VI หาดใหญ่
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 811
ถามน้อง romee เรื่อง solar ต่ออีกหน่อยครับ ขอหน้าไมค์ดีกว่า คนอื่นจะได้อ่านด้วยน่ะครับ
อยากทราบว่า ตกลงแผงของจีนนี่ยังตีตลาดแผงที่ผลิตในประเทศอยู่หรือไม่ครับ เดิมที่ผมเคยไปประชุมผถห. AKR ปัญหาของเรื่องแผงในประเทศคือ
1) โดนจีนตีตลาด เพราะลูกค้าอยากได้ของถูก จีนทำได้เพราะมีเงินรัฐบาลจีนสนับสนุน เลยตัดราคาได้
2) ไทยไม่มีภาษีกีดกันแผงจากต่างประเทศ ตรงนี้ไม่รู้ว่าเค้ามีการคุยกันในระดับรัฐบาลหรือเปล่า เลยไม่มีการตั้งภาษีเพื่อบล็อคแผงจากต่างประเทศ
เลยอยากรู้ว่าปัญหาของแผงจีนตอนนี้เป็นไงบ้างครับ มีทางที่แผงของไทยจะโงหัวขึ้นได้หรือไม่ครับ ตอนนั้นผมซื้อ AKR เล็กน้อยเพื่อจะไปประชุม แต่ยังไม่เห็นแสงสว่าง เพราะการเพิ่มทุนเพื่อปรับโครงสร้างหนี้มันทำให้ DE ดีขึ้น แต่จำนวนหุ้นมันเพิ่มมหาศาล รายได้จากแผงไม่กระเตื้องด้วยปัญหาจากข้างบน เลยไม่ได้ซื้อหุ้นต่อ แต่หุ้นก็ขึ้นมาเรื่อย ๆ ผมก็ไม่ได้ไปตามต่อว่าเพราะอะไร เพราะความหวังเรื่องโซลาร์ฟาร์มระดับอำเภอโดนบล็อคไปแล้ว
อยากทราบว่า ตกลงแผงของจีนนี่ยังตีตลาดแผงที่ผลิตในประเทศอยู่หรือไม่ครับ เดิมที่ผมเคยไปประชุมผถห. AKR ปัญหาของเรื่องแผงในประเทศคือ
1) โดนจีนตีตลาด เพราะลูกค้าอยากได้ของถูก จีนทำได้เพราะมีเงินรัฐบาลจีนสนับสนุน เลยตัดราคาได้
2) ไทยไม่มีภาษีกีดกันแผงจากต่างประเทศ ตรงนี้ไม่รู้ว่าเค้ามีการคุยกันในระดับรัฐบาลหรือเปล่า เลยไม่มีการตั้งภาษีเพื่อบล็อคแผงจากต่างประเทศ
เลยอยากรู้ว่าปัญหาของแผงจีนตอนนี้เป็นไงบ้างครับ มีทางที่แผงของไทยจะโงหัวขึ้นได้หรือไม่ครับ ตอนนั้นผมซื้อ AKR เล็กน้อยเพื่อจะไปประชุม แต่ยังไม่เห็นแสงสว่าง เพราะการเพิ่มทุนเพื่อปรับโครงสร้างหนี้มันทำให้ DE ดีขึ้น แต่จำนวนหุ้นมันเพิ่มมหาศาล รายได้จากแผงไม่กระเตื้องด้วยปัญหาจากข้างบน เลยไม่ได้ซื้อหุ้นต่อ แต่หุ้นก็ขึ้นมาเรื่อย ๆ ผมก็ไม่ได้ไปตามต่อว่าเพราะอะไร เพราะความหวังเรื่องโซลาร์ฟาร์มระดับอำเภอโดนบล็อคไปแล้ว
"Become a risk taker, not a risk maker"
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 812
ตัวนี้เพิ่งเข้าตลาดมาใหม่ไม่ถึงปีครับ เป็นลูกของบริษัทกระป๋องครับleky เขียน:ตัวที่เปลี่ยนชื่อเป็นอักษรตัวเดียวน่ะครับดำ เขียน:ใช่ที่เพิ่งเพิ่มทุนไปไม่นานนี้รึเปล่าครับ?
แต่ผมว่า อันนี้สิ ผมนึกไม่ออกจริง ๆ
"121(ตัวต่อตัว)"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 813
ยังคงนึกไม่ออกครับดำ เขียน:ตัวนี้เพิ่งเข้าตลาดมาใหม่ไม่ถึงปีครับ เป็นลูกของบริษัทกระป๋องครับleky เขียน:ตัวที่เปลี่ยนชื่อเป็นอักษรตัวเดียวน่ะครับดำ เขียน:ใช่ที่เพิ่งเพิ่มทุนไปไม่นานนี้รึเปล่าครับ?
แต่ผมว่า อันนี้สิ ผมนึกไม่ออกจริง ๆ
"121(ตัวต่อตัว)"
"Become a risk taker, not a risk maker"
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 819
ยังตีตลาดอยู่ครับleky เขียน:ถามน้อง romee เรื่อง solar ต่ออีกหน่อยครับ ขอหน้าไมค์ดีกว่า คนอื่นจะได้อ่านด้วยน่ะครับ
อยากทราบว่า ตกลงแผงของจีนนี่ยังตีตลาดแผงที่ผลิตในประเทศอยู่หรือไม่ครับ เดิมที่ผมเคยไปประชุมผถห. AKR ปัญหาของเรื่องแผงในประเทศคือ
1) โดนจีนตีตลาด เพราะลูกค้าอยากได้ของถูก จีนทำได้เพราะมีเงินรัฐบาลจีนสนับสนุน เลยตัดราคาได้
2) ไทยไม่มีภาษีกีดกันแผงจากต่างประเทศ ตรงนี้ไม่รู้ว่าเค้ามีการคุยกันในระดับรัฐบาลหรือเปล่า เลยไม่มีการตั้งภาษีเพื่อบล็อคแผงจากต่างประเทศ
เลยอยากรู้ว่าปัญหาของแผงจีนตอนนี้เป็นไงบ้างครับ มีทางที่แผงของไทยจะโงหัวขึ้นได้หรือไม่ครับ ตอนนั้นผมซื้อ AKR เล็กน้อยเพื่อจะไปประชุม แต่ยังไม่เห็นแสงสว่าง เพราะการเพิ่มทุนเพื่อปรับโครงสร้างหนี้มันทำให้ DE ดีขึ้น แต่จำนวนหุ้นมันเพิ่มมหาศาล รายได้จากแผงไม่กระเตื้องด้วยปัญหาจากข้างบน เลยไม่ได้ซื้อหุ้นต่อ แต่หุ้นก็ขึ้นมาเรื่อย ๆ ผมก็ไม่ได้ไปตามต่อว่าเพราะอะไร เพราะความหวังเรื่องโซลาร์ฟาร์มระดับอำเภอโดนบล็อคไปแล้ว
1.ตอนนี้มีการเพิ่มภาษีของแผงโซลาร์เซลจากจีนแล้วครับ ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา
เมื่อก่อนถ้าสั่งเข้ามาต้นทุนก็ประมาณ 21-23บาท/watt แต่ตอนนี้ต้นทุนแทบจะเท่าของไทยแล้ว (25-27บาท)
แต่ก็มีวิธีซิกแซกได้อยู่ เช่นเอามาแต่แผงกับตัว junction box แล้วมาจ้างประกอบในไทย ภาษีก็จะลดลงนิดหน่อย (ถ้าสั่งมาเป็นตู้คอนเทนเนอร์ จะคุ้มกว่ามากๆ)
ผมมีบ.ขายแผงในไทยอยู่เจ้าที่ซื้อกันประจำ เขาก็อยู่ลำบากถ้าขายแผงเอง ต้องทำอย่างอื่นด้วย เช่นขายชุดติดตั้งแผงโซลาเซลล์, ขายโคมไฟโซลาเซลล์ เข้าbidงาน อบต. อบจ. พวกนี้
You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 820
อี2.5เนี่ยมันชื่อ "อยู่ตำ" ทำรับเหมาคล้ายdamncompanyฮะ แถมยังถือหุ้น80%ในโรงไฟฟ้าชื่อ"ธิดา" อีก
แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเพิ่มค่าให้แม่มเท่าไหร่นะฮะ เพราะเวลาปั่นออก(spin-off)แล้ว ปกติลูกน่าสนกว่าแม่มมั้ยฮะ
รึว่าควรจีบแม่หวังได้ลูก
ส่วนหุ้นอสังหาเด็ดชีพที่ท่านดำสงสัย
ผมขอ"ตอบคำถาม"="A"nswer the"Q"uestion ว่ามันเล่นท่าประตูหลังมาจากkมหานครน่ะฮะ
สำส่อน เอ๊ย สาธารณะมาก เจ้าของกระจัดกระจาย โนมินีเพียบ เค้าให้รอดูตัวจริงโผล่
แต่ผมว่าลับ ลวง พราง น่าจะเยอะ ไอ้ที่ใช่ก็ไม่เห็น ไอ้ที่เห็นก็ไม่ใช่ งงดิ ผมยังงงเลย
หุ้นอสังหาอีกตัวที่เค้ายุก็คือ"เอ็นผัก"
เจ้าของเดิมไปนอกยังไม่มีกำหนดกลับ ล่าสุดแลกหุ้นกะตี๋ย้งเจ้าเก่าที่เค้าถนัดแนวนี้
มโนว่าหุ้น37%แลกกะที่ดิน,โรงแรมหมื่นล้าน เงินสดหกพันล้าน
ไปทำรายได้สักหมื่นสองพันล้าน (เพิ่งออกข่าวว่าจีบ100,000อยู่)
กำไรสามพันล้าน ให้พีอีสิบก็คงได้มาร์เกตแคปสามหมื่นล้าน
(เค้าคุยว่าน่่าจะมาแนวบ.ลูกที่ขายป้าย(มาร์เกตแคปใหญ่กว่าทีวี เพลง คอนเทนท์ นสพ รวมกันซะอีก..ว้าว)น่ะฮะ)
คือโมเดลทำรถไฟฟ้าแล้วเล่นท่า เอ๊ย เล่นที่รอบสถานีเนี่ย เคยอ่านมายี่สิบปีที่แล้วที่ญี่ปุ่นฮะ
