เหตุที่ราคาน้ำมันลดลงเร็วและแรง
-
- Verified User
- โพสต์: 423
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เหตุที่ราคาน้ำมันลดลงเร็วและแรง
โพสต์ที่ 31
วันนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกทำนิวโล
ราคาน้ำมันที่ลดลงแบบนี้ไม้ใข่เกิดจากดีมานซัพพลายปกติแล้ว
อนาคตเร็วๆนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงดีมานซัพพลายอย่างรุนแรง
ผมเชื่อว่าเกิดจากดีมานที่จะลดลงอย่างรุนแรง
และจะลดลงในอัตราเร่ง (รถยนต์ไฟฟ้ากำลังมา)
ราคาน้ำมันที่ลดลงแบบนี้ไม้ใข่เกิดจากดีมานซัพพลายปกติแล้ว
อนาคตเร็วๆนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงดีมานซัพพลายอย่างรุนแรง
ผมเชื่อว่าเกิดจากดีมานที่จะลดลงอย่างรุนแรง
และจะลดลงในอัตราเร่ง (รถยนต์ไฟฟ้ากำลังมา)
- neuhiran
- Verified User
- โพสต์: 815
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เหตุที่ราคาน้ำมันลดลงเร็วและแรง
โพสต์ที่ 32
CARPENTER เขียน:วันนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกทำนิวโล
ราคาน้ำมันที่ลดลงแบบนี้ไม้ใข่เกิดจากดีมานซัพพลายปกติแล้ว
อนาคตเร็วๆนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงดีมานซัพพลายอย่างรุนแรง
ผมเชื่อว่าเกิดจากดีมานที่จะลดลงอย่างรุนแรง
และจะลดลงในอัตราเร่ง (รถยนต์ไฟฟ้ากำลังมา)
ผมกลับไม่คิดอย่างนั้นนะครับ ผมคิดว่ารถไฟฟ้ากว่าจะมาคงอีกซักพักนึง
เพราะ ต้องมาเตรียมสถานีจ่ายไฟฟ้า และอื่นๆอีกเยอะ
คงไม่เกิดขึ้นมาโดยเร็ววัน และเท่าที่ดู จำนวนรถที่ใช้ไฟฟ้า ในโลกนี้ยังมีจำนวน
น้อยมากเมื่อเทียบกับรถที่ใช้น้ำมัน และผมยังคิดว่า อีก 5ปีข้างหน้าจำนวนรถที่ใช้น้ำมันก็ยังคงมีจำนวนมากอยู่เช่นเดิม
ถึงแม้ว่า รถไฟฟ้าจะเริ่มมีมากขึ้นก็ตาม
ปล. ความเห็นส่วนตัวนะครับ
เมื่อตอนน้ำมันแพงๆ ตอนนั้นกังวลว่าน้ำมันจะหมดโลก มาตอนนี้มากังวลว่าน้ำมันจะไม่มีคนใช้
- พ่อน้องเพชร
- Verified User
- โพสต์: 294
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เหตุที่ราคาน้ำมันลดลงเร็วและแรง
โพสต์ที่ 35
หมายถึงใช้เงินดอลล่าร์ทุบราคาลงมาได้ใช่ไหมครับ โดยที่ไม่เกี่ยวกับdemand supplyจริงๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เหตุที่ราคาน้ำมันลดลงเร็วและแรง
โพสต์ที่ 36
มองกันลึกๆๆ
supply ตอนนี้ที่ออกมามากๆ นั้นเกิดจากราคาน้ำมันที่สูงในอดีต
การก่อสร้างแท่นขุดเจาะทั้งในแผ่นดินและนอกชายฝั่ง มันต้องใช้ระยะเวลา 2-3 ปีในการก่อสร้าง
ซึ่งดูได้จากงาน โครงการของบริษัทจดทะเบียน 2 แห่งในประเทศไทย ที่ดำเนินการทำ Module
ประเภทนี้ ซึ่งในอดีต งานเพียบ เพราะลงทุนขนานใหญ่
เมื่อลงทุนไปแล้ว เลิกยาก มีแต่ ผลิตอย่างไรให้คุ้มค่าที่ลงทุนไป
ในส่วนเหตุผลที่ออกมาว่า เลิกใช้พลังงาน จากน้ำมันนั้น
คุณเลิกใช้ได้ไหมในวันนี้ มันเหมือนรถยนต์ที่ออกตัวไปแล้ว เมื่อขับขี่ ก็ต้องเหยียบเบรก
หากเบรกแรงไป ก็ทำให้หัวทิ่มหัวตำทั้งคัน แต่หากเบรกนิ่ม ก็ต้องมีระยะทางพอควรที่ใช้
ฉันใดก็ฉันนั้น ตอนนี้ก็ยังต้องใช้น้ำมันกันอยู่ แต่ทว่า ถ้าหากมองกลับไปในอดีต ครั้นที่
น้ำมันแพงในอดีต ทั้งสองครั้ง น้ำมันก็ลดลงต่ำซักพักใหญ่ เพื่อดูดซับ กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นมานั้นเอง
อีกอย่างหนึ่งประเทศที่บริโภคน้ำมันมากๆ ก็ชะลอตัว เช่น จีน ที่ 6 เดือนที่แล้ว ตลาดหุ้นดูสดใส แต่ถัดมาไม่นาน
ดัชนีก็ทิ่มลงแบบ โดดลงจากตึก 100 ชั้นมายังพื้นโลก ด้วยแรงดึงดูดของโลก แล้วแบบนี้มันไปไหนได้
