อันตรายในต่างแดน / คนขายของ
- คนขายของ
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 788
- ผู้ติดตาม: 0
อันตรายในต่างแดน / คนขายของ
โพสต์ที่ 1
อันตรายในต่างแดน / โดย คนขายของ
ในปีนี้ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นตันมาดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทยได้ปรับตัวขึ้นมาเกือบ 23% ติดอันดับ หนึ่งในสิบของตลาดหุ้นหลักที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในโลกทำให้นักลงทุนไทยหลายคนเริ่มรู้สึกว่าหุ้นไทยแพง และเริ่มมองหาโอกาสที่จะลงทุนในหุ้นต่างประเทศ จากประสบการณ์ที่ผมเคยลงทุนในตลาดหุ้น ต่างประเทศมาพบว่าหลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่าสามารถนำมาใช้ได้ไม่ต่างจากที่ผมเคยใช้ในตลาดหุ้นไทย แต่จุดที่นับว่ายากของการลงทุนในต่างประเทศคือการที่นักลงทุนไม่สามารถเข้าไปสำรวจกิจการได้ด้วยตัวเองเหมือนกับกิจการในไทย ทั้งนี้เพราะระยะทางที่ห่างไกล ทำให้ต้องรอฟังข่าวหรืออ่านหนังสือพิมพ์ ซึ่งอาจทำให้ล่าช้าไม่ทันการ ในขณะที่นักลงทุนเจ้าบ้านเขาสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของกิจการ ได้ก่อนเราทำให้สามารถตัดสินใจได้เร็วกว่า ดังกรณีศึกษาดังต่อไปนี้
TESCO กิจการค้าปลีกชื่อดังสัญชาติอังกฤษที่มีสาขามากมายทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย มีนักลงทุน และกองทุนระดับโลกหลายรายให้ความสนใจลงทุนในบริษัทแห่งนี้ เพราะเชื่อมั่นในพื้นฐานของกิจการ ค้าปลีกขนาดใหญ่ว่าเป็นกิจการที่มีความมั่นคงสูง รับเงินสดมากมายตลอดเวลา กิจการ TESCO มีมูลค่า สูงสุดในปี 2007 ประมาณ 2 ล้านล้านบาท แต่เมื่อหันมาดูมูลค่ากิจการในปัจจุบันกลับลดลงมากกว่าครึ่ง โดยเหลือแค่ประมาณ 8 แสนล้านบาท ทั้งนี้ปัญหาหลักที่ TESCO กำลังเผชิญอยู่อย่างหนักก็คือ ร้านค้าปลีก สัญชาติเยอรมันสองบริษัทคือ ALDI กับ LIDL ที่ขายของตัดราคา TESCO และ พฤติกรรมการจับจ่าย ของชาวอังกฤษที่เปลี่ยนไปหลังจาก วิกฤตปี 2008 หันไปซื้อของกินของใช้จากซุเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็ก ที่อยู่ใกล้บ้านและไปบ่อยขึ้น แทนที่จะไปร้านซุเปอร์โสตร์ขนาดใหญ่เหมือนแต่ก่อน
เรื่องแบบนี้ถ้าเกิดขึ้นในประเทศบ้านเกิดเมืองนอนเหล่านักลงทุนที่ขยันทำการบ้านย่อมสังเกตุเห็นการ เปลี่ยนแปลงได้ก่อนที่เป็นข่าว แต่พอเป็นต่างประเทศทำให้มีการเสียเปรียบการเข้าถึงข้อมูลด้านนี้ไป สถานการณ์ของ TESCO เลวร้ายลงถึงขนาดที่ว่าเมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา ทางบริษัทได้ ออกมายอมรับ ว่ามีการรายงานกำไรหกเดือนของปีนี้เกินจริงไปถึง 12,500 ล้านบาท หลังประกาศ ราคาก็ไหลรูด ลงมาสิบเปอร์เซนต์ ตอนนี้ TESCO ซื้อขายกันที่ PE แค่ 8 เท่า PBV แค่ 1 เท่า ซึ่งดูแล้วต่างจากหุ้น ค้าปลีกบ้านเราอักโข คงเป็นเพราะว่านักลงทุนคงเกิดคำถามที่ว่า เราจะยังไว้ใจใน ผู้บริหารเหล่านี้ได้อีกไหม?
