ทองละลาย
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
ทองละลาย
โพสต์ที่ 31
ไม่รู้เหมือนกันคับ
ความจริง
ถ้าจีนไม่ปิดประเทศ จะรวยมานานจริงหรือเปล่า
เพราะบุคคลที่เก่งหลายสาขาในจีน
ที่มีได้มาจากส่ว่นหนึ่งในสังคมปิดที่เราเรียกว่า
ล้าหลัง ผมไม่แน่ใจการปิด เพื่อรอวันเปิด
หรือ ปิด เพราะแนวคิด คิดว่า อยู่ด้วยตนเอง
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน
โลกเราจะขาดจีนได้หรือไม่
คงต้องคอยดูต่อไป
ความจริง
ถ้าจีนไม่ปิดประเทศ จะรวยมานานจริงหรือเปล่า
เพราะบุคคลที่เก่งหลายสาขาในจีน
ที่มีได้มาจากส่ว่นหนึ่งในสังคมปิดที่เราเรียกว่า
ล้าหลัง ผมไม่แน่ใจการปิด เพื่อรอวันเปิด
หรือ ปิด เพราะแนวคิด คิดว่า อยู่ด้วยตนเอง
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน
โลกเราจะขาดจีนได้หรือไม่
คงต้องคอยดูต่อไป
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ทองละลาย
โพสต์ที่ 32
นานมาแล้ว ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ยังมีคหบดีผู้เป็นที่เคารพยิ่งของทุกคนในหมู่บ้าน คหบดีล้มป่วยและตายลงแต่ไม่ได้ทิ้งสมบัติใดๆ ไว้ให้บุตรชาย เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาได้ใช้จ่ายเงินทองไปจนหมดกงสี บุตรชายจึงต้องเข้ามาแก้ปัญหาการเงินในบ้านที่เหลือแต่จวนเปล่าๆ มิมีทรัพย์สมบัติอื่นใด จะบอกให้คนทั่วไปรู้ก็เกรงจะเป็นที่อับอายของวงตระกูล
เมื่อครั้นพ่อค้าขายปลาดิบในหมู่บ้านมาเยี่ยมบุตรชายคหบดี บุตรชายคหบดีจึงบอกกับพ่อค้าว่าให้นำปลาดิบมาส่ง ว่าแล้วก็หยิบเศษใบไม้แห้งที่เก็บมาจากสวนหลังบ้านขึ้นมาแล้วประทับตรานกอินทรีประจำตระกูลลงไป ยื่นให้พ่อค้าปลาดิบแล้วกล่าวว่า จงรับสิ่งนี้ไว้เสมือนเงินค่าปลาดิบ พ่อค้าปลาดิบเห็นว่าช่วงนี้ข้าวยากหมากแพงขายปลาดิบไม่ค่อยได้ ก็เลยรับใบไม้นั้นไว้แทนเงินอย่างน้อยก็ช่วยพยุงยอดขายปลาดิบไว้แม้ว่าจะไม่ได้เป็นเงินก็ตาม อีกอย่างท่านคหบดีก็เป็นที่เคารพของคนทั้งหมู่บ้าน ใบไม้ที่มีตราประทับน่าจะเชื่อได้
ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปยังพ่อค้าผักดอง และพ่อค้าขายบะหมี่เกี๋ยว เศรษฐกิจที่ฝืดเคืองทำให้พ่อค้าทั้งสองคิดว่าได้บ้านคหบดีมาดึงยอดขายของร้านไว้ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย จึงพากันนำสินค้าไปเสนอขายลูกชายคหบดี ได้รับใบไม้แห้งมาเก็บไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งสองดีใจจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เพราะยอดขายของร้านเพิ่มขึ้นอย่างมาก