ถ้าหากมองดู อินเดีย เป็นประเทศที่สองปีก่อน ทุกคนสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้น ตลาดหุ้นร่วงหนัก ค่าเงินลดลงอย่างรุนแรง
แต่ตอนนี้เป็นไง โตอย่างรวดเร็ว
เดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้ น้ำมันเกือบจะลิตรละ 50 บาท ราคาเรือด่วนก็ดี รถประจำทางก็ดี สินค้าก็ยังไม่ค่อยลดลง
กลับมีแต่ราคาเพิ่มขึ้น ราคารถยนต์ที่ปล่อยมลพิษในรถยนต์ขนาดเล็กเองได้รับอนิจสงฆ์เรื่องภาษี
ดังนั้น แนวโน้มเป็นเช่นไร ละ
ดูกันให้รอบๆๆด้าน เอาอดีตมาวิเคราะห์ แล้วจะเห็นทางออก
supply ตอนนี้ที่ออกมามากๆ นั้นเกิดจากราคาน้ำมันที่สูงในอดีต
การก่อสร้างแท่นขุดเจาะทั้งในแผ่นดินและนอกชายฝั่ง มันต้องใช้ระยะเวลา 2-3 ปีในการก่อสร้าง
ซึ่งดูได้จากงาน โครงการของบริษัทจดทะเบียน 2 แห่งในประเทศไทย ที่ดำเนินการทำ Module
ประเภทนี้ ซึ่งในอดีต งานเพียบ เพราะลงทุนขนานใหญ่
เมื่อลงทุนไปแล้ว เลิกยาก มีแต่ ผลิตอย่างไรให้คุ้มค่าที่ลงทุนไป
ในส่วนเหตุผลที่ออกมาว่า เลิกใช้พลังงาน จากน้ำมันนั้น
คุณเลิกใช้ได้ไหมในวันนี้ มันเหมือนรถยนต์ที่ออกตัวไปแล้ว เมื่อขับขี่ ก็ต้องเหยียบเบรก
หากเบรกแรงไป ก็ทำให้หัวทิ่มหัวตำทั้งคัน แต่หากเบรกนิ่ม ก็ต้องมีระยะทางพอควรที่ใช้
ฉันใดก็ฉันนั้น ตอนนี้ก็ยังต้องใช้น้ำมันกันอยู่ แต่ทว่า ถ้าหากมองกลับไปในอดีต ครั้นที่
น้ำมันแพงในอดีต ทั้งสองครั้ง น้ำมันก็ลดลงต่ำซักพักใหญ่ เพื่อดูดซับ กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นมานั้นเอง
อีกอย่างหนึ่งประเทศที่บริโภคน้ำมันมากๆ ก็ชะลอตัว เช่น จีน ที่ 6 เดือนที่แล้ว ตลาดหุ้นดูสดใส แต่ถัดมาไม่นาน
ดัชนีก็ทิ่มลงแบบ โดดลงจากตึก 100 ชั้นมายังพื้นโลก ด้วยแรงดึงดูดของโลก แล้วแบบนี้มันไปไหนได้
ถ้าหากมองดู อินเดีย เป็นประเทศที่สองปีก่อน ทุกคนสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้น ตลาดหุ้นร่วงหนัก ค่าเงินลดลงอย่างรุนแรง
แต่ตอนนี้เป็นไง โตอย่างรวดเร็ว
เดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้ น้ำมันเกือบจะลิตรละ 50 บาท ราคาเรือด่วนก็ดี รถประจำทางก็ดี สินค้าก็ยังไม่ค่อยลดลง
กลับมีแต่ราคาเพิ่มขึ้น ราคารถยนต์ที่ปล่อยมลพิษในรถยนต์ขนาดเล็กเองได้รับอนิจสงฆ์เรื่องภาษี
ดังนั้น แนวโน้มเป็นเช่นไร ละ
ดูกันให้รอบๆๆด้าน เอาอดีตมาวิเคราะห์ แล้วจะเห็นทางออก
-
- Verified User
- โพสต์: 306
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เหตุที่ราคาน้ำมันลดลงเร็วและแรง
โพสต์ที่ 38
พลังงานไม่ไช่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วเหมือนอย่างเทคโนโลยี พัฒนาการทางด้านพลังงานใช้เวลานานมากและค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีอะไรที่จะมาแทนที่น้ำมันได้แม้เวลาจะผ่านไปหลายๆสิบปีก็ตาม
หากเราย้อนอดีตกลับไปในเหตุการณ์ที่น้ำมันร่วงเร็วและแรง ในช่วงนั้นก็มีข่าวร้ายต่างๆออกมามากมายทั้งจากนักข่าว นักวิชาการและคนทั่วไป ว่าน้ำมันจะหมดโลกบ้าง นวัตกรรมยานยนต์ที่ประหยัดน้ำมันขึ้น กระทั่งพลังงานที่จะมาทดแทนน้ำมัน และอื่นๆอีกมากมาย ยิ่งราคาน้ำมันร่วงลงมากเท่าไร่ข่าวร้ายก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
แต่ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อราคาน้ำมันเริ่มดีดตัวเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็ดูเหมือนว่าข่าวร้ายต่างๆเริ่มจะหายไปจากตลาดและเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คน ตลาดเต็มไปด้วยความมั่นใจในหุ้นน้ำมัน หันไปทางไหนก็มีแต่เสียงเชียร์
