แต่ก็ต้องให้กำลังใจคน surprise เค้าบ้างนะครับผมเคย surprise แฟนด้วย ipad
แล้วถูกต่อว่าเหมือนกัน จนฝ่อ ทำให้ไม่อยาก surprise อีกเลย


ขอบคุณค่ะพี่ ddoo7...ถ้าจะตอบว่าสีแดง นั่นคือสิ่งที่ต้องการ...จะดูแข็งๆ และใจร้ายอีกไหมเนี่ย ^__^ddoo7 เขียน:ขอสนับสนุนครับว่า คุณนุช in long run ดีเยี่ยมแน่นอน
แต่ก็ต้องให้กำลังใจคน surprise เค้าบ้างนะครับผมเคย surprise แฟนด้วย ipad
แล้วถูกต่อว่าเหมือนกัน จนฝ่อ ทำให้ไม่อยาก surprise อีกเลย![]()
เยี่ยมเลยค่ะน้องนัท...ดีใจที่รู้ว่ามีคนได้ประโยชน์Nutth147 เขียน:ลูกศิษย์ ขอส่งการบ้านตามครับ ทำตามมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ขอบคุณมากๆในความรู้ครับ
ยอดเยี่ยมเลยค่ะน้องนัท ขอบคุณที่นำมาเล่าให้ทราบNutth147 เขียน:บางที่การได้รู้ที่มาของสิ่งต่างๆ ก็ทำให้เราสำนึกได้ว่าเราควรจะใช้สิ่งนั้นสักเท่าไรดี
ผมได้มีโอกาศไปทำงานที่แม่เมาะ ผมเป็นทีมงานคนแรกๆที่ต้องเข้าไปเพื่อไปคิด สตอรีบอร์ด
ก่อนไปผมเองก็มีความรู้สึกว่า แม่เมาะแย่ แต่ก็อยากไปเห็นด้วยตาตัวเอง
พอไปผมขอให้เจ้าหน้าที่พาไปดูในทุกส่วนที่ผมพอจะเข้าไปได้ ผมลงไปที่เหมืองถ่ายหิน
ไปดูสายพานลำเลียงถ่ายหิน เข้าไปในโรงงานไปดูการนำถ่านหินมาผลิตให้เป็นไฟฟ้า
ไปในหมู่บ้านรอบๆ ซึ่งผมได้พบว่า ... (นอกจากเรื่องงาน)
...ผมเข้าใจที่มาของไฟฟ้า ที่เราใช้ๆกันอยู่ ผมเข้าใจแล้วว่า ที่เราต้องใช้ถ่ายหินเพราะทำให้ ราคาไฟฟ้า ไม่แพง (นิวเครีย์ถูกกว่า แต่ไม่ควรสร้าง) สิ่งที่เกิดถัดมา คือ แทนที่ผมจะโทษแม่เมาะโทษโรงไฟฟ้าถ่านหิน
ผมใช้ไฟฟ้าลดลง เพราะผมรู้แล้วว่า ไฟฟ้ามายังไง เราต้องเสียอะไรไปบ่างเพื่อให้ได้ไฟฟ้ามาใช้
(หลังจากที่ผมมาได้นิสัยการทำตารางจากพี่) อันนี้คือค่าไฟฟ้าของผมครับ
ปล การสอนเด็กๆให้เห็นถึงที่มาของสิ่งต่างๆน่าจะช่วยให้เข้าเข้าใจการใช้ทรัพยากรต่างๆอย่างที่ควรเป็น
รออานต่อ..จุดยืนต้องขอบคุณ พี่ๆ เพื่อนๆ ที่ช่วยกันถาม และช่วยกันคุยต่อยอดด้วยนะคะ ^__^
สงสัยตอนเขียนเรื่อง surprise นุชสื่อสารไม่ค่อยดี หรือไม่ละเอียดพอแน่เลยddoo7 เขียน:รออานต่อ..จุดยืนต้องขอบคุณ พี่ๆ เพื่อนๆ ที่ช่วยกันถาม และช่วยกันคุยต่อยอดด้วยนะคะ ^__^
แต่กับผมเอง ผมคงยัง surprise ตามวาระโอกาสเหมาะเสมอนะ
ผมคงคิดว่าของขวัญกับคนที่เรารัก ในวันเกิด ปีใหม่ วันสงกรานต์เป็นสิ่งที่เหมาะควรทำ ควรให้คนรัก พ่อแม่ พี่น้องเรา
และทำเป็นตัวอย่างให้ลูกเรารู้ และเข้าใจด้วย
หลังเกษียณ ผมมีเวลามากขึ้น นอกจากต้องขึ้นเตียงผ่าตัดแล้ว
