Rojana .... พูดไม่ออกเลย โดนไป10%
- PaZZaHut
- Verified User
- โพสต์: 737
- ผู้ติดตาม: 0
Rojana .... พูดไม่ออกเลย โดนไป10%
โพสต์ที่ 5
เหตุอะไรหรอครับphobenius เขียน:ของร้อนไม่ต้องรีบซื้อหรอกครับ
มันร่วงเพราะมันมีเหตุของมัน
แบบนี้ตลาดหุ้นที่มันกำลังลงทุกวันนี้ มันก็มีเหตุป่ะครับ เหตุมันคืออะไรหรอครับ
แล้ว หุ้น พื้นฐานดีๆๆที่มันยังเติบโต ขายของได้ดีๆๆเหมือนเดิมทุกวันนี้มันราคาคง เหตุมันคืออะไรหรอครับ
คือผมอยากได้เป็นความรู้อ่ะครับ
รบกวนพี่ phobenius สอนผมด้วยนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 118
- ผู้ติดตาม: 0
Rojana .... พูดไม่ออกเลย โดนไป10%
โพสต์ที่ 11
ไม่เชิงเป็นนักเก็งกำไรหรอกครับ
คือมีกฎตั้งไว้ว่า ขาดทุน5%ก็จะcut lossครับ
เอาข่าวมาฝากครับ.......................
หุ้น ROJANA บวกสวนตลาด รับผลดีค่า FT งวดใหม่
Source - IQ Biz
Thursday, 08 June 2006 10:36
หุ้น ROJANA ราคาขยับขึ้น 3.85% มาอยู่ที่ 10.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 5.91 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.25 น. โดยเปิดตลาดที่ 10.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 10.80 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 10.40 บาท
เช้านี้ หนังสือพิมพ์ ระบุว่า นางสาวอมรา เจริญกิจวัฒนกุล กรรมการ บมจ. สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (ROJANA) ได้เปิดเผยว่า คาดว่า การปรับขึ้นค่าเอฟทีงวดใหม่ จะส่งผลดีต่อรายได้จากการผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนให้กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ
อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าเฟสที่ 3 มีกำลังผลิตอยู่ที่ 40-50 เมกะวัตต์ คาดก่อสร้างเสร็จในช่วงปลายปีนี้ จากนั้นคาดว่าจะมีการพัฒนาโรงไฟฟ้าเฟสที่ 4 ต่อเนื่อง ซึ่งจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2551
หลังขยายกำลังการผลิตเสร็จแล้วโรงไฟฟ้าจะมีกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 210 เมกะวัตต์ซึ่งคาดว่าจะเพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าในนิคมแน่นอน
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2549 เชื่อว่าเติบโตขึ้นเทียบจากไตรมาส 1/2549 บริษัทมีรายได้ 1,508 ล้านบาท และมีกำไร 236.95 ล้านบาท จากยอดขายที่ดินในนิคมฯ ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนผลประกอบการทั้งปีเชื่อว่าธุรกิจจะสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมเดอะเมดิสัน ประมาณ 1,000 ล้านบาท และรับรู้รายได้บางส่วนจากโรงไฟฟ้าส่วนขยายเฟส 3 รวมทั้งรับรู้รายได้จากการขายที่ดิน และสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ประมาณ 300-400 ล้านบาท
คือมีกฎตั้งไว้ว่า ขาดทุน5%ก็จะcut lossครับ
เอาข่าวมาฝากครับ.......................
