VI หาดใหญ่

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1801

โพสต์

ดำ เขียน: ที่สำคัญอีกเรื่องคือ เราแทบไม่สามารถซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่ามากๆ ได้ เพราะตลาดรู้จักหุ้นนั้นๆ แบบมีประสิทธิภาพมากเกินพอแล้ว
ถ้าเป็นราคาที่ต่ำมาก ๆ แบบตอนเกิดวิกฤติ ผมก็เห็นด้วยว่าคงจะยาก แต่ถ้าเป็นราคาที่มี MOS ที่เหมาะสม ผมคิดว่ามันเป็นไปได้อยู่ครับ

ส่วนตลาดมีประสิทธิภาพนั้น ถ้าเป็นหุ้นที่คนตามกันมาก ๆ มันก็อาจจะเป็นแบบนั้น แต่มันก็ไม่ทั้งหมดครับ เพราะบางครั้งตลาดก็เอนไปข้างใดข้างหนึ่งแบบสุดโต่ง กลัวมากเกินไป มั่นใจมากเกินไป ซึ่งเราก็ต้องใช้โอกาสตรงนี้ครับ ทั้งขาซื้อและขาย

อีกอย่างหนึ่ง บางครั้งการมองของเรากับของคนอื่นอาจจะแตกต่างกันครับ บทวิเคราะห์ของโบรกส่วนใหญ่มักไม่เกิน 1 ปี มีการปรับเรื่อย ๆ เราอาจจะมองไปไกลกว่าก็ได้ครับ

กรณีหุ้นตัวอย่างที่เรายกมานี่ ผมเองก็เห็นด้วยว่า โดยพื้นฐานของบ.มันอาจจะไม่ดีแบบนั้นไปตลอด แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะทำกำไรกับราคาหุ้นมาก ๆ ไม่ได้นะครับ

เรายังมีโอกาสที่จะได้กำไรมาก ๆ ได้ครับ "ถ้าหุ้นตัวนั้นราคาลงมามาก ๆ โดยเฉพาะจากมุมมองของตลาดที่เกิดจากความกลัว"

บางครั้ง "นางฟ้า" ก็อาจจะมีช่วงเวลาที่ตกสวรรค์สั้น ๆ มาให้เราได้เป็นเจ้าของได้ครับ :D
"Become a risk taker, not a risk maker"
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1802

โพสต์

leky เขียน:ตลาดมีประสิทธิภาพนั้น ถ้าเป็นหุ้นที่คนตามกันมาก ๆ มันก็อาจจะเป็นแบบนั้น แต่มันก็ไม่ทั้งหมดครับ เพราะบางครั้งตลาดก็เอนไปข้างใดข้างหนึ่งแบบสุดโต่ง กลัวมากเกินไป มั่นใจมากเกินไป ซึ่งเราก็ต้องใช้โอกาสตรงนี้ครับ ทั้งขาซื้อและขาย

อีกอย่างหนึ่ง บางครั้งการมองของเรากับของคนอื่นอาจจะแตกต่างกันครับ บทวิเคราะห์ของโบรกส่วนใหญ่มักไม่เกิน 1 ปี มีการปรับเรื่อย ๆ เราอาจจะมองไปไกลกว่าก็ได้ครับ

กรณีหุ้นตัวอย่างที่เรายกมานี่ ผมเองก็เห็นด้วยว่า โดยพื้นฐานของบ.มันอาจจะไม่ดีแบบนั้นไปตลอด แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะทำกำไรกับราคาหุ้นมาก ๆ ไม่ได้นะครับ

เรายังมีโอกาสที่จะได้กำไรมาก ๆ ได้ครับ "ถ้าหุ้นตัวนั้นราคาลงมามาก ๆ โดยเฉพาะจากมุมมองของตลาดที่เกิดจากความกลัว"

บางครั้ง "นางฟ้า" ก็อาจจะมีช่วงเวลาที่ตกสวรรค์สั้น ๆ มาให้เราได้เป็นเจ้าของได้ครับ :D
หัวข้อนี้เป็นหนึ่งในเรื่องที่ผมกำลังสนใจศึกษามากที่สุดเลยครับ อ. "การเข้าใจและสามารถใช้ประโยชน์จากความมีและไม่มีประสิทธิภาพของตลาด" และก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมประทับใจเนื้อหาแนวคิดในหนังสือแก่นฯ เป็นอย่างมากครับ นี่คืออาวุธคู่กายที่ผมเลือกแล้วว่าจะใช้เพื่อการอยู่รอดในวงการหุ้น ไว้เดี๋ยวมาต่อเรื่องนี้ครับ
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1803

โพสต์

ขอแปะหัวข้อที่จะมา Discuss ไว้เป็นน้ำจิ้มก่อนครับ เผื่อว่าจะมีใครสนใจแชร์ไอเดียเรื่องนี้กัน

ความมีประสิทธิภาพของตลาด รับมือด้วยการวิเคราะห์มูลค่าที่แท้จริงในแนวทางวีไอ

ความไม่มีประสิทธิภาพของตลาด รับมือด้วยการเข้าใจในสิ่งที่วีไอหลายคนเรียกกันว่า Dark Side ของตลาด
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2545
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1804

โพสต์

leky เขียน:
ดำ เขียน: ที่สำคัญอีกเรื่องคือ เราแทบไม่สามารถซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่ามากๆ ได้ เพราะตลาดรู้จักหุ้นนั้นๆ แบบมีประสิทธิภาพมากเกินพอแล้ว
ถ้าเป็นราคาที่ต่ำมาก ๆ แบบตอนเกิดวิกฤติ ผมก็เห็นด้วยว่าคงจะยาก แต่ถ้าเป็นราคาที่มี MOS ที่เหมาะสม ผมคิดว่ามันเป็นไปได้อยู่ครับ

ส่วนตลาดมีประสิทธิภาพนั้น ถ้าเป็นหุ้นที่คนตามกันมาก ๆ มันก็อาจจะเป็นแบบนั้น แต่มันก็ไม่ทั้งหมดครับ เพราะบางครั้งตลาดก็เอนไปข้างใดข้างหนึ่งแบบสุดโต่ง กลัวมากเกินไป มั่นใจมากเกินไป ซึ่งเราก็ต้องใช้โอกาสตรงนี้ครับ ทั้งขาซื้อและขาย

อีกอย่างหนึ่ง บางครั้งการมองของเรากับของคนอื่นอาจจะแตกต่างกันครับ บทวิเคราะห์ของโบรกส่วนใหญ่มักไม่เกิน 1 ปี มีการปรับเรื่อย ๆ เราอาจจะมองไปไกลกว่าก็ได้ครับ

กรณีหุ้นตัวอย่างที่เรายกมานี่ ผมเองก็เห็นด้วยว่า โดยพื้นฐานของบ.มันอาจจะไม่ดีแบบนั้นไปตลอด แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะทำกำไรกับราคาหุ้นมาก ๆ ไม่ได้นะครับ

เรายังมีโอกาสที่จะได้กำไรมาก ๆ ได้ครับ "ถ้าหุ้นตัวนั้นราคาลงมามาก ๆ โดยเฉพาะจากมุมมองของตลาดที่เกิดจากความกลัว"

บางครั้ง "นางฟ้า" ก็อาจจะมีช่วงเวลาที่ตกสวรรค์สั้น ๆ มาให้เราได้เป็นเจ้าของได้ครับ :D
เวลานางฟ้าตกสวรรค์ ก็ต้องดูให้ดี
เมื่อก่อนจำได้
Snc team ums smt
เป็นหุ้นhot มาก
Snc เพิ่มทุนไปทำประกอบoem ผลงานdropลงสุดท้ายฟื้น
แต่ team ums และsmt เจอวิกฤตยังไม่ฟื้น
บางครั้งนายตลาดก็สะท้อนประสิทธิภาพของราคาเหมือนกันจึงเป็นศิลปในการคัดกรองของviที่จะเลือกหุ้นที่มีโอกาสผ่านเรื่องวิกฤษได้และmos พอที่จะรอคอย
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1805

