คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 1
"แต่ความเห็นของผมก็คือว่า ความเสี่ยงสามารถลดลงได้ด้วยการทำการบ้านเยอะๆครับ ไม่ใช่การถือหุ้นหลายๆตัว
ผมว่าการถือหุ้นหลายๆตัว เป็นการบั่นทอนพลังในการทำกำไรระยะยาวมากกว่า เพราะแทนที่เราจะถือหุ้นบริษัทที่ดีเยี่ยมที่เรารู้จักดีเยอะๆ เรากลับต้องแบ่งเงินไปถือบริษัทอื่นๆด้วย"
อยากให้อ่านสักสามรอบ แล้วลองตีความดูนะครับ ผมว่ามันเป็นคำตอบที่ดีมากๆ สำหรับใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่า กลยุทธ์การลงทุนแบบ Focus หรือ Diversify แบบไหนดีกว่ากัน
ในความคิดของผม คำตอบมันอยู่ที่คำว่า "ความเสี่ยง" น่ะครับ
ความเสี่ยง ในที่นี้หมายถึง ความไม่แน่นอน ความไม่รู้ ความคลาดเคลื่อน ฯลฯ ที่ทำให้เราไม่สามารถรู้จักหุ้นที่จะเข้าไปลงทุนดีพอที่จะตีมูลค่าของมันได้นั่นเอง
คำถามชิงรางวัล "คำคมข้างต้นของพี่วิบูลย์นี้" ผมไปคัดลอกมาจากไหนเอ่ย? ใครทราบคำตอบ ไปทวงรางวัลได้ที่พี่วิบูลย์เองครับ (รางวัลเป็นการเฉลยหุ้นที่พี่เค้าถือไว้หนึ่งตัวพร้อมเหตุผลยาว 3 บรรทัดว่าทำไมถึงซื้อหุ้นตัวนัน)
***ขออภัยพี่วิบูลย์ด้วยนะครับ ที่แอบเอาคำคมของพี่มาใช้โดยพลการ***
ผมว่าการถือหุ้นหลายๆตัว เป็นการบั่นทอนพลังในการทำกำไรระยะยาวมากกว่า เพราะแทนที่เราจะถือหุ้นบริษัทที่ดีเยี่ยมที่เรารู้จักดีเยอะๆ เรากลับต้องแบ่งเงินไปถือบริษัทอื่นๆด้วย"
อยากให้อ่านสักสามรอบ แล้วลองตีความดูนะครับ ผมว่ามันเป็นคำตอบที่ดีมากๆ สำหรับใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่า กลยุทธ์การลงทุนแบบ Focus หรือ Diversify แบบไหนดีกว่ากัน
ในความคิดของผม คำตอบมันอยู่ที่คำว่า "ความเสี่ยง" น่ะครับ
ความเสี่ยง ในที่นี้หมายถึง ความไม่แน่นอน ความไม่รู้ ความคลาดเคลื่อน ฯลฯ ที่ทำให้เราไม่สามารถรู้จักหุ้นที่จะเข้าไปลงทุนดีพอที่จะตีมูลค่าของมันได้นั่นเอง
คำถามชิงรางวัล "คำคมข้างต้นของพี่วิบูลย์นี้" ผมไปคัดลอกมาจากไหนเอ่ย? ใครทราบคำตอบ ไปทวงรางวัลได้ที่พี่วิบูลย์เองครับ (รางวัลเป็นการเฉลยหุ้นที่พี่เค้าถือไว้หนึ่งตัวพร้อมเหตุผลยาว 3 บรรทัดว่าทำไมถึงซื้อหุ้นตัวนัน)
***ขออภัยพี่วิบูลย์ด้วยนะครับ ที่แอบเอาคำคมของพี่มาใช้โดยพลการ***
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 3
จะยิงคืนนี้แหละพี่ปรัชญา ยิงเจ้าสัวน้อย ขวัญใจท่านนาย ก ของเรานี่แหละ ตอน 3-4 ทุ่มนี่แหละปรัชญา เขียน:น่าฟัง น่าคิด และมีประโยชน์
จะยิงปืนใหญ่เมื่อไหร่บอกกันด้วยนะครับ
จะได้หลบทัน
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 6
เหอ เหอ เสมอกันไปแล้วครับ ลูกพี่
Arsenal 0 - Fulham 0
Arsenal 0 - Fulham 0
-
- Verified User
- โพสต์: 38
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 7
ผมว่าคำคมข้างบน มีจุดอ่อนอยู่นิดนึงนะครับ คือความสามารถในการทำการบ้านของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน ถ้าทำงานหนักและมีความรู้เหมือนบางท่าน เทคนิคดังกล่าวก็น่าจะช่วยลดความเสี่ยงได้ แต่สำหรับบางคนที่ยังเป็นมือใหม่ หรือมือเก่าที่ "คิด" ว่าตัวเองทำการบ้านมาดีแล้ว (แต่จริง ๆ ไม่ดีพอ) การลงที่หุ้นตัวใดตัวหนึ่งเพียงตัวเดียว (หรือน้อยตัว) โอกาสที่จะพลาดทำให้พอร์ตเสียหายใหญ่หลวงก็เป็นไปได้สูงครับ ดังนั้นการกระจายความเสี่ยงด้วยการถือหุ้นหลายตัว จึงยังเป็นเทคนิคที่ดีสำหรับมือใหม่ ที่ท่านที่ยังไม่มั่นใจในความสามารถในการทำการบ้านของตนครับ..
ปล. ผมอยากตั้งข้อสังเกตไว้ เผื่อเดี๋ยวมือใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาด มาอ่านกระทู้นี้เข้า แล้วจะคิดว่าเทคนิคนี้ดีแน่ แล้วเกิดผลุนผลันทำตาม เพราะคำว่า "ทำการบ้าน" ผมว่ามันต้องทำงานหนัก และใช้ความรู้และประสบการณ์มากทีเดียว
ปล. ผมอยากตั้งข้อสังเกตไว้ เผื่อเดี๋ยวมือใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาด มาอ่านกระทู้นี้เข้า แล้วจะคิดว่าเทคนิคนี้ดีแน่ แล้วเกิดผลุนผลันทำตาม เพราะคำว่า "ทำการบ้าน" ผมว่ามันต้องทำงานหนัก และใช้ความรู้และประสบการณ์มากทีเดียว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 8
ผมขอแย้งคำเตือนนี้ครับ
ยิ่งมือใหม่ ยิ่งห้ามกระจายความเสี่ยงครับ เพราะมือใหม่ ยิ่งทำการบ้านได้น้อย ในเมื่อยิ่งทำการบ้านได้น้อย ก็แสดงว่า ยิ่งไม่ค่อยรู้ และความไม่รู้คือความเสี่ยง ยิ่งถือหุ้นมาก ยิ่งกระจาย ยิ่งเสี่ยงครับ
สำหรับมือใหม่ขอให้ลดความเสี่ยง โดยการแบ่งเงินมาเล่นก่อน เช่น มี 100 ก็เล่นซัก 10 เล่นซัก 3 ปี เก่งแล้ว สำเร็จแล้ว ค่อยว่ากัน
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ผมว่าคำคมข้างบน มีจุดอ่อนอยู่นิดนึงนะครับ คือความสามารถในการทำการบ้านของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน ถ้าทำงานหนักและมีความรู้เหมือนบางท่าน เทคนิคดังกล่าวก็น่าจะช่วยลดความเสี่ยงได้ แต่สำหรับบางคนที่ยังเป็นมือใหม่ หรือมือเก่าที่ "คิด" ว่าตัวเองทำการบ้านมาดีแล้ว (แต่จริง ๆ ไม่ดีพอ) การลงที่หุ้นตัวใดตัวหนึ่งเพียงตัวเดียว (หรือน้อยตัว) โอกาสที่จะพลาดทำให้พอร์ตเสียหายใหญ่หลวงก็เป็นไปได้สูงครับ ดังนั้นการกระจายความเสี่ยงด้วยการถือหุ้นหลายตัว จึงยังเป็นเทคนิคที่ดีสำหรับมือใหม่ ที่ท่านที่ยังไม่มั่นใจในความสามารถในการทำการบ้านของตนครับ..