หุ้น ROJANA บวกสวนตลาด รับผลดีค่า FT งวดใหม่
Source - IQ Biz
Thursday, 08 June 2006 10:36
หุ้น ROJANA ราคาขยับขึ้น 3.85% มาอยู่ที่ 10.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 5.91 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.25 น. โดยเปิดตลาดที่ 10.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 10.80 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 10.40 บาท
เช้านี้ หนังสือพิมพ์ ระบุว่า นางสาวอมรา เจริญกิจวัฒนกุล กรรมการ บมจ. สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (ROJANA) ได้เปิดเผยว่า คาดว่า การปรับขึ้นค่าเอฟทีงวดใหม่ จะส่งผลดีต่อรายได้จากการผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนให้กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ
อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าเฟสที่ 3 มีกำลังผลิตอยู่ที่ 40-50 เมกะวัตต์ คาดก่อสร้างเสร็จในช่วงปลายปีนี้ จากนั้นคาดว่าจะมีการพัฒนาโรงไฟฟ้าเฟสที่ 4 ต่อเนื่อง ซึ่งจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2551
หลังขยายกำลังการผลิตเสร็จแล้วโรงไฟฟ้าจะมีกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 210 เมกะวัตต์ซึ่งคาดว่าจะเพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าในนิคมแน่นอน
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2549 เชื่อว่าเติบโตขึ้นเทียบจากไตรมาส 1/2549 บริษัทมีรายได้ 1,508 ล้านบาท และมีกำไร 236.95 ล้านบาท จากยอดขายที่ดินในนิคมฯ ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนผลประกอบการทั้งปีเชื่อว่าธุรกิจจะสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมเดอะเมดิสัน ประมาณ 1,000 ล้านบาท และรับรู้รายได้บางส่วนจากโรงไฟฟ้าส่วนขยายเฟส 3 รวมทั้งรับรู้รายได้จากการขายที่ดิน และสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ประมาณ 300-400 ล้านบาท
-
- Verified User
- โพสต์: 118
- ผู้ติดตาม: 0
Rojana .... พูดไม่ออกเลย โดนไป10%
โพสต์ที่ 12
ROJANAเริงร่ารับค่าFt
Source - ทันหุ้น
Thursday, 08 June 2006 09:34
ที่มา : ทันหุ้น
อมรา เจริญกิจวัฒนกุล กรรมการ ROJANA ยิ้มรับเร็กกูเลเตอร์ขึ้นค่าเอฟทีอีก 9.60 สตางค์ต่อหน่วยหนุนรายได้ทั้งปีเติบโตต่อเนื่อง พร้อมเร่งต่อยอดขยายเฟส 4 ต่อทันที หลังขยายโรงไฟฟ้าเฟส 3 เสร็จสิ้นปีนี้ ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอสวิคเคอร์สประเมินปัจจัยพื้นฐานยังแจ๋วจริงให้ราคาเหมาะสมทั้งปีถึง 16.40 บาท แนะนำ ซื้อ ส่วนบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย มองสัญญาณทางเทคนิคแนะ เก็งกำไร ให้แนวรับแรก 11.00 บาท แนวรับถัดไป 10.80 บาท ส่วนแนวต้านแรก 11.80 บาท และแนวต้านถัดไป 12.20 บาท
นางสาวอมรา เจริญกิจวัฒนกุล กรรมการ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) ROJANA เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการไฟฟ้า (เร็กกูเลเตอร์) ได้พิจารณาปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) งวดใหม่ระหว่างเดือนมิถุนายน-กันยายน ในอัตรา 9.60 สตางค์ต่อหน่วย รวมค่าเอฟทีเดิมเป็น 85.44 สตางค์ต่อหน่วยนั้น คาดว่าจะส่งผลดีต่อรายได้จากการผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนให้กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ
อย่างไรก็ตามบริษัทอยู่ระหว่างการขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าเฟสที่ 3 มีกำลังผลิตอยู่ที่ 40-50 เมกะวัตต์ คาดก่อสร้างเสร็จในช่วงปลายปีนี้ จากนั้นคาดว่าจะมีการพัฒนาโรงไฟฟ้าเฟสที่ 4 ต่อเนื่อง ซึ่งจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2551 ทั้งนี้หลังขยายกำลังการผลิตเสร็จแล้วโรงไฟฟ้าจะมีกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 210 เมกะวัตต์ซึ่งคาดว่าจะเพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าในนิคมแน่นอน
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2549 เชื่อว่าเติบโตขึ้นเทียบจากไตรมาส1/2549 บริษัทมีรายได้ 1,508 ล้านบาท และมีกำไร 236.95 ล้านบาท จากยอดขายที่ดินในนิคมฯ ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนผลประกอบการทั้งปีเชื่อว่าธุรกิจจะสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมเดอะเมดิสัน ประมาณ 1,000 ล้านบาท และรับรู้รายได้บางส่วนจากโรงไฟฟ้าส่วนขยายเฟส 3 รวมทั้งรับรู้รายได้จากการขายที่ดิน และสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ประมาณ 300-400 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอสวิคเคอร์ส จำกัด แนะนำ ซื้อลงทุน ราคาพื้นฐาน 16.40 บาท โดยระบุว่าธุรกิจสวนอุตสาหกรรมยังไปได้ดี ซึ่ง ROJANA เองตั้งเป้าหมายการขายที่ดินของปี 2549 เท่ากับ 750 ไร่ รวมมูลค่างานในมือเมื่อสิ้นปี 2548 ที่ 150 ไร่ โดยไตรมาส 1/2549 ขายที่ดินไปแล้ว 160 ไร่ และคาดว่าครึ่งแรกของปีนี้น่าจะขายที่ดินได้ 300-350 ไร่ คิดเป็นประมาณ 50-60% ของเป้าหมายการขายเฉพาะของปีนี้ที่ประมาณ 600 ไร่
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/2549 จะออกมาน่าประทับใจ กำไรน่าจะโตก้าวกระโดอยู่ที่ 317 ล้านบาท ซึ่งรับรู้รายได้จากธุรกิจที่ดิน ไฟฟ้า บริการและให้เช่าใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2549 แต่รับรู้รายได้จากธุรกิจคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบไตรมาสก่อนในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยใกล้เคียงกับไตรมาสแรกที่ 34% นอกจากนั้นบริษัทจะมีส่วนแบ่งกำไรจาก TICON เข้ามาในไตรมาสนี้อีก 127 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีฝ่ายวิจัยมองว่าROJANAมีโครงการลงทุนใหม่ที่จะทำให้รายได้และกำไรอยู่ในระดับสูงในปี 2552 ประกอบกับสัดส่วนของรายได้หลักยังคงจะมาจากการขายที่ดินสูงประมาณ 65% ของรายได้รวม คิดจากค่าเฉลี่ยของปี 2549-2551 ทำให้ได้รับผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวน้อยกว่าบริษัทอื่นโดยเปรียบเทียบ ณ ราคาปัจจุบัน 12.40 บาท ซื้อขายที่ ค่าพีอี เรโชว์ ปีนี้ที่ 12 เท่า และลดลงเป็น 10.6 เท่าในปี 2550 ดังนั้นประเมินว่า ROJANA จะให้ อัตราการจ่ายปันผลปีนี้เท่ากับ 6.45%
ด้านนักวิเคราะห์เทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด KSEC กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นในหุ้น ROJANA แนะนำ เก็งกำไรตามแนวรับ โดยให้แนวรับแรก 11.00 บาท แนวรับถัดไป 10.80 บาท ส่วนแนวต้านแรก 11.80 บาท และแนวต้านถัดไป 12.20 บาท
ราคาหุ้น ROJANA ( 7 มิ.ย.49) ปิดตลาดที่ 10.40 บาท ลดลง 2.00 บาท มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 54.85 ล้านบาท
Source - ทันหุ้น
Thursday, 08 June 2006 09:34
ที่มา : ทันหุ้น