ตอนนี้ไม่รุญี่ปุ่นเค้าเป็นไง แต่ไทยเป็นงี้ฮะ ขนาดตี๋ย้งแกสร้างบ้านขายมาตั้งเยอะนะเนี่ย
ช่วงที่แล้ว เจ้าที่เค้าไอพีโอตึกแหว่งๆตรงสาธร เค้าก็ปลอบว่าเด๋วปีหน้ามาแน่(กำไรมารึอะไรมาก็ไม่รุ)
ส่วนคุณพ.ที่เป็นสตาฟ"ศ." เจอกันวันก่อนเล่าว่า หนีตายจาก"ส."หวุดหวิด(แกมีอีศพ"ศ."ทุนห้าบาทมั้ง ยังถืออยู่)
อ.หาดใหญ่ก็เคยเล่าให้ฟังว่า เคยมีหุ้น"บ้านหิน"ที่เคยไปบุกดูที่ถึงภูเก็ต
ลงทุนแล้ว กว่าจะขายหมดก็ครึ่งปีโน่น..(ตัวนี้เพื่อนหัวหน้าแผนกเค้าว่ากำไรมาซื้อบ้านได้หลังนึงเลย)
ก็เลยมาเล่าเรื่องหุ้นอสังหาให้ฟังเฉยๆฮะ เผื่อใครถนัด ลงไปลุยแล้วได้ผลไงมาเล่าให้ฟังกันมั่งนะฮะ
แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเพิ่มค่าให้แม่มเท่าไหร่นะฮะ เพราะเวลาปั่นออก(spin-off)แล้ว ปกติลูกน่าสนกว่าแม่มมั้ยฮะ
รึว่าควรจีบแม่หวังได้ลูก
ส่วนหุ้นอสังหาเด็ดชีพที่ท่านดำสงสัย
ผมขอ"ตอบคำถาม"="A"nswer the"Q"uestion ว่ามันเล่นท่าประตูหลังมาจากkมหานครน่ะฮะ
สำส่อน เอ๊ย สาธารณะมาก เจ้าของกระจัดกระจาย โนมินีเพียบ เค้าให้รอดูตัวจริงโผล่
แต่ผมว่าลับ ลวง พราง น่าจะเยอะ ไอ้ที่ใช่ก็ไม่เห็น ไอ้ที่เห็นก็ไม่ใช่ งงดิ ผมยังงงเลย
หุ้นอสังหาอีกตัวที่เค้ายุก็คือ"เอ็นผัก"
เจ้าของเดิมไปนอกยังไม่มีกำหนดกลับ ล่าสุดแลกหุ้นกะตี๋ย้งเจ้าเก่าที่เค้าถนัดแนวนี้
มโนว่าหุ้น37%แลกกะที่ดิน,โรงแรมหมื่นล้าน เงินสดหกพันล้าน
ไปทำรายได้สักหมื่นสองพันล้าน (เพิ่งออกข่าวว่าจีบ100,000อยู่)
กำไรสามพันล้าน ให้พีอีสิบก็คงได้มาร์เกตแคปสามหมื่นล้าน
(เค้าคุยว่าน่่าจะมาแนวบ.ลูกที่ขายป้าย(มาร์เกตแคปใหญ่กว่าทีวี เพลง คอนเทนท์ นสพ รวมกันซะอีก..ว้าว)น่ะฮะ)
คือโมเดลทำรถไฟฟ้าแล้วเล่นท่า เอ๊ย เล่นที่รอบสถานีเนี่ย เคยอ่านมายี่สิบปีที่แล้วที่ญี่ปุ่นฮะ
ตอนนี้ไม่รุญี่ปุ่นเค้าเป็นไง แต่ไทยเป็นงี้ฮะ ขนาดตี๋ย้งแกสร้างบ้านขายมาตั้งเยอะนะเนี่ย
ช่วงที่แล้ว เจ้าที่เค้าไอพีโอตึกแหว่งๆตรงสาธร เค้าก็ปลอบว่าเด๋วปีหน้ามาแน่(กำไรมารึอะไรมาก็ไม่รุ)
ส่วนคุณพ.ที่เป็นสตาฟ"ศ." เจอกันวันก่อนเล่าว่า หนีตายจาก"ส."หวุดหวิด(แกมีอีศพ"ศ."ทุนห้าบาทมั้ง ยังถืออยู่)
อ.หาดใหญ่ก็เคยเล่าให้ฟังว่า เคยมีหุ้น"บ้านหิน"ที่เคยไปบุกดูที่ถึงภูเก็ต
ลงทุนแล้ว กว่าจะขายหมดก็ครึ่งปีโน่น..(ตัวนี้เพื่อนหัวหน้าแผนกเค้าว่ากำไรมาซื้อบ้านได้หลังนึงเลย)
ก็เลยมาเล่าเรื่องหุ้นอสังหาให้ฟังเฉยๆฮะ เผื่อใครถนัด ลงไปลุยแล้วได้ผลไงมาเล่าให้ฟังกันมั่งนะฮะ
samatah
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 821
มาเล่านิทาน ที่รุ่นพี่ผมในวงการนี้ เล่าให้ฟังนะครับ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วนะเรื่องพวกนี้ ตั้งแต่มีรายการ"คืนความสุขให้ประชาชน"
1.เรื่องใบสัญญาในการก่อสร้างโซลาฟาร์ม แรกเริ่มเดิมที แค่หลักหมื่น หลักแสนครับ...แล้วค่ารับซื้อไฟคืน ก็สูงมาก ยิ่งรุ่นแรกยิ่งแพง (ยังกะพระเครื่อง) เพราะว่าต้นทุนเมื่อก่อนยังแพงมาก และใบสัญญา+ที่ดินมาให้เลยนะครับ ไม่ใช่ว่าซื้อมาแล้วนึกอยากไปทำที่ใหนก็ได้
2.แล้วใบพวกนี้ หายไปใหน ทำไมไม่ตกมาถึงคนอื่นง่ายๆ (ก็เหมือนหุ้นIPOนะครับ รายย่อยเคยได้ของดีมั้ยละ...ถ้าหลุดมาถึงรายย่อยสิ ผมว่าแปลก แสดงว่าหุ้นไม่ไหวแล้วมั้ง...)
ใบพวกนี้ อยู่กับพวกหัวคะแนนครับ แบ่งๆกันไป บางคนก็เอาไปดอง เอาไปขายต่อเปลี่ยนมือ จนถึง8หลักก็มี
3.สิ่งสำคัญที่สุดในการทำโซลาฟาร์ม ในมุมมองผมคือ "เงินทุน" ใครจะเป็นคนออกเงินให้ ใครจะคารมดีทำเรื่องขอกู้เงิน
ส่วนเรื่องการก่อสร้างปรับหน้าดินกันน้ำท่วม, การติดตั้งแผง, การวางระบบห้องคอนโทรล, พวกนี้คนไทยทำได้หมด หรือถ้าไม่ได้ก็จ้างผู้รับเหมาจากบริษัทที่เราซื้อ inverter มาก็ได้ครับ จะทางจีน เยอรมัน เลือกแบรนด์กันได้เลย พวกนี้พร้อมเข้ามาช่วยอยู่แล้ว
4.ต้นทุนที่แพงอีกส่วนนึงคือแผงครับ แพงกว่าinverterอีก
ก็ขอเล่าในส่วนธุรกิจแผงโซลาเซลล์ในไทย ถ้าขายในไทย ผมว่ารอดยาก ทำให้หลายเจ้าขายลูกค้าต่างประเทศ ส่วนที่ว่าทำไมต้องซื้อกับเรา ก็เพราะว่ายุโรป กับอเมริกา มันมีกำแพงภาษีโคตรแพง กีดกันสินค้าจากจีนครับ...
ส่วนหุ้นขายแผงที่ขึ้นพรวดๆเพราะพวกVI เข้า...ตอนนี้ซื้อดีมั้ย อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ เพราะไม่มีหุ้นครับ...แต่อยากให้ดูเรื่องกำลังการผลิต ณ ปัจจุบัน กับอนาคตมากกว่าครับ, ว่า ณ ราคาตอนนี้เป็นไงบ้าง แพงไปมากมั้ย ถ้าขยายได้2เท่า มันก็ยังแพงมั้ย,
ส่วนเรื่องต้นทุนวัตถุดิบ พวกนี้ไม่ค่อยจะขึ้นเท่าไรนะ และเทคโนโลยี่ก็ไม่เปลี่ยนผ่านกันมาก มีแต่เพิ่มประสิทธิภาพของแผงไปเรื่อยๆ....ซื้อหุ้นดี ที่ราคาแพง อันนี้ผมเจ็บมาเย๊อะ (บทสรุปจากคนตกรถฮ่ะ 55555)
5.ผมเคยสงสัย ว่าถ้าโซลาฟาร์มมันทำแล้วได้กำไรดี ทำไมบ.ย่อยต้องขายให้บ.ใหญ่กว่า...สาเหตุนึงก็คืออยากได้เงินสดไม่อยากรอ, นายทุนเก่าต้องใช้ตังค์, นายทุนใหม่ต้องฟอกเอ้ยอยากใช้ตังค์ อะไรประมาณนี้ครับ
6.นโยบายพลังงานแสงอาทิตย์ ช่วงปี2557นี้ ก็ยังไม่นิ่ง ผมว่ากว่าจะนิ่ง คงต้องมีรัฐบาลปกตินะครับ
7.สุดท้ายของนิทาน ก็ต้องเป็นเรื่องดีๆ ก็คือรัฐบาลชุดนี้ ท่านมาล้างท่อไอ้พวกใบสัญญาของข้อ1 ที่อยู่ค้างเติ่งในระบบ ให้ออกมาถึงมือคนที่สนใจจริงๆ (แต่ถึงตอนนี้ก็หาคนไทยลงทุนทำเอง แทบไม่มีเลยครับ)
ขอย้ำว่าเรื่องที่เล่ามา เป็นอดีตแล้วนะครับ ปัจจุบันไม่มีแบบนี้แล้วฮ่ะ เพราะมียิ่งกว่า (ไม่ใช่แว้ว!!! ล้อเล่น)
แล้วเจ้าหญิงกะเจ้าชาย ก็ครองรักกัน อย่างมีความสุข (บนฐานค่าไฟFTที่จะแพงขึ้นเรื่อยๆ)
1.เรื่องใบสัญญาในการก่อสร้างโซลาฟาร์ม แรกเริ่มเดิมที แค่หลักหมื่น หลักแสนครับ...แล้วค่ารับซื้อไฟคืน ก็สูงมาก ยิ่งรุ่นแรกยิ่งแพง (ยังกะพระเครื่อง) เพราะว่าต้นทุนเมื่อก่อนยังแพงมาก และใบสัญญา+ที่ดินมาให้เลยนะครับ ไม่ใช่ว่าซื้อมาแล้วนึกอยากไปทำที่ใหนก็ได้
2.แล้วใบพวกนี้ หายไปใหน ทำไมไม่ตกมาถึงคนอื่นง่ายๆ (ก็เหมือนหุ้นIPOนะครับ รายย่อยเคยได้ของดีมั้ยละ...ถ้าหลุดมาถึงรายย่อยสิ ผมว่าแปลก แสดงว่าหุ้นไม่ไหวแล้วมั้ง...)