ปล. ผมอยากตั้งข้อสังเกตไว้ เผื่อเดี๋ยวมือใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาด มาอ่านกระทู้นี้เข้า แล้วจะคิดว่าเทคนิคนี้ดีแน่ แล้วเกิดผลุนผลันทำตาม เพราะคำว่า "ทำการบ้าน" ผมว่ามันต้องทำงานหนัก และใช้ความรู้และประสบการณ์มากทีเดียว
สำหรับมือใหม่ขอให้ลดความเสี่ยง โดยการแบ่งเงินมาเล่นก่อน เช่น มี 100 ก็เล่นซัก 10 เล่นซัก 3 ปี เก่งแล้ว สำเร็จแล้ว ค่อยว่ากัน
-
- Verified User
- โพสต์: 38
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 9
หมายความว่า คุณ Jeng เห็นว่า มือใหม่เมื่อแบ่งเงินมาสิบเปอร์เซนต์แล้ว ควรเอามาลงที่หุ้นตัวเดียวเหรอครับ.. ผมว่าก็ไม่น่านะครับ เพราะหุ้นบางตัวที่เราวิเคราะห์ว่าดีแล้ว แต่มันก็เกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงขึ้นได้เสมอ ดูอย่างหุ้นบันเทิงบางตัวสิครับ ยังลงจากสามสิบกว่าบาท มาอยู่แถวที่ราคาไอพีโอ ได้เลย..
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 10
ใช่ครับ เพราะถ้าเขาแบ่งมา 10 เปอร์เซ็นต์เป็นค่าเล่าเรียน หมดอย่างไรก็หมด 10 เปอร์เซ็นต์
การซื้อหุ้นน้อยตัวจะได้เรียนรู้มากกว่าการซื้อหุ้นมากตัวครับ
นักเรียนมีหน้าที่เรียนใหจบหลักสูตร
เรากำลังพูดถึงมือใหม่ใช่หรือไม่ครับ
ถ้าเขากระจายไป 5-10 ตัว ด้วยเงิน 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยความเป็นมือใหม่
โอกาสที่เขาขาดทุนจะมาก และโอกาสที่เขาจะสับสนจะมากด้วยครับ
การซื้อหุ้นน้อยตัวจะได้เรียนรู้มากกว่าการซื้อหุ้นมากตัวครับ
นักเรียนมีหน้าที่เรียนใหจบหลักสูตร
เรากำลังพูดถึงมือใหม่ใช่หรือไม่ครับ
ถ้าเขากระจายไป 5-10 ตัว ด้วยเงิน 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยความเป็นมือใหม่
โอกาสที่เขาขาดทุนจะมาก และโอกาสที่เขาจะสับสนจะมากด้วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 38
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 11
ผมไม่โต้แย้งเรื่องการแบ่งเงินนะครับ
แต่เรื่องการลงทุนเน้นหนักที่หุ้นเพียงตัวเดียว
โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ ผมยังมองว่าเป็นความเสี่ยง
ผมมองว่าการมีหุ้นอย่างน้อยสามถึงสี่ตัวน่าจะดีกว่า
แต่เรื่องการลงทุนเน้นหนักที่หุ้นเพียงตัวเดียว
โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ ผมยังมองว่าเป็นความเสี่ยง
ผมมองว่าการมีหุ้นอย่างน้อยสามถึงสี่ตัวน่าจะดีกว่า
แก้ไขล่าสุดโดย วอเรน บุฟเฟต์ เมื่อ จันทร์ ธ.ค. 01, 2003 3:57 pm, แก้ไขไปแล้ว 2 ครั้ง.
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 12
ดีครับ ที่ความเห็นแตกต่างกันครับ
ยกตัวอย่างวอเรน บัพเฟต ในปัจจุบัน ที่เขาสามารถถือหุ้นได้เต็มไปหมดเลย ผมคิดว่า เขาเก่งแล้วนะ เพราะเขาเล่นมานานแล้ว 45 ปี แต่สมัยแรกๆท่านก็ถือน้อยตัวครับ
และ ท่านวอเรน นี่แหละเป็นคนบัญญิติ คำพูดว่า ความไม่รู้คือความเสี่ยง และการกระจายความเสี่ยงยิ่งเสี่ยง เสี่ยงเพราะยิ่งกระจายยิ่งไม่รู้
มือใหม่ นะ ครับ
หุ้น 1 ตัวยังไม่รู้เลย แล้ว หลายๆตัวจะรู้หรือครับ
แต่ความเห็นที่ต่างกันนี่ดีนะครับ ไม่ต้องเชื่อผมครับ
ยกตัวอย่างวอเรน บัพเฟต ในปัจจุบัน ที่เขาสามารถถือหุ้นได้เต็มไปหมดเลย ผมคิดว่า เขาเก่งแล้วนะ เพราะเขาเล่นมานานแล้ว 45 ปี แต่สมัยแรกๆท่านก็ถือน้อยตัวครับ
และ ท่านวอเรน นี่แหละเป็นคนบัญญิติ คำพูดว่า ความไม่รู้คือความเสี่ยง และการกระจายความเสี่ยงยิ่งเสี่ยง เสี่ยงเพราะยิ่งกระจายยิ่งไม่รู้
มือใหม่ นะ ครับ
หุ้น 1 ตัวยังไม่รู้เลย แล้ว หลายๆตัวจะรู้หรือครับ
แต่ความเห็นที่ต่างกันนี่ดีนะครับ ไม่ต้องเชื่อผมครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 38
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 13
แต่คุณ Jeng ครับ.. ถ้ามองว่าการแบ่งเงินมาเพื่อเป็นแบบฝึกหัด
การเอาโอกาสฝึกหัดไปลงที่แบบฝึกหัดเพียงข้อเดียว
ถ้าเกิดการทำแบบฝึกหัดข้อนั้นนักเรียนใหม่ของเรา
ทำผิดอย่างมหันต์ ทำผิดชนิดคะแนนเป็น "สูญ"
นักเรียนใหม่คนนี้ก็คงหมดโอกาสในการที่จะเรียนรู้
ทดลองทำแบบฝึกหัดอื่น ๆ ต่อไปสิครับ..
เพราะเงินค่าเล่าเรียนทั้งหมดที่เตรียมมา
ได้จ่ายไปเพื่อค่าทำแบบฝึกหัดข้อแรกและข้อเดียวนั้นหมดสิ้นแล้ว..
