เยี่ยมทั้งคู่ค่ะsaichon เขียน:ขอบคุณครับNevercry.boy เขียน:
ผมอิจฉาความเป็นพ่อที่ดีของน้องสายชลมาก ๆ ครับ
ผมก็แอบอิจฉาในความเก่งของพี่NBอยู่น๊ะครับ
VI บ้าน ๆ
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 722
ขอบคุณ คุณนุช และน้องสายชลมากครับ วันนี้วันเสาร์แต่ผมยังนั่งทำงานอยู่ เย็นนี้ไปถึงบ้านคงดึก ไอ้เจ้าตัวเล็กคงหลับtheenuch เขียน:เยี่ยมทั้งคู่ค่ะsaichon เขียน:ขอบคุณครับNevercry.boy เขียน:
ผมอิจฉาความเป็นพ่อที่ดีของน้องสายชลมาก ๆ ครับ
ผมก็แอบอิจฉาในความเก่งของพี่NBอยู่น๊ะครับ
ฝากเพลงนี้ให้พ่อทุกคนครับ
[youtube]hJQZJa6-7yI[/youtube]
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 723
เดินทางปลอดภัยนะคะ...พรุ่งนี้เช้าเป็นวันที่ดีมากๆ ของคุณ NB อีกวันค่ะNevercry.boy เขียน:
ขอบคุณ คุณนุช และน้องสายชลมากครับ วันนี้วันเสาร์แต่ผมยังนั่งทำงานอยู่ เย็นนี้ไปถึงบ้านคงดึก ไอ้เจ้าตัวเล็กคงหลับ
ฝากเพลงนี้ให้พ่อทุกคนครับ
เพลง "จดหมายถึงพ่อ" ที่คุณ NB นำมาฝาก ถูกใจมากๆ
ตอนพ่อของลูกไป US 1 ปี (ตอนลูกได้ 2 เดือน)
ฟังแล้วซึ้งมาก แต่ version นั้น ช้าๆ เลยปนเศร้าเลย
เค้าบอกว่าเค้าเศร้ากว่า...เราได้อยู่บ้านกับลูก...
เค้าไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองคนเดียว
แถมเวลาโทรกลับมาก็ไม่ค่อยรับโทรศัพท์อีก 555+
ไม่ค่อยชอบคุยโทรศัพท์ค่ะ...ทุกวันนี้ก็ยังเป็น
เค้าบ่นๆ ว่า...เราคงกลับกัน...ของเพื่อนเค้าภรรยาชอบโทร
แต่ของบ้านเราภรยาไม่เคยโทร รับเสร็จก็ไม่ค่อยคุยอีก
คิดว่าเรื่องใดๆ ถ้าไม่ได้เปลี่ยนจากที่คุยไว้...ก็ตามนั้น
จะบอกเล่าใหม่ หรือจะถามกันก็เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น
หรือว่าเราผิดปกตินะ...(นั่นสิ...หลายคนเห็นด้วย...แต่ไม่กล้าบอก) ^_*
เอาอะไรซึ้งๆ มาฝากครอบครัวด้วยคนค่ะ
https://www.facebook.com/theenuch/posts ... tif_t=like
และนี่คือหนังเรื่องที่คุณพิงส้รางจากชีวิตจริง...ตอนจบเศร้ามาก...กำกับไปร้องไห้ไปค่ะ
[youtube]F2Alrc_vvy4[/youtube]
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 724
ปฏิรูป_คุณธันวา เลาหศิริวงศ์
(ชวนอ่านโดย_Team Money Talk 4)
............ บทความของคุณธันวาล่าสุด กล่าวถึงการภารกิจของ คสช. ในการปฏิรูปประเทศในหลายด้าน ก่อนเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งทั่วไปตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งทุกๆ ภาคส่วนรวมทั้งตัวประชาชนเองก็ควรจะต้องมีส่วนร่วม
.............
และในที่สุดคุณธันวาได้โยงกลับมาสู่ “การปฏิรูป” ตนเองของนักลงทุน ซึ่งมีประโยชน์มากหากเราจะทบทวนตัวเองตามคำแนะนำของคุณธันวา ดังนี้ค่ะ
“หากคิดว่าตนไม่สามารถเอาตัวรอดจากการลงทุนได้ด้วยตัวเองแล้ว ภารกิจเร่งด่วนที่สุดคือ “การปฏิรูปตนเอง” ทั้งวิธีการและแนวทางการลงทุน อย่างไรก็ตาม หากคิดว่าตนยังไม่เหมาะที่จะลงทุนด้วยตนเอง การลงทุนผ่านกองทุนที่มีผู้จัดการกองทุนที่มีประวัติผลตอบแทนดีก็เป็นทางเลือกหนึ่งเช่นกัน”
.............
ขอขอบพระคุณ คุณธันวา เลาหศิริวงศ์
และสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) เป็นอย่างสูง มา ณ โอกาสนี้
.................
อ่าน “ปฎิรูป” ฉบับเต็มได้ที่ thaivi.org เช่นเคยค่ะ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=7&t=57616
Photo: ปฏิรูป_คุณธันวา เลาหศิริวงศ์
(ชวนอ่านโดย_Theenut_Team Money Talk 4)
............
บทความของคุณธันวาล่าสุด กล่าวถึงการภารกิจของ คสช. ในการปฏิรูปประเทศในหลายด้าน ก่อนเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งทั่วไปตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งทุกๆ ภาคส่วนรวมทั้งตัวประชาชนเองก็ควรจะต้องมีส่วนร่วม
.............
และในที่สุดคุณธันวาได้โยงกลับมาสู่ “การปฏิรูป” ตนเองของนักลงทุน ซึ่งมีประโยชน์มากหากเราจะทบทวนตัวเองตามคำแนะนำของคุณธันวา ดังนี้ค่ะ
“หากคิดว่าตนไม่สามารถเอาตัวรอดจากการลงทุนได้ด้วยตัวเองแล้ว ภารกิจเร่งด่วนที่สุดคือ “การปฏิรูปตนเอง” ทั้งวิธีการและแนวทางการลงทุน อย่างไรก็ตาม หากคิดว่าตนยังไม่เหมาะที่จะลงทุนด้วยตนเอง การลงทุนผ่านกองทุนที่มีผู้จัดการกองทุนที่มีประวัติผลตอบแทนดีก็เป็นทางเลือกหนึ่งเช่นกัน”
.............
ขอขอบพระคุณ คุณธันวา เลาหศิริวงศ์
และสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) เป็นอย่างสูง มา ณ โอกาสนี้
.................
อ่าน “ปฎิรูป” ฉบับเต็มได้ที่ thaivi.org เช่นเคยค่ะ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=7&t=57616
(ชวนอ่านโดย_Team Money Talk 4)
............ บทความของคุณธันวาล่าสุด กล่าวถึงการภารกิจของ คสช. ในการปฏิรูปประเทศในหลายด้าน ก่อนเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งทั่วไปตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งทุกๆ ภาคส่วนรวมทั้งตัวประชาชนเองก็ควรจะต้องมีส่วนร่วม
.............
และในที่สุดคุณธันวาได้โยงกลับมาสู่ “การปฏิรูป” ตนเองของนักลงทุน ซึ่งมีประโยชน์มากหากเราจะทบทวนตัวเองตามคำแนะนำของคุณธันวา ดังนี้ค่ะ
“หากคิดว่าตนไม่สามารถเอาตัวรอดจากการลงทุนได้ด้วยตัวเองแล้ว ภารกิจเร่งด่วนที่สุดคือ “การปฏิรูปตนเอง” ทั้งวิธีการและแนวทางการลงทุน อย่างไรก็ตาม หากคิดว่าตนยังไม่เหมาะที่จะลงทุนด้วยตนเอง การลงทุนผ่านกองทุนที่มีผู้จัดการกองทุนที่มีประวัติผลตอบแทนดีก็เป็นทางเลือกหนึ่งเช่นกัน”
.............
ขอขอบพระคุณ คุณธันวา เลาหศิริวงศ์
และสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) เป็นอย่างสูง มา ณ โอกาสนี้
.................
อ่าน “ปฎิรูป” ฉบับเต็มได้ที่ thaivi.org เช่นเคยค่ะ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=7&t=57616
Photo: ปฏิรูป_คุณธันวา เลาหศิริวงศ์
(ชวนอ่านโดย_Theenut_Team Money Talk 4)
............
บทความของคุณธันวาล่าสุด กล่าวถึงการภารกิจของ คสช. ในการปฏิรูปประเทศในหลายด้าน ก่อนเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งทั่วไปตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งทุกๆ ภาคส่วนรวมทั้งตัวประชาชนเองก็ควรจะต้องมีส่วนร่วม
.............
และในที่สุดคุณธันวาได้โยงกลับมาสู่ “การปฏิรูป” ตนเองของนักลงทุน ซึ่งมีประโยชน์มากหากเราจะทบทวนตัวเองตามคำแนะนำของคุณธันวา ดังนี้ค่ะ
“หากคิดว่าตนไม่สามารถเอาตัวรอดจากการลงทุนได้ด้วยตัวเองแล้ว ภารกิจเร่งด่วนที่สุดคือ “การปฏิรูปตนเอง” ทั้งวิธีการและแนวทางการลงทุน อย่างไรก็ตาม หากคิดว่าตนยังไม่เหมาะที่จะลงทุนด้วยตนเอง การลงทุนผ่านกองทุนที่มีผู้จัดการกองทุนที่มีประวัติผลตอบแทนดีก็เป็นทางเลือกหนึ่งเช่นกัน”
.............
ขอขอบพระคุณ คุณธันวา เลาหศิริวงศ์
และสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) เป็นอย่างสูง มา ณ โอกาสนี้
.................
อ่าน “ปฎิรูป” ฉบับเต็มได้ที่ thaivi.org เช่นเคยค่ะ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=7&t=57616
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 725
ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ ดร.ไพบูลย์ เสรีวิว้ฒนา
ที่ไว้วางใจให้ได้สร้างสรรค์งานบน fb money talk
และยังให้โอกาสดีๆ ในชีวิตหลายโอกาสเลยค่ะ
และขอขอบพระคุณ "สมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย)" ด้วยค่ะ
ด้วยสำนึกในบุญคุณ ความไว้วางใจและโอกาสดีๆ ที่มอบให้
จะตั้งใจและใช้ความรู้ ความสามารถเท่าที่พอมี
ช่วยสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมเป็นวงกว้างต่อไปค่ะ
.............
สอนลูกเดินบนเส้นทางรวย
(ชวนชมโดย_Team Money Talk 4)
.............
กรอบในการพูด...ที่อาจารย์เสนห์ท่านกำหนดให้แต่ต้น
เป็นประโยชน์มากค่ะ “ดี รวย สวย หล่อ พอเพียง ชื่อเสียง สังคม”
คือสิ่งที่ทุกท่านจะได้ฟังการสอนลูกให้รวยในมิติดังกล่าวค่ะ
...............
ตอนท้าย...อาจารย์เสน่ห์ท่านก็ยังฝากทิ้งท้ายไว้ด้วย
5 Q แห่งความยั่งยืน IQ EQ AQ MQ และ SQ
แต่ละ Q หมายถึงอะไรบ้าง? ติดตามชมใน clip ค่ะ
...............
