หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก 5 ปี
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก 5 ปี
โพสต์ที่ 1
เนื่องจากเราเป็นนักลงทุนเน้นคุณค่า
ดังนั้น เมื่อเราเลือกซื้อหุ้นซัก 1 ตัว นั้น
มองกันยาวๆ มิใช่มองกันเป็นวินาทีต่อวินาที นาทีต่อนาที ชั่วโมงต่อชั่วโมง
หรือ แค่10.00 ถึง 12.30 และ 14.30-16.40 เท่านั้น
แต่นักลงทุนเน้นคุณค่านั้น มองที่ผลประกอบการของกิจการ
มิใช่มองแค่การเปลี่ยนแปลงดีเพียง ไตรมาสนี้ไปไตรมาสหน้า หรือ ไตรมาสนี้เมื่อปีก่อนเทียบกับปีนี้
แต่เรามองกันเป็น 3,5,10 ปี กันเลยทีเดียว
นั้นคืออะไร เราค้นหา Super stock หุ้นที่ทุกคนมองข้ามกันไป ทุกคนร้องยี้ในวันนี้ แต่เป็น Super stock ในวันหน้า นั้นเอง หรือ บริษัทที่นักลงทุนลืมนั้นเอง
นี้คือสาเหตุที่เกิดกระทู้นี้ขึ้นมา
ซึ่งกระทู้แบบนี้มันได้หายไปจาก TVI มาเนิ่นนานแล้ว
ดังนั้น เมื่อเราเลือกซื้อหุ้นซัก 1 ตัว นั้น
มองกันยาวๆ มิใช่มองกันเป็นวินาทีต่อวินาที นาทีต่อนาที ชั่วโมงต่อชั่วโมง
หรือ แค่10.00 ถึง 12.30 และ 14.30-16.40 เท่านั้น
แต่นักลงทุนเน้นคุณค่านั้น มองที่ผลประกอบการของกิจการ
มิใช่มองแค่การเปลี่ยนแปลงดีเพียง ไตรมาสนี้ไปไตรมาสหน้า หรือ ไตรมาสนี้เมื่อปีก่อนเทียบกับปีนี้
แต่เรามองกันเป็น 3,5,10 ปี กันเลยทีเดียว
นั้นคืออะไร เราค้นหา Super stock หุ้นที่ทุกคนมองข้ามกันไป ทุกคนร้องยี้ในวันนี้ แต่เป็น Super stock ในวันหน้า นั้นเอง หรือ บริษัทที่นักลงทุนลืมนั้นเอง
นี้คือสาเหตุที่เกิดกระทู้นี้ขึ้นมา
ซึ่งกระทู้แบบนี้มันได้หายไปจาก TVI มาเนิ่นนานแล้ว
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 5
หากเอาแค่ปีนี้ปีหน้า
แค่ออกข่าวเห็นๆ แค่...มีโครงการสร้าง+ร่วมทุน ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
หรือลม หรือชีวมวล
หุ้นที่ตกเป็นข่าวก็วิ่งเลย หมดที่รัฐบาลอุดหนุนตอนไหนอย่างไรก็ไม่สน
อีก5ปี มันคงจะเปลี่ยนเทรนบ้างไปตามกระแส
แค่ออกข่าวเห็นๆ แค่...มีโครงการสร้าง+ร่วมทุน ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
หรือลม หรือชีวมวล
หุ้นที่ตกเป็นข่าวก็วิ่งเลย หมดที่รัฐบาลอุดหนุนตอนไหนอย่างไรก็ไม่สน
อีก5ปี มันคงจะเปลี่ยนเทรนบ้างไปตามกระแส
-
- Verified User
- โพสต์: 154
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 6
ประเด็นทุกวันนี้ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การคาดการณ์เทรนด์ล่วงหน้าโดยเฉพาะ5ปี
สำหรับผมมันยากเหลือเกิน อย่าว่าแต่5ปีเลยแค่ล่วงหน้า2-3ปี ผมก็ยอมรับว่าเกินความสามารถผม
ดังนั้นส่วนตัวผมเห็นว่าในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะลงทุุนแนวไหนก็ตามสิ่งที่กลายเป็นความสำคัญอันดับหนึ่งของผมคือ
"การบริหารความเสี่ยง เข้าใจในการเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดติดกับแนวทฤษฎีเดิมแต่ก็ยังคงแก่นแท้ตัวตนของเรา" คือสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ เมื่อก่อนก็สำคัญมากเดี๋ยวนี้ยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นอีกครับ
ยิ่งแนววีไอที่จะถือลงทุนนานมากๆยิ่งต้องมีใส่ใจในการบริหารความเสี่ยงมากครับ เพราะไม่ว่าเราจะ
อ่านมากเท่าไร ติดตามมากเพียงไหน ความเสี่ยงสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และบ่อยครั้งกว่าในอดีต ความไม่ประมาทเป็นเป้าหมายสำคัญที่สุดครับ
ข้างล่างเป็น e-book เจาะเทรนด์โลก 2015 โดย TCDC ครับ
http://www.tcdc.or.th/src/20548/eBook-% ... %E0%B9%8C-
สำหรับผมมันยากเหลือเกิน อย่าว่าแต่5ปีเลยแค่ล่วงหน้า2-3ปี ผมก็ยอมรับว่าเกินความสามารถผม
ดังนั้นส่วนตัวผมเห็นว่าในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะลงทุุนแนวไหนก็ตามสิ่งที่กลายเป็นความสำคัญอันดับหนึ่งของผมคือ
"การบริหารความเสี่ยง เข้าใจในการเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดติดกับแนวทฤษฎีเดิมแต่ก็ยังคงแก่นแท้ตัวตนของเรา" คือสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ เมื่อก่อนก็สำคัญมากเดี๋ยวนี้ยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นอีกครับ
ยิ่งแนววีไอที่จะถือลงทุนนานมากๆยิ่งต้องมีใส่ใจในการบริหารความเสี่ยงมากครับ เพราะไม่ว่าเราจะ
อ่านมากเท่าไร ติดตามมากเพียงไหน ความเสี่ยงสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และบ่อยครั้งกว่าในอดีต ความไม่ประมาทเป็นเป้าหมายสำคัญที่สุดครับ
ข้างล่างเป็น e-book เจาะเทรนด์โลก 2015 โดย TCDC ครับ
http://www.tcdc.or.th/src/20548/eBook-% ... %E0%B9%8C-
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 8
มันเป็นสิ่งที่ท้าทาย ในการลงทุนที่มองไปข้างหน้าถึง 5 ปีว่ากิจการประเภทไหน เป็นดาวเด่นหรือดาวรุ่ง
ถ้าหากทายได้ถูกต้อง ซื้อหุ้นที่วันนี้แล้วมันคือดาวเด่นในวันหน้า มันคือ Super Stock
ในทางกลับกัน ซื้อหุ้นวันนี้แล้วในอีก 5 ปีข้างหน้า กิจการป็นดาวรุ่ง มันคือ ...
ซึ่งดาวรุ่งตัวหนึ่งที่ผมเห็นชัดเจน และผมได้ทายเมื่อนานมาแล้วคือกิจการพวก Harddisk ที่ใช้จานแม่เหล็ก
ซึ่ง Hard disk แบบจานแม่เหล็ก แพ้ Hard disk แบบ SSD จุดเดียวคือเรื่องของความรุในการเขียนและอ่านข้อมูล
แต่ Harddisk แบบจานแม่เหล็กชนะอยู่สองประเด็นคือ ความจุที่มากกว่า และ ระยะเวลาในการการจัดเก็บ
อันนี้คือเห็นได้ชัดเจนว่า แนวโน้มแบบจานแม่เหล็กลดลง พร้อมกับการมา Hard disk แบบ SSD
ตัวชิปที่ผลิต SSD นั้นมันซ่อนอยู่ใน Smart Phone และ Tablet ดังนั้นมันเป็นสิ่งที่ทำให้ cost ลดลงได้ในระเวลาอันใกล้
ส่วนดาวเด่น น่าจะ 10 ปีกว่าข้างหน้าที่รถยนต์แบบไฟฟ้า
ตอนนี้ปัญหาของรถยนต์ประเภทนี้คือ ระยะทางในการวิ่งต่อการชาร์จ 1 ครั้งและ ระยะเวลาในการชาร์จ
ถ้าแก้ไขโจทย์นี้ได้ กิจการรถยนต์แบบไฟฟ้า จะเป็นดาวรุ่งเลย
อีกตัวที่น่าจะใช้เวลานานเหมือนกันคือ Auto car ที่เป็นโครงการของ Google ที่ได้ทดสอบบนท้องถนนในทวีปอเมริกาเหนือแล้วในเวลานี้ แต่ใช้เวลานานกว่ารถยนต์แบบไฟฟ้าแน่นอน
อันนี้เป็นคิดความของผิด แล้ว เพื่อนๆคิดว่ากิจการไหนรุ่งหรือกิจการไหนร่วงในอนาคต
ถ้าหากทายได้ถูกต้อง ซื้อหุ้นที่วันนี้แล้วมันคือดาวเด่นในวันหน้า มันคือ Super Stock
ในทางกลับกัน ซื้อหุ้นวันนี้แล้วในอีก 5 ปีข้างหน้า กิจการป็นดาวรุ่ง มันคือ ...
