การซื้อแผ่นเพลงหนังลิขสิทธิ์แท้มีผลดีผลเสียต่อ eco ยังไงบ้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 337
- ผู้ติดตาม: 0
การซื้อแผ่นเพลงหนังลิขสิทธิ์แท้มีผลดีผลเสียต่อ eco ยังไงบ้าง
โพสต์ที่ 1
ผมนำกระทู้นี้มาจากพันทิพย์ครับ
ความเห็นส่วนตัวนะครับ
สำหรับผมนะครับ การมีแผ่นผีมีข้อดีตรงที่คนจนที่ไม่ค่อยมีเงินก็สามารถซื้อหนังราคาถูกมาดูได้ ได้รับอรรถประโยชน์เพิ่มขึ้น ถ้าพูดถึงด้านความเท่าเทียมนะครับ ในแง่การกระจายรายได้ผมว่าไม่ค่อยเท่าไรครับ เพราะเป็นการจ้างงานที่ได้ค่าแรงต่ำ แต่ถ้าพูดในด้านประสิทธิภาพแล้วข้อแรกเลยคือรัฐสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มครับ เพราะสินค้าผิดกฎหมายพวกนี้ไม่เสียภาษีอยู่แล้ว สองคือ กลุ่มผู้ผลิตผิดกฎหมายที่ไม่มีความสามารถอะไรเลยเพียงแค่ใช้เส้นสายกับตำรวจ ก็สามารถเข้ามาในธุรกิจนี้ได้โดยไม่ต้องถูกจับ และกอบโกยกำไรได้มากมาย สามคือ มีผู้มีอิทธิพลที่แสวงหาส่วนเกินทางเศรษฐกิจจากการรับสินบนจากผู้ประกอบการผิดกฎหมายทำให้เงินรั่วไหลออกนอกระบบเศรษฐกิจแทนที่จะเข้ารัฐเพื่อที่จะนำภาษีตรงนี้ไปพัฒนาประเทศก็ต้องหายไป สร้างความไม่เท่าเทียมให้เพิ่มขึ้น เพราะเงินไปกระจุกอยู่กับคนบางกลุ่ม สี่ หากไม่มีการดำเนินคดีจับกุมอย่างจริงจัง สุดท้ายผู้ประกอบการที่ทำถูกต้องทุกอย่างจะเริ่มออกจากตลาด คนทำหนังดีๆ แต่ไม่มีคนซื้อแผ่นแท้เพื่ออุดหนุนเค้า เพราะแผ่นผีถูกกว่า จะหมดแรงจูงใจที่จะสร้างสรรผลงานดีๆออกมา สุดท้าย สิ่งประดิษฐ์ดีๆ หนังดี หรือนวัตกรรมดีๆ ก็จะหมดไป แล้วนึกถึงโลกที่ไม่มีคนค้นสร้างสิ่งใหม่สิครับ ว่าจะเป็นยังไง ดูอย่างประเทศไทยสิครับ เป็นฐานผลิตสินค้าหลายอย่าง แต่ก็ทำได้แค่รับจ้างผลิต ได้แค่ margin บางๆ ผลิตได้แต่สินค้าไม่มีมุลค่าเพิ่ม จริงๆประเทศเรามีบุคลากรดีๆที่มีความคิดสร้างสรรแล้วไปทำงานกับบริษัทระดับโลกมากมาย น่าเจ็บใจนะครับ ที่คนเหล่านั้นควรที่จะสร้างสรรสิ่งใหม่ๆให้กับประเทศเราแท้ๆ แต่ก็ว่าเค้าไม่ได้ครับเพราะการบังคับใช้กฎหมายบ้านเราด้านลิขสิทธิ์ยังอ่อนมาก ใครก็ไม่กล้าคิดสิ่งใหม่ๆหรอกครับ เพราะกลัวโดนก็อป ถ้าหากประเทศเรามีสิ่งประดิษฐ์หรือสามารถผลิตสินค้าที่คุณภาพสูง ขายได้ราคาที่ดี ประเทศเราคงมี GDP ที่ดีกว่านี้มากครับ รวมถึงรายได้เข้ารัฐก็คงเยอะกว่านี้ แล้วก็ไม่ต้องไปรอให้ประเทศนู้นนี้มาลงทุน เพราะเราสามารถผลิตได้เอง แล้วก็จะมีการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงแรงงานก็ได้พัฒนาทักษะ ให้สูงขึ้นเพิ่อรองรับกับการการผลิตมี่มีเทคโนโลยีสูงครับ ซึ่งเมื่
อ skill ดีแล้ว ค่าแรงที่ดีก็ตามมา นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นครับ
โดยส่วนตัวผมเอง ไม่ซื้อแผ่นผีนะครับ ซื้อแผ่นแท้ ซึ่งก็นานๆซื้อที เพราะราคาแพงครับ แล้วก็ภูมิใจที่ไม่ได้ทำร้ายผู้ประกอบการที่ดี และไม่ส่งเสริมผู้ประกอบการที่ไม่ดีครับ
ปล. ผมจะไม่ว่าผู้บริโภคนะครับ เพราะคนเราก็ต่างกัน การมีแผ่นผีก็อย่างที่บอกข้างต้นครับทำให้คนที่ไม่มีโอกาสได้ดูหนังดีๆได้มีโอกาสดูเพราะรายได้น้อย และอาจได้แรงบันดาลใจจากหนังในการทำสิ่งดีๆก็ได้ครับ ถ้าจะโทษผมโทษเจ้าหน้าที่ที่บังคับใช้กฎหมายหละหลวม และผู้ประกอบการที่ดีด้วยส่วนนึงครับที่ขายสินค้าในราคาที่แพง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเค้ามีต้นทุนอะไรรึเปล่านะครับ เลยขายต่ำกว่าราคาปัจจุบันไม่ได้
ความเห็นส่วนตัวนะครับ