การเอาโอกาสฝึกหัดไปลงที่แบบฝึกหัดเพียงข้อเดียว
ถ้าเกิดการทำแบบฝึกหัดข้อนั้นนักเรียนใหม่ของเรา
ทำผิดอย่างมหันต์ ทำผิดชนิดคะแนนเป็น "สูญ"
นักเรียนใหม่คนนี้ก็คงหมดโอกาสในการที่จะเรียนรู้
ทดลองทำแบบฝึกหัดอื่น ๆ ต่อไปสิครับ..
เพราะเงินค่าเล่าเรียนทั้งหมดที่เตรียมมา
ได้จ่ายไปเพื่อค่าทำแบบฝึกหัดข้อแรกและข้อเดียวนั้นหมดสิ้นแล้ว..
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 14
คืออย่างนี้ครับ ถ้าเราไปตั้งไว้ว่า
เล่นหุ้นตัวเดียวเป็นความเสี่ยง
เล่นกระจายหลายตัวไม่เสี่ยง
เป็นตัวตั้ง
ถ้าตั้งไว้แบบนี้ก็ต้องแนะนำให้กระจาย
เพียงแต่พอผมไปอ่าน The New Buffetology จึงเข้าใจสิ่งที่ผมไม่เคยเรียนรู้มาก่อนเลย
คือคำว่า ความไม่รู้คือความเสี่ยง
................................................................
เราลองมาคิดกันเล่นๆดูนะครับ
ถ้ามือใหม่ศึกษาหุ้น 1 ตัว กับศึกษา หุ้น 10 ตัว ในเวลาเท่ากัน
โอกาส ที่จะรู้ในหุ้น 1 ตัว กับ โอกาสที่จะรู้ ในหุ้น 10 ตัว
แน่นอน โอกาสในการรู้หุ้น 1 ตัว จะมากกว่า
..................................................................
คราวนี้ ถ้าเขารู้จักหุ้นตัวนั้นดีแล้ว เขายังขาดทุน แสดงว่า ดีกว่า ที่เขากระจายความไม่รู้ ไปในหุ้น 10 ตัว
ถึงแม้ว่า ดูเหมือนว่าการถือหุ้น 10 ตัว จะดูเสี่ยงน้อยกว่า ก็จริง ซึ่งในอดีต ผมซื้อ 26 ตัวเลยตอนปี 2535
แต่ถ้าเรายึดหลักว่า ความรู้จะนำมาซึ่ง ความเสี่ยงที่น้อยลง โอกาสขาดทุนน้อยลง กำไรที่มากขึ้น
............................................................................
ถ้ามือใหม่ท่านนั้น ขนาดศึกษาหุ้น 1 ตัว จนรู้ซึ้งแล้วว่าดีจริงๆด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ แล้วยังขาดทุนอีก ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เพราะเขาเป็นมือใหม่ ผมถึงแนะนำให้มือใหม่ลงทุน 10 เปอร์เซ็นต์ก่อนเพื่อเป็นการเรียนรู้
..........................................................................
แน่นอนฟังแล้วดูทแม่งๆ เพราะทุกคนฮึกเหิมและคิดว่ากำไรแน่นอน
ไม่จำเป็นต้องเสียค่าเล่าเรียน
อิอิ มีอะไรบ้างที่ไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน
...........................................................................
ลองเปรียบเทียบดูกับการลงกระจายความเสี่ยง
ดูเหมือนว่าเงินไม่หมด
เป็นการปลอบใจตัวเองจริงๆ
ลองไปถาม หรือสัมภาษณ์คนซัก 100 คนว่า เขากระจายความเสี่ยงหรือไม่
คำตอบจากคน 100 คน ประมาณ 80-90 คน จะตอบว่า
มาถามทำไม ต้องกระจายซิ
.......................................................................
แล้วลองคิดดูอีกที คนส่วนมากหรือคนส่วนน้อยที่ได้กำไร
......................................................................
การที่มือใหม่ขาดทุน ถ้าเขาศึกษามาอย่างดีในหุ้นตัวนั้นๆ
เขาก็ไม่น่าจะหมดตัวหรอก
อีกไม่นานความรู้ ความมั่นใจ ของเขาจะเพิ่มพูนมากขึ้น เรื่อยๆ
............................................................................
แลกเปลี่ยนกันนะ เรื่องนี้ วอเรนคิดแบบนี้
แต่หลักสูตรในมหาลัย ทั้งหลายในอเมริกา ไม่รับรอง แนวคิดนี้ครับ
เล่นหุ้นตัวเดียวเป็นความเสี่ยง
เล่นกระจายหลายตัวไม่เสี่ยง
เป็นตัวตั้ง
ถ้าตั้งไว้แบบนี้ก็ต้องแนะนำให้กระจาย
เพียงแต่พอผมไปอ่าน The New Buffetology จึงเข้าใจสิ่งที่ผมไม่เคยเรียนรู้มาก่อนเลย
คือคำว่า ความไม่รู้คือความเสี่ยง
................................................................
เราลองมาคิดกันเล่นๆดูนะครับ
ถ้ามือใหม่ศึกษาหุ้น 1 ตัว กับศึกษา หุ้น 10 ตัว ในเวลาเท่ากัน
โอกาส ที่จะรู้ในหุ้น 1 ตัว กับ โอกาสที่จะรู้ ในหุ้น 10 ตัว
แน่นอน โอกาสในการรู้หุ้น 1 ตัว จะมากกว่า
..................................................................
คราวนี้ ถ้าเขารู้จักหุ้นตัวนั้นดีแล้ว เขายังขาดทุน แสดงว่า ดีกว่า ที่เขากระจายความไม่รู้ ไปในหุ้น 10 ตัว
ถึงแม้ว่า ดูเหมือนว่าการถือหุ้น 10 ตัว จะดูเสี่ยงน้อยกว่า ก็จริง ซึ่งในอดีต ผมซื้อ 26 ตัวเลยตอนปี 2535
แต่ถ้าเรายึดหลักว่า ความรู้จะนำมาซึ่ง ความเสี่ยงที่น้อยลง โอกาสขาดทุนน้อยลง กำไรที่มากขึ้น
............................................................................
ถ้ามือใหม่ท่านนั้น ขนาดศึกษาหุ้น 1 ตัว จนรู้ซึ้งแล้วว่าดีจริงๆด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ แล้วยังขาดทุนอีก ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เพราะเขาเป็นมือใหม่ ผมถึงแนะนำให้มือใหม่ลงทุน 10 เปอร์เซ็นต์ก่อนเพื่อเป็นการเรียนรู้
..........................................................................
แน่นอนฟังแล้วดูทแม่งๆ เพราะทุกคนฮึกเหิมและคิดว่ากำไรแน่นอน
ไม่จำเป็นต้องเสียค่าเล่าเรียน
อิอิ มีอะไรบ้างที่ไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน
...........................................................................
ลองเปรียบเทียบดูกับการลงกระจายความเสี่ยง
ดูเหมือนว่าเงินไม่หมด
เป็นการปลอบใจตัวเองจริงๆ
ลองไปถาม หรือสัมภาษณ์คนซัก 100 คนว่า เขากระจายความเสี่ยงหรือไม่
คำตอบจากคน 100 คน ประมาณ 80-90 คน จะตอบว่า
มาถามทำไม ต้องกระจายซิ
.......................................................................
