[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 1
อัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่น 0%
อัตราดอกเบี้ยของอเมริกา 5%
ผมสงสัยว่าทำไมญี่ปุ่นเขาถึงไม่มีปัญหาเรื่องการไหลออกของเงินทุน
และไม่เดือดร้อนที่ต้องปรับอัตราดอกเบี้ยตาม FED อย่างบ้านเราครับ...
ท่านใดเชี่ยวชาญ Macro รบกวนชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณมากครับ
อัตราดอกเบี้ยของอเมริกา 5%
ผมสงสัยว่าทำไมญี่ปุ่นเขาถึงไม่มีปัญหาเรื่องการไหลออกของเงินทุน
และไม่เดือดร้อนที่ต้องปรับอัตราดอกเบี้ยตาม FED อย่างบ้านเราครับ...
ท่านใดเชี่ยวชาญ Macro รบกวนชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณมากครับ
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
Re: [กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 3
น่าจะเป็นเพราะเงินให้กู้มากกว่าความต้องการกู้มากHVI เขียน:อัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่น 0%
อัตราดอกเบี้ยของอเมริกา 5%
ผมสงสัยว่าทำไมญี่ปุ่นเขาถึงไม่มีปัญหาเรื่องการไหลออกของเงินทุน
และไม่เดือดร้อนที่ต้องปรับอัตราดอกเบี้ยตาม FED อย่างบ้านเราครับ...
ท่านใดเชี่ยวชาญ Macro รบกวนชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณมากครับ
เงินให้กู้มากเพราะมีเงินไหลเข้าจากการเกินดุลการค้ามหาศาลทุกเดือนติดต่อกันหลายสิบปี เงินไหลเข้าจากเงินปันผลที่บริษัทญี่ปุ่นไปลงทุนในประเทศต่างๆ รวมถึงอัตราการออมที่สูงของประชาชน
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 689
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 4
ยี่ปุ่นเค้ามีปัญหาเงินฝืด...ค่าครองชีพก็แพง ข้าวจานนึงตกมื้อละ 700-1000 เยน (แต่ถ้าทำกินเองก็ถูกกว่า แถวๆยุโรป)
ผมเคยไปอยู่โน่นมาปีกว่า...ขนาดดอกเบี้ย 0% คนจะซื้อบ้านยังไม่มีปัญญา...
ผมเคยไปอยู่โน่นมาปีกว่า...ขนาดดอกเบี้ย 0% คนจะซื้อบ้านยังไม่มีปัญญา...
-
- Verified User
- โพสต์: 689
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 5
ผมไม่แน่ใจว่าคนเค้าไม่ต้องการจะใช้ หรือ ไม่มีปัญญาจะใช้...
แต่เศษรฐกิจเค้าไม่ต้องพึ่งพาใครก็อยู่ได้อีกเป็นชาติ...
อีกอย่างคนที่นั่นเค้ามีความเป็นชาตินิยมสูง...okay อาจจะลดลงบ้างสำหรับพวกคนรุ่นใหม่ แต่เค้าไม่จำเป็นต้อง้อหรือตามอย่างชาวบ้าน...
แต่เศษรฐกิจเค้าไม่ต้องพึ่งพาใครก็อยู่ได้อีกเป็นชาติ...
อีกอย่างคนที่นั่นเค้ามีความเป็นชาตินิยมสูง...okay อาจจะลดลงบ้างสำหรับพวกคนรุ่นใหม่ แต่เค้าไม่จำเป็นต้อง้อหรือตามอย่างชาวบ้าน...
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 6
เงินให้กู้มากเพราะมีเงินไหลเข้าจากการเกินดุลการค้ามหาศาลทุกเดือนติดต่อกันหลายสิบปี เงินไหลเข้าจากเงินปันผลที่บริษัทญี่ปุ่นไปลงทุนในประเทศต่างๆ รวมถึงอัตราการออมที่สูงของประชาชน
สงสัยครับ เงินไหลเข้ามากๆทำไมถึงมีปัญหาเงินฝืด และของแพงขนาดนี้ทำไมไม่เกิดเงินเฟ้อยี่ปุ่นเค้ามีปัญหาเงินฝืด
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 7
นโยบายการเงินการคลังไม่น่าจะเป็นเพราะไม่อยากตามชาวบ้าน แต่น่าจะเป็นเพราะเป็นวิธีที่ตนเองได้ประโยชน์สูงสุด เลยสงสัยว่าเหตุผลจริงๆเป็นอย่างไรและอะไรเป็นสาเหตุอีกอย่างคนที่นั่นเค้ามีความเป็นชาตินิยมสูง...okay อาจจะลดลงบ้างสำหรับพวกคนรุ่นใหม่ แต่เค้าไม่จำเป็นต้อง้อหรือตามอย่างชาวบ้าน...