สำหรับผมนะครับ การมีแผ่นผีมีข้อดีตรงที่คนจนที่ไม่ค่อยมีเงินก็สามารถซื้อหนังราคาถูกมาดูได้ ได้รับอรรถประโยชน์เพิ่มขึ้น ถ้าพูดถึงด้านความเท่าเทียมนะครับ ในแง่การกระจายรายได้ผมว่าไม่ค่อยเท่าไรครับ เพราะเป็นการจ้างงานที่ได้ค่าแรงต่ำ แต่ถ้าพูดในด้านประสิทธิภาพแล้วข้อแรกเลยคือรัฐสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มครับ เพราะสินค้าผิดกฎหมายพวกนี้ไม่เสียภาษีอยู่แล้ว สองคือ กลุ่มผู้ผลิตผิดกฎหมายที่ไม่มีความสามารถอะไรเลยเพียงแค่ใช้เส้นสายกับตำรวจ ก็สามารถเข้ามาในธุรกิจนี้ได้โดยไม่ต้องถูกจับ และกอบโกยกำไรได้มากมาย สามคือ มีผู้มีอิทธิพลที่แสวงหาส่วนเกินทางเศรษฐกิจจากการรับสินบนจากผู้ประกอบการผิดกฎหมายทำให้เงินรั่วไหลออกนอกระบบเศรษฐกิจแทนที่จะเข้ารัฐเพื่อที่จะนำภาษีตรงนี้ไปพัฒนาประเทศก็ต้องหายไป สร้างความไม่เท่าเทียมให้เพิ่มขึ้น เพราะเงินไปกระจุกอยู่กับคนบางกลุ่ม สี่ หากไม่มีการดำเนินคดีจับกุมอย่างจริงจัง สุดท้ายผู้ประกอบการที่ทำถูกต้องทุกอย่างจะเริ่มออกจากตลาด คนทำหนังดีๆ แต่ไม่มีคนซื้อแผ่นแท้เพื่ออุดหนุนเค้า เพราะแผ่นผีถูกกว่า จะหมดแรงจูงใจที่จะสร้างสรรผลงานดีๆออกมา สุดท้าย สิ่งประดิษฐ์ดีๆ หนังดี หรือนวัตกรรมดีๆ ก็จะหมดไป แล้วนึกถึงโลกที่ไม่มีคนค้นสร้างสิ่งใหม่สิครับ ว่าจะเป็นยังไง ดูอย่างประเทศไทยสิครับ เป็นฐานผลิตสินค้าหลายอย่าง แต่ก็ทำได้แค่รับจ้างผลิต ได้แค่ margin บางๆ ผลิตได้แต่สินค้าไม่มีมุลค่าเพิ่ม จริงๆประเทศเรามีบุคลากรดีๆที่มีความคิดสร้างสรรแล้วไปทำงานกับบริษัทระดับโลกมากมาย น่าเจ็บใจนะครับ ที่คนเหล่านั้นควรที่จะสร้างสรรสิ่งใหม่ๆให้กับประเทศเราแท้ๆ แต่ก็ว่าเค้าไม่ได้ครับเพราะการบังคับใช้กฎหมายบ้านเราด้านลิขสิทธิ์ยังอ่อนมาก ใครก็ไม่กล้าคิดสิ่งใหม่ๆหรอกครับ เพราะกลัวโดนก็อป ถ้าหากประเทศเรามีสิ่งประดิษฐ์หรือสามารถผลิตสินค้าที่คุณภาพสูง ขายได้ราคาที่ดี ประเทศเราคงมี GDP ที่ดีกว่านี้มากครับ รวมถึงรายได้เข้ารัฐก็คงเยอะกว่านี้ แล้วก็ไม่ต้องไปรอให้ประเทศนู้นนี้มาลงทุน เพราะเราสามารถผลิตได้เอง แล้วก็จะมีการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงแรงงานก็ได้พัฒนาทักษะ ให้สูงขึ้นเพิ่อรองรับกับการการผลิตมี่มีเทคโนโลยีสูงครับ ซึ่งเมื่
อ skill ดีแล้ว ค่าแรงที่ดีก็ตามมา นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นครับ
โดยส่วนตัวผมเอง ไม่ซื้อแผ่นผีนะครับ ซื้อแผ่นแท้ ซึ่งก็นานๆซื้อที เพราะราคาแพงครับ แล้วก็ภูมิใจที่ไม่ได้ทำร้ายผู้ประกอบการที่ดี และไม่ส่งเสริมผู้ประกอบการที่ไม่ดีครับ
ปล. ผมจะไม่ว่าผู้บริโภคนะครับ เพราะคนเราก็ต่างกัน การมีแผ่นผีก็อย่างที่บอกข้างต้นครับทำให้คนที่ไม่มีโอกาสได้ดูหนังดีๆได้มีโอกาสดูเพราะรายได้น้อย และอาจได้แรงบันดาลใจจากหนังในการทำสิ่งดีๆก็ได้ครับ ถ้าจะโทษผมโทษเจ้าหน้าที่ที่บังคับใช้กฎหมายหละหลวม และผู้ประกอบการที่ดีด้วยส่วนนึงครับที่ขายสินค้าในราคาที่แพง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเค้ามีต้นทุนอะไรรึเปล่านะครับ เลยขายต่ำกว่าราคาปัจจุบันไม่ได้
-
- Verified User
- โพสต์: 66
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การซื้อแผ่นเพลงหนังลิขสิทธิ์แท้มีผลดีผลเสียต่อ eco ยังไง
โพสต์ที่ 2
จากที่ผมทำงานด้านดนตรี เสียงเพลงมานั้น ก็พอจะบอกเล่าว่าเกี่ยวกับภาคเศรษฐกิจอยา่งไรบ้าง
1.อาชีพนักแต่งเพลง ซึ่งมีทั้งทีมเขียนเนื้อเพลง ทีมแต่งทำนอง ทีม เรียบเรียงดนตรี มิกซ์เพลง ซาวน์เอนจิเนียร์ ห้องอัด ถ้างานเพลงขายได้น้อยลง ทีมเหล่านี้ก็จะกระทบก่อนเลย
2.อาชีพนักดนตรี ก็จะมีงานเพลงดีๆออกมาน้อยลงเพราะผลจากการลดขั้นตอนของงานจากข้อที่1
3.ศิลปินใหม่ๆและเก่าๆก็จะมีงานออกมาน้อยลงมากขึ้น จากแต่ก่อนออกกันเป็นอัลบั้ม ทีมข้อ1 ก็จะมีรายได้ตามมาตรฐาน ตอนนี้ออกมาเป็นซิงเกิ้ล รายได้ก็ลดลงไปเลยมาก เพ่ือนๆที่เป็นนักแต่งเพลงก็ต้องออกไปทำงานอื่นกันหลายคน
4.ร้านเทปต่างๆล้มหายตายจากไปเยอะเลย เจ้าของร้าน คนส่งเทป สายส่งเทปซีดี ป้ายโปสเตอร์ รูปศิลปินเพื่อโปรโมต
5.งานอีเว้นท์ คอนเสิร์ต และกิจกรรมต่างๆ ก็จะลดน้อยลงไป ตามยอดขายหรือกระแสเพลง ในช่วงนั้น ครับ ลองสังเกตุได้ช่วงนี้จะเข้าหน้าหนาวแล้ว แต่การโปรโมตงานคอนเสิร์ตตามสถานที่ต่างๆลดไปมาก ซึ่งการจัดงานต่างๆเหล่านี้จะต้องมีทีมออแกไนซ์ ทีมเครื่องเสียง แสง สี ระบบเวที การจัดการ ทีมงานต่างๆมากมายก็ สร้างงานตรงนี้ก็ลดลงไปเยอะตามความนิยม