อมรา เจริญกิจวัฒนกุล กรรมการ ROJANA ยิ้มรับเร็กกูเลเตอร์ขึ้นค่าเอฟทีอีก 9.60 สตางค์ต่อหน่วยหนุนรายได้ทั้งปีเติบโตต่อเนื่อง พร้อมเร่งต่อยอดขยายเฟส 4 ต่อทันที หลังขยายโรงไฟฟ้าเฟส 3 เสร็จสิ้นปีนี้ ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอสวิคเคอร์สประเมินปัจจัยพื้นฐานยังแจ๋วจริงให้ราคาเหมาะสมทั้งปีถึง 16.40 บาท แนะนำ ซื้อ ส่วนบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย มองสัญญาณทางเทคนิคแนะ เก็งกำไร ให้แนวรับแรก 11.00 บาท แนวรับถัดไป 10.80 บาท ส่วนแนวต้านแรก 11.80 บาท และแนวต้านถัดไป 12.20 บาท
นางสาวอมรา เจริญกิจวัฒนกุล กรรมการ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) ROJANA เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการไฟฟ้า (เร็กกูเลเตอร์) ได้พิจารณาปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) งวดใหม่ระหว่างเดือนมิถุนายน-กันยายน ในอัตรา 9.60 สตางค์ต่อหน่วย รวมค่าเอฟทีเดิมเป็น 85.44 สตางค์ต่อหน่วยนั้น คาดว่าจะส่งผลดีต่อรายได้จากการผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนให้กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ
อย่างไรก็ตามบริษัทอยู่ระหว่างการขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าเฟสที่ 3 มีกำลังผลิตอยู่ที่ 40-50 เมกะวัตต์ คาดก่อสร้างเสร็จในช่วงปลายปีนี้ จากนั้นคาดว่าจะมีการพัฒนาโรงไฟฟ้าเฟสที่ 4 ต่อเนื่อง ซึ่งจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2551 ทั้งนี้หลังขยายกำลังการผลิตเสร็จแล้วโรงไฟฟ้าจะมีกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 210 เมกะวัตต์ซึ่งคาดว่าจะเพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าในนิคมแน่นอน
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2549 เชื่อว่าเติบโตขึ้นเทียบจากไตรมาส1/2549 บริษัทมีรายได้ 1,508 ล้านบาท และมีกำไร 236.95 ล้านบาท จากยอดขายที่ดินในนิคมฯ ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนผลประกอบการทั้งปีเชื่อว่าธุรกิจจะสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมเดอะเมดิสัน ประมาณ 1,000 ล้านบาท และรับรู้รายได้บางส่วนจากโรงไฟฟ้าส่วนขยายเฟส 3 รวมทั้งรับรู้รายได้จากการขายที่ดิน และสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ประมาณ 300-400 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอสวิคเคอร์ส จำกัด แนะนำ ซื้อลงทุน ราคาพื้นฐาน 16.40 บาท โดยระบุว่าธุรกิจสวนอุตสาหกรรมยังไปได้ดี ซึ่ง ROJANA เองตั้งเป้าหมายการขายที่ดินของปี 2549 เท่ากับ 750 ไร่ รวมมูลค่างานในมือเมื่อสิ้นปี 2548 ที่ 150 ไร่ โดยไตรมาส 1/2549 ขายที่ดินไปแล้ว 160 ไร่ และคาดว่าครึ่งแรกของปีนี้น่าจะขายที่ดินได้ 300-350 ไร่ คิดเป็นประมาณ 50-60% ของเป้าหมายการขายเฉพาะของปีนี้ที่ประมาณ 600 ไร่
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/2549 จะออกมาน่าประทับใจ กำไรน่าจะโตก้าวกระโดอยู่ที่ 317 ล้านบาท ซึ่งรับรู้รายได้จากธุรกิจที่ดิน ไฟฟ้า บริการและให้เช่าใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2549 แต่รับรู้รายได้จากธุรกิจคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบไตรมาสก่อนในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยใกล้เคียงกับไตรมาสแรกที่ 34% นอกจากนั้นบริษัทจะมีส่วนแบ่งกำไรจาก TICON เข้ามาในไตรมาสนี้อีก 127 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีฝ่ายวิจัยมองว่าROJANAมีโครงการลงทุนใหม่ที่จะทำให้รายได้และกำไรอยู่ในระดับสูงในปี 2552 ประกอบกับสัดส่วนของรายได้หลักยังคงจะมาจากการขายที่ดินสูงประมาณ 65% ของรายได้รวม คิดจากค่าเฉลี่ยของปี 2549-2551 ทำให้ได้รับผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวน้อยกว่าบริษัทอื่นโดยเปรียบเทียบ ณ ราคาปัจจุบัน 12.40 บาท ซื้อขายที่ ค่าพีอี เรโชว์ ปีนี้ที่ 12 เท่า และลดลงเป็น 10.6 เท่าในปี 2550 ดังนั้นประเมินว่า ROJANA จะให้ อัตราการจ่ายปันผลปีนี้เท่ากับ 6.45%