ไม่กล้าชวนชมมาก...เพราะเป็น “ผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย” ค่ะ ^_*
จากการนั่งฟังทุกท่านอย่างใกล้ชิด...บอกได้เพียงว่า
เป็นตอนที่ดีมากตอนหนึ่ง...ติดตามชมกันเลยดีกว่าค่ะ
[youtube]nfErhyXD7vQ[/youtube]
ที่ไว้วางใจให้ได้สร้างสรรค์งานบน fb money talk
และยังให้โอกาสดีๆ ในชีวิตหลายโอกาสเลยค่ะ
และขอขอบพระคุณ "สมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย)" ด้วยค่ะ
ด้วยสำนึกในบุญคุณ ความไว้วางใจและโอกาสดีๆ ที่มอบให้
จะตั้งใจและใช้ความรู้ ความสามารถเท่าที่พอมี
ช่วยสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมเป็นวงกว้างต่อไปค่ะ
.............
สอนลูกเดินบนเส้นทางรวย
(ชวนชมโดย_Team Money Talk 4)
.............
กรอบในการพูด...ที่อาจารย์เสนห์ท่านกำหนดให้แต่ต้น
เป็นประโยชน์มากค่ะ “ดี รวย สวย หล่อ พอเพียง ชื่อเสียง สังคม”
คือสิ่งที่ทุกท่านจะได้ฟังการสอนลูกให้รวยในมิติดังกล่าวค่ะ
...............
ตอนท้าย...อาจารย์เสน่ห์ท่านก็ยังฝากทิ้งท้ายไว้ด้วย
5 Q แห่งความยั่งยืน IQ EQ AQ MQ และ SQ
แต่ละ Q หมายถึงอะไรบ้าง? ติดตามชมใน clip ค่ะ
...............
ไม่กล้าชวนชมมาก...เพราะเป็น “ผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย” ค่ะ ^_*
จากการนั่งฟังทุกท่านอย่างใกล้ชิด...บอกได้เพียงว่า
เป็นตอนที่ดีมากตอนหนึ่ง...ติดตามชมกันเลยดีกว่าค่ะ
[youtube]nfErhyXD7vQ[/youtube]
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 726
อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ
(Team Money Talk 4)
...............
การประสพความสำเร็จต้องมีคุณสมบัติด้านบวกหลายข้อช่วยเสริม
หากสำเร็จในอาชีพ รายได้จะสูงตาม คุณภาพชีวิตก็มักจะดีในที่สุด
นอกจากปลูกฝังคุณสมบัติด้านบวกให้ลูกแล้ว สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือ
สอนให้ “ละ” “เลิก” คุณสมบัติ “ด้านลบ” ที่อาจยับยั้งความสำเร็จด้วย
"สอนให้เขาเป็นคนดีก่อน ค่อยสอนให้รวย" เดี๋ยวนี้คนเก่งเยอะค่ะ
เก่งทางโลกก็ดี...แต่ถ้าไม่ละเลยทางธรรม...ลูกจะสำเร็จยั่งยืนกว่า
..............
“อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ...คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา”
หนึ่งในหลายสิ่งที่สอนคือกลอนสุนทรภู่นี้...แต่สอนในมุมกลับกันด้วย
ให้อย่าเห็นเป็น ”ธรรมดา” ที่จะเข้าร่วม "วงนินทา” บางกรณีลุกหนีไม่ได้
ให้ใช้สติพิจารณา "ทั้งคนพูด และคนถูกพูดถึง" “อย่าเชื่อง่ายเกิน"
“คนถูกนินทา” บางคนเป็นคนดีที่เป็น “กัลญาณมิตร” ได้ด้วยซ้ำ
สำคัญกว่านั้นคือ..“อย่านำไปพูดต่อ” เพราะถ้า ”ไม่จริง”
หรือ "จริงไม่หมด" จะเป็นบาปต่อจิตใจของเราเอง
และยังสร้างตราบาปให้แก่ผู้ที่เราพูดถึงเขาด้วย
..............
คนช่างนินทา เสียโอกาสใช้ “เวลาที่มีจำกัด” ไปพัฒนาตนเอง
ไม่ได้รับความไว้ใจ เป็นผลที่เขาต้องรับ...แต่ถ้าเราทนฟังเขา
นอกจากเสียเวลาแล้ว..อาจถูกเหมารวมว่า “ช่างนินทา” ไปด้วย
ทางที่ดี อย่าไปฟังตั้งแต่ต้น..เลี่ยงได้ก็เลี่ยงเสีย...สงบดีค่ะ
เราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้..แต่เราเลือกสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราได้
“คนดีๆ ที่มีสติ” มักจะคำนึงถึงคุณสมบัตินี้ ในการเลือกเพื่อน
และ “องค์กรที่ดี” ก็มักพิจารณาคุณสมบัติข้อนี้ เพื่อคัดเลือก
ใครสักคน มารับตำแหน่งสำคัญๆ ขององค์กรด้วยเช่นกัน
.............
ดังนั้น...อย่าปิดกั้นตัวเองจากคนดีๆ หรือ ตำแหน่งงานที่ดี
เพียงเพราะ...ไม่กล้าปฏิเสธ หรือ เดินหนีจาก “คนช่างนินทา”
(Team Money Talk 4)
...............
การประสพความสำเร็จต้องมีคุณสมบัติด้านบวกหลายข้อช่วยเสริม
หากสำเร็จในอาชีพ รายได้จะสูงตาม คุณภาพชีวิตก็มักจะดีในที่สุด
นอกจากปลูกฝังคุณสมบัติด้านบวกให้ลูกแล้ว สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือ
สอนให้ “ละ” “เลิก” คุณสมบัติ “ด้านลบ” ที่อาจยับยั้งความสำเร็จด้วย
"สอนให้เขาเป็นคนดีก่อน ค่อยสอนให้รวย" เดี๋ยวนี้คนเก่งเยอะค่ะ
เก่งทางโลกก็ดี...แต่ถ้าไม่ละเลยทางธรรม...ลูกจะสำเร็จยั่งยืนกว่า
..............
“อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ...คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา”
หนึ่งในหลายสิ่งที่สอนคือกลอนสุนทรภู่นี้...แต่สอนในมุมกลับกันด้วย
ให้อย่าเห็นเป็น ”ธรรมดา” ที่จะเข้าร่วม "วงนินทา” บางกรณีลุกหนีไม่ได้
ให้ใช้สติพิจารณา "ทั้งคนพูด และคนถูกพูดถึง" “อย่าเชื่อง่ายเกิน"
“คนถูกนินทา” บางคนเป็นคนดีที่เป็น “กัลญาณมิตร” ได้ด้วยซ้ำ
สำคัญกว่านั้นคือ..“อย่านำไปพูดต่อ” เพราะถ้า ”ไม่จริง”
หรือ "จริงไม่หมด" จะเป็นบาปต่อจิตใจของเราเอง
และยังสร้างตราบาปให้แก่ผู้ที่เราพูดถึงเขาด้วย
..............
คนช่างนินทา เสียโอกาสใช้ “เวลาที่มีจำกัด” ไปพัฒนาตนเอง
ไม่ได้รับความไว้ใจ เป็นผลที่เขาต้องรับ...แต่ถ้าเราทนฟังเขา
นอกจากเสียเวลาแล้ว..อาจถูกเหมารวมว่า “ช่างนินทา” ไปด้วย
ทางที่ดี อย่าไปฟังตั้งแต่ต้น..เลี่ยงได้ก็เลี่ยงเสีย...สงบดีค่ะ
เราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้..แต่เราเลือกสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราได้
“คนดีๆ ที่มีสติ” มักจะคำนึงถึงคุณสมบัตินี้ ในการเลือกเพื่อน
และ “องค์กรที่ดี” ก็มักพิจารณาคุณสมบัติข้อนี้ เพื่อคัดเลือก
ใครสักคน มารับตำแหน่งสำคัญๆ ขององค์กรด้วยเช่นกัน
.............
ดังนั้น...อย่าปิดกั้นตัวเองจากคนดีๆ หรือ ตำแหน่งงานที่ดี
เพียงเพราะ...ไม่กล้าปฏิเสธ หรือ เดินหนีจาก “คนช่างนินทา”
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- Verified User
- โพสต์: 1959
- ผู้ติดตาม: 1
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 727
ฉันสัญญากับตนเอง
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ฉันสัญญากับตนเองว่า....
จะแข็งแกร่งจนไม่มีอะไรสามารถกวนความสงบใจฉันได้
จะพูดแต่เรื่องสุขภาพดี ความสุข และความมั่งคั่ง ต่อทุกคนที่พบ
จะทำให้เพื่อนทุกคนรู้สึกว่ามีสิ่งดีๆ ในตัวเขา
จะมองในแง่ดีของทุกสิ่ง และทำให้สิ่งดีๆ นั้นเป็นจริง
จะคิดแต่สิ่งที่ดีที่สุด ทำงานให้ดีที่สุด และคาดหมายเฉพาะสิ่งที่ดีที่สุด
จะตื่นเต้นยินดีกับความสำเร็จของคนอื่นพอๆ กับความสำเร็จของฉันเอง
จะลืมข้อผิดพลาดในอดีต และมุ่งหน้าไปสู่ความสำเร็จที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต
จะมีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา และยิ้มให้กับทุกคนที่พบ
จะใช้เวลามากในการพัตนาตนเอง จนไม่มีเวลาวิจารณ์คนอื่น
จะใหญ่เกินไปสำหรับการกังวล สง่างามเกินไปสำหรับการโกรธ แข็งแรงเกินไปสำหรับความกลัว
และมีความสุขเกินไปที่ความเดือดร้อนที่จะอยู่ได้
จะคิดดีกับตนเอง และประกาศสิ่งนี้ให้กับโลก ไม่ใช่การป่าวร้องดังๆ แต่ด้วยการกระทำที่ดี
จะอยู่ในความเชื่อที่ว่า โลกทั้งโลกอยู่ข้างฉัน ตราบใดที่ฉันจริงใจกับสิ่งที่ดีที่สุดในตัวฉันเอง
ผู้แต่ง : คริสเตียน ลาร์สัน
แปล : บัณฑิต อึ้งรังษี (เชื่อมั่นในตน)
" สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 729
จากข้อความดีๆ ที่น้อง jverakul ทำให้คิดถึงเพลงนี้theenuch เขียน:ถึง "น้อง jverakul"
พี่ชวนลูกมาอ่านด้วยเลยค่ะ
ด้วยกลัวกระทู้ตกหน้าไปจะหาอ่านซ้ำยาก
พี่เลย copy ไปแปะใน MS word และ save ไว้อ่านซ้ำๆ
งดงามมาก...ขอบคุณน้อง jverakul มากๆ ค่ะ
นำมาฝากน้อง jverakul และทุกๆ คนค่ะ
[youtube]wudfJ72jc_8[/youtube]
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 732
"ไล่ตงจิ้น" เมืองไทย ด็อกเตอร์จากกองขยะ _ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ
อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหกรรม คณะวิศวกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
......................