Abercrombie (ANF) แบรนด์เสื้อผ้าดังโดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นของอเมริกา ก็มีชะตากรรม ไม่ต่างอะไรกับ TESCO กำไรสุทธิที่บริษัทเคยทำได้ในปี 2007 เกือบ 500 ล้านเหรียญมาถึงตอนนี้หายไปเกินครึ่ง เมื่อกำไรหายไป มูลค่ากิจการก็ลดลงไปในทิศทางเดียวกัน แบรนด์ที่เคยแข็งแกร่งมาตลอด ได้สูญเสียความ นิยมไปเมื่อการออกแบบผลิตภัณฑ์มีปัญหา คนเข้าร้านน้อยลงกว่าแต่ก่อนแบบเห็นได้ชัด เรื่องแบบนี้ นักลงทุนที่อยู่ในพื้นที่จะรับรู้การเปลี่ยนแปลงได้เร็วกว่านักลงทุนที่อยู่ต่างประเทศมาก
นอกจากปัญหาการเข้าถึงข้อมูลภาคสนามที่นักลงทุนไทยต้องเสียเปรียบแล้ว การลงทุนในต่างประเทศยังมี ข้อมูลจำกัดในเรื่องของพื้นเพของผู้บริหารว่าครอบครัวมีที่มาที่ไปอย่างไร ไว้ใจได้ไหม ชื่อเสียงวงศ์ตระกูล มีอะไรด่างพร้อยหรือไม่ เช่นเมื่อวันที่ 16 กันยาที่ผ่านมา บริษัท Ultrasonic AG ซึ่งจดทะเบียนในเยอรมัน ได้ยื่นรายงานต่อตลาดว่า CEO และ COO (ซึ่งเป็นลูกชายของ CEO) ได้หายตัวไปพร้อมกับเงินสด ในธนาคารของบริษัท ทางบริษัทพยายามติดต่อแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ทันทีที่ตลาดรับรู้ข่าว ในวันนั้น หุ้นของ Ultrasonic ได้ตกลงถึง 70% ในที่สุด CEO ก็ได้ปรากฎตัวพร้อมกับยอมรับว่าเอาเงินไปจริง และเอาไปใช้เรื่องส่วนตัว พร้อมกับให้สัญญาว่าจะเอาเงินมาคืนบริษัทเร็วๆนี้
การลงทุนในต่างประเทศนั้นจริงๆก็มีข้อดีอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการมีทางเลือกใหม่ มีบริษัทค้าปลีก ร้านอาหาร โรงพยาบาล โรงแรม ร้านค้าออนไลน์ อีกมากมายให้นักลงทุนได้เลือก มีหุ้นหลายตัว ในต่างประเทศที่ราคาขึ้นไปมากกว่าห้าเท่านับตั้งแต่ช่วงวิกฤตปี 2008 ขึ้นเป็นสิบเท่าก็มี แต่ความเสี่ยง ของการลงทุนในต่างประเทศนั้นก็ดูเหมือนมีมากกว่าการลงทุนในประเทศ ดังนั้นนักลงทุนคงต้องศึกษา หาความรู้รอบด้านเกี่ยวกับประเทศเป้าหมายให้ดีก่อนตัดสินใจเข้าไปลงทุน และควรเริ่มต้นด้วยเงิน น้อยๆก่อน ดูอย่างโฮมโปรกับเซ็นทรัลพัฒนาไปเปิดสาขาที่มาเลเซีย ก็เริ่มจากลองดูก่อนหนึ่งสาขา ขนาดบริษัททุนหนายังไม่ประมาท เหล่านักลงทุนรายย่อยเราก็ไม่ควรประมาทเช่นเดียวกัน
ในปีนี้ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นตันมาดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทยได้ปรับตัวขึ้นมาเกือบ 23% ติดอันดับ หนึ่งในสิบของตลาดหุ้นหลักที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในโลกทำให้นักลงทุนไทยหลายคนเริ่มรู้สึกว่าหุ้นไทยแพง และเริ่มมองหาโอกาสที่จะลงทุนในหุ้นต่างประเทศ จากประสบการณ์ที่ผมเคยลงทุนในตลาดหุ้น ต่างประเทศมาพบว่าหลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่าสามารถนำมาใช้ได้ไม่ต่างจากที่ผมเคยใช้ในตลาดหุ้นไทย แต่จุดที่นับว่ายากของการลงทุนในต่างประเทศคือการที่นักลงทุนไม่สามารถเข้าไปสำรวจกิจการได้ด้วยตัวเองเหมือนกับกิจการในไทย ทั้งนี้เพราะระยะทางที่ห่างไกล ทำให้ต้องรอฟังข่าวหรืออ่านหนังสือพิมพ์ ซึ่งอาจทำให้ล่าช้าไม่ทันการ ในขณะที่นักลงทุนเจ้าบ้านเขาสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของกิจการ ได้ก่อนเราทำให้สามารถตัดสินใจได้เร็วกว่า ดังกรณีศึกษาดังต่อไปนี้