ใบพวกนี้ อยู่กับพวกหัวคะแนนครับ แบ่งๆกันไป บางคนก็เอาไปดอง เอาไปขายต่อเปลี่ยนมือ จนถึง8หลักก็มี
3.สิ่งสำคัญที่สุดในการทำโซลาฟาร์ม ในมุมมองผมคือ "เงินทุน" ใครจะเป็นคนออกเงินให้ ใครจะคารมดีทำเรื่องขอกู้เงิน
ส่วนเรื่องการก่อสร้างปรับหน้าดินกันน้ำท่วม, การติดตั้งแผง, การวางระบบห้องคอนโทรล, พวกนี้คนไทยทำได้หมด หรือถ้าไม่ได้ก็จ้างผู้รับเหมาจากบริษัทที่เราซื้อ inverter มาก็ได้ครับ จะทางจีน เยอรมัน เลือกแบรนด์กันได้เลย พวกนี้พร้อมเข้ามาช่วยอยู่แล้ว
4.ต้นทุนที่แพงอีกส่วนนึงคือแผงครับ แพงกว่าinverterอีก
ก็ขอเล่าในส่วนธุรกิจแผงโซลาเซลล์ในไทย ถ้าขายในไทย ผมว่ารอดยาก ทำให้หลายเจ้าขายลูกค้าต่างประเทศ ส่วนที่ว่าทำไมต้องซื้อกับเรา ก็เพราะว่ายุโรป กับอเมริกา มันมีกำแพงภาษีโคตรแพง กีดกันสินค้าจากจีนครับ...
ส่วนหุ้นขายแผงที่ขึ้นพรวดๆเพราะพวกVI เข้า...ตอนนี้ซื้อดีมั้ย อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ เพราะไม่มีหุ้นครับ...แต่อยากให้ดูเรื่องกำลังการผลิต ณ ปัจจุบัน กับอนาคตมากกว่าครับ, ว่า ณ ราคาตอนนี้เป็นไงบ้าง แพงไปมากมั้ย ถ้าขยายได้2เท่า มันก็ยังแพงมั้ย,
ส่วนเรื่องต้นทุนวัตถุดิบ พวกนี้ไม่ค่อยจะขึ้นเท่าไรนะ และเทคโนโลยี่ก็ไม่เปลี่ยนผ่านกันมาก มีแต่เพิ่มประสิทธิภาพของแผงไปเรื่อยๆ....ซื้อหุ้นดี ที่ราคาแพง อันนี้ผมเจ็บมาเย๊อะ (บทสรุปจากคนตกรถฮ่ะ 55555)
5.ผมเคยสงสัย ว่าถ้าโซลาฟาร์มมันทำแล้วได้กำไรดี ทำไมบ.ย่อยต้องขายให้บ.ใหญ่กว่า...สาเหตุนึงก็คืออยากได้เงินสดไม่อยากรอ, นายทุนเก่าต้องใช้ตังค์, นายทุนใหม่ต้องฟอกเอ้ยอยากใช้ตังค์ อะไรประมาณนี้ครับ
6.นโยบายพลังงานแสงอาทิตย์ ช่วงปี2557นี้ ก็ยังไม่นิ่ง ผมว่ากว่าจะนิ่ง คงต้องมีรัฐบาลปกตินะครับ
7.สุดท้ายของนิทาน ก็ต้องเป็นเรื่องดีๆ ก็คือรัฐบาลชุดนี้ ท่านมาล้างท่อไอ้พวกใบสัญญาของข้อ1 ที่อยู่ค้างเติ่งในระบบ ให้ออกมาถึงมือคนที่สนใจจริงๆ (แต่ถึงตอนนี้ก็หาคนไทยลงทุนทำเอง แทบไม่มีเลยครับ)
ขอย้ำว่าเรื่องที่เล่ามา เป็นอดีตแล้วนะครับ ปัจจุบันไม่มีแบบนี้แล้วฮ่ะ เพราะมียิ่งกว่า (ไม่ใช่แว้ว!!! ล้อเล่น)
แล้วเจ้าหญิงกะเจ้าชาย ก็ครองรักกัน อย่างมีความสุข (บนฐานค่าไฟFTที่จะแพงขึ้นเรื่อยๆ)
You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 822
dr1 เขียน:อี2.5เนี่ยมันชื่อ "อยู่ตำ" ทำรับเหมาคล้ายdamncompanyฮะ แถมยังถือหุ้น80%ในโรงไฟฟ้าชื่อ"ธิดา" อีก
แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเพิ่มค่าให้แม่มเท่าไหร่นะฮะ เพราะเวลาปั่นออก(spin-off)แล้ว ปกติลูกน่าสนกว่าแม่มมั้ยฮะ
รึว่าควรจีบแม่หวังได้ลูก
นึกไม่ออกจริง ๆ ครับ ตอนแรกคิดว่าเป็นหุ้นรับเหมาแท้ ๆ ที่ชื่อ หลายหลายT
ส่วนหุ้นอสังหาเด็ดชีพที่ท่านดำสงสัย
ผมขอ"ตอบคำถาม"="A"nswer the"Q"uestion ว่ามันเล่นท่าประตูหลังมาจากkมหานครน่ะฮะ
สำส่อน เอ๊ย สาธารณะมาก เจ้าของกระจัดกระจาย โนมินีเพียบ เค้าให้รอดูตัวจริงโผล่
แต่ผมว่าลับ ลวง พราง น่าจะเยอะ ไอ้ที่ใช่ก็ไม่เห็น ไอ้ที่เห็นก็ไม่ใช่ งงดิ ผมยังงงเลย
สงสัยตัวจริงอยู่แถว "ปทุมวัน" มั๊งครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1112
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 823
ขอบพระคุณครับ เดาขำขำ และยังมึนมึน อี 2.5 คร๊าบdr1 เขียน:อี2.5เนี่ยมันชื่อ "อยู่ตำ" ทำรับเหมาคล้ายdamncompanyฮะ แถมยังถือหุ้น80%ในโรงไฟฟ้าชื่อ"ธิดา" อีก
แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเพิ่มค่าให้แม่มเท่าไหร่นะฮะ เพราะเวลาปั่นออก(spin-off)แล้ว ปกติลูกน่าสนกว่าแม่มมั้ยฮะ
รึว่าควรจีบแม่หวังได้ลูก
ส่วนหุ้นอสังหาเด็ดชีพที่ท่านดำสงสัย
ผมขอ"ตอบคำถาม"="A"nswer the"Q"uestion ว่ามันเล่นท่าประตูหลังมาจากkมหานครน่ะฮะ
สำส่อน เอ๊ย สาธารณะมาก เจ้าของกระจัดกระจาย โนมินีเพียบ เค้าให้รอดูตัวจริงโผล่
แต่ผมว่าลับ ลวง พราง น่าจะเยอะ ไอ้ที่ใช่ก็ไม่เห็น ไอ้ที่เห็นก็ไม่ใช่ งงดิ ผมยังงงเลย
หุ้นอสังหาอีกตัวที่เค้ายุก็คือ"เอ็นผัก"
เจ้าของเดิมไปนอกยังไม่มีกำหนดกลับ ล่าสุดแลกหุ้นกะตี๋ย้งเจ้าเก่าที่เค้าถนัดแนวนี้
มโนว่าหุ้น37%แลกกะที่ดิน,โรงแรมหมื่นล้าน เงินสดหกพันล้าน
ไปทำรายได้สักหมื่นสองพันล้าน (เพิ่งออกข่าวว่าจีบ100,000อยู่)
กำไรสามพันล้าน ให้พีอีสิบก็คงได้มาร์เกตแคปสามหมื่นล้าน
(เค้าคุยว่าน่่าจะมาแนวบ.ลูกที่ขายป้าย(มาร์เกตแคปใหญ่กว่าทีวี เพลง คอนเทนท์ นสพ รวมกันซะอีก..ว้าว)น่ะฮะ)
คือโมเดลทำรถไฟฟ้าแล้วเล่นท่า เอ๊ย เล่นที่รอบสถานีเนี่ย เคยอ่านมายี่สิบปีที่แล้วที่ญี่ปุ่นฮะ
ตอนนี้ไม่รุญี่ปุ่นเค้าเป็นไง แต่ไทยเป็นงี้ฮะ ขนาดตี๋ย้งแกสร้างบ้านขายมาตั้งเยอะนะเนี่ย
ช่วงที่แล้ว เจ้าที่เค้าไอพีโอตึกแหว่งๆตรงสาธร เค้าก็ปลอบว่าเด๋วปีหน้ามาแน่(กำไรมารึอะไรมาก็ไม่รุ)
ส่วนคุณพ.ที่เป็นสตาฟ"ศ." เจอกันวันก่อนเล่าว่า หนีตายจาก"ส."หวุดหวิด(แกมีอีศพ"ศ."ทุนห้าบาทมั้ง ยังถืออยู่)
อ.หาดใหญ่ก็เคยเล่าให้ฟังว่า เคยมีหุ้น"บ้านหิน"ที่เคยไปบุกดูที่ถึงภูเก็ต
ลงทุนแล้ว กว่าจะขายหมดก็ครึ่งปีโน่น..(ตัวนี้เพื่อนหัวหน้าแผนกเค้าว่ากำไรมาซื้อบ้านได้หลังนึงเลย)
ก็เลยมาเล่าเรื่องหุ้นอสังหาให้ฟังเฉยๆฮะ เผื่อใครถนัด ลงไปลุยแล้วได้ผลไงมาเล่าให้ฟังกันมั่งนะฮะ
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 827
แต่แปลกมากครับ ที่โบรกกลับมาแนะนำหุ้นแบบนี้ งงมาก ผมว่าถ้าลองคิดซักนิด ถึงบ.มันจะพลิกฟื้นจริง แต่ทั้งสองบ.มันมีลักษณะคล้าย ๆ กันคือ มีหุ้นจำนวนมหาศาล ต่อให้โครงการที่ทำสำเร็จ EPS นี่ไม่ต้องพูด มันคงน้อยมาก ๆ อย่างนี้ไปซื้อบ.ที่ชัวร์ ๆ แบบ PE ต่ำ ๆ กำไรดี ๆ อย่างบ.ที่ชื่อเหมือน"ร้านสุกี้" หรือชื่อเหมือนผู้หญิง"ลลิตา" อะไรทำนองนั้นไม่ดีกว่าหรือครับdr1 เขียน:
ส่วนหุ้นอสังหาเด็ดชีพที่ท่านดำสงสัย
ผมขอ"ตอบคำถาม"="A"nswer the"Q"uestion ว่ามันเล่นท่าประตูหลังมาจากkมหานครน่ะฮะ
สำส่อน เอ๊ย สาธารณะมาก เจ้าของกระจัดกระจาย โนมินีเพียบ เค้าให้รอดูตัวจริงโผล่
แต่ผมว่าลับ ลวง พราง น่าจะเยอะ ไอ้ที่ใช่ก็ไม่เห็น ไอ้ที่เห็นก็ไม่ใช่ งงดิ ผมยังงงเลย