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 689
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 8
ค่าครองชีพแพงแต่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายมากนิครับ...
ที่ผมสังเกตุเห็น...คนยี่ปุ่นค่อนข้างประหยัด...เลิกงานส่วนใหญ่กลับกินข้าวบ้าน (ประหยัดกว่ามื้อนึงก็ 5-6เท่า, ผมอยู่นั่นทำกินเองก็ตกมื้อละประมาณ 50บาท)...transportationก็ถูกและสะดวก...ยี่ปุ่นเป็นเจ้าของโรงงานรถยนต์ดังทั้ง Toyota, Honda ก็จริงแต่ก็ไม่ค่อยมีใครใช้รถหรอกครับ...ส่วนใหญ่จะปั่นจักรยานแล้วก็ต่อรถไฟมาทำงาน...หรือถ้าจะใช้รถก็หารถมือสองสภาพดีๆมาใช้ก็ได้ ตกคันละ 50,000 ถึง แสน ก็ไม่แพง...แต่จะใช้ไปทำไมก็ในเมื่อการคมนาคมก็สะดวก น้ำมันก็แพง ถึงตอนนี้ก็ลิตรละเกือบ 120 yen แล้วมั้ง
เมืองใหญ่ๆก็มีตั้งหลายเมืองและทุกเมืองก็เจริญofferงานให้ทำได้ทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องแห่กันมาขุดทองในเมืองใหญ่ๆแบบบ้านเรา
ที่ผมสังเกตุเห็น...คนยี่ปุ่นค่อนข้างประหยัด...เลิกงานส่วนใหญ่กลับกินข้าวบ้าน (ประหยัดกว่ามื้อนึงก็ 5-6เท่า, ผมอยู่นั่นทำกินเองก็ตกมื้อละประมาณ 50บาท)...transportationก็ถูกและสะดวก...ยี่ปุ่นเป็นเจ้าของโรงงานรถยนต์ดังทั้ง Toyota, Honda ก็จริงแต่ก็ไม่ค่อยมีใครใช้รถหรอกครับ...ส่วนใหญ่จะปั่นจักรยานแล้วก็ต่อรถไฟมาทำงาน...หรือถ้าจะใช้รถก็หารถมือสองสภาพดีๆมาใช้ก็ได้ ตกคันละ 50,000 ถึง แสน ก็ไม่แพง...แต่จะใช้ไปทำไมก็ในเมื่อการคมนาคมก็สะดวก น้ำมันก็แพง ถึงตอนนี้ก็ลิตรละเกือบ 120 yen แล้วมั้ง
เมืองใหญ่ๆก็มีตั้งหลายเมืองและทุกเมืองก็เจริญofferงานให้ทำได้ทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องแห่กันมาขุดทองในเมืองใหญ่ๆแบบบ้านเรา
-
- Verified User
- โพสต์: 689
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 9
พวกต่างชาติไปลงทุนบ้านเค้า ส่วนใหญ่ก็ไปไม่ค่อยรอด ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะค่านิยมนี่แหละและbrand royalty เค้าสูง...เห็นชัดๆเลยล่าสุดก็ Vodafone ที่เป็น sponsor ทีมแมนยู บริษัท ธุรกิจมือถือระดับโลก คิดจะไปตีตลาดในยี่ปุ่นทำ ธุรกิจ 3G แข่งกับ NTT Docomo ตอนนี้รู้สึกจะถอนตัวออกมาแล้ว เพราะสู้ไม่ไหว... :shock: :shock: :shock:
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 10
ขอบคุณพี่ลูกอิสาน คุณลุงทีมที่เข้ามา comment ครับ
พี่หมอราวกับทราบว่าต่อมคัน ของผมอยู่ตรงไหน
ถามย้ำได้โดนที่คันเป๊ะ
ขออนุญาตทวนประเด็นนิด...
