ทุกวันนี้ใช้อะไรเป็นต้นทุนของเงินทุนหรอครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทุกวันนี้ใช้อะไรเป็นต้นทุนของเงินทุนหรอครับ
โพสต์ที่ 2
Cat and Pets money ..... เงินค่าอาหารแมวหมาหรืออ่ะ !!!!!!
^.^ มันย่อมาจากอะไรครับ อยากรู้
ปล ตอนแรกเข้ามาจะตอบว่า ใช้เงินเดือน ..... -,-"
^.^ มันย่อมาจากอะไรครับ อยากรู้
ปล ตอนแรกเข้ามาจะตอบว่า ใช้เงินเดือน ..... -,-"
ความจนนั้นเกิดได้จากสองสาเหตุ คือ จนเพราะไม่มี กับ จนเพราะไม่พอ
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
-
- Verified User
- โพสต์: 7
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทุกวันนี้ใช้อะไรเป็นต้นทุนของเงินทุนหรอครับ
โพสต์ที่ 5
ถามเกี่ยวกับการคำนวณต้นทุนของเงินทุนผู้ถือหุ้นอ่ะครับ ที่นำไปใช้คิด WACC อีก
ถามว่าใช้ CAPM คำนวณกันบ้างรึปล่าวครับ ได้ยินมาบางคนใช้อัตราพันธบัตรระยะยาว
*ขอโทษด้วยน่ะครับ ที่ถามไม่เคลียร์
**CAPM คือ Capital Assete Pricing Model ครับ
ถามว่าใช้ CAPM คำนวณกันบ้างรึปล่าวครับ ได้ยินมาบางคนใช้อัตราพันธบัตรระยะยาว
*ขอโทษด้วยน่ะครับ ที่ถามไม่เคลียร์
**CAPM คือ Capital Assete Pricing Model ครับ
เมื่อสังคมเปลี่ยนแปลง ความมั่งคั่งจะเปลี่ยนมือ
-
- Verified User
- โพสต์: 38
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทุกวันนี้ใช้อะไรเป็นต้นทุนของเงินทุนหรอครับ
โพสต์ที่ 6
ตามทฤษฎีเท่าที่เคยศึกษามา ในสูตร CAPM น่าจะใช้เป็นอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาว แต่ในความเป็นจริงการใช้สูตร CAPM ในการหาผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น จำเป็นต้องสมมติให้ตลาดเป็นไปตามสมมติฐานก่อน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันก็ไม่ตรงกับสมมติฐานอยู่หลายข้อครับ ดังนั้นการนำตัวเลขที่ได้จากสูตร CAPM จึงต้องใช้อย่างระมัดระวังด้วยครับ
-
- Approved IR Member
- โพสต์: 94
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทุกวันนี้ใช้อะไรเป็นต้นทุนของเงินทุนหรอครับ
โพสต์ที่ 7
ที่GLOW เราหาต้นทุนของเงินลงทุน สำหรับการลงทุนในแต่ละประเภท โดยใช้CAPMทุกครั้งครับ
ดังนั้น การลงทุนในโรงไฟฟ้าชนิดต่างกัน ที่มีลักษณะธุรกิจที่ต่างกัน หรือในประเทศที่ต่างกัน
ก็จะใช้ต้นทุนของเงินลงทุนที่แตกต่างกัน โดยความต่างจะอยู่ที่ beta และ market risk premium ซึ่งอย่างหลังนี่จะแตกต่างกันมากในประเทศที่ด้อยพัฒนา ตัวอย่างเช่น ประเทศพม่าหรือลาว จะมี country risk premuim ที่สูงกว่าประเทศไทยมาก ดังนั้นเวลาลงทุนในประเทศเหล่านั้น ก็จะมีต้นทุนของเงินลงทุนที่สูงตาม ซึ่งจะทำให้ต้องได้IRRที่สูงตามไปด้วย ถึงจะคุ้มค่ากับการลงทุน
