VI Summit 2015 ที่สิงคโปร์/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1593
ผู้ติดตาม: 2

VI Summit 2015 ที่สิงคโปร์/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    สัปดาห์ที่แล้วผมได้รับเชิญให้ไปพูดในฐานะ “Keynote Speaker” หรือเป็น “ผู้พูดหลัก” ในงานสัมมนาประจำปีของนักลงทุนแนว Value Investment ระดับ  “นานาชาติ” ชื่อ Value Investing Summit 2015 ที่ประเทศสิงคโปร์  ปีนี้เข้าใจว่าเป็นปีที่ 4 แล้วที่มีการจัดสัมมนาประจำปีแบบนี้  ปีแรกมีผู้เข้าร่วมเพียง 4-500 คน หลังจากนั้นจำนวนคนก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  จนปีนี้มีผู้เข้าร่วมถึง 1,400-1,500 คนซึ่งทางผู้จัดอ้างว่าเป็นการชุมนุมนักลงทุนแนว VI ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก  อย่างไรก็ตาม  ผู้เข้าร่วมสัมมนาส่วนใหญ่ก็ยังเป็นคนสิงคโปร์  ตามด้วยคนมาเลเซีย  อินโดนีเซีย และอาจจะมีออสเตรเลียบ้างเล็กน้อย  ในขณะที่คนไทยนั้น  นับดูแล้วน่าจะเพียงแค่ไม่เกิน 7-8 คน  สถานที่จัดงานนั้นเนื่องจากต้องรับคนจำนวนมาก  ปีนี้จึงจัดที่ สิงคโปร์เอ็กซโปร์ซึ่งเป็นสถานที่จัดประชุมและงานแสดงขนาดใหญ่ที่สุดแบบเดียวกับที่เมืองทองธานีของเรา

    งาน VI Summit 2015 นี้  จัดโดยบริษัทชื่อ 8I ของสิงคโปร์  โดยที่บริษัทนี้เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจหลักอย่างหนึ่งก็คือการให้บริการความรู้ทางด้านการลงทุนผ่านการเปิดคอร์สอบรมเรื่องการลงทุน  การขายหนังสือและสื่อทั้งหลายเกี่ยวกับการลงทุน  การจัดประชุมและสัมมนาเกี่ยวกับการลงทุนและอาจจะมีบริการด้านอื่น ๆ  ที่ผมไม่ทราบอีกหลายอย่าง  นอกจากนั้น  บริษัทยังมีพอร์ตโฟลิโอเงินลงทุนของตนเองในสิงคโปร์และประเทศต่าง ๆ  รวมถึงหุ้นของไทยด้วย  ที่สำคัญก็คือ  บริษัทเพิ่งเข้าจดทะเบียนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของออสเตรเลียเมื่อ 3-4 สัปดาห์มานี้  โดยที่หุ้น IPO ส่วนใหญ่ก็ขายให้กับคนสิงคโปร์โดยเฉพาะที่เป็นลูกค้าที่ใช้บริการเรียนรู้เรื่องการลงทุนของบริษัท  ตั้งแต่หุ้นเข้าจดทะเบียน  ราคาหุ้นก็ขึ้นมาน่าจะประมาณเท่าตัวแล้วนับจากวันเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นในวันแรก  ผมเชื่อว่าเขาวางตำแหน่งตนเองคล้าย ๆ  กับหุ้นเบิร์กไชร์ของบัฟเฟตต์ที่เน้นการลงทุนเงินของบริษัทเองในตลาดหุ้น  อย่างไรก็ตาม  บริษัทยังมีขนาดเล็กมาก  มูลค่าหุ้นทั้งหมดของบริษัทน่าจะอยู่ในหลักพันล้านบาทบวกลบเท่านั้น

    งาน VI Summit ในครั้งนี้  ทำให้ผมได้รู้สถานการณ์เกี่ยวกับเรื่องของ VI สิงคโปร์หลายอย่างที่ดูเหมือนว่าจะแตกต่างจากชุมนุมหรือสังคม VI ของไทย  ภาพโดยรวมก็คือ  การสนับสนุนจาก “สถาบัน” อย่างเช่น  ตลาดหลักทรัพย์หรือสถาบันการเงินรวมถึงโบรกเกอร์และบริษัทจดทะเบียนต่อนักลงทุนน่าจะมีน้อยกว่าในกรณีของไทยมาก  สปอนเซอร์ของงานมีเพียงแบ็งค์เดียวและดูเหมือนว่าจะมานำเสนอในเรื่องของการประกันชีวิตเป็นหลัก  ดังนั้น  การสัมมนาครั้งนี้จึงเป็นเรื่อง “เชิงธุรกิจ” เป็นส่วนใหญ่นั่นคือ  ผู้เข้าร่วมสัมมนาต้องซื้อบัตรที่มีราคาค่อนข้างแพง  ตั๋วมีราคาใบละ 4-8,000 บาทขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ซื้อ  เช่น  ถ้าซื้อวันนี้เพื่อที่จะเข้าร่วมฟังในปีหน้า  ราคาอาจจะอยู่ที่ 4,000 บาทเป็นต้น  ราคาบัตรจะแพงขึ้นเรื่อย ๆ จนใกล้วันงานที่ที่นั่งใกล้หมด