หากเราย้อนอดีตกลับไปในเหตุการณ์ที่น้ำมันร่วงเร็วและแรง ในช่วงนั้นก็มีข่าวร้ายต่างๆออกมามากมายทั้งจากนักข่าว นักวิชาการและคนทั่วไป ว่าน้ำมันจะหมดโลกบ้าง นวัตกรรมยานยนต์ที่ประหยัดน้ำมันขึ้น กระทั่งพลังงานที่จะมาทดแทนน้ำมัน และอื่นๆอีกมากมาย ยิ่งราคาน้ำมันร่วงลงมากเท่าไร่ข่าวร้ายก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
แต่ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อราคาน้ำมันเริ่มดีดตัวเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็ดูเหมือนว่าข่าวร้ายต่างๆเริ่มจะหายไปจากตลาดและเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คน ตลาดเต็มไปด้วยความมั่นใจในหุ้นน้ำมัน หันไปทางไหนก็มีแต่เสียงเชียร์
- นายมานะ
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1116
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เหตุที่ราคาน้ำมันลดลงเร็วและแรง
โพสต์ที่ 39
คุณทศพรน่าจะเข้าใจผิดว่าพลังงานมาจากน้ำมัน อันที่จริงแล้วพลังงานบนโลกเราทั้งหมดนี่ไม่ได้มาจากน้ำมัน แต่มาจากแสงอาทิตย์ครับ น้ำมันเป็นเพียงซากพืช ซากสัตว์ที่เก็บสะสมพลังงานแสงอาทิตย์เอาไว้ในรูปของเหลว ซึ่งง่ายต่อการนำมาผ่านกระบวนการเผาไหม้เพื่อให้เกิดพลังงานทศพร29 เขียน:พลังงานไม่ไช่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วเหมือนอย่างเทคโนโลยี พัฒนาการทางด้านพลังงานใช้เวลานานมากและค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีอะไรที่จะมาแทนที่น้ำมันได้แม้เวลาจะผ่านไปหลายๆสิบปีก็ตาม
หากเราย้อนอดีตกลับไปในเหตุการณ์ที่น้ำมันร่วงเร็วและแรง ในช่วงนั้นก็มีข่าวร้ายต่างๆออกมามากมายทั้งจากนักข่าว นักวิชาการและคนทั่วไป ว่าน้ำมันจะหมดโลกบ้าง นวัตกรรมยานยนต์ที่ประหยัดน้ำมันขึ้น กระทั่งพลังงานที่จะมาทดแทนน้ำมัน และอื่นๆอีกมากมาย ยิ่งราคาน้ำมันร่วงลงมากเท่าไร่ข่าวร้ายก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
แต่ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อราคาน้ำมันเริ่มดีดตัวเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็ดูเหมือนว่าข่าวร้ายต่างๆเริ่มจะหายไปจากตลาดและเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คน ตลาดเต็มไปด้วยความมั่นใจในหุ้นน้ำมัน หันไปทางไหนก็มีแต่เสียงเชียร์
แต่คุณทศพรเข้าใจถูกที่ว่าการเกิดขึ้นของน้ำมันนี่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเร็วเท่ากับเทคโนโลยี เพราะกว่าจะทับถมจนเป็นน้ำมันนี่ใช้เวลาหลายร้อยล้านปี ดังนั้นแม้ว่าจะบอกได้ว่าน้ำมันนี่เป็นอะไรที่ "มีเหลือ" มากมายบนโลก แต่ถ้าเราเผาผลาญน้ำมันในอัตราเร่งแบบนี้ น้ำมันก็มีวันจะหมดโลก ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเราใช้น้ำมันในอัตราเร่งแบบทุกวันนี้ อุณหภูมิของโลกจะสูงขึ้น 6-10 องศา ในเวลาเพียงแค่ 100-200 ปี และหากอุณหภูมิโลกสูงขึ้น 6-10 องศา น้ำแข็งที่ขั้วโลกจะละลาย และทำให้นิวยอร์คจมอยู่ใต้ทะเลลึก 150 เมตร ซึ่งหากสมมติฐานของนักวิทยาศาสตร์เป็นจริง น้ำมันก็อาจจะไม่ได้แพงเพราะ supply ที่น้อยลง แต่แพงขึ้นด้วยเหตุผลด้าน "ต้นทุนแฝง" ที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมก็ได้