หุ้นอสังหาอีกตัวที่เค้ายุก็คือ"เอ็นผัก"
เจ้าของเดิมไปนอกยังไม่มีกำหนดกลับ ล่าสุดแลกหุ้นกะตี๋ย้งเจ้าเก่าที่เค้าถนัดแนวนี้
มโนว่าหุ้น37%แลกกะที่ดิน,โรงแรมหมื่นล้าน เงินสดหกพันล้าน
ไปทำรายได้สักหมื่นสองพันล้าน (เพิ่งออกข่าวว่าจีบ100,000อยู่)
กำไรสามพันล้าน ให้พีอีสิบก็คงได้มาร์เกตแคปสามหมื่นล้าน
(เค้าคุยว่าน่่าจะมาแนวบ.ลูกที่ขายป้าย(มาร์เกตแคปใหญ่กว่าทีวี เพลง คอนเทนท์ นสพ รวมกันซะอีก..ว้าว)น่ะฮะ)
คือโมเดลทำรถไฟฟ้าแล้วเล่นท่า เอ๊ย เล่นที่รอบสถานีเนี่ย เคยอ่านมายี่สิบปีที่แล้วที่ญี่ปุ่นฮะ
ตอนนี้ไม่รุญี่ปุ่นเค้าเป็นไง แต่ไทยเป็นงี้ฮะ ขนาดตี๋ย้งแกสร้างบ้านขายมาตั้งเยอะนะเนี่ย
นั่นแปลว่าเค้ากำลังจะให้เราเข้าสู่ mode "ท่ายาก" เล่นกับ "อุปทานหมู่" เอ้ยไม่ใช่ จิตวิทยาหมู่ เล่นกับความรู้สึกของตลาด ทำนองว่าหุ้นมันกำลังจะเทิร์นแล้ว ประมาณ "ไก่งวงกำลังจะบินได้ จะเกาะขาไก่งวงกันหรือไม่"
คืออย่างกรณีของหุ้น เอ็นผัก ลงทุนไปเลยได้กินแต่ผัก ไม่ได้กินเนื้อนั้น ถ้ายังจำกันได้ ตอนที่เสี่ยทีวีเข้ามาซื้อหุ้น ก็เล่นจากประมาณ 7-8 สต.ไปถึง 16 สต. ก่อนจะกลับลงมาพบกับความเป็นจริงว่า "มันไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้น" ถ้าลองไตร่ตรองให้ดี สุดท้ายถ้าหุ้นตัวนี้จะจ่ายเงินปันผลได้ มันก็หนีไม่พ้นต้อง "ลดทุน" ลดเท่าไหร่ก็ไม่รู้นะครับ แต่น่าจะมากเอาการ เพราะหุ้นเดิมพาร์ 1 แต่เพิ่มทุนมาหลายครั้ง แต่ละครั้งก็ได้ไม่เกิน 5 สต. 1 สต.ก็มีมาแล้ว ส่วนเกินทุนไม่ต้องพูดถึง ไม่มีแน่นอน ทีนี้ถ้าจะลดทุน ผถห.เดิมเจ็บหนักแน่ครับ หุ้นหายไปไม่รู้เท่าไหร่
จริง ๆ ตอนที่รู้จักตลาดหุ้นใหม่ ๆ ก็ทันเห็นหุ้นตัวนี้ราคาเป็นร้อยนะครับ ตอนนั้นพี่สาวก็เคยซื้อครับ แบบว่าหุ้นอสังหาฯ ซิลลิ่งยกกลุ่ม สมัยนั้นเอาแค่ 10% แต่ตัวนี้มันยังไม่ไปไหนก็เคาะตามแล้วก็ซิลลิ่งตาม แต่พอมาสมัยผมหุ้นตัวนี้ผมเคยมีความหลังเมื่อครั้งยังเป็นแมงเม่าตอนที่กลับมาลงทุนรอบใหม่นะครับ เลยว่าได้เป็นฉาก ๆ แต่ผมรอดมาได้แบบแฮปปี้เอนดิ้งครับ และก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยุ่งกับหุ้นแบบนี้อีก พอรอดมาได้จากแมงเม่าก็เลยกลายเป็นปลวก คราวนี้เลยตายยากกว่าเดิมหน่อย เดี๋ยวจะไปลองหาที่เคยโพสต์ไว้มาแปะให้ดูครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 829
แค่น้อง romee ช่วยบอกว่าแผงจากจีนยังคงอยู่ ผมก็เห็นภาพแล้วครับ เพราะนั่นแหละครับ คือตัวปัญหาที่แท้จริงromee เขียน:
ส่วนหุ้นขายแผงที่ขึ้นพรวดๆเพราะพวกVI เข้า...ตอนนี้ซื้อดีมั้ย อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ เพราะไม่มีหุ้นครับ...แต่อยากให้ดูเรื่องกำลังการผลิต ณ ปัจจุบัน กับอนาคตมากกว่าครับ, ว่า ณ ราคาตอนนี้เป็นไงบ้าง แพงไปมากมั้ย ถ้าขยายได้2เท่า มันก็ยังแพงมั้ย,
กลับมาที่เรื่องวีไอหรือวีอ๋อยเข้า (ศัพท์ทางการแพทย์ คำที่เติมท้ายด้วย -oid หมายถึง คล้าย ๆ แต่ไม่ใช่ เช่น anaphylaxis หมายถึง ปฏิกริยาแพ้ชนิดรุนแรง แต่ anaphylactoid หมายถึง อาการคล้ายแพ้รุนแรงแต่ไม่ใช่ ) ขอให้ย้อนกลับไปดูที่โพสต์ไว้ข้างบนเรื่องบทเรียนจากหุ้นรับเหมาครับ
"หลีกเลี่ยงหุ้นที่ active ในห้องร้อยคนฯ เพราะถ้าไม่เป็นไปตามความคาดหวัง ศรนั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายเรา"
"Become a risk taker, not a risk maker"
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 830
ผมกลับไม่แปลกใจที่โบรกแนะนำหุ้นแบบนี้ครับ เนื่องจากลูกค้ามีหลายแบบ เค้าก็ต้องจัดให้ครบทุกความต้องการล่ะครับ แต่ผมเชื่อว่าเค้าน่าจะมีบอกไว้แล้วว่า "สำหรับเก็งกำไรเท่านั้น" (ตีความจริงๆ คือ ถ้าเข้าแล้วออกไม่ทันก็รับกันไปเองนะครับ เตือนแล้ว)leky เขียน:แต่แปลกมากครับ ที่โบรกกลับมาแนะนำหุ้นแบบนี้ งงมาก ผมว่าถ้าลองคิดซักนิด ถึงบ.มันจะพลิกฟื้นจริง แต่ทั้งสองบ.มันมีลักษณะคล้าย ๆ กันคือ มีหุ้นจำนวนมหาศาล ต่อให้โครงการที่ทำสำเร็จ EPS นี่ไม่ต้องพูด มันคงน้อยมาก ๆ อย่างนี้ไปซื้อบ.ที่ชัวร์ ๆ แบบ PE ต่ำ ๆ กำไรดี ๆ อย่างบ.ที่ชื่อเหมือน"ร้านสุกี้" หรือชื่อเหมือนผู้หญิง"ลลิตา" อะไรทำนองนั้นไม่ดีกว่าหรือครับ
นั่นแปลว่าเค้ากำลังจะให้เราเข้าสู่ mode "ท่ายาก" เล่นกับ "อุปทานหมู่" เอ้ยไม่ใช่ จิตวิทยาหมู่ เล่นกับความรู้สึกของตลาด ทำนองว่าหุ้นมันกำลังจะเทิร์นแล้ว ประมาณ "ไก่งวงกำลังจะบินได้ จะเกาะขาไก่งวงกันหรือไม่"
มันมีจริงๆ นะครับ คนที่เข้ามาในตลาดเพื่อเล่นกับหุ้นแบบนี้เท่านั้น หุ้นพื้นฐานเค้าไม่สนเลย มันเป็นความเชื่อของเค้าน่ะครับ
อันนี้บางครั้ง ถ้าผู้บริหารขายฝันเก่งจริงๆ นักลงทุนก็หลงเคลิ้มตามไปครับ จนลืมนึกไปว่า ผลประโยชน์มันเป็นของใคร แล้วจริงๆ จะตกถึงมือตัวเองได้เท่าไหร่leky เขียน:คืออย่างกรณีของหุ้น เอ็นผัก ลงทุนไปเลยได้กินแต่ผัก ไม่ได้กินเนื้อนั้น ถ้ายังจำกันได้ ตอนที่เสี่ยทีวีเข้ามาซื้อหุ้น ก็เล่นจากประมาณ 7-8 สต.ไปถึง 16 สต. ก่อนจะกลับลงมาพบกับความเป็นจริงว่า "มันไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้น" ถ้าลองไตร่ตรองให้ดี สุดท้ายถ้าหุ้นตัวนี้จะจ่ายเงินปันผลได้ มันก็หนีไม่พ้นต้อง "ลดทุน" ลดเท่าไหร่ก็ไม่รู้นะครับ แต่น่าจะมากเอาการ เพราะหุ้นเดิมพาร์ 1 แต่เพิ่มทุนมาหลายครั้ง แต่ละครั้งก็ได้ไม่เกิน 5 สต. 1 สต.ก็มีมาแล้ว ส่วนเกินทุนไม่ต้องพูดถึง ไม่มีแน่นอน ทีนี้ถ้าจะลดทุน ผถห.เดิมเจ็บหนักแน่ครับ หุ้นหายไปไม่รู้เท่าไหร่
อันนี้ รออ่านครับ ผมเองก็ทันยุคนี้พอดี พี่แกเล่นลงโฆษณานสพ.ธุรกิจ 4 สีเต็ม 2 หน้าเลย ตอนนั้นมี BMCL อยู่ในมือด้วย ไอเดียสุดบรรเจิด อสังหาฯ ครบวงจรleky เขียน:แต่พอมาสมัยผมหุ้นตัวนี้ผมเคยมีความหลังเมื่อครั้งยังเป็นแมงเม่าตอนที่กลับมาลงทุนรอบใหม่นะครับ เลยว่าได้เป็นฉาก ๆ แต่ผมรอดมาได้แบบแฮปปี้เอนดิ้งครับ และก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยุ่งกับหุ้นแบบนี้อีก พอรอดมาได้จากแมงเม่าก็เลยกลายเป็นปลวก คราวนี้เลยตายยากกว่าเดิมหน่อย เดี๋ยวจะไปลองหาที่เคยโพสต์ไว้มาแปะให้ดูครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 831