โพสต์

ดำ เขียน:ความมีประสิทธิภาพของตลาด รับมือด้วยการวิเคราะห์มูลค่าที่แท้จริงในแนวทางวีไอ

ความไม่มีประสิทธิภาพของตลาด รับมือด้วยการเข้าใจในสิ่งที่วีไอหลายคนเรียกกันว่า Dark Side ของตลาด
ที่จะวิเคราะห์นี่เป็นเพียงความเชื่อส่วนตัว เกิดขึ้นจากประสบการณ์ในเส้นทางลงทุน/เทรดหุ้นของผมเอง อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มุ่งมั่นในแนวทางวีไอที่เน้นการค้นหามูลค่าที่แท้จริงโดยเฉพาะนะครับ (ไม่อยากให้เสียเวลาหรือแม้แต่อาจก่อให้เกิดการไขว้เขว)

ส่วนที่ผมอยากแชร์คือ ในส่วนของความไม่มีประสิทธิภาพของตลาดครับ

แม้ว่าแนวทางวีไอจะยอมรับว่า การควบคุมอารมณ์นั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญสำหรับการลงทุน และคำแนะนำส่วนใหญ่ก็จะเป็นในแนวของการให้พยายามแยกตัวเราเองออกจากนายตลาด ไม่กลัวเกินไป ไม่โลภเกินไป และพยายามยึดติดกับเหตุและผล นั่นก็คือ ทำหน้าที่วีไอให้ดีที่สุด ยึดมั่นกับมูลค่าที่แท้จริง ไม่หวั่นไหวตามอารมณ์

คำถามที่เกิดขึ้นในใจของผมคือ โอเค สมมติว่าเราสามารถแยกตัวเองจากอารมณ์ได้แล้ว เครื่องมือแนววีไอที่ใช้รับมือกับความผันผวนของราคาหุ้นคือ หามูลค่าที่แท้จริงให้ได้ แล้วพยายามซื้อในราคาที่มี MOS มากพอ เรามีทางเลือกในการรับมือกับความผันผวนเท่านี้เองหรือ? แล้ว MOS ที่ว่าล่ะ ก็รู้อยู่นะว่ายิ่งมากยิ่งดี คำถามคือแล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า MOS ที่เราตัดสินใจเลือกมันมากไปหรือน้อยไป มันมีค่ามาตรฐานมั้ย? หรือว่ามันขึ้นกับอะไรบ้าง? ทำยังไงเราถึงจะสามารถซื้อหุ้นได้ในราคาที่ดีทีสุดเท่าที่เป็นไปได้?

และแล้วเรื่องราวมันก็ดำเนินมาถึงสิ่งที่วีไอหลายคนเรียกกันว่า Dark Side ของตลาด แต่ผมขอรวมเรียกมันว่า ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่นอกเหนือไปจากมูลค่าที่แท้จริง
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1806

โพสต์

อย่าช้า อย่าช้า รออ่านอยู่ครับ เพ่
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1807

โพสต์

ก่อนจะไปต่อ ขอเพิ่มเติมเรื่อง MOS อีกนิดครับ

แนวทางวีไอบอกว่าเมื่อประเมินมูลค่าได้แล้ว ก็ให้รอซื้อในราคาที่มี MOS

คำถามของผมคือ ต่อให้ผมยินดีรอซื้อในราคาที่มี MOS ในระดับที่ผมมองแล้วว่าพอใจ (หมายความว่าต่อให้ซื้อแล้วราคาหุ้นยังลงต่ำไปกว่านั้น ผมก็ไม่แคร์ เพราะมั่นใจว่าในท้ายที่สุดแล้วราคาหุ้นก็จะกลับไปสู่มูลค่าของมัน) แต่ว่าแล้วผมจะมั่นใจได้ยังไงว่า MOS ที่ผมตั้งไว้มันไม่มากเกินไปจนราคาหุ้นมันจะไม่ลงมาให้ผมได้ซื้อล่ะ? การตัดสินใจถึงระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ในแต่ละคนนี่คือหนทางที่ดีที่สุดเท่าที่มีแล้วหรือ?

ในชีวิตจริงเราก็มีโอกาสเจอเรื่องเกี่ยวกับ MOS ที่เหมาะสมทำนองนี้เหมือนกัน เช่น ถ้าเราไม่เคยมีประสบการณ์หรือเคยรู้มาก่อนจากคนอื่นๆ เราจะรู้ได้ไงว่า ถ้าซื้อของในตลาดนัดเราสามารถต่อรองราคาได้ระดับนึง ถ้าซื้อของในตลาดมือสองเราต่อรองราคาได้มากขึ้นกว่านั้น และถ้าเราซื้อของในตลาดที่เมืองจีนเราจะต่อรองราคาได้มากขึ้นไปอีก
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1808

โพสต์

จะเริ่มเข้าเรื่องแล้วนะครับ

การใช้ MOS ในแบบของการตัดสินใจถึงระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ในแต่ละคนเป็นสิ่งที่ผมไม่เชื่อว่าเป็นคำตอบที่ดีพอแล้ว แม้ว่าถ้ามองในมุมของนักลงทุนคนนึงมันดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้นก็ตาม คนเราก็เสี่ยงเท่าที่เรายอมรับได้ ถ้าราคาหุ้นถูกแต่ยังถูกไม่พอสำหรับเราก็ปล่อยตกรถไป ถ้าราคาหุ้นถูกจนเกินกว่าที่เราคาดไว้มากๆ (และกลายเป็นว่าเราซื้อได้แล้วก็ยังมีราคาที่ต่ำกว่านั้นลงไปอีกมากๆ) ก็ทำใจซะ ถือซะว่าเดี๋ยวยังไงมันก็ต้องกลับมาตามที่มันควรจะเป็น ผมไม่ได้บอกว่าแนวทางดังกล่าวนี้ไม่ดี มันดีครับ ดีในระดับนึงทีเดียว แต่ผมเชื่อว่ามันยังน่าจะมีวิธีรับมือกับการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นอื่นๆ อีกนอกจากนี้ที่จะช่วยให้ผลตอบแทนต่อความเสี่ยงดีขึ้นได้

แน่นอนว่า ราคาหุ้นในตลาดเป็นไปตามการตัดสินใจของคนจำนวนมาก ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ไม่ได้ขึ้นกับความต้องการของคนๆ เดียว โดยเฉพาะถ้าคนๆ นั้นเป็นนักลงทุนรายย่อยธรรมดาๆ ที่เม็ดเงินลงทุนของเค้าไม่ได้มีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น นั่นคือ แม้ว่า MOS จะใช้ประโยชน์ได้ดีในการจัดการความเสี่ยงของแต่ละคน แต่ไม่ได้แปลว่าราคาหุ้นจะขึ้นลงไปตาม MOS ของใครคนใดคนหนึ่ง เราไม่สามารถจะกำหนด MOS ขึ้นมาแล้วคาดหวังว่าราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวสอดคล้องกับ MOS ของเราได้ ในทางกลับกันต่างหากที่น่าจะเป็นไปได้มากกว่ารึเปล่า นั่นคือ เราควรจะกำหนด MOS ของเราให้สอดคล้องกับความเป็นจริงของระดับความผันผวนในขณะนั้นๆ

นี่คือที่มาของสารพัดแนวทางที่มีคนคิดค้นขึ้นมาเพื่อรับมือกับการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น (โดยเฉพาะในระยะสั้น) นอกเหนือไปจาก MOS ของแนวทางวีไอ หรือที่วีไอบางคนรวมเรียกมันว่า Dark Side ของการลงทุน
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1809