ในขณะที่เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็วนี่ไม่ได้ช่วยให้เราสร้างน้ำมันได้เร็วขึ้น ทนที่เราจะต้องรอให้ซากชีววิทยาสะสมเป็นเวลาหลายล้านปีเพื่อให้กลายเป็นน้ำมัน เทคโนโลยีช่วยให้เรานำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ผลิตไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น ในราคาที่ถูกลงเรื่อยๆ และในวันหนึ่ง ต้นทุนจากการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม หรือพลังงานน้ำนี้อาจจะถูกกว่าการผลิตไฟฟ้าโดยการใช้ปิโตรเลียมก็เป็นได้ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 306
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เหตุที่ราคาน้ำมันลดลงเร็วและแรง
โพสต์ที่ 40
ขอบคุณสำหรับแนวคิดดีๆครับนายมานะ เขียน:คุณทศพรน่าจะเข้าใจผิดว่าพลังงานมาจากน้ำมัน อันที่จริงแล้วพลังงานบนโลกเราทั้งหมดนี่ไม่ได้มาจากน้ำมัน แต่มาจากแสงอาทิตย์ครับ น้ำมันเป็นเพียงซากพืช ซากสัตว์ที่เก็บสะสมพลังงานแสงอาทิตย์เอาไว้ในรูปของเหลว ซึ่งง่ายต่อการนำมาผ่านกระบวนการเผาไหม้เพื่อให้เกิดพลังงานทศพร29 เขียน:พลังงานไม่ไช่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วเหมือนอย่างเทคโนโลยี พัฒนาการทางด้านพลังงานใช้เวลานานมากและค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีอะไรที่จะมาแทนที่น้ำมันได้แม้เวลาจะผ่านไปหลายๆสิบปีก็ตาม
หากเราย้อนอดีตกลับไปในเหตุการณ์ที่น้ำมันร่วงเร็วและแรง ในช่วงนั้นก็มีข่าวร้ายต่างๆออกมามากมายทั้งจากนักข่าว นักวิชาการและคนทั่วไป ว่าน้ำมันจะหมดโลกบ้าง นวัตกรรมยานยนต์ที่ประหยัดน้ำมันขึ้น กระทั่งพลังงานที่จะมาทดแทนน้ำมัน และอื่นๆอีกมากมาย ยิ่งราคาน้ำมันร่วงลงมากเท่าไร่ข่าวร้ายก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
แต่ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อราคาน้ำมันเริ่มดีดตัวเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็ดูเหมือนว่าข่าวร้ายต่างๆเริ่มจะหายไปจากตลาดและเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คน ตลาดเต็มไปด้วยความมั่นใจในหุ้นน้ำมัน หันไปทางไหนก็มีแต่เสียงเชียร์
แต่คุณทศพรเข้าใจถูกที่ว่าการเกิดขึ้นของน้ำมันนี่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเร็วเท่ากับเทคโนโลยี เพราะกว่าจะทับถมจนเป็นน้ำมันนี่ใช้เวลาหลายร้อยล้านปี ดังนั้นแม้ว่าจะบอกได้ว่าน้ำมันนี่เป็นอะไรที่ "มีเหลือ" มากมายบนโลก แต่ถ้าเราเผาผลาญน้ำมันในอัตราเร่งแบบนี้ น้ำมันก็มีวันจะหมดโลก ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเราใช้น้ำมันในอัตราเร่งแบบทุกวันนี้ อุณหภูมิของโลกจะสูงขึ้น 6-10 องศา ในเวลาเพียงแค่ 100-200 ปี และหากอุณหภูมิโลกสูงขึ้น 6-10 องศา น้ำแข็งที่ขั้วโลกจะละลาย และทำให้นิวยอร์คจมอยู่ใต้ทะเลลึก 150 เมตร ซึ่งหากสมมติฐานของนักวิทยาศาสตร์เป็นจริง น้ำมันก็อาจจะไม่ได้แพงเพราะ supply ที่น้อยลง แต่แพงขึ้นด้วยเหตุผลด้าน "ต้นทุนแฝง" ที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมก็ได้
ในขณะที่เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็วนี่ไม่ได้ช่วยให้เราสร้างน้ำมันได้เร็วขึ้น ทนที่เราจะต้องรอให้ซากชีววิทยาสะสมเป็นเวลาหลายล้านปีเพื่อให้กลายเป็นน้ำมัน เทคโนโลยีช่วยให้เรานำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ผลิตไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น ในราคาที่ถูกลงเรื่อยๆ และในวันหนึ่ง ต้นทุนจากการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม หรือพลังงานน้ำนี้อาจจะถูกกว่าการผลิตไฟฟ้าโดยการใช้ปิโตรเลียมก็เป็นได้ครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 737