แม้อาชีพเก็บขยะจะเป็นอาชีพที่ดูต่ำต้อย แต่ก็ช่วยให้เขาได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากอาชีพนี้
"หนึ่ง คือ รู้ว่าอาชีพนี้ไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องใช้ความรู้ แค่ใช้แรงกายอย่างเดียว
สอง คือ รายได้ของเราไม่แน่นอน ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด เผื่อสำหรับวันพรุ่งนี้ที่รายได้ไม่มี
สาม คือ ขยะทุกอย่างสำหรับเราเป็นของมีค่าทั้งนั้น ชีวิตในตอนนั้น
สอนให้ผมเห็นคุณค่าของทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ใกล้ตัว
สี่ คือ สอนให้ผมรู้จักอดทน ในวันเสาร์-อาทิตย์ ผมจะนั่งรถเข็นของแม่
ไปช่วยแม่เก็บขยะรอบเมือง บางครั้งเจอแดดร้อน ขยะเหม็นเราก็ต้องทน"
นั่นเป็นเหตุผลถ้าทำไมเด็กเร่ร่อน และเด็กเก็บขยะอย่างเขา
สามารถสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากประเทศญี่ปุ่นมาได้
"ต้องบอกว่า เส้นทางในการเรียนไม่ได้มาง่ายๆ
กว่าจะเรียนจบปริญญาตรี ปริญญาโท ก็ต้องต่อสู้ฝ่าฟัน กว่าจะเรียนจบปริญญาเอกยิ่งแล้วใหญ่
แถมยังเคยฝึกฝนเรียนภาษาญี่ปุ่นเหมือนเด็กเล็กๆ และต้องเขียนวิทยานิพนธ์เป็นภาษาญี่ปุ่นด้วย
ถ้าไม่เคยผ่านความยากลำบาก ผ่านการต่อสู้อดทนในวัยเด็กมาก่อน
คงไม่สามารถรับมือกับอุปสรรคปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาได้อย่างแน่นอน"
ที่มา : ผู้จัดการ online
..................
ชีวิตในบทสัมภาษณ์รายการเจาะใจ...ยิ่งสุดๆ จริงๆ
น่าชื่นชมและน่านับถือมากเลยค่ะ...นำมาฝากครอบครัว เปิดให้ลูกดูด้วยยิ่งดีค่ะ
ชีวิตเด็กน้อย (ชาวชุมพร) ที่พ่อเดินออกจากบ้านไป
อย่างไม่มีวันกลับพร้อมน้องสาวคนเล็ก ตั้งแต่ตัวเขาอายุ 5 ขวบ
แม่จึงจำเป็นต้องตัดใจทิ้งลูกเล็กๆ ไว้ตามลำพัง
เพราะต้องไปทำงานอยู่ที่จังหวัดประจวบฯ
ต่อมาพี่สาวและพี่ชาย ที่ฟังเสียงเพื่อนบ้านบอกซ้ำๆ ว่า "แม่ทิ้งไปแล้ว"
ก็ถอดใจและหมดหวังที่จะรอแม่ จึงทยอยแยกจากบ้านไปทีละคน
จนเหลือเขาคนเดียวที่ต้องใช้ชีวิตเร่รอนขอทานอยู่ตามลำพัง ถึง 2 ปีเต็ม...เพื่อรอแม่
เพราะเขาเชื่อมั่นอยู่ในใจเสมอว่า "แม่จะกลับมา" แล้วแม่ก็กลับจริงๆ
เรื่องต่อจากนี้....ชมในรายการเจาะใจนะคะ
...........
แม่ของอาจารย์ อดทนและสู้ชีวิตสุดๆ และมองการณ์ไกลมาก
ทั้งที่ "จนยิ่งกว่าจน" แม่สอนลูกให้ "ซื่อสัตย์" ไม่ให้ลักโขมยใคร
ทุกๆ สิ่งที่แม่เป็นและพูดกรอกหูอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
กลายเป็นคุณสมบัติที่ดีที่สะสมอยู่ในตัวของอาจารย์ทั้งหมด
แต่ข้อที่เด่นและนำความสำเร็จสู่ชีวิตมากที่สุด คงจะเป็น "ความกตัญญูและสำนึกดี" ค่ะ
คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่อยากเป็นอะไร "เลือกได้"
เจาะใจ - เด็กเร่ร่อน จบปริญญาเอก (13 กันยายน 2012)
[youtube]9x7T5GdesNg[/youtube]
อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหกรรม คณะวิศวกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
......................
แม้อาชีพเก็บขยะจะเป็นอาชีพที่ดูต่ำต้อย แต่ก็ช่วยให้เขาได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากอาชีพนี้
"หนึ่ง คือ รู้ว่าอาชีพนี้ไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องใช้ความรู้ แค่ใช้แรงกายอย่างเดียว
สอง คือ รายได้ของเราไม่แน่นอน ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด เผื่อสำหรับวันพรุ่งนี้ที่รายได้ไม่มี
สาม คือ ขยะทุกอย่างสำหรับเราเป็นของมีค่าทั้งนั้น ชีวิตในตอนนั้น
สอนให้ผมเห็นคุณค่าของทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ใกล้ตัว
สี่ คือ สอนให้ผมรู้จักอดทน ในวันเสาร์-อาทิตย์ ผมจะนั่งรถเข็นของแม่
ไปช่วยแม่เก็บขยะรอบเมือง บางครั้งเจอแดดร้อน ขยะเหม็นเราก็ต้องทน"
นั่นเป็นเหตุผลถ้าทำไมเด็กเร่ร่อน และเด็กเก็บขยะอย่างเขา
สามารถสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากประเทศญี่ปุ่นมาได้
"ต้องบอกว่า เส้นทางในการเรียนไม่ได้มาง่ายๆ
กว่าจะเรียนจบปริญญาตรี ปริญญาโท ก็ต้องต่อสู้ฝ่าฟัน กว่าจะเรียนจบปริญญาเอกยิ่งแล้วใหญ่
แถมยังเคยฝึกฝนเรียนภาษาญี่ปุ่นเหมือนเด็กเล็กๆ และต้องเขียนวิทยานิพนธ์เป็นภาษาญี่ปุ่นด้วย
ถ้าไม่เคยผ่านความยากลำบาก ผ่านการต่อสู้อดทนในวัยเด็กมาก่อน
คงไม่สามารถรับมือกับอุปสรรคปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาได้อย่างแน่นอน"
ที่มา : ผู้จัดการ online
..................
ชีวิตในบทสัมภาษณ์รายการเจาะใจ...ยิ่งสุดๆ จริงๆ
น่าชื่นชมและน่านับถือมากเลยค่ะ...นำมาฝากครอบครัว เปิดให้ลูกดูด้วยยิ่งดีค่ะ
ชีวิตเด็กน้อย (ชาวชุมพร) ที่พ่อเดินออกจากบ้านไป
อย่างไม่มีวันกลับพร้อมน้องสาวคนเล็ก ตั้งแต่ตัวเขาอายุ 5 ขวบ
แม่จึงจำเป็นต้องตัดใจทิ้งลูกเล็กๆ ไว้ตามลำพัง
เพราะต้องไปทำงานอยู่ที่จังหวัดประจวบฯ
ต่อมาพี่สาวและพี่ชาย ที่ฟังเสียงเพื่อนบ้านบอกซ้ำๆ ว่า "แม่ทิ้งไปแล้ว"
ก็ถอดใจและหมดหวังที่จะรอแม่ จึงทยอยแยกจากบ้านไปทีละคน
จนเหลือเขาคนเดียวที่ต้องใช้ชีวิตเร่รอนขอทานอยู่ตามลำพัง ถึง 2 ปีเต็ม...เพื่อรอแม่
เพราะเขาเชื่อมั่นอยู่ในใจเสมอว่า "แม่จะกลับมา" แล้วแม่ก็กลับจริงๆ
เรื่องต่อจากนี้....ชมในรายการเจาะใจนะคะ
...........
แม่ของอาจารย์ อดทนและสู้ชีวิตสุดๆ และมองการณ์ไกลมาก
ทั้งที่ "จนยิ่งกว่าจน" แม่สอนลูกให้ "ซื่อสัตย์" ไม่ให้ลักโขมยใคร
ทุกๆ สิ่งที่แม่เป็นและพูดกรอกหูอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
กลายเป็นคุณสมบัติที่ดีที่สะสมอยู่ในตัวของอาจารย์ทั้งหมด
แต่ข้อที่เด่นและนำความสำเร็จสู่ชีวิตมากที่สุด คงจะเป็น "ความกตัญญูและสำนึกดี" ค่ะ
คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่อยากเป็นอะไร "เลือกได้"
เจาะใจ - เด็กเร่ร่อน จบปริญญาเอก (13 กันยายน 2012)
[youtube]9x7T5GdesNg[/youtube]
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 733
เมื่อมนุษย์เงินเดือน...ไม่มีเงินเดือน (โอ้..ไม่นะ!)
(Team Money Talk 4)
...............
วันนี้มาชวนเพื่อนๆ มนุษย์เงินเดือน ลองจินตนาการ
ถึงวันเกษียณ ที่ “เงินเดือน” จะ “หายวับ” ไปเลยค่ะ
...............
หลายคนมีเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอีกก้อน ถ้าอายุสั้น
ก็ใช้ต่อเดือนได้มากหน่อย..ถ้าอายุยืนก็ต้องใช้เงินน้อยลง
ขืนใช้มากเงินก้อนนี้ "หายวับ"ไปอีก ก่อนเสียชีวิต..แย่แน่
ผู้สูงอายุมีค่ารักษา ค่าจ้างผู้ดูแล ค่า ฯลฯ เพิ่มอีกเยอะ
ลองทำตางรางให้ดูค่ะ (ห้ามมีหนี้เลย.ไหนจะเงินเฟ้ออีก)
ใช้ไป ใช้มา...ในที่สุด...ก็จะเหมือนวัวในภาพบนค่ะ
................. วงจรชีวิตทางการเงินของคนส่วนใหญ่เกี่ยวข้องแค่ 2 ข้อ
“1_หาเงิน” “2_ออม” ไปไม่ค่อยถึงข้อ “3_ลงทุนให้งอกเงย”
ขยันเรียนทั้งชีวิตเพื่อมีงานทำ แต่พอไม่มีงานทำก็ไม่มีเงิน
จะดีกว่า ถ้านำเงินไปลงทุนเพื่อสร้าง Passive Income
ให้เรามีเงินใช้ต่อเนื่อง..เมื่อชีวิตมนุษย์เงินเดือนสิ้นสุดลง
เหมือนการปลูกต้นไม้ที่ให้ผลเป็นเงินเหมือนภาพล่าง
..............
บทความของอาจารย์ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ล่าสุดเรื่อง
“การลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์เงินเดือน” อาจารย์บอกว่า
“อย่ากลัวที่จะลงทุนหุ้นเต็มที่ถ้าเราจะลงระยะยาวมาก”
https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... tif_t=like
..............
“ซื้อตัวไหนดี?” คือ “คำถามคลาสสิค” ที่มักจะถูกถาม
ถ้าแนะนำใครลงทุนในหุ้น จะ“ตอบแบบคลาสสิค” เช่นกันค่ะ
คือ “ต้องหาความรู้เอง” จะยั่งยืนกว่า...ความรู้เรื่องการลงทุน
ไม่ต่างจากการ “ขี่จักรยาน” หรือ “ว่ายน้ำ” ถ้าทำเป็นแล้ว
จะไม่มีวันกลับไป “ทำไม่เป็น” อีกต่อไป คุ้มที่จะเรียนรู้ค่ะ
โดยส่วนตัวก็อ่านหนังสือ ติดตามรายการ Money Talk
และเว็บไซต์ของมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (thaivi.org)
..............
ท่านที่เพิ่งแวะมาอ่าน fb money talk อย่าลืมกด like page
ไว้ติดตามสาระดีๆ ทั้งบทความ vdo clip และการสัมมนา
Money Talk@SET ที่รับสมัครทาง fb money talk เท่านั้น
..............