โพสต์

ความพยายามในการรับมือกับความไม่มีประสิทธิภาพของตลาด หรือในหนังสือแก่นฯ เรียกว่าปัจจัยทางจิตวิทยาและปัจจัยทางเทคนิค มีมากมายหลายแนวทาง ซึ่งมันก็ไม่แปลก เนื่องจากว่าในโลกความเป็นจริงนั้น คนเราไม่ได้ตัดสินใจซื้อขายหุ้นด้วยเหตุผลด้านพื้นฐานกิจการเพียงอย่างเดียว ยังมีเหตุผลอื่นๆ อีกมากมาย เช่น กองทุนเปลี่ยนกฎเกณฑ์ในการถือครองหุ้น มีการตัดสินใจปรับพอร์ตจากเหตุผลเรื่องสภาพคล่อง เกิดเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย มีข่าวที่สร้างความตกใจอย่างมาก มีข่าวที่สร้างความคาดหวังอย่างมาก ความคิดความวิตกกังวลถึงความเชื่อมโยงกันของเหตุการณ์ต่างๆ รวมไปถึงความพยายามสร้างการเคลื่อนไหวของราคาเพื่อให้เกิดความเชื่อผิดๆ ในตลาดและเป็นประโยชน์แก่คนบางคนที่ทำแบบนั้น

ถึงตรงนี้คงต้องบอกก่อนว่า การแชร์ถึงแนวทางในการรับมือกับความไม่มีประสิทธิภาพของตลาดที่จะว่ากันต่อไปนี้ ผมเองก็ไม่มีคำตอบสุดท้ายหรอกครับว่า อะไรดี อะไรไม่ดี อย่างดีที่สุดที่ผมพอจะทำได้คือ การให้ความเห็นถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละแนวทางที่เคยผ่านการทดลองศึกษาและประสบการณ์ในมุมของผมว่าเป็นยังไงบ้างเท่านั้น และตัวผมเองก็ยังไม่ได้ประสบความสำเร็จในการลงทุนแต่อย่างใด

แนวทางต่างๆ ที่ผมเคยศึกษามา ได้แก่
- แนวทางกราฟเทคนิค
- แนวทางจิตวิทยาตลาด เช่น แนวคิดระบบผลประโยชน์ ทฤษฎี Reflexivity
- แนวทางการวิเคราะห์ถึงแรงจูงใจของผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหาร
- แนวทางการวิเคราะห์การเคลือนย้ายเงินทุน (Fund Flow) และผลตอบแทนโดยเปรียบเทียบ
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1810

โพสต์

รอฟังต่อครับ คุณดำ

ผมว่าคุณดำผ่านร้อนหนาวมามากมายจริง ๆ ครับ ผมเองยอมรับว่า ชอบศึกษาก็จริง แต่แนวทางไหนที่ดูแล้วผมท่าจะไม่ชอบผมก็แทบไม่ยุ่งเลย

ผมว่าคำว่า MOS เท่าที่ผมอ่านในหนังสือหลายเล่มที่มีคนเขียนมา สรุปแล้ว "มันไม่มีกฎเกณฑ์" ครับ ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคน ถ้าจะพูดแบบติส ๆ ก็ "มันเป็นศิลปะ" ซึ่งก็ยิ่งทำให้มันยากขึ้นไปอีก เหมือนเคล็ดวิชาที่มีกระบวนท่าแต่ก็เหมือนไม่มีกระบวนท่า

อย่างบัฟเฟตเองไม้บรรทัดที่จะเอามาวัด MOS ก็คงไม่เหมือนคนทั่ว ๆ ไป เค้ารอได้เป็นปี ๆ ซึ่งผมก็คิดว่ามันก็อาจจะเหมาะสมถ้าเค้ามีสินทรัพย์มากอยู่แล้ว

แต่ในกรณีนลท.รายเล็ก ๆ จะรอไหวไหม ถ้าจะซื้อหุ้นต่ำ ๆ แต่ 10 ปีจะเกิดซักครั้งหนึ่ง
"Become a risk taker, not a risk maker"
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1811

โพสต์

chaitorn เขียน: เวลานางฟ้าตกสวรรค์ ก็ต้องดูให้ดี
เมื่อก่อนจำได้
Snc team ums smt
เป็นหุ้นhot มาก
Snc เพิ่มทุนไปทำประกอบoem ผลงานdropลงสุดท้ายฟื้น
แต่ team ums และsmt เจอวิกฤตยังไม่ฟื้น
บางครั้งนายตลาดก็สะท้อนประสิทธิภาพของราคาเหมือนกันจึงเป็นศิลปในการคัดกรองของviที่จะเลือกหุ้นที่มีโอกาสผ่านเรื่องวิกฤษได้และmos พอที่จะรอคอย
ผมเข้าใจว่าหุ้นนางฟ้าที่คุณ chaitorn ยกขึ้นมา น่าจะเป็นหุ้นที่เคยมี story ในเว็บแห่งนี้ ผมเองยอมรับว่ามาไม่ทัน แต่ถ้าจะวิจารณ์แบบ "ตรงไปตรงมา" นะครับ

หุ้นพวกนี้ผมว่าเข้าข่ายหุ้นวัฎจักรครับ น่าจะทั้ง 4 ตัวเลย ซึ่งผมกลับไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ ว่าบางตัวไปแล้วไปลับ

หุ้นเหล่านี้ รอบที่ขึ้นไปแรง ๆ ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะวัฎจักรขาขึ้น อาจจะปัจจัยภายนอกโดยรวม ๆ เช่นราคาถ่านหินที่สูงขึ้น หรือปัจจัยจากตัวธุรกิจของบ.เอง เช่น SMT กับชิ้นส่วนของ smart phone

แต่ก็ต้องยอมรับว่า ถ้าดูจากรายชื่อหุ้นเหล่านี้ เท่าที่เคยได้ยินมา การขึ้นของราคาหุ้นที่ต้องถือว่า "รุนแรง" ส่วนหนึงเป็นเพราะมีบิ๊กเนมเข้าไปร่วมทำการซื้อขายด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ 1+1 นอกจากจะไม่เท่ากับ 2 แล้ว อาจจะกลายเป็น 4-5 เพราะมีการซื้อตามกันเกิดขึ้น

ฉะนั้น เมื่อวัฎจักรขาขึ้นของหุ้นพวกนี้สิ้นสุดลง การลงของมันก็เลยรุนแรงเช่นกันครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2545
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1812

โพสต์

leky เขียน:
chaitorn เขียน: เวลานางฟ้าตกสวรรค์ ก็ต้องดูให้ดี
เมื่อก่อนจำได้
Snc team ums smt
เป็นหุ้นhot มาก
Snc เพิ่มทุนไปทำประกอบoem ผลงานdropลงสุดท้ายฟื้น
แต่ team ums และsmt เจอวิกฤตยังไม่ฟื้น
บางครั้งนายตลาดก็สะท้อนประสิทธิภาพของราคาเหมือนกันจึงเป็นศิลปในการคัดกรองของviที่จะเลือกหุ้นที่มีโอกาสผ่านเรื่องวิกฤษได้และmos พอที่จะรอคอย
ผมเข้าใจว่าหุ้นนางฟ้าที่คุณ chaitorn ยกขึ้นมา น่าจะเป็นหุ้นที่เคยมี story ในเว็บแห่งนี้ ผมเองยอมรับว่ามาไม่ทัน แต่ถ้าจะวิจารณ์แบบ "ตรงไปตรงมา" นะครับ

หุ้นพวกนี้ผมว่าเข้าข่ายหุ้นวัฎจักรครับ น่าจะทั้ง 4 ตัวเลย ซึ่งผมกลับไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ ว่าบางตัวไปแล้วไปลับ

หุ้นเหล่านี้ รอบที่ขึ้นไปแรง ๆ ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะวัฎจักรขาขึ้น อาจจะปัจจัยภายนอกโดยรวม ๆ เช่นราคาถ่านหินที่สูงขึ้น หรือปัจจัยจากตัวธุรกิจของบ.เอง เช่น SMT กับชิ้นส่วนของ smart phone

แต่ก็ต้องยอมรับว่า ถ้าดูจากรายชื่อหุ้นเหล่านี้ เท่าที่เคยได้ยินมา การขึ้นของราคาหุ้นที่ต้องถือว่า "รุนแรง" ส่วนหนึงเป็นเพราะมีบิ๊กเนมเข้าไปร่วมทำการซื้อขายด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ 1+1 นอกจากจะไม่เท่ากับ 2 แล้ว อาจจะกลายเป็น 4-5 เพราะมีการซื้อตามกันเกิดขึ้น