ด้านนักวิเคราะห์เทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด KSEC กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นในหุ้น ROJANA แนะนำ เก็งกำไรตามแนวรับ โดยให้แนวรับแรก 11.00 บาท แนวรับถัดไป 10.80 บาท ส่วนแนวต้านแรก 11.80 บาท และแนวต้านถัดไป 12.20 บาท
ราคาหุ้น ROJANA ( 7 มิ.ย.49) ปิดตลาดที่ 10.40 บาท ลดลง 2.00 บาท มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 54.85 ล้านบาท
-
- Verified User
- โพสต์: 118
- ผู้ติดตาม: 0
Rojana .... พูดไม่ออกเลย โดนไป10%
โพสต์ที่ 13
ROJANAน่าลุ้นงบไตรมาส2หรู :รับอานิสงค์บันทึกกำไร"ไทคอน"127ล้านบาท
Source - ข่าวหุ้น
Thursday, 08 June 2006 04:08
ROJANA ไตรมาส 2 สวย รับอานิสงค์ส่วนแบ่งกำไรจาก TICON ราว 127 ล้านบาท แถมธุรกิจของบริษัทโตต่อเนื่อง บล.ดีบีเอสฯ มั่นใจทั้งปี 49 ฟันยอดขายที่ดินราว 750 ไร่ และธุรกิจน้ำและบริการโต 15% แนะซื้อลงทุนราคาเป้าหมาย 16.40 บาท
หุ้นบริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJANA น่าลงทุนแนวโน้มผลประกอบการเติบโตกว่าไตรมาสแรก เนื่องจากจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท ไทคอนอินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON ประมาณ 127 ล้านบาทและรับรู้รายได้จากธุรกิจที่ดินธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจบริการและให้เช่า และธุรกิจคอนโดมิเนียมต่อเนื่อง ขณะที่จะมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยจะใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน 34%
สำหรับผลประกอบการในปี 49 คาดว่าบริษัทจะมียอดขายที่ดินประมาณ 750 ไร่ โดยในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาขายที่ดินได้แล้ว 160 ไร่ ขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาจะขายที่ดินได้ 300-350 ไร่ คิดเป็น 50-60% ของเป้าหมายการขายหลังเศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวและญี่ปุ่นได้ขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น
นอกจากนั้นอาจมีรายได้จากธุรกิจน้ำและบริการเติบโต 10-15% ตามจำนวนลูกค้าในสวนอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ในปีหน้าธุรกิจดังกล่าวจะเติบโต 25-30% เนื่องจากลูกค้าที่ซื้อที่ดินในช่วง 2 ปีก่อนจะก่อสร้างโรงงานแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์
ขณะที่ธุรกิจคอนโดมิเนียมจะรับรู้รายได้ประมาณ 1.1 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 55%ของมูลค่าโครงการซึ่งลดลงจากประมาณการณ์เดิม เพราะการก่อสร้างล่าช้า
"แนะนำซื้อลงทุน ROJANA โดยให้ราคาเป้าหมาย 16.40 บาท เนื่องจากบริษัทมีโครงการลงทุนใหม่ที่จะทำให้รายได้และกำไรในปี 52 อยู่ในระดับสูง ประกอบกับมีสัดส่วนของรายได้ที่แน่นอนสูงประมาณ 65% ของรายได้รวม ทำให้ได้รับผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวน้อยกว่าบริษัทอื่น"นักวิเคราะห์ กล่าว
ด้านบริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) หรือ KGI ประเมินว่าแนะนำซื้อลงทุนระยะยาวหุ้น ROJANA โดยให้ราคาเป้าหมาย 13.2 บาท เพราะพื้นฐานของบริษัทแข็งแกร่งซึ่งเห็นได้จากผลประกอบการปี 49 ที่บริษัทอาจมีรายได้ประมาณ 6,308 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีรายได้จำนวน 4,745 ล้านบาท