6.โรงเรียนสอนดนตรี ก็จะกระทบ ถ้ามีเพลงที่เป็นแรงบันดาลใจในแต่ละปี ก็จะมีคนมาเรียนมากขึ้นตามแรงบันดาลใจ เช่นกัน
7.งานดนตรีก็กระทบเช่นกัน
ส่วนหนังลิขสิทธิ์ก็มีส่วนครับ ปัญหาก็จะคล้ายๆกัน
ที่เจอปัญหาก็ประมาณนี้ครับ
1.อาชีพนักแต่งเพลง ซึ่งมีทั้งทีมเขียนเนื้อเพลง ทีมแต่งทำนอง ทีม เรียบเรียงดนตรี มิกซ์เพลง ซาวน์เอนจิเนียร์ ห้องอัด ถ้างานเพลงขายได้น้อยลง ทีมเหล่านี้ก็จะกระทบก่อนเลย
2.อาชีพนักดนตรี ก็จะมีงานเพลงดีๆออกมาน้อยลงเพราะผลจากการลดขั้นตอนของงานจากข้อที่1
3.ศิลปินใหม่ๆและเก่าๆก็จะมีงานออกมาน้อยลงมากขึ้น จากแต่ก่อนออกกันเป็นอัลบั้ม ทีมข้อ1 ก็จะมีรายได้ตามมาตรฐาน ตอนนี้ออกมาเป็นซิงเกิ้ล รายได้ก็ลดลงไปเลยมาก เพ่ือนๆที่เป็นนักแต่งเพลงก็ต้องออกไปทำงานอื่นกันหลายคน
4.ร้านเทปต่างๆล้มหายตายจากไปเยอะเลย เจ้าของร้าน คนส่งเทป สายส่งเทปซีดี ป้ายโปสเตอร์ รูปศิลปินเพื่อโปรโมต
5.งานอีเว้นท์ คอนเสิร์ต และกิจกรรมต่างๆ ก็จะลดน้อยลงไป ตามยอดขายหรือกระแสเพลง ในช่วงนั้น ครับ ลองสังเกตุได้ช่วงนี้จะเข้าหน้าหนาวแล้ว แต่การโปรโมตงานคอนเสิร์ตตามสถานที่ต่างๆลดไปมาก ซึ่งการจัดงานต่างๆเหล่านี้จะต้องมีทีมออแกไนซ์ ทีมเครื่องเสียง แสง สี ระบบเวที การจัดการ ทีมงานต่างๆมากมายก็ สร้างงานตรงนี้ก็ลดลงไปเยอะตามความนิยม
6.โรงเรียนสอนดนตรี ก็จะกระทบ ถ้ามีเพลงที่เป็นแรงบันดาลใจในแต่ละปี ก็จะมีคนมาเรียนมากขึ้นตามแรงบันดาลใจ เช่นกัน
7.งานดนตรีก็กระทบเช่นกัน
ส่วนหนังลิขสิทธิ์ก็มีส่วนครับ ปัญหาก็จะคล้ายๆกัน
ที่เจอปัญหาก็ประมาณนี้ครับ
ดนตรีนั้นคือชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 845
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การซื้อแผ่นเพลงหนังลิขสิทธิ์แท้มีผลดีผลเสียต่อ eco ยังไง
โพสต์ที่ 3
สมัยหนุ่มๆผมเคยทำเพลงกับเพื่อนขายงาน fat ครับ ขอมองในมุมคนทำเพลงละกัน
ถ้าคนละเมิดลิขสิทธิ์มากๆ คนทำงานก็ไม่รู้จะทำออกมาทำไมอ่ะครับ เพราะทำไปก็ไม่ได้ตังค์ ถ้าเป็นกลุ่มศิลปินที่มีฐานะรองรับอยู่แล้ว ทำขำๆสนอง inner ก็โอเคอยู่ แต่ถ้าคนธรรมดา ทำไปขายไม่ได้ก็ต้องเลิกครับ เพราะกว่าจะทำงานออกขายได้มันก็มีต้นทุนมาก่อน เช่น ค่าห้องซ้อม ค่าห้องอัดทำ demo เสนอค่าย พอไม่มีคนทำงาน มันก็เป็นลูกโซ่แบบที่คุณ musicman ว่า
ผมว่าค่านิยมบ้านเราไม่ค่อยยอมเสียเงินให้ของที่จับต้องไม่ได้ อย่าง เพลง หนัง เกม เท่าไหร่ ไม่ได้มีค่านิยมแบบแฟนพันธ์แท้ต้องซื้อของแท้มาบูชาเท่าไหร่ ทั้งที่จริงๆเดี๋ยวนี้ของพวกนี้ก็ถูกลงมาก อย่างเพลงถ้าซื้อใน itune เพลงหนึ่งก็ไม่กี่เหรียญเอง ผมก็เห็นคนซื้อแผ่นรวม mp3 มาแชร์ๆกัน ทั้งที่บางคนก็เป็นกลุ่มมีกำลังซื้อ (เงินเดือนหลายหมื่น)
ถ้าคนละเมิดลิขสิทธิ์มากๆ คนทำงานก็ไม่รู้จะทำออกมาทำไมอ่ะครับ เพราะทำไปก็ไม่ได้ตังค์ ถ้าเป็นกลุ่มศิลปินที่มีฐานะรองรับอยู่แล้ว ทำขำๆสนอง inner ก็โอเคอยู่ แต่ถ้าคนธรรมดา ทำไปขายไม่ได้ก็ต้องเลิกครับ เพราะกว่าจะทำงานออกขายได้มันก็มีต้นทุนมาก่อน เช่น ค่าห้องซ้อม ค่าห้องอัดทำ demo เสนอค่าย พอไม่มีคนทำงาน มันก็เป็นลูกโซ่แบบที่คุณ musicman ว่า
ผมว่าค่านิยมบ้านเราไม่ค่อยยอมเสียเงินให้ของที่จับต้องไม่ได้ อย่าง เพลง หนัง เกม เท่าไหร่ ไม่ได้มีค่านิยมแบบแฟนพันธ์แท้ต้องซื้อของแท้มาบูชาเท่าไหร่ ทั้งที่จริงๆเดี๋ยวนี้ของพวกนี้ก็ถูกลงมาก อย่างเพลงถ้าซื้อใน itune เพลงหนึ่งก็ไม่กี่เหรียญเอง ผมก็เห็นคนซื้อแผ่นรวม mp3 มาแชร์ๆกัน ทั้งที่บางคนก็เป็นกลุ่มมีกำลังซื้อ (เงินเดือนหลายหมื่น)
all i need is Zero
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: การซื้อแผ่นเพลงหนังลิขสิทธิ์แท้มีผลดีผลเสียต่อ eco ยังไง
โพสต์ที่ 4
อีกมุมหนึ่งในทางธรรม จาก ดังตฤณ
"ถาม – การซื้อซอฟต์แวร์เถื่อน ถือว่าเราละเมิดศีลข้ออทินนาทานหรือไม่? และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นคืออะไรบ้างครับ?
