จากไม่หนีไม่จ่าย
เปลี่ยนมาเป็นแปลงหนี้เป็นทุนแล้วครับ
กรรมการเจ้าหนี้ NSM ลงมติแก้ไขแผนปรับหนี้ เตรียมขายหุ้นให้ ผถห.เดิม-แปลงหนี้เป็นทุน
กรรมการเจ้าหนี้ NSM ลงมติแก้ไขแผนปรับหนี้ เตรียมขายหุ้นสามัญให้ผถห.เดิมสัดส่วน 10 ต่อ 1 ถึง 10 ต่อ 2 ราคาหุ้นละ 0.40 บ. แปลงหนี้เงินต้นร้อยละ 40 เป็นทุน ในราคาหุ้นละ 0.45 บ. และจะลดทุนของบริษัทฯ 2 ครั้ง เพื่อล้างส่วนต่ำมูลค่าหุ้น ด้านเจ้าหนี้มีประกัน เผยจะให้สินเชื่อหมุนเวียน 50-70 ล้านเหรียญ เพื่อใช้ดำเนินกิจการ ระบุยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯต่อเมื่อหนี้ลดลง 10 ล้านเหรียญ-มีกำไรพอล้างขาดทุนสะสม-ล้างส่วนต่ำมูลค่าหุ้นเรียบร้อย
นายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง บริษัท มหาราชแพลนเนอร์ จำกัด ในฐานะผู้บริหารแผนของบริษัท นครไทยสตริปมิล จำกัด (มหาชน) (NSM) เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการประชุมคณะกรรมการเจ้าหนี้ ครั้งที่ 2/2549 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2549 ได้มีข้อสรุปว่าบริษัท นครไทยสตริปมิล จำกัด (มหาชน) มีความจำเป็นจะต้องปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้สัญญาปรับโครงสร้างหนี้ซึ่งรวมถึงเงินต้น ดอกเบี้ยค้างชำระเดิมและดอกเบี้ยค้างชำระ ทั้งนี้ เพื่อให้บริษัทฯมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงและสามารถได้รับวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนเพื่อใช้ในการดำเนินกิจการของบริษัทฯ ที่ประชุมคณะกรรมการเจ้าหนี้ยังได้รับทราบว่า การปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวจะทำได้ก็ด้วยการแก้ไขข้อกำหนดในแผนปรับโครงสร้างหนี้ ( แผน ) ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบ จากที่ประชุมเจ้าหนี้ และศาลล้มละลายกลาง และอาจจะต้องได้รับอนุมัติจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องด้วย( การอนุมัติจากหน่วยงานราชการ ) ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการเจ้าหนี้ ได้มีมติอนุมัติการปรับ
โครงสร้างของหนี้ตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ รวมทั้งการแก้ไขแผน ( การแก้ไขแผน ) ตามแนวทางต่อไปนี้
การดำเนินการ
เมื่อการแก้ไขแผนได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมเจ้าหนี้และศาลล้มละลายกลางแล้ว ให้ผู้บริหารแผนดำเนินการปฏิบัติตามแผนที่ได้รับการแก้ไขดังกล่าวได้ทันทีเว้นแต่การดำเนินการบางขั้นตอนที่จะต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานราชการให้ผู้บริหารแผนดำเนินการได้นับแต่วันที่เงื่อนไขต่างๆ ที่กำหนดไว้ ภายใต้การอนุมัติจากหน่วยงานราชการ (หากมี) ได้เกิดขึ้นครบถ้วนแล้ว ( วันที่มีผลใช้บังคับ )
เงื่อนไขของการปรับโครงสร้างหนี้
1. การออกและเสนอขายหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิม
* เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการ บริษัทฯ จะออกและเสนอขายหุ้นสามัญให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วนตั้งแต่ 10 : 1 (10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่) ถึง 10 :2 (10 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นใหม่) โดยไม่มีการอนุญาตให้จองซื้อเกินสิทธิ ที่ราคาหุ้นละ 0.40 บาท โดยในการออกและเสนอขายหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิม จะต้องดำเนินการภายใน 60 นับแต่วันที่ได้รับความเห็นชอบจากศาล
2. หนี้ต้นเงินตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้
* หนี้ต้นเงินตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ จำนวนร้อยละ 40 ของหนี้ต้นเงินทั้งหมดจะต้องแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญของบริษัทฯ ที่ราคา 0.45 บาทต่อหุ้น ( ราคาแปลงสภาพ )โดยเจ้าหนี้จะต้องแปลงสภาพหนี้ต้นเงินจำนวนร้อยละ 20 ของหนี้ต้นเงินทั้งหมด ภายใน 45 วันนับแต่วันที่บริษัทฯ ได้แจ้งให้เจ้าหนี้ทราบถึงวันที่มีผลใช้บังคับ และจะต้องแปลงสภาพหนี้ต้นเงินจำนวนร้อยละ 20 ของหนี้ต้นเงินทั้งหมด ภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่มีผลใช้บังคับ
* สำหรับหนี้ต้นเงินตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้จำนวนที่เหลือ เจ้าหนี้จะสามารถแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญของบริษัทฯได้ (โดยเป็นทางเลือกของเจ้าหนี้) ที่ราคาแปลงสภาพ ภายในระยะเวลา 18 เดือน นับแต่วันที่ได้รับความเห็นชอบจากศาล