ซึ่งดาวรุ่งตัวหนึ่งที่ผมเห็นชัดเจน และผมได้ทายเมื่อนานมาแล้วคือกิจการพวก Harddisk ที่ใช้จานแม่เหล็ก
ซึ่ง Hard disk แบบจานแม่เหล็ก แพ้ Hard disk แบบ SSD จุดเดียวคือเรื่องของความรุในการเขียนและอ่านข้อมูล
แต่ Harddisk แบบจานแม่เหล็กชนะอยู่สองประเด็นคือ ความจุที่มากกว่า และ ระยะเวลาในการการจัดเก็บ
อันนี้คือเห็นได้ชัดเจนว่า แนวโน้มแบบจานแม่เหล็กลดลง พร้อมกับการมา Hard disk แบบ SSD
ตัวชิปที่ผลิต SSD นั้นมันซ่อนอยู่ใน Smart Phone และ Tablet ดังนั้นมันเป็นสิ่งที่ทำให้ cost ลดลงได้ในระเวลาอันใกล้
ส่วนดาวเด่น น่าจะ 10 ปีกว่าข้างหน้าที่รถยนต์แบบไฟฟ้า
ตอนนี้ปัญหาของรถยนต์ประเภทนี้คือ ระยะทางในการวิ่งต่อการชาร์จ 1 ครั้งและ ระยะเวลาในการชาร์จ
ถ้าแก้ไขโจทย์นี้ได้ กิจการรถยนต์แบบไฟฟ้า จะเป็นดาวรุ่งเลย
อีกตัวที่น่าจะใช้เวลานานเหมือนกันคือ Auto car ที่เป็นโครงการของ Google ที่ได้ทดสอบบนท้องถนนในทวีปอเมริกาเหนือแล้วในเวลานี้ แต่ใช้เวลานานกว่ารถยนต์แบบไฟฟ้าแน่นอน
อันนี้เป็นคิดความของผิด แล้ว เพื่อนๆคิดว่ากิจการไหนรุ่งหรือกิจการไหนร่วงในอนาคต
- vim
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2748
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 9
ขอร่วมด้วยครับพี่มิ เน้นเฉพาะดาวเด่นดาวรุ่ง
ดาวเด่น 5 ปี: กลุ่มบริษัทประกัน ได้รับผลบวกจากการที่ขนาดครอบครัวเล็กลง วัยทำงานตอนต้นออกมาอยู่ด้วยตัวคนเดียวเยอะขึ้น ความสามารถในการรับความเสี่ยงนั้นต่ำ ไหนจะมีบ้านมีรถต้องผ่อน มีลูกที่ต้องดูแล และยังต้องวางแผนเกษียนอีก หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ไม่ดีในชีวิต จึงเกิดความต้องการที่จะหาบริษัทมาช่วยรับความเสี่ยงตรงนี้ ซึ่งจะไม่เหมือนคนสมัยก่อนที่มีครอบครัวขนาดใหญ่ พอใครในครอบครัวมีปัญหาก็สามารถไปหาพี่น้องพ่อแม่ให้ช่วยได้
ดาวรุ่ง 10 ปี: บริษัทประกันเจ้าที่เหลือรอด เนื่องจากบริษัทประกันนั้นมีจำนวนมาก ซึ่งบริษัทที่เล็กกว่ามักจะมีต้นทุนต่อรายได้ที่สูงกว่าชัดเจน ทำให้เสี่ยงขาดทุนอยู่บ่อยๆ หน่วยงานที่ดูแลก็ไม่ชอบเพราะนั่นหมายถึงว่าถ้าบริษัทเกิดปัญหามาจริงๆจะไม่มีเงินจ่ายให้คนทำประกัน ทำให้ถูกกดดันจากหน่วยงานที่ดูแลด้วย ถึงจุดนึงบริษัทประกันขนาดเล็กจะต้องตัดสินใจว่าจะออกจากธุรกิจนี้ หรือยอมรวมตัวกับบริษัทใหญ่เพื่อความอยู่รอด
ยิ่งชีวิตมันซับซ้อน บริษัทประกันยิ่งมีทางไป รถยนตร์ไฟฟ้าที่พี่มิว่าไว้นั้น ยังไงต้องใช้แบตเตอร์รี่ ต้องใช้ระบบควบคุม ต้องมีมาตรฐานกลาง แล้วใครจะเป็นคนรับประกันแบ็ตและระบบบนมาตรฐานกลางนี้หละ ถ้าไม่ใช่บริษัทประกัน อิอิ
ดาวเด่น 5 ปี: กลุ่มบริษัทประกัน ได้รับผลบวกจากการที่ขนาดครอบครัวเล็กลง วัยทำงานตอนต้นออกมาอยู่ด้วยตัวคนเดียวเยอะขึ้น ความสามารถในการรับความเสี่ยงนั้นต่ำ ไหนจะมีบ้านมีรถต้องผ่อน มีลูกที่ต้องดูแล และยังต้องวางแผนเกษียนอีก หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ไม่ดีในชีวิต จึงเกิดความต้องการที่จะหาบริษัทมาช่วยรับความเสี่ยงตรงนี้ ซึ่งจะไม่เหมือนคนสมัยก่อนที่มีครอบครัวขนาดใหญ่ พอใครในครอบครัวมีปัญหาก็สามารถไปหาพี่น้องพ่อแม่ให้ช่วยได้
ดาวรุ่ง 10 ปี: บริษัทประกันเจ้าที่เหลือรอด เนื่องจากบริษัทประกันนั้นมีจำนวนมาก ซึ่งบริษัทที่เล็กกว่ามักจะมีต้นทุนต่อรายได้ที่สูงกว่าชัดเจน ทำให้เสี่ยงขาดทุนอยู่บ่อยๆ หน่วยงานที่ดูแลก็ไม่ชอบเพราะนั่นหมายถึงว่าถ้าบริษัทเกิดปัญหามาจริงๆจะไม่มีเงินจ่ายให้คนทำประกัน ทำให้ถูกกดดันจากหน่วยงานที่ดูแลด้วย ถึงจุดนึงบริษัทประกันขนาดเล็กจะต้องตัดสินใจว่าจะออกจากธุรกิจนี้ หรือยอมรวมตัวกับบริษัทใหญ่เพื่อความอยู่รอด
ยิ่งชีวิตมันซับซ้อน บริษัทประกันยิ่งมีทางไป รถยนตร์ไฟฟ้าที่พี่มิว่าไว้นั้น ยังไงต้องใช้แบตเตอร์รี่ ต้องใช้ระบบควบคุม ต้องมีมาตรฐานกลาง แล้วใครจะเป็นคนรับประกันแบ็ตและระบบบนมาตรฐานกลางนี้หละ ถ้าไม่ใช่บริษัทประกัน อิอิ
Vi IMrovised
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2431
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 10
หุ้นอุตสาห์กรรมที่จะไปได้ในอีก 5 ปี ผมเห็นมี 2 กลุ่มเท่านั้น คือ กลุ่มโรงพยาบาลและอุปรณ์ใช้ในโรงพยาบาล เพราะคนเราอายุยืนขึ้นต้องใช้บริการอยู่แล้ว......... และ อีกกลุ่มคือกลุ่มประกันชีวิตเท่านั้น (ประกันภัยปีนี้คงโตแค่ 5% และปีหน้าก็ไม่น่าจะโตเท่าไร) ที่ว่าประกันชีวิตนั้น โตทุกปี มีคนรุ่นใหม่ใช้ป้องกันความเสี่ยง และซื้อประกันกันมากขึ้น ดูเบี้ยประกันชีวิตไม่ตกเลย มีแต่จะขึ้น โตไปเรื่อย ๆ ทุกปี
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 11
miracle เขียน:มันเป็นสิ่งที่ท้าทาย ในการลงทุนที่มองไปข้างหน้าถึง 5 ปีว่ากิจการประเภทไหน เป็นดาวเด่นหรือดาวรุ่ง
ถ้าหากทายได้ถูกต้อง ซื้อหุ้นที่วันนี้แล้วมันคือดาวเด่นในวันหน้า มันคือ Super Stock
ในทางกลับกัน ซื้อหุ้นวันนี้แล้วในอีก 5 ปีข้างหน้า กิจการป็นดาวรุ่ง มันคือ ...
ซึ่งดาวรุ่งตัวหนึ่งที่ผมเห็นชัดเจน และผมได้ทายเมื่อนานมาแล้วคือกิจการพวก Harddisk ที่ใช้จานแม่เหล็ก
ซึ่ง Hard disk แบบจานแม่เหล็ก แพ้ Hard disk แบบ SSD จุดเดียวคือเรื่องของความรุในการเขียนและอ่านข้อมูล
แต่ Harddisk แบบจานแม่เหล็กชนะอยู่สองประเด็นคือ ความจุที่มากกว่า และ ระยะเวลาในการการจัดเก็บ
อันนี้คือเห็นได้ชัดเจนว่า แนวโน้มแบบจานแม่เหล็กลดลง พร้อมกับการมา Hard disk แบบ SSD
ตัวชิปที่ผลิต SSD นั้นมันซ่อนอยู่ใน Smart Phone และ Tablet ดังนั้นมันเป็นสิ่งที่ทำให้ cost ลดลงได้ในระเวลาอันใกล้
ส่วนดาวเด่น น่าจะ 10 ปีกว่าข้างหน้าที่รถยนต์แบบไฟฟ้า
ตอนนี้ปัญหาของรถยนต์ประเภทนี้คือ ระยะทางในการวิ่งต่อการชาร์จ 1 ครั้งและ ระยะเวลาในการชาร์จ
ถ้าแก้ไขโจทย์นี้ได้ กิจการรถยนต์แบบไฟฟ้า จะเป็นดาวรุ่งเลย
อีกตัวที่น่าจะใช้เวลานานเหมือนกันคือ Auto car ที่เป็นโครงการของ Google ที่ได้ทดสอบบนท้องถนนในทวีปอเมริกาเหนือแล้วในเวลานี้ แต่ใช้เวลานานกว่ารถยนต์แบบไฟฟ้าแน่นอน
อันนี้เป็นคิดความของผิด แล้ว เพื่อนๆคิดว่ากิจการไหนรุ่งหรือกิจการไหนร่วงในอนาคต
คนอยู่คอนโด คงลำบากหน่อย จัดที่ให่ชาร์จ +คิดเงิน และ infraอื่นๆ มั้งคับ
ส่วนtrend คือ พวกอะไรที่อยู่ในsupply chain ของระบบecomerceทั้งหมด
คนทำepayment. payment gateway,พวกบ.start up ทั้งหลาย
บ. logistic ที่เกี่ยวข้อง
ผมหวังจะมีบ.ที่hold floatไว้เยอะสุด ถ้ามันมี และอยู่ในตลาดนะ
ซึ่งถ้าอะไรๆยังกึ่งผูกขาดอย่างปัจจุบัน อาจจะหนีไม่พ้น
cpall advanc
show me money.