นำ link ของ thaivi มาฝากด้วยค่ะแนะนำให้สมัคร
เป็นสมาชิกไว้เลย เพราะเร็วๆ นี้ จะมีหลักสูตรอบรม
**ฟรี** เฉพาะสมาชิกเท่านั้น จะได้มีสิทธิสมัครค่ะ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=52818
..............
วันนี้...มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา มีแผนการเงิน
“สำหรับวันที่จะไม่มีเงิน” หรือยัง?
(Team Money Talk 4)
...............
วันนี้มาชวนเพื่อนๆ มนุษย์เงินเดือน ลองจินตนาการ
ถึงวันเกษียณ ที่ “เงินเดือน” จะ “หายวับ” ไปเลยค่ะ
...............
หลายคนมีเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอีกก้อน ถ้าอายุสั้น
ก็ใช้ต่อเดือนได้มากหน่อย..ถ้าอายุยืนก็ต้องใช้เงินน้อยลง
ขืนใช้มากเงินก้อนนี้ "หายวับ"ไปอีก ก่อนเสียชีวิต..แย่แน่
ผู้สูงอายุมีค่ารักษา ค่าจ้างผู้ดูแล ค่า ฯลฯ เพิ่มอีกเยอะ
ลองทำตางรางให้ดูค่ะ (ห้ามมีหนี้เลย.ไหนจะเงินเฟ้ออีก)
ใช้ไป ใช้มา...ในที่สุด...ก็จะเหมือนวัวในภาพบนค่ะ
................. วงจรชีวิตทางการเงินของคนส่วนใหญ่เกี่ยวข้องแค่ 2 ข้อ
“1_หาเงิน” “2_ออม” ไปไม่ค่อยถึงข้อ “3_ลงทุนให้งอกเงย”
ขยันเรียนทั้งชีวิตเพื่อมีงานทำ แต่พอไม่มีงานทำก็ไม่มีเงิน
จะดีกว่า ถ้านำเงินไปลงทุนเพื่อสร้าง Passive Income
ให้เรามีเงินใช้ต่อเนื่อง..เมื่อชีวิตมนุษย์เงินเดือนสิ้นสุดลง
เหมือนการปลูกต้นไม้ที่ให้ผลเป็นเงินเหมือนภาพล่าง
..............
บทความของอาจารย์ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ล่าสุดเรื่อง
“การลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์เงินเดือน” อาจารย์บอกว่า
“อย่ากลัวที่จะลงทุนหุ้นเต็มที่ถ้าเราจะลงระยะยาวมาก”
https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... tif_t=like
..............
“ซื้อตัวไหนดี?” คือ “คำถามคลาสสิค” ที่มักจะถูกถาม
ถ้าแนะนำใครลงทุนในหุ้น จะ“ตอบแบบคลาสสิค” เช่นกันค่ะ
คือ “ต้องหาความรู้เอง” จะยั่งยืนกว่า...ความรู้เรื่องการลงทุน
ไม่ต่างจากการ “ขี่จักรยาน” หรือ “ว่ายน้ำ” ถ้าทำเป็นแล้ว
จะไม่มีวันกลับไป “ทำไม่เป็น” อีกต่อไป คุ้มที่จะเรียนรู้ค่ะ
โดยส่วนตัวก็อ่านหนังสือ ติดตามรายการ Money Talk
และเว็บไซต์ของมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (thaivi.org)
..............
ท่านที่เพิ่งแวะมาอ่าน fb money talk อย่าลืมกด like page
ไว้ติดตามสาระดีๆ ทั้งบทความ vdo clip และการสัมมนา
Money Talk@SET ที่รับสมัครทาง fb money talk เท่านั้น
..............
นำ link ของ thaivi มาฝากด้วยค่ะแนะนำให้สมัคร
เป็นสมาชิกไว้เลย เพราะเร็วๆ นี้ จะมีหลักสูตรอบรม
**ฟรี** เฉพาะสมาชิกเท่านั้น จะได้มีสิทธิสมัครค่ะ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=52818
..............
วันนี้...มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา มีแผนการเงิน
“สำหรับวันที่จะไม่มีเงิน” หรือยัง?
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 82
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 734
ขอให้พี่นุช ช่วยแชร์ แนวความคิดและวิธีการด้วยครับ
อยากรวย อยากมีอิสรภาพทางการเงิน อยากดัง อยากปฏิบัติธรรม
อยากเรียนเก่ง อยากทำความดี
แต่!!!
ตีกรอบตัวเองไว้ ไม่กล้าทำตามความต้องการของตัวเอง
ประเมินความสามารถของตัวเองต่ำเกินไป
เกิดข้ออ้างที่จะไม่ทำ
อ้างว่าเด็กเกินไป แก่เกินไป
อ้างว่าไม่มีทุน
อ้างว่าไม่มีเวลา
อ้างว่ายากเกินไป ทั้งที่ยังไม่ได้ลงมือ
อ้างเรื่องดวง วาสนา
อ้างเรื่องสุขภาพ
จะทลายกรอบเหล่านี้ลงได้อย่างไร
ขอบคุณครับ
อยากรวย อยากมีอิสรภาพทางการเงิน อยากดัง อยากปฏิบัติธรรม
อยากเรียนเก่ง อยากทำความดี
แต่!!!
ตีกรอบตัวเองไว้ ไม่กล้าทำตามความต้องการของตัวเอง
ประเมินความสามารถของตัวเองต่ำเกินไป
เกิดข้ออ้างที่จะไม่ทำ
อ้างว่าเด็กเกินไป แก่เกินไป
อ้างว่าไม่มีทุน
อ้างว่าไม่มีเวลา
อ้างว่ายากเกินไป ทั้งที่ยังไม่ได้ลงมือ
อ้างเรื่องดวง วาสนา
อ้างเรื่องสุขภาพ
จะทลายกรอบเหล่านี้ลงได้อย่างไร
ขอบคุณครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 735
ยากจัง...ในความเห็นของพี่ พี่ว่าจริงๆ แล้วทุกๆ คนอยากมีชีวิตที่ดีค่ะCONNICHIWA เขียน:ขอให้พี่นุช ช่วยแชร์ แนวความคิดและวิธีการด้วยครับ
อยากรวย อยากมีอิสรภาพทางการเงิน อยากดัง อยากปฏิบัติธรรม
อยากเรียนเก่ง อยากทำความดี
แต่!!!
ตีกรอบตัวเองไว้ ไม่กล้าทำตามความต้องการของตัวเอง
ประเมินความสามารถของตัวเองต่ำเกินไป
เกิดข้ออ้างที่จะไม่ทำ
อ้างว่าเด็กเกินไป แก่เกินไป
อ้างว่าไม่มีทุน
อ้างว่าไม่มีเวลา
อ้างว่ายากเกินไป ทั้งที่ยังไม่ได้ลงมือ
อ้างเรื่องดวง วาสนา
อ้างเรื่องสุขภาพ
จะทลายกรอบเหล่านี้ลงได้อย่างไร
ขอบคุณครับ
แต่....
บางคนอยู่ในภาวะที่ชีวิตดีอยู่พอสมควรแล้ว เช่น ฐานะไม่ยากจน
อยากรวยกว่านี้มั้ยก็อยาก แต่ไม่ต้องขวนขวายมากก็ยังโอเคอยู่นะ
หรือ อยากมีอิสรภาพทางการเงินมั้ย ก็อยาก แต่งานปัจจุบันของเขาก็ดีอยู่
อาจจะรายได้ดี หรือบรรยากาศการทำงานก็ดี...แม้นานๆ ครั้งจะรู้สึกอยากๆ บ้าง
แต่ในที่สุด ก็เลิกคิดไป....เพราะการจะทำอะไร
เพื่อชีวิตในอนาคตที่อาจจะดีกว่าวันนี้ของเขานั้น
ต้องใช้จินตนาการสูงมาก เพราะเป็นสิ่งที่ไม่รู้สึกได้ในปัจจุบันค่ะ
และคงต้องดีกว่าปัจจุบันมากๆ เลย จึงจะสร้างความแตกต่างได้
(เพราะปัจจุบันของเขาดีอยู่แล้ว)
ดังนั้น....ภาพที่ต้องจินตนาการถึงจะดูดีมากๆ จนเจ้าตัวก็ท้อใจ
ต้องมีวินัยและควบคุมตัวเองสูง...ดังนั้น แบบเดิมนี่แหละ สบายๆ ดีแล้ว
หลายครั้ง คนจึงเลือก "ความสุขเฉพาะหน้า" ก่อน....เพราะสุขได้ทันที
.........
แต่คนที่ลำบากยากจน หรือสภาพการทำงานไม่ได้สบายนัก (บางคน)
จะจินตนาการถึงวันที่ดีกว่าได้...บางทีแค่ดีกว่าวันนี้ของเขานิดเดียว
ก็ดีจนไม่รู้จะดียังไงแล้วดังนั้น เขามักจะ "ฮึดสู้" ขึ้นมาง่ายกว่า
เมื่อทำได้แต่ละครั้ง มันหมายถึงการรู้สึกสำเร็จและดีกับตัวเองด้วย
ก็จะยิ่งสร้างให้เขาเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเองและยิ่งทำได้ดีขึ้น
แต่กลุ่มหลังส่วนใหญ่...พอจินตนาการแล้ว หมดแรงเลยก็มี
อาจเพราะประเมินตนเองแบบเจียมตัว...เลยรู้สึกว่าโอกาสน้อยเหลือเกิน
ถ้าใจไม่แกร่งจริงก็หมดแรงเอาง่ายๆ....นี่ก็ตัดคนมุ่งมั่น ทิ้งไปอีกมาก
...........
การอ้าง เป็นกลไกของจิตใจชนิดนึง
แสดงให้รู้ว่า เขา "พลาดจากจุดที่สมหวัง" คือจุดที่
"ความคาดหวัง" กับ "สถานะที่เป็นอยู่จริงในปัจจุบัน" มาบรรจบกัน
และเขามักจะรู้อยู่แก่ใจ จึงอ้างออกมา
การอ้างฟังดูเหมือนเป็นลบ แต่จริงๆ คือการปลอบใจตัวเอง
ซึ่งมันช่วยให้คนๆ นึงไม่รู้สึกแย่กับตัวเองจนเกินไป
มันอาจเป็นสัญญาณที่ดี
ถ้าเขาอ้างเรื่องใด แสดงว่าเคยแอบหวังเรื่องนั้นไว้บ้าง
แต่อาจมีข้อจำกัดในการวางแผนหรือสร้างทาง
จากจุดที่ยืน ไปสู่จุดที่ตั้งเป้าหมายไว้...ด้วยหลายสาเหตุ
ซึ่งคนที่รับผลคือตัวเขาเองคนเดียวเลย
..........
แต่ละคนมีความแตกต่างกัน
บางคนต้องการกำลังใจจากคนอื่น เพื่อให้เข้าใจและช่วยเชียร์
พอคนอื่นร่วมรับรู้จุดหมายของเขาด้วย บ้างทีช่วยเชียร์ ช่วยลุ้น
แต่ถ้าเขายังทำไม่ได้ เขาจะอ้างหรือแก้ตัว ส่วนหนึ่งปลอบใจตัวเอง
อีกส่วนหนึ่งเพื่ออธิบายกับคนที่อุตส่าห์ ช่วยเป็นกำลังใจให้
ว่าทำไมเขาจึงทำไม่ได้...สมาธิและเวลาบางส่วนจะเสียไป
เนื่องจากต้องแบ่งเวลามาคิดเหตุผลและอธิบายแก่ผู้อื่นไปด้วย...วนอยู่อย่างนี้
...........