เจอแล้วครับ ผมเคยโพสต์ไว้เมื่อเกือบสองปีก่อน ตอนนั้นเสี่ยทีวีเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุน จัดเป็นหุ้นเปลี่ยนชีวิตตัวหนึ่งสำหรับผมครับ คือมันอาจจะไม่ใช่การเปลี่ยนในแง่มูลค่าหุ้นนะครับ ถึงแม้ปีนั้นพอร์ตจะโตกว่า 200% แต่เป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมการลงทุนมากกว่าครับ แล้วไม่ต้องถามนะครับว่าทำไมถึงซื้อหุ้นตัวนี้ สั้น ๆ ครับ "กกร เก็งกำไร" ครับ สุดท้ายเลยจบที่ต้อง "เกร็ง" ก่อนจะมีกำไรครับ
เพื่อนคนหนึ่งที่ติดหุ้นด้วยกันแล้วหลุดออกมาได้ ตอนหุ้นมันไหลกลับมาที่ 3 สต. ดันมาถามผมอีกว่า "คุณว่าผมกลับไปซื้อคืนดีไหม"
ส่วนอีกคนที่บอกให้ซื้อก่อนข่าวกำไรขายที่ดินจะออก น่าจะได้กำไรไม่มากก็น้อย ก็มาถามผมอีกว่า "แล้ว IEC น่าสนใจมั๊ย"
เพื่อนคนหนึ่งที่ติดหุ้นด้วยกันแล้วหลุดออกมาได้ ตอนหุ้นมันไหลกลับมาที่ 3 สต. ดันมาถามผมอีกว่า "คุณว่าผมกลับไปซื้อคืนดีไหม"
ส่วนอีกคนที่บอกให้ซื้อก่อนข่าวกำไรขายที่ดินจะออก น่าจะได้กำไรไม่มากก็น้อย ก็มาถามผมอีกว่า "แล้ว IEC น่าสนใจมั๊ย"
leky เขียน:ยอมรับว่าเคยมีหุ้นตัวนี้ครับ สมัยที่ยังไม่ค่อยมีความรู้ ด้วยความคิดเพียงแค่ว่าซื้อแล้วขึ้นช่องเดียวก็ขาย ก่อนหน้านี้ก็เคยเล่นแบบนี้กับ W ตัวหนึ่ง เลยคิดว่ากำไรไม่ยาก แต่หารู้ไม่ว่าตอนนั้นส่วนทุนมันกำลังจะติดลบ นั่นแปลว่าบ.จำเป็นจะต้องเพิ่มทุน หลังซื้อไปไม่นานมันก็ติด SP พร้อม ๆ กับประกาศเพิ่มทุน สุดท้ายก็ต้องติดแหง็กอยู่ที่ 3 สต.ต่อหุ้น (ถัวกับหุ้นเพิ่มทุน 1:4 ราคา 1 สต.) ติดอยู่เกือบปี เคยมีบางวันปิดที่ 1 สต.ก็จะเห็นพอร์ตสีแดงแบบติดลบมาก ๆ แบบยากจะทำใจได้ครับ
แต่เพราะหุ้นตัวนี้ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง หลังจากนั้นผมก็มาศึกษาว่าทำไมบ.มันถึงแย่ ถึงเข้าใจปัญหาในหลาย ๆ เรื่อง ยอมรับว่าเป็นบ.หนึ่งที่น่าจะเป็น case study ที่น่าสนใจครับ ปัจจัยที่ทำให้บ.แย่
1) ปัญหาการตั้งสำรองคดีที่ไม่จบไม่สิ้นตั้งแต่ในยุคปี 40 ซึ่งเกิดจากการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งหลังจากที่บ.ออกมาจากแผนฟื้นฟู กลับโดนเจ้าหนี้ทยอยกันฟ้องเอาหนี้คืน ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกเหมือนจะจบไปแล้ว กลายเป็นต้องโดนทั้งหนี้บวกดอกเบี้ยอีกจำนวนมหาศาลเนื่องจากเวลาผ่านมาหลายปี
2) วิสัยทัศน์ของผบห.ในยุคหลังออกจากแผนฟื้นฟู ไปลงทุนในหุ้นหลายตัวในราคาที่ค่อนข้างสูงแล้วผลไม่เป็นไปตามคาด เช่น SYNTEC SIRI BMCL PA ทำให้ต้องขายหุ้นเหล่านี้ในราคาที่ขาดทุนเพื่อนำไปใช้หนี้และสำรองหนี้
3) ธุรกิจหลักเดิมไม่ทำรายได้ที่ดี เช่นอพาร์ทเมนท์ ในขณะที่ธุรกิจที่ลงทุนติดขัด เช่น โครงการร้อยชักสาม ก็มีปัญหาเรื่องการส่งพื้นที่กับทางราชการทำให้เริ่มโครงการไม่ได้
4) ธุรกิจที่เป็นเพชรเม็ดงาม เช่นโรงแรมในระดับห้าดาว เช่น โรงแรมเลอ เมอริเดียน ต้องโดนขายเพื่อที่จะเอามาใช้หนี้และตั้งสำรอง
หลังจากผมถือมาเกือบปีแบบไม่มีทางเลือก วันหนึ่งบ.ก็ส่งจดหมายมาให้ผถห.จะขอมติการขายรร.ที่ภูเก็ตเพื่อเอากำไรไปหักล้างกับหนี้หุ้นกู้ของเลย์แมนฯ ตอนนั้นกำไรจากการขายนอกจากจะหักหนี้ได้แล้ว ยังจะทำให้ส่วนของผถห.กลับมาเป็นบวกมากขึ้น เนื่องจากบ.จะได้กำไรจากการขายหลายร้อยล้านบาท ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องเพิ่มทุนอีกรอบ ตอนนั้นผมหวังในใจลึก ๆ ว่า เป็นโอกาสที่ผมจะ "ปลดแอก" จากหุ้นตัวนี้เสียที ตอนนั้นหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ที่ 2-3 สต. หลังจากงบออกบ.พลิกกลับมามีกำไรราคาหุ้นก็ขยับขึ้นไปสูงสุด 7 สต. ตอนนั้นด้วยความที่ผมติดกับมันมานาน ตอนที่มันขึ้นมาแรก ๆ ผมก็พยายามจะไม่ขายเพราะไหน ๆ ก็เคยถือจนเหลือ 1 สต.ไปแล้ว สุดท้ายผมโชคดีที่ขายหุ้นไปครึ่งหนึ่งตรง 7 สต. ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่เอาไว้ลุ้น แต่สุดท้ายก็ไม่อยากเสี่ยงจึงตัดสินใจปล่อยออกหมดที่ 6 สต. ผมยังจำความรู้สึกตอนที่ตั้งขายหุ้นอีกครึ่งหนึ่งเข้าไปตรงราคา ATC ได้ครับ มันน่าจะเป็นการลุ้นที่ตื่นเต้นครั้งหนึ่งในชีวิตผม ราคา ATC มันขยับไปมาระหว่าง 5 สต.กับ 6 สต. สำหรับผมตอนนั้น 1 สต.มันมีค่าต่างกัน 30% ตอน ATC ที่ 6 สต.เราอยากให้มันหมดเวลา ตอน ATC ที่ 5 สต. เราไม่อยากให้มันหยุดตรงนั้น สุดท้ายมันปิดที่ 6 สต. ผมดีใจมากที่หลุดจากมันเสียทีครับ ทั้ง ๆ ที่ผมก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้มันจะขึ้นไปอีกหรือไม่ แต่สำหรับผม ผมบอกได้คำเดียวว่า "ผมพอแค่นี้"
ประสบการณ์จากการถือ N-PARK ในครั้งนั้น ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ผมยอมรับว่าในปีนั้นหุ้นตัวนี้ทำให้พอร์ตกำไรโตอย่างมาก แต่ถ้าถามว่าให้ผมกลับไปถือแล้วได้กำไรแบบนี้ผมเอาไหม ผมกลับรู้สึกว่าถ้าย้อนเวลาได้ผมจะไม่ซื้อหุ้นตัวนี้ครับ เพราะผมอาจจะโชคดีที่จบแบบสุข แต่มันเป็นอะไรที่คาดการณ์ไม่ได้เลย ถ้าพลาดขึ้นมามันก็อาจจะกลายเป็นหนังคนละม้วน จะว่าไปผมก็เคยซื้อหุ้นหลายตัวที่ผลตอบแทนไม่แพ้กันแต่ความเสี่ยงน้อยกว่ามาก แต่ผลพวงจากการถือหุ้นตัวนี้ ทำให้ผมได้รับสิ่งอื่นตามมาโดยที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน
1) ผมศึกษาหาความรู้หุ้นที่ผมจะซื้อมากขึ้น จากเดิมที่ไม่ค่อยได้ดูเรื่องบัญชีก็ดูมากขึ้น รวมถึงพยายามหาความรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐาน และทำให้วิธีการลงทุนของผมเปลี่ยนไปจากวันนั้นเป็นอย่างมาก
2) จิตใจของผมในการถือหุ้นแข็งแกร่งขึ้นมาก
ยอมรับว่าถึง N-PARK จะเป็นหุ้นเน่า แต่ผมก็ได้อะไรจากหุ้นตัวนี้หลายอย่าง ๆ โดยที่ผมเองก็คิดไม่ถึง และผมก็เข้าใจความรู้สึกของคนที่ถือหุ้นตัวนี้ในวันนี้ว่าคงไม่ต่างจากผมในอดีตครับ ผมไม่ได้คิดว่าผมเก่งที่ทำกำไรจากหุ้นตัวนี้ได้นะครับ แต่ผมคิดว่าผมโชคดีมากกว่าครับ