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เหตุที่ราคาน้ำมันลดลงเร็วและแรง
โพสต์ที่ 41
มันอาจมีหลายปัจจัย กระทบพร้อม ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง demand-supply. แข่งกับ shale oil/gas หรือการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี ซึ่งแม้ว่าอาจต้องใช้เวลาอีกซักพักใหญ่ ๆ แต่ยังไงมันก็ต้องมา ประเทศที่พึ่งพิงน้ำมัน เก็บไว้ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรมาก สู้ออกมาขายกำเงินไว้ก่อนดีกว่า หากไม่ทำอะไรซักอย่าง ประเทสเหล่านี้ อาจมีปัญหาทางการเมืองตามมาภายหลังทศพร29 เขียน:ขอบคุณสำหรับแนวคิดดีๆครับนายมานะ เขียน:คุณทศพรน่าจะเข้าใจผิดว่าพลังงานมาจากน้ำมัน อันที่จริงแล้วพลังงานบนโลกเราทั้งหมดนี่ไม่ได้มาจากน้ำมัน แต่มาจากแสงอาทิตย์ครับ น้ำมันเป็นเพียงซากพืช ซากสัตว์ที่เก็บสะสมพลังงานแสงอาทิตย์เอาไว้ในรูปของเหลว ซึ่งง่ายต่อการนำมาผ่านกระบวนการเผาไหม้เพื่อให้เกิดพลังงานทศพร29 เขียน:พลังงานไม่ไช่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วเหมือนอย่างเทคโนโลยี พัฒนาการทางด้านพลังงานใช้เวลานานมากและค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีอะไรที่จะมาแทนที่น้ำมันได้แม้เวลาจะผ่านไปหลายๆสิบปีก็ตาม
หากเราย้อนอดีตกลับไปในเหตุการณ์ที่น้ำมันร่วงเร็วและแรง ในช่วงนั้นก็มีข่าวร้ายต่างๆออกมามากมายทั้งจากนักข่าว นักวิชาการและคนทั่วไป ว่าน้ำมันจะหมดโลกบ้าง นวัตกรรมยานยนต์ที่ประหยัดน้ำมันขึ้น กระทั่งพลังงานที่จะมาทดแทนน้ำมัน และอื่นๆอีกมากมาย ยิ่งราคาน้ำมันร่วงลงมากเท่าไร่ข่าวร้ายก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
แต่ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อราคาน้ำมันเริ่มดีดตัวเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็ดูเหมือนว่าข่าวร้ายต่างๆเริ่มจะหายไปจากตลาดและเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คน ตลาดเต็มไปด้วยความมั่นใจในหุ้นน้ำมัน หันไปทางไหนก็มีแต่เสียงเชียร์
แต่คุณทศพรเข้าใจถูกที่ว่าการเกิดขึ้นของน้ำมันนี่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเร็วเท่ากับเทคโนโลยี เพราะกว่าจะทับถมจนเป็นน้ำมันนี่ใช้เวลาหลายร้อยล้านปี ดังนั้นแม้ว่าจะบอกได้ว่าน้ำมันนี่เป็นอะไรที่ "มีเหลือ" มากมายบนโลก แต่ถ้าเราเผาผลาญน้ำมันในอัตราเร่งแบบนี้ น้ำมันก็มีวันจะหมดโลก ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเราใช้น้ำมันในอัตราเร่งแบบทุกวันนี้ อุณหภูมิของโลกจะสูงขึ้น 6-10 องศา ในเวลาเพียงแค่ 100-200 ปี และหากอุณหภูมิโลกสูงขึ้น 6-10 องศา น้ำแข็งที่ขั้วโลกจะละลาย และทำให้นิวยอร์คจมอยู่ใต้ทะเลลึก 150 เมตร ซึ่งหากสมมติฐานของนักวิทยาศาสตร์เป็นจริง น้ำมันก็อาจจะไม่ได้แพงเพราะ supply ที่น้อยลง แต่แพงขึ้นด้วยเหตุผลด้าน "ต้นทุนแฝง" ที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมก็ได้
ในขณะที่เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็วนี่ไม่ได้ช่วยให้เราสร้างน้ำมันได้เร็วขึ้น ทนที่เราจะต้องรอให้ซากชีววิทยาสะสมเป็นเวลาหลายล้านปีเพื่อให้กลายเป็นน้ำมัน เทคโนโลยีช่วยให้เรานำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ผลิตไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น ในราคาที่ถูกลงเรื่อยๆ และในวันหนึ่ง ต้นทุนจากการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม หรือพลังงานน้ำนี้อาจจะถูกกว่าการผลิตไฟฟ้าโดยการใช้ปิโตรเลียมก็เป็นได้ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เหตุที่ราคาน้ำมันลดลงเร็วและแรง