แต่มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่จิตใจเข้มแข็ง ซึ่งมักไม่ค่อยขอกำลังใจจากใคร
กลุ่มนี้จะทำเองรับผลเอง...ดีใจเอง และเสียใจเอง
คิดๆ บ้าง พักเดียวก็หาย....จะ focus อยู่กับเป้าหมายของตัวเองมากกว่า
ต้องการกำลังใจจากตัวเองเท่านั้น...มีแรงจูงใจไฝ่สัมฤทธ์สูงเอง
จึงไม่ค่อยต้องอธิบายสิ่งที่เขาทำแก่ใคร...จึงไม่ค่อยเห็นเขาอ้างอะไร
มักก้มหน้าก้มตาเดินสู้จุดหมายอย่างเงียบๆ ในหลายครั้งจึงมีพลังกว่า
แต่ละก้าวที่สำเร็จ...มักกลับมาเป็นแรงให้ตัวเองยิ่งมีพลัง...วนอยู่อย่างนี้
อาจสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ด้วย...คนมีพลัง จะถ่ายทอดสู่ผู้อื่นได้จริงๆ
...........
ทั้งสองแบบที่พี่บอกมาก็วนเป็นวัฏจักรอยู่อย่างนั้น
เป็นเพราะอะไร...คงต้องกลับไปมองหลายอย่าง
ทั้งการเลี้ยงดู ทั้งบริบทแวดล้อม กว่าที่คนๆ นึงจะเติบโตมา
เป็นตัวเขาอย่างทุกวันนี้...บางทีเราอาจไม่เข้าใจเลย
และเจ้าตัวเองก็อาจไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำ...แต่ชีวิตก็ต้องเดินกันต่อไป
...........
เราอาจหวังดี และอยากช่วย และหลายครั้งก็ขัดใจ
"ทำไมทำไม่ได้" นั่นคือเราเองก็อาจจะคาดหวังไปด้วย
อาจเพราะเราร่วมรับรู้ความคาดหวังของบางคน...ที่เขาไว้ใจเล่าให้เรารู้
บางกรณี เราอาจเป็นช่วยตั้งเป้าหมายให้เลย (พ่อแม่ ลูก...พบบ่อย)
ถ้าเป็นคนที่เราใกล้ชิด.และที่เราห่วงใยและผูกพัน
ไม่มีใครผิดเลย....เป็น dynamic ของสังคมจริงๆ
.............
ความเห็นของพี่...ต่อเรื่องความปรารถนาดีหรืออยากช่วยเหลือผู้อื่นนั้น
มีหลักอยู่อย่างนึงคือ "ทำเหตุให้ดีที่สุด แล้วสันโดษในผล"
เมตตา กรุณา มุทิตา และต้องรู้จัก "อุเบกขา" ด้วย ในบางกรณี
เมื่อนั้นเราจะช่วยเหลือผู้อื่นได้ ...โดยที่ตัวเราเองก็ไม่รู้สึกขัดใจใดๆ
คนเรามีความแตกต่างกัน มีที่มาต่างกัน จึงเลือกที่ไปต่างกันหลายทาง
ซึ่งมันเป็น "สัจธรรม" มากๆ...เหมือนพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก
หรือโลกหมุนรอบตัวเองเลยหละ....จริงๆ ค่ะ
ยิ่งอายุมากขึ้นพี่ก็เข้าใจสัจธรรมข้อนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
สมัยก่อนตอนอายุน้อยกว่านี้...พี่ก็รู้ทฤษฎีเยอะ
อ่านหนังสือธรรมะ มาตั้งแต่วัยรุ่น...ทำให้เราเข้าใจตัวเองได้ดี
แต่ยังมักจะมีคำถามต่อโลกและต่อผู้อื่นเป็นระยะๆ
แต่พอถึงวันนึงอยู่ๆ เราก็เข้าใจโลกขึ้นมาเฉยๆ
หลังจากวันน้้นมา ก็เข้าใจในอัตราเร่งเลย (แปลกเหมือนกัน)
แสดงว่าหนังสือธรรมะที่ได้อ่านมาไม่เสียหลายเลย
..........
เขียนบทความอยุ่ทุกวันนี้ ก็ตั้งใจเขียนให้ดีที่สุด
ด้วยความรู้สึกปรารถนาดีต่อผู้อ่านและต่อสังคม...แต่ก็หยุดอยู่แค่นั้น
หวังอยากให้มีคนได้ประโยชน์เหมือนกัน
(จะว่าไม่หวังเลยก็จะเป็นการโกหก)
แต่ก็ไม่ถึงกับมาก...แล้วแต่ตัวเขา
คนที่นำไปใช้แล้วดี...กลับมาเล่าให้เราฟังก็มาก...ก็รู้สึกยินดีไปกับเขา
..............
บางครั้ง...เมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็คิดมุมกลับเลยค่ะ
เช่น สมมติว่าเราสอนให้ประหยัด...เกิดทุกคนทำได้หมด
อาจส่งผลให้เกิด Deflation อาจไม่ดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม
(และอาจไม่มีคนซื้อสินค้าของบริษัทที่เราลงทุนอยู่ก็เป็นได้)
ดังนั้น..มีคนที่ชอบจับจ่ายใช้สอยบ้าง ก็มีข้อดีเหมือนกันนะ
ความหลากหลายทำให้เกิดความสมบูรณ์แบบ....อย่างนี้นี่เอง ^__^)
...........
พี่ว่าถ้ามองอย่างเข้าใจ...เราจะอยู่กับทุกเรื่องได้อย่างสบายใจค่ะ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 736
มนุษย์เงินเดือน_รู้วิธีคำนวณบำนาญหรือไม่?
(Team Money Talk 4)
...............
“ลูกจ้างที่ส่งเงินประกันสังคมครบ 180 เดือน”
จะได้รับ “บำนาญชราภาพรายเดือน” “อัตราร้อยละ 20
ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ที่ใช้เป็นฐานในการ
คำนวณเงินสมทบ ก่อนความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง”
.............
เวลาอ่าน หรือฟังอะไร..ใส่ใจหลังคำว่า "แต่" ให้ดีนะคะ ^_*
(ไม่ทันขาดคำ) แต่!...“เพดานขั้นสูงของฐานเงินเดือนเฉลี่ย
60 เดือนสุดท้ายที่ใช้คำนวณ กำหนดไม่เกิน 15,000 บาท”
..............
“ภาษาบ้านๆ” คือ “ต่อให้เงินเดือนมากแค่ไหน
ก็นำมาคิดได้แค่ 15,000 บาท” ดูตามตารางค่ะ
(ถ้าจ่ายเงินสมทบนาน % ที่ใช้คำนวณจะมากขึ้น
คนที่จะได้ 2 แถวล่าง...ต้องเริ่มทำงานเร็วมาก) ได้น้อย ก็ยังดีกว่าไม่ได้นะคะ..ต้องขอบคุณ สปส.
และข้อมูลจาก website ของ สปส.ตาม link นี้ค่ะ
http://www.sso.go.th/wpr/category.jsp?lang=th&cat=935
...............
และอ่าน post นี้ควบคู่ไปด้วยจะดีมากเลยค่ะ
"เมื่อมนุษย์เงินเดือน_ไม่มีเงินเดือน (โอ้...ไม่นะ!)"
https://www.facebook.com/MoneyTalkTV/po ... 1692990652
..............
ต่อค่ะ....หลายท่านงุนงง...เห็นข้าราชการบำนาญพออยู่ได้นี่นา
ใช่ค่ะ...เพราะ "สวัสดิการ" และ "วิธีคำนวณ" ต่างกัน
ขรก.ต้องทำงาน 25 ปี จึงจะได้รับบำนาญ (สูตร สมาชิก กบข.)
(เงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย x จำนวนปีที่รับราชการ/50)
...............
สมมติ ขรก.เงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือน สุดท้าย = 30,000
แทนค่า (30,000 x 25/50) = 15,000 บาท/เดือน หรือ
ถ้าทำถึง 60 ปี_เงินเดือนเพิ่ม, ปีที่คูณเพิ่ม ตัวหารเท่าเดิม
ยิ่งได้มาก เช่น (45,000 x 30 ปี/50) = 27,000 บาท/เดือน
หรือ (ระดับสูง) (60,000 x 30 ปี/50) = 36,000 บาท/เดือน
มีเงิน กบข.อีกก้อน แต่...เงินเดือนน้อยตลอดอายุงานค่ะ
..............
เอกชนมี "โอกาส" ได้เงินเดือนมากกว่า ขรก. ตลอดอายุงาน
ได้มากกว่าก็ควร “ออม” และ “ลงทุนให้งอกเงย” ได้มากกว่า
หลังเกษียณ...จะได้มี Passive Income พอเลี้ยงตัวได้
และควรเริ่มเร็ว เพื่อให้พลังของการทบต้นช่วยค่ะ
.............
**ใช้โอกาส_ ป้องกันวิกฤต** และคิดแต่เนิ่นๆ ดีกว่าค่ะ
(Team Money Talk 4)
...............
“ลูกจ้างที่ส่งเงินประกันสังคมครบ 180 เดือน”
จะได้รับ “บำนาญชราภาพรายเดือน” “อัตราร้อยละ 20
ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ที่ใช้เป็นฐานในการ
คำนวณเงินสมทบ ก่อนความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง”
.............
เวลาอ่าน หรือฟังอะไร..ใส่ใจหลังคำว่า "แต่" ให้ดีนะคะ ^_*
(ไม่ทันขาดคำ) แต่!...“เพดานขั้นสูงของฐานเงินเดือนเฉลี่ย
60 เดือนสุดท้ายที่ใช้คำนวณ กำหนดไม่เกิน 15,000 บาท”
..............
“ภาษาบ้านๆ” คือ “ต่อให้เงินเดือนมากแค่ไหน
ก็นำมาคิดได้แค่ 15,000 บาท” ดูตามตารางค่ะ
(ถ้าจ่ายเงินสมทบนาน % ที่ใช้คำนวณจะมากขึ้น
คนที่จะได้ 2 แถวล่าง...ต้องเริ่มทำงานเร็วมาก) ได้น้อย ก็ยังดีกว่าไม่ได้นะคะ..ต้องขอบคุณ สปส.
และข้อมูลจาก website ของ สปส.ตาม link นี้ค่ะ
http://www.sso.go.th/wpr/category.jsp?lang=th&cat=935
...............
และอ่าน post นี้ควบคู่ไปด้วยจะดีมากเลยค่ะ
"เมื่อมนุษย์เงินเดือน_ไม่มีเงินเดือน (โอ้...ไม่นะ!)"
https://www.facebook.com/MoneyTalkTV/po ... 1692990652
..............
ต่อค่ะ....หลายท่านงุนงง...เห็นข้าราชการบำนาญพออยู่ได้นี่นา
ใช่ค่ะ...เพราะ "สวัสดิการ" และ "วิธีคำนวณ" ต่างกัน
ขรก.ต้องทำงาน 25 ปี จึงจะได้รับบำนาญ (สูตร สมาชิก กบข.)
(เงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย x จำนวนปีที่รับราชการ/50)
...............