ก็ไปจาริกแสวงบุญสังเวชสถาน อินเดียด้วย ได้ข้อคิดกลับมาคิดทั้งทางโลกทางธรรม
น่าเสียดายที่เรามักจะไปปารีส ปราก สวิส รึฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลี แต่ไม่อยากไปอินเดีย
ทั้งที่เป็นต้นเค้า บ่อเกิดอารยธรรมบ้านเรา
โค้ด: เลือกทั้งหมด
เตือนภัย! ภาพที่คุณโพสกำลังทำให้ลูกของคุณตกอยู่ในอันตราย
5 เหตุผลอันตราย : อย่าโพสภาพลูกรักลงบน Social Network
1.ยิงมิจฉาชีพมีข้อมูลของเหยื่อเท่าไหร่ เหยื่อก็ยิ่งเสี่ยงเท่านั้น
การโพสรุปลงบนโซเชี่ยลเน็ทเวิร์คที่ไม่ว่าใครก็ค้นหาได้อย่าง IG ถือว่าเสี่ยงที่สุด เพราะมิจฉาชีพสามารถทราบข้อมูลจำนวนมากได้โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย ยิ่งเราโพสเยอะเท่าไหร่ คนร้ายยิ่งรู้ว่าเราทำงานที่ไหน กลับบ้านกี่โมง ลูกกี่ขวบแล้ว ไปเรียนหรือยัง เรียนที่ไหน ไปรับตอนไหน ฯลฯ ข้อมูลเหล่านี้แหละที่คนร้ายสามารถนำมาวางแผนได้มากมาย
2.การโพสรูปลูกว่าอยู่ที่ไหนบ้างถือว่าเสี่ยง ยิ่งแชร์โลเคชั่นยิ่งเสี่ยงสองเท่า
มิจฉาชีพอาจตามดูข้อมูลที่เราโพสอยู่ การที่เราโพสรูปลูกทุกครั้งที่ไปรับลูก ทำให้คนร้ายคาดเดาได้ว่าเราจะมารับลูกในช่วงเวลาไหนบ้าง เด็กอยู่คนเดียวที่ไหนบ้าง ส่งผลให้มีโอกาสเกิดอันตรายกับเด็กได้มากขึ้น
3.จะให้ลูกอยู่บ้านแล้วไปเที่ยว ไม่ต้องถ่ายภาพลูกเพื่อบอกรักลูกก็ได้
มันก็ต้องมีบ้างที่พ่อแม่ต้องออกไปข้างนอกแล้วปล่อยลุกให้อยู่บ้านคนเดียว (ยิ่งอายุราว 10 ขวบที่พอดูแลตัวเองได้แล้ว) การโพสภาพลุกก่อนออกไปเที่ยวแล้วบอกว่า “รักลูกนะจ้ะ” มันก็เหมือนกับบอกมิจฉาชีพว่า “ลูกชั้นอยู่บ้านคนเดียวแล้ว เข้ามาได้เลยนั่นเอง”
4.ถ่ายภาพเด็กกับของเล่น ใครว่าไม่น่าห่วง
เด็กบางคนชอบเล่นเลโก้ บางคนชอบตุ๊กตา การโพสบอกว่า ลูกตัวเองชอบอะไรเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเด็ก 5-7 ขวบ เป็นการชี้เป้าว่า คนร้ายควรเอาอะไรมาล่อเด็ก (ไอ้มุขเอาอมยิ้มมาล่อนั่นมันในหนัง แต่ในชีวิตจริงมันก็ต้องเลือกของล่อให้เหมาะกับเด็กอยู่แล้ว) การโพสของเล่นสุดโปรดบ่อยๆ จึงอันตรายกับเด็กด้วยเหตุนี้
5.ภาพเด็กที่โพสไว้ อาจกลายเป็นตัวช่วยคนร้ายเวลาตำรวจสงสัย
สมมติว่ามีเด็กคนนึงโดนคนร้ายจับตัว ร้องงอแง ตำรวจเห็นท่าไม่ดีเดินเข้ามาถาม คนร้ายบอกว่า เด็กดื้อจะเอาของเล่น ตำรวจไม่เชื่อจึงขอหลักฐาน คนร้า่ยบอกชื่อของเด็กได้หมด บอกบ้านได้ด้วย มีภาพเด็กที่อัดไว้ให้ตำรวจดูอีกด้วย คิดว่า ตำรวจจะยุ่งต่อไหมครับ ในเมื่อหลักฐานพร้อมขนาดนี้? การโพสภาพและข้่อมูลเด็กไว้บนโซเชียลเน็ทเวิร์คตลอดเวลา จึงไม่ต่างกับให้ข้อมูลคนร้ายไปเลียนแบบเป็นผู้ปกครองเด็กได้นั่นเอง
