VI หาดใหญ่
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 783
มองในแง่พื้นฐาน ถ้ามีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนก็โอเคครับ แต่ถ้าออก W แบบไม่มีเหตุผล แบบออกแล้วออกอีกชุด 1..2..3... ไปเรื่อย ๆ แบบนี้ผมว่าเหมือนผบห.ตั้งใจจะทำเพื่อตัวเองมากกว่า ยิ่ง W อายุนานผิดปกติอันนี้ยิ่งน่าสงสัย แล้วประเภทแจก W ให้ตัวเองในราคาต่ำ ๆ โดยไม่มีเหตุผลอันควรก็เช่นกัน โดยมักจะอ้างว่าแจกให้พนักงานแต่จริง ๆ ตัวเองก็ได้ด้วยดำ เขียน:อ.leky ครับ ผมกำลังศึกษา case ของบริษัทที่มีการเพิ่มทุน (+ แจก Warrant) อยู่
ไม่ทราบว่าอ.พอจะมีไอเดียเกี่ยวกับประเด็นนี้ที่จะเล่าสู่กันฟังบ้างมั้ยครับ ขอเป็นทั้งในด้านดีด้านร้ายเลยครับ
มองในแง่จิตวิทยา
1) แจก W หุ้นขึ้น เพราะนลท.จะรู้สึกว่าเหมือน บ.แจกเงินให้ เพราะต้องเข้าใจว่าคนที่ได้ W มาฟรี น้อยนักที่จะถือไปเพื่อนำไปแปลงเป็นหุ้นแม่ ส่วนใหญ่มักขายเอา capital gain ขนาดผบห.ก็ยกเอามาขายให้เห็นกันบ่อย ๆ
2) แจก W + เพิ่มทุนแบบออกหุ้นลูก หุ้นอาจจะไม่ลงหรือไม่ขึ้น ขึ้นอยู่กับว่าสัดส่วนตรงไหนมากกว่ากัน
3) เพิ่มทุนแบบหุ้นลูกอย่างเดียว หุ้นมักจะลง ยิ่งออกหุ้นเพิ่มทุนมากยิ่งมีผลต่อราคามาก
"Become a risk taker, not a risk maker"
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 785
อันนี้คุยกันเล่นๆ นะครับ อ.leky เขียน:วันนั้นเฉย ๆ เลยนะครับ รับหุ้นบางตัวเข้ามาเพิ่มอีกหน่อย รอช่วงปลายปีอาจจะมีอะไรดี ๆ ก็ได้ครับ ต่างชาติหยุดเที่ยว เงิน LTF เข้าตลาด
ผมว่าไม่ต้องรอเงิน LTF หรอกครับ ตอนนี้ Trigger Fund ออกใหม่กำลังรอเข้าตลาดหลายกองหลายพันล้านบาทอยู่ครับ สไตล์กองดูง่ายครับ ขึ้นมากหน่อยขาย ลงมากหน่อยซื้อ แถมชอบ action แบบพร้อมใจกันด้วย เป็นแบบนี้มานานแล้วครับ

- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 786
อ่านบทความของคุณหมอก๊อบเรื่องนี้แล้ว ชวนให้สงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า อ.leky กับหมอก๊อบนี่เป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกันรึเปล่าครับผม
ปลายทางของการวิเคราะห์หุ้นต้องจบด้วยแผนการซื้อขาย
https://www.facebook.com/MindInvesting/ ... 2036679382

ปลายทางของการวิเคราะห์หุ้นต้องจบด้วยแผนการซื้อขาย
https://www.facebook.com/MindInvesting/ ... 2036679382
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 787
ผมคงเขียนบทความแบบนี้ไม่ได้หรอกครับดำ เขียน:อ่านบทความของคุณหมอก๊อบเรื่องนี้แล้ว ชวนให้สงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า อ.leky กับหมอก๊อบนี่เป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกันรึเปล่าครับผม![]()

เพราะหลัง ๆ ยิ่งอยู่ในตลาดไปนาน ๆ ยิ่งรู้สึกว่า "ทำยังไงก็ได้ขอให้ยังคงได้กำไรและเอาตัวรอดได้" น่ะครับ
พอดีเมื่อต้นอาทิตย์ยุ่ง ๆ น่ะครับ วันที่หุ้นตกหนัก ๆ เมื่อวันจันทร์ก็ดูนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก ถึงแม้มูลค่านับจากช่วงพีค ๆ มันจะหายไปพอสมควร คือผมว่ายิ่งอยู่นานไป ยิ่งอยาก "ขยับตัว" น้อยน่ะครับ ไม่อยากไปเต้นตามตลาดมาก ตกเย็นวันนั้นน้องที่รู้จักกันก็โทรมาถามว่าหุ้นที่ถือ ๆ อยู่นี่ยังถืออยู่ใช่ไหม เพราะดูสัญญาณไม่ค่อยจะดี ก็เลยบอกน้องเค้าไปว่าเวลาหุ้นตกแรง ๆ สัญญาณทางเทคนิคมันก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ
ตอนนี้ก็เล็ง ๆ ว่าจะซื้อ LTF น่ะครับ พอดีผมซื้อไว้ครั้งแรกตอนปี 51 ปกติซื้อปลายปีตอนธ.ค.แล้วพอครบ 5 ปี ปฏิทินก็ขาย แบบว่าเลยปีใหม่มาไม่กี่วันก็ขายเลย

"Become a risk taker, not a risk maker"
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 788
LTF ต่อมาตรการหลังปี 59 แล้วนะครับ
แต่เปลี่ยนจากรอบ 5 ปี เป็น 7 ปีครับ
แต่เปลี่ยนจากรอบ 5 ปี เป็น 7 ปีครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 790
ใช้บริการ LTF ของค่ายไหนกันบ้างครับ ของผมก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แต่จะซื้อปีละ 2 กอง กันการผิดพลาดแต่ 3 ปีที่ผ่านมาเจ้าหลักก็จะเป็น เจ้ากรุงเก่า เพราะผลตอบแทนตั้งแต่ก่อตั้งมาก็โอเค ช่วงหลัง ๆ ถึงจะตกลงไปบ้างก็ยังโอเคครับ ส่วนที่เหลือก็ค่าย A กับ U กับค่ายนักรบ แต่ของค่ายนักรบนี่เป็นกองซื้ออิง SET50 ซึ่งหลัก ๆ จะเป็นหุ้นพลังงานซึ่งช่วง 2-3 ปี หลังมันนิ่ง ๆ ไม่ค่อยไปไหน ผลตอบแทนก็เลยกลาง ๆ
แต่เท่าที่สังเกตหลายกองนี่บางปีก็ดีมากบางปีก็ตกลงไป คาดการณ์ยากครับ แต่ปีนี้รู้สึกกองที่เน้นหุ้นแบงค์จะผลตอบแทนดี แต่ผมจะดูที่ผลตอบแทนที่เค้าทำได้แบบยาว ๆ คือ 5 ปีขึ้นไปครับ
แต่เท่าที่สังเกตหลายกองนี่บางปีก็ดีมากบางปีก็ตกลงไป คาดการณ์ยากครับ แต่ปีนี้รู้สึกกองที่เน้นหุ้นแบงค์จะผลตอบแทนดี แต่ผมจะดูที่ผลตอบแทนที่เค้าทำได้แบบยาว ๆ คือ 5 ปีขึ้นไปครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 791
ผมให้แฟนซื้อของกรุงศรีครับ, ถ้าตัวดีๆ ก็ของ กรุงศรี กรุงเทพleky เขียน:ใช้บริการ LTF ของค่ายไหนกันบ้างครับ ของผมก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แต่จะซื้อปีละ 2 กอง กันการผิดพลาดแต่ 3 ปีที่ผ่านมาเจ้าหลักก็จะเป็น เจ้ากรุงเก่า เพราะผลตอบแทนตั้งแต่ก่อตั้งมาก็โอเค ช่วงหลัง ๆ ถึงจะตกลงไปบ้างก็ยังโอเคครับ ส่วนที่เหลือก็ค่าย A กับ U กับค่ายนักรบ แต่ของค่ายนักรบนี่เป็นกองซื้ออิง SET50 ซึ่งหลัก ๆ จะเป็นหุ้นพลังงานซึ่งช่วง 2-3 ปี หลังมันนิ่ง ๆ ไม่ค่อยไปไหน ผลตอบแทนก็เลยกลาง ๆ
แต่เท่าที่สังเกตหลายกองนี่บางปีก็ดีมากบางปีก็ตกลงไป คาดการณ์ยากครับ แต่ปีนี้รู้สึกกองที่เน้นหุ้นแบงค์จะผลตอบแทนดี แต่ผมจะดูที่ผลตอบแทนที่เค้าทำได้แบบยาว ๆ คือ 5 ปีขึ้นไปครับ
เคยเข้าไปดูตัวหุ้นที่เขาถือเยอะๆ ก็ไม่ต่างกันเท่าไรนะพี่หมอ
แต่ถ้าเป็นกองทุนหุ้น อันนี้เคยไปฟังของประกัน AIA unit link เขาใช้ของ อะเบอดีน สมอลแคป, กับกรุงศรี
ลองเข้าไปดูรายชื่อหุ้น กับ แนวการลงทุน ของ อะเบอดีน สมอลแคป เจ๋งดีนะพี่ เน้น mrket cap ไม่เกิน2หมื่นล้าน, มีgrowth
You only live once, but if you do it right, once is enough.