แล้วลองคิดดูอีกที คนส่วนมากหรือคนส่วนน้อยที่ได้กำไร
......................................................................
การที่มือใหม่ขาดทุน ถ้าเขาศึกษามาอย่างดีในหุ้นตัวนั้นๆ
เขาก็ไม่น่าจะหมดตัวหรอก
อีกไม่นานความรู้ ความมั่นใจ ของเขาจะเพิ่มพูนมากขึ้น เรื่อยๆ
............................................................................
แลกเปลี่ยนกันนะ เรื่องนี้ วอเรนคิดแบบนี้
แต่หลักสูตรในมหาลัย ทั้งหลายในอเมริกา ไม่รับรอง แนวคิดนี้ครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 15
เอาอย่างนี้ดีกว่า
มีสองแนวคิด
1. เล่นหุ้นเป็นความเสี่ยง ควรกระจายความเสี่ยงในการซื้อหุ้น ไม่ควรเอาไข่ใส่ไว้ในตระก้าใบเดียว
2. การเล่นหุ้นเป็นความเสี่ยง ซึ่งเกิดจากควาไม่รู้ ความไม่รู้คือความเสี่ยง การเล่นหุ้นที่กระจายหลายตัวยิ่งทำให้ความไม่รู้เพิ่มขึ้น จึงยิ่งเสี่ยง เพราะฉะนั้น ควรซื้อหุ้นไม่กี่ตัว
ชอบแนวไหนก็เอาแนวนั้นดีมั๊ย
มีสองแนวคิด
1. เล่นหุ้นเป็นความเสี่ยง ควรกระจายความเสี่ยงในการซื้อหุ้น ไม่ควรเอาไข่ใส่ไว้ในตระก้าใบเดียว
2. การเล่นหุ้นเป็นความเสี่ยง ซึ่งเกิดจากควาไม่รู้ ความไม่รู้คือความเสี่ยง การเล่นหุ้นที่กระจายหลายตัวยิ่งทำให้ความไม่รู้เพิ่มขึ้น จึงยิ่งเสี่ยง เพราะฉะนั้น ควรซื้อหุ้นไม่กี่ตัว
ชอบแนวไหนก็เอาแนวนั้นดีมั๊ย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 16
เชื่อหรือไม่น้อง วอเรน บุฟเฟ่ต์
ขนาดพี่ถือหุ้นไม่กี่ตัว เช่นพี่ถือ EGCOMP กับ Metco อยู่
มีคนถามเรื่องปัจจัยเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนพี่ยังไม่รู้เลย
ก็กำลังอ่าน 56-1 อยู่
...............................................................................
ขืนพี่ไปถือตัวอื่นอีก เช่น ABC มันอาจจะมีปัจจัยอื่นอีก ที่มีผลต่อหุ้น และพี่ก็ไม่มีเวลาศึกษา ทำให้เวลามันขึ้น หรือลง พี่ก็ไม่รู้ทั้งนั้น
ขนาดพี่ถือหุ้นไม่กี่ตัว เช่นพี่ถือ EGCOMP กับ Metco อยู่
มีคนถามเรื่องปัจจัยเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนพี่ยังไม่รู้เลย
ก็กำลังอ่าน 56-1 อยู่
...............................................................................
ขืนพี่ไปถือตัวอื่นอีก เช่น ABC มันอาจจะมีปัจจัยอื่นอีก ที่มีผลต่อหุ้น และพี่ก็ไม่มีเวลาศึกษา ทำให้เวลามันขึ้น หรือลง พี่ก็ไม่รู้ทั้งนั้น
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 17
เราลองแลกเปลี่ยนดูนะ
คุณวอเรน บุพเฟ่ต์ ถืออยู่กี่ตัวตอนนี้ มีอะไรบ้าง
เดี๋ยวพี่จะค่อยๆถาม ไปเรื่อยๆดูว่า วอเรน บุพเฟต์ รู้จักหุ้นเหล่านั้นทั้งหมดแค่ไหน
ไม่ได้ตั้งใจจะแซว หรือคิด ไม่ดีอะไรหรอกนะ
แต่ต้องการพิสูจน์เรื่องความไม่รู้คือความเสี่ยง
คุณวอเรน บุพเฟ่ต์ ถืออยู่กี่ตัวตอนนี้ มีอะไรบ้าง
เดี๋ยวพี่จะค่อยๆถาม ไปเรื่อยๆดูว่า วอเรน บุพเฟต์ รู้จักหุ้นเหล่านั้นทั้งหมดแค่ไหน
ไม่ได้ตั้งใจจะแซว หรือคิด ไม่ดีอะไรหรอกนะ
แต่ต้องการพิสูจน์เรื่องความไม่รู้คือความเสี่ยง
-
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 18
ลองอ่าน Random Walk Theory ซิครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 19
อ้าววอเรนหายไปเลย งั้นพี่ขอเปลี่ยนคำถามละกัน
เอ เมื่อกี้นี้ตอนไปอ่าน 56-1 ของ EGCOMP ยังนึกออกเลย ตอนนี้ลืมไปแล้ว กลัววอเรน บุพเฟต์ เข้าใจผิดเหมือนกัน
อ๋อ นึกออกแล้ว
สมมุติว่ามือใหม่ มีเงิน 100 เปอร์เซ็นต์
แต่ไม่มีตลาดหุ้น
แต่มีกิจการมาขอเงินลงทุน 400 กิจการ
สมมุติเขามี 3 ทางเลือก เขาจะเลือกทางไหนดี
1. คือ ลงหมด 100 เปอร์เซ็นต์ แต่กระจายความเสี่ยงไป 5 กิจการกิจการละ 20 เปอร์เซ็นต์
2. ลง 20 เปอร์เซ็นต์ที่ละกิจการ 5 รอบ
............................................................................
ก็แลกเปลี่ยนกันนะครับ พี่ไม่ได้หัวแข็งอะไรนะครับ
พี่ก็เคยคิดแบบกระจายความเสี่ยงเหมือนกัน แต่มันไม่ได้ผล ยิ่งกระจายยิ่งสับสนเหมือนกัน
เอ เมื่อกี้นี้ตอนไปอ่าน 56-1 ของ EGCOMP ยังนึกออกเลย ตอนนี้ลืมไปแล้ว กลัววอเรน บุพเฟต์ เข้าใจผิดเหมือนกัน
อ๋อ นึกออกแล้ว
สมมุติว่ามือใหม่ มีเงิน 100 เปอร์เซ็นต์
แต่ไม่มีตลาดหุ้น
แต่มีกิจการมาขอเงินลงทุน 400 กิจการ
สมมุติเขามี 3 ทางเลือก เขาจะเลือกทางไหนดี
1. คือ ลงหมด 100 เปอร์เซ็นต์ แต่กระจายความเสี่ยงไป 5 กิจการกิจการละ 20 เปอร์เซ็นต์
2. ลง 20 เปอร์เซ็นต์ที่ละกิจการ 5 รอบ
............................................................................