นอกจากนั้นอาจมีกำไรสุทธิประมาณ 1,138 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.73บาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 691 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.05 บาทขณะที่ปีหน้าอาจมีรายได้ประมาณ 6,626ล้านบาทและมีกำไรสุทธิประมาณ 1,163 ล้านบาทคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.77 บาท
Source - ข่าวหุ้น
Thursday, 08 June 2006 04:08
ROJANA ไตรมาส 2 สวย รับอานิสงค์ส่วนแบ่งกำไรจาก TICON ราว 127 ล้านบาท แถมธุรกิจของบริษัทโตต่อเนื่อง บล.ดีบีเอสฯ มั่นใจทั้งปี 49 ฟันยอดขายที่ดินราว 750 ไร่ และธุรกิจน้ำและบริการโต 15% แนะซื้อลงทุนราคาเป้าหมาย 16.40 บาท
หุ้นบริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJANA น่าลงทุนแนวโน้มผลประกอบการเติบโตกว่าไตรมาสแรก เนื่องจากจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท ไทคอนอินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON ประมาณ 127 ล้านบาทและรับรู้รายได้จากธุรกิจที่ดินธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจบริการและให้เช่า และธุรกิจคอนโดมิเนียมต่อเนื่อง ขณะที่จะมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยจะใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน 34%
สำหรับผลประกอบการในปี 49 คาดว่าบริษัทจะมียอดขายที่ดินประมาณ 750 ไร่ โดยในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาขายที่ดินได้แล้ว 160 ไร่ ขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาจะขายที่ดินได้ 300-350 ไร่ คิดเป็น 50-60% ของเป้าหมายการขายหลังเศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวและญี่ปุ่นได้ขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น
นอกจากนั้นอาจมีรายได้จากธุรกิจน้ำและบริการเติบโต 10-15% ตามจำนวนลูกค้าในสวนอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ในปีหน้าธุรกิจดังกล่าวจะเติบโต 25-30% เนื่องจากลูกค้าที่ซื้อที่ดินในช่วง 2 ปีก่อนจะก่อสร้างโรงงานแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์
ขณะที่ธุรกิจคอนโดมิเนียมจะรับรู้รายได้ประมาณ 1.1 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 55%ของมูลค่าโครงการซึ่งลดลงจากประมาณการณ์เดิม เพราะการก่อสร้างล่าช้า
"แนะนำซื้อลงทุน ROJANA โดยให้ราคาเป้าหมาย 16.40 บาท เนื่องจากบริษัทมีโครงการลงทุนใหม่ที่จะทำให้รายได้และกำไรในปี 52 อยู่ในระดับสูง ประกอบกับมีสัดส่วนของรายได้ที่แน่นอนสูงประมาณ 65% ของรายได้รวม ทำให้ได้รับผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวน้อยกว่าบริษัทอื่น"นักวิเคราะห์ กล่าว
ด้านบริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) หรือ KGI ประเมินว่าแนะนำซื้อลงทุนระยะยาวหุ้น ROJANA โดยให้ราคาเป้าหมาย 13.2 บาท เพราะพื้นฐานของบริษัทแข็งแกร่งซึ่งเห็นได้จากผลประกอบการปี 49 ที่บริษัทอาจมีรายได้ประมาณ 6,308 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีรายได้จำนวน 4,745 ล้านบาท
นอกจากนั้นอาจมีกำไรสุทธิประมาณ 1,138 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.73บาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 691 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.05 บาทขณะที่ปีหน้าอาจมีรายได้ประมาณ 6,626ล้านบาทและมีกำไรสุทธิประมาณ 1,163 ล้านบาทคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.77 บาท