โพสต์ที่ 42
พลาดหัวข่าวซะน่ากลัวเชียว
สั่นสะเทือนตลาดโลก!!สหรัฐฯอนุญาตส่งออกน้ำมันดิบในรอบ40ปี
เอเอฟพี - สหรัฐฯยกเลิกมาตรการห้ามส่งออกน้ำมันที่มีมากว่า 40 ปีในวันศุกร์(18ธ.ค.) นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์สำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันที่กำลังเฟื่องฟูของอเมริกา
มาตรการนี้รวมอยู่ในร่างงบประมาณ 1.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสอย่างง่ายดายและตอนนี้เหลือเพียงแค่ขั้นตอนลงนามโดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา
แม้สมาชิกเดโมแครตหลายคนต่อต้าน แต่มีบางส่วนยอมจับมือกับส.ส.รีพับลิกันและเหล่าบริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่ล็อบบี้อย่างหนัก เรียกร้องยกเลิกมาตรการจำกัดการส่งออก โต้แย้งว่ามันจะช่วยสร้างงานและส่งเสริมความมั่นคงแก่พันธมิตรยุโรปของวอชิงตัน
"ข้อเท็จจริงชัดเจน การยกเลิกคำสั่งห้ามเป็นเรื่องดีของผู้บริโภค เหล่าบริษัทของเรา ความมั่นคงของชาติและความมั่นคงทางพลังงาน" เฮดี ไฮต์แคมป์ วุฒิสมาชิกจากนอร์ทดาโคตากล่าว
"การเปิดน้ำมันดิบสหรัฐฯแก่ชาติอื่นๆบนโลกนี้ เราไม่ได้แค่มอบคู่หูการค้าทางพลังงานที่มีความแน่วแน่กว่าเดิมแก่พันธมิตรของเรา แต่เรายังช่วยลดอำนาจของประเทศอื่นๆอย่างรัสเซียและเวเนซุเอลา เช่นเดียวภูมิภาคตะวันออกกลางที่ใช้อำนาจทางพลังงานของพวกเขาสำแดงอิทธิพลเหนือประเทศของเราและพันธมิตรของเรา" เธอระบุ
อย่างไรก็ตามเหล่านักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแสดงความกังวลว่าความเคลื่อนไหวครั้งนี้จะเป็นตัวสนับสนุนให้ยังคงพึ่งพาน้ำมันเหนือพลังงานสะอาด แม้สหรัฐฯเพิ่งให้คำมั่นระหว่างร่วมประชุมโลกร้อนว่าจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
คำสั่งห้ามนี้ถูกกำหนดขึ้นครั้งแรกในปี 1975 ช่วงเวลาที่สหรัฐฯกำลังมึนงงกับมาตรการห้ามส่งออกน้ำมันของประเทศอาหรับระหว่างปี 1973-1974 ซึ่งก่อคลื่นความช็อคอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯและดันราคาน้ำมันโลกพุ่งทะยาน
สมาชิกอาหรับของโอเปกห้ามส่งออกน้ำมันไปยังสหรัฐฯ เพื่อแก้แค้นวอชิงตันที่สนับสนุนอิสราเอลระหว่างสงครามอาหรับ-อิสราเอล และเพื่อแสวงหาความเป็นเอกราชทางพลังงาน สหรัฐฯจึงจัดตั้งคลังน้ำมันดิบสำรองฉุกเฉินหรือที่เรียกว่า "คลังปิโตรเลียมสำรองทางยุทธศาสตร์" ในปี 1975 และห้ามการส่งออกน้ำมันดิบทั้งหมด
อย่างไรก็ตามคำสั่งห้ามนั้นมีข้อยกเว้นบางอย่าง โดยอนุญาตให้ส่งออกน้ำมันดิบจากอะแลสกาและแคลิฟอร์เนียไปยังแคนาดาราว 491,000 บาร์เรลต่อวัน เพื่อการใช้ภายใน เช่นเดียวกับน้ำมันดิบนำเข้าที่ต้องส่งออกกลับไป
ด้วยความเคลื่อนไหวยกเลิกมาตรการดังกล่าว ทำให้น้ำมันดิบที่ผลิตในสหรัฐฯ 9.2 ล้านบาร์เรลต่อวันและในคลังสำรองเชิงพาณิชย์ 490.7 ล้านบาร์เรล สามารถส่งออกได้ทั้งหมด
กระนั้นประธานาธิบดียังคงสามารถจำกัดการส่งออกในกรณีเกิดภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ ในเหตุผลด้านความมั่นคงของประเทศ หรือการส่งออกก่อการขาดแคลนน้ำมันภายในประเทศ เช่นเดียวกับที่มันผลักให้ราคาน้ำมันสหรัฐฯสูงกว่าระดับตลาดโลกมากเกินไป อย่างไรก็ตามเงื่อนไขต่างๆเหล่านี้น้อยลงไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผานมา เนื่องจากกำลังผลิตน้ำมันที่เฟื่องฟูในอเมริกา