เหตุการณ์เป็นเช่นนี้อยู่หลายปี จนใบไม้ที่เก็บไว้ในบ้านของพ่อค้าทั้งสามพอกพูนขึ้น พ่อค้าทั้งสามต่างก็เริ่มคลางแคลงใจว่าบุตรชายคหบดีจะจ่ายเงินค่าสินค้าของตนหรือไม่แต่ก็ไม่พูดอะไร เพราะเศรษฐกิจของหมู่บ้านก็ยังไม่กระเตื้องขึ้น ถ้าบ้านคหบดีไม่ซื้อของ ก็คงขายอะไรไม่ได้เลย จึงตั้งหน้าตั้งตาผลิตสินค้าป้อนบ้านคหบดีต่อไป
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาใบไม้ของทั้งสามร้านรวมกันคิดแล้วมีมูลค่ามากกว่าจวนทั้งหลังของคหบดีถึง 20 เท่าตัว ทุกครั้งที่ทั้งสองเจอหน้ากัน ต่างฝ่ายก็ต่างไม่พูดถึงเรื่องนี้โดยตรง แต่พยายามหลอกถามเอาข้อมูลอยู่ตลอดเวลาว่ามีคนใดคิดจะเอ่ยปากกับบุตรชายคหบดีเพื่อนำใบไม้ไปแลกกับสิ่งของในจวนแทนเงินหรือไม่ แต่ทั้งสามฝ่ายก็ต่างไม่มีใครคิดจะทำเพราะรู้ดีว่าสิ่งของในจวนมีมูลค่าไม่พอที่จะชดใช้หนี้ได้ทั้งหมด จึงยังคงตั้งหน้าตั้งตารับใบไม้เหล่านั้นต่อไปทั้งที่ใจก็ระแวง คิดว่าถ้ามีใครตัดใจนำใบไม้ไปแลกของในจวนก่อน คนที่เหลืออีก 2 คนจะไม่ได้อะไรเลยนอกจากใบไม้ที่ไม่มีค่าอะไรเหล่านั้น
เมื่อครั้นพ่อค้าขายปลาดิบในหมู่บ้านมาเยี่ยมบุตรชายคหบดี บุตรชายคหบดีจึงบอกกับพ่อค้าว่าให้นำปลาดิบมาส่ง ว่าแล้วก็หยิบเศษใบไม้แห้งที่เก็บมาจากสวนหลังบ้านขึ้นมาแล้วประทับตรานกอินทรีประจำตระกูลลงไป ยื่นให้พ่อค้าปลาดิบแล้วกล่าวว่า จงรับสิ่งนี้ไว้เสมือนเงินค่าปลาดิบ พ่อค้าปลาดิบเห็นว่าช่วงนี้ข้าวยากหมากแพงขายปลาดิบไม่ค่อยได้ ก็เลยรับใบไม้นั้นไว้แทนเงินอย่างน้อยก็ช่วยพยุงยอดขายปลาดิบไว้แม้ว่าจะไม่ได้เป็นเงินก็ตาม อีกอย่างท่านคหบดีก็เป็นที่เคารพของคนทั้งหมู่บ้าน ใบไม้ที่มีตราประทับน่าจะเชื่อได้
ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปยังพ่อค้าผักดอง และพ่อค้าขายบะหมี่เกี๋ยว เศรษฐกิจที่ฝืดเคืองทำให้พ่อค้าทั้งสองคิดว่าได้บ้านคหบดีมาดึงยอดขายของร้านไว้ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย จึงพากันนำสินค้าไปเสนอขายลูกชายคหบดี ได้รับใบไม้แห้งมาเก็บไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งสองดีใจจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เพราะยอดขายของร้านเพิ่มขึ้นอย่างมาก
เหตุการณ์เป็นเช่นนี้อยู่หลายปี จนใบไม้ที่เก็บไว้ในบ้านของพ่อค้าทั้งสามพอกพูนขึ้น พ่อค้าทั้งสามต่างก็เริ่มคลางแคลงใจว่าบุตรชายคหบดีจะจ่ายเงินค่าสินค้าของตนหรือไม่แต่ก็ไม่พูดอะไร เพราะเศรษฐกิจของหมู่บ้านก็ยังไม่กระเตื้องขึ้น ถ้าบ้านคหบดีไม่ซื้อของ ก็คงขายอะไรไม่ได้เลย จึงตั้งหน้าตั้งตาผลิตสินค้าป้อนบ้านคหบดีต่อไป