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 12
ล่าสุดผมได้อ่านหนังสือเรื่อง The Second Machine Age ซึ่งถ้ามองภาพแบบยาวๆ ไปเป็น 10 ปี สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในยุคนี้เป็นการปฏิวัติทางเครื่องจักรครั้งสำคัญที่ 2
การเกิดขึ้นครั้งที่ 1 เกิดตอนการปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งจุดเปลี่ยนคือตอนที่มีการนำเครื่องจักรพลังงานไอน้ำเข้ามาใช้ และมีการพัฒนาอุตสาหกรรมมาเรื่อยๆ สิ่งที่เกิดตอน 1st Machine Age คือ เป็นครั้งแรกที่มนุษย์สามารถเอาชนะขีดจำกัดทางกายภาพของมนุษย์และสัตว์ได้ จึงทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด (ถ้าเอากราฟ GDP มา Plot จะเห็นว่าจุดนั้น GDP ของโลกจากวิ่งมาราบๆ ก็ชันขึ้น เป็น Inflection Point)
ผลของเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าเรื่อยมา ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ดีวันคืน ทุกวันนี้เรามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าเมื่อ 10-20 ปีที่แล้วมาก และถ้าเทียบกับกษัตริย์ในยุคกลางนี้ เรามีอาหารการกิน และสุขลักษณะที่ดีกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้ ข้าวของ เสื้อผ้า อาหาร ยารักษาโรค ทุกสิ่งทุกอย่างพัฒนาการดีขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้เรากำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญครั้งที่ 2 หากสังเกตดูเทคโนโลยีที่ออกมาใช้ช่วงนี้เป็นเทคโนโลยีที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ เช่น รถยนต์ที่ขับตัวมันเองได้ Smartphone ที่สามารถรับคำสั่งจากคำพูด และโต้ตอบกับเราได้ การ Crossover ของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นเต็มไปหมด เป็นต้น สิ่งที่เกิดขึ้น คือ เรากำลังจะเข้าสู่ยุคที่เครื่องจักรที่กำลังเอาชนะความสามารถทางปัญญาของมนุษย์ได้ และนี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดครั้งสำคัญที่สุดอีกครั้ง
ยิ่งถ้าเปรียบเทียบพัฒนาการของเครื่องจักรในทาง Mechanic จะพบว่าเป็นการพัฒนาในระดับ Incremental คือ ดีขึ้นปีละ 10-20% แต่พัฒนาการของเทคโนโลยีทางปัญญาของเครื่องจักรจะมีพัฒนาการระดับ Exponential คือ ดีขึ้น 2 เท่าทุกๆ 18 เดือน (Moore's Law) ณ จุดๆ นี้และในอีกไม่กี่ปีที่จะถึง จำนวน Transistor ที่อยู่ใน CPU จะมีจำนวนมากกว่าเซลล์สมอง และเมื่อถึงจุดที่แซงหน้าแล้ว ในอีกไม่กี่ปีมันก็จะมีมากกว่าจำนวนเซลล์สมองของเราเป็นเท่าๆ ตัว
สิ่งที่เกิดขึ้น คือ เทคโนโลยีหลายๆ อย่างจะมา disrupt ธุรกิจหลายๆ อย่าง ในอัตราที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ผู้ชนะจะมีลักษณะเป็น Winner Takes All คนที่เก่งในระดับ Super Star จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น ในการเอาชนะ Business Model เดิมๆ ที่อ้วน เทอะทะ สังเกตจาก Start Up Company ที่เกิดขึ้นว่ามีพนักงานไม่กี่คน แต่มีคนใช้จำนวนเป็นร้อยล้าน พันล้านคน ตัวอย่างเช่น Uber ที่กำลังสร้างความปั่นป่วนกับวงการรถแท็กซี่ทั่วโลก Smartphone ที่เข้ามาแทนที่ นาฬิกา หนังสือพิมพ์ กล้องถ่ายรูป แผนที่ GPS Navigator ฯลฯ
กิจการหลายๆ อย่างที่เราเคยคิดว่ามีคูเมือง (moat) ที่แข็งแกร่ง มี dca จาก switching cost อาจเจอกิจการ Start Up บางอย่างมาทำลายทิ้งไป อาชีพจำนวนมากจะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี อย่างที่เคยเกิดขึ้นกับ อย่างเช่น ธุรกิจ agency การท่องเที่ยวบ้าง ร้านอัดรูป แต่คราวนี้ขอบเขตจะเกิดขึ้นในวงกว้างมากขึ้น ในอัตราที่รวดเร็วขึ้น
กิจการอะไรที่น่าจะเป็นดาวเด่น กิจการอะไรที่จะเป็นดาวร่วง ผมคิดว่าคำถามๆ นี้อาจจะเป็นคำถามที่ไม่ดีพอสำหรับผม เพราะ กิจการนั้นๆ ที่เราคิดว่าดี วันดีคืนดีอาจจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่อาจมา disrupt มันทิ้งไปก็ได้ สำหรับผมหากเราจะมองภาพยาวในระดับ 10 ปี ผมจะมองไปที่บริษัทเลยเสียมากกว่า ว่าบริษัทไหนมีวัฒนธรรมองค์กร มี DNA มีระบบการบริหาร ที่จะได้เปรียบในระยะยาว มีความพร้อมที่จะเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง มีวัฒนธรรมองค์ที่พร้อมที่จะสร้างสรรคสิ่งใหม่ๆ ในขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะทิ้ง พร้อมที่จะตัดเงิน คน หรืออะไรหลายๆ อย่างที่ได้ลงทุนไปแล้ว แต่ดูมีแนวโน้มที่จะมีภาระกับบริษัทเสียมากกว่า
การเกิดขึ้นครั้งที่ 1 เกิดตอนการปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งจุดเปลี่ยนคือตอนที่มีการนำเครื่องจักรพลังงานไอน้ำเข้ามาใช้ และมีการพัฒนาอุตสาหกรรมมาเรื่อยๆ สิ่งที่เกิดตอน 1st Machine Age คือ เป็นครั้งแรกที่มนุษย์สามารถเอาชนะขีดจำกัดทางกายภาพของมนุษย์และสัตว์ได้ จึงทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด (ถ้าเอากราฟ GDP มา Plot จะเห็นว่าจุดนั้น GDP ของโลกจากวิ่งมาราบๆ ก็ชันขึ้น เป็น Inflection Point)
ผลของเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าเรื่อยมา ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ดีวันคืน ทุกวันนี้เรามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าเมื่อ 10-20 ปีที่แล้วมาก และถ้าเทียบกับกษัตริย์ในยุคกลางนี้ เรามีอาหารการกิน และสุขลักษณะที่ดีกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้ ข้าวของ เสื้อผ้า อาหาร ยารักษาโรค ทุกสิ่งทุกอย่างพัฒนาการดีขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้เรากำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญครั้งที่ 2 หากสังเกตดูเทคโนโลยีที่ออกมาใช้ช่วงนี้เป็นเทคโนโลยีที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ เช่น รถยนต์ที่ขับตัวมันเองได้ Smartphone ที่สามารถรับคำสั่งจากคำพูด และโต้ตอบกับเราได้ การ Crossover ของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นเต็มไปหมด เป็นต้น สิ่งที่เกิดขึ้น คือ เรากำลังจะเข้าสู่ยุคที่เครื่องจักรที่กำลังเอาชนะความสามารถทางปัญญาของมนุษย์ได้ และนี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดครั้งสำคัญที่สุดอีกครั้ง
ยิ่งถ้าเปรียบเทียบพัฒนาการของเครื่องจักรในทาง Mechanic จะพบว่าเป็นการพัฒนาในระดับ Incremental คือ ดีขึ้นปีละ 10-20% แต่พัฒนาการของเทคโนโลยีทางปัญญาของเครื่องจักรจะมีพัฒนาการระดับ Exponential คือ ดีขึ้น 2 เท่าทุกๆ 18 เดือน (Moore's Law) ณ จุดๆ นี้และในอีกไม่กี่ปีที่จะถึง จำนวน Transistor ที่อยู่ใน CPU จะมีจำนวนมากกว่าเซลล์สมอง และเมื่อถึงจุดที่แซงหน้าแล้ว ในอีกไม่กี่ปีมันก็จะมีมากกว่าจำนวนเซลล์สมองของเราเป็นเท่าๆ ตัว
สิ่งที่เกิดขึ้น คือ เทคโนโลยีหลายๆ อย่างจะมา disrupt ธุรกิจหลายๆ อย่าง ในอัตราที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ผู้ชนะจะมีลักษณะเป็น Winner Takes All คนที่เก่งในระดับ Super Star จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น ในการเอาชนะ Business Model เดิมๆ ที่อ้วน เทอะทะ สังเกตจาก Start Up Company ที่เกิดขึ้นว่ามีพนักงานไม่กี่คน แต่มีคนใช้จำนวนเป็นร้อยล้าน พันล้านคน ตัวอย่างเช่น Uber ที่กำลังสร้างความปั่นป่วนกับวงการรถแท็กซี่ทั่วโลก Smartphone ที่เข้ามาแทนที่ นาฬิกา หนังสือพิมพ์ กล้องถ่ายรูป แผนที่ GPS Navigator ฯลฯ
กิจการหลายๆ อย่างที่เราเคยคิดว่ามีคูเมือง (moat) ที่แข็งแกร่ง มี dca จาก switching cost อาจเจอกิจการ Start Up บางอย่างมาทำลายทิ้งไป อาชีพจำนวนมากจะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี อย่างที่เคยเกิดขึ้นกับ อย่างเช่น ธุรกิจ agency การท่องเที่ยวบ้าง ร้านอัดรูป แต่คราวนี้ขอบเขตจะเกิดขึ้นในวงกว้างมากขึ้น ในอัตราที่รวดเร็วขึ้น