สมมติ ขรก.เงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือน สุดท้าย = 30,000
แทนค่า (30,000 x 25/50) = 15,000 บาท/เดือน หรือ
ถ้าทำถึง 60 ปี_เงินเดือนเพิ่ม, ปีที่คูณเพิ่ม ตัวหารเท่าเดิม
ยิ่งได้มาก เช่น (45,000 x 30 ปี/50) = 27,000 บาท/เดือน
หรือ (ระดับสูง) (60,000 x 30 ปี/50) = 36,000 บาท/เดือน
มีเงิน กบข.อีกก้อน แต่...เงินเดือนน้อยตลอดอายุงานค่ะ
..............
เอกชนมี "โอกาส" ได้เงินเดือนมากกว่า ขรก. ตลอดอายุงาน
ได้มากกว่าก็ควร “ออม” และ “ลงทุนให้งอกเงย” ได้มากกว่า
หลังเกษียณ...จะได้มี Passive Income พอเลี้ยงตัวได้
และควรเริ่มเร็ว เพื่อให้พลังของการทบต้นช่วยค่ะ
.............
**ใช้โอกาส_ ป้องกันวิกฤต** และคิดแต่เนิ่นๆ ดีกว่าค่ะ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- Verified User
- โพสต์: 241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 737
กระทู้ตอบคำถามด้านบน ดีจังเลยครับพี่นุช ทำให้สะท้อนมาเห็นภาพตัวเองอีกมุม
โดยเฉพาะเรื่องสุขทันที
.... หลังจากมาศึกษาเรื่องการลงทุน และ บริหารจัดการเงิน ผมเองก็พึ่งจะค่อยๆ มองเป้าหมายระยะยาวเป็นและลด"ความสุขทันที" เพื่อทำตามเป้าหมายระยะยาว แรกๆก็ขัดใจมาก มานั่งคิดว่าเราทำแบบนี้ไปทำไม แต่ระยะเวลามันค่อยๆสร้างความมั่นใจจริงๆว่าเราน่าจะเดินมาถูกทางแล้ว
ขอเป็นหนึ่งในคนคอยตามอ่านบทความของพี่เรื่อยๆครับ
โดยเฉพาะเรื่องสุขทันที
.... หลังจากมาศึกษาเรื่องการลงทุน และ บริหารจัดการเงิน ผมเองก็พึ่งจะค่อยๆ มองเป้าหมายระยะยาวเป็นและลด"ความสุขทันที" เพื่อทำตามเป้าหมายระยะยาว แรกๆก็ขัดใจมาก มานั่งคิดว่าเราทำแบบนี้ไปทำไม แต่ระยะเวลามันค่อยๆสร้างความมั่นใจจริงๆว่าเราน่าจะเดินมาถูกทางแล้ว
ขอเป็นหนึ่งในคนคอยตามอ่านบทความของพี่เรื่อยๆครับ
ความจนนั้นเกิดได้จากสองสาเหตุ คือ จนเพราะไม่มี กับ จนเพราะไม่พอ
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 738
ยินดีค่ะ...ขอบคุณน้องนัทด้วยเช่นกันNutth147 เขียน:กระทู้ตอบคำถามด้านบน ดีจังเลยครับพี่นุช ทำให้สะท้อนมาเห็นภาพตัวเองอีกมุม
โดยเฉพาะเรื่องสุขทันที
.... หลังจากมาศึกษาเรื่องการลงทุน และ บริหารจัดการเงิน ผมเองก็พึ่งจะค่อยๆ มองเป้าหมายระยะยาวเป็นและลด"ความสุขทันที" เพื่อทำตามเป้าหมายระยะยาว แรกๆก็ขัดใจมาก มานั่งคิดว่าเราทำแบบนี้ไปทำไม แต่ระยะเวลามันค่อยๆสร้างความมั่นใจจริงๆว่าเราน่าจะเดินมาถูกทางแล้ว
ขอเป็นหนึ่งในคนคอยตามอ่านบทความของพี่เรื่อยๆครับ
บ่อยครั้งน้องนัทและเพื่อนๆ ก็ช่วยกันเขียน ช่วยกันเล่า
และนำสิ่งดีๆ มาแบ่งปัน พี่เองก็ได้ข้อคิดดีๆ จากการแบ่งปันกันไปมาในกระทู้เราอยู่บ่อยๆ เลยค่ะ
ขอบคุณน้องนัท และทุกๆ คนด้วยค่ะ
............
สีน้ำเงินนั่นพี่ก็เคยเป็นค่ะ แม้จะเป็นไม่มาก แต่บางครั้งก็มีถามตัวเองแบบนี้
และถ้าเราผ่านมาได้ ก็ค่อยๆ มีสีแดงมา และแดงจะเข้มขึ้นเรื่อยๆ
สีน้ำเงินก็จางลงเรื่อยๆ เช่นกัน...สองสีนี้แปรผกผันต่อกัน
............
ที่สำคัญอีกอย่างต้องกล้า "คิดใหญ่"
บางคน "คิดใหญ่" แล้วเก็บไว้กับตัว ก้มหน้าก้มตาทำไป
แต่บางคนคิดแล้วเล่าออกไป กลับโดนสกัดดาวรุ่ง
จากคนคิดเล็กว่า "ทำไม่ได้หรอก" "ฝันหรือเปล่า..ตื่นๆ"
เพื่อนๆ กันนี่แหละค่ะ บางทีก็ไม่ได้เจตนา แค่แซวเล่น
แต่ถ้าไม่เข้มแข็งพอ...โดยเฉพาะคนกลุ่มหลังที่ดูเหมือนขาดโอกาสอยู่แต่ต้น
อาจกลับไปคิดฝันแบบเจียมตัวเหมือนเดิม เรียกได้ว่า "ไม่กล้าฝัน" กันเลยทีเดียว
เมื่อไม่กล้าฝันก็เท่ากับ "ไม่กล้าสำเร็จ" ไปด้วย...น่าเสียดาย
............
พี่ว่าถ้าเราเข้าใจกลไกแบบนี้ เราอาจช่วยได้อย่างแรกเลย
อย่า "ดับฝันใคร"...โดยไม่ตั้งใจ ละเอียดอ่อนมากๆ เรื่องแบบนี้
สองคืออาจช่วยจุดไฟ (ช่วยจุดประกายตอนเริ่มๆ )...
แต่เจ้าตัวต้องมีหน้าที่เติมเชื้อเอง เราไม่ควรไม่เติมเชื้อให้
เพราะต้องเติมตลอดชีวิต ดังนั้นต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าตัว
ถ้าเขาขยันเติม ไฟก็จะสว่างและลุกโชติช่วงไปทั้งชีวิต
ในทางกลับกันถ้าเขาไม่ขยันเติม และปล่อยไฟมอดไป
เราก็ต้อง "อุเบกขา" อย่างที่บอกไปด้านบนค่ะ
..............
พ่อแม่ควรกระตุ้นให้ลูก "คิดใหญ่ ฝันใหญ่" เข้าไว้
ระวังไม่พูดคำว่า "อย่า" กับเด็กเล็กๆ บ่อยเกิน...มันจะฝังลงไปในจิตใต้สำนึกเลย
โตขึ้นจะไม่ค่อยกล้าคิด กล้าทำอะไร ให้กรอบเฉพาะเรื่องใหญ่ๆ และสำคัญๆ ก็พอ
และขวบปีแรก ตามลำดับขั้นตาม ทฤ.พัฒนาการของอิริสัน
คือวัยแห่ง "ความไว้วางใจ" หรือ "ไม่ไว้วางใจ" ต่อโลก
วิกฤตของวัยนี้คือ...เด็กไม่มีความสามารถอะไรของตัวเองเลย
ได้แต่นอนนั่ง พูดสื่อสารก็ไม่ได้...แต่เขามีความต้องการ และมีความรู้สึก
ถ้าลูกร้องไห้และพ่อแม่เข้าชาร์จช้า ปล่อยร้องนานเกิน (ใช้คำขำๆ ให้นึกภาพออก)
เด็กจะรู้สึกว่าโลกนี้ช่างไม่โอเคเลย...ทุกเสียงร้องของขวบปีแรก
ควรได้รับการตอบสนอง...ไม่ต้องกลัวเด็กติดมือค่ะ...ถ้าใส่ใจและสังเกต
เราจะรู้ว่าเขาต้องการอะไรได้เร็ว...และปลอบโยน หรือตอบสนองให้หยุดได้เร็ว
(บางคนถูกสอนมาว่าลูกจะติดมือ....ธรรมชาติของวัยต่อจากนี้...ชอบสลัดมือ)
ถ้าเขาได้รับการตอบสนองเหมาะสม...วัยถัดมาจะชอบสลัดมือมากๆ
มั่นใจที่จะเดินไปสำรวจ และมักจะมีประสบการณ์สำเร็จก้าวเล็กก้าวน้อยบ่อยๆ
ตรงข้ามถ้าเด็กที่ระแวงต่อโลกไปแล้ว มักไม่ค่อยกล้าไปตลอด
"ยุไม่ขึ้น" หรือ "เชียร์ไม่ขึ้น" เลยก็มี....มีจริงๆ ค่ะ
และถ้าไม่ได้รับการแก้ไขแต่เนิ่นๆ ปล่อยให้ล่วงเลยจนโต
ก็จะเป็นคนไม่กล้าตัดสินใจอะไร...มักจะรอฟังคำสัง่จากพ่อแม่
หรือรอฟังความเห็นจากผู้คนแวดล้อมมากเกินไป...ลองสังเกตรอบตัวมีจริงๆ
เรียกได้ว่าเสียหายจากการเลี้ยงดู...โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
.............
เหมือนจะกลับไปตอบคำถามของ "น้องบอย" ด้านบนด้วยหรือเปล่า?
..............
เผลอเล่ายาวอีกละ....ไปดีกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 739
ข้อมูลจาก http://www.a-academy.net/blog/mobile-an ... N2epg.dpbs
เห็นว่า เหมาะกับเรื่อง ความสุขทันที่ ที่พี่นุชอธิบายเลยครับ
เห็นว่า เหมาะกับเรื่อง ความสุขทันที่ ที่พี่นุชอธิบายเลยครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
ความจนนั้นเกิดได้จากสองสาเหตุ คือ จนเพราะไม่มี กับ จนเพราะไม่พอ
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 740
ขอบคุณมากเลยค่ะน้องนัท...เหมาะจริงๆ ด้วย ^__^Nutth147 เขียน:ข้อมูลจาก http://www.a-academy.net/blog/mobile-an ... N2epg.dpbs
เห็นว่า เหมาะกับเรื่อง ความสุขทันที่ ที่พี่นุชอธิบายเลยครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 741
นิ่ง สงบ ทบทวน_เรารู้จักตัวเองหรือยัง?
(Team Money Talk 4)
..............
ระหว่างดูฟุตบอล ลูกถามว่าชอบกีฬาอะไร?
ตอบ "สนุกเกอร์" ลูกบอก "กีฬาคนแก่" (อืม..คงใช่)
(แก่ก่อนวัย) ชอบมาตั้งแต่วัยรุ่น..รู้สึกว่าเหมือนชีวิตจริง
ใช้โต๊ะและลูกชุดเดียวกับคู่แข่ง แต่ที่จริงแข่งกับตัวเอง
นักกีฬาต้อง นิ่ง สงบ เพื่อออกแบบวิธีให้เหมาะกับ
สถานการณ์ตรงหน้า และความถนัดของตัวเอง
.............
การใช้ชีวิตควรเป็นเรื่องที่อิสระสุดๆ แต่หลายครั้ง
หลายคนชอบขอความเห็นผู้อื่น ถ้าเกี่ยวกับคนหมู่มาก
ปรึกษาผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ หรือผู้มีประสบการณ์ก็ควรทำ
แต่เรื่องเกี่ยวกับตัวเราเอง น่าจะฝึกตัดสินใจเองค่ะ
..............