ถ้าเชื่อเสียอย่างว่าถูก ก็เป็นเรื่องยากที่ใครจะบอกว่าผิด และถ้าเชื่อเสียอย่างว่าผิด ก็เป็นเรื่องยากที่ใครจะบอกว่าถูก แม้ว่าเกี่ยวกับกรณีนี้จะมีแง่มุมที่ซับซ้อน คลุมเครือ และเป็นสีเทามากกว่าดำสนิทหรือขาวสะอาดสำหรับฝ่ายผู้ซื้อ
ในที่นี้ขอออกตัวว่าผมตอบจากการเล็งไปที่พฤติของจิตและกรอบของศีลข้อ ๒ มิใช่มุมมองเชิงปรัชญาว่าด้วยการตัดสินอะไรดีอะไรชั่ว ซึ่งคิดไปได้หลายอย่าง หลายแนว สุดแท้แต่มุมมองของแต่ละคน
การก่อกรรมว่าด้วยการผิดศีลข้ออทินนาทาน หรือพูดง่ายๆว่าลักขโมยของของผู้อื่นมาเป็นของตนโดยมิชอบ มิได้รับความยินยอมจากเจ้าของนั้น มีองค์ประกอบอย่างละเอียดคือ
๑) วัตถุมิใช่ของของตน เป็นของในกรรมสิทธิ์ครอบครองของผู้อื่น
๒) ใจรู้อยู่ว่าไม่ใช่ของของตน
๓) มีใจเล็งโลภอย่างแรงกล้าว่าจะเอามาเป็นของตน ทั้งรู้ว่าเจ้าของไม่ยินยอม
๔) มีความพยายามที่จะขโมย
๕) นำมาอยู่ในมือตนสำเร็จ หรือครอบครองในทางใดทางหนึ่ง แม้เพียงเสี้ยววินาที
เมื่อครบองค์ประกอบดังกล่าว ไม่ว่าเจ้าของเดิมจะเดือดร้อนหรือไม่เดือดร้อน เราก็ได้ชื่อว่าก่อกรรมข้ออทินนาทานเรียบร้อยแล้ว เป็นหัวขโมยแล้วครั้งหนึ่ง และจะเป็นหัวขโมยขนานแท้เมื่อปราศจากความรู้สึกผิดอย่างสิ้นเชิง แต่อาจเป็นหัวขโมยสมัครเล่นที่ก่อกรรมอทินนาทานไม่หนักแน่นนัก
คราวนี้มาพิจารณาดูว่าขณะจิตที่คิดซื้อซีดีเถื่อนนั้นเป็นอย่างไรเมื่อเทียบเคียงกับ ๕ ข้อข้างต้น
๑) วัตถุเป็นของของพ่อค้าซีดีเถื่อน
๒) ใจเรารู้อยู่ว่าเป็นของของพ่อค้า แต่ขณะเดียวกันก็ทราบว่าเขาได้มาโดยมิชอบ เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงไม่เต็มใจให้นำมาขาย
๓) มีใจคิดจ่ายเงินแลกของของพ่อค้าซีดีเถื่อนมาโดยชอบธรรม
๔) ไม่ได้มีความพยายามขโมยของของพ่อค้าซีดีเถื่อน แต่หลีกเลี่ยงที่จะซื้อสินค้าจากผู้ผลิต (มีกรณีแยกย่อยอีก คือสินค้าไม่อาจหาได้จากทางอื่นแม้สั่งซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต เช่นนั้นก็อาจอ้างได้ว่าไม่ใช่เป็นการหลีกเลี่ยง แต่เป็นการจำใจ ซึ่งน้ำหนักอกุศลก็จะลดลง)
๕) นำซีดีของพ่อค้าเถื่อนมาอยู่ในครอบครอง และไม่คิดซื้อของถูกลิขสิทธิ์
จากองค์ประกอบข้างต้นนั้น ทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์เกิดความเดือดเนื้อร้อนใจ หัวขโมยตัวจริงคือพ่อค้าซีดีเถื่อน ส่วนผู้ซื้อซีดีเถื่อนไม่ผิดศีล เพราะซื้อของจากมือพ่อค้า แต่ถ้ามองว่าพ่อค้าเป็นโจรปล้นลิขสิทธิ์ ผู้ซื้อก็หนีไม่พ้นฐานะรับซื้อของโจร
นอกจากนี้ยังมีกรณีแยกย่อยอีก ถ้ามีการไรต์ซีดีไว้แล้ว คุณเห็นอยู่แล้วว่ามีการก๊อปเรียบร้อย คุณไปซื้อมาก็ถือว่าไม่ได้ทำผิดศีล ทำนองเดียวกับที่ซื้อเนื้อจากตลาด สัตว์ตายแล้ว คุณก็ได้ชื่อว่าซื้อซากศพ เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้รู้เห็น ไม่ได้จ้างวานฆ่า ไม่ได้ชื่อว่ามือเปื้อนเลือด ไม่ได้ชื่อว่าใจเปื้อนบาปข้อปาณาติบาต
แต่ถ้ายังไม่มีการไรต์ซีดี ใจคุณรู้อยู่ว่าเขาจะต้องไปไรต์ซีดีตามสั่ง อย่างนี้ใจเรามีส่วนในการร่วมขโมยกับเขาแล้วอย่างน้อยก็หนึ่งในสี่ เหมือนชี้ตัวกุ้งเป็นๆว่าเราจะเอาตัวนี้ ให้เขาจัดการไปเชือดมาลงหม้อโป๊ะแตกให้เรา แม้เราไม่ฆ่าเองด้วยมือ ใจก็ได้ชื่อว่าแปดเปื้อนปาณาติบาต นี่ก็เช่นเดียวกับการไรต์ซีดี แม้คุณไม่ได้เป็นคนกดปุ่มเอง แต่ก็ใช้ให้เขาไปกด ใจจึงได้ชื่อว่าแปดเปื้อนอทินนาทานกับเขาด้วย
สำหรับผลของการซื้อซีดีเถื่อน ซึ่งถือเป็นการร่วมหัวรับซื้อของโจรด้วยกันทั้งประเทศ ถ้ามองโดยภาพรวมก็คือจะส่งให้เป็นผู้ไปอยู่ในเขตที่ผู้คนไม่ค่อยริเริ่มสร้างสรรค์ ไม่ค่อยอยากทำอะไรให้ถูกทำนองคลองธรรม พูดง่ายๆโอกาสเกิดในประเทศด้อยพัฒนามีสูง โดยเฉพาะถ้าใช้ของโดยไม่รู้สึกเห็นใจผู้ผลิตซีดีตัวจริงเลย ไม่อุดหนุนในทางใดทางหนึ่งเลย ก็จะเกิดใหม่ในสิ่งแวดล้อมที่ผู้คนชอบลักกินขโมยกินด้านเทคโนโลยีอีก ให้คิดเองผลิตเองจะขี้เกียจ ไม่กล้าเป็นผู้นำในการค้นคว้าวิจัยกัน
ปัจจุบันที่ยังมีคนพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ และมีค่ายเพลงทำเพลงออกมาป้อนตลาดไหวนั้น ก็เพราะยังมีคนส่วนหนึ่งเต็มใจจ่ายให้ผู้ผลิต แต่เรื่องพวกนี้มีปัจจัยหยุมหยิมเยอะครับ เช่นที่ถกกันมากคือส่วนต่างของค่าเงินระหว่างประเทศนั้นสูงมาก ถ้าขายประเทศหนึ่งร้อยเหรียญ คนประเทศนั้นไม่ต้องควักกระเป๋าหนักนัก แต่ถ้ามาขายอีกประเทศหนึ่ง คนซื้อมีหวังกระเป๋าฉีกตามๆกัน นั่นจึงเกิดข้ออ้างได้มากมายที่เหมือนจะสมเหตุสมผล
เอาเป็นสรุปท้ายคืออย่าตั้งความยินดีไว้กับการซื้อของเถื่อนก็แล้วกันครับ แต่ละครั้งที่ซื้อของเถื่อนแบบไม่เห็นใจเจ้าของตัวจริง คุณสร้างแนวโน้มได้ไปอยู่ในประเทศด้อยพัฒนา ประเทศที่ไม่ให้ความสำคัญกับผู้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ไว้ในตัวแล้ว"
"ถาม – การซื้อซอฟต์แวร์เถื่อน ถือว่าเราละเมิดศีลข้ออทินนาทานหรือไม่? และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นคืออะไรบ้างครับ?
