เครืองมือตัวหนึ่งในกระบวนการ ก็คือ เครื่องคัดไซส์กุ้ง
คราวนี้ กำลังการผลิตสูงขึ้น จึงต้องการสั่งซื้อเครื่องคัดไซส์เพิ่ม ซึ่งจากข้อมูลที่ผมมี คือ
1. เครื่องคัดไซส์ที่ญี่ปุ่นผลิต(เครื่องใหม่) ราคา 10,000,000 บาท
2. เครื่องคัดไซส์ที่ไทยผลิต(เครืองใหม่) ราคา 3,000,000 บาท
3. เครืองคัดไซส์ที่ญี่ปุ่นผลิต(เครืองมือ2) ราคา 2,000,000 บาท
ปรากฏว่าบริษัทเลือกตัวเลือกที่ 3 ครับ โดยเปรียบเทียบดังนี้
ตัวเลือกที่1 ราคา 10 ล้านบาท สูงเกินไป
ตัวเลือกที่2 ไม่มั่นใจในเครื่องมือคนไทย และจากปากต่อปาก ก็ได้ยินมาว่า คุณภาพเทียบกันไม่ได้
จึงตัดสินใจเลือกตัวเลือกที่3 ทั้งๆ ที่เป็นของมือ2 ฉะนั้นอายุการใช้ง่ายต้องเสื่อมมากแล้ว(เปรียบเทียบ 10 ล้าน กับ 3 ล้าน) แต่ก็ยังเลือก แน่นอนว่าเงินที่พร้อมจะจ่ายที่ 3 ล้านบาท ก็มี แต่ไม่เอา
ผมคิดอย่างนี้ครับ เรานะก็อปปี้ได้ทุกอย่าง และก็เป็นตัวแทนในการผลิตชิ้นอุปกรณ์เครื่องไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ รถยนต์ หลอดทดลองทางวิทยาศาสตร์ อุปกรณ์อิเล็คโทรนิคขนาดจิ๋ว
เราทำได้ระดับระดับนั้น แล้วไหง คนไทยยังแอนตี้เครื่องมือไทยอีกครับ มันมีวัฒนธรรมใดหรือครับ ที่ทำให้เราหวาดกลัวในสิ่งที่คนไทยกันเองสร้างขึ้นมา ตัวอย่างที่ผมได้เจออีก อย่างเช่น ถ้าเราซื้อก๊อกน้ำจากบริษัทเดียวกันกับที่ส่งนอก ถ้าลองนำของนอกตัวนั้นมาใช้ จะดีมาก แต่พอเอาของทีทำให้คนไทยมาใช้ แย่มาก ทั้งๆ ที่บริษัทก็รับประกันว่า ส่วนผสมเนื้อเดียวกัน คุณภาพระดับเดียวกัน แต่สุดท้ายก็แอบลดบางอย่าง หรือ ปลากระป๋อง ถ้าส่งให้นอก ปลาแม็คเคอเรลของแท้ตามที่ข้างกระป๋องบอก แต่พอขายให้ไทย ข้างกระป๋องปลาแมคเคอเรล แต่ในกระป๋องปลาทู................. เรามีวัฒนธรรมใดอยู่หรือครับ ถึงได้เกิดการทำลายกันไปกันมา จนยากจะหาความก้าวหน้าทีเหมาะสมได้
สมมุติถ้ามันสมองของเรา ความคิดที่พัฒนามายุคปัจจุบันของเรา ในการสร้างสรรค์พัฒนา ควรจะก้าวหน้าไปที่ระดับ 10
แต่วัฒนธรรมของเรา หรืออะไรสักอย่างของเรา ที่เห็นความมักง่าย ความเอาแต่ได้ ความรู้ในอารมณ์ แต่ไม่รับรู้ในสติ เป็นสิ่งที่ควรมีในชีวิตประจำวัน กลับทำให้เราพัฒนาได้เพียงระดับ 5 เท่านั้นเอง
เรื่องเหล่านี้ผมคิดคนเดียวหรือปล่าว การตัดสินใจนี้ ผมไม่ได้คิดคนเดียว ผมก็ได้ยินมาตลอดทั้งจากเพื่อน จากคนรอบข้าง จากครูบาอาจารย์ หัวหน้าของผม จากคนที่ต้องพบเจอ เพื่อนก็ว่าคนอื่น เว้นแต่เพื่อน คนรอบข้างใครสักคนก็ว่าคนอื่นเว้นแต่ตน ครูบาอาจารย์ก็ว่าคนอื่นเว้นแต่ครูบาอาจารย์ หัวหน้าก็ว่าคนอื่นเว้นแต่หัวหน้า คนที่ได้พบเจอก็ว่าคนอื่นเว้นแต่ตน.... ผมได้ยินอย่างนี้ สุดท้ายแล้วคนที่ถูกว่าคือใคร คือใคร และคือใคร.... ไม่ว่าผมจะพบใคร ก็ยังไม่เคยเห็นใครพูดว่าตัวเองใช่ แม้แต่ผม ผมก็พูดว่าไม่ใช่
เราไม่รู้ว่าคนคนนั้นที่เป็นคนไทย คือใคร เรารู้แต่ว่าไม่ใช่เรา เป็นไปได้ไหม สิ่งเหล่านั้นอยู่ในชีวิตประจำวันของตัวเรา อาจจะไม่ออกมาทุกวัน อาจจะอาทิตย์ละครั้ง เดือนละครั้ง ปีละครั้ง และเราเฉยชาที่จะรับรู้ว่ามันฝังในตัวเรา เรามองไม่เห็นขนตาของตัวเอง ทั้งที่มันอยู่กับเรามาตลอด เรามัวแต่มองคนอื่น เราจึงฉุดตัวเราไว้ และพวกเราคนไทย ก็เลยฉุดระหว่างกันเอาไว้แต่วัฒนธรรมของเรา หรืออะไรสักอย่างของเรา ที่เห็นความมักง่าย ความเอาแต่ได้ ความรู้ในอารมณ์ แต่ไม่รับรู้ในสติ เป็นสิ่งที่ควรมีในชีวิตประจำวัน
คิดกันอย่างไรบ้างครับ มีสิ่งใดที่มาฉุดประเทศเราไว้ครับ
และคิดว่า ถ้าได้รับการแก้ไขในวิธีใด จึงจะทำให้ดีขึ้นได้
ไม่เช่นนั้นแล้ว เราจะถูกแซงหน้าทางด้านการพัฒนาประเทศไปเรื่อยๆ นะครับ สิบปีก่อน มาเลเซีย คือ ประเทศที่ไร้ความก้าวหน้ามากๆ เมื่อเทียบกันไทย วันนี้เทียบกับเราเป็นอย่างไรครับ และ ลาวกับพม่า อ่านในหนังสือมา เขาว่าสักวัน จะก้าวหน้าไปไกลกว่าไทย อืมม...แต่อันนี้ผมไม่เชื่อนะ เพราะตอนนี้เขายังด้อยพัฒนาอยู่มากๆ