จริง ๆ วันนี้ผมคุยกับพี่คนหนึ่งถึงหุ้นตัวนี้อีกครั้ง ผมว่ามันน่าสนใจมาก ๆ ว่าทำไมถึงมีคนยอมซื้อหุ้นเพิ่มทุนในจำนวนมหาศาลขนาดนั้น กลุ่มทุนรายใหม่ทำไมถึงกล้าขนาดนั้น ซึ่งคนอื่นอาจจะมองว่าเค้าจะเอาเงินมาทิ้งหรือเปล่า เพราะแม้แต่ผบห.ใหญ่ในปัจจุบันยังขายหุ้นทิ้งไปจนหมด หรือเค้าเห็นอะไรที่คนอื่นไม่เห็น
ในความเห็นผมที่เคยศึกษาหุ้นตัวนี้อยู่ช่วงหนึ่ง ผมคิดว่าปัจจัยที่จะ "ปลดล็อค" หุ้นตัวนี้ อาจจะเป็นไปได้ 3 อย่างครับ
1) เคลียร์คดีฟ้องร้องให้หมด แล้วโอนกลับการตั้งสำรองมหาศาล แต่ความเป็นไปได้ค่อนข้างยากเพราะถึงจะเคลียร์ได้ก็ต้องใช้หนี้ส่วนหนึ่งอยู่ดี ยังไม่นับว่ามีหลายคดีและแต่ละคดีกินเวลาเป็นปี การมีคดีมากมายส่งผลลบต่อบ.หลายอย่างทั้งการต้องตั้งสำรองจำนวนมาก และการเสียเครดิตทำให้ไม่สามารถกู้ยืมเงินมาทำธุรกิจได้ง่ายนัก
2) ปัจจัยนี้น่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด เนื่องจากบ.นี้น่าจะยังมีสินทรัพย์ที่มีค่าซ่อนอยู่ครับ ซึ่งมันอาจจะมีมูลค่ามากพอที่จะดึงให้คนสนใจที่จะเข้ามาซื้อบ.และ "ปลดปล่อย" มูลค่าของสินทรัพย์เหล่านั้น เท่าที่ผมจำได้จะมีที่ดินผืนใหญ่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาที่บางกระเจ้า ซึ่งบ.เคยประกาศขายมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ขายไม่ได้ และเท่าที่จำได้อีกอย่างหนึ่งก็เหมือนจะมีสินทรัพย์อะไรบางอย่างที่ญี่ปุ่นครับ
3) การใส่เงินเข้ามาทำให้ธุรกิจหลักดำเนินได้ดีขึ้น ผมคิดว่าตรงนี้ก็น่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะบ.ขายเพชรเม็ดงามคือรร.ห้าดาวออกไปหมด ส่วนโครงการบางอย่างก็ยังแทบไม่ได้เพิ่มต้น (โครงการร้อยชักสาม) ส่วนธุรกิจอพาร์ทเมนท์ก็ไม่น่าจะดีนัก
น่าติดตามครับว่าเรื่องราวจะจบอย่างไร บ.นี้จะกลับมาได้จริงหรือแค่ขายฝันขำขำไปวันวันครับ ส่วนเรื่องราวประสบการณ์ของผมกับหุ้นตัวนี้อ่านได้แต่อย่าได้ลอกเลียนแบบเด็ดขาดครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 832
เจอแล้วครับ ผมเคยโพสต์ไว้เมื่อเกือบสองปีก่อน ตอนนั้นเสี่ยทีวีเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุน จัดเป็นหุ้นเปลี่ยนชีวิตตัวหนึ่งสำหรับผมครับ คือมันอาจจะไม่ใช่การเปลี่ยนในแง่มูลค่าหุ้นนะครับ ถึงแม้ปีนั้นพอร์ตจะโตกว่า 200% แต่เป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมการลงทุนมากกว่าครับ แล้วไม่ต้องถามนะครับว่าทำไมถึงซื้อหุ้นตัวนี้ สั้น ๆ ครับ "กกร เก็งกำไร" ครับ สุดท้ายเลยจบที่ต้อง "เกร็ง" ก่อนจะมีกำไรครับ
เพื่อนคนหนึ่งที่ติดหุ้นด้วยกันแล้วหลุดออกมาได้ ตอนหุ้นมันไหลกลับมาที่ 3 สต. ดันมาถามผมอีกว่า "คุณว่าผมกลับไปซื้อคืนดีไหม"
ส่วนอีกคนที่บอกให้ซื้อก่อนข่าวกำไรขายที่ดินจะออก น่าจะได้กำไรไม่มากก็น้อย ก็มาถามผมอีกว่า "แล้ว IEC น่าสนใจมั๊ย"
เพื่อนคนหนึ่งที่ติดหุ้นด้วยกันแล้วหลุดออกมาได้ ตอนหุ้นมันไหลกลับมาที่ 3 สต. ดันมาถามผมอีกว่า "คุณว่าผมกลับไปซื้อคืนดีไหม"
ส่วนอีกคนที่บอกให้ซื้อก่อนข่าวกำไรขายที่ดินจะออก น่าจะได้กำไรไม่มากก็น้อย ก็มาถามผมอีกว่า "แล้ว IEC น่าสนใจมั๊ย"
leky เขียน:ยอมรับว่าเคยมีหุ้นตัวนี้ครับ สมัยที่ยังไม่ค่อยมีความรู้ ด้วยความคิดเพียงแค่ว่าซื้อแล้วขึ้นช่องเดียวก็ขาย ก่อนหน้านี้ก็เคยเล่นแบบนี้กับ W ตัวหนึ่ง เลยคิดว่ากำไรไม่ยาก แต่หารู้ไม่ว่าตอนนั้นส่วนทุนมันกำลังจะติดลบ นั่นแปลว่าบ.จำเป็นจะต้องเพิ่มทุน หลังซื้อไปไม่นานมันก็ติด SP พร้อม ๆ กับประกาศเพิ่มทุน สุดท้ายก็ต้องติดแหง็กอยู่ที่ 3 สต.ต่อหุ้น (ถัวกับหุ้นเพิ่มทุน 1:4 ราคา 1 สต.) ติดอยู่เกือบปี เคยมีบางวันปิดที่ 1 สต.ก็จะเห็นพอร์ตสีแดงแบบติดลบมาก ๆ แบบยากจะทำใจได้ครับ
แต่เพราะหุ้นตัวนี้ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง หลังจากนั้นผมก็มาศึกษาว่าทำไมบ.มันถึงแย่ ถึงเข้าใจปัญหาในหลาย ๆ เรื่อง ยอมรับว่าเป็นบ.หนึ่งที่น่าจะเป็น case study ที่น่าสนใจครับ ปัจจัยที่ทำให้บ.แย่
1) ปัญหาการตั้งสำรองคดีที่ไม่จบไม่สิ้นตั้งแต่ในยุคปี 40 ซึ่งเกิดจากการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งหลังจากที่บ.ออกมาจากแผนฟื้นฟู กลับโดนเจ้าหนี้ทยอยกันฟ้องเอาหนี้คืน ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกเหมือนจะจบไปแล้ว กลายเป็นต้องโดนทั้งหนี้บวกดอกเบี้ยอีกจำนวนมหาศาลเนื่องจากเวลาผ่านมาหลายปี
2) วิสัยทัศน์ของผบห.ในยุคหลังออกจากแผนฟื้นฟู ไปลงทุนในหุ้นหลายตัวในราคาที่ค่อนข้างสูงแล้วผลไม่เป็นไปตามคาด เช่น SYNTEC SIRI BMCL PA ทำให้ต้องขายหุ้นเหล่านี้ในราคาที่ขาดทุนเพื่อนำไปใช้หนี้และสำรองหนี้
3) ธุรกิจหลักเดิมไม่ทำรายได้ที่ดี เช่นอพาร์ทเมนท์ ในขณะที่ธุรกิจที่ลงทุนติดขัด เช่น โครงการร้อยชักสาม ก็มีปัญหาเรื่องการส่งพื้นที่กับทางราชการทำให้เริ่มโครงการไม่ได้
4) ธุรกิจที่เป็นเพชรเม็ดงาม เช่นโรงแรมในระดับห้าดาว เช่น โรงแรมเลอ เมอริเดียน ต้องโดนขายเพื่อที่จะเอามาใช้หนี้และตั้งสำรอง
หลังจากผมถือมาเกือบปีแบบไม่มีทางเลือก วันหนึ่งบ.ก็ส่งจดหมายมาให้ผถห.จะขอมติการขายรร.ที่ภูเก็ตเพื่อเอากำไรไปหักล้างกับหนี้หุ้นกู้ของเลย์แมนฯ ตอนนั้นกำไรจากการขายนอกจากจะหักหนี้ได้แล้ว ยังจะทำให้ส่วนของผถห.กลับมาเป็นบวกมากขึ้น เนื่องจากบ.จะได้กำไรจากการขายหลายร้อยล้านบาท ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องเพิ่มทุนอีกรอบ ตอนนั้นผมหวังในใจลึก ๆ ว่า เป็นโอกาสที่ผมจะ "ปลดแอก" จากหุ้นตัวนี้เสียที ตอนนั้นหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ที่ 2-3 สต. หลังจากงบออกบ.พลิกกลับมามีกำไรราคาหุ้นก็ขยับขึ้นไปสูงสุด 7 สต. ตอนนั้นด้วยความที่ผมติดกับมันมานาน ตอนที่มันขึ้นมาแรก ๆ ผมก็พยายามจะไม่ขายเพราะไหน ๆ ก็เคยถือจนเหลือ 1 สต.ไปแล้ว สุดท้ายผมโชคดีที่ขายหุ้นไปครึ่งหนึ่งตรง 7 สต. ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่เอาไว้ลุ้น แต่สุดท้ายก็ไม่อยากเสี่ยงจึงตัดสินใจปล่อยออกหมดที่ 6 สต. ผมยังจำความรู้สึกตอนที่ตั้งขายหุ้นอีกครึ่งหนึ่งเข้าไปตรงราคา ATC ได้ครับ มันน่าจะเป็นการลุ้นที่ตื่นเต้นครั้งหนึ่งในชีวิตผม ราคา ATC มันขยับไปมาระหว่าง 5 สต.กับ 6 สต. สำหรับผมตอนนั้น 1 สต.มันมีค่าต่างกัน 30% ตอน ATC ที่ 6 สต.เราอยากให้มันหมดเวลา ตอน ATC ที่ 5 สต. เราไม่อยากให้มันหยุดตรงนั้น สุดท้ายมันปิดที่ 6 สต. ผมดีใจมากที่หลุดจากมันเสียทีครับ ทั้ง ๆ ที่ผมก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้มันจะขึ้นไปอีกหรือไม่ แต่สำหรับผม ผมบอกได้คำเดียวว่า "ผมพอแค่นี้"