TESCO กิจการค้าปลีกชื่อดังสัญชาติอังกฤษที่มีสาขามากมายทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย มีนักลงทุน และกองทุนระดับโลกหลายรายให้ความสนใจลงทุนในบริษัทแห่งนี้ เพราะเชื่อมั่นในพื้นฐานของกิจการ ค้าปลีกขนาดใหญ่ว่าเป็นกิจการที่มีความมั่นคงสูง รับเงินสดมากมายตลอดเวลา กิจการ TESCO มีมูลค่า สูงสุดในปี 2007 ประมาณ 2 ล้านล้านบาท แต่เมื่อหันมาดูมูลค่ากิจการในปัจจุบันกลับลดลงมากกว่าครึ่ง โดยเหลือแค่ประมาณ 8 แสนล้านบาท ทั้งนี้ปัญหาหลักที่ TESCO กำลังเผชิญอยู่อย่างหนักก็คือ ร้านค้าปลีก สัญชาติเยอรมันสองบริษัทคือ ALDI กับ LIDL ที่ขายของตัดราคา TESCO และ พฤติกรรมการจับจ่าย ของชาวอังกฤษที่เปลี่ยนไปหลังจาก วิกฤตปี 2008 หันไปซื้อของกินของใช้จากซุเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็ก ที่อยู่ใกล้บ้านและไปบ่อยขึ้น แทนที่จะไปร้านซุเปอร์โสตร์ขนาดใหญ่เหมือนแต่ก่อน
เรื่องแบบนี้ถ้าเกิดขึ้นในประเทศบ้านเกิดเมืองนอนเหล่านักลงทุนที่ขยันทำการบ้านย่อมสังเกตุเห็นการ เปลี่ยนแปลงได้ก่อนที่เป็นข่าว แต่พอเป็นต่างประเทศทำให้มีการเสียเปรียบการเข้าถึงข้อมูลด้านนี้ไป สถานการณ์ของ TESCO เลวร้ายลงถึงขนาดที่ว่าเมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา ทางบริษัทได้ ออกมายอมรับ ว่ามีการรายงานกำไรหกเดือนของปีนี้เกินจริงไปถึง 12,500 ล้านบาท หลังประกาศ ราคาก็ไหลรูด ลงมาสิบเปอร์เซนต์ ตอนนี้ TESCO ซื้อขายกันที่ PE แค่ 8 เท่า PBV แค่ 1 เท่า ซึ่งดูแล้วต่างจากหุ้น ค้าปลีกบ้านเราอักโข คงเป็นเพราะว่านักลงทุนคงเกิดคำถามที่ว่า เราจะยังไว้ใจใน ผู้บริหารเหล่านี้ได้อีกไหม?
Abercrombie (ANF) แบรนด์เสื้อผ้าดังโดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นของอเมริกา ก็มีชะตากรรม ไม่ต่างอะไรกับ TESCO กำไรสุทธิที่บริษัทเคยทำได้ในปี 2007 เกือบ 500 ล้านเหรียญมาถึงตอนนี้หายไปเกินครึ่ง เมื่อกำไรหายไป มูลค่ากิจการก็ลดลงไปในทิศทางเดียวกัน แบรนด์ที่เคยแข็งแกร่งมาตลอด ได้สูญเสียความ นิยมไปเมื่อการออกแบบผลิตภัณฑ์มีปัญหา คนเข้าร้านน้อยลงกว่าแต่ก่อนแบบเห็นได้ชัด เรื่องแบบนี้ นักลงทุนที่อยู่ในพื้นที่จะรับรู้การเปลี่ยนแปลงได้เร็วกว่านักลงทุนที่อยู่ต่างประเทศมาก
นอกจากปัญหาการเข้าถึงข้อมูลภาคสนามที่นักลงทุนไทยต้องเสียเปรียบแล้ว การลงทุนในต่างประเทศยังมี ข้อมูลจำกัดในเรื่องของพื้นเพของผู้บริหารว่าครอบครัวมีที่มาที่ไปอย่างไร ไว้ใจได้ไหม ชื่อเสียงวงศ์ตระกูล มีอะไรด่างพร้อยหรือไม่ เช่นเมื่อวันที่ 16 กันยาที่ผ่านมา บริษัท Ultrasonic AG ซึ่งจดทะเบียนในเยอรมัน ได้ยื่นรายงานต่อตลาดว่า CEO และ COO (ซึ่งเป็นลูกชายของ CEO) ได้หายตัวไปพร้อมกับเงินสด ในธนาคารของบริษัท ทางบริษัทพยายามติดต่อแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ทันทีที่ตลาดรับรู้ข่าว ในวันนั้น หุ้นของ Ultrasonic ได้ตกลงถึง 70% ในที่สุด CEO ก็ได้ปรากฎตัวพร้อมกับยอมรับว่าเอาเงินไปจริง และเอาไปใช้เรื่องส่วนตัว พร้อมกับให้สัญญาว่าจะเอาเงินมาคืนบริษัทเร็วๆนี้