ที่ต้องทำเช่นนี้เพราะบริษัทแม่ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มีการลงทุนอยู่ทั่วโลกในหลากหลายธุรกิจ จึงต้องมีเครื่องมือเพื่อเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุน ถ้าไม่ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าต้นทุนของเงินลงทุน ก็ควรส่งเงินนั้นกลับไปยังบริษัทแม่ในต่างประเทศ เพื่อนำไปลงทุนที่อื่นที่คุ้มค่ากว่าครับ
ดังนั้น การลงทุนในโรงไฟฟ้าชนิดต่างกัน ที่มีลักษณะธุรกิจที่ต่างกัน หรือในประเทศที่ต่างกัน
ก็จะใช้ต้นทุนของเงินลงทุนที่แตกต่างกัน โดยความต่างจะอยู่ที่ beta และ market risk premium ซึ่งอย่างหลังนี่จะแตกต่างกันมากในประเทศที่ด้อยพัฒนา ตัวอย่างเช่น ประเทศพม่าหรือลาว จะมี country risk premuim ที่สูงกว่าประเทศไทยมาก ดังนั้นเวลาลงทุนในประเทศเหล่านั้น ก็จะมีต้นทุนของเงินลงทุนที่สูงตาม ซึ่งจะทำให้ต้องได้IRRที่สูงตามไปด้วย ถึงจะคุ้มค่ากับการลงทุน
ที่ต้องทำเช่นนี้เพราะบริษัทแม่ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มีการลงทุนอยู่ทั่วโลกในหลากหลายธุรกิจ จึงต้องมีเครื่องมือเพื่อเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุน ถ้าไม่ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าต้นทุนของเงินลงทุน ก็ควรส่งเงินนั้นกลับไปยังบริษัทแม่ในต่างประเทศ เพื่อนำไปลงทุนที่อื่นที่คุ้มค่ากว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 223
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทุกวันนี้ใช้อะไรเป็นต้นทุนของเงินทุนหรอครับ
โพสต์ที่ 8
จากประสบการณ์นะครับ CAPM หรือ โมเดลหา Cost of Equity อื่นๆ มันยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนครับว่ามันถูกต้องแน่นอนหรือไม่ เพราะสมมติฐานที่อยู่ข้างในโมเดล มันเยอะมากๆ
สำหรับบริษัทฯ หรือ ที่ปรึกษาทางการเงิน ถ้าไม่มีหลักการหรือทฤษฎีที่ใช้ในการอ้างอิง เวลาทำงาน Valuation หรือ Project Feasibility study ต่างๆ มันจะเถียงกันไม่จบครับ เพราะฉะนั้นในเชิง Professionally หรือ Commercially เค้าก็จะใช้ CAPM กันไปก่อนเพราะถือว่าได้รับการยอมรับมากที่สุด
แต่สำหรับพี่ๆนักลงทุนหลายๆคนที่ผมรู้จัก ส่วนมากเห็นไม่ค่อยซีเรียสในส่วนนี้กันนะครับ เท่าที่ฟังๆมาก็กะๆกันเอา 10-15% แล้วแต่ความแน่นอนของกระแสเงินสดในอนาคตที่แต่ละประเภทธุรกิจทำได้ (อารมณ์ว่าใช้เซ้นส์นะครับ ) แล้วก็ไปเผื่อ Margin of safety ไว้เยอะๆ ตอนซื้อมากกว่า
สำหรับบริษัทฯ หรือ ที่ปรึกษาทางการเงิน ถ้าไม่มีหลักการหรือทฤษฎีที่ใช้ในการอ้างอิง เวลาทำงาน Valuation หรือ Project Feasibility study ต่างๆ มันจะเถียงกันไม่จบครับ เพราะฉะนั้นในเชิง Professionally หรือ Commercially เค้าก็จะใช้ CAPM กันไปก่อนเพราะถือว่าได้รับการยอมรับมากที่สุด