กิจการอะไรที่น่าจะเป็นดาวเด่น กิจการอะไรที่จะเป็นดาวร่วง ผมคิดว่าคำถามๆ นี้อาจจะเป็นคำถามที่ไม่ดีพอสำหรับผม เพราะ กิจการนั้นๆ ที่เราคิดว่าดี วันดีคืนดีอาจจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่อาจมา disrupt มันทิ้งไปก็ได้ สำหรับผมหากเราจะมองภาพยาวในระดับ 10 ปี ผมจะมองไปที่บริษัทเลยเสียมากกว่า ว่าบริษัทไหนมีวัฒนธรรมองค์กร มี DNA มีระบบการบริหาร ที่จะได้เปรียบในระยะยาว มีความพร้อมที่จะเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง มีวัฒนธรรมองค์ที่พร้อมที่จะสร้างสรรคสิ่งใหม่ๆ ในขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะทิ้ง พร้อมที่จะตัดเงิน คน หรืออะไรหลายๆ อย่างที่ได้ลงทุนไปแล้ว แต่ดูมีแนวโน้มที่จะมีภาระกับบริษัทเสียมากกว่า
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 1217
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 13
ตามนี้เลยครับ โดยเฉพาะข้อ 3 ที่กำลังจะเกิดขึ้น ข้อ 4 ก็ยังเป็นอยู่ครับ และข้อ 6 เกิดขึ้นอย่างชัดเจนนะครับ ซึ่งปัจจุบันขึ้นมาเกิน 1 เท่าแล้ว แต่ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นนะครับ
กิจการแห่งอนาคต / ลูกหิน 0006
สำหรับนักลงทุน สิ่งทุกคนพยายามตามหาคือกิจการที่จะเติบโต 10 เท่าใน 10 ปี ซึ่งเท่ากับราคาหุ้นต้องขึ้นต่อเนื่อง 26 % ต่อปีโดยเฉลี่ย ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากมากที่เราจะรู้ได้ สำหรับผมก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผมคิดจะถูกต้องหรือไม่ คงต้องรอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่สิ่งที่ผมคอยสังเกตุว่ากิจการใดที่จะเติบโตแบบนั้นได้ ผมเห็นคุณสมบัติหลายๆข้อที่ตรงกัน ที่จำเป็นต้องมีเป็นส่วนใหญ่ดังนี้
1.ในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นๆจะต้องมียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่าใน 10 ปี เช่น ถ้ายอดขายทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมปีนี้ 10000 ล้าน 10 ปีข้างหน้าต้องเพิ่มเป็น 30000 ล้านเป็นต้น
2. ผู้บริโภคส่วนใหญ่อยากได้หรืออยากใช้ จากจิตใต้สำนึกความต้องการของผู้บริโภคเอง และยังคงอยากได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นเวลาที่ยาวนาน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม
3.คู่แข่งในอุตสาหกรรมกำลังลดลง ในขณะที่อุตสาหกรรมโดยรวมกำลังเติบโต ไม่ว่าจะด้วยประสบปัญหาขาดทุน ควบรวม หรืออื่นๆ
4. ตลาดไม่ให้ความสนใจเท่าที่ควรต่อกลุ่มดังกล่าว เช่นอาจจะมี PE เฉลี่ยต่ากว่าตลาดมาก ซึ่งอาจจะมี PE ประมาณ 10 เท่า
5. กิจการดังกล่าวสามารถก้าวข้ามวิกฤติเศรษฐกิจได้ดี โดยอาจจะได้รับผลกระทบชั่วคราว และสามารถกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิมได้
6. บริษัทนั้น จะต้องสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ได้มากกว่าการเติบโตโดยเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
7. จะต้องเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมที่เหนือคู่แข่ง และนำหน้าคู่แข่งมากขึ้นเรื่อยๆ
8. ต้องเป็นสินค้าจำเป็นไม่ฉาบฉวย หรือโตแบบชั่วคราว
9. หาบริษัทที่เป็นผู้นำที่มีลักษณะเด่น และเป็นบริษัทที่จะอยู่นำหน้าในอุตสาหกรรมใน 10 ปีข้างหน้า
ที่ผมกล่าวข้างต้นเป็นข้อสรุปโดยคร่าวๆ โดยผมจะอธิบายเพิ่มเติมดังนี้ ก่อนที่ค่ากลุ่มปลีกและกลุ่มโรงพยาบาลจะเป็นหุ้น 10 เด้งใน 10 ปี ก่อนนั้นนักลงทุนส่วนใหญ่กลับมองว่าเป็นอุตสาหกรรมที่หน้าเบื่อและไม่ไปไหน เช่น หุ้นค้าปลีกขนาดใหญ่หรือโรงพยาบาลขนาดใหญ่เมื่อ 10 ปีก่อน ราคา กลับต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ยังมองไม่เห็นถึงกระแสเงิน และความต้องการที่จะไหลเข้าในมาอนาคตต่างหาก แต่เมื่อเวลาผ่านมาถึงปัจจุบัน คนส่วนใหญ่จะรู้ถึงความต้องการในปัจจุบัน ราคาหุ้นจะได้รับผลของความนิยมเป็นอย่างมาก และถูกปรับค่า PE ขึ้นทั้งกลุ่มอุตสาหกรรม เพราะทุกคนรับรู้แล้วว่าเป็นเมกกะเทรน แต่ในฐานะนักลงทุนคงต้องมองไปในอนาคตไม่ใช้ปัจจุบัน ซึ่งเราจำเป็นต้องรู้ว่าแดดกำลังจะออกหรือฝนกำลังจะตกต่างหาก
ในภาวะปัจจุบัน ที่คนส่วนใหญ่รู้สึกลำบาก เงินไม่ค่อยพอกับค่าใช้จ่าย ซื้อของชิ้นเล็กลงและปริมาณน้อยลง มีเหตุผลมากขึ้น ยิ่งเป็นที่ยากลำบากที่จะหากิจการอุตสาหกรรมที่เติบโต ภายใต้การแข่งขันที่สูงมาก ยังไม่รวมถึงภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นและกระแสเงินไหลออก ที่จะมีผลกระทบต่อตลาดทุนไม่มากก็น้อย แต่สำหรับผมกลับมองว่าดอกเบี้ยอาจไม่สามารถขึ้นได้มากอย่างที่ตลาดคาดหวังอีกนาน เพราะเศรษฐกิจโลกในความเป็นจริงยังเปราะบางมาก ซึ่งถึงเวลาจริงอาจจะมีการปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นบาง แต่ก็คงไม่มากดังที่ทุกคนคาดหวัง ส่วนกระแสเงินไหลออก ผมกลับมองการเชื่อมโยงระหว่างการพัฒนาและวิวัฒนาการของประเทศเราเป็นหลัก เช่น ในสมัยก่อนเวลาต่างประเทศขายหุ้นดัชนีก็ตกลงอย่างรุนแรง แต่ปัจจุบันนักลงทุนส่วนใหญ่ในประเทศมีความรู้มากขึ้น ลงทุนบนเหตุผลมากขึ้น ซึ่งทำให้ความผันผวนของตลาดทุนในประเทศลดลงอย่างมาก เหมือนกลับประเทศญี่ปุ่นเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่เริ่มพัฒนาและมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น จนนักลงทุนในประเทศเป็นผู้นำตลาดเอง และมีการปรับ PE พื้นฐานในประเทศอย่างโดดเด่นเป็นเวลานาน สำหรับประเทศไทยผมมองว่าส่วนหนึ่ง ปัญญาชนในประเทศเข้าสู่ยุคยากลำบาก เช่นสมัยก่อน รุ่นปู่แค่ขยันอาจรวยได้ง่ายๆ รุ่นพ่ออาจจะมองว่าซื้อตึกแถวสัก 2-3 ห้อง แล้วก็ขายวัสดุก่อสร้างหรือขายโช่วห่วยก็รวยแล้ว แต่ปัจจุบันการขยายธุรกิจของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่เน้นยอดขาย แต่มาร์จิ้นน้อยมาก ทำให้ความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจใหม่ที่กำไรดีมากๆเกิดขึ้นได้ยากมาก ไม่ได้ง่ายอย่างในอดีต กลุ่มคนที่มีความสามารถส่วนใหญ่จึงพยายามเอาตัวรอด เพื่อให้อยู่ได้ มั่งคั่งได้ รูปแบบจึงเปลี่ยนไป โดยแทนที่จะลงทุนลงแรงเอง เสี่ยงเอง ก็เปลี่ยนมาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ ที่กำลังกลืนกินธุรกิจเก่าแก่ของคนรุ่นก่อน ซึ่งผมคิดว่าถ้าการทำธุรกิจนั้นไม่ยากดังปัจจุบัน ก็อาจจะมีนักลงทุนในปัจจุบันจำนวนมาก ทำธุรกิจและเป็นเศรษฐีแบบสมัยก่อนมากมาย ส่วนการพัฒนาของค่า PE ในประเทศคงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงยาก เช่น ทำไมเราไปเที่ยวบางประเทศเราต้องกินน้ำเปล่าขวดละ 20 ทั้งที่บ้านเราขวดละ 5 บาท เราก็ต้องถามตนเองว่า แล้วเราจะไปเที่ยวในประเทศนั้นหรือไม่ ซึ่งผมคิดว่าถ้าประเทศนั้นดีพอ ก็คงทำให้เราต้องเดินทางไป และซื้อน้ำขวดละ 20 ดื่ม เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งก็คงจะต้องกลับมาลงทุนในไม่ช้า ด้วยเหตุผลที่ว่า มาแล้วเที่ยวแล้วมีความสุข มาลงทุนแล้วมีกำไร
สำหรับผม ผมกลับมองไปที่ต้นเหตุของเงินที่กำลังจะไหลไป โดยผู้บริโภคว่าคิดอย่างไรในภาวะปัจจุบันที่ลำบากขนาดนี้ เงินที่หามาได้ หายากกว่าสมัยก่อนมากๆ โดยสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่เมื่อลำบากมากขึ้น ธรรมชาติก็จะสร้างระบบปกป้องตนเอง โดยมีลูกลดลง เพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่มาก และจะเลี้ยงดูแบบสมัยก่อนไม่ได้ เพราะทุกคนทราบดีว่าในอนาคตการแข่งขันสูงขึ้นอย่างมาก เมื่อคนเริ่มตั้งการ์ดป้องกันตนเอง นักลงทุนก็ต้องพยายามหาว่า เงินที่ได้ทุกเดือนแล้วเงินหายไปไหน ซึ่งหนี้สินที่มีมากขึ้น ยิ่งทำให้การป้องกันตัวของผู้คนยิ่งเร่งตัวเร็วมากขึ้นด้วย แถมยังรวดเร็วและยาวนาน ในฐานะของนักลงทุน เราก็ต้องพยายามหาให้ได้ว่า เมื่อผู้คนส่วนใหญ่คิดแบบนี้ แล้วเค้าจะเอาเงินที่หาได้ไปทำอะไรต่อไป เอาเงินไปไว้ไหน ซึ่งถ้าเราวิเคราะห์ได้เราก็อาจจะพบหุ้น 10 เด้ง ใน 10 ปีก็เป็นได้