การลงทุนในต่างประเทศนั้นจริงๆก็มีข้อดีอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการมีทางเลือกใหม่ มีบริษัทค้าปลีก ร้านอาหาร โรงพยาบาล โรงแรม ร้านค้าออนไลน์ อีกมากมายให้นักลงทุนได้เลือก มีหุ้นหลายตัว ในต่างประเทศที่ราคาขึ้นไปมากกว่าห้าเท่านับตั้งแต่ช่วงวิกฤตปี 2008 ขึ้นเป็นสิบเท่าก็มี แต่ความเสี่ยง ของการลงทุนในต่างประเทศนั้นก็ดูเหมือนมีมากกว่าการลงทุนในประเทศ ดังนั้นนักลงทุนคงต้องศึกษา หาความรู้รอบด้านเกี่ยวกับประเทศเป้าหมายให้ดีก่อนตัดสินใจเข้าไปลงทุน และควรเริ่มต้นด้วยเงิน น้อยๆก่อน ดูอย่างโฮมโปรกับเซ็นทรัลพัฒนาไปเปิดสาขาที่มาเลเซีย ก็เริ่มจากลองดูก่อนหนึ่งสาขา ขนาดบริษัททุนหนายังไม่ประมาท เหล่านักลงทุนรายย่อยเราก็ไม่ควรประมาทเช่นเดียวกัน
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อันตรายในต่างแดน / คนขายของ
โพสต์ที่ 12
ก่อนอื่น
ขอบคุณสำหรับ
บทความคุณภาพสูง
ติดตามเสมอๆ
......
อ่านแล้วก็เลย
ไปค้นต่อเรื่อง ali
สนุกดีมาแปะให้ดูบางส่วน
model แปลกดี
ถ้าทาง still long run way
....
1. ตัวเลข growth
2011-2014 share growth%
for uk (เลื่อนลงมาหลัง วรรค Ireland เป็นตาราง)
http://grocerynews.org/2012-06-16-08-27 ... ery-stores
2. เก่า 2003 Threat
http://www.techbusiness.me/files/aldivslidl.pdf
3. โฆษณา
http://www.kantarretailiq.com/Conversat ... ?id=548566
3.1 ad in fr youtube
[youtube]-QWgf2KM748[/youtube]
..
3.2
[youtube]85bsYoCs4os[/youtube]
3.3
[youtube]ZLdA4YLbIto[/youtube]
ดูเหมือนแมวจะมองปลาทองมากกว่า
~~~
4. กลุ่ม เสื้อผ้าบ้าง
ranking จาก FAST RETAILING(UNIQLO)
http://www.fastretailing.com/eng/ir/dir ... ition.html
H&M UNiqlo zara
เมื่อหลายปีก่อนไม่เห็น
..
ขอบคุณสำหรับ
บทความคุณภาพสูง
ติดตามเสมอๆ
......
อ่านแล้วก็เลย
ไปค้นต่อเรื่อง ali
สนุกดีมาแปะให้ดูบางส่วน
model แปลกดี
ถ้าทาง still long run way
....
1. ตัวเลข growth
2011-2014 share growth%
for uk (เลื่อนลงมาหลัง วรรค Ireland เป็นตาราง)
http://grocerynews.org/2012-06-16-08-27 ... ery-stores
2. เก่า 2003 Threat
http://www.techbusiness.me/files/aldivslidl.pdf
3. โฆษณา
http://www.kantarretailiq.com/Conversat ... ?id=548566
3.1 ad in fr youtube
[youtube]-QWgf2KM748[/youtube]
..
3.2
[youtube]85bsYoCs4os[/youtube]
3.3
[youtube]ZLdA4YLbIto[/youtube]
ดูเหมือนแมวจะมองปลาทองมากกว่า
~~~
4. กลุ่ม เสื้อผ้าบ้าง
ranking จาก FAST RETAILING(UNIQLO)
http://www.fastretailing.com/eng/ir/dir ... ition.html
H&M UNiqlo zara
เมื่อหลายปีก่อนไม่เห็น
..
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อันตรายในต่างแดน / คนขายของ
โพสต์ที่ 14
ขอบคุณครับพี่ชาย
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