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาใบไม้ของทั้งสามร้านรวมกันคิดแล้วมีมูลค่ามากกว่าจวนทั้งหลังของคหบดีถึง 20 เท่าตัว ทุกครั้งที่ทั้งสองเจอหน้ากัน ต่างฝ่ายก็ต่างไม่พูดถึงเรื่องนี้โดยตรง แต่พยายามหลอกถามเอาข้อมูลอยู่ตลอดเวลาว่ามีคนใดคิดจะเอ่ยปากกับบุตรชายคหบดีเพื่อนำใบไม้ไปแลกกับสิ่งของในจวนแทนเงินหรือไม่ แต่ทั้งสามฝ่ายก็ต่างไม่มีใครคิดจะทำเพราะรู้ดีว่าสิ่งของในจวนมีมูลค่าไม่พอที่จะชดใช้หนี้ได้ทั้งหมด จึงยังคงตั้งหน้าตั้งตารับใบไม้เหล่านั้นต่อไปทั้งที่ใจก็ระแวง คิดว่าถ้ามีใครตัดใจนำใบไม้ไปแลกของในจวนก่อน คนที่เหลืออีก 2 คนจะไม่ได้อะไรเลยนอกจากใบไม้ที่ไม่มีค่าอะไรเหล่านั้น
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ทองละลาย
โพสต์ที่ 33
ประเทศที่ peg ค่าเงินของตัวเองไว้กับดอลล่าร์อย่างประเทศจีนนั้น จะไม่สามารถใช้นโยบายการเงินเพื่อบริหารจัดการเศรษฐกิจในประเทศของตัวเองได้ เนื่องจากเมื่อมีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามามาก ธนาคารกลางจะต้องปล่อยเงินหยวนออกมาในระบบเศรษฐกิจเพื่อมิให้เงินหยวนแข็งขึ้น เงินที่ปล่อยออกมามากๆ จะทำให้ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจสูงขึ้น ดอกเบี้ยจึงต่ำ และอาจเกิดภาวะฟองสบู่ได้
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ทองละลาย
โพสต์ที่ 35
ขอความรู้หน่อยนะครับคุณสุมาอี้
ก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือดอกเบี้ยต้องสูง
และจากภาวะวิกฤติที่ผ่านมาของเราจะเห็นว่า
ดอกเบี้ยขึ้นไปเป็นเลข 2 หลัก (ภาวะฟองสบู่)
ทำไมปริมาณเงินในระบบสูง ดอกเบี้ยจึงต่ำครับ
(เข้าใจว่าพิมพ์ผิดหรือเปล่าครับ)
ฝากไว้อีกคำถามนึง
การที่มีการคาดการว่าดอกเบี้ยสหรัฐจะไม่หยุดเพียงแค่นี้
ยังคงจะปรับตัวขึ้นไปอีก... การที่ดอกเบี้ยสหรัฐขึ้น
มีผลทำให้ USD แข็งขึ้นได้อย่างไร
รบกวนอธิบายในเชิงกลไกเศรษศาสตร์มหภาคให้ฟังด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ
ที่ผมเข้าใจคือ เงินที่ปล่อยเข้าสู่ระบบมากเกินไปเงินที่ปล่อยออกมามากๆ จะทำให้ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจสูงขึ้น ดอกเบี้ยจึงต่ำ และอาจเกิดภาวะฟองสบู่ได้
ก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือดอกเบี้ยต้องสูง
และจากภาวะวิกฤติที่ผ่านมาของเราจะเห็นว่า
ดอกเบี้ยขึ้นไปเป็นเลข 2 หลัก (ภาวะฟองสบู่)
ทำไมปริมาณเงินในระบบสูง ดอกเบี้ยจึงต่ำครับ
(เข้าใจว่าพิมพ์ผิดหรือเปล่าครับ)
ฝากไว้อีกคำถามนึง
การที่มีการคาดการว่าดอกเบี้ยสหรัฐจะไม่หยุดเพียงแค่นี้
ยังคงจะปรับตัวขึ้นไปอีก... การที่ดอกเบี้ยสหรัฐขึ้น
มีผลทำให้ USD แข็งขึ้นได้อย่างไร
รบกวนอธิบายในเชิงกลไกเศรษศาสตร์มหภาคให้ฟังด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ
"Winners never quit, and quitters never win."