jverakul เขียน:http://news.upyim.com/240736/โค้ด: เลือกทั้งหมด
เตือนภัย! ภาพที่คุณโพสกำลังทำให้ลูกของคุณตกอยู่ในอันตราย 5 เหตุผลอันตราย : อย่าโพสภาพลูกรักลงบน Social Network 1.ยิงมิจฉาชีพมีข้อมูลของเหยื่อเท่าไหร่ เหยื่อก็ยิ่งเสี่ยงเท่านั้น การโพสรุปลงบนโซเชี่ยลเน็ทเวิร์คที่ไม่ว่าใครก็ค้นหาได้อย่าง IG ถือว่าเสี่ยงที่สุด เพราะมิจฉาชีพสามารถทราบข้อมูลจำนวนมากได้โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย ยิ่งเราโพสเยอะเท่าไหร่ คนร้ายยิ่งรู้ว่าเราทำงานที่ไหน กลับบ้านกี่โมง ลูกกี่ขวบแล้ว ไปเรียนหรือยัง เรียนที่ไหน ไปรับตอนไหน ฯลฯ ข้อมูลเหล่านี้แหละที่คนร้ายสามารถนำมาวางแผนได้มากมาย 2.การโพสรูปลูกว่าอยู่ที่ไหนบ้างถือว่าเสี่ยง ยิ่งแชร์โลเคชั่นยิ่งเสี่ยงสองเท่า มิจฉาชีพอาจตามดูข้อมูลที่เราโพสอยู่ การที่เราโพสรูปลูกทุกครั้งที่ไปรับลูก ทำให้คนร้ายคาดเดาได้ว่าเราจะมารับลูกในช่วงเวลาไหนบ้าง เด็กอยู่คนเดียวที่ไหนบ้าง ส่งผลให้มีโอกาสเกิดอันตรายกับเด็กได้มากขึ้น 3.จะให้ลูกอยู่บ้านแล้วไปเที่ยว ไม่ต้องถ่ายภาพลูกเพื่อบอกรักลูกก็ได้ มันก็ต้องมีบ้างที่พ่อแม่ต้องออกไปข้างนอกแล้วปล่อยลุกให้อยู่บ้านคนเดียว (ยิ่งอายุราว 10 ขวบที่พอดูแลตัวเองได้แล้ว) การโพสภาพลุกก่อนออกไปเที่ยวแล้วบอกว่า “รักลูกนะจ้ะ” มันก็เหมือนกับบอกมิจฉาชีพว่า “ลูกชั้นอยู่บ้านคนเดียวแล้ว เข้ามาได้เลยนั่นเอง” 4.ถ่ายภาพเด็กกับของเล่น ใครว่าไม่น่าห่วง เด็กบางคนชอบเล่นเลโก้ บางคนชอบตุ๊กตา การโพสบอกว่า ลูกตัวเองชอบอะไรเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเด็ก 5-7 ขวบ เป็นการชี้เป้าว่า คนร้ายควรเอาอะไรมาล่อเด็ก (ไอ้มุขเอาอมยิ้มมาล่อนั่นมันในหนัง แต่ในชีวิตจริงมันก็ต้องเลือกของล่อให้เหมาะกับเด็กอยู่แล้ว) การโพสของเล่นสุดโปรดบ่อยๆ จึงอันตรายกับเด็กด้วยเหตุนี้ 5.ภาพเด็กที่โพสไว้ อาจกลายเป็นตัวช่วยคนร้ายเวลาตำรวจสงสัย สมมติว่ามีเด็กคนนึงโดนคนร้ายจับตัว ร้องงอแง ตำรวจเห็นท่าไม่ดีเดินเข้ามาถาม คนร้ายบอกว่า เด็กดื้อจะเอาของเล่น ตำรวจไม่เชื่อจึงขอหลักฐาน คนร้า่ยบอกชื่อของเด็กได้หมด บอกบ้านได้ด้วย มีภาพเด็กที่อัดไว้ให้ตำรวจดูอีกด้วย คิดว่า ตำรวจจะยุ่งต่อไหมครับ ในเมื่อหลักฐานพร้อมขนาดนี้? การโพสภาพและข้่อมูลเด็กไว้บนโซเชียลเน็ทเวิร์คตลอดเวลา จึงไม่ต่างกับให้ข้อมูลคนร้ายไปเลียนแบบเป็นผู้ปกครองเด็กได้นั่นเอง
อีกด้านหนึ่งของ Social..... ระมัดระวังไว้ก็ดีครับ