ถ้าพูดถึงสภาวะโดยรวมที่ดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้น และเงินอาจไหลออก ซึ่งจะเป็นตัวเร่งให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ยิ่งต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อรักษาระยะห่างและความสมดูลย์ ระหว่างค่าเงิน เงินเฟ้อและการเติบโตของธุรกิจในประเทศ ในฐานะนักลงทุนเราก็ต้องมาดูที่กลุ่มธุรกิจที่จะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น ไม่มีหนี้ และนำกระแสเงินสดรับล่วงหน้านำไปทำประโยชน์ได้ ต้านทานกระแสเงินไหลออกได้ มิได้มีผลกระทบต้องค่าเงินไม่ว่าจะแข็งขึ้นหรืออ่อนลง กลุ่มอุตสาหกรรมโตขึ้นโดยมาจากผู้บริโภคเป็นหลัก คู่แข่งลดลง สงครามราคาเริ่มลดลง สุดท้ายนักลงทุนที่มองเห็นก่อน รับรู้ก่อน ในอนาคตก็คงได้รับผลตอบแทนที่ดีและปลอดภัยนะครับ
ขอให้ทุกคนโชคดีครับ
กิจการแห่งอนาคต / ลูกหิน 0006
สำหรับนักลงทุน สิ่งทุกคนพยายามตามหาคือกิจการที่จะเติบโต 10 เท่าใน 10 ปี ซึ่งเท่ากับราคาหุ้นต้องขึ้นต่อเนื่อง 26 % ต่อปีโดยเฉลี่ย ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากมากที่เราจะรู้ได้ สำหรับผมก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผมคิดจะถูกต้องหรือไม่ คงต้องรอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่สิ่งที่ผมคอยสังเกตุว่ากิจการใดที่จะเติบโตแบบนั้นได้ ผมเห็นคุณสมบัติหลายๆข้อที่ตรงกัน ที่จำเป็นต้องมีเป็นส่วนใหญ่ดังนี้
1.ในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นๆจะต้องมียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่าใน 10 ปี เช่น ถ้ายอดขายทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมปีนี้ 10000 ล้าน 10 ปีข้างหน้าต้องเพิ่มเป็น 30000 ล้านเป็นต้น
2. ผู้บริโภคส่วนใหญ่อยากได้หรืออยากใช้ จากจิตใต้สำนึกความต้องการของผู้บริโภคเอง และยังคงอยากได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นเวลาที่ยาวนาน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม
3.คู่แข่งในอุตสาหกรรมกำลังลดลง ในขณะที่อุตสาหกรรมโดยรวมกำลังเติบโต ไม่ว่าจะด้วยประสบปัญหาขาดทุน ควบรวม หรืออื่นๆ
4. ตลาดไม่ให้ความสนใจเท่าที่ควรต่อกลุ่มดังกล่าว เช่นอาจจะมี PE เฉลี่ยต่ากว่าตลาดมาก ซึ่งอาจจะมี PE ประมาณ 10 เท่า
5. กิจการดังกล่าวสามารถก้าวข้ามวิกฤติเศรษฐกิจได้ดี โดยอาจจะได้รับผลกระทบชั่วคราว และสามารถกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิมได้
6. บริษัทนั้น จะต้องสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ได้มากกว่าการเติบโตโดยเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
7. จะต้องเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมที่เหนือคู่แข่ง และนำหน้าคู่แข่งมากขึ้นเรื่อยๆ
8. ต้องเป็นสินค้าจำเป็นไม่ฉาบฉวย หรือโตแบบชั่วคราว
9. หาบริษัทที่เป็นผู้นำที่มีลักษณะเด่น และเป็นบริษัทที่จะอยู่นำหน้าในอุตสาหกรรมใน 10 ปีข้างหน้า
ที่ผมกล่าวข้างต้นเป็นข้อสรุปโดยคร่าวๆ โดยผมจะอธิบายเพิ่มเติมดังนี้ ก่อนที่ค่ากลุ่มปลีกและกลุ่มโรงพยาบาลจะเป็นหุ้น 10 เด้งใน 10 ปี ก่อนนั้นนักลงทุนส่วนใหญ่กลับมองว่าเป็นอุตสาหกรรมที่หน้าเบื่อและไม่ไปไหน เช่น หุ้นค้าปลีกขนาดใหญ่หรือโรงพยาบาลขนาดใหญ่เมื่อ 10 ปีก่อน ราคา กลับต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ยังมองไม่เห็นถึงกระแสเงิน และความต้องการที่จะไหลเข้าในมาอนาคตต่างหาก แต่เมื่อเวลาผ่านมาถึงปัจจุบัน คนส่วนใหญ่จะรู้ถึงความต้องการในปัจจุบัน ราคาหุ้นจะได้รับผลของความนิยมเป็นอย่างมาก และถูกปรับค่า PE ขึ้นทั้งกลุ่มอุตสาหกรรม เพราะทุกคนรับรู้แล้วว่าเป็นเมกกะเทรน แต่ในฐานะนักลงทุนคงต้องมองไปในอนาคตไม่ใช้ปัจจุบัน ซึ่งเราจำเป็นต้องรู้ว่าแดดกำลังจะออกหรือฝนกำลังจะตกต่างหาก
ในภาวะปัจจุบัน ที่คนส่วนใหญ่รู้สึกลำบาก เงินไม่ค่อยพอกับค่าใช้จ่าย ซื้อของชิ้นเล็กลงและปริมาณน้อยลง มีเหตุผลมากขึ้น ยิ่งเป็นที่ยากลำบากที่จะหากิจการอุตสาหกรรมที่เติบโต ภายใต้การแข่งขันที่สูงมาก ยังไม่รวมถึงภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นและกระแสเงินไหลออก ที่จะมีผลกระทบต่อตลาดทุนไม่มากก็น้อย แต่สำหรับผมกลับมองว่าดอกเบี้ยอาจไม่สามารถขึ้นได้มากอย่างที่ตลาดคาดหวังอีกนาน เพราะเศรษฐกิจโลกในความเป็นจริงยังเปราะบางมาก ซึ่งถึงเวลาจริงอาจจะมีการปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นบาง แต่ก็คงไม่มากดังที่ทุกคนคาดหวัง ส่วนกระแสเงินไหลออก ผมกลับมองการเชื่อมโยงระหว่างการพัฒนาและวิวัฒนาการของประเทศเราเป็นหลัก เช่น ในสมัยก่อนเวลาต่างประเทศขายหุ้นดัชนีก็ตกลงอย่างรุนแรง แต่ปัจจุบันนักลงทุนส่วนใหญ่ในประเทศมีความรู้มากขึ้น ลงทุนบนเหตุผลมากขึ้น ซึ่งทำให้ความผันผวนของตลาดทุนในประเทศลดลงอย่างมาก เหมือนกลับประเทศญี่ปุ่นเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่เริ่มพัฒนาและมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น จนนักลงทุนในประเทศเป็นผู้นำตลาดเอง และมีการปรับ PE พื้นฐานในประเทศอย่างโดดเด่นเป็นเวลานาน สำหรับประเทศไทยผมมองว่าส่วนหนึ่ง ปัญญาชนในประเทศเข้าสู่ยุคยากลำบาก เช่นสมัยก่อน รุ่นปู่แค่ขยันอาจรวยได้ง่ายๆ รุ่นพ่ออาจจะมองว่าซื้อตึกแถวสัก 2-3 ห้อง แล้วก็ขายวัสดุก่อสร้างหรือขายโช่วห่วยก็รวยแล้ว แต่ปัจจุบันการขยายธุรกิจของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่เน้นยอดขาย แต่มาร์จิ้นน้อยมาก ทำให้ความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจใหม่ที่กำไรดีมากๆเกิดขึ้นได้ยากมาก ไม่ได้ง่ายอย่างในอดีต กลุ่มคนที่มีความสามารถส่วนใหญ่จึงพยายามเอาตัวรอด เพื่อให้อยู่ได้ มั่งคั่งได้ รูปแบบจึงเปลี่ยนไป โดยแทนที่จะลงทุนลงแรงเอง เสี่ยงเอง ก็เปลี่ยนมาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ ที่กำลังกลืนกินธุรกิจเก่าแก่ของคนรุ่นก่อน ซึ่งผมคิดว่าถ้าการทำธุรกิจนั้นไม่ยากดังปัจจุบัน ก็อาจจะมีนักลงทุนในปัจจุบันจำนวนมาก ทำธุรกิจและเป็นเศรษฐีแบบสมัยก่อนมากมาย ส่วนการพัฒนาของค่า PE ในประเทศคงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงยาก เช่น ทำไมเราไปเที่ยวบางประเทศเราต้องกินน้ำเปล่าขวดละ 20 ทั้งที่บ้านเราขวดละ 5 บาท เราก็ต้องถามตนเองว่า แล้วเราจะไปเที่ยวในประเทศนั้นหรือไม่ ซึ่งผมคิดว่าถ้าประเทศนั้นดีพอ ก็คงทำให้เราต้องเดินทางไป และซื้อน้ำขวดละ 20 ดื่ม เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งก็คงจะต้องกลับมาลงทุนในไม่ช้า ด้วยเหตุผลที่ว่า มาแล้วเที่ยวแล้วมีความสุข มาลงทุนแล้วมีกำไร
สำหรับผม ผมกลับมองไปที่ต้นเหตุของเงินที่กำลังจะไหลไป โดยผู้บริโภคว่าคิดอย่างไรในภาวะปัจจุบันที่ลำบากขนาดนี้ เงินที่หามาได้ หายากกว่าสมัยก่อนมากๆ โดยสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่เมื่อลำบากมากขึ้น ธรรมชาติก็จะสร้างระบบปกป้องตนเอง โดยมีลูกลดลง เพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่มาก และจะเลี้ยงดูแบบสมัยก่อนไม่ได้ เพราะทุกคนทราบดีว่าในอนาคตการแข่งขันสูงขึ้นอย่างมาก เมื่อคนเริ่มตั้งการ์ดป้องกันตนเอง นักลงทุนก็ต้องพยายามหาว่า เงินที่ได้ทุกเดือนแล้วเงินหายไปไหน ซึ่งหนี้สินที่มีมากขึ้น ยิ่งทำให้การป้องกันตัวของผู้คนยิ่งเร่งตัวเร็วมากขึ้นด้วย แถมยังรวดเร็วและยาวนาน ในฐานะของนักลงทุน เราก็ต้องพยายามหาให้ได้ว่า เมื่อผู้คนส่วนใหญ่คิดแบบนี้ แล้วเค้าจะเอาเงินที่หาได้ไปทำอะไรต่อไป เอาเงินไปไว้ไหน ซึ่งถ้าเราวิเคราะห์ได้เราก็อาจจะพบหุ้น 10 เด้ง ใน 10 ปีก็เป็นได้