3. ดอกเบี้ยค้างชำระเดิม
* ให้เปลี่ยนหนี้ดอกเบี้ยค้างชำระเดิมให้เป็นหนี้ที่สามารถแปลงเป็นหุ้นของบริษัทฯ ได้แต่ไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้เป็นเงิน และให้ร่นระยะเวลาการใช้สิทธิแปลงสภาพของหนี้ดอกเบี้ยค้างชำระเดิมให้เหลือเพียง 18 เดือน นับแต่วันที่ได้รับความเห็นชอบจากศาล
* ก่อนหน้าวันที่มีผลใช้บังคับ การแปลงสภาพหนี้ดอกเบี้ยค้างชำระเดิม จะต้องทำตามเงื่อนไขเดิมของแผน ที่ราคาหุ้นละ 8.25 บาท
* นับแต่วันที่มีผลใช้บังคับ การแปลงสภาพหนี้ดอกเบี้ยค้างชำระเดิม จะต้องทำที่ราคาแปลงสภาพ
4. ดอกเบี้ยค้างชำระ
* ให้เปลี่ยนหนี้ดอกเบี้ยค้างชำระให้เป็นหนี้ที่สามารถแปลงเป็นหุ้นของบริษัทฯ ได้แต่ไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้เป็นเงิน ที่ราคาแปลงสภาพ โดยให้ใช้สิทธิแปลงสภาพได้ ภายใน18 เดือน นับแต่วันที่ได้รับความเห็นชอบจากศาล
5. ระยะเวลาในการห้ามซื้อขายหลักทรัพย์
* ให้หุ้นสามัญของบริษัทฯ จำนวนร้อยละ 75 ของหุ้นสามัญที่ออกใหม่ทั้งหมด ที่ออกให้แก่เจ้าหนี้เนื่องจากการแปลงสภาพของหนี้ตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ ถูกห้ามซื้อขายเป็นระยะเวลา 6 เดือน
6. การลดทุนจดทะเบียนบริษัทโดยการลดมูลค่าหุ้น การแก้ไขแผนจะต้องกำหนดให้บริษัทฯ ลดทุนจดทะเบียนบริษัทโดยการลดมูลค่าหุ้น จำนวน 2 ครั้งดังนี้
* ให้บริษัทฯ ดำเนินการลดทุนจดทะเบียนบริษัท ครั้งที่ 1โดยเร็วที่สุดหลังจากเสร็จสิ้นการแปลงสภาพหนี้ต้นเงินตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ จำนวนร้อยละ20 ของหนี้ต้นเงินทั้งหมด โดยให้ลดทุนจดทะเบียนบริษัทลงในจำนวนที่สามารถล้างส่วนต่ำมูลค่าหุ้นของบริษัทฯ ที่มีอยู่ในขณะนั้น
* ให้บริษัทฯ ดำเนินการลดทุนจดทะเบียนบริษัท ครั้งที่ 2 โดยเร็วที่สุดหลังจากระยะเวลาการแปลงสภาพ 18 เดือน ของการแปลงสภาพหนี้ต้นเงินตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ที่เหลือ ดอกเบี้ยค้างชำระเดิม และดอกเบี้ยค้างชำระ โดยให้ลดทุนจดทะเบียนบริษัทลงในจำนวนที่สามารถล้างส่วนต่ำมูลค่าหุ้นของบริษัทฯ ที่มีอยู่ในขณะนั้น
7. วงเงินสินเชื่อหมุนเวียนเพื่อใช้ในการดำเนินกิจการ
* เจ้าหนี้มีประกันจะต้องจัดวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนเพื่อใช้ในการดำเนินกิจการ ให้แก่บริษัทฯจำนวน 50 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา ถึง 75 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา โดยเร็วที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ หลังจากวันที่ได้รับความเห็นชอบจากศาล
8. เจ้าหนี้รายอื่นๆ
* ให้ร่นระยะเวลาชำระคืนหนี้แก่เจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 กลุ่มที่ 5 กลุ่มที่ 7 และ กลุ่มที่ 13 จากเดิม 10 ปีนับแต่วันที่มีผลใช้บังคับ ให้เหลือ 8 ปีนับแต่วันที่มีผลใช้บังคับ
9. การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดในแผนที่ได้รับการแก้ไข
* ในกรณีหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขข้อกำหนดบางประการของแผนที่ได้รับการแก้ไขในลักษณะที่ไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อผลประโยชน์ของบริษัทฯ ให้คณะกรรมการเจ้าหนี้สามารถอนุมัติการแก้ไขดังกล่าวได้
10. การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์
* ให้แจ้งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทราบถึงหลักเกณฑ์การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์
การยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ
การแก้ไขแผนจะต้องมีข้อกำหนดว่า การยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯจะสามารถทำได้ เมื่อได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขต่อไปนี้ครบถ้วนแล้ว เว้นแต่ จะได้รับการผ่อนผันจากคณะกรรมการเจ้าหนี้
(1) จำนวนหนี้ทั้งหมดของบริษัทฯจะต้องลดลงจำนวน 10 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ไม่นับจำนวนหนี้ที่ลดลงจากการแปลงสภาพหนี้ตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้แผนที่ได้รับการแก้ไขข้างต้น
(2) บริษัทมีผลกำไรเพียงพอที่จะล้างยอดขาดทุนสะสมทั้งหมด และผลประกอบการของบริษัทฯมีกำไรใน 2 ไตรมาสก่อนหน้าการขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ ติดต่อกัน
(3) บริษัทฯ ได้ดำเนินการลดทุนจดทะเบียนบริษัทเพื่อล้างส่วนต่ำมูลค่าหุ้นของบริษัทฯที่มีอยู่ทั้งหมดแล้ว