    งานสัมมนาคราวนี้กำหนดไว้ 2 วันเต็มคือวันเสาร์และอาทิตย์  โดยที่มีเวลาพักรับประทานอาหารกลางวันที่ผู้เข้าร่วมสัมมนาต้องไปหาอาหารกินเองยกเว้นกลุ่มนักลงทุน “VIP” จำนวนอาจจะซักร้อยหรือสองร้อยคนที่จะมีการจัดเลี้ยงเพื่อที่จะให้พวกเขาได้รู้จักกันและได้คุยกับวิทยากรซึ่งผมเข้าใจว่าพวกเขาจะต้องจ่ายค่าสัมมนาอีกอัตราหนึ่ง  นอกจากไม่มีอาหารแล้ว  งานสัมมนาของเขายังไม่มีกาแฟหรือของว่างเลี้ยงด้วย  มีแต่น้ำเปล่าที่คนต้องไปกดเพื่อดื่มเอาเอง  เหตุผลที่เขาทำอย่างนั้นนอกจากเพื่อเป็นการลดต้นทุนแล้วผมยังคิดว่าเป็นเพราะจำนวนคนที่มีมากเกินกว่าที่จะให้บริการไหวด้วย  เช่นเดียวกัน ห้องประชุมนั้น  ก็ใช้ห้องจัดแสดงสินค้าแล้วนำเก้าอี้มาวางเต็มห้องซึ่งทำให้คนเข้าร่วมสัมมนาที่อยู่ท้ายห้องมองวิทยากรลำบากและคงต้องอาศัยดูจากจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่เป็นหลัก

    สถานการณ์ดังกล่าวนั้น  เมื่อเทียบกับสิ่งที่ VI ไทยได้รับแล้ว  ผมรู้สึกว่า  นักลงทุนไทยนั้น  ได้รับการดูแลและได้รับการสนับสนุนมากในด้านของการศึกษาหาความรู้ด้านการลงทุน  เห็นได้จากการที่นักลงทุนส่วนบุคคลของไทยนั้น  สามารถฟังการสัมมนาฟรีได้มากมาย  หลาย ๆ  รายการมีอาหารเลี้ยง  ห้องสัมมนาก็มักจะเป็นห้องประชุมชั้นดีที่มีระดับลาดขึ้นและเก้าอี้สะดวกสบายเหมือนโรงหนัง  เหตุผลก็เพราะในเมืองไทยนั้น  เรามีสปอนเซอร์มากมายที่ต้องการขายบริการให้กับนักลงทุนรายย่อย  ในขณะที่นักลงทุนรายย่อยของสิงคโปร์นั้น  น่าจะมีธุรกรรมน้อยจนบริษัทการเงินและหลักทรัพย์ไม่สนใจที่จะทำการตลาดด้วย  ไม่ต้องพูดถึงว่า  นักลงทุนรายย่อยของสิงคโปร์นั้น  ไม่มีโอกาสได้พบกับผู้บริหารบริษัทหรือเข้าร่วมฟังข้อมูลของบริษัทอย่างในงาน Opportunity Day ของไทย  ดังนั้น  นักลงทุนแนว VI ของสิงคโปร์จึงต้องจ่ายเงินและยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อแสวงหาความรู้เพื่อการลงทุนค่อนข้างสูงและพวกเขาดูตั้งใจฟังมากในงานสัมมนา

    หัวข้อของงาน VI Summit 2015 นั้น  ประกอบด้วยการบรรยายภาพรวมทางเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของสิงคโปร์  การวิเคราะห์และแนะนำหลักทรัพย์ประมาณ 4-5 ตัวโดยนักวิเคราะห์ของบริษัท 8I ซึ่งพวกเขาทำได้ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นโบรกเกอร์หรือมีใบอนุญาต  นอกจากนั้นก็มีการแจกรางวัลเป็นแนว  “แหวนอัศวิน”  ให้แก่นักลงทุนจำนวนประมาณ 8 คนที่เป็นสมาชิกหรือลูกค้าเรียนคอร์สการลงทุนของบริษัทที่สามารถสร้างผลงานการลงทุนดีเด่นจนพอร์ตเติบโตเป็น  “นักลงทุนเงินล้าน(เหรียญ)” รายการทั้งหมดนั้นคละเคล้าสลับกันไปเพื่อไม่ให้เกิดความน่าเบื่อหน่าย  ระหว่างเปลี่ยนรายการก็จะมีพิธีกรหรือผู้บริหารบริษัทขึ้นมาคั่นรายการเล็ก ๆ น้อยเพื่อสร้างความบันเทิงและโปรโมตผลงานการวิเคราะห์ในปีก่อนของบริษัทด้วย