ก็แลกเปลี่ยนกันนะครับ พี่ไม่ได้หัวแข็งอะไรนะครับ
พี่ก็เคยคิดแบบกระจายความเสี่ยงเหมือนกัน แต่มันไม่ได้ผล ยิ่งกระจายยิ่งสับสนเหมือนกัน
- harry
- Verified User
- โพสต์: 4200
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 20
ผมมองว่าการลงทุนหุ้นกี่ตัวจึงจะมากพอ อยู่ที่ว่าเรามีเวลาติดตามข่าวสาร ข้อมูลต่างๆได้มากแค่ไหน ถ้าคุณมีเงินมากหลายๆล้าน และก็ไม่ต้องทำงานประจำ เอาเวลาติดตามข่าวสารอย่างเดียว รายได้มากจากปันผลก็เหลือพอ ทำไมจะดูหลายๆตัว เป็นสิบตัวไม่ได้ล่ะ
แต่ถ้าคุณยังไม่มีความรู้มากนัก การค่อยดูทีละตัว พอเจอไม่ดีก็เปลี่ยนดีกว่าดูหลายๆตัวแล้วสับสนนะ ผมยังกะว่าไม่ว่าเงินมากหรือน้อยก็จะลงทุนไม่เกิน 5 ตัวครับ
ผมยังคงให้ความสำคัญกับความรู้ เพราะว่าความเสี่ยงคือความไม่รู้ครับ คุณไม่รู้การขับรถ แต่มาขับรถออกถนน แล้วไม่รู้ว่าเกียร์แต่ละเกียร์เป็นอย่างไร คันเร่งเหยียบมากน้อยขนาดไหน ก็คงชนรถ ชนคนกันมากมาย แต่ถ้าขับรถเป็น ต่อให้ถนนคดเคี้ยวก็ผ่านไปได้ด้วยปลอดภัยครับ
แต่ถ้าคุณยังไม่มีความรู้มากนัก การค่อยดูทีละตัว พอเจอไม่ดีก็เปลี่ยนดีกว่าดูหลายๆตัวแล้วสับสนนะ ผมยังกะว่าไม่ว่าเงินมากหรือน้อยก็จะลงทุนไม่เกิน 5 ตัวครับ
ผมยังคงให้ความสำคัญกับความรู้ เพราะว่าความเสี่ยงคือความไม่รู้ครับ คุณไม่รู้การขับรถ แต่มาขับรถออกถนน แล้วไม่รู้ว่าเกียร์แต่ละเกียร์เป็นอย่างไร คันเร่งเหยียบมากน้อยขนาดไหน ก็คงชนรถ ชนคนกันมากมาย แต่ถ้าขับรถเป็น ต่อให้ถนนคดเคี้ยวก็ผ่านไปได้ด้วยปลอดภัยครับ
Expecto Patronum!!!!!!
-
- Verified User
- โพสต์: 91
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 21
สวัสดีครับ
ผมขอแจมด้วยนะครับไม่ทราบว่าเห็นด้วยไหม
สำหรับผมผมชอบสไตล์ lynch มากกว่าครับ
lynch ก็แนะนำ concentrate portfolio เหมือนกันครับ
แต่ในbeat the street เขาแนะนำว่าอย่างน้อย 5 ตัวครับ
แต่ก็ไม่จำเป็นครับ lynch บอกว่ายินดีจำนองบ้านหากเจอหุ้นที่สุดยอดจริง
และชัวร์มากแกบอกว่าให้เทไปหมดport ก็ได้
แต่ผมว่าเมืองไทยอย่าไปทำแบบหลังเลยครับเกิดซื้อหมดport
อยู่ๆ ฝรั้งเทขาย มีบึ้มที่อื้น จะทำเอาเรานอนไม่หลับไปหลายวันได้
ผมขอแจมด้วยนะครับไม่ทราบว่าเห็นด้วยไหม
สำหรับผมผมชอบสไตล์ lynch มากกว่าครับ
lynch ก็แนะนำ concentrate portfolio เหมือนกันครับ
แต่ในbeat the street เขาแนะนำว่าอย่างน้อย 5 ตัวครับ
แต่ก็ไม่จำเป็นครับ lynch บอกว่ายินดีจำนองบ้านหากเจอหุ้นที่สุดยอดจริง
และชัวร์มากแกบอกว่าให้เทไปหมดport ก็ได้
แต่ผมว่าเมืองไทยอย่าไปทำแบบหลังเลยครับเกิดซื้อหมดport
อยู่ๆ ฝรั้งเทขาย มีบึ้มที่อื้น จะทำเอาเรานอนไม่หลับไปหลายวันได้
-
- Verified User
- โพสต์: 38
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 22
พี่ Jeng ค้าบบ.. ผมขอแป๊ะไว้ก่อนได้มั้ยครับ..
เดี๋ยวบ่าย ๆ ผมมาสนทนาวิวาทะด้วยต่อ ยังไม่หายไปไหนนะครับ
เดี๋ยวบ่าย ๆ ผมมาสนทนาวิวาทะด้วยต่อ ยังไม่หายไปไหนนะครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 23
อื้อ คุณแม่นยำพูดโดนใจผมเลยครับ ผมก็ใช้ Lynch เป็นเกณฑ์
เหมือนกันครับ
Peter Lynch เคยถือหุ้นมากสุดหลายร้อยตัวด้วย (ไม่รู้ติดตามดู
เข้าไปได้ไง มิน่า ผมถึงขาวโพลนตั้งแต่สี่สิบกว่า)
เช่นกัน ถ้าผมเจอตัวที่ฟันธงได้ว่า เจ๋งสุดยอด ก็เทหมดหน้าตัก
ครับ ขายที่ขายนาไปซื้อเหมือนกัน
แต่ตลาดหุ้นเมืองไทยไม่ได้สร้างความั่นใจให้ผมขนาดนั้นครับ
คงเป็นเพราะยังศึกษาไม่ลึกซึ้งพอ
ไว้ตอนกึ่งเกษียณคงจะมีโอกาสศึกษาอย่างจริงจังครับ ตอน
นี้ก็กระจายเข้าไว้
ผมถือหุ้นธง (ถือเยอะๆ) อยู่ไม่เคยเกิน 5 ตัวครับ เคยถือหุ้นธง
แบบตัวเดียวคือ UGP ครับ เกินสองในสามของพอร์ต หลังจาก
UGP ถูก take over ก็ไม่เคยกล้าถือหุ้นตัวเดียวอีกเลย ส่วน
ใหญ่ก็ 3-4 ตัว นอกนั้นก็เป็นไม้ประดับ นอกจากจะเจอหุ้นแบบ
UGP อีกครั้ง
เหมือนกันครับ
Peter Lynch เคยถือหุ้นมากสุดหลายร้อยตัวด้วย (ไม่รู้ติดตามดู
เข้าไปได้ไง มิน่า ผมถึงขาวโพลนตั้งแต่สี่สิบกว่า)
เช่นกัน ถ้าผมเจอตัวที่ฟันธงได้ว่า เจ๋งสุดยอด ก็เทหมดหน้าตัก
ครับ ขายที่ขายนาไปซื้อเหมือนกัน
แต่ตลาดหุ้นเมืองไทยไม่ได้สร้างความั่นใจให้ผมขนาดนั้นครับ
คงเป็นเพราะยังศึกษาไม่ลึกซึ้งพอ
ไว้ตอนกึ่งเกษียณคงจะมีโอกาสศึกษาอย่างจริงจังครับ ตอน
นี้ก็กระจายเข้าไว้
ผมถือหุ้นธง (ถือเยอะๆ) อยู่ไม่เคยเกิน 5 ตัวครับ เคยถือหุ้นธง
แบบตัวเดียวคือ UGP ครับ เกินสองในสามของพอร์ต หลังจาก
UGP ถูก take over ก็ไม่เคยกล้าถือหุ้นตัวเดียวอีกเลย ส่วน
ใหญ่ก็ 3-4 ตัว นอกนั้นก็เป็นไม้ประดับ นอกจากจะเจอหุ้นแบบ
UGP อีกครั้ง
-
- Verified User
- โพสต์: 38
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 24
โอเคครับ.. ผมกลับมาแล้ว.. ขอต่อนะครับ..