กระทรวงพลังงานสหรัฐฯระบุว่าอเมริกาจะกลายเป็นประเทศส่งออกน้ำมันดิบสุทธิราวๆทศวรรษหน้า
นักวิเคราะห์เชื่อว่าการยกเลิกคำสั่งห้ามส่งออกน้ำมัน ไม่น่าจะส่งผลกระทบนักต่อตลาดน้ำมันโลกที่เผชิญกับภาวะอุปทานล้นตลาดอยู่ก่อนแล้ว โดย เจมส์ วิลเลียมส์ จาก ดับเบิลยูอาร์จี อีโคโนมิคส์ ให้ความเห็นว่า "สหรัฐฯไม่มีน้ำมันส่วนเกินมากมายนักที่จะขาย นี่อาจช่วยให้ผู้ผลิตสามารถส่งออกไปยังยุโรปในราคาที่สูงขึ้น เนื่องจากโรงกลั่นต่างๆปรับตัวเข้ากับน้ำมันดิบเบาได้ดีกว่า"
อย่างไรก็ตามแอนดี ลิโพว์ จากลิโพว์ ออย แอสโซซิเอทส์ โต้แย้งว่าด้วยน้ำมันดิบสหรัฐฯมีราคาใกล้เคียงกับเบรนต์ "มันจึงไม่สนับสนุนการส่งออกจากสหรัฐฯไปยังส่วนอื่นๆของโลก ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ"
เครดิต http://manager.co.th/Around/ViewNews.as ... 0000138926
สั่นสะเทือนตลาดโลก!!สหรัฐฯอนุญาตส่งออกน้ำมันดิบในรอบ40ปี
เอเอฟพี - สหรัฐฯยกเลิกมาตรการห้ามส่งออกน้ำมันที่มีมากว่า 40 ปีในวันศุกร์(18ธ.ค.) นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์สำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันที่กำลังเฟื่องฟูของอเมริกา
มาตรการนี้รวมอยู่ในร่างงบประมาณ 1.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสอย่างง่ายดายและตอนนี้เหลือเพียงแค่ขั้นตอนลงนามโดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา
แม้สมาชิกเดโมแครตหลายคนต่อต้าน แต่มีบางส่วนยอมจับมือกับส.ส.รีพับลิกันและเหล่าบริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่ล็อบบี้อย่างหนัก เรียกร้องยกเลิกมาตรการจำกัดการส่งออก โต้แย้งว่ามันจะช่วยสร้างงานและส่งเสริมความมั่นคงแก่พันธมิตรยุโรปของวอชิงตัน
"ข้อเท็จจริงชัดเจน การยกเลิกคำสั่งห้ามเป็นเรื่องดีของผู้บริโภค เหล่าบริษัทของเรา ความมั่นคงของชาติและความมั่นคงทางพลังงาน" เฮดี ไฮต์แคมป์ วุฒิสมาชิกจากนอร์ทดาโคตากล่าว
"การเปิดน้ำมันดิบสหรัฐฯแก่ชาติอื่นๆบนโลกนี้ เราไม่ได้แค่มอบคู่หูการค้าทางพลังงานที่มีความแน่วแน่กว่าเดิมแก่พันธมิตรของเรา แต่เรายังช่วยลดอำนาจของประเทศอื่นๆอย่างรัสเซียและเวเนซุเอลา เช่นเดียวภูมิภาคตะวันออกกลางที่ใช้อำนาจทางพลังงานของพวกเขาสำแดงอิทธิพลเหนือประเทศของเราและพันธมิตรของเรา" เธอระบุ
อย่างไรก็ตามเหล่านักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแสดงความกังวลว่าความเคลื่อนไหวครั้งนี้จะเป็นตัวสนับสนุนให้ยังคงพึ่งพาน้ำมันเหนือพลังงานสะอาด แม้สหรัฐฯเพิ่งให้คำมั่นระหว่างร่วมประชุมโลกร้อนว่าจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
คำสั่งห้ามนี้ถูกกำหนดขึ้นครั้งแรกในปี 1975 ช่วงเวลาที่สหรัฐฯกำลังมึนงงกับมาตรการห้ามส่งออกน้ำมันของประเทศอาหรับระหว่างปี 1973-1974 ซึ่งก่อคลื่นความช็อคอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯและดันราคาน้ำมันโลกพุ่งทะยาน
สมาชิกอาหรับของโอเปกห้ามส่งออกน้ำมันไปยังสหรัฐฯ เพื่อแก้แค้นวอชิงตันที่สนับสนุนอิสราเอลระหว่างสงครามอาหรับ-อิสราเอล และเพื่อแสวงหาความเป็นเอกราชทางพลังงาน สหรัฐฯจึงจัดตั้งคลังน้ำมันดิบสำรองฉุกเฉินหรือที่เรียกว่า "คลังปิโตรเลียมสำรองทางยุทธศาสตร์" ในปี 1975 และห้ามการส่งออกน้ำมันดิบทั้งหมด
อย่างไรก็ตามคำสั่งห้ามนั้นมีข้อยกเว้นบางอย่าง โดยอนุญาตให้ส่งออกน้ำมันดิบจากอะแลสกาและแคลิฟอร์เนียไปยังแคนาดาราว 491,000 บาร์เรลต่อวัน เพื่อการใช้ภายใน เช่นเดียวกับน้ำมันดิบนำเข้าที่ต้องส่งออกกลับไป