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 792
ตอนนี้ว่างละครับ จะมาเม้ามอย เรื่องธุรกิจsolar ในเมืองไทย ในฐานะที่ผมทำบ.เกี่ยวกับ solar rooftopมาปีกว่าละ(ถือโอกาสขายของ 55555) และพี่หมอหนึ่งบอกกึ่งบังคับให้มาแลกเปลี่ยนข้อมูล
solar farm มันคือธุรกิจสัมปทานครับ irr ที่เพื่อนๆผมทำกันก็ไม่เกิน 15% (10-12% โดยเฉลี่ย)แต่เขาใช้การกู้เงิน ไม่ได้ควักเงินตัวเอง
ทำขึ้นมาเปลี่ยนมือ เปลี่ยนเจ้าของก็เยอะ ไม่รอเงินอนาคตแล้ว ขายขาดเลยให้กลุ่มทุนใน และต่างประเทศมาซื้อ เงินขาว เงินเทาไรก็ไม่รู้
คำพูดส่วนใหญ่ในการระดมทุน หรือขอกู้คือ ดีกว่าฝากแบงค์ และพันธบัตร....
ส่วนตัวที่ผมว่ามีโอกาสโตได้จริงๆ แล้วรัฐไม่ต้องสปอยมากเกินไป ก็คือ solar rooftop แบบใช้เองโดยไม่ต้องอุดหนุนเงินแบบโครงการsolar rooftop
เพียงแต่ให้ทางการไฟฟ้าทำระบบ smart grid (ซึ่งตอนนี้ก็กำลังทำอยู่) แล้วเราก็ติดตั้งใช้เอง และหักล้างไปกับค่าไฟที่ใช้ตอนกลางคืน (ไม่ต้องมีแบต เป็นระบบ ongrid) เรื่องจุดคุ้มทุนก็ประมาณ 6-10ปี แล้วแต่ราคาต้นทุนสินค้าเลยครับ
แต่ถ้ามองในเรื่องหุ้น...คือบ.ขาดทุน รายได้ไม่สม่ำเสมอ ก็มาปัดฝุ่น มีรายได้เข้ามาประจำ ขี้หมูขี้หมา irr 8-12% ถ้าทำโซลาฟาร์ม ยากแค่หาบ.ที่มีใบอนุญาตอยู่แล้ว กับกู้เงินมาให้ได้
ปล.ถ้าพี่ๆ หรือเพื่อนท่านใด สนใจติดใช้เองได้จริงบนหลังคา หลังไมค์โลดนะครับ ให้คำปรึกษาและสำรวจฟรี ถึงบ้านเลยฮ่ะ แลกกับหุ้นสักตัวก็พอ
solar farm มันคือธุรกิจสัมปทานครับ irr ที่เพื่อนๆผมทำกันก็ไม่เกิน 15% (10-12% โดยเฉลี่ย)แต่เขาใช้การกู้เงิน ไม่ได้ควักเงินตัวเอง
ทำขึ้นมาเปลี่ยนมือ เปลี่ยนเจ้าของก็เยอะ ไม่รอเงินอนาคตแล้ว ขายขาดเลยให้กลุ่มทุนใน และต่างประเทศมาซื้อ เงินขาว เงินเทาไรก็ไม่รู้

คำพูดส่วนใหญ่ในการระดมทุน หรือขอกู้คือ ดีกว่าฝากแบงค์ และพันธบัตร....
ส่วนตัวที่ผมว่ามีโอกาสโตได้จริงๆ แล้วรัฐไม่ต้องสปอยมากเกินไป ก็คือ solar rooftop แบบใช้เองโดยไม่ต้องอุดหนุนเงินแบบโครงการsolar rooftop
เพียงแต่ให้ทางการไฟฟ้าทำระบบ smart grid (ซึ่งตอนนี้ก็กำลังทำอยู่) แล้วเราก็ติดตั้งใช้เอง และหักล้างไปกับค่าไฟที่ใช้ตอนกลางคืน (ไม่ต้องมีแบต เป็นระบบ ongrid) เรื่องจุดคุ้มทุนก็ประมาณ 6-10ปี แล้วแต่ราคาต้นทุนสินค้าเลยครับ

แต่ถ้ามองในเรื่องหุ้น...คือบ.ขาดทุน รายได้ไม่สม่ำเสมอ ก็มาปัดฝุ่น มีรายได้เข้ามาประจำ ขี้หมูขี้หมา irr 8-12% ถ้าทำโซลาฟาร์ม ยากแค่หาบ.ที่มีใบอนุญาตอยู่แล้ว กับกู้เงินมาให้ได้
ปล.ถ้าพี่ๆ หรือเพื่อนท่านใด สนใจติดใช้เองได้จริงบนหลังคา หลังไมค์โลดนะครับ ให้คำปรึกษาและสำรวจฟรี ถึงบ้านเลยฮ่ะ แลกกับหุ้นสักตัวก็พอ

You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 794
ผมว่าฟังดูมันก็เหมือนธุรกิจที่อาจจะไม่ได้โตอะไรมากนะครับ เพียงแต่กระแสมันขายได้ กระตุ้นราคาหุ้นได้ คือถ้าจะโตก็คงต้องเพิ่มขนาดของโซลาร์ฟาร์มให้ใหญ่ขึ้น แต่รายได้ต่อหน่วยถ้าเริ่มจ่ายไฟแล้วมันคงไม่ได้เพิ่มขึ้นมากมาย
ดูแล้วพวกบ.ที่กิจการมีปัญหา ถ้าสามารถหาเงินมาซื้อโซลาร์ฟาร์มจากเจ้าอื่นได้ มันก็กลายเป็นพื้นฐานเปลี่ยนทันที
ดูแล้วพวกบ.ที่กิจการมีปัญหา ถ้าสามารถหาเงินมาซื้อโซลาร์ฟาร์มจากเจ้าอื่นได้ มันก็กลายเป็นพื้นฐานเปลี่ยนทันที
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 795
โบรกญี่ปุ่นที่ผมใช้บริการ มีบริการซื้อขายกองทุน พร้อมการวิเคราะห์ให้ด้วย แต่ไม่รู้เค้าเอาเกณฑ์อะไรมาวัดนะครับ เพราะของกรุงศรีนี่ ย้อนหลัง 5 ปี สูง แต่ติดอันดับ 12romee เขียน: ผมให้แฟนซื้อของกรุงศรีครับ, ถ้าตัวดีๆ ก็ของ กรุงศรี กรุงเทพ
เคยเข้าไปดูตัวหุ้นที่เขาถือเยอะๆ ก็ไม่ต่างกันเท่าไรนะพี่หมอ
แต่ถ้าเป็นกองทุนหุ้น อันนี้เคยไปฟังของประกัน AIA unit link เขาใช้ของ อะเบอดีน สมอลแคป, กับกรุงศรี
ลองเข้าไปดูรายชื่อหุ้น กับ แนวการลงทุน ของ อะเบอดีน สมอลแคป เจ๋งดีนะพี่ เน้น mrket cap ไม่เกิน2หมื่นล้าน, มีgrowth
1 BBLAM B-LTF กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว 27,044 (ขนาดกองทุน) ไม่ปันผล 37.181 (์NAV) 12.19% (1ปี) 114.67% (3ปี) 184.86% (5ปี)
2 UOBAMTH CG-LTF กองทุนเปิด บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว 1,911 ไม่ปันผล 48.93 15.83 129.65 181.69 กองนี้มีค่าธรรมเนียมเวลาซื้อ
3 ABERDEEN ABLTF กองทุนเปิด อเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว 9,280 ไม่ปันผล 45.599 10.44 99.37 179.63
12 KSAM KFLTFDIV กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล 25,840 ปันผล 27.579 5.79 84.07 195.46
ส่วนกองหุ้นก็อย่างที่น้อง romee บอก ผมยังแนะนำให้คนที่ ๆ ทำงานที่เล่นหุ้นไม่เป็นเอาเงินไปซื้อกองทุนพวกนี้เลยครับ ดีไม่ดีผลตอบแทนดีกว่าคนที่เล่นเองเสียอีก
1 ABERDEEN ABSM กองทุนเปิด อเบอร์ดีนสมอลแค็พ 4,645 ไม่ปันผล 44.745 15.13 109.83 240.12
2 BBLAM BTP กองทุนเปิดบัวหลวงทศพล 5,359 ไม่ปันผล 36.476 7.87 133.10 204.59
