โอกาสทอง ในการท่องเที่ยว / โดย คนขายของ
ตั้งแต่เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในปี 2008 เป็นต้นมา มีไม่กี่อุตสาหกรรมในโลกที่ยังคงเดินหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่องได้ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนั้น World Tourism Organization (UNWTO) ได้ประเมินว่าการเดินทางของประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นในทุกๆปี ในอัตราปีละ 4% ในช่วงตั้งแต่ปี 2010-2030 ในปี 2015 มีการประเมินว่า มีประชากรมากกว่าหนึ่งพันล้านคนที่เดินทางระหว่างประเทศ และตัวเลขนี้จะกลายเป็นสองพันล้านคนในปี 2030 จุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวในยุคก่อนปี 2000 ที่ส่วนมากกระจุกตัวอยู่ในยุโรปจะเปลี่ยนมาเป็นประเทศในเอเซีย และลาตินอเมริกามากขึ้น
ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา นักท่องเที่ยวจีนมีอัตราเพิ่มขึ้นสูงมาก และเป็นตัวจักรสำคัญที่ช่วยผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของโลก เมื่อ 15 ปีก่อนมีชาวจีนเพียงแค่ราว 10 ล้านคนที่ได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ แต่ในปี 2015 ข้อมูลจาก China Tourism Research Institute ได้รายงานว่านักเดินทางชาวจีนได้เพิ่มขึ้นเป็น 120 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่วัย 25-34 ปี ซึ่งเป็นวัยที่เพิ่งเริ่มทำงานหรือเพิ่งมีครอบครัว โดย 64% ของผู้ที่เดินทางทั้งหมดเป็นผู้หญิง ซึ่งให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการช็อปปิ้ง
เหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเกิดจากแรงผลักดันหลักๆสองส่วนคือ หนึ่ง ทางการจีนผ่อนคลายกฎเกณฑ์ของการเดินไปต่างประเทศมากขึ้น และสอง รายได้ของชาวจีนที่เพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง จากรายได้เฉลี่ยต่อเดือนราว 8,000 บาทในปี 2006 เพิ่มขึ้นเป็น 24,000 บาทในปี 2014 ทำให้ชาวจีนมีกำลังจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น นอกจากสองปัจจัยหลักนี้ ยังมีปัจจัยเสริมอีกประการคือ การเดินทางที่สะดวกขึ้น เพราะมีสายการบินทั้ง Low Cost และ Full Service เปิดเส้นทางการบินใหม่ๆเข้าสู่ประเทศจีน CLSA ประเมินว่าจำนวนการเดินทางท่องเที่ยวของชาวจีนจะเพิ่มขึ้นในอัตราปีละ 16% ในช่วงอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งไม่รวมการเดินทางของชาวจีนไปยังฮ่องกงกับมาเก๊า ซึ่งจะโตในอัตราเพียง 3%
สำนักข่าว Bloomberg ได้รายงานว่าในปี 2015 ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ขึ้นเป็นประเทศยอดนิยมอันดับหนึ่งของจีน โดยขึ้นแซงอันดับสอง คือเกาหลีใต้ซึ่งเป็นแชมป์ในปี 2014 แบบขาดลอย ตัวเลข นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยเพิ่มจาก 4.6 ล้าน มาเป็น 7.9 ล้าน หรื่อเพิ่มขึ้นถึง 71% ในขณะที่ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเกาหลีใต้อยู่ที่ราวๆ 6 ล้านคนต่อปีเหมือนเดิม นอกจากจำนวน นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยจะเพิ่มขึ้นแล้ว ยอดเงินค่าใช้จ่ายต่อหัวของชาวจีนยังเพิ่มขึ้นทุกปี จากที่เคยอยู่ที่ราว 4,400 บาท/คน/วัน ในปี 2010 เพิ่มมาเป็น 5,800 บาท ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยรวมที่ 5,000 บาทอยู่ 16% แสดงให้เห็นว่าทัวร์จีนกำลังกลายเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงในอนาคต
จากกระแสการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวจีน ทำให้สินค้าไทย เช่น ยาสมุนไพร ผลิตภัณฑ์สปา หรือ ขนมขบเขี้ยว ได้รับอานิสงค์ขายดีไปตามๆกัน แต่ผมคิดว่าในอนาคตยังมีอีกผลิตภัณฑ์หนึ่งที่น่าจะขายดี และ เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวจีน นั่นคือคอนโดตากอากาศในไทย นักท่องเที่ยวจีนที่มาไทยในตอนนี้ โดยมากอยู่ในวัยเริ่มทำงาน เป็นวัยที่เพิ่งสร้างเนื้อสร้างตัว แต่ด้วยค่าจ้างในจีนที่มีแนวโน้มสูงขึ้นใน อนาคต และหน้าที่การงานที่จะเติบโตไปตามอายุ เมื่อเขาเหล่านั้นอายุเพิ่มขึ้น กำลังซื้อก็จะเพิ่มสูงขึ้น พอให้สามารถซื้อบ้านหลังที่สองเพื่อการพักผ่อน (Vacation Home) ได้ อย่างในอเมริกาซึ่งเป็นประเทศ ที่ประชากรมีรายได้สูง ยอดขายบ้านหลังที่สองเพื่อการพักผ่อนนั้น คิดเป็นยอดขาย ราว 20% ของยอด ซื้อ-ขายบ้านอยู่อาศัยทั้งหมด ดังนั้นเมื่อเวลามาถึง ผมเชื่อว่าตลาดนี้จะเป็นตลาดที่มีศักยภาพมากเลย ทีเดียว
นอกจากจีนแล้ว นักท่องเที่ยวจากอินเดียก็เป็นอีกตลาดหนึ่งซึ่งน่าจับตามอง ในปี 2014 ชาวอินเดียราว 22 ล้านคน เดินทางไปต่างประเทศ เพิ่มขึ้นจากแค่ 4.4 ล้านคนในปี 2000 ด้วยประชากรทั้งประเทศราว 1,240 ล้านคน ผมเชื่อว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจากอินเดียจะยังเติบโตได้อีกมาก แต่คงต้องรอให้รายได้โดยเฉลี่ยของชาวอินเดียเพิ่มขึ้นกว่านี้ เพราะในตอนนี้เงินเดือนเฉลี่ยของชาวอินเดียน้อยกว่าชาวจีนราว 50%
UNWTO คาดว่าการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิก จะมีอัตราการเติบโตสูงมากในอีก 15 ปีข้างหน้า หลายธุรกิจที่เกี่ยวพันกับการท่องเที่ยวของไทยคงได้รับผลดี แต่ใช่ว่าทุกบริษัทๆที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้จะเติบโตดีได้ทุกบริษัท หากสนใจเทรนด์การเติบโตนี้ ก็ขอให้พิจารณาความสามารถในการ แข่งขันเป็นรายบริษัทก่อนตัดสินใจลงทุน