ที่ 3
**Don't use leverage to buy stocks. **
ลุงบัฟ สอน
ว่า
ตลาด ใน major decline อาจจะ เปลี่ยนจากเขียวเป็นแดง โดยไม่มีเหลือง
ใครก็ตาม ที่ไม่ได้ กู้เงินมาลงทุน
(ถึงแม้นกู้นิดเดียว พอตลาดมี major headline คุณก็จะตื่นง่ายและไม่สามารถตัดสินใจที่ดีได้)
ใครก็ตาม ที่ไม่ได้ กู้เงินมาลงทุน เมื่อตลาดลงแรง
ก็ไม่พิกลพิการ(จำใจขายว่างั้น) เพราะหนี้
สื่อชม ว่า เก่งในการ metaphore คืออธิบายเรื่องยากๆให้เห็นชัดๆ
จึงควรอ่านต้นฉบับ
ลุงบัฟ สอน
ว่า
ตลาด ใน major decline อาจจะ เปลี่ยนจากเขียวเป็นแดง โดยไม่มีเหลือง
ใครก็ตาม ที่ไม่ได้ กู้เงินมาลงทุน
(ถึงแม้นกู้นิดเดียว พอตลาดมี major headline คุณก็จะตื่นง่ายและไม่สามารถตัดสินใจที่ดีได้)
ใครก็ตาม ที่ไม่ได้ กู้เงินมาลงทุน เมื่อตลาดลงแรง
ก็ไม่พิกลพิการ(จำใจขายว่างั้น) เพราะหนี้
สื่อชม ว่า เก่งในการ metaphore คืออธิบายเรื่องยากๆให้เห็นชัดๆ
จึงควรอ่านต้นฉบับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- Verified User
- โพสต์: 2606
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ไฮไลท์จดหมายถึงผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway (BRK) ปี 20
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณครับ ลองตามอ่านดูบ้าง
ผมชอบตอนที่ Buffet เล่าเรื่องที่ เค้าชนะ Bet ที่ว่า S&P500 จะ outperform พวก Fund of Fund ที่เลือกโดย professional ได้
... "Those performance incentives, it should be emphasized, were frosting on a huge and tasty cake: Even if the
funds lost money for their investors during the decade, their managers could grow very rich. That would occur because
fixed fees averaging a staggering 2 1⁄2% of assets or so were paid every year by the fund-of-funds’ investors, with part
of these fees going to the managers at the five funds-of-funds and the balance going to the 200-plus managers of the
underlying hedge funds."
..."Performance comes, performance goes. Fees never falter."
http://www.berkshirehathaway.com/letters/2017ltr.pdf
ไม่รู้ว่า จริงๆ แล้วพวก กองทุนต่างๆในประเทศไทย ถ้ารวม Fee ไปแล้ว จะชนะตลาดกันได้ เกินครึ่ง หรือป่าวครับเนี้ย
ผมชอบตอนที่ Buffet เล่าเรื่องที่ เค้าชนะ Bet ที่ว่า S&P500 จะ outperform พวก Fund of Fund ที่เลือกโดย professional ได้
... "Those performance incentives, it should be emphasized, were frosting on a huge and tasty cake: Even if the
funds lost money for their investors during the decade, their managers could grow very rich. That would occur because
fixed fees averaging a staggering 2 1⁄2% of assets or so were paid every year by the fund-of-funds’ investors, with part
of these fees going to the managers at the five funds-of-funds and the balance going to the 200-plus managers of the
underlying hedge funds."
..."Performance comes, performance goes. Fees never falter."
http://www.berkshirehathaway.com/letters/2017ltr.pdf
ไม่รู้ว่า จริงๆ แล้วพวก กองทุนต่างๆในประเทศไทย ถ้ารวม Fee ไปแล้ว จะชนะตลาดกันได้ เกินครึ่ง หรือป่าวครับเนี้ย