3 BBLAM BTK กองทุนเปิดบัวหลวงธนคม 1,785 ไม่ปันผล 19.661 11.15 114.57 194.33
"Become a risk taker, not a risk maker"
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 796
เคยถามเจ้าของแผงจากจีน ว่ามองเมืองไทยยังไง เขามองว่า ถ้าเทียบกันในย่านนี้ ไทยดีสุด ในธุรกิจโซลาฟาร์ม ไม่ว่าจะเงินถึง ความรู้ของช่างและวิศวในการติดตั้งถึง และเทคโนโลยี่ถึง...ดำ เขียน:งั้นขอถามท่าน romee ครับ
มีความคิดเห็นยังไงกับบ.ในไทยที่จะไปทำโซล่าร์ฟาร์มต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง ลาว กัมพูชา
บ.ไทยมี competitive edge อะไรที่บ.ในประเทศนั้นๆ ไม่มีครับ
ส่วนพวกที่ไปทำsolar farm ต่างประเทศ...ผมไม่รู้จริงๆครับ เท่าที่รู้แบบหางอึ่งของผมก็คือ ถ้าเป็นประเทศเจริญแล้ว ก็เพราะเขาอยากขายแผง ขายของๆเขา แต่หาช่างแรงงานไม่ได้
ถ้าประเทศกำลังพัฒนาที่จ้างเราไป ก็ขายสัมปทาน หาเงินทุนมาลงทุนในประเทศ เผื่อจะมีเงินเข้ามาในประเทศ และเกิดการจ้างงานในนั้น เพราะไอ้ที่เข้าไปทำอ่ะ สร้างเสร็จก็กลับ ยังไงก็ต้องจ้างคนในนั้นเฝ้า และดูแลครับ
You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 1959
- ผู้ติดตาม: 1
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 797
ขอถามคุณ romee หน่อยครับ
คิดว่าต่อไปในอนาคต เมืองไทยจะมีโอกาสเป็นเหมือน Link ด้านล่างหรือเปล่าครับ
และจะมีปัจจัยที่ขัดขวางไม่ให้ปริมาณการใช้ Solar cell เพิ่มขึ้นหรือเปล่าครับ
http://www.manager.co.th/South/ViewNews ... 0000114898
อีกเรื่องครับ ผมอยากทราบว่าแผง Solar cell ยี่ห้อ Kyocera นี้ต้องทำเข้าอย่างเดียวใช่ไหมครับ ไม่มีผลิตในไทย
เพราะบริษัทผมพึ่งติดตั้ง Solar rooftop เสร็จและจ่ายไฟเรียบร้อยแล้ว อันนี้เป็นโครงการทดลองนะครับ
คิดว่าต่อไปในอนาคต เมืองไทยจะมีโอกาสเป็นเหมือน Link ด้านล่างหรือเปล่าครับ
และจะมีปัจจัยที่ขัดขวางไม่ให้ปริมาณการใช้ Solar cell เพิ่มขึ้นหรือเปล่าครับ
http://www.manager.co.th/South/ViewNews ... 0000114898
อีกเรื่องครับ ผมอยากทราบว่าแผง Solar cell ยี่ห้อ Kyocera นี้ต้องทำเข้าอย่างเดียวใช่ไหมครับ ไม่มีผลิตในไทย
เพราะบริษัทผมพึ่งติดตั้ง Solar rooftop เสร็จและจ่ายไฟเรียบร้อยแล้ว อันนี้เป็นโครงการทดลองนะครับ
" สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 798
หลังจากนี้ ขออนุญาตตอบหลังไมค์นะครับ เพราะเกรงใจห้องหุ้นจะกลายเปนห้องตอบทู้เรื่องโซลาเซลล์
โอกาสที่จะเปนแบบลิ้งข้างล่างคงอีกนานจะเกิดขึ้น
เพราะ1.ขึ้นกับนโยบายจากรัฐบาลกะการไฟฟ้าเลยครับ
2.ที่เมกา เขาใช้การเช่าซื้อแผงเอาครับ คือจ่ายค่าเช่าแผง ด้วยเงินที่ประหยัดจากค่าไฟ จ่ายแค่มัดจำการติดตั้ง(ในไทย มีลีซซิ่งส่วนนี้แค่พวกโรงงานหรือบริษัท กับบ้านคนทั่วไป ยังไม่ค่อยเห็นครับ)
ส่วนเรื่องแผงยี่ห้อ เคียวซิร่า ต้องนำเข้านะ ถ้าให้เดาใช้บริษัท spcจี มาติดตั้งชิมิครับ เพราะแผงยี่ห้อนี้แพงกว่าเจ้าอื่นค่อนข้างเยอะ

โอกาสที่จะเปนแบบลิ้งข้างล่างคงอีกนานจะเกิดขึ้น
เพราะ1.ขึ้นกับนโยบายจากรัฐบาลกะการไฟฟ้าเลยครับ
2.ที่เมกา เขาใช้การเช่าซื้อแผงเอาครับ คือจ่ายค่าเช่าแผง ด้วยเงินที่ประหยัดจากค่าไฟ จ่ายแค่มัดจำการติดตั้ง(ในไทย มีลีซซิ่งส่วนนี้แค่พวกโรงงานหรือบริษัท กับบ้านคนทั่วไป ยังไม่ค่อยเห็นครับ)
ส่วนเรื่องแผงยี่ห้อ เคียวซิร่า ต้องนำเข้านะ ถ้าให้เดาใช้บริษัท spcจี มาติดตั้งชิมิครับ เพราะแผงยี่ห้อนี้แพงกว่าเจ้าอื่นค่อนข้างเยอะ
You only live once, but if you do it right, once is enough.
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 799
อ.leky ครับ ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้มีการบ้าน "ท่ายาก" มาปรึกษาครับ
ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือเชิญประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2557 ของหุ้น LVT โดยบังเอิญ จากนั้นได้ตามดูข้อมูลเพิ่มเติมคร่าวๆ จาก set.or.th และในร้อยคนร้อยหุ้น พบว่า อ.เองก็เคยติดตามและถือหุ้นตัวนี้อยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง
ไม่ทราบว่า อ.จะพอเล่าสรุปประเด็นที่น่าสนใจทั้งด้านบวกด้านลบในช่วงที่ผ่านมาได้บ้างมั้ยครับ ผมสนใจเรียนรู้เป็น Case Study ครับ
แล้ว อ.มองยังไงกับอนาคตของหุ้นตัวนี้ครับ ยังสนใจจะลงทุนมั้ย?
ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือเชิญประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2557 ของหุ้น LVT โดยบังเอิญ จากนั้นได้ตามดูข้อมูลเพิ่มเติมคร่าวๆ จาก set.or.th และในร้อยคนร้อยหุ้น พบว่า อ.เองก็เคยติดตามและถือหุ้นตัวนี้อยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง
ไม่ทราบว่า อ.จะพอเล่าสรุปประเด็นที่น่าสนใจทั้งด้านบวกด้านลบในช่วงที่ผ่านมาได้บ้างมั้ยครับ ผมสนใจเรียนรู้เป็น Case Study ครับ
แล้ว อ.มองยังไงกับอนาคตของหุ้นตัวนี้ครับ ยังสนใจจะลงทุนมั้ย?