ถ้าพูดถึงสภาวะโดยรวมที่ดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้น และเงินอาจไหลออก ซึ่งจะเป็นตัวเร่งให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ยิ่งต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อรักษาระยะห่างและความสมดูลย์ ระหว่างค่าเงิน เงินเฟ้อและการเติบโตของธุรกิจในประเทศ ในฐานะนักลงทุนเราก็ต้องมาดูที่กลุ่มธุรกิจที่จะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น ไม่มีหนี้ และนำกระแสเงินสดรับล่วงหน้านำไปทำประโยชน์ได้ ต้านทานกระแสเงินไหลออกได้ มิได้มีผลกระทบต้องค่าเงินไม่ว่าจะแข็งขึ้นหรืออ่อนลง กลุ่มอุตสาหกรรมโตขึ้นโดยมาจากผู้บริโภคเป็นหลัก คู่แข่งลดลง สงครามราคาเริ่มลดลง สุดท้ายนักลงทุนที่มองเห็นก่อน รับรู้ก่อน ในอนาคตก็คงได้รับผลตอบแทนที่ดีและปลอดภัยนะครับ
ขอให้ทุกคนโชคดีครับ
- Linzhi
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1464
- ผู้ติดตาม: 1
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 15
ดาวเด่นนะครับ เอาไปอย่างละ 3 แล้วกัน
สำหรับวัยชรา
1. การแพทย์ทั้งหมด รวมถึงเทคโนโลยีการแพทย์ที่เกี่ยวข้องด้วย อายุคนจะยาวขึ้นเรื่อย ๆ
2. ธุรกิจเกี่ยวกับคนชรา บ้านคนสูงวัย บริการคนสูงวัย ท่องเที่ยวแบบคนสูงวัย เช่น เรือสำราญ
3. ธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สิน เช่นการเงิน ประกัน ฯลฯ
สำหรับวัยรุ่น
1. ธุรกิจออนไลน์ หรือที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทุกกระแสทุก gadget จะมุ่งสู่ออนไลน์
2. คนมีลูกน้อยลง พวกธุรกิจบันเทิง กิจกรรมยามว่างจะมีบทบาทมากขึ้น คนจะจับจ่ายหนักขึ้น
3. ธุรกิจ Logistic เพราะคนจะเคลื่อนที่น้อยลงแต่เร็วขึ้น แต่สิ่งของจะเคลื่อนที่มากขึ้นแต่ถูกลง
สำหรับวัยชรา
1. การแพทย์ทั้งหมด รวมถึงเทคโนโลยีการแพทย์ที่เกี่ยวข้องด้วย อายุคนจะยาวขึ้นเรื่อย ๆ
2. ธุรกิจเกี่ยวกับคนชรา บ้านคนสูงวัย บริการคนสูงวัย ท่องเที่ยวแบบคนสูงวัย เช่น เรือสำราญ
3. ธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สิน เช่นการเงิน ประกัน ฯลฯ
สำหรับวัยรุ่น
1. ธุรกิจออนไลน์ หรือที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทุกกระแสทุก gadget จะมุ่งสู่ออนไลน์
2. คนมีลูกน้อยลง พวกธุรกิจบันเทิง กิจกรรมยามว่างจะมีบทบาทมากขึ้น คนจะจับจ่ายหนักขึ้น
3. ธุรกิจ Logistic เพราะคนจะเคลื่อนที่น้อยลงแต่เร็วขึ้น แต่สิ่งของจะเคลื่อนที่มากขึ้นแต่ถูกลง
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 16
เครื่องไม้เครื่องมือ แมทชีน เทคโนโลยี่ จะเข้ามาทำงานแทนคนครับ
เช่น teller machine, self service check out shopping, เครื่องมืออุปกรณ์ DIY ในบ้าน เป็นต้นครับ
เช่น teller machine, self service check out shopping, เครื่องมืออุปกรณ์ DIY ในบ้าน เป็นต้นครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 89
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 17
ที่น่าสนใจ ตอนนี้ที่ได้ยินกัน มี หญ้าเลี้ยงวัว alfalfa, ยาสำหรับสัตว์ที่เป็นอาหารมนุษย์, ยาจีนสมัยใหม่รักษาโรคไต และอื่นๆ, กำจัดของเสีย,
บริษัทซ่อมบำรุงเครื่องบิน, บริษัทเช่าซื้อเครื่องบิน
บริษัทซ่อมบำรุงเครื่องบิน, บริษัทเช่าซื้อเครื่องบิน
-
- Verified User
- โพสต์: 1096
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 18
บริษัมที่อยู่ใน supply chain ของการผลิตถุงลมนิรภัยครับ เพราะถุงลมนิรภัยจะกลายมาเป็น standard spec ในรถทุกรุ่นทั้ง pick up และ ecocar ในระยะกลาง-ยาวครับผม ^^
You get recessions, you have stock market declines. If you don't understand that's going to happen, then you're not ready, you won't do well in the markets. - Peter Lynch
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 19
ตอนนี้ที่เห็นชัดเจนจากเพื่อนใน Facebook มีสองอย่างที่ชัดเจน
1. ผู้คนที่เข้าร่วมในการวิ่งในรายการต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างมาก
2. ผู้คนที่ใช้จักรยานในการท่องเที่ยว ออกกำลัง
สองเทรนนี้ซ่อนอยู่ ในระยะนี้และอนาคต
1. ผู้คนที่เข้าร่วมในการวิ่งในรายการต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างมาก
2. ผู้คนที่ใช้จักรยานในการท่องเที่ยว ออกกำลัง
สองเทรนนี้ซ่อนอยู่ ในระยะนี้และอนาคต
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 728
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 20
ถ้าจะให้มองอุตสาหกรรมไหนที่เป็นดาวรุ่ง ก็คงจะเป็นสิ่งที่หลายท่านบอกคือ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ เทคโนโลยี อินเตอร์เน็ต สุขภาพ โรงพยาบาล บันเทิง และความมั่นคงของชีวิต ประกัน การเงินต่างๆ
แต่สิ่งที่บอกยากคือ บริษัทไหนจะเป็นผู้ชนะในอนาคต ในอุตสาหกรรมเหล่านี้ทุกบริษัทย่อมมองว่าเป็นสิ่งที่น่่จูงใจและมีผู้ร่วมเข้าแข่งขันมากมาย ดังนั้น ต้องระวังไว้ว่่บริษัทที่เราเลือกลงทุนจะไม่ได้เป็นผู้ชดใช้กรรมในอุตสาหกรรมที่เป็นทะเลเลือด เช่น โซนี โกดัก โนเกีย แบลคเบอรี่
ดังนั้นผมอยากให้การเน้นที่ความยั่งยืน ผูกขาด สิ่งที่เป็นคูเมือง และเกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน และจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องในอนาคตมากกว่า
สิ่งที่น่าจะช่วยไม่ให้บริษัทต้องล้มไปอย่างรวดเร็วนั้น นอกจากเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นดาวรุ่แล้ว อาจจะต้องเป็นธุรกิจที่ไม่ต้องพึ่งพางบวิจัยหรือลงทุนมากๆ (เช่น รถยนต์ การบิน โทรศัพท์มือถือ) เพื่อให้บริษัทต้องอัพเดทตัวเองให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา แต่อาจจะพึ่งพาความได้เปรียบบางอย่างที่ผูกขาดอยู่เช่น ลิขสิทธิ์ที่ไม่มีวันหมดอายุ ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ หรือ เครือข่าย ช่องทางการจำหน่าย (เช่น priceline) หรือ เครือข่ายของลูกค้าที่ใช้เอง (เช่น เฟสบุ้ก กูเกิ้ล) ที่จะกันคนที่มาทีหลังไม่ให้เข้ามาได้ หรืออาจจะเป็นบริษัทที่ขายสินค้าที่เกี่ยวกับ รูป รส กลิ่น เสียง ที่คนจะยึดติดกับมันมากกว่า และเปลี่ยนพฤติกรรมไปได้ยากถ้ามีสินค้าแบบใหม่มาให้ทดลอง
แต่สิ่งที่บอกยากคือ บริษัทไหนจะเป็นผู้ชนะในอนาคต ในอุตสาหกรรมเหล่านี้ทุกบริษัทย่อมมองว่าเป็นสิ่งที่น่่จูงใจและมีผู้ร่วมเข้าแข่งขันมากมาย ดังนั้น ต้องระวังไว้ว่่บริษัทที่เราเลือกลงทุนจะไม่ได้เป็นผู้ชดใช้กรรมในอุตสาหกรรมที่เป็นทะเลเลือด เช่น โซนี โกดัก โนเกีย แบลคเบอรี่
ดังนั้นผมอยากให้การเน้นที่ความยั่งยืน ผูกขาด สิ่งที่เป็นคูเมือง และเกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน และจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องในอนาคตมากกว่า
สิ่งที่น่าจะช่วยไม่ให้บริษัทต้องล้มไปอย่างรวดเร็วนั้น นอกจากเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นดาวรุ่แล้ว อาจจะต้องเป็นธุรกิจที่ไม่ต้องพึ่งพางบวิจัยหรือลงทุนมากๆ (เช่น รถยนต์ การบิน โทรศัพท์มือถือ) เพื่อให้บริษัทต้องอัพเดทตัวเองให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา แต่อาจจะพึ่งพาความได้เปรียบบางอย่างที่ผูกขาดอยู่เช่น ลิขสิทธิ์ที่ไม่มีวันหมดอายุ ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ หรือ เครือข่าย ช่องทางการจำหน่าย (เช่น priceline) หรือ เครือข่ายของลูกค้าที่ใช้เอง (เช่น เฟสบุ้ก กูเกิ้ล) ที่จะกันคนที่มาทีหลังไม่ให้เข้ามาได้ หรืออาจจะเป็นบริษัทที่ขายสินค้าที่เกี่ยวกับ รูป รส กลิ่น เสียง ที่คนจะยึดติดกับมันมากกว่า และเปลี่ยนพฤติกรรมไปได้ยากถ้ามีสินค้าแบบใหม่มาให้ทดลอง
-
- Verified User
- โพสต์: 204
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 21
เป็นอย่างที่คุณ miracle ว่าไปจริงๆแหละ เห็นเพื่อนผมก็ share แต่เรื่องวิ่งและจักรยานตลอด สงสัยจริงๆว่าทำไมอยู่ๆมันถึงฮิตขึ้นมาได้ จะว่าคนเราใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ผมว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้วทุกคนก็ใส่ใจสุขภาพนะ แต่ไม่เห็นมีใครสนใจเรื่องวิ่งและจักรยาน สนใจแต่เข้าฟิตเนสมากกว่า อยากทราบว่าอะไรเป็นจุดที่ทำให้มันบูมขึ้นมาครับmiracle เขียน:ตอนนี้ที่เห็นชัดเจนจากเพื่อนใน Facebook มีสองอย่างที่ชัดเจน