ฉะนั้น เมื่อวัฎจักรขาขึ้นของหุ้นพวกนี้สิ้นสุดลง การลงของมันก็เลยรุนแรงเช่นกันครับ
ผมคิดว่่า วัฏจักรเป็นส่วนหนึ่งครับ อาจารย์ lexy มาเติมข้อมูลให้ครับ

Team ปัญหาใหญ่เกิดจากลูกค้ารายใหญ่ลดการสั่งซื้อลง เพราะถูกควบรวม ทำให้ต้องหาลูกค้ารายใหม่มาชดเชย แต่ยังทำไม่ได้้ต็มที่
Ums โดนเรื่องการประท้วงมลพิษของโกดังเก็บถ่านหินทำให้ต้องแก้ไขปัญหาคลังเก็บสินค้า และทำให้ต้องมีต้นทุนการขายสูงขึ้นจากการขนส่งมากขึ้นเพราะต้องไปใช้คลังสินค้าอื่นที่ห่างไกลขึ้น อีกส่วนเป็นเรื่องวัฏจักรสินค้า

Smt เจอเรื่องน้ำท่วม ทำให้ลูกค้าหันไปใช้บรืการกับคู่แข่งขัน เพราะ smt ต้องซื้อเครื่องจักรใหม่หมด เสียเวลาติดตั้งใหม่นานพอควร วันนี้ยังได้ลูกค้ากลับมาไม่มากเท่าตอนก่อนโดนน้ำท่วม

เวลามีวิกฤษ ความยากของเราก็คืออะไรคือชั่วคราว หรืออะไรคือพื้นฐานเปลี่ยนยากต่อการฟื้นตัวได้ครับ
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1813

โพสต์

ก่อนที่ผมจะพาลงรายละเอียดของแต่ละแนวทางที่ว่า (บางครั้งผมอาจเรียกรวมๆ กันว่าแนวทางนอน-วีไอ) ผมอยากบอกถึงความเชื่อส่วนตัวของผมในตอนนี้ก่อนว่า ทุกวันนี้ผมมีความเชื่ออย่างไรเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นเพื่อเอาไว้เป็นข้อมูลประกอบการอ่านเนื้อหาในส่วนต่อๆ ไป

ความเชื่อของผมในตอนนี้ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากหนังสือแก่นฯ ที่ถูกยกขึ้นมา Discuss กันหลายครั้งหลายหนในห้องนี้

ผมเชื่อในแนวคิดที่ว่า คนเราจะทำอะไรให้ประสบความสำเร็จก็ตาม จะต้องเริ่มจากการมีทัศนคติที่ถูกต้องก่อน จากนั้นจึงตามมาด้วยความเพียรพยายาม หากทัศนคติของเราผิดพลาดแล้ว ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ ความสำเร็จก็จะไม่ตามมาอย่างแน่นอน

ความเชื่อของผมที่มีต่อการซื้อขายหุ้นคือ "ตลาดหุ้นมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอนในระยะยาวเมื่อตลาดตัดสินด้วยเหตุและผล ในขณะเดียวกันตลาดหุ้นไม่มีประสิทธิภาพตลอดเวลาอย่างแน่นอนเช่นกันเพราะในเวลาส่วนใหญ่แล้วตลาดไม่ได้ตัดสินด้วยเหตุและผลเพียงแค่นั้น"
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1814

โพสต์

"ตลาดหุ้นมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอนในระยะยาวเมื่อตลาดตัดสินด้วยเหตุและผล ในขณะเดียวกันตลาดหุ้นไม่มีประสิทธิภาพตลอดเวลาอย่างแน่นอนเช่นกันเพราะในเวลาส่วนใหญ่แล้วตลาดไม่ได้ตัดสินด้วยเหตุและผลเพียงแค่นั้น"

จากความเชื่อที่ว่า ทำให้แนวคิดแบบนอน-วีไอเข้ามามีบทบาทในการรับมือกับความไม่มีประสิทธิภาพของตลาดนอกเหนือไปจากหลักการเกี่ยวกับ MOS ที่แนวทางวีไอใช้กันอยู่ แต่ก็ดูเหมือนจะมีความคลุมเครือในการนำไปใช้งานจริงอยู่มาก

วีไอบางท่านอาจมีคำถามในใจว่า ก็ในเมื่อเชื่อว่าตลาดหุ้นมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอนในระยะยาว แล้วเราจะเลือกมองข้ามความไม่มีประสิทธิภาพของมันในบางช่วงเวลาไปได้หรือไม่? คำตอบสำหรับตัวผมเองคือ เราเลือกมองข้ามได้ แต่ไม่ได้แปลว่าดี แม้แต่ในหนังสือแก่นฯ ก็ระบุไว้ชัดเจนว่า ผลจากปัจจัยทางจิตวิทยาและปัจจัยทางเทคนิคในบางครั้งบางเวลาอาจมีมากกว่าผลจากปัจจัยด้านมูลค่าด้วยซ้ำ (เพื่อนๆ ในห้องนี้ซึ่งล้วนมีประสบการณ์ในตลาดค่อนข้างโชกโชนก็คงประจักษ์กับเรื่องนี้ด้วยตัวเองมาแล้วไม่มากก็น้อย)

มาถึงตรงนี้คงพอจะเข้าใจตรงกันถึงที่มาที่ไป ความเชื่อต่างๆ นานาของมนุษย์เจ้าปัญหาอย่างผมแล้ว ก็คงได้เวลาเข้าเนื้อหาในส่วนนอน-วีไอซะทีครับ
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1815

โพสต์

*** จุดประสงค์ที่จะแชร์ (และร่วม Discuss) ถึงแนวทางเหล่านี้ ไม่ได้เพื่อให้เชื่อหรือไม่เชื่อ แต่เพื่อให้รู้ว่าความเชื่อเหล่านี้มีอยู่ในตลาด (รู้เขารู้เรา รบร้อยมิพ่าย) ส่วนจะมีประโยชน์ในทางใดหรือไม่มีประโยชน์เลย (คงไม่ถึงกับเป็นโทษนะ) อันนี้ก็คงเป็นเรื่องของการใช้วิจารญาณของแต่ละคนครับ ที่สำคัญมันเป็นเพียงข้อมูลจากการรับรู้ของผมเท่านั้น อาจไม่ตรงกับความเป็นจริงก็ได้ครับ ***

จากแนวทางแบบนอน-วีไอที่ผมเคยศึกษามา ได้แก่
- แนวทางกราฟเทคนิค
- แนวทางจิตวิทยาตลาด เช่น แนวคิดระบบผลประโยชน์ ทฤษฎี Reflexivity
- แนวทางการวิเคราะห์ถึงแรงจูงใจของผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหาร
- แนวทางการวิเคราะห์การเคลือนย้ายเงินทุน (Fund Flow) และผลตอบแทนโดยเปรียบเทียบ

ผมก็คงค่อยๆ พิมพ์ไปเรื่อยๆ ในแต่ละแนวทาง ซึ่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นแบบไหนเลยครับ เพราะไม่ได้กำหนดขอบเขตเนื้อหาหรือวางโครงร่างอะไรไว้เลย (พิมพ์แบบตามใจฉัน :oops: ) จนกว่าจะถูกสั่งห้ามหรือถูกควบคุมตัวไปปรับทัศนคติ ถึงตอนนั้นน้ำใจจากเหล่าสหาย ข้าวผัดซักห่อ โอเลี้ยงซักถุง ก็คงจะพอประโลมใจให้สามารถพิมพ์ได้ต่อหลังจากได้รับการปล่อยตัวออกมาใหม่ครับ (เพ้อเจ้อแระ)
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1816

โพสต์

อืมม์

เหมือนกับศิษย์พี่จะกำลังตกผลึกอะไรซักอย่าง บางอย่างที่สำคัญนะครับ

ติดตามครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2545
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1817