ประเด็นคำถามในที่นี้คือ
ทำไมญี่ปุ่นถึงดำเนินนโยบายการเงิน (ดอกเบี้ย 0%) โดยไม่สนใจ นโยบายการเงินของสหรัฐ (ดอกเบี้ย 5%)
ซึ่งต่างจากบ้านเราที่ Fed ขึ้นดอกเบี้ยทีไร แบงค์ชาติขึ้นตามทุกที
อะไรคือสาเหตุสำคัญ สำหรับการเลือกดำเนินนโยบายทางการเงินดังกล่าว
และมีมาตรการในการป้องกัน เงินทุนไหลออก จากการดำเนินนโยบายการเงินดังกล่าว อย่างไร
พี่หมอราวกับทราบว่าต่อมคัน ของผมอยู่ตรงไหน
ถามย้ำได้โดนที่คันเป๊ะ
ขออนุญาตทวนประเด็นนิด...
ประเด็นคำถามในที่นี้คือ
ทำไมญี่ปุ่นถึงดำเนินนโยบายการเงิน (ดอกเบี้ย 0%) โดยไม่สนใจ นโยบายการเงินของสหรัฐ (ดอกเบี้ย 5%)
ซึ่งต่างจากบ้านเราที่ Fed ขึ้นดอกเบี้ยทีไร แบงค์ชาติขึ้นตามทุกที
อะไรคือสาเหตุสำคัญ สำหรับการเลือกดำเนินนโยบายทางการเงินดังกล่าว
และมีมาตรการในการป้องกัน เงินทุนไหลออก จากการดำเนินนโยบายการเงินดังกล่าว อย่างไร
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 11
ประเด็นตรงนี้ผมคิดว่า ของแพงหรือค่าครองชีพแพง ก็เกิดปัญหาเงินฝืดได้ครับสามัญชน เขียน:
สงสัยครับ เงินไหลเข้ามากๆทำไมถึงมีปัญหาเงินฝืด และของแพงขนาดนี้ทำไมไม่เกิดเงินเฟ้อ
เนื่องจากการวัดเงินเฟ้อนั้น เป็นการวัดเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้านี้
ดังนั้นของที่ราคาสูงอยู่แล้ว หากประชาในประเทศไม่บริโภค
ราคาของย่อมมีแน้วโน้มที่จะลดลง (แต่ยังราคายังคงอยู่ในระดับสูง)
เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภค บริโภคมากขึ้น
ทำให้เกิดภาวะเงินฝืด หรือข้าวของมีแนวโน้มที่จะราคาถูกลง
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 1822
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 12
สินค้าแพงขึ้น แต่การบริโภคน้อย นี่เรียกภาวะเงินตึงตัวป่าวครับHVI เขียน: ประเด็นตรงนี้ผมคิดว่า ของแพงหรือค่าครองชีพแพง ก็เกิดปัญหาเงินฝืดได้ครับ
เนื่องจากการวัดเงินเฟ้อนั้น เป็นการวัดเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้านี้
ดังนั้นของที่ราคาสูงอยู่แล้ว หากประชาในประเทศไม่บริโภค
ราคาของย่อมมีแน้วโน้มที่จะลดลง (แต่ยังราคายังคงอยู่ในระดับสูง)
เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภค บริโภคมากขึ้น
ทำให้เกิดภาวะเงินฝืด หรือข้าวของมีแนวโน้มที่จะราคาถูกลง
ว่าแต่ญี่ปุ่นเป็นแบบนี้มาหลายปีแล้วนี่ครับ ผมว่ามันต้องไปใช้ชีวิตดูสักพักนะ จะได้ลงไปเห็นว่าชีวิตประจำวันใช้จ่ายอะไรกันบ้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 13
ประเด็นไม่อยากใช้ หรือ ไม่มีใช้ ผมเข้าใจว่าไม่อยากใช้น่าจะเป็นไปได้มากกว่า
เนื่องจาก GDP per capita ของญี่ปุ่นสูงกว่า $30,000
นอกจากนี้ยังมีการกระจายตัว (ไม่กระจุกอยู่กับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง)
http://www.jref.com/society/japan_prefe ... pita.shtml
เนื่องจาก GDP per capita ของญี่ปุ่นสูงกว่า $30,000
นอกจากนี้ยังมีการกระจายตัว (ไม่กระจุกอยู่กับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง)
http://www.jref.com/society/japan_prefe ... pita.shtml
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 14
สินค้าแพงขึ้นเขาจะเรียกเงินฝืดเหรอครับ ...BHT เขียน: สินค้าแพงขึ้น แต่การบริโภคน้อย นี่เรียกภาวะเงินตึงตัวป่าวครับ
ว่าแต่ญี่ปุ่นเป็นแบบนี้มาหลายปีแล้วนี่ครับ ผมว่ามันต้องไปใช้ชีวิตดูสักพักนะ จะได้ลงไปเห็นว่าชีวิตประจำวันใช้จ่ายอะไรกันบ้าง

ญี่ปุ่นมีปัญหาเรื่องเงินฝืด ไม่ใช่ปัญหาสินค้าแพงขึ้นครับ
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 689
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 15
http://www.bbznet.com/scripts3/view.php ... r=numtopic
เอานี่มาให้อ่านครับ...อเมริกาขาดดุลตลอด แต่ กลัวเงินเฟ้อ
ยี่ปุ่นเกินดุลตลอด กลับกลัวเงินฝืด...