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 800
ยอมรับว่าได้ประสบการณ์ที่ดี ๆ จากหุ้นตัวนี้มาค่อนข้างมาก ตอนที่ผมปล่อยออกไปก็ไม่ได้ขาดทุนนะครับ กำไรบ้าง แต่จริง ๆ มูลค่ามันเคยขึ้นไปมากกว่านั้นมาก รวมถึงตอนที่ขายออกไปมันก็วิ่งขึ้นไป แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากครับ เคยแบบว่ากำไรอยู่ 30% หายวับไปทันทีที่งบออกพร้อมกับหุ้นลงไปฟลอร์ จริง ๆ ก่อนงบออกผมสังหรณ์ใจอยู่แล้วว่าทำไมราคามันไหลลงแปลก ๆ ก็สองจิตสองใจว่าจะทิ้งก่อนดีไหม เพราะมันก็ได้เวลาตามกรอบที่จะปล่อยออกไป แต่ดันเลือกขอลุ้น แบบว่าถือมาตั้งนาน รอลุ้นอีกแค่ 1-2 วัน สุดท้ายเลยเป็นเรื่อง แถมยาวเลย คือเสียโอกาสกับหุ้นตัวอื่นน่ะครับ เพราะถือไว้ค่อนข้างเยอะ หุ้นตัวอื่นที่ไม่ได้ซื้อเพราะเงินหมดวิ่งขึ้นไปแบบแรง ๆ ถ้าจำไม่ผิดหนึ่งในนั้นก็มี DEMCO ตอนก่อนที่จะย้ายกลุ่ม
สิ่งที่ได้จากหุ้นตัวนี้
1) พยายามหลีกเลี่ยงหุ้นที่รายได้เข้ามาไม่สม่ำเสมอ พวกงานโครงการ โดยเฉพาะหุ้นที่ยังประสบปัญหา ถ้าคิดจะซื้อหุ้นประเภทนี้ก็ไม่ควร "จัดเต็ม"
2) พยายามหลีกเลี่ยงหุ้นที่ทำผลงานไม่ได้ตามที่ให้ข่าวไว้
3) พยายามหลีกเลี่ยงหุ้นที่ไม่มีเจ้าภาพ ประเภท free float มาก ๆ เช่น 60-70% ขึ้นไป
4) พยายามหลีกเลี่ยงหุ้นที่ active ในห้องร้อยคนฯ มาก ๆ เพราะถ้าไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง "ศรนั้นจะย้อนมาโดนเรา" เพราะเท่าที่สังเกตถึงแม้จะเป็นกลุ่มวีไอ แต่ถ้ามีอะไรที่ผิดคาดมาก ๆ ก็พร้อมที่จะทิ้งทันที ยังไม่นับกลุ่มเก็งกำไร เทคนิค ที่ยิ่งจะทิ้งหนักยิ่งกว่า
หุ้นตัวนี้ผมว่าเป็นหุ้น "ปราบเซียน" ตัวจริงเสียงจริงนะครับ ขนาดไปประชุมผถห.มีแต่คนบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า "เหมือนเราไม่รู้อะไรในบ.เลย" ไม่ว่าจะเป็นวิธีการรับรู้รายได้ อันนี้เคยได้ยินว่าเคยมีคนเอาไปให้อ.ชื่อดังที่เขียนหนังสือทางบัญชีดู ก็ยังบอกว่างบดูยาก งานที่ดูแล้วมีปัญหาขาดทุนที่น่าจะจบ ซึ่งผบห.ก็บอกว่าจะไม่มีการรับรู้การขาดทุนแล้ว แต่ก็ยังมีออกมาเรื่อย ๆ สรุป "ปัญหามันคืออะไรกันแน่ฟะ"
จริง ๆ การประชุมเพื่อขอมติเพิ่มทุน 3:2 เมื่อสองปีก่อนนี่ เป็นกลุ่มในเว็บของเราเองนะครับ ที่เสนอให้เปลี่ยนเป็น 3:1:1 คือเปลี่ยนเป็นแจก W3 แทนจำนวนหนึ่ง รวมถึงเสนอขอส่งกรรมการเข้าไปนั่งหนึ่งตำแหน่ง ซึ่งกรรมการตรวจสอบก็เป็นสมาชิกสมาคมที่เป็นผถห.ใหญ่ในตอนนั้นด้วยครับ
จำได้ว่าตอนที่นัดเจอกับสมาชิกท่านหนึ่งว่าจะขอให้แจก W แทนนั้น ก่อนเริ่มประชุม มันดูสิ้นหวังเหลือเกิน ตอนนั้นลองถามคนที่มาประชุม มีคนบอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้บ้าง จะลองดูก็ได้แต่คงยากบ้าง แถมยังบอกอีกว่าพวกน้องยังอายุน้อย คงยังไฟแรง ว่าไปโน่นเลย
ตอนนั้นผถห. "นวด" ผบห.ซะน่วมครับ ผลัดกัน "อัด" ่เลยก็ว่าได้ว่าทำไมบ.เพิ่มทุนแล้วก็ยังขาดทุน โครงการใหม่แน่ใจได้ไงว่าจะไม่มีปัญหา แต่ไฮไลท์มันอยู่ตรงที่ ผถห.ที่เค้าไปกับผมเค้ายิงหมัดเด็ดใส่ผบห.ที่นั่งอยู่บนเวทีน่ะครับ แบบว่าเหมือนเครื่องบินกามิกาเซ่พุ่งเข้าชนเรือรบอเมริกายังไงยังงั้น ผมยังจำประโยคที่เพื่อนนลท.ท่านนั้นพูดกับผบห.ได้เลยครับ "ถ้าบ.ไม่ยอมรับข้อเสนอมติเพิ่มทุนแบบ 3:1:1 แบบแจก W ด้วยส่วนหนึ่ง ผมในฐานะผถห.ใหญ่ จะขายหุ้นของบ.ทิ้งทั้งหมด" ผมเองก็ยอมรับว่าตัวเองหน้าแตกไม่น้อยครับ เพราะไม่รู้ว่าเพื่อนท่านนั้นแกเป็นถึงผถห.ใหญ่ คือเราก็นะ ตามมารยาทก็ไม่อยากจะไปถามว่าใครถือหุ้นมากน้อยเท่าไหร่ ผบห.เจอช็อตนี้เข้าไปก็อึ้งไปเลยครับ เพราะมันเห็น ๆ ว่าหุ้นที่ไม่มีเจ้าภาพนี่ ความเสี่ยงมันก็คือตรงนี้นี่แหละครับ เพราะมตินี้ต้องการเสียงสนับสนุน 3 ใน 4 ของผู้เข้าประชุม ตอนนั้นสมาชิกในเว็บที่ถือหุ้นจากการรับมอบฉันทะจากผถห.ใหญ่อีกคน ก็เกทับอีก เจอเข้าไปแบบนี้ผบห.ขอเบรคการประชุม เพื่อคุยนอกรอบ สุดท้ายต้องนัดประชุมใหม่ โดยยอมรับวิธีการเพิ่มทุนแบบที่ผถห.เสนอครับ อันนี้ยอมรับว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมครับ ตอนนั้นที่เสนอกันไปแบบนั้นเหมือนยื่นหมูยื่นแมวกันครับ คือถ้าบ.ต้องการเงินด่วนก็เอาไปส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งรอได้ก็ให้เป็น W ไปก่อน แต่บ.ต้องบริหารงานให้ดี ถ้ายังขาดทุนซ้ำซาก ผถห.ก็จะไม่แปลง W น่ะครับ งานนั้นผมเจอผถห.ใหญ่หลายคน ซึ่งน่าจะเป็นนลท.ในหลาย ๆ แนว แต่เห็นมีชื่อติดอยู่หลายบ.ครับ บางส่วนไปเจอกันอีกทีที่หุ้น AKR ฟังเค้าพูดเค้าก็ดูหุ้นเหมือนทำธุรกิจนะครับ ดูเหมือนดูไม่ซับซ้อนหรือจริง ๆ เค้าดูซับซ้อนแต่ผมคิดไปเองก็ไม่รู้
ถามว่าอนาคตหุ้นตัวนี้จะเป็นอย่างไร ผมไม่ขอตอบนะครับ เพราะหลัง ๆ ไม่ได้ติดตามแล้ว แต่ก็มีหลายเรื่องที่ชวนให้คิดครับว่าบ.จะทำอย่างไรต่อไป
1) ผบห.ที่เป็นคีย์แมนในการหางานป้อนบ.ลาออกไปสู้คดี จริง ๆ แล้ววางมือหรือไม่
2) ช่วงหลังไม่มีข่าวจากทางบ.ที่แจ้งไปยังตลาด เรื่องการรับงานใหม่ หรือมันเกี่ยวข้องกับข้อ 1 แล้วบ.ยังมีงานใหม่หรือไม่
3) การที่บ.เลื่อนการส่งงบการเงินเรื่อย ๆ จะทำลายความเชื่อมันของผถห.หรือไม่ และจะกอบกู้กลับมาอย่างไร
4) ผลประกอบการที่สวนทางกับการให้ข่าวของผบห.ในอดีตมันส่งผลเสียกับบ.หรือไม่
ข้อ 3-4 นี่มีส่วนทำให้การเพิ่มทุนครั้งล่าสุดไม่ผ่านหรือไม่
5) บ.ลูกที่อินเดีย เป็นตัวสร้างกำไรหลัก แต่ถูกขายให้จีนไปแล้ว ระยะยาวบ.จะหารายได้จากไหนมาแทน