โพสต์

เนื้อหาน่าสนใจมากครับ อาจารย์ดำ :D

ผมสนใจจะซื้อหนังสือที่เขียนโดยอาจารย์ดำเล่มนี้แล้วหละ
อาจารย์ดำจะจำหน่ายหนังสือเมื่อไหร่ครับ
จะไปหาซื้อด่วนครับ :mrgreen:

ผมฝากประเด็นไว้หน่อยนะครับ

ราคาหุ้นกับข่าวที่ออกมา

ข่าวดีออกมา ราคาหุ้นขึ้นตาม กับราคาหุ้นตกสวน มีนัยยะอย่างไร ตลาดบอกอะไรเรา
ข่าวร้ายออกมา ราคาหุ้นขึ้นสวน กับราคาหุ้นตกตาม มีนัยยะอย่างไร ตลาดบอกอะไรกับเรา

ขอบคุณอาจารย์ดำด้วยครับ
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1818

โพสต์

chaitorn เขียน:ผมฝากประเด็นไว้หน่อยนะครับ

ราคาหุ้นกับข่าวที่ออกมา

ข่าวดีออกมา ราคาหุ้นขึ้นตาม กับราคาหุ้นตกสวน มีนัยยะอย่างไร ตลาดบอกอะไรเรา
ข่าวร้ายออกมา ราคาหุ้นขึ้นสวน กับราคาหุ้นตกตาม มีนัยยะอย่างไร ตลาดบอกอะไรกับเรา
ระหว่างที่ผมยังเรียบเรียงไม่ออกว่าจะมาต่อเรื่องราวของแต่ละแนวทางแบบนอน-วีไอยังไง หรือจะยกแนวทางไหนขึ้นมาก่อนดี ขอคั่นรายการด้วยการร่วม Discuss ประเด็นคำถามก็ดีเหมือนกันครับ :mrgreen:

เรื่องที่ท่าน chaitorn ว่ามา ผมคิดว่าเป็นหนึ่งในประเด็นคาใจนักลงทุนหลายคนทีเดียว และเป็นประเด็นที่น่าจะนำมาถกเถียงกันได้สนุก

ส่วนตัวผมมองว่า ผลที่เกิดขึ้นตามมาเป็นอย่างไรมันต้องดูจากสถานการณ์ในช่วงก่อนหน้านั้นครับว่าตลาดกำลังอยู่ในภาวะอะไร และการที่มันเป็นไปในลักษณะนี้เองที่ทำให้การที่พยายามโยงว่า ข่าวดีหุ้นต้องขึ้นสิถึงจะถูกต้อง มันก็ไม่ใช่ หรือความเชื่อในปรากฏการณ์ Sell on Fact มันก็ไม่ใช่อีกเช่นกัน เพราะความเชื่อเหล่านั้นไม่ได้ดูที่เหตุ นั่นคือในเวลาก่อนที่จะมีข่าวสำคัญออกมา ตลาดกำลังเป็นยังไงอยู่ก่อน

อย่าลืมว่า ในเวลาส่วนใหญ่นั้นตลาดไม่ได้มีประสิทธิภาพอย่างที่หลายคนเข้าใจ ตลาดจะเคลื่อนไหวไปตามปัจจัยทางจิตวิทยาและปัจจัยทางเทคนิคเป็นหลัก ดังนั้น หากในเวลานั้นตลาดกำลังคาดหวังเชิงบวกอยู่ก่อนแล้ว ในเวลาที่มีข่าวดีออกมาจริงๆ โอกาสจะเจอ Sell on Fact ขายทำกำไรก็สูง แต่ในทางกลับกันครับ ถ้าตลาดกำลังหมดหวังอยู่ เวลาที่มีข่าวดีออกมาจริงๆ ตลาดก็มักจะปรับตัวขึ้นตามข่าวนั้นๆ
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1819

โพสต์

chaitorn เขียน:
ข่าวดีออกมา ราคาหุ้นขึ้นตาม กับราคาหุ้นตกสวน มีนัยยะอย่างไร ตลาดบอกอะไรเรา
ข่าวร้ายออกมา ราคาหุ้นขึ้นสวน กับราคาหุ้นตกตาม มีนัยยะอย่างไร ตลาดบอกอะไรกับเรา

ขอบคุณอาจารย์ดำด้วยครับ
1) ข่าวดีสุดขีดออกมา ราคาหุ้นมักจะพุ่งรับข่าว และตกสวนบวกซึมยาวส่วนใหญ่เป็น outlier เก็งถูกแต่ทีเดียวจบ
คำแนะนำ: ควรขายตามเค้าไป -> ผมเสียเงินให้กลุ่มนี้บ่อยมากเพราะขายไม่ทัน :'O

2) ข่าวดีสุดขีดออกมา ราคาหุ้นขึ้นตามหล่นมายืนได้และไปต่อ แบบนี้มีสิทธิ์เป็นหุ้นเติบโต อาจเข้าข่าย ถ้วยและหู ของ CANSLIM
คำแนะนำ: ควรกำหนดจุดคัทลอส -> ผมอยู่กลุ่มนี้

3) ข่าวร้ายออกมา ราคาหุ้นขึ้นสวน แบบนี้มีสิทธิ์เป็นหุ้นเทิร์นอะราวด์ เข้าทำนองที่เคน ฟิชเชอร์บอกไว้ คือ "ข่าวร้ายสุดท้าย"
คำแนะนำ: หุ้นจะซึมยาวแต่ลงอีกไม่มาก ต้องพยายามติดตามและดูว่าระหว่างที่เราถือมีปันผลปลอบใจหรือไม่ -> ผมเหนื่อยใจกับกลุ่มนี้และบางครั้งถอดใจขายไปก่อน แต่ส่วนใหญ่จะขึ้นหลังจากผมขายไป :wall:

4) ข่าวร้ายออกมา ราคาหุ้นลงตาม -> อันนี้พอผ่านไปสักพักมีสิทธิ์กลายเป็นหุ้นปั่น มันมักจะกลับมาใหม่ในชื่อใหม่ ธุรกิจใหม่ ควบรวมใหม่ เพิ่มทุนใหม่ พันธมิตรใหม่
คำแนะนำ: ควรเก็งราคาเมื่อมีข่าวและราคาขยับขึ้นรอบใหม่ กำหนดจุดเข้าและออกควบคู่ไปกับข่าว กลุ่มนี้มักติดบ้านเอเอฟ ถ้าจะให้ดีราคาควรขึ้นยามอยู่ในบ้านเอเอฟ ชอบเล่นหุ้นปั่นป่ะละ ถ้าชอบล่ะก็กลุ่มนี้จะมี สตรีล่อ เอ๊ย สตอรี่ มาให้เล่นกันเรื่อย ๆ ตาดีได้ตาร้ายเสีย ก็คงต้องดูและศึกษาให้ดีกับสตอรี่ ที่เค้าเอามาล่อ ว่ามีของดังที่ออกเข่า เอ๊ย ออกข่าว ดังเขาเล่าลือหรือไม่ กลุ่มนี้ผมชอบเป็นอันดับสองครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1820

โพสต์

Nevercry.boy เขียน:
4) ข่าวร้ายออกมา ราคาหุ้นลงตาม -> อันนี้พอผ่านไปสักพักมีสิทธิ์กลายเป็นหุ้นปั่น มันมักจะกลับมาใหม่ในชื่อใหม่ ธุรกิจใหม่ ควบรวมใหม่ เพิ่มทุนใหม่ พันธมิตรใหม่
คำแนะนำ: ควรเก็งราคาเมื่อมีข่าวและราคาขยับขึ้นรอบใหม่ กำหนดจุดเข้าและออกควบคู่ไปกับข่าว กลุ่มนี้มักติดบ้านเอเอฟ ถ้าจะให้ดีราคาควรขึ้นยามอยู่ในบ้านเอเอฟ ชอบเล่นหุ้นปั่นป่ะละ ถ้าชอบล่ะก็กลุ่มนี้จะมี สตรีล่อ เอ๊ย สตอรี่ มาให้เล่นกันเรื่อย ๆ ตาดีได้ตาร้ายเสีย ก็คงต้องดูและศึกษาให้ดีกับสตอรี่ ที่เค้าเอามาล่อ ว่ามีของดังที่ออกเข่า เอ๊ย ออกข่าว ดังเขาเล่าลือหรือไม่ กลุ่มนี้ผมชอบเป็นอันดับสองครับ
ในกรณีข้อ (4) นี้ ฟิล ฟิชเชอร์ อาจารย์ของบัฟเฟตต์ เคยให้ข้อสังเกตุไว้ว่า กราฟจะทำรูปตัว U ก่อน เกิดจากคนวงในจะเข้าไปเก็งกำไร แต่เนื่องจากหุ้นตกมามาก สภาพคล่องจะน้อย ดังนั้น หากต้องการเก็บหุ้นจะทำให้กราฟ เกิดปรากฎการณ์รูปตัว U เพราะข่าวนั้นยังมาไม่ถึงตลาด ให้เป็นจุดสังเกต
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1821