ประสบการณ์จากการถือ N-PARK ในครั้งนั้น ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ผมยอมรับว่าในปีนั้นหุ้นตัวนี้ทำให้พอร์ตกำไรโตอย่างมาก แต่ถ้าถามว่าให้ผมกลับไปถือแล้วได้กำไรแบบนี้ผมเอาไหม ผมกลับรู้สึกว่าถ้าย้อนเวลาได้ผมจะไม่ซื้อหุ้นตัวนี้ครับ เพราะผมอาจจะโชคดีที่จบแบบสุข แต่มันเป็นอะไรที่คาดการณ์ไม่ได้เลย ถ้าพลาดขึ้นมามันก็อาจจะกลายเป็นหนังคนละม้วน จะว่าไปผมก็เคยซื้อหุ้นหลายตัวที่ผลตอบแทนไม่แพ้กันแต่ความเสี่ยงน้อยกว่ามาก แต่ผลพวงจากการถือหุ้นตัวนี้ ทำให้ผมได้รับสิ่งอื่นตามมาโดยที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน
1) ผมศึกษาหาความรู้หุ้นที่ผมจะซื้อมากขึ้น จากเดิมที่ไม่ค่อยได้ดูเรื่องบัญชีก็ดูมากขึ้น รวมถึงพยายามหาความรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐาน และทำให้วิธีการลงทุนของผมเปลี่ยนไปจากวันนั้นเป็นอย่างมาก
2) จิตใจของผมในการถือหุ้นแข็งแกร่งขึ้นมาก
ยอมรับว่าถึง N-PARK จะเป็นหุ้นเน่า แต่ผมก็ได้อะไรจากหุ้นตัวนี้หลายอย่าง ๆ โดยที่ผมเองก็คิดไม่ถึง และผมก็เข้าใจความรู้สึกของคนที่ถือหุ้นตัวนี้ในวันนี้ว่าคงไม่ต่างจากผมในอดีตครับ ผมไม่ได้คิดว่าผมเก่งที่ทำกำไรจากหุ้นตัวนี้ได้นะครับ แต่ผมคิดว่าผมโชคดีมากกว่าครับ
จริง ๆ วันนี้ผมคุยกับพี่คนหนึ่งถึงหุ้นตัวนี้อีกครั้ง ผมว่ามันน่าสนใจมาก ๆ ว่าทำไมถึงมีคนยอมซื้อหุ้นเพิ่มทุนในจำนวนมหาศาลขนาดนั้น กลุ่มทุนรายใหม่ทำไมถึงกล้าขนาดนั้น ซึ่งคนอื่นอาจจะมองว่าเค้าจะเอาเงินมาทิ้งหรือเปล่า เพราะแม้แต่ผบห.ใหญ่ในปัจจุบันยังขายหุ้นทิ้งไปจนหมด หรือเค้าเห็นอะไรที่คนอื่นไม่เห็น
ในความเห็นผมที่เคยศึกษาหุ้นตัวนี้อยู่ช่วงหนึ่ง ผมคิดว่าปัจจัยที่จะ "ปลดล็อค" หุ้นตัวนี้ อาจจะเป็นไปได้ 3 อย่างครับ
1) เคลียร์คดีฟ้องร้องให้หมด แล้วโอนกลับการตั้งสำรองมหาศาล แต่ความเป็นไปได้ค่อนข้างยากเพราะถึงจะเคลียร์ได้ก็ต้องใช้หนี้ส่วนหนึ่งอยู่ดี ยังไม่นับว่ามีหลายคดีและแต่ละคดีกินเวลาเป็นปี การมีคดีมากมายส่งผลลบต่อบ.หลายอย่างทั้งการต้องตั้งสำรองจำนวนมาก และการเสียเครดิตทำให้ไม่สามารถกู้ยืมเงินมาทำธุรกิจได้ง่ายนัก
2) ปัจจัยนี้น่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด เนื่องจากบ.นี้น่าจะยังมีสินทรัพย์ที่มีค่าซ่อนอยู่ครับ ซึ่งมันอาจจะมีมูลค่ามากพอที่จะดึงให้คนสนใจที่จะเข้ามาซื้อบ.และ "ปลดปล่อย" มูลค่าของสินทรัพย์เหล่านั้น เท่าที่ผมจำได้จะมีที่ดินผืนใหญ่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาที่บางกระเจ้า ซึ่งบ.เคยประกาศขายมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ขายไม่ได้ และเท่าที่จำได้อีกอย่างหนึ่งก็เหมือนจะมีสินทรัพย์อะไรบางอย่างที่ญี่ปุ่นครับ
3) การใส่เงินเข้ามาทำให้ธุรกิจหลักดำเนินได้ดีขึ้น ผมคิดว่าตรงนี้ก็น่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะบ.ขายเพชรเม็ดงามคือรร.ห้าดาวออกไปหมด ส่วนโครงการบางอย่างก็ยังแทบไม่ได้เพิ่มต้น (โครงการร้อยชักสาม) ส่วนธุรกิจอพาร์ทเมนท์ก็ไม่น่าจะดีนัก
น่าติดตามครับว่าเรื่องราวจะจบอย่างไร บ.นี้จะกลับมาได้จริงหรือแค่ขายฝันขำขำไปวันวันครับ ส่วนเรื่องราวประสบการณ์ของผมกับหุ้นตัวนี้อ่านได้แต่อย่าได้ลอกเลียนแบบเด็ดขาดครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 833
คำสอนนี้ของ อ. ให้ประโยชน์กับผมมากในการเลือกหุ้นleky เขียน:"หลีกเลี่ยงหุ้นที่ active ในห้องร้อยคนฯ เพราะถ้าไม่เป็นไปตามความคาดหวัง ศรนั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายเรา"
หุ้น Market Cap หลักพันล้านถึงหมื่นล้านต้นๆ ปกติจะแทบไม่มีต่างชาติ ไม่มีกองทุนสนใจอยู่แล้ว แปลว่าคนที่จะถือยาวก็มีแต่นักลงทุนรายย่อย รายใหญ่วีไอ เท่านั้น!!
ทีนี้ถ้าไปซื้อหลังจากที่ Celeb + CI ซื้อกันไปเต็มที่แล้ว (จากนั้นก็มา "ส่งต่อ" ข้อดีต่างๆ ให้ เผื่อว่าใครอาจจะยังไม่ทราบ) คำถามคือ แล้วเราจะไปขายใครได้ต่อดีในราคาที่สูงกว่าที่เราซื้อมา ยกเว้นว่าพื้นฐานมันจะดีกว่าเดิม (ที่คาดว่าดีอยู่แล้ว) ขึ้นไปได้อีกมากๆ
เดี๋ยวนี้เวลาเลือกหุ้น ผมจึงเน้นหุ้นประเภทที่ยังไม่ hot อาศัยมองภาพใหญ่แล้วโยงให้ได้ว่าหุ้นตัวไหนจะได้ประโยชน์ กำไรเติบโตได้ในอนาคต
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 834
แหม่... อ.leky เล่นส่งเบิ้ลเลยนะครับ ท่าจะประทับใจเรื่องนี้มากๆ เลยใช่มั้ยครับเนี่ย
ความแตกต่างระหว่าง 5 กับ 6 สต. ในครั้งนั้น พอจะแลกกับ City Car สักคันได้มั้ยครับ อ.
มันก็ถูกตามตำราครับ แต่ผมตีความไม่รอบคอบเอง บางครั้งไปเข้าใจผิดว่า งั้นถ้าบริษัทมีหนี้สินต่อทุนต่ำก็ต้องแปลว่ามันเป็นบริษัทที่ดีด้วยสิ
ตอนหลังเพิ่งจะมาสังเกตว่า บริษัทหลายแห่งหนี้สินต่อทุนต่ำ เพราะไม่มีเครดิตกับสถาบันการเงิน
ถ้าตอนนั้นบังเอิญว่าไฟฟ้าดับพอดี สงสัยว่าอ.คงต้องขว้างคอมฯ ทิ้งแหงๆleky เขียน:ผมยังจำความรู้สึกตอนที่ตั้งขายหุ้นอีกครึ่งหนึ่งเข้าไปตรงราคา ATC ได้ครับ มันน่าจะเป็นการลุ้นที่ตื่นเต้นครั้งหนึ่งในชีวิตผม ราคา ATC มันขยับไปมาระหว่าง 5 สต.กับ 6 สต. สำหรับผมตอนนั้น 1 สต.มันมีค่าต่างกัน 30% ตอน ATC ที่ 6 สต.เราอยากให้มันหมดเวลา ตอน ATC ที่ 5 สต. เราไม่อยากให้มันหยุดตรงนั้น สุดท้ายมันปิดที่ 6 สต. ผมดีใจมากที่หลุดจากมันเสียทีครับ ทั้ง ๆ ที่ผมก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้มันจะขึ้นไปอีกหรือไม่ แต่สำหรับผม ผมบอกได้คำเดียวว่า "ผมพอแค่นี้"
ความแตกต่างระหว่าง 5 กับ 6 สต. ในครั้งนั้น พอจะแลกกับ City Car สักคันได้มั้ยครับ อ.