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ทองละลาย
โพสต์ที่ 36
[quote="tanapol"]ความรู้ใหม่ เลยนะครับนี่
แล้วทำไมจีนต้อง peg ค่าเงินตัวเองกับดอลล่าร์ด้วยล่ะครับ
ทำไมปล่อยให้เป็นตามกลไกตลาดไม่ได้
แล้วยังงี้ เศรษฐกิจ จีน
แล้วทำไมจีนต้อง peg ค่าเงินตัวเองกับดอลล่าร์ด้วยล่ะครับ
ทำไมปล่อยให้เป็นตามกลไกตลาดไม่ได้
แล้วยังงี้ เศรษฐกิจ จีน
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ทองละลาย
โพสต์ที่ 37
ที่จริงดอกเบี้ยอาจจะสูงหรือต่ำก็ได้ เพราะดอกเบี้ยนั้นขึ้นอยู่กับความแตกต่างระหว่างความต้องการออมกับความต้องการลงทุนในขณะนั้นด้วย แต่ถ้าถือว่าความต้องการลงทุนเท่าเดิม ปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ดอกเบี้ยต่ำลงครับHVI เขียน:ขอความรู้หน่อยนะครับคุณสุมาอี้
ที่ผมเข้าใจคือ เงินที่ปล่อยเข้าสู่ระบบมากเกินไป
ก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือดอกเบี้ยต้องสูง
และจากภาวะวิกฤติที่ผ่านมาของเราจะเห็นว่า
ดอกเบี้ยขึ้นไปเป็นเลข 2 หลัก (ภาวะฟองสบู่)
ทำไมปริมาณเงินในระบบสูง ดอกเบี้ยจึงต่ำครับ
(เข้าใจว่าพิมพ์ผิดหรือเปล่าครับ)
ฝากไว้อีกคำถามนึง
การที่มีการคาดการว่าดอกเบี้ยสหรัฐจะไม่หยุดเพียงแค่นี้
ยังคงจะปรับตัวขึ้นไปอีก... การที่ดอกเบี้ยสหรัฐขึ้น
มีผลทำให้ USD แข็งขึ้นได้อย่างไร
รบกวนอธิบายในเชิงกลไกเศรษศาสตร์มหภาคให้ฟังด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ
หลังลอยค่าเงินบาท ดอกเบี้ยพุ่งสูงมาก เพราะเงินทุนไหลออกอย่างรวดเร็ว ทำให้ปริมาณเงินในระบบหายไป ดอกเบี้ยก็เลยสูง แต่หลังจากนั้นเมื่อเลือดหยุดไหลแล้ว ดอกเบี้ยกลับมาต่ำสุดๆ เพราะความมั่นใจในการลงทุนหายไป เกิดเป็นภาวะกับดักสภาพคล่อง ดังนั้นดอกเบี้ยจึงขึ้นอยู่กับปริมาณเงินและความต้องการลงทุน สองอย่างนี้เปรียบเสมือนกรรไกรที่มีสองข้างจะถามว่ากระดาษถูกตัดด้วยกรรไกรข้างไหนคงตอบไม่ได้
ส่วนเงินเฟ้อแล้วดอกเบี้ยต้องสูงนั้น ในความเป็นจริงเราก็เห็นกันอยู่ว่าไม่แน่ เพราะดอกเบี้ยระยะสั้นนั้นไม่ได้เป็นไปตามกลไกตลาดแต่ขึ้นอยู่กับนโยบายของธนาคารกลางเป็นสำคัญ
ถ้าดอกเบี้ยในสหรัฐจะสูงขึ้น (in real term) การถือเงินดอลล่าร์ไว้ก็ย่อมได้ผลตอบแทนมากขึ้น เงินทุนก็จะต้องไหลเข้าสหรัฐเพิ่มขึ้น ค่าเงินดอลล่าร์ก็จะต้องแข็งขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราแลกเปลี่ยนขึ้นอยู่กับหลายอย่างไม่ได้ขึนอยู่กับ real interest rate อย่างเดียวครับ ถ้าเป็นระยะสั้นๆ ในช่วงนี้ก็อาจจะบอกได้ว่าเงินแข็งขึ้นเพราะคาดว่า fed จะขึ้นดอกเบี้ยต่อ แต่ต่อจากนี้ก็คงฟันธงไปเลยไม่ได้ว่าจะแข็งหรืออ่อน