เพราะ "ความสำเร็จ" รู้สึกแทนกันไม่ได้ ความสำเร๊จ
ก้าวเล็กๆ สร้างความภูมิใจ และก้าวใหญ่ขึ้นมักจะตามมา
ฝึกได้ค่ะ...ลองคิดรอบด้านเขียนข้อดี ข้อเสีย ข้อจำกัด
ของแต่ละทางเลือกแล้วค่อยๆ ตัดทางที่ไม่ตอบโจทย์ทิ้ง
ถ้าจะถามผู้รู้ควรศึกษาข้อมูล และเลือกเองมาระดับหนึ่ง
คำถามดี_ย่อมได้คำตอบดี กรณีนี้จะเหมาะกับตัวเราด้วย
..............
หลายคนขยันและไฝ่รู้ แต่ขาดจุดยืน รับข้อมูลใดๆ
จากโลก online /คุยกับใครมากๆ ณ ช่วงเวลาหนึ่ง
ก็ได้ไอเดียบรรเจิดมาวูบนึง อ่านเยอะ คิดเยอะ
มีโครงการใหม่ๆ เยอะ (จ้าว project) ปรึกษาผู้รู้เยอะ
7 คน แนะนำ 7 อย่าง..ตัดสินใจไม่ได้อีก (เยอะเกิน) ^__^
.............
ยิ่งแสวงหาจากภายนอก..เวลาก็ยิ่งหมดไป
ไม่มีเวลาลงมือทำ ก็ไม่เกิดผลใดๆ
สำเร็จหรือไม่..ไม่สำคัญเท่าได้ลงมือทำ
ถ้าทำแล้วไม่ work จะได้เรียนรู้ และย่อมมีโอกาส
ได้ปรับปรุงและพัฒนา..นั่นคือหนทางแห่งความสำเร็จ
เราทุกคนมีศักยภาพในตัวเอง ถ้าใจเป็นอิสระและนิ่งพอ
ความคิดอ่านจะ "คม" ขึ้น เมื่อนั้นการตั้งเป้าหมายใดๆ
รวมทั้งการเงิน และการลงทุนจะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
..............
ที่จริง เรารู้อะไรในโลกให้น้อยลงหน่อยก็ได้
นิ่ง สงบ ทบทวน..เพื่อรู้จักตัวเองให้มากขึ้น
จะย่นเวลาให้สำเร็จเร็วขึ้น ไม่ต้องเร็วกว่าใคร
แค่เร็วกว่าตัวเอง ตอนที่ยังไม่รู้จักตัวเอง...ก็พอค่ะ ^__^
(Team Money Talk 4)
..............
ระหว่างดูฟุตบอล ลูกถามว่าชอบกีฬาอะไร?
ตอบ "สนุกเกอร์" ลูกบอก "กีฬาคนแก่" (อืม..คงใช่)
(แก่ก่อนวัย) ชอบมาตั้งแต่วัยรุ่น..รู้สึกว่าเหมือนชีวิตจริง
ใช้โต๊ะและลูกชุดเดียวกับคู่แข่ง แต่ที่จริงแข่งกับตัวเอง
นักกีฬาต้อง นิ่ง สงบ เพื่อออกแบบวิธีให้เหมาะกับ
สถานการณ์ตรงหน้า และความถนัดของตัวเอง
.............
การใช้ชีวิตควรเป็นเรื่องที่อิสระสุดๆ แต่หลายครั้ง
หลายคนชอบขอความเห็นผู้อื่น ถ้าเกี่ยวกับคนหมู่มาก
ปรึกษาผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ หรือผู้มีประสบการณ์ก็ควรทำ
แต่เรื่องเกี่ยวกับตัวเราเอง น่าจะฝึกตัดสินใจเองค่ะ
..............
เพราะ "ความสำเร็จ" รู้สึกแทนกันไม่ได้ ความสำเร๊จ
ก้าวเล็กๆ สร้างความภูมิใจ และก้าวใหญ่ขึ้นมักจะตามมา
ฝึกได้ค่ะ...ลองคิดรอบด้านเขียนข้อดี ข้อเสีย ข้อจำกัด
ของแต่ละทางเลือกแล้วค่อยๆ ตัดทางที่ไม่ตอบโจทย์ทิ้ง
ถ้าจะถามผู้รู้ควรศึกษาข้อมูล และเลือกเองมาระดับหนึ่ง
คำถามดี_ย่อมได้คำตอบดี กรณีนี้จะเหมาะกับตัวเราด้วย
..............
หลายคนขยันและไฝ่รู้ แต่ขาดจุดยืน รับข้อมูลใดๆ
จากโลก online /คุยกับใครมากๆ ณ ช่วงเวลาหนึ่ง
ก็ได้ไอเดียบรรเจิดมาวูบนึง อ่านเยอะ คิดเยอะ
มีโครงการใหม่ๆ เยอะ (จ้าว project) ปรึกษาผู้รู้เยอะ
7 คน แนะนำ 7 อย่าง..ตัดสินใจไม่ได้อีก (เยอะเกิน) ^__^
.............
ยิ่งแสวงหาจากภายนอก..เวลาก็ยิ่งหมดไป
ไม่มีเวลาลงมือทำ ก็ไม่เกิดผลใดๆ
สำเร็จหรือไม่..ไม่สำคัญเท่าได้ลงมือทำ
ถ้าทำแล้วไม่ work จะได้เรียนรู้ และย่อมมีโอกาส
ได้ปรับปรุงและพัฒนา..นั่นคือหนทางแห่งความสำเร็จ
เราทุกคนมีศักยภาพในตัวเอง ถ้าใจเป็นอิสระและนิ่งพอ
ความคิดอ่านจะ "คม" ขึ้น เมื่อนั้นการตั้งเป้าหมายใดๆ
รวมทั้งการเงิน และการลงทุนจะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
..............
ที่จริง เรารู้อะไรในโลกให้น้อยลงหน่อยก็ได้
นิ่ง สงบ ทบทวน..เพื่อรู้จักตัวเองให้มากขึ้น
จะย่นเวลาให้สำเร็จเร็วขึ้น ไม่ต้องเร็วกว่าใคร
แค่เร็วกว่าตัวเอง ตอนที่ยังไม่รู้จักตัวเอง...ก็พอค่ะ ^__^
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 742
"เมื่อตัวเราละเอียดเป็นผุยผง"
พอดีมีเพื่อมาถามทางกล่องข้อความ (facebook)...คิดว่าคำตอบของเรา
อาจเป็นประโยชน์ ไหนๆ จะตอบแล้ว เลยนำมาตอบเป็นวงกว้างดีกว่า
.............
เรื่องการ “ปล่อยวาง"...โดยส่วนตัวคิดว่าถ้าเราไม่เข้าไปยึดอะไรเสียแต่ต้น ก็จะไม่ต้องมาปล่อยวางทีหลัง...เพราะการปล่อยให้เกิดกระบวนการ "รับรู้ รู้สึก ยึดถือ แล้วทุกช์ (หรือสุขเกิน) ทั้งกระบวนการ จนต้องมาปล่อยวางในที่สุด" จะเสียเวลามากๆ ...สู้ไม่ยึดมั่นถือมั่นกับเรื่องใดๆ ง่ายเสียแต่ต้น..จะตัดกระบวนการใดๆ ในชีวิตออกไปได้มาก...เวลาจะเหลือทำอย่างอื่นได้อีกมาก
.............
ฝึกได้...สัมผัสอะไรแค่ "รับรู้" อย่าไปรับเอามาจน "รู้สึก" มันจะลึกเกิน และในที่สุดก็ต้องมาพยายาม "ปล่อยวาง" อีก...วิธีฝึกแรกๆ คือ "ปิดหู ปิดตา ปิดปาก" จะลดสิ่งเร้าที่จะมา "ผัสสะ" ได้มาก ถ้าทำได้บ่อยๆ ในที่สุดจะเข้าสู่ขั้นสูงได้ คือ ไม่ "ผัสสะ" แม้จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่คนอื่นๆ เขามักจะรู้สึกกัน ถ้าทำได้ความคิดความอ่านจะมีประสิทธิภาพขึ้นพอสมควรทีเดียวค่ะ
..............
วิธีฝึก...ลองจินตานาการว่าตัวเราอยู่ในภาพวาด ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมอื่นๆ แล้วแต่ชอบจะเป็นวิวภูเขาน้ำตกอะไรก็แล้วแต่หรือแม้แต่ท่ามกลางฝูงชน แล้วมองตัวเองเป็นจุดเล็กๆ ของสิ่งแวดล้อม เหมือนมองภาพวาดสักภาพ แบบ bird eyes view แล้วตัวเราเป็นจุดเล็กๆ ในนั้น แค่หยิบยางลบมาลบตัวเราออกไป ภาพนั้นก็ยังคงเหมือนเดิม เราหายไปไม่มีผลอะไรต่อสิ่งแวดล้อมเลย
หรือแม้แต่ในสถานการณ์จริง ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมหรือผู้คน เราเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ ที่หายไปสักคนก็แทบไม่มีใครรู้สึก ทุกอย่างยังคงต้องดำเนินต่อไปตามธรรมชาติ เป็นของมันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันไม่ได้เคลื่อนไปได้เพราะเรา แค่นี้ค่ะ....ฝึกมองตัวเองให้ล็กลง เล็กลง และเล็กลง เราจะเล็กลงได้เรื่อยๆ จนละเอียดเป็นผุยผง ^__^
...........
อาจดู "เฉื่อยเนือย" ในสายตาผู้อื่นได้ แต่เราจะรู้ตัวของเราอยู่เอง "สงบ" ดีค่ะ...ลองฝึกดูแล้วจะรู้ว่าดี (ไม่จำเป็นต้องไปวัดก็สามารถฝึกได้) บางคนต้องไปวัดเท่านั้นจึงจะฝึกได้ กลับมาบ้านก็ลืม พอวุ่นวายใจทีก็ไปวัดที แท้จริงความสงบควรอยู่ในใจเรา ไม่ควรไปหาจากที่ใดๆ แม้แต่วัด...คนจะทำได้จะอยู่ที่ไหนๆ ก็ทำได้ แต่คนที่จะทำไม่ได้แม้แต่อยู่ในวัดยังทำไม่ได้
ที่บอกเช่นนี้....ไม่ได้เห็นว่าการไปฝึกไม่ดี ถ้าใครมีความตั้งใจการไปนั่งสมาธิหรือฝึกปฏิบัติที่วัดเป็นสื่งที่ดีมากและเห็นด้วยที่สุด และผู้ที่มีความตั้งใจจะได้ประโยชน์มาก แต่ก็มีกลุ่มที่ไปวัดอยู่เรื่อยๆ บางคนลางานไปนุ่งขาวห่มขาวที่วัดประจำ (มักจะทำเมื่อรู้สึกไม่สงบ) แต่ในชีวิตประจำวันเขาไม่นำมาใช้ ก็เปล่าประโยชน์ เพราะชีวิตของฆราวาสส่วนใหญ่อยู่นอกวัด จะไปหวังสงบเมื่อไปวัดจึงไม่น่าใช่ทางที่จะสงบได้จริง
.............