แต่สำหรับพี่ๆนักลงทุนหลายๆคนที่ผมรู้จัก ส่วนมากเห็นไม่ค่อยซีเรียสในส่วนนี้กันนะครับ เท่าที่ฟังๆมาก็กะๆกันเอา 10-15% แล้วแต่ความแน่นอนของกระแสเงินสดในอนาคตที่แต่ละประเภทธุรกิจทำได้ (อารมณ์ว่าใช้เซ้นส์นะครับ ) แล้วก็ไปเผื่อ Margin of safety ไว้เยอะๆ ตอนซื้อมากกว่า
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทุกวันนี้ใช้อะไรเป็นต้นทุนของเงินทุนหรอครับ
โพสต์ที่ 9
ที่ผมเคยได้ยินคือใช้ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนคาดหวังไปเลย ประมาณที่คุณ nightwalks บอกอะครับ 10-15เปอร์เซนต์
แต่ส่วนตัวคิดว่า การคิดลดกระแสเงินสด มีสมมติฐานมากมาย ที่แค่สมมติฐานบางอย่างคลาดเคลื่อนไปนิดหน่อย ราคาพื้นฐานก็เปลี่ยนไปเยอะแล้ว พอดีเคยลองเล่นๆใน excel ดูน่ะครับ เลยคิดว่า ธุรกิจที่เหมาะกับการคำนวณมูลค่าที่เหมาะสมด้วยวิธีนี้ มีค่อนข้างจำกัด คงต้องเป็นประเภทที่มีกระแสเงินสดในอนาคตที่ค่อนข้างแน่นอน อย่างเช่นพวกพลังงาน สาธารณูปโภค ละมั้งครับ?
ส่วนตัวเลยไม่ค่อยได้ใช้วิธีนี้ เท่าที่เคยทราบ VI ที่ประสบความสำเร็จหลายๆคนอย่าง ดร ก็ไม่ได้ใช้เหมือนกัน
แต่ไม่ทราบว่า จขกท คิดว่า หุ้นประเภทไหนบ้างครับที่เหมาะกับวิธีนี้? เผื่อจะได้ใช้ในอนาคต
แต่ส่วนตัวคิดว่า การคิดลดกระแสเงินสด มีสมมติฐานมากมาย ที่แค่สมมติฐานบางอย่างคลาดเคลื่อนไปนิดหน่อย ราคาพื้นฐานก็เปลี่ยนไปเยอะแล้ว พอดีเคยลองเล่นๆใน excel ดูน่ะครับ เลยคิดว่า ธุรกิจที่เหมาะกับการคำนวณมูลค่าที่เหมาะสมด้วยวิธีนี้ มีค่อนข้างจำกัด คงต้องเป็นประเภทที่มีกระแสเงินสดในอนาคตที่ค่อนข้างแน่นอน อย่างเช่นพวกพลังงาน สาธารณูปโภค ละมั้งครับ?
ส่วนตัวเลยไม่ค่อยได้ใช้วิธีนี้ เท่าที่เคยทราบ VI ที่ประสบความสำเร็จหลายๆคนอย่าง ดร ก็ไม่ได้ใช้เหมือนกัน
แต่ไม่ทราบว่า จขกท คิดว่า หุ้นประเภทไหนบ้างครับที่เหมาะกับวิธีนี้? เผื่อจะได้ใช้ในอนาคต
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
-
- Verified User
- โพสต์: 1837
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทุกวันนี้ใช้อะไรเป็นต้นทุนของเงินทุนหรอครับ
โพสต์ที่ 10
พูดง่ายๆ CAPM เป็นอะไรที่ปัญญาชนเค้าใช้กันครับ พวกลูกทุ่งคงไม่เสียเวลากับมันหรอก แค่พึงคิดไว้เสมอว่า อะไรก็ตามที่มีความเสี่ยงสูง ก็ควรจะได้ผมตอบแทนที่สูงตามก็พอแล้ว
แต่ทั้งนี้ผมก็ยังหวังว่า บริษัทที่ผมเข้าไปลงทุน ควรใช้หลักการเช่น CAPM ในการลงทุนทุกครั้ง
โดยที่ผบห ควรมีหรือมีทีมงานที่มีความรู้ความสามารถเพียงพอ ในการคำนวนต้นทุนของเงินทุนโดยที่ไม่ได้คิดแบบลูกทุ่งอย่างผม และลงทุนบนหลักการนี้ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่คุ้มค่าจริง ไม่ใช่แค่เพื่อออกข่าวปั่นหุ้นไปวันๆเท่านั้น