:shock: :shock:
เอานี่มาให้อ่านครับ...อเมริกาขาดดุลตลอด แต่ กลัวเงินเฟ้อ
ยี่ปุ่นเกินดุลตลอด กลับกลัวเงินฝืด...

-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 16

ปี 2002 - 2003 ญี่ปุ่นประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession)
ดูจากกราฟ จะพบว่าเป็นประเภทเดียวที่ Real GDP ติดลบ
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 17
ตั้งคำถามให้ง่ายเข้า...
ทำไมคนญี่ปุ่น ถึงไม่เอาเงิน JPY ไปแลก USD แล้วฝากกินดอกเบี้ย 5%
ทำไมเขายอมออมเงิน (Cash) โดยไม่ได้รับดอกเบี้ย
ชาตินิยมอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่ง แต่นอกเหนือจากนั้น
รัฐบาลมีมาตรการทางการเงินมาป้องการการไหลออกของเงินทุนอย่างไร?
ทำไมคนญี่ปุ่น ถึงไม่เอาเงิน JPY ไปแลก USD แล้วฝากกินดอกเบี้ย 5%
ทำไมเขายอมออมเงิน (Cash) โดยไม่ได้รับดอกเบี้ย
ชาตินิยมอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่ง แต่นอกเหนือจากนั้น
รัฐบาลมีมาตรการทางการเงินมาป้องการการไหลออกของเงินทุนอย่างไร?
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 18
[quote="ลุงทีม"]http://www.bbznet.com/scripts3/view.php ... r=numtopic
เอานี่มาให้อ่านครับ...อเมริกาขาดดุลตลอด แต่ กลัวเงินเฟ้อ
ยี่ปุ่นเกินดุลตลอด กลับกลัวเงินฝืด...
เอานี่มาให้อ่านครับ...อเมริกาขาดดุลตลอด แต่ กลัวเงินเฟ้อ
ยี่ปุ่นเกินดุลตลอด กลับกลัวเงินฝืด...

"Winners never quit, and quitters never win."
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 20
เงินทุนไหลจากที่มี real interest ต่ำ ไปยังที่ real interest สูง และไหลจากที่มีเงินเฟ้อสูงไปยังที่มีเงินเฟ้อต่ำ
ญี่ปุ่นเงินฝืดแสดงว่าเงินเฟ้อติดลบ real interest จึงอาจเป็นบวกอยู่ แม้ว่า nominal interest จะเป็น 0 ก็ตาม
ไทยนั่น real interest rate ยังต่ำกว่าญี่ปุ่นเพราะยังติดลบอยู่
เรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ต้องตระหนักเพื่อมิให้หลงประเด็นก็คือ economic decisions are made at marginal ดังนั้นถ้าประเทศ A มี real interest rate สูงกว่าและเงินเฟ้อต่ำกว่าประเทศ B ไม่ได้แปลว่าเงินทุนทั้งหมดในประเทศจะไหลเข้าประเทศ A จน B ไม่เหลืออะไรเลย เฉพาะ marginal fund flow เท่านั้นที่จะไหลจาก A ไป B
ญี่ปุ่นเงินฝืดแสดงว่าเงินเฟ้อติดลบ real interest จึงอาจเป็นบวกอยู่ แม้ว่า nominal interest จะเป็น 0 ก็ตาม
ไทยนั่น real interest rate ยังต่ำกว่าญี่ปุ่นเพราะยังติดลบอยู่
เรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ต้องตระหนักเพื่อมิให้หลงประเด็นก็คือ economic decisions are made at marginal ดังนั้นถ้าประเทศ A มี real interest rate สูงกว่าและเงินเฟ้อต่ำกว่าประเทศ B ไม่ได้แปลว่าเงินทุนทั้งหมดในประเทศจะไหลเข้าประเทศ A จน B ไม่เหลืออะไรเลย เฉพาะ marginal fund flow เท่านั้นที่จะไหลจาก A ไป B