ถ้าเชื่อเสียอย่างว่าถูก ก็เป็นเรื่องยากที่ใครจะบอกว่าผิด และถ้าเชื่อเสียอย่างว่าผิด ก็เป็นเรื่องยากที่ใครจะบอกว่าถูก แม้ว่าเกี่ยวกับกรณีนี้จะมีแง่มุมที่ซับซ้อน คลุมเครือ และเป็นสีเทามากกว่าดำสนิทหรือขาวสะอาดสำหรับฝ่ายผู้ซื้อ
ในที่นี้ขอออกตัวว่าผมตอบจากการเล็งไปที่พฤติของจิตและกรอบของศีลข้อ ๒ มิใช่มุมมองเชิงปรัชญาว่าด้วยการตัดสินอะไรดีอะไรชั่ว ซึ่งคิดไปได้หลายอย่าง หลายแนว สุดแท้แต่มุมมองของแต่ละคน
การก่อกรรมว่าด้วยการผิดศีลข้ออทินนาทาน หรือพูดง่ายๆว่าลักขโมยของของผู้อื่นมาเป็นของตนโดยมิชอบ มิได้รับความยินยอมจากเจ้าของนั้น มีองค์ประกอบอย่างละเอียดคือ
๑) วัตถุมิใช่ของของตน เป็นของในกรรมสิทธิ์ครอบครองของผู้อื่น
๒) ใจรู้อยู่ว่าไม่ใช่ของของตน
๓) มีใจเล็งโลภอย่างแรงกล้าว่าจะเอามาเป็นของตน ทั้งรู้ว่าเจ้าของไม่ยินยอม
๔) มีความพยายามที่จะขโมย
๕) นำมาอยู่ในมือตนสำเร็จ หรือครอบครองในทางใดทางหนึ่ง แม้เพียงเสี้ยววินาที
เมื่อครบองค์ประกอบดังกล่าว ไม่ว่าเจ้าของเดิมจะเดือดร้อนหรือไม่เดือดร้อน เราก็ได้ชื่อว่าก่อกรรมข้ออทินนาทานเรียบร้อยแล้ว เป็นหัวขโมยแล้วครั้งหนึ่ง และจะเป็นหัวขโมยขนานแท้เมื่อปราศจากความรู้สึกผิดอย่างสิ้นเชิง แต่อาจเป็นหัวขโมยสมัครเล่นที่ก่อกรรมอทินนาทานไม่หนักแน่นนัก
คราวนี้มาพิจารณาดูว่าขณะจิตที่คิดซื้อซีดีเถื่อนนั้นเป็นอย่างไรเมื่อเทียบเคียงกับ ๕ ข้อข้างต้น
๑) วัตถุเป็นของของพ่อค้าซีดีเถื่อน
๒) ใจเรารู้อยู่ว่าเป็นของของพ่อค้า แต่ขณะเดียวกันก็ทราบว่าเขาได้มาโดยมิชอบ เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงไม่เต็มใจให้นำมาขาย
๓) มีใจคิดจ่ายเงินแลกของของพ่อค้าซีดีเถื่อนมาโดยชอบธรรม
๔) ไม่ได้มีความพยายามขโมยของของพ่อค้าซีดีเถื่อน แต่หลีกเลี่ยงที่จะซื้อสินค้าจากผู้ผลิต (มีกรณีแยกย่อยอีก คือสินค้าไม่อาจหาได้จากทางอื่นแม้สั่งซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต เช่นนั้นก็อาจอ้างได้ว่าไม่ใช่เป็นการหลีกเลี่ยง แต่เป็นการจำใจ ซึ่งน้ำหนักอกุศลก็จะลดลง)
๕) นำซีดีของพ่อค้าเถื่อนมาอยู่ในครอบครอง และไม่คิดซื้อของถูกลิขสิทธิ์
จากองค์ประกอบข้างต้นนั้น ทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์เกิดความเดือดเนื้อร้อนใจ หัวขโมยตัวจริงคือพ่อค้าซีดีเถื่อน ส่วนผู้ซื้อซีดีเถื่อนไม่ผิดศีล เพราะซื้อของจากมือพ่อค้า แต่ถ้ามองว่าพ่อค้าเป็นโจรปล้นลิขสิทธิ์ ผู้ซื้อก็หนีไม่พ้นฐานะรับซื้อของโจร
นอกจากนี้ยังมีกรณีแยกย่อยอีก ถ้ามีการไรต์ซีดีไว้แล้ว คุณเห็นอยู่แล้วว่ามีการก๊อปเรียบร้อย คุณไปซื้อมาก็ถือว่าไม่ได้ทำผิดศีล ทำนองเดียวกับที่ซื้อเนื้อจากตลาด สัตว์ตายแล้ว คุณก็ได้ชื่อว่าซื้อซากศพ เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้รู้เห็น ไม่ได้จ้างวานฆ่า ไม่ได้ชื่อว่ามือเปื้อนเลือด ไม่ได้ชื่อว่าใจเปื้อนบาปข้อปาณาติบาต
แต่ถ้ายังไม่มีการไรต์ซีดี ใจคุณรู้อยู่ว่าเขาจะต้องไปไรต์ซีดีตามสั่ง อย่างนี้ใจเรามีส่วนในการร่วมขโมยกับเขาแล้วอย่างน้อยก็หนึ่งในสี่ เหมือนชี้ตัวกุ้งเป็นๆว่าเราจะเอาตัวนี้ ให้เขาจัดการไปเชือดมาลงหม้อโป๊ะแตกให้เรา แม้เราไม่ฆ่าเองด้วยมือ ใจก็ได้ชื่อว่าแปดเปื้อนปาณาติบาต นี่ก็เช่นเดียวกับการไรต์ซีดี แม้คุณไม่ได้เป็นคนกดปุ่มเอง แต่ก็ใช้ให้เขาไปกด ใจจึงได้ชื่อว่าแปดเปื้อนอทินนาทานกับเขาด้วย
สำหรับผลของการซื้อซีดีเถื่อน ซึ่งถือเป็นการร่วมหัวรับซื้อของโจรด้วยกันทั้งประเทศ ถ้ามองโดยภาพรวมก็คือจะส่งให้เป็นผู้ไปอยู่ในเขตที่ผู้คนไม่ค่อยริเริ่มสร้างสรรค์ ไม่ค่อยอยากทำอะไรให้ถูกทำนองคลองธรรม พูดง่ายๆโอกาสเกิดในประเทศด้อยพัฒนามีสูง โดยเฉพาะถ้าใช้ของโดยไม่รู้สึกเห็นใจผู้ผลิตซีดีตัวจริงเลย ไม่อุดหนุนในทางใดทางหนึ่งเลย ก็จะเกิดใหม่ในสิ่งแวดล้อมที่ผู้คนชอบลักกินขโมยกินด้านเทคโนโลยีอีก ให้คิดเองผลิตเองจะขี้เกียจ ไม่กล้าเป็นผู้นำในการค้นคว้าวิจัยกัน