พี่มาตอบช้าไปมากเลยromee เขียน:ถามพี่นุชครับ
ดอกเบี้ยซื้อบ้าน หรือรถ ถ้าเทียบกับที่เราได้ในการลงทุน สมมุติว่าลงกองทุนset index เฉลี่ยสัก7-10%ต่อปี
ควรจะซื้อแบบผ่อนยาวๆ แล้วเอาเงินมาลงทุน
หรือเงินสดแล้วขอส่วนลด(แต่ก้คงได้ไม่เกิน10% ของสินค้า)ดีกว่านะครับ
ใช่เลยจ้า "ปลอดภัยไว้ก่อน"romee เขียน:แนวคิดพี่ ดูแล้วเป็นแนว ปลอดภัยไว้ก่อน ใช่ป่ะครับ
ขอบคุณกับแนวคิดดีๆนะครับ
theenuch เขียน: ที่บ้านพี่เคยไม่ค่อยมีเงินค่ะ...ชีวิตครอบครัวเริ่มต้นด้วย "ติดลบ" (ยิ่งกว่า 0)
มีผลต่อจิตใจมาก เคยรอ "วันสิ้นเดือน"...(เหมือนสิ้นใจ) เหมือนคนทั่วไป
..................
แฟนพี่เคยมีหนี้บัตรเครดิตจนสะสม และจ่ายขั้นต่ำไปเรื่อย
เพราะเงินสดที่ได้ต้องส่งน้องเรียน และส่งให้ที่บ้านหมด
ตัวเขาเองต้องใช้บัตรเครดิตซื้อของกินของใช้ในชีวิตประจำวัน...เท่าที่จะใช้ได้
คืออะไรจ่ายด้วยบัตรเครดิตได้เลือกจ่ายด้วยบัตรเครดิต 100%
เพราะที่บ้านนอก พ่อแม่ และน้องๆของเขาต้องใช้เงินสดค่ะ
.
หลังแต่งงานและเมื่อพบว่ามีหนี้บัตร
พี่นำเงินที่สะสมจากการทำงานพิเศษ
ใช้หนี้จนหมดเงิน ...แต่หนี้ยังไม่หมด
เป้าหมายอื่นต้องแขวนไว้ก่อน
ตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพื่อใช้หนี้บัตรให้หมดก่อน
.
พี่ไม่เคยลืมความรู้สึกในช่วงเวลานั้นเลย
ทุกวันนี้ ยังใช้บัตรเครดิตมากเท่าที่จะใช้ได้
ด้วยวัตถุประสงค์เปลี่ยนไปค่ะ...สะสมแต้ม รับส่วนลด
แต่ใช้แล้วจะจ่ายคืนทันที ไม่รอใบเรียกเก็บเงินเลยค่ะ
(โอนผ่าน i-banking เลยสะดวกมากๆ ค่ะ...ตัวอย่างตามรูปค่ะ) วันสรุปยอด คือวันที่ 12 ของทุกเดือน กำหนดจ่าย ประมาณ วันที่ 5 ของทุกเดือน
ในภาพใช้บัตรเครดิตวันที่ 1 กพ. ยอด 34,000 บาท
วันที่ 2 กพ ก็จ่ายคืนเลยค่ะ (ที่จริงจ่ายคืนนั้นเลย แต่เลยเที่ยงคืนจึงข้ามไปเป็นวันที่ 2 กพ.)
ทั้งที่วันสรุปยอดคือ 12 กพ. และวันที่ต้องจ่าย คือ 5 มีค. 58 อีกเดือนกว่าหลังจากนั้น
แต่เลือกที่จะจ่ายคืนทันทีหลังใช้ค่ะ...สบายใจ
...................
ตอนที่ชีวิตเป็นแบบสีน้ำเงิน..พี่พบว่ามันทรมานมาก...จะไม่มีวันกลับไปเป็นอย่างนั้นอีก
เลยตั้งใจเอาไว้ว่า...คำว่า "สิ้นเดือน" ต้องไม่มีความหมาย
และไม่ใช่วันที่เรารอคอยอีกต่อไป...ในที่สุดก็ทำได้ตามที่ตั้งใจแล้วค่ะ
...................
[/color]
ขอบคุณมากเลยค่ะ...ค่อยๆ สะสมมาตามที่เขียนเล่าในกระทู้ค่ะsatit เขียน:คุณนุชสอนและเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกๆ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