โพสต์

ผมว่าคุณดำ ดูมีอาการ "ใกล้บรรลุ" เคล็ดวิชาอะไรบางอย่างนะครับ :D

ตอนที่ผมเริ่มกลับมาเปลี่ยนทัศนคติเรื่องการลงทุนในหุ้นใหม่ ๆ ตอนนั้นผมไม่เคยอ่านเว็บบอร์ดอะไรเลย มีเพียงหนังสืออยู่ไม่กี่เล่ม

คำว่า MOS นั้น เท่าไหร่ถึงจะพอ มันคงคล้าย ๆ กับประโยคที่ว่า "ให้ซื้อหุ้นถูก ขายแพง" ซึ่งเป็นประโยคที่ผมได้ยินมาตั้งแต่ตอนรู้จักหุ้นใหม่ ๆ รวมทั้งประโยคที่ว่า "ขึ้นขาย ลงซื้อ"

ถามว่ามันฟังดูง่ายมากนะครับ แต่ทำจริงและให้ประสบความสำเร็จนี่ โคตรจะยากครับ มันเหมือนคนพูด หยิบปรัชญาอะไรบางอย่างซึ่งมันเป็นสิ่งที่จริงแน่นอน และเราไม่มีทางปฏิเสธมันได้ แต่ให้เราเดินทางตามหาวิธีบรรลุให้ได้เอง

มันก็คงเหมือนกับพระพุทธเจ้าที่ลองผิดลองถูกกว่าจะตรัสรู้น่ะครับ

ผมมองย้อนตัวเองในตอนนั้น เหมือนผมพยายามจะคิดว่าทำไม หุ้นที่ผมซื้อมันก็ถูกนะ PE ก็ไม่ได้สูง แต่ทำไมผมถึงไม่สามารถทำกำไรได้ ในบางครั้งก็ขาดทุน ส่วนหนึ่งผมอาจจะโชคไม่ดีด้วยที่กลับมาตอนจุดเริ่มต้นของช่วงซับไพร์มพอดี

จนวันหนึ่งหลังจากผมอ่านหนังสือของปีเตอร์ ลินซ์ ผมถึงเข้าใจว่าหุ้นที่ผมซื้อ มันคงไม่มี "ตัวเร่ง" ราคาที่รุนแรง

ในช่วงเวลานั้น ผมพยายามคิดหลายอย่าง เคยนั่งคิดว่า "ปัจจัย" อะไรบ้าง ที่จะทำให้นลท.ในตลาดยอมทุ่มเงินซื้อหุ้น นั่งคิดไปเรื่อย ๆ มองย้อนกลับไปเรื่อย ๆ ถึง "ราก" ของปัจจัยนั้น เช่น ถ้ากำไรต่อหุ้นสูงขึ้น คือสิ่งที่จะลากราคาหุ้นขึ้น แล้ว "อะไร" คือเหตุที่จะทำให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มสูงขึ้นแบบมีนัยสำคัญ คิดย้อนแตกไปเรื่อย ๆ เหมือนศึกษาจากลำต้นย้อนไปสู่รากแขนงไปถึงรากฝอย

แตกแขนงไปเรื่อย ๆ รวมถึง ถ้าไม่ใช่เรื่องกำไรต่อหุ้นที่เพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ มันจะมีปัจจัยอื่น ๆ เช่นอะไรบ้าง รวมถึงปัจจัยเรื่องสภาพตลาด การไหลของเงิน จิตวิทยา ผู้ถือหุ้น มุมมองของนลท.ต่อหุ้นตัวนั้น

ผมเคยแม้กระทั่งลองผิดลองถูกใช้โมเดลของเงินปันผลที่จะผลักดันราคาหุ้น ซึ่งมันก็ได้ผลในระดับหนึ่ง แต่พอตลาดสูงขึ้น ผลตอบแทนของเงินปันผลในหุ้นลดลง หุ้นแบบนั้นก็หาแทบไม่ได้

ผมเลยรู้สึกว่า ไม่ว่าเราจะเรียนรู้จากเรื่องราวของคนอื่นมากน้อยแค่ไหน สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ การนั่งคิดทบทวนครับ

บางทีการลองผิดลองถูก มันก็อาจจะเหมือนการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ที่เราเริ่มจากการสังเกต การตั้งสมมติฐาน การทดลอง และการสรุปผลการทดลองครับ

การลองผิดลองถูกผมคิดว่าเราจะได้แนวทาง ที่อาจจะเหมาะสมกับตัวเอง เหมือนโค้ชลองแผนการเล่น ให้กับทีมตัวเอง

การใช้วิธีการของคนอื่นมาแล้วพยายามจะเลียนแบบ บางครั้งก็ไม่ได้แปลว่าจะได้ผลครับ ไม่อย่างนั้น ทีมกีฬาทุกทีมก็คงเล่นแผนเดียวกันหมดครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1822

โพสต์

วันนี้ดูท่าจะมันส์แต่เช้าเลยครับ :D

ว่าแต่ช่วงนี้ "บิ๊กบอส" หายไปนะครับ

อ.หนึ่งครับ รายงานตัวหน่อยครับ เหล่าลูกสมุนขอเสียงครับ :D
"Become a risk taker, not a risk maker"
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1823

โพสต์

chaitorn เขียน:เนื้อหาน่าสนใจมากครับ อาจารย์ดำ :D

ผมสนใจจะซื้อหนังสือที่เขียนโดยอาจารย์ดำเล่มนี้แล้วหละ
อาจารย์ดำจะจำหน่ายหนังสือเมื่อไหร่ครับ
จะไปหาซื้อด่วนครับ :mrgreen:
ผมว่าคุณดำอาจจะออกหนังสือ ความผิดพลาดในตลาดหุ้น หรือไม่ก็ เสียดายที่ไม่ได้อ่านก่อนเล่นหุ้นอะไรทำนองนี้นะครับ

เพราะอาจจะสามารถชี้ให้เห็นถึงจุดด้อยหลายวิธีก่อนที่ใครจะเลือกวิธีใดวิธีหนึ่ง
"Become a risk taker, not a risk maker"
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1824

โพสต์

leky เขียน: ผมเลยรู้สึกว่า ไม่ว่าเราจะเรียนรู้จากเรื่องราวของคนอื่นมากน้อยแค่ไหน สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ การนั่งคิดทบทวนครับ

บางทีการลองผิดลองถูก มันก็อาจจะเหมือนการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ที่เราเริ่มจากการสังเกต การตั้งสมมติฐาน การทดลอง และการสรุปผลการทดลองครับ

การลองผิดลองถูกผมคิดว่าเราจะได้แนวทาง ที่อาจจะเหมาะสมกับตัวเอง เหมือนโค้ชลองแผนการเล่น ให้กับทีมตัวเอง

การใช้วิธีการของคนอื่นมาแล้วพยายามจะเลียนแบบ บางครั้งก็ไม่ได้แปลว่าจะได้ผลครับ ไม่อย่างนั้น ทีมกีฬาทุกทีมก็คงเล่นแผนเดียวกันหมดครับ
สุดยอดครับ อจ.หมอเล็ก ที่ อจ.หมอเขียนมานั้นตรงใจมาก ๆ ครับ
ขอบพระคุณอย่างสูงครับ