ปัจจุบันที่ยังมีคนพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ และมีค่ายเพลงทำเพลงออกมาป้อนตลาดไหวนั้น ก็เพราะยังมีคนส่วนหนึ่งเต็มใจจ่ายให้ผู้ผลิต แต่เรื่องพวกนี้มีปัจจัยหยุมหยิมเยอะครับ เช่นที่ถกกันมากคือส่วนต่างของค่าเงินระหว่างประเทศนั้นสูงมาก ถ้าขายประเทศหนึ่งร้อยเหรียญ คนประเทศนั้นไม่ต้องควักกระเป๋าหนักนัก แต่ถ้ามาขายอีกประเทศหนึ่ง คนซื้อมีหวังกระเป๋าฉีกตามๆกัน นั่นจึงเกิดข้ออ้างได้มากมายที่เหมือนจะสมเหตุสมผล
เอาเป็นสรุปท้ายคืออย่าตั้งความยินดีไว้กับการซื้อของเถื่อนก็แล้วกันครับ แต่ละครั้งที่ซื้อของเถื่อนแบบไม่เห็นใจเจ้าของตัวจริง คุณสร้างแนวโน้มได้ไปอยู่ในประเทศด้อยพัฒนา ประเทศที่ไม่ให้ความสำคัญกับผู้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ไว้ในตัวแล้ว"
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 139
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การซื้อแผ่นเพลงหนังลิขสิทธิ์แท้มีผลดีผลเสียต่อ eco ยังไง
โพสต์ที่ 5
ถ้าพูดถึงระบบเศรษฐกิจก็อย่างที่หลายๆท่านข้างบนกล่าวมา
เดี๋ยวนี้พอมีช่องทาง digital ที่แพร่หลายมากขึ้น ทำให้มีรูปแบบที่เราสามารถซื้อผลงานลิขสิทธิ์ได้สะดวกขึ้น
เช่น การซื้อเพลงผ่าน itune เป็นรายเพลง ราคาเพลงนึงไม่ถึงเหรียญด้วยซ้ำ คือซื้อกาแฟสดแก้วนึงยังแพงกว่าเลย
แต่ค่านิยมคนไทยกลับมองว่า "จะไปโง่เสียเงินซื้อทำไม โหลดเถื่อนเอาฟรีก็มี"
คือนอกจากจะละเมิดลิขสิทธิ์แล้ว ยังจะไปแขวะคนที่ทำถูกเสียอีกครับ
พอเราไปเตือนดีๆ ก็โดนว่ากลับมาว่า "ของแบบนี้ทำไมไม่ปล่อยโหลดฟรี ไม่มีน้ำใจ ขี้งก บลาๆๆ"
คนเล่นดนตรี คนทำเพลง คนทำหนัง งานศิลปะอื่นๆ ก็มีภาระค่าใช้จ่ายเหมือนๆกับพวกคุณทุกคน
หากคุณทำงานแล้วโดนเบี้ยวเงินเดือนบ้าง จะรู้สึกยังไง? ก็เช่นเดียวกันแหละครับ
"พวกเราอิ่มท้อง คุณสนุกสนาน"
(แนะนำให้ฟังเพลงชื่อ "อพาร์ตเมนท์คุณป้า" และ "ผลิตภัณฑ์นี้รับประกันอีกร้อยปี" )
เดี๋ยวนี้พอมีช่องทาง digital ที่แพร่หลายมากขึ้น ทำให้มีรูปแบบที่เราสามารถซื้อผลงานลิขสิทธิ์ได้สะดวกขึ้น
เช่น การซื้อเพลงผ่าน itune เป็นรายเพลง ราคาเพลงนึงไม่ถึงเหรียญด้วยซ้ำ คือซื้อกาแฟสดแก้วนึงยังแพงกว่าเลย
แต่ค่านิยมคนไทยกลับมองว่า "จะไปโง่เสียเงินซื้อทำไม โหลดเถื่อนเอาฟรีก็มี"
คือนอกจากจะละเมิดลิขสิทธิ์แล้ว ยังจะไปแขวะคนที่ทำถูกเสียอีกครับ
พอเราไปเตือนดีๆ ก็โดนว่ากลับมาว่า "ของแบบนี้ทำไมไม่ปล่อยโหลดฟรี ไม่มีน้ำใจ ขี้งก บลาๆๆ"
คนเล่นดนตรี คนทำเพลง คนทำหนัง งานศิลปะอื่นๆ ก็มีภาระค่าใช้จ่ายเหมือนๆกับพวกคุณทุกคน
หากคุณทำงานแล้วโดนเบี้ยวเงินเดือนบ้าง จะรู้สึกยังไง? ก็เช่นเดียวกันแหละครับ
"พวกเราอิ่มท้อง คุณสนุกสนาน"
(แนะนำให้ฟังเพลงชื่อ "อพาร์ตเมนท์คุณป้า" และ "ผลิตภัณฑ์นี้รับประกันอีกร้อยปี" )
- kissme
- Verified User
- โพสต์: 1237
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การซื้อแผ่นเพลงหนังลิขสิทธิ์แท้มีผลดีผลเสียต่อ eco ยังไง
โพสต์ที่ 6
ธุรกิจ บันเทิง ทุกอย่างที่เป็นระบบ digital พูดตรงๆ ก็คือรอดยากครับ
ภาพยนต์ เพลง หนังสือ ทุกๆ อย่าง ที่ internet สามารถแชร์ ได้
มาตราฐาน ความเร็วปีหน้า ความเร็ว download อาจถึง 30M
ไหนจะเทคโนโลยี vdsl อีก ที่ดันขา upload ให้ เร็วมาก
คนแชร์นี่สำคัญ จะทำให้อุตสาหกรรมพวกนี้พังทั้งระบบ เพราะไม่ต้อง download แล้ว
คนรับสื่อ คุณดูออนไลน์ ได้เลย ไม่ต้องเสียเวลา download ลองนึกภาพแล้ว ไม่อยากจะคิด
ภาพชัดแจ๋ว เสียงชัดแจ๋ว ภาพยนต์บางเรื่อง อาจจะมาก่อนฉายโรง
แถมมีคนแปลซับ ไตเติ้ล ให้อีก
ไหนจะmobile อีก 3G หลายค่ายๆ สมบูรณ์มากแล้ว ความเร็วดีมากทีเดียว
แล้วยัง 4G อีก เร็ว ลื่นมากทีเดียว
เกาหลีใต้กำลังจะไป 5G
ทุกอย่างที่เป็น digital ต่อไปจะฟรีหมด พ่อค้าแผ่นผีต่อไปก็อยู่ไม่ได้
อุตสาหกรรมภาพยนต์ผมฟันธงว่าตะวันตกดิน แม้ตอนนี้จะดูสวยหรู กวาดยอดขายถล่มทลายทั่วโลก