1. ผู้คนที่เข้าร่วมในการวิ่งในรายการต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างมาก
2. ผู้คนที่ใช้จักรยานในการท่องเที่ยว ออกกำลัง
สองเทรนนี้ซ่อนอยู่ ในระยะนี้และอนาคต
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 22
วัสดุก่อสร้างครับ
เมื่อหัวเมืองต่าง ๆ เปิดดำเนินการเรียกร้องให้ คนไปเที่ยว จัดหา จัดซื้อ
การเดินทางต้องตามมา
ที่พัก โรงแรม รถไฟ ถนน ต้องตามมา เป็นเงาตามตัว ครับ
เมื่อหัวเมืองต่าง ๆ เปิดดำเนินการเรียกร้องให้ คนไปเที่ยว จัดหา จัดซื้อ
การเดินทางต้องตามมา
ที่พัก โรงแรม รถไฟ ถนน ต้องตามมา เป็นเงาตามตัว ครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 23
เงิน ครับ
เงินต่อเงิน บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล
คนเราจะรักษาหน้าตา ไม่ของของ ก็จะซื้อของ ไม่มีเงินก็จะกู้ กดได้ก็จะกด ครับ
เงินต่อเงิน บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล
คนเราจะรักษาหน้าตา ไม่ของของ ก็จะซื้อของ ไม่มีเงินก็จะกู้ กดได้ก็จะกด ครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 24
ในส่วนของจักรยานคือwee1 เขียน:เป็นอย่างที่คุณ miracle ว่าไปจริงๆแหละ เห็นเพื่อนผมก็ share แต่เรื่องวิ่งและจักรยานตลอด สงสัยจริงๆว่าทำไมอยู่ๆมันถึงฮิตขึ้นมาได้ จะว่าคนเราใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ผมว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้วทุกคนก็ใส่ใจสุขภาพนะ แต่ไม่เห็นมีใครสนใจเรื่องวิ่งและจักรยาน สนใจแต่เข้าฟิตเนสมากกว่า อยากทราบว่าอะไรเป็นจุดที่ทำให้มันบูมขึ้นมาครับmiracle เขียน:ตอนนี้ที่เห็นชัดเจนจากเพื่อนใน Facebook มีสองอย่างที่ชัดเจน
1. ผู้คนที่เข้าร่วมในการวิ่งในรายการต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างมาก
2. ผู้คนที่ใช้จักรยานในการท่องเที่ยว ออกกำลัง
สองเทรนนี้ซ่อนอยู่ ในระยะนี้และอนาคต
1. ได้เพื่อน เรียกว่ารวยเพื่อนๆ ก็ว่าได้
2. ขึ้นรถไฟฟ้า เอาจักรยานขึ้นไปได้ มันสะดวกเหมือนต่างประเทศ
3. แสดงฐานะเหมือนรถยนต์เลยครับ ล่าสุดจอดที่ศูนย์ประชุมสิริกิตต์ไปเข้างานหนังสือ กลับมาหายครับ คันละเป็นหมื่นถึงแสนบาท จอดแบบนั้นก็โดนซิวครับ
ส่วนเรื่องวิ่งนั้น เป็นเทรนมาจากปากต่อปาก มาจากการสร้างความฟิตของตัวเราเอง ทำให้ร่างกายแข็งแรง เป็นการพิสูจน์ตัวเองว่าทำได้หรือเปล่า
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 25
จักรยานและวิ่ง นี่นอกจากจะได้หน้าไว้โชว์กันแล้ว
ก็ได้สุขภาพ เทรนสุขภาพยังไงก็มาครับ เพราะคนกลัวตาย
มีเงินแต่ตายเร็ว ก็จบ
ไม่รู้จะหาเงินไปเยอะๆ ทำไม
ที่สำคัญตายไป ก็ไม่รู้จะอวดใครได้ เพราะคงไม่มีใครมา up face up line ให้
ผมว่าเทรนอีกอันคือศูนย์รักษาจิตใจ หมอรักษาโรคพวกนี้น่าจะรายได้งามมาก
เพราะคนมีเงินแล้ว มีสุขภาพแล้ว แต่ก็ยังรักษาโรคใจไม่ได้
จะเห็นว่าคนหนุ่มสาว หรือคนรวยๆ เดี่ยวนี้เข้าวัด ปฏิบัติธรรมกันมากขึ้น ก็ไปตามเทรนนี้
เมื่อก่อนจะเห็นแต่ ชาวบ้านแก่ๆ เข้าวัดปฏิบัติธรรมกัน
อันนี้ไม่นับพวกงมงาย พวกมิจฉา ซึ่งไม่สนใจรวยจน ไม่สนใจอายุ
ซึ่งมีเยอะเป็นปกติอยู่ทุกสมัยอยู่แล้วนะครับ
ก็ได้สุขภาพ เทรนสุขภาพยังไงก็มาครับ เพราะคนกลัวตาย
มีเงินแต่ตายเร็ว ก็จบ
ไม่รู้จะหาเงินไปเยอะๆ ทำไม
ที่สำคัญตายไป ก็ไม่รู้จะอวดใครได้ เพราะคงไม่มีใครมา up face up line ให้
ผมว่าเทรนอีกอันคือศูนย์รักษาจิตใจ หมอรักษาโรคพวกนี้น่าจะรายได้งามมาก
เพราะคนมีเงินแล้ว มีสุขภาพแล้ว แต่ก็ยังรักษาโรคใจไม่ได้
จะเห็นว่าคนหนุ่มสาว หรือคนรวยๆ เดี่ยวนี้เข้าวัด ปฏิบัติธรรมกันมากขึ้น ก็ไปตามเทรนนี้
เมื่อก่อนจะเห็นแต่ ชาวบ้านแก่ๆ เข้าวัดปฏิบัติธรรมกัน
อันนี้ไม่นับพวกงมงาย พวกมิจฉา ซึ่งไม่สนใจรวยจน ไม่สนใจอายุ
ซึ่งมีเยอะเป็นปกติอยู่ทุกสมัยอยู่แล้วนะครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 26
สงสัยครับ
การวิ่ง เมื่อวิ่งไปหลายๆปี มีปัญหาขาเข่าหรือเปล่า
เห็นลุงข้างบ้าน พออายุมากขึ้นวิ่งไปหลายปี แล้วเป็นโรคหัวเข่าเสื่อม
รองเท้าที่วิ่งก็แพง
แบบนี้ กลุ่มโรงพยาบาลน่าจะได้ผลประโยชน์
คนเราบางครั้งเหมือนเล่าความจริงครึ่งเดียว
หรือกำลังเรียนรู้และได้ความรู้มาแค่นั้นก็เล่ากันเท่านั้น
การวิ่ง เมื่อวิ่งไปหลายๆปี มีปัญหาขาเข่าหรือเปล่า
เห็นลุงข้างบ้าน พออายุมากขึ้นวิ่งไปหลายปี แล้วเป็นโรคหัวเข่าเสื่อม
รองเท้าที่วิ่งก็แพง
แบบนี้ กลุ่มโรงพยาบาลน่าจะได้ผลประโยชน์
คนเราบางครั้งเหมือนเล่าความจริงครึ่งเดียว
หรือกำลังเรียนรู้และได้ความรู้มาแค่นั้นก็เล่ากันเท่านั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 513
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 27
สาเหตุของเข่าเสื่อม มาจาก2-3ประเด็นครับ เสื่อมตามวัย เสื่อมตามการใช้งาน ซึ่งการใช้งานมากทำให้เข่าต้องรับภาระหนักเกินไปปรัชญา เขียน:สงสัยครับ
การวิ่ง เมื่อวิ่งไปหลายๆปี มีปัญหาขาเข่าหรือเปล่า
เห็นลุงข้างบ้าน พออายุมากขึ้นวิ่งไปหลายปี แล้วเป็นโรคหัวเข่าเสื่อม
รองเท้าที่วิ่งก็แพง
แบบนี้ กลุ่มโรงพยาบาลน่าจะได้ผลประโยชน์
คนเราบางครั้งเหมือนเล่าความจริงครึ่งเดียว
หรือกำลังเรียนรู้และได้ความรู้มาแค่นั้นก็เล่ากันเท่านั้น
เสื่อมตามลักษณะทางกายภาพของแต่ละคน บางครั้งคนเราชอบเอา2สิ่งมาเปรียบเทียบกันตรงๆ โดยไม่คำนึงถึงบริบทที่ต่างกัน
คนก็เช่นกัน บางคนเล่นกีฬาหนักมากหรือทำงานยืนทั้งวัน แต่เข่ากลับปกติดี ขณะที่อีกคนในวัยเดียวกันไม่ค่อยได้ใช้งานเข่าหนักมาก
กลับพบอาการเข่าเสื่อม แต่ในท้ายที่สุดไม่มีใครพ้นจากความเสื่อมของสังขารไปได้
การที่ใช้อุปกรณ์ที่มีราคาแพงที่มีคุณภาพ ก็คือการช่วยลดความเสื่อมให้ช้าลงครับ การวิ่งถ้าวิ่งแต่พอดีตามที่หัวเข่าของเรารับไหว
ก็คงจะไม่ถึงกับทำให้แย่มั้งครับ ส่วนตัวผมว่าเดินเร็วจะดีกว่า เข่าไม่ต้องรับภาระจากแรงกดกระแทกจากนน.ทั้งหมดของร่างกาย
รพ.น่าจะได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ เนื่องจากทุกส่วนของร่างกายเราสามารถเกิดโรคได้หมด ยิ่งองค์ความรู้ในด้านสุขภาพพัฒนา
และแพร่หลายมากขึ้นๆก็เป็นผลดีกับรพ.ครับ
ได้เวลาเหล่าอินทรีย์ ผงาดบนฟากฟ้า
-
- Verified User
- โพสต์: 223
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นอะไรที่คิดว่าหุ้นอะไรที่ เป็นดาวเด่นและดาวร่วงในอีก
โพสต์ที่ 28
ผมว่าพลังงานไฮโดรเจนอาจเป็นจุดเปลี่ยนของทุกๆอย่างนะครับ
ภาพที่เราเคยเห็นๆในหนัง sci-fi อาจเป็นจริง
http://www.manager.co.th/Around/ViewNew ... 0000133149
--------------------------------------------------------
เอเอฟพี - ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น “โตโยต้า"” ออกมาระบุในวันนี้ (18 พ.ย.) ว่าจะเริ่มทำการจำหน่าย “รถยนต์ที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิง” ในปริมาณมากเพื่อเจาะตลาดคนกลุ่มใหญ่ที่ญี่ปุ่นในเดือนหน้า จากนั้นจะขายที่ประเทศอื่นๆ ในปี 2015
รถยนต์ซีดาน 4 ประตู “มิราอิ” ที่ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนและปล่อยเพียงแค่ไอน้ำออกมาจากท่อไอเสียด้านหลัง จะเริ่มจำหน่ายที่ญี่ปุ่นในราคา 6.7 ล้านเยน (ประมาณ 1.8 ล้านบาท) โดยทางโตโยต้าคาดว่าน่าจะขายได้ราวๆ 400 คันในปีหน้า
“มิราอิ” ที่แปลว่า “อนาคต” ในภาษาญี่ปุ่น จะถูกนำไปจำหน่ายที่อเมริกาและยุโรปบางประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร เยอรมนี เดนมาร์ก ในปี 2015
“เรากำลังมาถึงจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมรถยนต์” อาคิโอะ โตโยดะ ประธานและซีอีโอของโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน กล่าวในวิดีโอบนเว็บไซต์ของบริษัท