ก่อนอื่นบอกก่อนว่า ผมไม่ได้ต่อต้านการถือหุ้นน้อยตัว หรือตัวเดียว
เพราะผมเองก็ทำอยู่บ้างเป็นครั้งคราว
(พอร์ตผมตอนนี้ก็ร้อยเปอร์เซนต์อยู่ที่หุ้นตัวเดียว)
แต่ทั้งนี้ ผมไม่เห็นด้วย กับการที่ "มือใหม่" จะทำเช่นนี้
เพราะผมมองว่าทำอย่างนี้มันเสี่ยงเกินไป
ด้วยเหตุผลดังที่ผมกล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
คือผมรู้สึกว่าความสามารถ และประสบการณ์ ในการ "ทำการบ้าน"
อาจจะยังไม่มากพอ ซึ่งนั่นผมถือว่าเป็นอีกปัจจัยของ "ความเสี่ยง"
คราวนี้ที่พี่ Jeng เสนอว่าการถือหุ้นตัวเดียว หรือน้อยตัว(มาก ๆ)
น่าจะเป็นผลดีกับมือใหม่ เพราะจะได้มีเวลาทำการบ้านในหุ้นนั้นอย่างเต็มที่
ซึ่งอันนี้ผมก็ต้องบอกว่า ผมก็ไม่เห็นด้วย
ผมเห็นด้วยเรื่องน้อยตัว แต่ผมไม่เห็นด้วยอย่างหัวชนฝาเรื่อง "ตัวเดียว"
ถ้าถามว่าเพราะอะไร ผมได้อธิบายไปแล้วข้างต้น
คือถ้าเกิดเหตุการณ์เลวร้ายที่สุด หุ้นตัวนั้นมีค่าเป็นศูนย์จะทำอย่างไร??
เท่ากับว่า "ค่าเล่าเรียน" ที่เตรียมมาจะหมดไปเลย โดยไม่ได้อะไร
หรือได้อย่างมาก ก็ได้ประสบการณ์ว่าหุ้นเจ๊งหมดตัวเป็นอย่างไร
ซึ่งนั่นก็เป็นเพียงแค่แบบฝึกหัดเดียว ยังไม่สามารถครอบคลุมทุกกรณี
อาจจะนำไปประยุกต์ใช้กับกรณีอื่น ๆ ได้หรือไม่ได้ก็ไม่แน่นอน
ซึ่งถ้าจะแย้งกันว่ากรณีที่ผมยกมามันสุดโต่งเกินไป
แต่ก็คงไม่มีใครเถียงนะครับว่ามันจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น
ย้อนกลับไปไม่ถึงทศวรรษเราเคยมีเหตุการณ์ปิดไฟแนนซ์ครั้งใหญ่
ไฟแนนซ์หายไปทีเดียวเกือบครึ่งร้อย มูลค่าหุ้นเหลือแค่หนึ่งสตางค์
นั่นก็เป็นตัวอย่างหนึ่งซึ่งมีมาแล้ว และมีคนเจ็บตัวไปไม่ใช่น้อย
นอกจากนั้นการจำกัดการทำแบบฝึกหัดอยู่ในหุ้นเพียงตัวเดียวนั้น
ผมมองว่ามันเป็นการใช้เวลาไม่คุ้มค่า ถ้าสมมติอย่างที่พี่ Jeng ยกมาว่า
ให้ลองเล่นสักสามปีก็เก่งแล้ว ผมว่ามันไม่แน่นะครับ..
เพราะถ้าสามปีศึกษาอยู่ที่หุ้นตัวเดียว หรือสามปีเปลี่ยนปีละตัว สามตัว..
ผมว่าแบบฝึกหัดที่ได้มันไม่หลากหลายพอนะครับ
เพราะผมรู้สึกว่า ถ้ามองว่าเป็นการ "ฝึกหัด"
แน่นอนว่าผู้ฝึกหัดยังไม่จำเป็นต้องหวังรวย หรือกำไรเป็นกอบเป็นกำ
การได้ประสบการณ์ หรือความรู้ เพื่อเท่าทันเกมในตลาดน่าจะสำคัญกว่า
ดังนั้นจุดประสงค์จึงน่าจะต่างจากที่คุณวิบูลย์ยกเหตุผลมาข้างต้น
ที่เสนอว่าการถือหุ้นน้อยตัว หรือตัวเดียว น่าจะดีกว่า
ดังนั้นผมจึงเสนอว่าสำหรับ "มือใหม่" แล้ว
การกระจายถือหุ้นจึงน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า
เพราะนอกจากจะเป็นการกระจายความเสี่ยง(จากการขาดทุน)แล้ว
ยังเป็นการกระจายการทำแบบฝึกหัดในแบบต่าง ๆ
เพื่อเพิ่มพูนความรู้ และประสบการณ์ให้มากขึ้นครับ...
ก่อนอื่นบอกก่อนว่า ผมไม่ได้ต่อต้านการถือหุ้นน้อยตัว หรือตัวเดียว
เพราะผมเองก็ทำอยู่บ้างเป็นครั้งคราว
(พอร์ตผมตอนนี้ก็ร้อยเปอร์เซนต์อยู่ที่หุ้นตัวเดียว)
แต่ทั้งนี้ ผมไม่เห็นด้วย กับการที่ "มือใหม่" จะทำเช่นนี้
เพราะผมมองว่าทำอย่างนี้มันเสี่ยงเกินไป
ด้วยเหตุผลดังที่ผมกล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
คือผมรู้สึกว่าความสามารถ และประสบการณ์ ในการ "ทำการบ้าน"
อาจจะยังไม่มากพอ ซึ่งนั่นผมถือว่าเป็นอีกปัจจัยของ "ความเสี่ยง"
คราวนี้ที่พี่ Jeng เสนอว่าการถือหุ้นตัวเดียว หรือน้อยตัว(มาก ๆ)
น่าจะเป็นผลดีกับมือใหม่ เพราะจะได้มีเวลาทำการบ้านในหุ้นนั้นอย่างเต็มที่
ซึ่งอันนี้ผมก็ต้องบอกว่า ผมก็ไม่เห็นด้วย
ผมเห็นด้วยเรื่องน้อยตัว แต่ผมไม่เห็นด้วยอย่างหัวชนฝาเรื่อง "ตัวเดียว"
ถ้าถามว่าเพราะอะไร ผมได้อธิบายไปแล้วข้างต้น
คือถ้าเกิดเหตุการณ์เลวร้ายที่สุด หุ้นตัวนั้นมีค่าเป็นศูนย์จะทำอย่างไร??