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- ม้าเฉียว
- Verified User
- โพสต์: 350
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 22
สิ่งที่สุมาอี้ชี้ขึ้นมานั้นสำคัญนัก เพราะ เวลาพูดถึง อัตราดอกเบี้ย ต้องพูดเรื่อง อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง คือ อัตราดอกเบี้ยหลังหักเงินเฟ้อ
ผมไม่ค่อยสันทัดเศรษฐกิจของญี่ปุ่นนัก แต่พอจะให้ทัศนะได้ดังนั้น
ผมขอเริ่มจากช่วงปี 1990s เป็นช่วงที่เกิดฟองสบู่แตกที่ญี่ปุ่น ทั้งในตลาดทุนและอสังหาริมทรัพย์ครับ และกลายเป็นวิกฤติระดับโครงสร้างเลยทีเดียว เศรษฐกิจก็เลยขึ้นอืดนับสิบปี ภาครัฐก็ไม่รู้จะซ้ายจะขวาดี ธนาคารกลางญี่ปุ่นก็ต้องเป็นแกนนำในการใช้นโยบายการเงิน โดยเริ่มลด Discount Rate ลงเรื่อยๆจนกระทั่งเข้าใกล้ศูนย์ พูดให้เต็มเม็ดคือ 0.04% (Nominal นะครับ) ตั้งแต่ปลายๆปี 1995 เป็นต้นมา แต่การลงทุนก็ไม่ได้กระเตื้องขึ้นเลย เข้าทำนองว่า ติดกับดักสภาพคล่อง
ิเรื่องที่จะเล่าก็ดำเนินมาถึงจุดไคลแม็กซ์ซะที
การลด Discount rate ของ BOJ นั้น ส่งผลใหอัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้ระยะสั้น (จริงๆน่าจะเรียกว่า Safe Interest Rate) ลดลงตามไปด้วย แต่...ตราสารหนี้ระยะยาวยังคงมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงมาก เพราะ...
ในระยะแรกคนคิดว่า โอ้ว นโยบายของ BOJ นี้คงชั่วคราวหละมั้ง
และความวิตกกังวลว่าบริษัทต่างๆในญี่ปุ่นจะล้มละลายและไม่สามารถชำระหนี้คือได้ จึงต้องคงอัตราดอกเบี้ยสำหรับตราสารหนี้ระยะยาว (จริงๆน่าจะเรียกว่า Risky Interest Rate) ไว้สูง ทำให้การลงทุนไม่กระเตื้องขึ้นเลยจากนโยบายดอกเบี้ยใกล้ศูนย์ที่สุดเท่าที่สามารถ (Close to Zero as It Can) ส่งผลให้เกิด Deflation (ผมมักไม่เรียกว่าเงินฝืด เพราะพูดว่าเงินฝืดทีไร พ่อค้าแม่ขายจะบอก โอ่ย ขายของไม่ออกเลย เงินฝืดจริงๆ) แต่ก็เป็น Deflation อย่างอ่อนๆ โดยประมาณ 1% (inflation เป็น -1%) คนก็กลัวว่าเจ้า Deflation นี้ (หรือพูดแบบนักวิชาการที่คุณทักษิณไม่ชอบว่า Expected Deflation) มันจะยืดยาว มันจะเรื้องรัง (ซึ่งมันก็เรื้องรังจริงๆ) บางคนก็ว่ามันจะฝืด เอ้ย Defaltion หนักขึ้นไปอีก ทำให้ Risk Premium มันยังคงสูง และสำคัญคือ พระเอกของผม Real Interest Rate มันเป็นบวก คือ 0.04-(-1)=1.04% ถ้าเทียบกับไทยตอนนี้ Real Interest Rate ของญี่ปุ่น จึงสูงกว่าของไทยซะอีก (คิดว่านะครับ ไม่รู้ว่าเงินเฟ้อทั้งปีจะเท่าไหร่)
ต่อไปถ้าจะวิเคราะห์การไหลของเงินทุน จากการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย ก็ต้องดูในรูปของ Real อีกเช่นกัน คือ Real Exchange Rate กับ Real Interest Rate แน่นอนว่า ภาพที่เห็นจะเพี้ยนไปจากมุมมอง Nominal
ผมไม่ค่อยสันทัดเศรษฐกิจของญี่ปุ่นนัก แต่พอจะให้ทัศนะได้ดังนั้น