ค่ายรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของโลกอย่างโตโยต้า คาดหวังว่าจะขายรถยนต์รุ่นนี้ที่อเมริกาได้มากกว่า 3,000 คัน ในช่วงสิ้นปี 2017 กับอีกปีละ 100 คันที่ยุโรป พร้อมทั้งระบุด้วยว่า ตั้งเป้าจะผลิตรถยนต์รุ่นนี้ออกมาหลายหมื่นคันในช่วงทศวรรษหน้า
บรรดารถยนต์ไฮบริดที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและน้ำมันของโตโยต้า ซึ่งรวมถึง “พริอุส” มียอดขายรวมทั้งสิ้นมากกว่า 7 ล้านคัน นับตั้งแต่เริ่มทำการจำหน่ายในปี 1997
แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องระยะทางในการขับขี่ แถมยังไม่ค่อยมีสถานีเติมเชื้อเพลิงให้กับรถเหล่านี้ คืออุปสรรคที่ขัดขวางการพัฒนารถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงและรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งนักสิ่งแวดล้อมพากันชื่นชมว่ารถยนต์เหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการลดก๊าซเรือนกระจก รวมถึงชะลอปรากฏการณ์โลกร้อน
โตโยต้าระบุว่า “มิราอิ” รถยนต์รุ่นใหม่ของบริษัท สามารถเดินทางได้ไกลประมาณ 650 กิโลเมตร เมื่อคำนวนจากเชื้อเพลิงเต็มถัง นับว่าเป็นระยะทางที่มากกว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้า 3 เท่า แถมยังใช้เวลาในการเติมเชื้อเพลิงเพียงแค่ไม่กี่นาที เช่นเดียวกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน
มิตซุฮิสะ คาโต รองประธานโตโยต้า กล่าวในการพรีเซ็นต์ที่กรุงโตเกียวในวันนี้ (18 พ.ย.) ว่า มิราอิคือสัญลักษณ์ของสองนวัตกรรมสำคัญ อย่างแรกคือ นวัตกรรมด้านการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและปัญหาพลังงาน อย่างที่ 2 คือ นวัตกรรมที่จะช่วยนำไปสู่สังคมที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนเป็นหลัก
ในบรรดารถยนต์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงถูกมองว่าเป็นดั่งจอกศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากขับเคลื่อนด้วยพลังงานที่เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีของไฮโดรเจนและออกซิเจน ซึ่งปล่อยเพียงแค่ไอน้ำและไม่ก่อให้เกิดสิ่งที่เป็นภัยต่อโลก
บรรดาค่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงคู่แข่งของโตโยต้า อย่างฮอนด้าและนิสสัน ต่างก็เคยเป็นผู้นำในนวัตกรรมรถยนต์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งเคยมีรายงานว่า ค่ายรถใหญ่ๆ เจ็ดค่ายในแดนปลาดิบ มีแผนจะใช้เงินรวมกว่า 24 พันล้านดอลลาร์ ไปกับการวิจัยรถยนต์พลังงานสะอาด
เมื่อวันจันทร์ (17 พ.ย.) ค่ายรถยนต์ฮอนด้าระบุว่า ตั้งเป้าจะจำหน่ายรถยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงในเดือนมีนาคม 2016 จากนั้นจะนำไปขายที่อเมริกาและยุโรป
ญี่ปุ่นเคยรับปากว่าจะทำให้ไฮโดรเจนมีราคาใกล้เคียงหรือถูกกว่าน้ำมันเบนซิน ขณะเดียวกันก็จะเพิ่มสถานีเติมไฮโดรเจนให้ถึง 100 แห่งในปีหน้า
บรรดาค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของโลก ต่างก็ตั้งเป้าจะขายรถยนต์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกันมานานแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ ฮอนด้าเคยจำหน่ายรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง “เอฟซีเอ็กซ์ แคลร์ริตี” ด้วยปริมาณที่ไม่มากนัก ในตลาดรถยนต์ไม่กี่แห่ง
ภาพที่เราเคยเห็นๆในหนัง sci-fi อาจเป็นจริง
http://www.manager.co.th/Around/ViewNew ... 0000133149
--------------------------------------------------------
เอเอฟพี - ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น “โตโยต้า"” ออกมาระบุในวันนี้ (18 พ.ย.) ว่าจะเริ่มทำการจำหน่าย “รถยนต์ที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิง” ในปริมาณมากเพื่อเจาะตลาดคนกลุ่มใหญ่ที่ญี่ปุ่นในเดือนหน้า จากนั้นจะขายที่ประเทศอื่นๆ ในปี 2015
รถยนต์ซีดาน 4 ประตู “มิราอิ” ที่ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนและปล่อยเพียงแค่ไอน้ำออกมาจากท่อไอเสียด้านหลัง จะเริ่มจำหน่ายที่ญี่ปุ่นในราคา 6.7 ล้านเยน (ประมาณ 1.8 ล้านบาท) โดยทางโตโยต้าคาดว่าน่าจะขายได้ราวๆ 400 คันในปีหน้า
“มิราอิ” ที่แปลว่า “อนาคต” ในภาษาญี่ปุ่น จะถูกนำไปจำหน่ายที่อเมริกาและยุโรปบางประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร เยอรมนี เดนมาร์ก ในปี 2015
“เรากำลังมาถึงจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมรถยนต์” อาคิโอะ โตโยดะ ประธานและซีอีโอของโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน กล่าวในวิดีโอบนเว็บไซต์ของบริษัท
ค่ายรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของโลกอย่างโตโยต้า คาดหวังว่าจะขายรถยนต์รุ่นนี้ที่อเมริกาได้มากกว่า 3,000 คัน ในช่วงสิ้นปี 2017 กับอีกปีละ 100 คันที่ยุโรป พร้อมทั้งระบุด้วยว่า ตั้งเป้าจะผลิตรถยนต์รุ่นนี้ออกมาหลายหมื่นคันในช่วงทศวรรษหน้า
บรรดารถยนต์ไฮบริดที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและน้ำมันของโตโยต้า ซึ่งรวมถึง “พริอุส” มียอดขายรวมทั้งสิ้นมากกว่า 7 ล้านคัน นับตั้งแต่เริ่มทำการจำหน่ายในปี 1997
แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องระยะทางในการขับขี่ แถมยังไม่ค่อยมีสถานีเติมเชื้อเพลิงให้กับรถเหล่านี้ คืออุปสรรคที่ขัดขวางการพัฒนารถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงและรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งนักสิ่งแวดล้อมพากันชื่นชมว่ารถยนต์เหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการลดก๊าซเรือนกระจก รวมถึงชะลอปรากฏการณ์โลกร้อน
โตโยต้าระบุว่า “มิราอิ” รถยนต์รุ่นใหม่ของบริษัท สามารถเดินทางได้ไกลประมาณ 650 กิโลเมตร เมื่อคำนวนจากเชื้อเพลิงเต็มถัง นับว่าเป็นระยะทางที่มากกว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้า 3 เท่า แถมยังใช้เวลาในการเติมเชื้อเพลิงเพียงแค่ไม่กี่นาที เช่นเดียวกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน
มิตซุฮิสะ คาโต รองประธานโตโยต้า กล่าวในการพรีเซ็นต์ที่กรุงโตเกียวในวันนี้ (18 พ.ย.) ว่า มิราอิคือสัญลักษณ์ของสองนวัตกรรมสำคัญ อย่างแรกคือ นวัตกรรมด้านการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและปัญหาพลังงาน อย่างที่ 2 คือ นวัตกรรมที่จะช่วยนำไปสู่สังคมที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนเป็นหลัก
ในบรรดารถยนต์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงถูกมองว่าเป็นดั่งจอกศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากขับเคลื่อนด้วยพลังงานที่เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีของไฮโดรเจนและออกซิเจน ซึ่งปล่อยเพียงแค่ไอน้ำและไม่ก่อให้เกิดสิ่งที่เป็นภัยต่อโลก
บรรดาค่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงคู่แข่งของโตโยต้า อย่างฮอนด้าและนิสสัน ต่างก็เคยเป็นผู้นำในนวัตกรรมรถยนต์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งเคยมีรายงานว่า ค่ายรถใหญ่ๆ เจ็ดค่ายในแดนปลาดิบ มีแผนจะใช้เงินรวมกว่า 24 พันล้านดอลลาร์ ไปกับการวิจัยรถยนต์พลังงานสะอาด
เมื่อวันจันทร์ (17 พ.ย.) ค่ายรถยนต์ฮอนด้าระบุว่า ตั้งเป้าจะจำหน่ายรถยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงในเดือนมีนาคม 2016 จากนั้นจะนำไปขายที่อเมริกาและยุโรป
ญี่ปุ่นเคยรับปากว่าจะทำให้ไฮโดรเจนมีราคาใกล้เคียงหรือถูกกว่าน้ำมันเบนซิน ขณะเดียวกันก็จะเพิ่มสถานีเติมไฮโดรเจนให้ถึง 100 แห่งในปีหน้า
บรรดาค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของโลก ต่างก็ตั้งเป้าจะขายรถยนต์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกันมานานแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ ฮอนด้าเคยจำหน่ายรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง “เอฟซีเอ็กซ์ แคลร์ริตี” ด้วยปริมาณที่ไม่มากนัก ในตลาดรถยนต์ไม่กี่แห่ง