6) โครงการโรงปูนที่เป็นความหวังเท่าที่ทราบ น่าจะถูกขายออกไปแล้ว แต่จำไม่ได้ว่าแค่ส่วนหนึ่งหรือทั้งหมด ส่วนหนึ่งเพราะบ.ไม่สามารถระดมทุนได้ ถ้าเป็นแบบนั้น ความหวังในอนาคตคืออะไร
สิ่งที่ได้จากหุ้นตัวนี้
1) พยายามหลีกเลี่ยงหุ้นที่รายได้เข้ามาไม่สม่ำเสมอ พวกงานโครงการ โดยเฉพาะหุ้นที่ยังประสบปัญหา ถ้าคิดจะซื้อหุ้นประเภทนี้ก็ไม่ควร "จัดเต็ม"
2) พยายามหลีกเลี่ยงหุ้นที่ทำผลงานไม่ได้ตามที่ให้ข่าวไว้
3) พยายามหลีกเลี่ยงหุ้นที่ไม่มีเจ้าภาพ ประเภท free float มาก ๆ เช่น 60-70% ขึ้นไป
4) พยายามหลีกเลี่ยงหุ้นที่ active ในห้องร้อยคนฯ มาก ๆ เพราะถ้าไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง "ศรนั้นจะย้อนมาโดนเรา" เพราะเท่าที่สังเกตถึงแม้จะเป็นกลุ่มวีไอ แต่ถ้ามีอะไรที่ผิดคาดมาก ๆ ก็พร้อมที่จะทิ้งทันที ยังไม่นับกลุ่มเก็งกำไร เทคนิค ที่ยิ่งจะทิ้งหนักยิ่งกว่า
หุ้นตัวนี้ผมว่าเป็นหุ้น "ปราบเซียน" ตัวจริงเสียงจริงนะครับ ขนาดไปประชุมผถห.มีแต่คนบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า "เหมือนเราไม่รู้อะไรในบ.เลย" ไม่ว่าจะเป็นวิธีการรับรู้รายได้ อันนี้เคยได้ยินว่าเคยมีคนเอาไปให้อ.ชื่อดังที่เขียนหนังสือทางบัญชีดู ก็ยังบอกว่างบดูยาก งานที่ดูแล้วมีปัญหาขาดทุนที่น่าจะจบ ซึ่งผบห.ก็บอกว่าจะไม่มีการรับรู้การขาดทุนแล้ว แต่ก็ยังมีออกมาเรื่อย ๆ สรุป "ปัญหามันคืออะไรกันแน่ฟะ"

จริง ๆ การประชุมเพื่อขอมติเพิ่มทุน 3:2 เมื่อสองปีก่อนนี่ เป็นกลุ่มในเว็บของเราเองนะครับ ที่เสนอให้เปลี่ยนเป็น 3:1:1 คือเปลี่ยนเป็นแจก W3 แทนจำนวนหนึ่ง รวมถึงเสนอขอส่งกรรมการเข้าไปนั่งหนึ่งตำแหน่ง ซึ่งกรรมการตรวจสอบก็เป็นสมาชิกสมาคมที่เป็นผถห.ใหญ่ในตอนนั้นด้วยครับ
จำได้ว่าตอนที่นัดเจอกับสมาชิกท่านหนึ่งว่าจะขอให้แจก W แทนนั้น ก่อนเริ่มประชุม มันดูสิ้นหวังเหลือเกิน ตอนนั้นลองถามคนที่มาประชุม มีคนบอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้บ้าง จะลองดูก็ได้แต่คงยากบ้าง แถมยังบอกอีกว่าพวกน้องยังอายุน้อย คงยังไฟแรง ว่าไปโน่นเลย
ตอนนั้นผถห. "นวด" ผบห.ซะน่วมครับ ผลัดกัน "อัด" ่เลยก็ว่าได้ว่าทำไมบ.เพิ่มทุนแล้วก็ยังขาดทุน โครงการใหม่แน่ใจได้ไงว่าจะไม่มีปัญหา แต่ไฮไลท์มันอยู่ตรงที่ ผถห.ที่เค้าไปกับผมเค้ายิงหมัดเด็ดใส่ผบห.ที่นั่งอยู่บนเวทีน่ะครับ แบบว่าเหมือนเครื่องบินกามิกาเซ่พุ่งเข้าชนเรือรบอเมริกายังไงยังงั้น ผมยังจำประโยคที่เพื่อนนลท.ท่านนั้นพูดกับผบห.ได้เลยครับ "ถ้าบ.ไม่ยอมรับข้อเสนอมติเพิ่มทุนแบบ 3:1:1 แบบแจก W ด้วยส่วนหนึ่ง ผมในฐานะผถห.ใหญ่ จะขายหุ้นของบ.ทิ้งทั้งหมด" ผมเองก็ยอมรับว่าตัวเองหน้าแตกไม่น้อยครับ เพราะไม่รู้ว่าเพื่อนท่านนั้นแกเป็นถึงผถห.ใหญ่ คือเราก็นะ ตามมารยาทก็ไม่อยากจะไปถามว่าใครถือหุ้นมากน้อยเท่าไหร่ ผบห.เจอช็อตนี้เข้าไปก็อึ้งไปเลยครับ เพราะมันเห็น ๆ ว่าหุ้นที่ไม่มีเจ้าภาพนี่ ความเสี่ยงมันก็คือตรงนี้นี่แหละครับ เพราะมตินี้ต้องการเสียงสนับสนุน 3 ใน 4 ของผู้เข้าประชุม ตอนนั้นสมาชิกในเว็บที่ถือหุ้นจากการรับมอบฉันทะจากผถห.ใหญ่อีกคน ก็เกทับอีก เจอเข้าไปแบบนี้ผบห.ขอเบรคการประชุม เพื่อคุยนอกรอบ สุดท้ายต้องนัดประชุมใหม่ โดยยอมรับวิธีการเพิ่มทุนแบบที่ผถห.เสนอครับ อันนี้ยอมรับว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมครับ ตอนนั้นที่เสนอกันไปแบบนั้นเหมือนยื่นหมูยื่นแมวกันครับ คือถ้าบ.ต้องการเงินด่วนก็เอาไปส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งรอได้ก็ให้เป็น W ไปก่อน แต่บ.ต้องบริหารงานให้ดี ถ้ายังขาดทุนซ้ำซาก ผถห.ก็จะไม่แปลง W น่ะครับ งานนั้นผมเจอผถห.ใหญ่หลายคน ซึ่งน่าจะเป็นนลท.ในหลาย ๆ แนว แต่เห็นมีชื่อติดอยู่หลายบ.ครับ บางส่วนไปเจอกันอีกทีที่หุ้น AKR ฟังเค้าพูดเค้าก็ดูหุ้นเหมือนทำธุรกิจนะครับ ดูเหมือนดูไม่ซับซ้อนหรือจริง ๆ เค้าดูซับซ้อนแต่ผมคิดไปเองก็ไม่รู้
ถามว่าอนาคตหุ้นตัวนี้จะเป็นอย่างไร ผมไม่ขอตอบนะครับ เพราะหลัง ๆ ไม่ได้ติดตามแล้ว แต่ก็มีหลายเรื่องที่ชวนให้คิดครับว่าบ.จะทำอย่างไรต่อไป
1) ผบห.ที่เป็นคีย์แมนในการหางานป้อนบ.ลาออกไปสู้คดี จริง ๆ แล้ววางมือหรือไม่
2) ช่วงหลังไม่มีข่าวจากทางบ.ที่แจ้งไปยังตลาด เรื่องการรับงานใหม่ หรือมันเกี่ยวข้องกับข้อ 1 แล้วบ.ยังมีงานใหม่หรือไม่
3) การที่บ.เลื่อนการส่งงบการเงินเรื่อย ๆ จะทำลายความเชื่อมันของผถห.หรือไม่ และจะกอบกู้กลับมาอย่างไร
4) ผลประกอบการที่สวนทางกับการให้ข่าวของผบห.ในอดีตมันส่งผลเสียกับบ.หรือไม่
ข้อ 3-4 นี่มีส่วนทำให้การเพิ่มทุนครั้งล่าสุดไม่ผ่านหรือไม่
5) บ.ลูกที่อินเดีย เป็นตัวสร้างกำไรหลัก แต่ถูกขายให้จีนไปแล้ว ระยะยาวบ.จะหารายได้จากไหนมาแทน
6) โครงการโรงปูนที่เป็นความหวังเท่าที่ทราบ น่าจะถูกขายออกไปแล้ว แต่จำไม่ได้ว่าแค่ส่วนหนึ่งหรือทั้งหมด ส่วนหนึ่งเพราะบ.ไม่สามารถระดมทุนได้ ถ้าเป็นแบบนั้น ความหวังในอนาคตคืออะไร
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 801
โพสต์ที่เคยจุดประเด็นเรื่องจากเปลี่ยนมติการเพิ่มทุนในตอนนั้นครับ
leky เขียน:ราคาหุ้น ณ ตอนนี้ 1.28 บาท เทียบกับราคาลูกหุ้น 1.25 บาท ถึงมติไม่ล้ม แต่ถ้าหุ้นยังมีอาการ "ป่วย" แบบทรง ๆ ทรุด ๆ แบบนี้ มันก็คงไม่ต่างกับมติล้มอยู่ดีครับ บ.ไม่ควรนิ่งเฉยในสถานการณ์แบบนี้นะครับ ยิ่งถ้าเกิดหุ้นเกิดหลุด 1.25 บาทลงไป ท่านผบห.จะเข้าใจครับ ว่ามติที่ท่านผ่านออกมาจากกรรมการของบ. จะใครเป็นคนเสนอแนวคิดเพิ่มทุนแบบนี้ก็แล้วแต่ มันกำลังจะย้อนศรมาทำร้ายบ.เองครับ