ผมขอเริ่มจากช่วงปี 1990s เป็นช่วงที่เกิดฟองสบู่แตกที่ญี่ปุ่น ทั้งในตลาดทุนและอสังหาริมทรัพย์ครับ และกลายเป็นวิกฤติระดับโครงสร้างเลยทีเดียว เศรษฐกิจก็เลยขึ้นอืดนับสิบปี ภาครัฐก็ไม่รู้จะซ้ายจะขวาดี ธนาคารกลางญี่ปุ่นก็ต้องเป็นแกนนำในการใช้นโยบายการเงิน โดยเริ่มลด Discount Rate ลงเรื่อยๆจนกระทั่งเข้าใกล้ศูนย์ พูดให้เต็มเม็ดคือ 0.04% (Nominal นะครับ) ตั้งแต่ปลายๆปี 1995 เป็นต้นมา แต่การลงทุนก็ไม่ได้กระเตื้องขึ้นเลย เข้าทำนองว่า ติดกับดักสภาพคล่อง
ิเรื่องที่จะเล่าก็ดำเนินมาถึงจุดไคลแม็กซ์ซะที
การลด Discount rate ของ BOJ นั้น ส่งผลใหอัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้ระยะสั้น (จริงๆน่าจะเรียกว่า Safe Interest Rate) ลดลงตามไปด้วย แต่...ตราสารหนี้ระยะยาวยังคงมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงมาก เพราะ...
ในระยะแรกคนคิดว่า โอ้ว นโยบายของ BOJ นี้คงชั่วคราวหละมั้ง
และความวิตกกังวลว่าบริษัทต่างๆในญี่ปุ่นจะล้มละลายและไม่สามารถชำระหนี้คือได้ จึงต้องคงอัตราดอกเบี้ยสำหรับตราสารหนี้ระยะยาว (จริงๆน่าจะเรียกว่า Risky Interest Rate) ไว้สูง ทำให้การลงทุนไม่กระเตื้องขึ้นเลยจากนโยบายดอกเบี้ยใกล้ศูนย์ที่สุดเท่าที่สามารถ (Close to Zero as It Can) ส่งผลให้เกิด Deflation (ผมมักไม่เรียกว่าเงินฝืด เพราะพูดว่าเงินฝืดทีไร พ่อค้าแม่ขายจะบอก โอ่ย ขายของไม่ออกเลย เงินฝืดจริงๆ) แต่ก็เป็น Deflation อย่างอ่อนๆ โดยประมาณ 1% (inflation เป็น -1%) คนก็กลัวว่าเจ้า Deflation นี้ (หรือพูดแบบนักวิชาการที่คุณทักษิณไม่ชอบว่า Expected Deflation) มันจะยืดยาว มันจะเรื้องรัง (ซึ่งมันก็เรื้องรังจริงๆ) บางคนก็ว่ามันจะฝืด เอ้ย Defaltion หนักขึ้นไปอีก ทำให้ Risk Premium มันยังคงสูง และสำคัญคือ พระเอกของผม Real Interest Rate มันเป็นบวก คือ 0.04-(-1)=1.04% ถ้าเทียบกับไทยตอนนี้ Real Interest Rate ของญี่ปุ่น จึงสูงกว่าของไทยซะอีก (คิดว่านะครับ ไม่รู้ว่าเงินเฟ้อทั้งปีจะเท่าไหร่)
ต่อไปถ้าจะวิเคราะห์การไหลของเงินทุน จากการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย ก็ต้องดูในรูปของ Real อีกเช่นกัน คือ Real Exchange Rate กับ Real Interest Rate แน่นอนว่า ภาพที่เห็นจะเพี้ยนไปจากมุมมอง Nominal
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 23
แบบนี้หุ้นที่ญี่ปุ่นก็สามารถมี P/E = Infinity หรือ Dividend Yield ~0% ได้สบายๆเลยสิครับ ก็ดอกเบี้ยมัน = 0 นี่หว่า
เกิดเป็นคนญี่ปุ่นคงเล่นหุ้นแบบ VI ลำบาก จะเอาเงินไปซื้อ FIF ก็ไม่แน่ว่าจะกำไร จำได้ว่าตอนเด็กๆ 10 Yen = 1 Baht ตอนนี้น่าจะ 3 Yen/Baht เองอ่ะ ได้กำไรหุ้นเมืองไทย 3 เท่า แลกกลับมายังขาดทุนเลย -_-'
เกิดเป็นคนญี่ปุ่นคงเล่นหุ้นแบบ VI ลำบาก จะเอาเงินไปซื้อ FIF ก็ไม่แน่ว่าจะกำไร จำได้ว่าตอนเด็กๆ 10 Yen = 1 Baht ตอนนี้น่าจะ 3 Yen/Baht เองอ่ะ ได้กำไรหุ้นเมืองไทย 3 เท่า แลกกลับมายังขาดทุนเลย -_-'
I do not sleep. I dream.