อย่างว่าล่ะครับ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษleky เขียน:ประสบการณ์จากการถือ N-PARK ในครั้งนั้น ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ผมยอมรับว่าในปีนั้นหุ้นตัวนี้ทำให้พอร์ตกำไรโตอย่างมาก แต่ถ้าถามว่าให้ผมกลับไปถือแล้วได้กำไรแบบนี้ผมเอาไหม ผมกลับรู้สึกว่าถ้าย้อนเวลาได้ผมจะไม่ซื้อหุ้นตัวนี้ครับ เพราะผมอาจจะโชคดีที่จบแบบสุข แต่มันเป็นอะไรที่คาดการณ์ไม่ได้เลย ถ้าพลาดขึ้นมามันก็อาจจะกลายเป็นหนังคนละม้วน จะว่าไปผมก็เคยซื้อหุ้นหลายตัวที่ผลตอบแทนไม่แพ้กันแต่ความเสี่ยงน้อยกว่ามาก แต่ผลพวงจากการถือหุ้นตัวนี้ ทำให้ผมได้รับสิ่งอื่นตามมาโดยที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน
สมัยก่อน เวลาดู D/E ผมก็อาศัยท่องตามตำราว่า บริษัทที่ดีควรมีหนี้สินต่อทุนต่ำleky เขียน:1) เคลียร์คดีฟ้องร้องให้หมด แล้วโอนกลับการตั้งสำรองมหาศาล แต่ความเป็นไปได้ค่อนข้างยากเพราะถึงจะเคลียร์ได้ก็ต้องใช้หนี้ส่วนหนึ่งอยู่ดี ยังไม่นับว่ามีหลายคดีและแต่ละคดีกินเวลาเป็นปี การมีคดีมากมายส่งผลลบต่อบ.หลายอย่างทั้งการต้องตั้งสำรองจำนวนมาก และการเสียเครดิตทำให้ไม่สามารถกู้ยืมเงินมาทำธุรกิจได้ง่ายนัก
มันก็ถูกตามตำราครับ แต่ผมตีความไม่รอบคอบเอง บางครั้งไปเข้าใจผิดว่า งั้นถ้าบริษัทมีหนี้สินต่อทุนต่ำก็ต้องแปลว่ามันเป็นบริษัทที่ดีด้วยสิ
ตอนหลังเพิ่งจะมาสังเกตว่า บริษัทหลายแห่งหนี้สินต่อทุนต่ำ เพราะไม่มีเครดิตกับสถาบันการเงิน
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 835
"จงระลึกไว้เสมอว่า ข่าวเรื่อง Celeb เข้าซื้อหุ้นตัวใดก็ตาม ถ้าเราได้ยินแล้วไซร้ จงคิดไว้ว่าเรามักจะเป็นคนท้าย ๆ แล้ว" นั่นแปลว่าเราเอามาศึกษาได้ แต่ราคา ณ ขณะนั้น มัน under, fair, over มันอยู่ที่เราแล้ว เพราะเกือบร้อยทั้งร้อยเรามักไม่รู้ราคาต้นทุนที่แท้จริงของ Celeb บางครั้งเลยทำให้หลายคนคิดว่า ถ้าเค้าซื้อหุ้นตัวนี้ ณ เวลานี้ เค้าน่าจะเป็น CI ไม้แรก ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วมันอาจจะเป็นไม้ท้าย ๆ เข้าไปแล้วก็ได้ บางทีแค่ฟังแนวคิดว่าทำไมเค้าถึงสนใจหุ้นตัวนี้ วันหลังถ้าเราเจอบ้างก็ไม่ต้องเป็น CI แต่จงเดินเข้าไปเคาะขวาก่อนเป็นคนแรกดำ เขียน: ทีนี้ถ้าไปซื้อหลังจากที่ Celeb + CI ซื้อกันไปเต็มที่แล้ว (จากนั้นก็มา "ส่งต่อ" ข้อดีต่างๆ ให้ เผื่อว่าใครอาจจะยังไม่ทราบ) คำถามคือ แล้วเราจะไปขายใครได้ต่อดีในราคาที่สูงกว่าที่เราซื้อมา ยกเว้นว่าพื้นฐานมันจะดีกว่าเดิม (ที่คาดว่าดีอยู่แล้ว) ขึ้นไปได้อีกมากๆ
แต่สำหรับ CI บางกลุ่ม เค้าอาจจะไม่ได้คิดอะไรมาก คล้าย ๆ กับเวลาที่นักเก็งกำไรเห็นหุ้นอะไรก็ตามที่มันกระพริบ ๆ แบบกำลังไล่ราคาเค้าก็คิดว่าเค้าแค่กระโดดเกาะไป ถ้าเห็นท่าจะไม่ดีหรือหุ้นมันลงเค้าก็กระโดดออก
แต่ที่แสบสุดคือ Celeb ให้ข้อมูลว่าหุ้นตัวนี้มันดี แต่ราคาไหลลงเรื่อย ๆ แต่ก็ยังยืนยันว่าหุ้นมันดี๊ดี สุดท้ายเค้าก็หายไปพร้อมกับชื่อในผถห.ใหญ่ จริง ๆ จะว่าเค้าก็ไม่ได้ คนฟังอาจจะหูเบาเกินไป เจอแบบนี้จงว่าตัวเอง อย่าไปว่าเค้า เจ็บแล้วก็จำ จะว่าไปถ้าขายแล้วปล่อยมันไหลลง จะ "สง่างาม" กว่าออกมาบอกว่ามันดีโน่นดีนี่ด้วยซ้ำ
บางครั้งการเสพข้อมูล ผมคิดว่าพยายามเน้นข้อมูลที่เป็น "ข้อเท็จจริง" มากกว่า "ความคิดเห็น" แล้วเรามาสรุปเป็นความคิดเห็นของตัวเอง น่าจะเกิดประโยชน์มากกว่า
"Become a risk taker, not a risk maker"
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 837
ประมาณว่า ให้โปรตีน อิ่มสบายท้อง ใช่มั้ยครับleky เขียน:แต่ที่แสบสุดคือ Celeb ให้ข้อมูลว่าหุ้นตัวนี้มันดี แต่ราคาไหลลงเรื่อย ๆ แต่ก็ยังยืนยันว่าหุ้นมันดี๊ดี สุดท้ายเค้าก็หายไปพร้อมกับชื่อในผถห.ใหญ่ จริง ๆ จะว่าเค้าก็ไม่ได้ คนฟังอาจจะหูเบาเกินไป เจอแบบนี้จงว่าตัวเอง อย่าไปว่าเค้า เจ็บแล้วก็จำ จะว่าไปถ้าขายแล้วปล่อยมันไหลลง จะ "สง่างาม" กว่าออกมาบอกว่ามันดีโน่นดีนี่ด้วยซ้ำ
สงสัย Celeb แบบที่ว่านี้เคยทำงานเป็นนักวิเคราะห์โบรกมาก่อนด้วยรึเปล่าครับ สไตล์การให้คำแนะนำเหมือนกันเลย
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 838
ผมเจอหุ้นที่มีคุณสมบัติตามที่ว่าแล้วนะครับ มีบ.ลูกทำเสาโครงเหล็ก (spin-off ไปแล้ว) และมีบ.ลูกอีกแห่งเป็นโรงไฟฟ้าdr1 เขียน:อี2.5เนี่ยมันชื่อ "อยู่ตำ" ทำรับเหมาคล้ายdamncompanyฮะ แถมยังถือหุ้น80%ในโรงไฟฟ้าชื่อ"ธิดา" อีก
แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเพิ่มค่าให้แม่มเท่าไหร่นะฮะ เพราะเวลาปั่นออก(spin-off)แล้ว ปกติลูกน่าสนกว่าแม่มมั้ยฮะ
รึว่าควรจีบแม่หวังได้ลูก
แต่นึกไม่ออกว่าชื่อบริษัทมันสัมพันธ์กับ "อยู่ตำ" หรือ "ธิดา" ตรงไหน?
ถ้าผมเจอไม่ผิดตัว บ.นี้ก็เคยเอาลูกเข้าตลาด MAI มา 2 ตัวแล้วนี่ครับ
บ.แม่รายได้เหมือนจะโตทุกปี แต่จะหากำไรนั้นยากเหลือเกินครับ
รายชื่อผู้ถือหุ้นก็ยังกับงานชุมนุมมังกรซ่อนพยัคฆ์ยังไงยังงั้น
ถ้าช่วงไหนชีวิตมันเซ็งๆ แต่ขี้เกียจไปนั่งรถไฟเหาะ ลองตีตั๋วตัวนี้แทนก็น่าจะได้ Feeling ไม่แพ้กันนะครับ
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 839
ข้อ2.5 มันเปนหุ้นลูกกที่อยู่นอกตลาดของบ.สามารถ ใช่ป่ะครับหมอ1
บ.นอกตลาดของสามารถ มีทั้งโรงไฟฟ้าที่กัมพูชา,ม บ.รับเหมา แต่ผมจำชื่อบ.ไม่ได้
ช่วงนี้รอ งบQ3ออกฮ่ะ ค่อยช็อป
บ.นอกตลาดของสามารถ มีทั้งโรงไฟฟ้าที่กัมพูชา,ม บ.รับเหมา แต่ผมจำชื่อบ.ไม่ได้
ช่วงนี้รอ งบQ3ออกฮ่ะ ค่อยช็อป
You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 840
หุ้นของคุณดำ ไม่น่าจะใช่ครับ เพราะโรงไฟฟ้าของเค้ามันเล็ก ขายไฟให้บ.กระเบื้องอะไรทำนองนั้น แต่โรงใหม่อันนี้ไม่รู้นะครับ แต่ว่าบ.นี้เค้ามีลักษณะเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ ชอบแจก W อย่างตัวล่าสุดที่เพิ่งเข้ามานี่ ผมว่าไม่เกิน 5 ปี ได้เห็น W แน่ เพราะตัวแม่นี่ก็เล่นมา 3 ชุดแล้ว ตัวลูกที่ชื่อเหมือนโรงเรียนก็เอาไป 1 ชุด ส่วนบ.ย่อยที่รับเหมาอีกตัวหนึ่งก็มีกับเค้าเหมือนกัน ครัังก่อนก็เล่นตั้งสำรองจนรายย่อยแทบกระอักเลือด
ส่วนหุ้นของน้อง romee เคยได้ยินมานานแล้วว่ามีโรงไฟฟ้าที่ประเทศเพื่อนบ้าน แต่ไม่แน่ใจว่ามันจะใหญ่มากขนาดไหน และจะมีแผนเอาเข้าตลาดจริงหรือไม่ จริง ๆ หุ้น CAN นี่ก็เป็นตัวหนึ่งที่ผมตกรถตั้งแต่ราคาไม่เกิน 15 บาทครับ ตอนนั้นเงินไปจมกับหุ้นรับเหมาตัวที่ว่า ตอนนั้นแค่บ.ย่อยของหุ้น CAN สองตัวในตลาดมูลค่ารวม ๆ เมื่อเทียบกับแม่แล้วถือว่าแม่ราคาถูกมากครับ ตอนนั้นก็มองว่าสมาร์ทโฟนราคาถูกคงขายดีในระดับรากหญ้าด้วย ตอนหลังก็มีพวกกองทุนเข้ามาเก็บ แล้วก็ให้เป้าในตอนนั้นเกือบ 30 บาท
ตัวใบ้ของอ.หนึ่งนี่ไม่ธรรมดาครับ ทำให้คนอ่านต้องไปตีความกระจายไปอีกมาก ช่วยเฉลยด่วนครับ
ส่วนหุ้นของน้อง romee เคยได้ยินมานานแล้วว่ามีโรงไฟฟ้าที่ประเทศเพื่อนบ้าน แต่ไม่แน่ใจว่ามันจะใหญ่มากขนาดไหน และจะมีแผนเอาเข้าตลาดจริงหรือไม่ จริง ๆ หุ้น CAN นี่ก็เป็นตัวหนึ่งที่ผมตกรถตั้งแต่ราคาไม่เกิน 15 บาทครับ ตอนนั้นเงินไปจมกับหุ้นรับเหมาตัวที่ว่า ตอนนั้นแค่บ.ย่อยของหุ้น CAN สองตัวในตลาดมูลค่ารวม ๆ เมื่อเทียบกับแม่แล้วถือว่าแม่ราคาถูกมากครับ ตอนนั้นก็มองว่าสมาร์ทโฟนราคาถูกคงขายดีในระดับรากหญ้าด้วย ตอนหลังก็มีพวกกองทุนเข้ามาเก็บ แล้วก็ให้เป้าในตอนนั้นเกือบ 30 บาท
ตัวใบ้ของอ.หนึ่งนี่ไม่ธรรมดาครับ ทำให้คนอ่านต้องไปตีความกระจายไปอีกมาก ช่วยเฉลยด่วนครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"