ฟังจากที่คุณ Zentrade โพสต์ที่ด้านบน ถ้าเป็นเรื่องจริง บางทีการที่บ.เปลี่ยนไปลงทุนโรงปูนเสียเอง อาจจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องในระยะยาวก็ได้ครับ เพียงแต่แนวคิดนี้มันมาไม่ถูกเวลาเอาเสียเลยครับ เพราะเป็นการมองในมุมของผบห.มากเกินไปจนผมคิดว่าไม่ได้มองในมุมของผถห. ซึ่งผมเชื่อว่าส่วนใหญ่เค้าติดหุ้นต้นทุนสูงกว่าราคา ณ ขณะนี้ครับ แล้วยังเหมือนจะโดนมัดมือให้เติมเงินให้บ.อีก
ผมขอเสนอทางแก้ไขนะครับ ถ้าผบห.ได้มีโอกาสเข้ามาอ่านแล้วนำไปพิจารณา ผมจะขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง บ.มีทางเลือกหลายทางครับ
1) เลิกลงทุนในโครงการ MAX ผมอยากให้คิดทบทวนให้ดีครับ โดยเฉพาะในประเด็นที่เลวร้ายที่สุด ถ้ามีการปฏิวัติโดยรัฐบาลทหารมันก็เหมือนกับเงินลงทุนของครึ่งบ.อาจจะต้องหยุดชะงัก อย่าได้มองแต่ด้านดีอย่างเดียว เพราะการจะลงทุนแบบนี้บ.แม่ต้องแข็งแกร่งก่อนครับ
2) เพิ่มทุนในสัดส่วนที่พอจะรับได้บวกกับกู้เงินอีกส่วนหนึ่ง แนวทางนี้ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เพราะผมเข้าใจว่าบ.คงไม่มีทรัพย์สินอะไรที่จะไปค้ำประกันเงินกู้จำนวนมาก ๆ ได้ แถมด้วยผลการดำเนินงานแบบนี้ใครจะกล้าปล่อยกู้ให้ครับ ยังไม่นับว่าถึงจะเพิ่มทุนในสัดส่วนที่น้อยกว่านี้ แต่ถ้าราคาหุ้นในกระดานยังเป็นแบบนี้ก็คงไม่มีใครซื้อหุ้นเพิ่มทุนอยู่ดีครับ แต่ถ้าผบห.สามารถหาเงินกู้ได้จริง ถ้าท่านทำให้เห็นว่าบ.มีแนวโน้มทิศทางของผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ค่อยคิดจะมาเพิ่มทุนล้างเงินกู้ทีหลัง เพราะการกู้เงินมันก็ทำให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มและฉุดผลการดำเนินงานของบ.อยู่ดี
3) เจรจากับทางพม่าขอยืดระยะเวลาที่ต้องเอาเงินไปลงทุน แล้วเปลี่ยนมติการเพิ่มทุนจากเดิมจากที่เป็นลูกหุ้นทั้งหมด เป็นแจก W บางส่วน ผมเชื่อว่าการแจก W อย่างน้อยก็ช่วยให้ราคาหุ้นมันไม่แย่อย่างที่เป็นอยู่ครับ อาจจะทำให้มีคนสนใจที่จะลงทุนในหุ้นของบ.มากขึ้น ผถห.ส่วนหนึ่งก็เต็มใจที่จะจ่ายเงินเพิ่มทุนเพราะอย่างน้อย W ที่แจกมันก็มีมูลค่าครับ นอกจากนั้นการออก W มันก็จะไม่เป็นการบีบผถห.มากเกินไป ทำให้ยังมีโอกาสได้ตัดสินใจโดยดูผลการดำเนินงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ตอนนี้ตลาดรับข่าวเรื่องการเพิ่มทุนของบ.ไปแล้ว ผมมองว่าถึงผลการดำเนินงานใน Q3 จะกระเตื้องขึ้น (หรือเปล่า) แต่ข่าวเพิ่มทุนยังไงก็ยังคงกดดันราคาหุ้นครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 802
ขอรบกวนถาม อ.เพิ่มเติมอีกหน่อยครับ ว่าแต่เดิมที่สนใจลงทุนหุ้นตัวนี้ จุดเด่นหรือ Story ของบริษัทคืออะไรครับ? ถ้าถึงขนาดมีนักลงทุนแนววีไอหลายคนเข้าไปถือหุ้นจนถึงขนาดที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วยซ้ำ มันต้องเห็นอะไรดีๆ อย่างมากในบริษัทแหงๆ แล้วถึงปัจจุบันจุดเด่นที่ว่านี้ยังคงอยู่อีกหรือไม่ครับ?
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 803
พูดถึงเรื่องนี้มันทำให้นึกถึงนลท.ท่านหนึ่งครับ ผมว่าเมืองไทยน่าจะมีนลท.แนวนี้บ้างนะครับ
http://dekisugi.net/archives/10639
0374: Carl Icahn, the corporate raider
Carl Icahn, เป็นนักลงทุนที่ร่ำรวยเป็นอันดับ 5 ของโลก ตามการจัดอันดับของ Forbes เขามีสินทรัพย์รวม $10.5 billions
อาชีพหลักของเขาคือ การบริหาร Private Equity ซึ่งเงินส่วนหนึ่งเป็นเงินของเขาเอง (นักลงทุนที่จะร่วมหุ้นกับเขาได้ จะต้องมีเงินลงทุนขั้นต่ำ $25 millions, ค่าบริหาร 2.5% ต่อปี และ profit sharing 25% ของกำไร)
เป้าหมายของกองทุนของเขาคือ บริษัทที่บริหารงานยอดแย่ แต่ว่ามีสินทรัพย์ในบริษัทที่มีมูลค่าตลาดที่ค่อนข้างชัดเจนเยอะ (ถ้าเป็นเงินสดยิ่งดี) จนทำให้ราคาหุ้นในตลาด เทรดอยู่ต่ำกว่ามูลค่าสินทรัพย์อย่างมาก โดยเขาจะเข้าไปถือหุ้น ขอที่นั่งกรรมการ และกดดันให้มีการเปลี่ยนผู้บริหาร เพื่อให้เกิดการปฏิรูปการบริหารงาน และ/หรือ ขายสินทรัพย์ที่มีค่าออกมา และจะทำให้เขาได้กำไรจากการลงทุนในหุ้นของบริษัทนั้นอย่างงดงาม อาจกล่าวได้ว่าเป็นการลงทุนแนว Asset Play ก็ได้ แต่แทนที่จะลงทุนแล้วสวดมนต์ (invest and pray) ให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เขาจะเข้าไปกดดันเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเอง ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เขาได้เข้าไปเปลี่ยนแปลงบริษัทดังๆ มากมาย จนทำให้เขามียี่ห้อของ Corporate Raider ที่กัดไม่ปล่อย ยี่ห้ออันนี้มีส่วนช่วยสร้างผลตอบแทนให้เขาได้อย่างมากในเวลาต่อมา เพราะเมื่อไรที่เขาเข้าไปซื้อหุ้นบริษัทไหน ตลาดหุ้นจะรีบตอบรับทันที (aka “The Icahn Lift”)
แม้ว่าเขาจะทำไปเพื่อให้ตัวเอง แต่สิ่งที่เขาทำก็ช่วยให้นักลงทุนรายย่อยพลอยได้ประโยชน์ไปด้วย รูปแบบของบริษัทในปัจจุบันที่คณะกรรมการบริษัทเป็นใหญ่เป็นโครงสร้างที่แย่ กับผู้ถือหุ้น เพราะกรรมการส่วนใหญ่ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มความสามารถเลย ในขณะที่ได้รับค่าตอบแทนกันสูงมาก ผู้ถือหุ้นก็ทำอะไรผู้บริหารได้ยากมาก อาชีพอย่างเขาจึงมีส่วนช่วยกำจัดความไร้ประสิทธิภาพออกไปจากองค์กรธุรกิจใน สหรัฐฯ
เดี๋ยวนี้แทนที่เขาจะต้องลงทุนเองมากๆ เพื่อให้สิทธิ์ที่มากพอ เขาจะเข้าไปถือหุ้นเพียงส่วนน้อย แล้วปลุกระดมให้นักลงทุนรายย่อยร่วมมือกับเขามอบฉันทะให้เขาในการโหวตเพื่อ เปลี่ยนแปลงผู้บริหาร (Proxy Fight) ทำให้เขาเสี่ยงน้อยลงด้วย