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 24
ข้าน้อยขอคารวะ ท่านขุนพลสามก๊กทั้งสอง...
สรุปว่า... การมอง Nominal Interest Rate นั้นทำให้มองภาพใหญ่ผิดเพี้ยนไป
การมอง Fund Flow นั้นให้มอง Real Interest Rate
แต่ข้าน้อยยังสงสัยว่า ทำไมต้องมอง Real Interest Rate
ในเมื่อ Inflation ที่ USA ไม่ได้ส่งผลต่อชาวญี่ปุ่นแต่อย่างใด
การแลกเยนเป็นดอลล่าห์แล้วอาจจะไปซื้อ T-Bill หรือ T-Bond
สมมติว่าได้รับผลตอบแทนเท่ากับดอกเบี้ยเชิงนโยบายหรือ 5%
จากนั้นเมื่อ Maturity ก็ทำการแลกดอลล่าห์กลับเป็นหยวน
หากอัตราการแลกเปลี่ยนยังคงเป็นเหมือนเดิม
(สมมติว่า No transaction cost)
ชาวญี่ปุ่นก็ได้ผลตอบแทน 5% ดีกว่าฝากแบงค์ดอกเบี้ย 0% ที่บ้านตัวเองเป็นไหนๆ
รบกวนท่านขุนผล ชี้แนะข้าน้อยให้เกิดปัญญาด้วย...
สรุปว่า... การมอง Nominal Interest Rate นั้นทำให้มองภาพใหญ่ผิดเพี้ยนไป
การมอง Fund Flow นั้นให้มอง Real Interest Rate
แต่ข้าน้อยยังสงสัยว่า ทำไมต้องมอง Real Interest Rate
ในเมื่อ Inflation ที่ USA ไม่ได้ส่งผลต่อชาวญี่ปุ่นแต่อย่างใด
การแลกเยนเป็นดอลล่าห์แล้วอาจจะไปซื้อ T-Bill หรือ T-Bond
สมมติว่าได้รับผลตอบแทนเท่ากับดอกเบี้ยเชิงนโยบายหรือ 5%
จากนั้นเมื่อ Maturity ก็ทำการแลกดอลล่าห์กลับเป็นหยวน
หากอัตราการแลกเปลี่ยนยังคงเป็นเหมือนเดิม
(สมมติว่า No transaction cost)
ชาวญี่ปุ่นก็ได้ผลตอบแทน 5% ดีกว่าฝากแบงค์ดอกเบี้ย 0% ที่บ้านตัวเองเป็นไหนๆ
รบกวนท่านขุนผล ชี้แนะข้าน้อยให้เกิดปัญญาด้วย...
"Winners never quit, and quitters never win."