ด้วยความเคลื่อนไหวยกเลิกมาตรการดังกล่าว ทำให้น้ำมันดิบที่ผลิตในสหรัฐฯ 9.2 ล้านบาร์เรลต่อวันและในคลังสำรองเชิงพาณิชย์ 490.7 ล้านบาร์เรล สามารถส่งออกได้ทั้งหมด
กระนั้นประธานาธิบดียังคงสามารถจำกัดการส่งออกในกรณีเกิดภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ ในเหตุผลด้านความมั่นคงของประเทศ หรือการส่งออกก่อการขาดแคลนน้ำมันภายในประเทศ เช่นเดียวกับที่มันผลักให้ราคาน้ำมันสหรัฐฯสูงกว่าระดับตลาดโลกมากเกินไป อย่างไรก็ตามเงื่อนไขต่างๆเหล่านี้น้อยลงไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผานมา เนื่องจากกำลังผลิตน้ำมันที่เฟื่องฟูในอเมริกา
กระทรวงพลังงานสหรัฐฯระบุว่าอเมริกาจะกลายเป็นประเทศส่งออกน้ำมันดิบสุทธิราวๆทศวรรษหน้า
นักวิเคราะห์เชื่อว่าการยกเลิกคำสั่งห้ามส่งออกน้ำมัน ไม่น่าจะส่งผลกระทบนักต่อตลาดน้ำมันโลกที่เผชิญกับภาวะอุปทานล้นตลาดอยู่ก่อนแล้ว โดย เจมส์ วิลเลียมส์ จาก ดับเบิลยูอาร์จี อีโคโนมิคส์ ให้ความเห็นว่า "สหรัฐฯไม่มีน้ำมันส่วนเกินมากมายนักที่จะขาย นี่อาจช่วยให้ผู้ผลิตสามารถส่งออกไปยังยุโรปในราคาที่สูงขึ้น เนื่องจากโรงกลั่นต่างๆปรับตัวเข้ากับน้ำมันดิบเบาได้ดีกว่า"
อย่างไรก็ตามแอนดี ลิโพว์ จากลิโพว์ ออย แอสโซซิเอทส์ โต้แย้งว่าด้วยน้ำมันดิบสหรัฐฯมีราคาใกล้เคียงกับเบรนต์ "มันจึงไม่สนับสนุนการส่งออกจากสหรัฐฯไปยังส่วนอื่นๆของโลก ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ"
เครดิต http://manager.co.th/Around/ViewNews.as ... 0000138926
-
- Verified User
- โพสต์: 153
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เหตุที่ราคาน้ำมันลดลงเร็วและแรง
โพสต์ที่ 43
ผมดูราคาน้ำมันวันนี้อยู่ที่ประมาณ 27 ดอลฯ ต่อ บาเรล ซึ่ง ณ จุดนี้ผู้ผลิตน้ำมันทั่วโลกคงต้องขาดทุนแน่ๆ
แต่ว่ามันมาถึงจุดนี้ได้ยังไงอ่ะครับ งง... หรือว่านี่มันไม่ใช่กลไกตามปกติ หรือว่ายังมีผู้ผลิตที่ต้นทุนต่ำกว่านี้
สับสนจริงๆครับ
แต่ว่ามันมาถึงจุดนี้ได้ยังไงอ่ะครับ งง... หรือว่านี่มันไม่ใช่กลไกตามปกติ หรือว่ายังมีผู้ผลิตที่ต้นทุนต่ำกว่านี้
สับสนจริงๆครับ
มงคลชีวิต 38 ประการ
คือ บทมงคลสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสตอบปัญหาเทวดาที่ถามว่า คุณธรรมอันใดที่ทำให้ชีวิตประสบความเจริญ หรือ มี "มงคลชีวิต" ซึ่งมี ทั้งหมด ๓๘ ประการ
คือ บทมงคลสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสตอบปัญหาเทวดาที่ถามว่า คุณธรรมอันใดที่ทำให้ชีวิตประสบความเจริญ หรือ มี "มงคลชีวิต" ซึ่งมี ทั้งหมด ๓๘ ประการ
-
- Verified User
- โพสต์: 108
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เหตุที่ราคาน้ำมันลดลงเร็วและแรง
โพสต์ที่ 45
ช่วงนี้น้ำมันเป็นอะไรที่ "ทุกคนมองลง" กันอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกคนมองเห็นแต่เหตุผลสารพัดที่น้ำมันจะลงต่อ... ทั้งในและต่างประเทศ มีแต่ข่าวร้ายของน้ำมัน
เหมือนกับตอนน้ำมันวิ่งไป 140-150 ข่าวร้ายของน้ำมันแทบไม่เห็น...
รอบนี้น้ำมันลงมาเดือนนี้เป็นเดือนที่ 20 แล้ว ถ้าดูจากสภาพแวดล้อมที่มีแต่ข่าวร้าย commodity แทบทุกตัวลงมาเกือบสองปี
ผมว่าจุดต่ำสุดมันอาจจะอยู่ในเดือนสองเดือนนี้ก็ได้นาครับ
เหมือนกับตอนน้ำมันวิ่งไป 140-150 ข่าวร้ายของน้ำมันแทบไม่เห็น...
รอบนี้น้ำมันลงมาเดือนนี้เป็นเดือนที่ 20 แล้ว ถ้าดูจากสภาพแวดล้อมที่มีแต่ข่าวร้าย commodity แทบทุกตัวลงมาเกือบสองปี
ผมว่าจุดต่ำสุดมันอาจจะอยู่ในเดือนสองเดือนนี้ก็ได้นาครับ
#โลกไม่ได้มีแค่ขาวและดำ