Icahn จบจาก Princeton ด้วยเงินที่เขาหามาได้เองจากการเล่นโป๊กเกอร์สมัยที่เป็นนักเรียน ส่วนชีวิตการทำงานของเขานั้นจะคุยโทรศัพท์แทบทั้งวัน เขามีมือขวาสองคนที่ช่วยเขาขุดหาบริษัทที่มีลักษณะตรงกับเป้าหมายของกองทุน จากแหล่งข้อมูลต่างๆ และมีลูกมืออีก 26 คนที่คอยช่วยงานเข้า ซึ่งจำนวนหนึ่งพวกเป็นนักกฏหมาย
ดีลที่เริ่มทำให้ Icahn มีชื่อเสียงระดับประเทศคือ การเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของสายการบิน TWA ซึ่งเขาได้ปรับโครงสร้างและปลดคนงานจำนวนมากในเวลาต่อมา บางคนอาจมองว่าเขาโหด แต่เขาบอกว่า TWA ขาดทุนมานานนับสิบปี และจะต้องปรับองค์กรอยู่แล้ว เพียงแต่คนที่เขามาปรับองค์กรได้สำเร็จคือเขานั่นเอง
หลังจากนั้น Icahn ก็เข้าไปพัวพันกับดีลใหญ่ๆ ในประวัติศาสตร์อีกมากมาย อาทิ Oracle to takeover BEA systems (กวาดกำไรไป $300 millions), Motorola breakup, Time Warner breakup (เขาแพ้ Takeover Bid แต่ก็กำไร $300 millions), Casinos in Neveda (ได้กำไรไปกว่า $1billions), Microsoft to buy Yahoo!, Liongate Takeover, Sale of Dynegy against Blackstone เป็นต้น กองทุนของเขาสามารถทำผลตอบแทนเฉลี่ยได้ถึง 50% ต่อปีตั้งแต่ปี 1990 ทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็น the Corporate Raider ที่รวยที่สุดในโลก
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 804
ตอนนั้นที่ผมเข้าไปซื้อหุ้นตัวนี้ เพราะคำว่า "turnaround" ครับ ตอนนั้นมองว่าบ.น่าจะแย่แค่ชั่วคราว เพราะก่อนหน้านั้นก็ยังกำไรดีอยู่ครับ แล้วก็มองว่าบ.ไปรับงานใหญ่ขึ้นน่าจะดีขึ้น แต่กลับกลายเป็นแย่ลง ซึ่งผมคิดว่าอาจจะเกิดจากพอมันเป็นงานใหญ่แบบสร้างโรงปูน บ.อาจจะยังไม่พร้อมที่จะไปตรงจุดนั้นเลยกลายเป็นปัญหา เพราะเดิมมันเป็นแค่งานปรับปรุงคุณภาพโรงปูนครับ ซึ่งตอนที่ผมซื้อหุ้นใหม่ ๆ มันก็ดูเหมือนจะดีขึ้นอยู่ช่วงหนึ่งครับ แต่พอจุดที่คิดว่าน่าจะเป็น "ป้ายสุดท้าย" ที่เราจะเตรียมตัวลง กลับเป็นขาดทุนหนักจากการตั้งสำรอง เปิดมาหุ้นแทบจะฟลอร์เลยครับ ลงรถไม่ทัน กลายเป็น "นั่งยาวไปถึงอู่"ดำ เขียน:ขอรบกวนถาม อ.เพิ่มเติมอีกหน่อยครับ ว่าแต่เดิมที่สนใจลงทุนหุ้นตัวนี้ จุดเด่นหรือ Story ของบริษัทคืออะไรครับ? ถ้าถึงขนาดมีนักลงทุนแนววีไอหลายคนเข้าไปถือหุ้นจนถึงขนาดที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วยซ้ำ มันต้องเห็นอะไรดีๆ อย่างมากในบริษัทแหงๆ แล้วถึงปัจจุบันจุดเด่นที่ว่านี้ยังคงอยู่อีกหรือไม่ครับ?

ตอนนั้นผมไม่ค่อยได้สนใจรายชื่อผถห.ใหญ่ แต่มาเห็นเอาตอนหลังว่ามีบิ๊กเนมอยู่ด้วย ก็เลยคิดว่าส่วนหนึ่งจึงทำให้คนเข้ามาซื้อหุ้นตัวนี้กันมากครับ
หลัง ๆ เลยไม่ค่อยชอบหุ้นที่มีคนสนใจมาก ๆ น่ะครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1959
- ผู้ติดตาม: 1
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 805
น่าจะใช่นะครับคุณ romee , ผมเจอแต่ sub-contract อีกอย่างด้วยหน้าที่ผมไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง ก็เลยไม่รู้รายละเอียดมากนัก 555romee เขียน: ส่วนเรื่องแผงยี่ห้อ เคียวซิร่า ต้องนำเข้านะ ถ้าให้เดาใช้บริษัท spcจี มาติดตั้งชิมิครับ เพราะแผงยี่ห้อนี้แพงกว่าเจ้าอื่นค่อนข้างเยอะ
" สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 806
โบรค"ทน(ลงทุนตลอด)ชาติ"เค้ามาชวนไปสัมมนาอีกแล้วฮะ
ช่วงแรกสอนกราฟบนไอแผด ระบบล่ม ผมไม่เอาไอแผด1(ไม่น่าจะใช้กันได้)ไป เลยไม่ต้องเรียน เย้..
ช่วงสองเรื่องหุ้น
ภาพใหญ่Q4
มองขึ้น1750ลงแค่1540 ตอนนี้ต่ำสุดแล้วเพราะทุกสำนักทั้งนอกใน ปรับประมาณการลงหมด
ตค. พย. ธค.จะมีอีกสามแสนล้าน(3%GDP ทั้งปี10%GDP Q4)มากระตุ้น
กำไรบ.โต7%-15%-15% ปี57-58-59กำไรยังโตได้ ไม่หดแบบสับพราม ไม่กลัว
เลือกตั้งปีหน้า ฝรั่งไม่มีของ ไม่กลัวฝรั่งขาย กลัวเสี่ยขายมากกว่า ตอนนี้ยังไม่ขาย
ยุโรปพิมพ์เงินถล่มแทนเมกา
พีอีตลาดไม่ถูกแต่ไม่แพง ถ้าดูที่ปี59 1750= 14, 1600=12.8
โครงสร้างตลาดเปลี่ยนเยอะ เดิม2006 พลังงาน30% 2014พลังงานเหลือ20%มีหุ้นสือสาร ค้าปลีก รพ.พีอีสูงปรี๊ดมาพยุงตลาด
(ฟังแล้วสงสัยว่ามันจะเป็นnifty- fiftyของเมืองไทยป่าว)
เทรนด์ยังขาขึ้น noiseชิวๆ ใช้เทคนิคช่วย หุ้นลงยิ่งต้องซื้อ ลดผอร์ทได้ไม่ต้องล้างผอร์ท(ยุจริงวุ้ย..)
ช่วงแจกหุ้น
หุ้นพื้นฐานง่วงๆ
1. แบ็งค์ชาวนา โตตามเศรษฐกิจ พีอี10ถูกกว่าตลาด(16) ฝรั่งชอบ ไม่น่าลงอีกแล้ว
2. โฮลดิ้งสื่อสาร เชียร์มาตลอดจนราคาขึ้นสองเท่าก็ยังเชียร์ ลูกค้าคนไหนไม่มี..งอน(ผมไม่มี ฮา..) สตอรี่คือบ.ลูก
2.1 ขายมือถือสมาร์ทโฟน ขายดี ตอนนี้ราคาขึ้นพอแล้ว ขายไปซื้อ2.2
2.2 รับเหมา รองานใหม่ ราคายังไม่ไป
2.3 กล่องดิจิตัลทีวี ยังเล่นได้อีกสามสี่ปี
2.4 121(ตัวต่อตัว)
2.5 โรงไฟฟ้ากะรับเหมา กำลังจะspin-off ต้องปั่น เอ๊ย ไม่อยู่เฉยๆแน่(ได้ข่าวว่าโหดชิมิ)
3. ปลากระป๋อง กุ้งดีใช้ได้ ซื้อธุรกิจตปท. ปีนี้ดีแต่ราคายังไม่ไป ถือยาว ราคาค่อยๆไป
4. สนามบิน ราคาลงเรื่อยๆ มองยาวๆ เฟสสองจากหกหมื่นเหลือแค่สองหมื่น เงินน้อยลงบริการคนได้มากกว่าเดิม
ตอน35กำไร3000 ตอนนี้200+กำไร12,000-14,000-16,000ไปเรื่อยๆ(จนกว่านักการเมืองมาแจมอะดิ)
5. น้ำแสบปี๋ โตเซ็กซี่กว่าชาเขียวเจ้าใหม่ สามหมื่นตันไปแสนตัน มีคนมาซื้อไปขายเมืองนอก60ประเทศ(จิงดิ?)