แต่ทั้งนี้ผมก็ยังหวังว่า บริษัทที่ผมเข้าไปลงทุน ควรใช้หลักการเช่น CAPM ในการลงทุนทุกครั้ง
โดยที่ผบห ควรมีหรือมีทีมงานที่มีความรู้ความสามารถเพียงพอ ในการคำนวนต้นทุนของเงินทุนโดยที่ไม่ได้คิดแบบลูกทุ่งอย่างผม และลงทุนบนหลักการนี้ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่คุ้มค่าจริง ไม่ใช่แค่เพื่อออกข่าวปั่นหุ้นไปวันๆเท่านั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 7
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทุกวันนี้ใช้อะไรเป็นต้นทุนของเงินทุนหรอครับ
โพสต์ที่ 11
ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาให้ความรู้น่ะครับ
ทุกวันนี้ผมหา Cost of Equity แบบประมาณมั่วๆอ่ะครับ
ไม่ได้คำนวณ CAPM แบบใช้เบต้าหรอก ไม่รู้จะไปหาข้อมูลจากไหน
พล๊อตกราฟเองก็ทำไม่ไหว เลยมาถามหาคำชี้แนะนี่แหละครับ
**ถ้าเป็นวอเรนบัฟเฟตต์ หรือคุณ Chatchai
เวลาคำนวณ DCF ใช้อะไรเป็น Cost of Equity บ้างหรอครับ
ใครพอจะแนะนำให้หน่อยได้ไหม เพื่อจะได้ดูเป็นหลักการมากขึ้น
ขอบคุณครับ
ทุกวันนี้ผมหา Cost of Equity แบบประมาณมั่วๆอ่ะครับ
ไม่ได้คำนวณ CAPM แบบใช้เบต้าหรอก ไม่รู้จะไปหาข้อมูลจากไหน
พล๊อตกราฟเองก็ทำไม่ไหว เลยมาถามหาคำชี้แนะนี่แหละครับ
**ถ้าเป็นวอเรนบัฟเฟตต์ หรือคุณ Chatchai
เวลาคำนวณ DCF ใช้อะไรเป็น Cost of Equity บ้างหรอครับ
ใครพอจะแนะนำให้หน่อยได้ไหม เพื่อจะได้ดูเป็นหลักการมากขึ้น
ขอบคุณครับ
เมื่อสังคมเปลี่ยนแปลง ความมั่งคั่งจะเปลี่ยนมือ
-
- Verified User
- โพสต์: 223
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทุกวันนี้ใช้อะไรเป็นต้นทุนของเงินทุนหรอครับ
โพสต์ที่ 12
สำหรับ Buffet ผมเคยอ่านเจอในเล่ม Buffet's Way (เป็นคนอื่นกล่าวถึงอีกทีนะครับ ไม่ใช่ ปู่บอกตรงๆ) ว่า เค้าจะใช้ Long-term government bond yield เป็น Discount rate เลยครับ เพราะเชื่อว่ากิจการที่จะเข้าลงทุน เค้าสามารถที่จะคำนวณ Cash flow ในอนาคตได้อย่างแม่นยำมากๆ แล้วแกก็จะเผื่อ Margin of Safety ระดับ 50% ขึ้นไปในการเข้าซื้อหุ้นnewsclub เขียน:ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาให้ความรู้น่ะครับ
ทุกวันนี้ผมหา Cost of Equity แบบประมาณมั่วๆอ่ะครับ
ไม่ได้คำนวณ CAPM แบบใช้เบต้าหรอก ไม่รู้จะไปหาข้อมูลจากไหน
พล๊อตกราฟเองก็ทำไม่ไหว เลยมาถามหาคำชี้แนะนี่แหละครับ
**ถ้าเป็นวอเรนบัฟเฟตต์ หรือคุณ Chatchai
เวลาคำนวณ DCF ใช้อะไรเป็น Cost of Equity บ้างหรอครับ
ใครพอจะแนะนำให้หน่อยได้ไหม เพื่อจะได้ดูเป็นหลักการมากขึ้น
ขอบคุณครับ