เท่ากับว่า "ค่าเล่าเรียน" ที่เตรียมมาจะหมดไปเลย โดยไม่ได้อะไร
หรือได้อย่างมาก ก็ได้ประสบการณ์ว่าหุ้นเจ๊งหมดตัวเป็นอย่างไร
ซึ่งนั่นก็เป็นเพียงแค่แบบฝึกหัดเดียว ยังไม่สามารถครอบคลุมทุกกรณี
อาจจะนำไปประยุกต์ใช้กับกรณีอื่น ๆ ได้หรือไม่ได้ก็ไม่แน่นอน
ซึ่งถ้าจะแย้งกันว่ากรณีที่ผมยกมามันสุดโต่งเกินไป
แต่ก็คงไม่มีใครเถียงนะครับว่ามันจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น
ย้อนกลับไปไม่ถึงทศวรรษเราเคยมีเหตุการณ์ปิดไฟแนนซ์ครั้งใหญ่
ไฟแนนซ์หายไปทีเดียวเกือบครึ่งร้อย มูลค่าหุ้นเหลือแค่หนึ่งสตางค์
นั่นก็เป็นตัวอย่างหนึ่งซึ่งมีมาแล้ว และมีคนเจ็บตัวไปไม่ใช่น้อย
นอกจากนั้นการจำกัดการทำแบบฝึกหัดอยู่ในหุ้นเพียงตัวเดียวนั้น
ผมมองว่ามันเป็นการใช้เวลาไม่คุ้มค่า ถ้าสมมติอย่างที่พี่ Jeng ยกมาว่า
ให้ลองเล่นสักสามปีก็เก่งแล้ว ผมว่ามันไม่แน่นะครับ..
เพราะถ้าสามปีศึกษาอยู่ที่หุ้นตัวเดียว หรือสามปีเปลี่ยนปีละตัว สามตัว..
ผมว่าแบบฝึกหัดที่ได้มันไม่หลากหลายพอนะครับ
เพราะผมรู้สึกว่า ถ้ามองว่าเป็นการ "ฝึกหัด"
แน่นอนว่าผู้ฝึกหัดยังไม่จำเป็นต้องหวังรวย หรือกำไรเป็นกอบเป็นกำ
การได้ประสบการณ์ หรือความรู้ เพื่อเท่าทันเกมในตลาดน่าจะสำคัญกว่า
ดังนั้นจุดประสงค์จึงน่าจะต่างจากที่คุณวิบูลย์ยกเหตุผลมาข้างต้น
ที่เสนอว่าการถือหุ้นน้อยตัว หรือตัวเดียว น่าจะดีกว่า
ดังนั้นผมจึงเสนอว่าสำหรับ "มือใหม่" แล้ว
การกระจายถือหุ้นจึงน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า
เพราะนอกจากจะเป็นการกระจายความเสี่ยง(จากการขาดทุน)แล้ว
ยังเป็นการกระจายการทำแบบฝึกหัดในแบบต่าง ๆ
เพื่อเพิ่มพูนความรู้ และประสบการณ์ให้มากขึ้นครับ...
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 25
ไหนๆก็ไหนๆแล้วน่ะ
เดี๋ยวจะไม่มีส่วนร่วม
ใช้มฏิมามธิปตา(พิมพ์ผิดแน่เลย)ทางสายกลางแล้วกันนะครับ
อย่ามากไป
แล้วก็อย่าน้อยไป
ผมไม่ได้แนะนำให้ซื้อหุ้นตัวเดียว
และไม่ได้แนะนำให้ถือหุ้นสามสิบตัว
ผมว่าแล้วแต่พอร์ต แล้วแต่ความสามารถแต่ละคนครับ
พอร์ต สามสิบล้านถือตัวเดียวก็ไม่ดีแน่ เสี่ยงสูงถ้าไม่รู้จริง
พอร์ต สามแสน ถือสิบตัวก็เบี้ยหัวแตก
มือใหม่บางคนมีเงินเป็นสิบล้านก็มีนะครับ
บางคนก็สองสามแสน
อันนี้ผมขอสรุปว่าขึ้นกับ
หนึ่ง ขนาดพอร์ต
สอง ความเข้าใจในหุ้นแต่ละตัว
สาม ประสบการณ์
บอกไม่ได้จริงๆว่าถือกี่ตัวดี
ส่วนตัวผม ถ้าผมมีหุ้นที่เจอ"จังๆ" ผมก็กล้าถือตัวเดียวได้ครับ
แต่ตอนนี้ยังไม่เจอ เลยถือหลายตัวไปก่อน
เดี๋ยวจะไม่มีส่วนร่วม
ใช้มฏิมามธิปตา(พิมพ์ผิดแน่เลย)ทางสายกลางแล้วกันนะครับ
อย่ามากไป
แล้วก็อย่าน้อยไป
ผมไม่ได้แนะนำให้ซื้อหุ้นตัวเดียว
และไม่ได้แนะนำให้ถือหุ้นสามสิบตัว
ผมว่าแล้วแต่พอร์ต แล้วแต่ความสามารถแต่ละคนครับ
พอร์ต สามสิบล้านถือตัวเดียวก็ไม่ดีแน่ เสี่ยงสูงถ้าไม่รู้จริง
พอร์ต สามแสน ถือสิบตัวก็เบี้ยหัวแตก
มือใหม่บางคนมีเงินเป็นสิบล้านก็มีนะครับ
บางคนก็สองสามแสน
อันนี้ผมขอสรุปว่าขึ้นกับ
หนึ่ง ขนาดพอร์ต
สอง ความเข้าใจในหุ้นแต่ละตัว
สาม ประสบการณ์
บอกไม่ได้จริงๆว่าถือกี่ตัวดี
ส่วนตัวผม ถ้าผมมีหุ้นที่เจอ"จังๆ" ผมก็กล้าถือตัวเดียวได้ครับ
แต่ตอนนี้ยังไม่เจอ เลยถือหลายตัวไปก่อน
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 26
ลงทุนแรกๆยังไม่มั่นใจก็ถือหลายตัวก้ได้แต่อย่ามาก เพราะยังไม่แน่ใจถ้าผิดจะเสียหลายตัว แต่หากลงตัวเดียวก็เสียหายเช่นกัน
ผมว่าลองFocusสักไม่เกินสี่บริษัทเอาให้รู้จริงกันไปเลย จะได้มั่นใจ นอนได้ กินอร่อยนะคร้าบ
ผมว่าลองFocusสักไม่เกินสี่บริษัทเอาให้รู้จริงกันไปเลย จะได้มั่นใจ นอนได้ กินอร่อยนะคร้าบ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 27
เรียนคุณวิบูลย์...
ปฎิปทา คือข้อปฎิบัติ หรือการปฎิบัติ
มัชฌิมา คือพอดี
มัชฌิมาปฎิปทา แปลว่าทางสายกลาง คือข้อปฎิบัติสายกลาง หรือข้อปฎิบัติที่พอดี
พอดีช่วงนี้ อ่านหนังสือธรรมะของท่าน พระธรรมปิฎก ป.ปยุตโต...นำมาประยุกต์ใช้กับการลงทุนเสียหน่อย ช่วยให้รู้ทันความโลภ ความกลัว ได้พอสมควร...