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
ทองละลาย
โพสต์ที่ 38
อีกไม่กี่ปี จะกลายเป็นว่า สหรัฐฯ ตรึงค่าเงินไว้กับจีน :lol:
เพราะ GDP ของจีน โต 10%+ มาหลายปี โตแบบนี้อีกแค่
4 ปี GDP ของจีนก็สูงกว่าสหรัฐฯ แล้ว
จีนไม่เหมือนประเทศอื่นๆ ที่เคยตรึงค่าเงินตนเองไว้กับ USD
เพราะจีน เป็นประเทศเดียวในโลก
ที่มีทรัพยากรมากมายมหาศาล
มีฐานผู้บริโภคในประเทศกว่าพันล้านคน
มีขุมกำลังทหารอันแข็งแกร่ง
มีเทคโนโลยีใหม่ๆ หลายอย่าง
ที่แม้แต่สหรัฐฯ เอง ยังอยากได้
ผู้นำมีความแน่วแน่ในหลักการอย่างสุดโต่ง
จีนเป็นประเทศแรกในโลก ที่ผมเห็นผู้นำประเทศ
แถลงนโยบาย 20 ปี
และนโยบายนั้นๆ ได้รับการผลักดันอย่างต่อเนื่อง
แม้จะส่งต่อไปยังไม้ที่สาม ไม้ที่สี่ได้ โดยยังคงนโยบายเดิมไว้
ญี่ปุ่นเจอกับสภาพเศรษฐกิจถดถอย
อย่างต่อเนื่องและยาวนานกว่า 20 ปี
เพราะโดนสหรัฐฯ บีบด้วยรูปแบบต่างๆ กัน
ไม่ว่าจะเป็นการกดดันผ่านค่าเงิน นโยบายการค้า
การเมือง การทหาร ฯลฯ
แต่จีนกลับไม่ค่อยหวั่นไหว เมื่อโดนสหรัฐฯ กดดันทุกวิถีทาง
แต่กลายเป็นว่า สหรัฐฯ แสดงอาการก่อนด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ เพราะทุกมาตรการที่สหรัฐฯ ดำเนินการเพื่อกดดันจีน
จะส่งผลร้ายกลับไปยังประเทศตนเองด้วย
การกดดันประเทศเล็กๆ อย่างไทยหรือแม้กระทั่งญี่ปุ่น
ผลเสียกับสหรัฐฯ เองน้อยมากๆ เรียกได้ว่า Negligible
ในขณะที่การกดดันประเทศจีน ต้องใช้พลังมหาศาล
และกว่าจีนจะถูกกดดันจนทนไม่ได้
สหรัฐฯ คงจะทนไม่ได้เสียก่อน
ผมคิดว่า จีนยังเป็นต่ออยู่ครับ
แต่หลังจาก 2008 คงต้องว่ากันใหม่
เพราะผมคิดว่า หลังจากปี 2008
เศรษฐกิจจีน เศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลก
จะเข้าสู่ช่วง recession โดยสมบูรณ์
เพราะ GDP ของจีน โต 10%+ มาหลายปี โตแบบนี้อีกแค่
4 ปี GDP ของจีนก็สูงกว่าสหรัฐฯ แล้ว
จีนไม่เหมือนประเทศอื่นๆ ที่เคยตรึงค่าเงินตนเองไว้กับ USD
เพราะจีน เป็นประเทศเดียวในโลก
ที่มีทรัพยากรมากมายมหาศาล
มีฐานผู้บริโภคในประเทศกว่าพันล้านคน
มีขุมกำลังทหารอันแข็งแกร่ง
มีเทคโนโลยีใหม่ๆ หลายอย่าง
ที่แม้แต่สหรัฐฯ เอง ยังอยากได้
ผู้นำมีความแน่วแน่ในหลักการอย่างสุดโต่ง
จีนเป็นประเทศแรกในโลก ที่ผมเห็นผู้นำประเทศ