ปล. นี่ผมลืมไปแล้วนะครับว่าวันนี้ตลาดหุ้นเปิด
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1825

โพสต์

เสริมท่าน N.b ครับ ช่วงนี้ผมกำลังคึกมาก ขอแจมบ่อยหน่อยนะครับ :mrgreen:

การจะเลือกหุ้นซักตัวเพื่อซื้อแล้วคาดหวังกำไรแบบเป็นกอบเป็นกำ ควรถามตัวเองก่อนว่า เราเอาอะไรมามั่นใจว่ามันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ และความเสี่ยงที่จะผิดพลาดจนขาดทุนจะไม่เกิดขึ้น ซึ่งจากประสบการณ์ของผม หุ้นที่จะขึ้นได้มากๆ มี 2 แบบครับ

1. เป็นไปตามพื้นฐานระยะยาวของมัน
2. เป็นไปตามจุดประสงค์บางอย่างของ "ใครบางคน"

ขอพูดถึงเฉพาะแบบที่ 2 ครับ หุ้นในกลุ่มนี้เท่าที่ผมศึกษามา มักจะมีจุดร่วมบางอย่างต่อไปนี้ครับ
- เป็นหุ้นขนาดเล็ก
- พื้นฐานอ่อนแอขนาดที่ว่าวีไอเห็นแล้วต้องส่ายหน้า สภาพคล่องเงินหมุนเวียนกำลังย่ำแย่ ส่วนผู้ถือหุ้นกำลังใกล้ติดลบ แถมอนาคตก็ดูแล้วมืดมน ไม่มีอะไรน่าสนใจ
- มักจะมี Free Float สูงๆ นั่นคือ เป็นหุ้นไม่มีเจ้าของตัวจริง และบริหารกิจการโดยพวกที่เรียกว่าเป็นแบบมืออาชีพ (หมายความว่า บริหารแต่ไม่ได้ถือหุ้น)
- ช่วงที่ผ่านมา แทบไม่เป็นที่สนใจของตลาดมายาวนานเป็นปีๆ หรือนานกว่านั้น

หุ้นลักษณะนี้ ถ้าโอกาสอำนวยก็จะมี "ใครบางคน" เข้ามาแสวงหากำไร จุดเด่นของหุ้นลักษณะนี้คือ เวลาที่ราคามันขึ้นจะขึ้นแบบตั้งตัวไม่ติด และร้อนแรงมากๆ แต่จุดอันตรายที่สุดคือ เวลาเลิกรา (ซึ่งโดยปกติจะไม่นานนัก อยู่ในระดับเดือนไม่ถึงระดับปี) สูงสุดจะคืนสู่สามัญอย่างสามานย์ครับ

ทีนี้ความยากถ้าเกิดอยากจะลองของกับหุ้นลักษณะนี้คือ ไม่ใช่ทุกตัวที่เราจะสังเกตได้ว่าเข้าข่ายนี้แล้วจะมีการลากสำเร็จ ผมว่าส่วนใหญ่มันจะไม่สำเร็จด้วยซ้ำ (แต่แน่นอนว่า ในตลาดแห่งนี้คนตายไม่มีสิทธิ์พูด) ประเด็นคือ เราจะเอาอะไรมาแยกได้ว่าตัวไหนจะลากขึ้น ตัวไหนจะลากไม่ขึ้น เพราะปัจจัยที่ทำให้เกิดมันไม่ใช่ปัจจัยพื้นฐานแน่นอน
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1826

โพสต์

พูดถึงการจับจังหวะตลาด ผมอยากจะเล่าให้ฟังเรื่องนึง ที่วันก่อนผมพยายามยกเรื่องความผิดพลาด ผมลืมเรื่องนี้ไปครับ

สมัยก่อนตอนที่ PTT IPO ผมโชคดีได้หุ้นจองกับเค้าด้วย เพราะตอนนั้นผมทำงานอยู่ตจว. เป็นอำเภอเล็ก ๆ แล้วบังเอิญมี KTB อยู่ ตอนนั้นการจองต้องจองผ่าน KTB ซึ่งถ้าใครทันเหตุการณ์ในตอนนั้น คงจะจำกันได้ว่าคนไปต่อคิวกันตั้งแต่เช้า ใช้เวลาแค่ 1 นาทีหุ้นจองก็ถูกจองหมด จนกระทรวงการคลังต้องจัดหุ้นจำนวนพิเศษออกมาขายให้ไปก่อน

พอดีอำเภอที่ผมอยู่คงไม่มีใครเล่นหุ้นน่ะครับ แล้วก็เป็นอำเภอเล็ก ๆ เลยมีผมกับพนักงานของธ.จองกันแค่ 2 คน

พอหุ้นเข้าตลาดปุ๊บ สุดท้ายเงิบกันเป็นแถว IPO 35 บาท ไปได้แค่ราว ๆ 38 บาท ตอนนั้นผมได้หุ้นมาหลายพันหุ้น แทบจะเรียกได้ว่าทุ่มเต็มเหนี่ยว เท่าที่จะมีปัญญาซื้อได้

ราคาหุ้นอยู่ตรงแถวนั้นเป็นปี ๆ นะครับ วิ่งอยู่ในช่วง 33-40 บาทมั๊ง ในเว็บหุ้น เรียก ป่อเต็กตึ๊งบ้าง ประชดว่าหุ้นห่วยไม่ไปไหนบ้าง

ผมก็เลยถือโอกาสเล่นซื้อ ๆ ขาย ๆ กินส่วนต่างแก้เซ็ง

จนวันหนึ่งมีข่าวว่าอเมริกาจะบุกอิรัก ตอนนั้นหุ้นซึมเพราะกลัวสงคราม ไอ้เราก็นะ เคยได้ยินว่าตอนอิรักบุกคูเวต หุ้นลงระเนระนาด

ในใจก็นึกว่า เอาล่ะวะ ถ้าเราขายก่อน หุ้นต้องลงหนัก แล้วค่อยกลัวไปช้อนซื้อหุ้นราคาถูก

ผมจำได้ว่าวันที่อเมริกาจะบุกเข้าไป ผมตัดสินใจทิ้งหุ้น PTT ออกไป น่าจะราว ๆ 40 กว่าบาท

สิ่งที่ตามมาก็คือ

พออเมริกาบุกเข้าไปที่อิรัก หุ้นกลับขึ้นซะงั้น เหตุผลในตอนนั้นอ้างว่า "บุกไปให้เสร็จ ๆ เรืองจะได้จบ" :wall: :wall: :wall:

ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นตลาดกังวลกับเรื่องนี้มาก

ที่สำคัญหุ้น PTT ของผมเริ่มขึ้น และก็วิ่งมาเรื่อย ๆ พร้อมกับมุมมองใหม่ของตลาด ม้วนเดียวจาก 40 กว่าบาทมา 300 กว่าบาท ผมจำได้ว่าตั้งแต่วันที่มันหลุดออกจากพอร์ตผมไป มันก็ไม่เคยต่ำกว่าราคาที่ผมขายอีกเลย :wall: :wall: :wall:

ตอนนั้นผมคิดว่า การที่อิรักบุกคูเวต กับอเมริกาบุกอิรัก มันดูเป็นสงครามเหมือนกัน แต่ที่การตอบรับของตลาดต่างกันมันเป็นเพราะว่า กรณีของอิรักบุกคูเวต มันเกิดขึ้นแบบสายฟ้าแลบ แบบที่ตลาดไม่เคยรู้ระแคะระคายมาก่อน ต่างกับกรณีของอเมริกาที่บุกคูเวตที่ตลาดพอจะรับรู้มาตลอดว่าซักวันหนึ่งมันต้องเกิดขึ้น

ผมถึงไม่แปลกใจที่พอมีข่าวร้าย เช่น เรื่องการรัฐประหาร คนที่ขายหุ้นทิ้งจะมาบ่นทีหลังว่าไม่น่าเลย มันก็คงเป็นเหมือนเรื่องที่เคยเกิดกับผม