ปฎิปทา คือข้อปฎิบัติ หรือการปฎิบัติ
มัชฌิมา คือพอดี
มัชฌิมาปฎิปทา แปลว่าทางสายกลาง คือข้อปฎิบัติสายกลาง หรือข้อปฎิบัติที่พอดี
พอดีช่วงนี้ อ่านหนังสือธรรมะของท่าน พระธรรมปิฎก ป.ปยุตโต...นำมาประยุกต์ใช้กับการลงทุนเสียหน่อย ช่วยให้รู้ทันความโลภ ความกลัว ได้พอสมควร...
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 28
ขอบคุณคุณลูกอีสานครับ
ผมมีทั้งเทปและหนังสือของท่าน พระธรรมปิฎก ป.ปยุตโต.ครับ
ลงขันกับเพื่อนพิมพ์แจก
ความคิดท่านดีมากครับ
ของท่านพุทธทาสและท่านปัญญาก็สุดยอดเหมือนกันครับ
ผมว่าใครเข้าใจหลักธรรม จะเข้าใจ VI ได้ง่ายขึ้นครับ
โดยเฉพาะหลัก
"อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"
ทุกอย่างไม่เที่ยง มีเกิด ก็มีดับ
ดังนั้น อย่าหาความแน่นอนจากตลาดหุ้น
ทุกอย่างอยู่ที่จิตใจของเราครับ
ถ้าเราว้าวุ่น ตลาดก็จะว้าวุ่น
ถ้าเราสงบ ตลาดก็จะสงบ
หวังว่าคงไม่เอามะพร้าวมาขายสวน(มะพร้าว) นะครับ
แต่ก่อนผมตื่นเต้นมากเวลาดัชนีหรือราคาหุ้นขึ้นๆลงๆ
ตอนนี้เฉยๆ ไม่รู้สึกอะไร
หุ้นลงก็ "เช่นนั้นเอง"
หุ้นขึ้นก็ "เช่นนั้นเอง"
เป็นเรื่องธรรมชาติ
สิ่งสำคัญ
คือพื้นฐานธุรกิจครับ ไม่ใช่ราคาหุ้น
กว่าจะเข้าใจ ก็หลายปี
เสียค่าโง่ไปเยอะ
ก็ไม่อยากให้น้องๆพี่ๆเป็นอย่างที่ผมเคยเป็นมาก่อน แค่นั้นเอง
ทุกวันนี้ ผมก็ยังได้ยินคนรู้จัก"เล่น"หุ้นโดยที่ไม่รู้ว่าบริษัททำกิจการอะไรอยู่เลย
เห็นแล้วปลงครับ
เอาล่ะ บ่นมามากพอแล้ว
ไปเที่ยวก่อนละครับ
สวัสดีครับ
ผมมีทั้งเทปและหนังสือของท่าน พระธรรมปิฎก ป.ปยุตโต.ครับ
ลงขันกับเพื่อนพิมพ์แจก
ความคิดท่านดีมากครับ
ของท่านพุทธทาสและท่านปัญญาก็สุดยอดเหมือนกันครับ
ผมว่าใครเข้าใจหลักธรรม จะเข้าใจ VI ได้ง่ายขึ้นครับ
โดยเฉพาะหลัก
"อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"
ทุกอย่างไม่เที่ยง มีเกิด ก็มีดับ
ดังนั้น อย่าหาความแน่นอนจากตลาดหุ้น
ทุกอย่างอยู่ที่จิตใจของเราครับ
ถ้าเราว้าวุ่น ตลาดก็จะว้าวุ่น
ถ้าเราสงบ ตลาดก็จะสงบ
หวังว่าคงไม่เอามะพร้าวมาขายสวน(มะพร้าว) นะครับ
แต่ก่อนผมตื่นเต้นมากเวลาดัชนีหรือราคาหุ้นขึ้นๆลงๆ
ตอนนี้เฉยๆ ไม่รู้สึกอะไร
หุ้นลงก็ "เช่นนั้นเอง"
หุ้นขึ้นก็ "เช่นนั้นเอง"
เป็นเรื่องธรรมชาติ
สิ่งสำคัญ
คือพื้นฐานธุรกิจครับ ไม่ใช่ราคาหุ้น
กว่าจะเข้าใจ ก็หลายปี
เสียค่าโง่ไปเยอะ
ก็ไม่อยากให้น้องๆพี่ๆเป็นอย่างที่ผมเคยเป็นมาก่อน แค่นั้นเอง
ทุกวันนี้ ผมก็ยังได้ยินคนรู้จัก"เล่น"หุ้นโดยที่ไม่รู้ว่าบริษัททำกิจการอะไรอยู่เลย
เห็นแล้วปลงครับ
เอาล่ะ บ่นมามากพอแล้ว
ไปเที่ยวก่อนละครับ
สวัสดีครับ
- ปรัชญา1
- Verified User
- โพสต์: 1092
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 29
อ่านกเริ่มต้นที่บอล อาเชนอล
ตอนสรุป พี่วิบูลย์
ได้ทุกรสเลยครับ แฝงความรู้ความคิด
อ่านแล้วตาลายเลย อิอิ
ตอนสรุป พี่วิบูลย์
ได้ทุกรสเลยครับ แฝงความรู้ความคิด
อ่านแล้วตาลายเลย อิอิ
ฝันถึง วัน ฟ้าสวย...... อยากร่ำรวย-ด้วยเล่นหุ้น
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ
-
- ผู้ติดตาม: 0
คำคมของพี่วิบูลย์ (สตรองก์ลี่ เร็คคอมเม็นด์ โดย ผมเอง)
โพสต์ที่ 30
คือผมมองว่าการกระจายความเสี่ยง คือ การแยกเงินที่ตั้งใจจะนำไปลงทุนโดยเฉพาะ ลงทุนในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป.. คือไม่ใช่ซื้อหุ้นอย่างเดียว
เช่น
ซื้อกองทุนรวม
ซื้อหุ้นกู้
ซื้อพันธบัตรฯ
ซื้อสลากออมสิน
ฝากธนาคาร (ยังได้ ดบ. อยู่นิดหน่อย)
ซื้อหุ้น..
ถ้าเรามองว่าหุ้นเสี่ยงมากก็ซื้อน้อยหน่อย สัก 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือก็ไล่เรียงตามลำดับความเสี่ยงลงไป ... เสี่ยงน้อยสุดก็ลงทุนมากสุด..
ไม่รู้แนวคิดแบบนี้จะใช้ได้หรือเปล่า..
เช่น
ซื้อกองทุนรวม
ซื้อหุ้นกู้
ซื้อพันธบัตรฯ
ซื้อสลากออมสิน
ฝากธนาคาร (ยังได้ ดบ. อยู่นิดหน่อย)
ซื้อหุ้น..
ถ้าเรามองว่าหุ้นเสี่ยงมากก็ซื้อน้อยหน่อย สัก 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือก็ไล่เรียงตามลำดับความเสี่ยงลงไป ... เสี่ยงน้อยสุดก็ลงทุนมากสุด..
ไม่รู้แนวคิดแบบนี้จะใช้ได้หรือเปล่า..