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 25
เกี่ยวสิ ทิศทางของค่าเงินในอีก 1 ปีข้างหน้า จะเคลื่อนไหวไปตาม inflationary expection ของตลาดเกี่ยวกับเงินสกุลนั้น (other things such as real rates, national income growth being equal)
ในระยะสั้นผลของเงินเฟ้อต่อค่าเงินจะเห็นไม่ชัดเพราะมี noise มาก แต่ในระยะยาวๆ ค่าเงินเกี่ยวกับเงินเฟ้อโดยตรงเลยทีเดียว
เมื่อ 20 ปีก่อน 1 ดอลล่าร์แลกได้ 23 บาท ตอนนี้ 40 บาท
ถ้า 20 ปีก่อนใครเอาเงิน 23 บาทไปแลกดอลล่าร์แล้วฝังตุ่มไว้เฉยๆ วันนี้จะกลายเป็น 40 บาท แต่ถ้าใครเอาเงิน 23 บาทฝังตุ่มไว้เฉยๆ วันนี้ก็ยังแค่ 23 บาทอยู่
เพราะ 20 ปีที่ผ่านมาสหรัฐเงินเฟ้อ 2.5% แต่ไทยเงินเฟ้อ 5%
เงินสกุลไหนที่ธนาคารกลางมีวินัยการเงินสูง ให้ความสำคัญต่อการรักษาเสถียรภาพของราคา เงินสกุลนั้นจะเป็นเงินสกุลที่น่าเชื่อถือในระยะยาวครับ
ในระยะสั้นผลของเงินเฟ้อต่อค่าเงินจะเห็นไม่ชัดเพราะมี noise มาก แต่ในระยะยาวๆ ค่าเงินเกี่ยวกับเงินเฟ้อโดยตรงเลยทีเดียว
เมื่อ 20 ปีก่อน 1 ดอลล่าร์แลกได้ 23 บาท ตอนนี้ 40 บาท
ถ้า 20 ปีก่อนใครเอาเงิน 23 บาทไปแลกดอลล่าร์แล้วฝังตุ่มไว้เฉยๆ วันนี้จะกลายเป็น 40 บาท แต่ถ้าใครเอาเงิน 23 บาทฝังตุ่มไว้เฉยๆ วันนี้ก็ยังแค่ 23 บาทอยู่
เพราะ 20 ปีที่ผ่านมาสหรัฐเงินเฟ้อ 2.5% แต่ไทยเงินเฟ้อ 5%
เงินสกุลไหนที่ธนาคารกลางมีวินัยการเงินสูง ให้ความสำคัญต่อการรักษาเสถียรภาพของราคา เงินสกุลนั้นจะเป็นเงินสกุลที่น่าเชื่อถือในระยะยาวครับ
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1822
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 28
ขอถามการเคลื่อนไหวเงินทุนฝั่งยุโรปบ้าง
ผมอ่านข่าวกีฬาเห็นซื้อตัวนักเตะกันเป็นเงินมหาศาล มีผลกับค่าเงินบ้างมั้ยครับ
หรือว่าโดนกันเองในกลุ่มยุโรป หรือว่าไม่โดนเพราะมีสกุลเงินยูโรอยู่
อธิบายหน่อยครับ
ผมอ่านข่าวกีฬาเห็นซื้อตัวนักเตะกันเป็นเงินมหาศาล มีผลกับค่าเงินบ้างมั้ยครับ
หรือว่าโดนกันเองในกลุ่มยุโรป หรือว่าไม่โดนเพราะมีสกุลเงินยูโรอยู่
อธิบายหน่อยครับ
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
[กระทู้คำถาม] การเคลื่อนไว้ของเงินทุนและอัตราดอกเบี้ย...
โพสต์ที่ 29
ถ้าเอาเงิน US ไปฝากไว้นอกสหรัฐฯ โดยไม่ convert เป็นเงินสกุลท้องถิ่นก่อน จะไม่ได้อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยประเทศนั้น แต่จะได้อัตราดอกเบี้ยที่เรียกว่า LIBOR แทน
ส่วนเงินเยนนอกญี่ปุ่นนั้นไม่แน่ใจว่ามีรับฝากหรือไม่ น่าจะมีแต่คงไม่แพร่หลาย เลยไม่แน่ใจว่าจะได้อัตราดอกเบี้ยใด แต่คิดว่าไม่ใช่อัตราดอกเบี้ยของประเทศที่นำไปฝากแน่นอนครับ
ส่วนเงินเยนนอกญี่ปุ่นนั้นไม่แน่ใจว่ามีรับฝากหรือไม่ น่าจะมีแต่คงไม่แพร่หลาย เลยไม่แน่ใจว่าจะได้อัตราดอกเบี้ยใด แต่คิดว่าไม่ใช่อัตราดอกเบี้ยของประเทศที่นำไปฝากแน่นอนครับ
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