    ส่วนตัวผมเองนั้นขึ้นพูดในวันสุดท้าย 2 ช่วง โดยช่วงแรกผมพูดในหัวข้อ  “A Golden Decade for Thai Value Investor” หรือ  “ทศวรรษทองของ VI ไทย” และในช่วงที่สองก่อนปิดงานสัมมนา  เป็นการพูดแบบอภิปรายตอบคำถามของผู้บรรยายหลายคนซึ่งประกอบด้วยผู้พูดจากออสเตรเลีย สิงคโปร์ และผม โดยมีผู้บริหารของ 8I เป็นผู้ดำเนินรายการ   เนื้อหาของการพูดของผมนั้นเป็นการอธิบายภาพของเศรษฐกิจ  การเงิน และตลาดหุ้นของไทย  รวมถึงเหตุผลและปัจจัยที่เป็นตัวผลักดันตลาดหุ้นของเราในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา  หลังจากนั้นผมได้เล่าถึงกลยุทธ์การลงทุนแนว VI สามแนวทางที่มีการใช้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาที่สามารถเอาชนะตลาดและสร้างผลตอบแทนที่สูงลิ่วจนทำให้ VI จำนวนไม่น้อยร่ำรวยขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ  ต่อจากนั้นผมก็สรุปถึงองค์ประกอบที่สร้างความสำเร็จให้กับ VI ไทย ซึ่งประกอบไปด้วย  “โชค” ที่พวกเขาเข้ามาลงทุนในตลาดในเวลาที่ถูกต้อง  การใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ VI ที่เน้นในหุ้นโตเร็ว  การเลือกหุ้นที่อยู่ในเมกาเทรนด์  ความนิยมของคนไทยต่อการลงทุนในหุ้น  และสุดท้ายก็คือ  ความกล้าที่จะลงทุนเงินร้อยเปอร์เซ็นต์หรือมากกว่านั้นผ่านการซื้อหุ้นด้วยมาร์จิน ที่ทำให้ได้ผลตอบแทนที่งดงามมากและผมเชื่อว่าในอนาคตเราจะไม่สามารถทำได้อีกแบบง่าย ๆ  ในประเทศไทย  โดยที่ผมคิดว่า  อนาคตของการลงทุนน่าจะอยู่ที่ตลาดหุ้นในเอเชียโดยเฉพาะเวียตนามกับจีน

    บรรยากาศของที่ประชุมสัมมนานั้น  ผมรู้สึกว่านักลงทุนค่อนข้างมีความตั้งใจและมีอารมณ์ร่วมค่อนข้างมากทั้ง ๆ ที่เป็นสถานที่ขนาดใหญ่และมีคนร่วมฟังอยู่จำนวนมาก  ผมคิดว่านักลงทุนส่วนบุคคลแนว VI ของสิงคโปร์นั้น  ยังตามหลังไทยอยู่พอสมควรและพวกเขากำลังเริ่มศึกษาและปฏิบัติตามแนวทางนี้อย่างมุ่งมั่น  ปัญหาสำคัญส่วนหนึ่งก็คือ  VI นั้นยังไม่เป็นกระแสที่คนนิยมหรือพูดถึงเนื่องจากยังไม่มีใครที่ทำกำไรจากหุ้นมากพอ  ความนิยมในการลงทุนในหุ้นก็ยังน้อยเนื่องจากตลาดหุ้นไม่บูมมานาน  นอกจากนั้น  การส่งเสริมการลงทุนโดยหน่วยงานรัฐและสถาบันการเงินก็ยังมีน้อย  โลกของการลงทุนยังอยู่ในมือของนักลงทุนสถาบัน  อย่างไรก็ตาม  ผมคิดว่าการพัฒนาของ VI สิงคโปร์และในย่านเอเชียน่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่ไทยเองอาจจะสามารถเป็น “ผู้นำ”  ได้  เพราะประสบการณ์ VI ของเรานั้น  น่าจะยาวกว่าคนอื่นในย่านนี้
[/size]
ลูกหิน
Verified User
โพสต์: 1217
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI Summit 2015 ที่สิงคโปร์/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
somkull
Verified User
โพสต์: 343
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI Summit 2015 ที่สิงคโปร์/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 3

โพสต์

Vi บ้านเราไม่ธรรมดา แนวหน้าของ อาเซี่ยนเลยนะครับ
RnD-VI
Verified User
โพสต์: 2187
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI Summit 2015 ที่สิงคโปร์/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณครับ
และขอเสริม fm 96.5 ที่อาจารย์ให้สัมภาษณ์ด้วยครับ
http://mcot-web.mcot.net/fm965/audio/vi ... cd7d8b4581
เราลงรายละเอียดระดับไหน + แผนการ + วินัยในการแบ่งและใช้เวลาในแต่ละวัน
โพสต์โพสต์