ยอดขายเพิ่มเท่าตัว หนี้น้อย netcash ไปเทคโอเวอร์ได้เหมือนE4L(เข้าใจเปรียบเทียบ ลืมถามว่าคล้ายน้ำดอกไม้ป่าว)
6. หุ้นอสังหา(ตัวเดียวกะหุ้น"เด็ด"ของอ.yoyo) presaleดี กำไรโต2,000ไป5,000 PE8 DIV5%
7. มือถือน้าแอ๊ด โดนคนขายไปเข้าทุย downsideไม่เยอะ upside น่าจะคุ้ม
8. อสังหา100,000.. ฟังแล้วผวาดอยห้าบาท กล้าเชียร์เพราะต่ำสุดแล้ว เพิ่มทุนแล้ว มีเงินแล้ว เริ่มโครงการใหม่ได้
หุ้น(ที)เด็ด(พลี)ชีพ
ลักษณะร่วมคือ"เข้าประตูหลัง สถาบันไม่มี วีไอไม่เล่น"พีอีเกิน30 จบรอบได้ตลอด ติดแคชบาล้านส์ จ้าวโหด
ต้องรู้ทัน(ก็คิดว่ารู้ทันหนีทันกันทุกคนล่ะนะ แต่เอาเข้าจริง..) ปั่นแบบมีสตอรี่คือ"พื้นฐานเปลี่ยน"
แนะนำหุ้นอสังหาเพิ่งเข้าประตูหลังมาจากKได้ผบห.จากเจ้าที่ชื่อเหมือนพระเอก เงินมาแน่ รอคอนโดสองแห่ง
กะรอดูหน้าเจ้าได้เลย..
รายงานมาเผื่อชอบ จะได้ไม่มาแย่งกันซื้อหุ้นอยู่ไม่กี่ตัวนะฮะ
ช่วงแรกสอนกราฟบนไอแผด ระบบล่ม ผมไม่เอาไอแผด1(ไม่น่าจะใช้กันได้)ไป เลยไม่ต้องเรียน เย้..
ช่วงสองเรื่องหุ้น
ภาพใหญ่Q4
มองขึ้น1750ลงแค่1540 ตอนนี้ต่ำสุดแล้วเพราะทุกสำนักทั้งนอกใน ปรับประมาณการลงหมด
ตค. พย. ธค.จะมีอีกสามแสนล้าน(3%GDP ทั้งปี10%GDP Q4)มากระตุ้น
กำไรบ.โต7%-15%-15% ปี57-58-59กำไรยังโตได้ ไม่หดแบบสับพราม ไม่กลัว
เลือกตั้งปีหน้า ฝรั่งไม่มีของ ไม่กลัวฝรั่งขาย กลัวเสี่ยขายมากกว่า ตอนนี้ยังไม่ขาย
ยุโรปพิมพ์เงินถล่มแทนเมกา
พีอีตลาดไม่ถูกแต่ไม่แพง ถ้าดูที่ปี59 1750= 14, 1600=12.8
โครงสร้างตลาดเปลี่ยนเยอะ เดิม2006 พลังงาน30% 2014พลังงานเหลือ20%มีหุ้นสือสาร ค้าปลีก รพ.พีอีสูงปรี๊ดมาพยุงตลาด
(ฟังแล้วสงสัยว่ามันจะเป็นnifty- fiftyของเมืองไทยป่าว)
เทรนด์ยังขาขึ้น noiseชิวๆ ใช้เทคนิคช่วย หุ้นลงยิ่งต้องซื้อ ลดผอร์ทได้ไม่ต้องล้างผอร์ท(ยุจริงวุ้ย..)
ช่วงแจกหุ้น
หุ้นพื้นฐานง่วงๆ
1. แบ็งค์ชาวนา โตตามเศรษฐกิจ พีอี10ถูกกว่าตลาด(16) ฝรั่งชอบ ไม่น่าลงอีกแล้ว
2. โฮลดิ้งสื่อสาร เชียร์มาตลอดจนราคาขึ้นสองเท่าก็ยังเชียร์ ลูกค้าคนไหนไม่มี..งอน(ผมไม่มี ฮา..) สตอรี่คือบ.ลูก
2.1 ขายมือถือสมาร์ทโฟน ขายดี ตอนนี้ราคาขึ้นพอแล้ว ขายไปซื้อ2.2
2.2 รับเหมา รองานใหม่ ราคายังไม่ไป
2.3 กล่องดิจิตัลทีวี ยังเล่นได้อีกสามสี่ปี
2.4 121(ตัวต่อตัว)
2.5 โรงไฟฟ้ากะรับเหมา กำลังจะspin-off ต้องปั่น เอ๊ย ไม่อยู่เฉยๆแน่(ได้ข่าวว่าโหดชิมิ)
3. ปลากระป๋อง กุ้งดีใช้ได้ ซื้อธุรกิจตปท. ปีนี้ดีแต่ราคายังไม่ไป ถือยาว ราคาค่อยๆไป
4. สนามบิน ราคาลงเรื่อยๆ มองยาวๆ เฟสสองจากหกหมื่นเหลือแค่สองหมื่น เงินน้อยลงบริการคนได้มากกว่าเดิม
ตอน35กำไร3000 ตอนนี้200+กำไร12,000-14,000-16,000ไปเรื่อยๆ(จนกว่านักการเมืองมาแจมอะดิ)
5. น้ำแสบปี๋ โตเซ็กซี่กว่าชาเขียวเจ้าใหม่ สามหมื่นตันไปแสนตัน มีคนมาซื้อไปขายเมืองนอก60ประเทศ(จิงดิ?)
ยอดขายเพิ่มเท่าตัว หนี้น้อย netcash ไปเทคโอเวอร์ได้เหมือนE4L(เข้าใจเปรียบเทียบ ลืมถามว่าคล้ายน้ำดอกไม้ป่าว)
6. หุ้นอสังหา(ตัวเดียวกะหุ้น"เด็ด"ของอ.yoyo) presaleดี กำไรโต2,000ไป5,000 PE8 DIV5%
7. มือถือน้าแอ๊ด โดนคนขายไปเข้าทุย downsideไม่เยอะ upside น่าจะคุ้ม
8. อสังหา100,000.. ฟังแล้วผวาดอยห้าบาท กล้าเชียร์เพราะต่ำสุดแล้ว เพิ่มทุนแล้ว มีเงินแล้ว เริ่มโครงการใหม่ได้
หุ้น(ที)เด็ด(พลี)ชีพ
ลักษณะร่วมคือ"เข้าประตูหลัง สถาบันไม่มี วีไอไม่เล่น"พีอีเกิน30 จบรอบได้ตลอด ติดแคชบาล้านส์ จ้าวโหด
ต้องรู้ทัน(ก็คิดว่ารู้ทันหนีทันกันทุกคนล่ะนะ แต่เอาเข้าจริง..) ปั่นแบบมีสตอรี่คือ"พื้นฐานเปลี่ยน"
แนะนำหุ้นอสังหาเพิ่งเข้าประตูหลังมาจากKได้ผบห.จากเจ้าที่ชื่อเหมือนพระเอก เงินมาแน่ รอคอนโดสองแห่ง
กะรอดูหน้าเจ้าได้เลย..
รายงานมาเผื่อชอบ จะได้ไม่มาแย่งกันซื้อหุ้นอยู่ไม่กี่ตัวนะฮะ
samatah
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 810
โอโห้ ทำไมมันเหมือนหุ้นของผมจัง ไม่ได้เข้าประตูหลัง แต่คุณสมบัติที่เหลือเหมือนทุกข้อ ติด cash สองรอบติด ๆ กัน ติดทีไหลลง หลุดออกมาข่าวดีออก เด้งขึ้น แล้วก็ติดอีก ไหลลงอีกdr1 เขียน: ลักษณะร่วมคือ"เข้าประตูหลัง สถาบันไม่มี วีไอไม่เล่น"พีอีเกิน30 จบรอบได้ตลอด ติดแคชบาล้านส์ จ้าวโหด
ต้องรู้ทัน(ก็คิดว่ารู้ทันหนีทันกันทุกคนล่ะนะ แต่เอาเข้าจริง..) ปั่นแบบมีสตอรี่คือ"พื้นฐานเปลี่ยน"
แต่ห้ามถามนะครับ ว่าหุ้นตัวไหน

"Become a risk taker, not a risk maker"