แต่ไม่นาน จะโดน เทคโนโลยี internet เล่นงานจริงจัง
ภาพยนต์ เพลง หนังสือ ทุกๆ อย่าง ที่ internet สามารถแชร์ ได้
มาตราฐาน ความเร็วปีหน้า ความเร็ว download อาจถึง 30M
ไหนจะเทคโนโลยี vdsl อีก ที่ดันขา upload ให้ เร็วมาก
คนแชร์นี่สำคัญ จะทำให้อุตสาหกรรมพวกนี้พังทั้งระบบ เพราะไม่ต้อง download แล้ว
คนรับสื่อ คุณดูออนไลน์ ได้เลย ไม่ต้องเสียเวลา download ลองนึกภาพแล้ว ไม่อยากจะคิด
ภาพชัดแจ๋ว เสียงชัดแจ๋ว ภาพยนต์บางเรื่อง อาจจะมาก่อนฉายโรง
แถมมีคนแปลซับ ไตเติ้ล ให้อีก
ไหนจะmobile อีก 3G หลายค่ายๆ สมบูรณ์มากแล้ว ความเร็วดีมากทีเดียว
แล้วยัง 4G อีก เร็ว ลื่นมากทีเดียว
เกาหลีใต้กำลังจะไป 5G
ทุกอย่างที่เป็น digital ต่อไปจะฟรีหมด พ่อค้าแผ่นผีต่อไปก็อยู่ไม่ได้
อุตสาหกรรมภาพยนต์ผมฟันธงว่าตะวันตกดิน แม้ตอนนี้จะดูสวยหรู กวาดยอดขายถล่มทลายทั่วโลก
แต่ไม่นาน จะโดน เทคโนโลยี internet เล่นงานจริงจัง
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: การซื้อแผ่นเพลงหนังลิขสิทธิ์แท้มีผลดีผลเสียต่อ eco ยังไง
โพสต์ที่ 7
ผมว่ามันก็ไม่ขนาดที่จะเจ๊ง พังกันทั้งระบบขนาดนั้นหรอกมั้งครับkissme เขียน:ธุรกิจ บันเทิง ทุกอย่างที่เป็นระบบ digital พูดตรงๆ ก็คือรอดยากครับ
ภาพยนต์ เพลง หนังสือ ทุกๆ อย่าง ที่ internet สามารถแชร์ ได้
มาตราฐาน ความเร็วปีหน้า ความเร็ว download อาจถึง 30M
ไหนจะเทคโนโลยี vdsl อีก ที่ดันขา upload ให้ เร็วมาก
คนแชร์นี่สำคัญ จะทำให้อุตสาหกรรมพวกนี้พังทั้งระบบ เพราะไม่ต้อง download แล้ว
คนรับสื่อ คุณดูออนไลน์ ได้เลย ไม่ต้องเสียเวลา download ลองนึกภาพแล้ว ไม่อยากจะคิด
ภาพชัดแจ๋ว เสียงชัดแจ๋ว ภาพยนต์บางเรื่อง อาจจะมาก่อนฉายโรง
แถมมีคนแปลซับ ไตเติ้ล ให้อีก
ไหนจะmobile อีก 3G หลายค่ายๆ สมบูรณ์มากแล้ว ความเร็วดีมากทีเดียว
แล้วยัง 4G อีก เร็ว ลื่นมากทีเดียว
เกาหลีใต้กำลังจะไป 5G
ทุกอย่างที่เป็น digital ต่อไปจะฟรีหมด พ่อค้าแผ่นผีต่อไปก็อยู่ไม่ได้
อุตสาหกรรมภาพยนต์ผมฟันธงว่าตะวันตกดิน แม้ตอนนี้จะดูสวยหรู กวาดยอดขายถล่มทลายทั่วโลก
แต่ไม่นาน จะโดน เทคโนโลยี internet เล่นงานจริงจัง
ผู้บริโภคที่พร้อมที่จะเต็มใจจ่ายเงิน อยากที่จะสนับสนุนคนทำ Content ดีๆ ก็ยังมีอยู่เยอะนะครับ คนที่เคารพทรัพย์สินทางปัญญาของคนอื่น
อย่าง Business Model บางอย่าง เช่น ทำ Software ทำ App แจกฟรี แต่ก็รับบริจาคเงินให้ donate ได้ ก็ยังอยู่ได้
หรือไม่ Revenue Model มาจากการโฆษณา ถ้าคนทำ Content ดีๆ ก็ขายโฆษณาได้
ต้นทุนการทำ Content เดี๋ยวนี้ก็ถูกลง ต่ำลง จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การ distribute ก็ถูกลงจาก Internet รายได้โฆษณาเดี๋ยวนี้ก็ทำได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องพึ่งพาสื่อหลักๆ อย่างสมัยก่อน การโฆษณา Content เดี๋ยวนี้ก็ถูกลงจาก Social Network
โอกาสเปิดขึ้นเยอะมากนะครับสำหรับคนทำ Content ในยุคนี้ คำถาม คือ คุณเจ๋งพอหรือเปล่า ในขณะที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ก็ Move ไปขาย Experience ในโรงหนังแทน ไม่ใช่แค่ขาย Content อย่างในอดีต
การไปดูหนังในยุคนี้ มัน Ninche ขึ้นเยอะ มันคือการซื้อ Experience บางอย่างที่หาไม่ได้จากการดูที่บ้าน อย่างโรงพวก IMAX 3D หรือพวก 4DX รวมไปถึงมันเป็นการใช้เวลาบริโภค Content ที่โรงหนัง ที่อารมณ์บางอย่างมันไม่สามารถแทนที่ได้จากที่บ้าน
แต่ผมไม่ได้บอกว่าตลาดโรงหนังดีนะครับ ตลาดโดยรวมหดตัวลงเรื่อยๆ จาก substitution effect อยู่ แต่สุดท้ายผมว่าอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ก็ยังมีที่ยืนอยู่แหละ แถม Content ที่ผลิตได้ อาจจะมีรายได้โฆษณา หรือ รายได้จากการขายสิทธิ์ในการ streaming ให้กับพวก Netflix, Hulu อะไรพวกนี้ได้อยู่
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 152