แถลงนโยบาย 20 ปี
และนโยบายนั้นๆ ได้รับการผลักดันอย่างต่อเนื่อง
แม้จะส่งต่อไปยังไม้ที่สาม ไม้ที่สี่ได้ โดยยังคงนโยบายเดิมไว้
ญี่ปุ่นเจอกับสภาพเศรษฐกิจถดถอย
อย่างต่อเนื่องและยาวนานกว่า 20 ปี
เพราะโดนสหรัฐฯ บีบด้วยรูปแบบต่างๆ กัน
ไม่ว่าจะเป็นการกดดันผ่านค่าเงิน นโยบายการค้า
การเมือง การทหาร ฯลฯ
แต่จีนกลับไม่ค่อยหวั่นไหว เมื่อโดนสหรัฐฯ กดดันทุกวิถีทาง
แต่กลายเป็นว่า สหรัฐฯ แสดงอาการก่อนด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ เพราะทุกมาตรการที่สหรัฐฯ ดำเนินการเพื่อกดดันจีน
จะส่งผลร้ายกลับไปยังประเทศตนเองด้วย
การกดดันประเทศเล็กๆ อย่างไทยหรือแม้กระทั่งญี่ปุ่น
ผลเสียกับสหรัฐฯ เองน้อยมากๆ เรียกได้ว่า Negligible
ในขณะที่การกดดันประเทศจีน ต้องใช้พลังมหาศาล
และกว่าจีนจะถูกกดดันจนทนไม่ได้
สหรัฐฯ คงจะทนไม่ได้เสียก่อน
ผมคิดว่า จีนยังเป็นต่ออยู่ครับ
แต่หลังจาก 2008 คงต้องว่ากันใหม่
เพราะผมคิดว่า หลังจากปี 2008
เศรษฐกิจจีน เศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลก
จะเข้าสู่ช่วง recession โดยสมบูรณ์
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
ทองละลาย
โพสต์ที่ 39
ธนาคารกลางสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ย เพื่อควบคุมเงินเฟ้อHVI เขียน:ที่ผมเข้าใจคือ เงินที่ปล่อยเข้าสู่ระบบมากเกินไป
ก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือดอกเบี้ยต้องสูง
ไม่ให้สูงเกินไป
อย่างที่ท่านแม่ทัพบอกครับ เงินเฟ้อไม่ค่อยเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยโดยตรง
แต่สัมพันธ์กัน
เพราะเมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น การลงทุนจะชะลอตัวลง
(คนไม่อยากลงทุน เพราะฝากแบงก์ความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนชัวร์ๆ)
และทำให้ภาวะการจ้างงานชะลอตัวลง ประชาชนจะใช้จ่ายน้อยลง
ทำให้สินค้าต้องลดราคา เพื่อให้ขายได้ ทำให้เงินเฟ้อลดลง
แหะๆ เศรษฐศาสตร์มหภาคเป็นยังไง ผมไม่เข้าใจครับการที่มีการคาดการว่าดอกเบี้ยสหรัฐจะไม่หยุดเพียงแค่นี้
ยังคงจะปรับตัวขึ้นไปอีก... การที่ดอกเบี้ยสหรัฐขึ้น
มีผลทำให้ USD แข็งขึ้นได้อย่างไร
แต่คิดง่ายๆ แบบเด็กป.หนึ่ง
ถ้าดอกเบี้ยสหรัฐฯ ขึ้น ผมเอาเงินไปฝากที่โน่น จะได้ดอกเบี้ยมากขึ้น
ผมก็เลยเอาเงินสกุลผม ไปแลกเงิน USD จะได้ไปฝากที่นั่น
เงิน USD ก็ต้องแข็งขึ้น กำไรสองต่อเห็นๆ
ผมคิดแบบนี้ถูกไหมครับ