สรุปแล้ว ถูกต้องแล้วครับ ว่าจงอย่าได้พยายามจับจังหวะกับนายตลาดครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1827

โพสต์

ดำ เขียน: 2. เป็นไปตามจุดประสงค์บางอย่างของ "ใครบางคน"

ขอพูดถึงเฉพาะแบบที่ 2 ครับ หุ้นในกลุ่มนี้เท่าที่ผมศึกษามา มักจะมีจุดร่วมบางอย่างต่อไปนี้ครับ
- เป็นหุ้นขนาดเล็ก
- พื้นฐานอ่อนแอขนาดที่ว่าวีไอเห็นแล้วต้องส่ายหน้า สภาพคล่องเงินหมุนเวียนกำลังย่ำแย่ ส่วนผู้ถือหุ้นกำลังใกล้ติดลบ แถมอนาคตก็ดูแล้วมืดมน ไม่มีอะไรน่าสนใจ
- มักจะมี Free Float สูงๆ นั่นคือ เป็นหุ้นไม่มีเจ้าของตัวจริง และบริหารกิจการโดยพวกที่เรียกว่าเป็นแบบมืออาชีพ (หมายความว่า บริหารแต่ไม่ได้ถือหุ้น)
- ช่วงที่ผ่านมา แทบไม่เป็นที่สนใจของตลาดมายาวนานเป็นปีๆ หรือนานกว่านั้น

หุ้นลักษณะนี้ ถ้าโอกาสอำนวยก็จะมี "ใครบางคน" เข้ามาแสวงหากำไร จุดเด่นของหุ้นลักษณะนี้คือ เวลาที่ราคามันขึ้นจะขึ้นแบบตั้งตัวไม่ติด และร้อนแรงมากๆ แต่จุดอันตรายที่สุดคือ เวลาเลิกรา (ซึ่งโดยปกติจะไม่นานนัก อยู่ในระดับเดือนไม่ถึงระดับปี) สูงสุดจะคืนสู่สามัญอย่างสามานย์ครับ

ทีนี้ความยากถ้าเกิดอยากจะลองของกับหุ้นลักษณะนี้คือ ไม่ใช่ทุกตัวที่เราจะสังเกตได้ว่าเข้าข่ายนี้แล้วจะมีการลากสำเร็จ ผมว่าส่วนใหญ่มันจะไม่สำเร็จด้วยซ้ำ (แต่แน่นอนว่า ในตลาดแห่งนี้คนตายไม่มีสิทธิ์พูด) ประเด็นคือ เราจะเอาอะไรมาแยกได้ว่าตัวไหนจะลากขึ้น ตัวไหนจะลากไม่ขึ้น เพราะปัจจัยที่ทำให้เกิดมันไม่ใช่ปัจจัยพื้นฐานแน่นอน
นี่ อจ.ดำ ก็มาสะกิดต่อม ผมแบบอยู่นิ่งไม่ได้เลยครับ

ท่านดำว่า "2. เป็นไปตามจุดประสงค์บางอย่างของ "ใครบางคน" " อีตรงนี้แหละครับ มันต้องแยกเป็น

2.1) ใครบางคน = เจ้าของ และแก๊งค์ ผู้บริหาร

และ 2.2) ใครบางคน = เจ้ามือ ซึ่งแยกอีกเป็น

2.2.1) ใครบางคน = เจ้ามือ เดี่ยว
2.2.2) ใครบางคน = เจ้ามือ + เจ้าของ และแก๊งค์ ผู้บริหาร ซึ่งแยกอีก
2.2.2.1) วัตถุประสงค์เพื่อครอบงำกิจการ
2.2.2.2) วัตถุประสงค์เพื่อฟัน ทีเดียวจบ

จารย์ดำ เรียงมาเลย จะว่ากันเคสไหนก่อน ผมถือคติ ลูกผู้ชาย
"ความรู้" ถ่ายทอด "ความลับ" ไม่เปิดเผย

ปล. นี่นอกจาก ผู้ดูแลบอร์ดแล้ว เสียวหลังว่า กลต. จะเชิญไปปรับทัศนคติ เหลือเกิน
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1828

โพสต์

Nevercry.boy เขียน:
ปล. นี่ผมลืมไปแล้วนะครับว่าวันนี้ตลาดหุ้นเปิด
อ้าว นึกว่าปิดนะนี่ :wall:
"Become a risk taker, not a risk maker"
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1829

โพสต์

ดำ เขียน:ขอพูดถึงเฉพาะแบบที่ 2 ครับ หุ้นในกลุ่มนี้เท่าที่ผมศึกษามา มักจะมีจุดร่วมบางอย่างต่อไปนี้ครับ
- เป็นหุ้นขนาดเล็ก
- พื้นฐานอ่อนแอขนาดที่ว่าวีไอเห็นแล้วต้องส่ายหน้า สภาพคล่องเงินหมุนเวียนกำลังย่ำแย่ ส่วนผู้ถือหุ้นกำลังใกล้ติดลบ แถมอนาคตก็ดูแล้วมืดมน ไม่มีอะไรน่าสนใจ
- มักจะมี Free Float สูงๆ นั่นคือ เป็นหุ้นไม่มีเจ้าของตัวจริง และบริหารกิจการโดยพวกที่เรียกว่าเป็นแบบมืออาชีพ (หมายความว่า บริหารแต่ไม่ได้ถือหุ้น)
- ช่วงที่ผ่านมา แทบไม่เป็นที่สนใจของตลาดมายาวนานเป็นปีๆ หรือนานกว่านั้น
ขอเพิ่มเติมอีกนิดครับ จุดร่วมที่สำคัญอีกอย่างคือ หลังจากผ่านช่วงของการลากราคาหุ้นขึ้นอย่างร้อนแรงแล้ว ส่วนใหญ่จะตามมาด้วยข่าว Project ใหม่ๆ การปรับโครงสร้าง การเข้ามาของผู้ถือหุ้นรายใหม่ๆ หรืออะไรที่ดูน่าตื่นเต้นทำนองนี้ และที่สำคัญคือ การประกาศเพิ่มทุนในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด ณ ตอนนั้นอย่างมาก ในจำนวนสัดส่วนหุ้นที่มาก รวมทั้งหลายครั้งก็จะมีการแจก W แถมให้ด้วยครับ
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1830

โพสต์

Nevercry.boy เขียน:ท่านดำว่า "2. เป็นไปตามจุดประสงค์บางอย่างของ "ใครบางคน" " อีตรงนี้แหละครับ มันต้องแยกเป็น

2.1) ใครบางคน = เจ้าของ และแก๊งค์ ผู้บริหาร

และ 2.2) ใครบางคน = เจ้ามือ ซึ่งแยกอีกเป็น

2.2.1) ใครบางคน = เจ้ามือ เดี่ยว
2.2.2) ใครบางคน = เจ้ามือ + เจ้าของ และแก๊งค์ ผู้บริหาร ซึ่งแยกอีก
2.2.2.1) วัตถุประสงค์เพื่อครอบงำกิจการ
2.2.2.2) วัตถุประสงค์เพื่อฟัน ทีเดียวจบ

จารย์ดำ เรียงมาเลย จะว่ากันเคสไหนก่อน ผมถือคติ ลูกผู้ชาย
"ความรู้" ถ่ายทอด "ความลับ" ไม่เปิดเผย

ปล. นี่นอกจาก ผู้ดูแลบอร์ดแล้ว เสียวหลังว่า กลต. จะเชิญไปปรับทัศนคติ เหลือเกิน
ที่จริงถ้าจะเรียกผมว่าอาจารย์ เรียกเป็นจานจะเหมาะกว่าครับ :8)

ตอนจะโพสต์เรื่องหุ้น "ใครบางคน" นี่ ผมพยายามเรียบเรียงให้ออกมาในแนววิชาการนะครับ ท่าน N.b อย่ามาฉุดให้ไขว้เขว ถ้าเกิดดวงแตกขึ้นมาโดนจับขังรวม ทีนี้ใครจะเป็นคนส่งข้าวผัดกับโอเลี้ยงล่ะครับ :'O
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น