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การซื้อแผ่นเพลงหนังลิขสิทธิ์แท้มีผลดีผลเสียต่อ eco ยังไง
โพสต์ที่ 8
สมัยเด็กๆ cd เพลง ราคาหลายร้อย (มากกว่าห้ารอย) แพงมากๆ เครื่องเล่น cd ก็แพง สำหรับครอบครัวที่ไม่ค่อยรวยแบบผม
อาศัยซื้อเทปเพลงฟังอย่างเดียว ก็มีความสุขอะไรดี
แต่พอมี mp3 ความสุขในการฟังเพลงแทบจะสำลัก โดยเฉพาะเพลงร๊อคต่างประเทศ ที่ไม่เคยมีโอกาสฟัง
งานเก่าๆ ก็มีออกมารวมใน vampire เครื่อเล่น mp3 ก็ไม่จำเป็น อาศัยคอมพิวเตอร์อย่างเดียว
ตอนหลังลามมาถึงหนัง vcd และปัจจุบันหนัง dvd แผ่นผี เหลือแผ่นละ 60,70 เรื่องไหนเก่ามากๆ แผ่นละ 20
เทคโนโลยีขยับตามกันไป สังคม ความคิดของผู้คนมีวิวัฒนาการ จะอาศัยขายเอากำไรมากๆแบบเมื่อก่อนคงไม่ได้
ผู้ผลิตเพลงและหนังต้องหาช่องทางอื่น ออกคอนเสริตไปตามที่ต่างๆ เอนเตอรเทนผุ้คนให้มาก
หรือไม่ก็ต้องขายเพลงหรือcontent ในราคาที่ถูกพอสมควร
ผมไม่รุ้เรื่องการแบ่งผลประโยชน์ระหว่างค่ายเพลงหรือค่ายหนังกับศิลปิน
แต่คิดว่าอาชีพศิลปิน ที่ดังพอสมควร ยังไงรายได้ก็ยังดีกว่าคนธรรมดาอยู่มาก แต่อาจจะไม่ค่อยมั่นคง
ส่วนนายทุน ไม่ต้องพูดถึง ไม่เจ๊งหรอก แค่รวยน้อยลง ซื้อเบนซ์ ซื้อบ้าน ซื้อที่ ได้น้อยลงหน่อย
ในกรณีเรื่องคนทำเพลง หรือ ทำหนังหมดกำลังใจ ผมว่าน่าจะจริงแค่บางส่วน
เท่าที่ดุเพลงหรือหนังไทย พัฒนาการดีขึ้นกว่าแต่ก่อน อย่าง GTH มีแต่คนรุ่นใหม่ ทำหนังทุนไม่หนา แต่ติดตลาดได้ ผมก็ดู ทั้งที่ไม่ชอบหนังไทย
หรืออย่างศิลปินที่ทำเพลง ก็ก๊อบเพลงต่างประเทศอย่างสร้างสรรค์มากขึ้น ผิดกับคนรุ่นก่อน ก๊อบมาดื้อๆ แล้วทุกวันนี้ก็ยังสะกดจิตตัวเองว่าเป็นนักแต่งเพลงมือทอง
นี่เป็นตัวบอกอย่างหนึ่ง ว่า คนทำเพลง ทำหนัง ยังมีอยู่ ยังมีคนที่พร้อมจะสร้างสรรค์งานอีกมาก
ขายเอากำไรน้อยๆ ให้คนจน คนปานกลาง เข้าถึง ผมว่าของบ้านเราหลายอย่าง แพง เมื่อเทียบกับรายได้ของคนส่วนใหญ่
รัฐเองก็ต้องพลิกแพลงวิธีเก็บภาษี ดูอย่าง google พัฒนาแอนดรอยให้ฟรีๆ เพื่อมากินค่าโฆษณาภายหลัง
ผบห. ประเทศต้องฉลาด จะเอาแบบทื่อๆ เหมือนสมัยห้าหกสิบปีไม่ได้
อาศัยซื้อเทปเพลงฟังอย่างเดียว ก็มีความสุขอะไรดี
แต่พอมี mp3 ความสุขในการฟังเพลงแทบจะสำลัก โดยเฉพาะเพลงร๊อคต่างประเทศ ที่ไม่เคยมีโอกาสฟัง
งานเก่าๆ ก็มีออกมารวมใน vampire เครื่อเล่น mp3 ก็ไม่จำเป็น อาศัยคอมพิวเตอร์อย่างเดียว
ตอนหลังลามมาถึงหนัง vcd และปัจจุบันหนัง dvd แผ่นผี เหลือแผ่นละ 60,70 เรื่องไหนเก่ามากๆ แผ่นละ 20
เทคโนโลยีขยับตามกันไป สังคม ความคิดของผู้คนมีวิวัฒนาการ จะอาศัยขายเอากำไรมากๆแบบเมื่อก่อนคงไม่ได้
ผู้ผลิตเพลงและหนังต้องหาช่องทางอื่น ออกคอนเสริตไปตามที่ต่างๆ เอนเตอรเทนผุ้คนให้มาก
หรือไม่ก็ต้องขายเพลงหรือcontent ในราคาที่ถูกพอสมควร
ผมไม่รุ้เรื่องการแบ่งผลประโยชน์ระหว่างค่ายเพลงหรือค่ายหนังกับศิลปิน
แต่คิดว่าอาชีพศิลปิน ที่ดังพอสมควร ยังไงรายได้ก็ยังดีกว่าคนธรรมดาอยู่มาก แต่อาจจะไม่ค่อยมั่นคง
ส่วนนายทุน ไม่ต้องพูดถึง ไม่เจ๊งหรอก แค่รวยน้อยลง ซื้อเบนซ์ ซื้อบ้าน ซื้อที่ ได้น้อยลงหน่อย
ในกรณีเรื่องคนทำเพลง หรือ ทำหนังหมดกำลังใจ ผมว่าน่าจะจริงแค่บางส่วน
เท่าที่ดุเพลงหรือหนังไทย พัฒนาการดีขึ้นกว่าแต่ก่อน อย่าง GTH มีแต่คนรุ่นใหม่ ทำหนังทุนไม่หนา แต่ติดตลาดได้ ผมก็ดู ทั้งที่ไม่ชอบหนังไทย
หรืออย่างศิลปินที่ทำเพลง ก็ก๊อบเพลงต่างประเทศอย่างสร้างสรรค์มากขึ้น ผิดกับคนรุ่นก่อน ก๊อบมาดื้อๆ แล้วทุกวันนี้ก็ยังสะกดจิตตัวเองว่าเป็นนักแต่งเพลงมือทอง
นี่เป็นตัวบอกอย่างหนึ่ง ว่า คนทำเพลง ทำหนัง ยังมีอยู่ ยังมีคนที่พร้อมจะสร้างสรรค์งานอีกมาก
ขายเอากำไรน้อยๆ ให้คนจน คนปานกลาง เข้าถึง ผมว่าของบ้านเราหลายอย่าง แพง เมื่อเทียบกับรายได้ของคนส่วนใหญ่
รัฐเองก็ต้องพลิกแพลงวิธีเก็บภาษี ดูอย่าง google พัฒนาแอนดรอยให้ฟรีๆ เพื่อมากินค่าโฆษณาภายหลัง
ผบห. ประเทศต้องฉลาด จะเอาแบบทื่อๆ เหมือนสมัยห้าหกสิบปีไม่ได้
เราจะรวยแร้วววววววววว