เชื่อหรือไม่เราไม่เคยรู้จักคำว่า "เหงา" เลยทั้งชีวิต คนเป็นพ่อแม่ควรฝึกลูกด้วย เพราะถ้าใครคนหนึ่งรู้สึกเหงาเป็น เขาจะอยู่กับตัวเองไม่ได้ จะทำอะไรสักอย่างก็อยากจะให้มีคนยอมรับ บางครั้งต้องพยายามทำอะไรก็แล้วแต่เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ และแน่นอนความสุขของเขาจะมาจากสิ่งภายนอกเสมอ..จะสุขยาก อยู่ไกลจาก "ความสงบ" และคำว่า "ปล่อยวาง" มากเหลือเกิน
ภาพถ่ายเองจาก "ปางอุ๋ง แม่ฮ่องสอน"
พอดีมีเพื่อมาถามทางกล่องข้อความ (facebook)...คิดว่าคำตอบของเรา
อาจเป็นประโยชน์ ไหนๆ จะตอบแล้ว เลยนำมาตอบเป็นวงกว้างดีกว่า
.............
เรื่องการ “ปล่อยวาง"...โดยส่วนตัวคิดว่าถ้าเราไม่เข้าไปยึดอะไรเสียแต่ต้น ก็จะไม่ต้องมาปล่อยวางทีหลัง...เพราะการปล่อยให้เกิดกระบวนการ "รับรู้ รู้สึก ยึดถือ แล้วทุกช์ (หรือสุขเกิน) ทั้งกระบวนการ จนต้องมาปล่อยวางในที่สุด" จะเสียเวลามากๆ ...สู้ไม่ยึดมั่นถือมั่นกับเรื่องใดๆ ง่ายเสียแต่ต้น..จะตัดกระบวนการใดๆ ในชีวิตออกไปได้มาก...เวลาจะเหลือทำอย่างอื่นได้อีกมาก
.............
ฝึกได้...สัมผัสอะไรแค่ "รับรู้" อย่าไปรับเอามาจน "รู้สึก" มันจะลึกเกิน และในที่สุดก็ต้องมาพยายาม "ปล่อยวาง" อีก...วิธีฝึกแรกๆ คือ "ปิดหู ปิดตา ปิดปาก" จะลดสิ่งเร้าที่จะมา "ผัสสะ" ได้มาก ถ้าทำได้บ่อยๆ ในที่สุดจะเข้าสู่ขั้นสูงได้ คือ ไม่ "ผัสสะ" แม้จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่คนอื่นๆ เขามักจะรู้สึกกัน ถ้าทำได้ความคิดความอ่านจะมีประสิทธิภาพขึ้นพอสมควรทีเดียวค่ะ
..............
วิธีฝึก...ลองจินตานาการว่าตัวเราอยู่ในภาพวาด ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมอื่นๆ แล้วแต่ชอบจะเป็นวิวภูเขาน้ำตกอะไรก็แล้วแต่หรือแม้แต่ท่ามกลางฝูงชน แล้วมองตัวเองเป็นจุดเล็กๆ ของสิ่งแวดล้อม เหมือนมองภาพวาดสักภาพ แบบ bird eyes view แล้วตัวเราเป็นจุดเล็กๆ ในนั้น แค่หยิบยางลบมาลบตัวเราออกไป ภาพนั้นก็ยังคงเหมือนเดิม เราหายไปไม่มีผลอะไรต่อสิ่งแวดล้อมเลย
หรือแม้แต่ในสถานการณ์จริง ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมหรือผู้คน เราเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ ที่หายไปสักคนก็แทบไม่มีใครรู้สึก ทุกอย่างยังคงต้องดำเนินต่อไปตามธรรมชาติ เป็นของมันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันไม่ได้เคลื่อนไปได้เพราะเรา แค่นี้ค่ะ....ฝึกมองตัวเองให้ล็กลง เล็กลง และเล็กลง เราจะเล็กลงได้เรื่อยๆ จนละเอียดเป็นผุยผง ^__^
...........
อาจดู "เฉื่อยเนือย" ในสายตาผู้อื่นได้ แต่เราจะรู้ตัวของเราอยู่เอง "สงบ" ดีค่ะ...ลองฝึกดูแล้วจะรู้ว่าดี (ไม่จำเป็นต้องไปวัดก็สามารถฝึกได้) บางคนต้องไปวัดเท่านั้นจึงจะฝึกได้ กลับมาบ้านก็ลืม พอวุ่นวายใจทีก็ไปวัดที แท้จริงความสงบควรอยู่ในใจเรา ไม่ควรไปหาจากที่ใดๆ แม้แต่วัด...คนจะทำได้จะอยู่ที่ไหนๆ ก็ทำได้ แต่คนที่จะทำไม่ได้แม้แต่อยู่ในวัดยังทำไม่ได้
ที่บอกเช่นนี้....ไม่ได้เห็นว่าการไปฝึกไม่ดี ถ้าใครมีความตั้งใจการไปนั่งสมาธิหรือฝึกปฏิบัติที่วัดเป็นสื่งที่ดีมากและเห็นด้วยที่สุด และผู้ที่มีความตั้งใจจะได้ประโยชน์มาก แต่ก็มีกลุ่มที่ไปวัดอยู่เรื่อยๆ บางคนลางานไปนุ่งขาวห่มขาวที่วัดประจำ (มักจะทำเมื่อรู้สึกไม่สงบ) แต่ในชีวิตประจำวันเขาไม่นำมาใช้ ก็เปล่าประโยชน์ เพราะชีวิตของฆราวาสส่วนใหญ่อยู่นอกวัด จะไปหวังสงบเมื่อไปวัดจึงไม่น่าใช่ทางที่จะสงบได้จริง
.............
เชื่อหรือไม่เราไม่เคยรู้จักคำว่า "เหงา" เลยทั้งชีวิต คนเป็นพ่อแม่ควรฝึกลูกด้วย เพราะถ้าใครคนหนึ่งรู้สึกเหงาเป็น เขาจะอยู่กับตัวเองไม่ได้ จะทำอะไรสักอย่างก็อยากจะให้มีคนยอมรับ บางครั้งต้องพยายามทำอะไรก็แล้วแต่เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ และแน่นอนความสุขของเขาจะมาจากสิ่งภายนอกเสมอ..จะสุขยาก อยู่ไกลจาก "ความสงบ" และคำว่า "ปล่อยวาง" มากเหลือเกิน
ภาพถ่ายเองจาก "ปางอุ๋ง แม่ฮ่องสอน"
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 743
ด้านบนเป็นแค่ระดับเบื้องตันในชีวิตประจำวัน
พอให้อยู่ในโลกได้อย่างไม่ค่อยรู้สึกวุ่นวายใจ
เพื่อตอบคำถามที่เพื่อนถามมาเท่านั้นค่ะ
เขาถามว่า...ทำอย่างไรจึงจะนิ่งๆ สงบๆ
ดูไม่ค่อยเดือดร้อนใจ กับสิ่งแวดล้อม
(หรือ "เฉื่อยเนือย" นั่นเอง เพื่อนอาจอยากใช้คำนี้แต่ไม่กล้า ^__^)
............
ที่ตอบไปและปฏิบัติอยู่ในชีวิตประจำวันยังอยู่แค่ "ขนิกสมาธิ"
คือสมาธิเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น อาจะจะ " จิตสงบ " เป็นอารมณ์เดียว
ที่ปฏิบัติควบคู่ไปกับ "ทาน" และ "ศีล" ไปไม่ถึงระดับ "เจริญภาวนา" ค่ะ
..........
ความจริงผู้ที่พร้อมควรมีการฝึกขั้นสูง คือ การเจริญภาวนา ซึ่งมี ๒ อย่างคือ
"สมถภาวนา ( การทำสมาธิ )" และ " วิปัสสนาภาวนา ( การเจริญปัญญา )"
..........
ซึ่งโดยส่วนตัวยังมีความรู้น้อยมาก ไม่กล้าจะกล่าวถึงค่ะ
พอให้อยู่ในโลกได้อย่างไม่ค่อยรู้สึกวุ่นวายใจ
เพื่อตอบคำถามที่เพื่อนถามมาเท่านั้นค่ะ
เขาถามว่า...ทำอย่างไรจึงจะนิ่งๆ สงบๆ
ดูไม่ค่อยเดือดร้อนใจ กับสิ่งแวดล้อม
(หรือ "เฉื่อยเนือย" นั่นเอง เพื่อนอาจอยากใช้คำนี้แต่ไม่กล้า ^__^)
............
ที่ตอบไปและปฏิบัติอยู่ในชีวิตประจำวันยังอยู่แค่ "ขนิกสมาธิ"
คือสมาธิเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น อาจะจะ " จิตสงบ " เป็นอารมณ์เดียว
ที่ปฏิบัติควบคู่ไปกับ "ทาน" และ "ศีล" ไปไม่ถึงระดับ "เจริญภาวนา" ค่ะ
..........
ความจริงผู้ที่พร้อมควรมีการฝึกขั้นสูง คือ การเจริญภาวนา ซึ่งมี ๒ อย่างคือ
"สมถภาวนา ( การทำสมาธิ )" และ " วิปัสสนาภาวนา ( การเจริญปัญญา )"
..........
ซึ่งโดยส่วนตัวยังมีความรู้น้อยมาก ไม่กล้าจะกล่าวถึงค่ะ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 744
ดูให้จบนะคะ...ช่วงแรกอาจ งง ๆ เล็กน้อย แต่ดีมากๆ
บ้านไหนมีลูกควรเปิดให้ลูกดูด้วยค่ะ
[youtube]rQUG1_O6b_E[/youtube]
สอนเรื่องการรู้คุณค่าได้...การรู้คุณค่าของทุกสิ่ง
รวมทั้ง การได้มีชีวิตแบบที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้...ว่าดีขนาดไหนแล้ว
เวลาเจออะไรยากๆ จะได้ไม่ฟูมฟายง่าย
ก่อนซื้ออะไรแพงๆ ลดลงสักนิด สะสมส่วนที่ลดลงได้นั้น
นำไปบริจาคช่วยเหลือมูลนิธฺหรือองค์กร
ที่ช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาสกว่าเราสักเล็กน้อยก็ยังดี
คนละเล็กละน้อย หลายๆ คนก็มากไปเองค่ะ ^__^
บ้านไหนมีลูกควรเปิดให้ลูกดูด้วยค่ะ
[youtube]rQUG1_O6b_E[/youtube]
สอนเรื่องการรู้คุณค่าได้...การรู้คุณค่าของทุกสิ่ง
รวมทั้ง การได้มีชีวิตแบบที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้...ว่าดีขนาดไหนแล้ว
เวลาเจออะไรยากๆ จะได้ไม่ฟูมฟายง่าย
ก่อนซื้ออะไรแพงๆ ลดลงสักนิด สะสมส่วนที่ลดลงได้นั้น
นำไปบริจาคช่วยเหลือมูลนิธฺหรือองค์กร
ที่ช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาสกว่าเราสักเล็กน้อยก็ยังดี
คนละเล็กละน้อย หลายๆ คนก็มากไปเองค่ะ ^__^
-
- Verified User
- โพสต์: 365
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 745
ขอบคุณครับ ดีมากๆเลย พี่นุช ผมเปิดให้แฟนดูแล้วนั่งดูด้วยกัน น้ำตาซึมกันทั้งคู่เลยครับดูให้จบนะคะ...ช่วงแรกอาจ งง ๆ เล็กน้อย แต่ดีมากๆ
บ้านไหนมีลูกควรเปิดให้ลูกดูด้วยค่ะ
เสียดายลูกยังตัวเล็กอยู่ ดูไม่ได้ครับ
ปล. ผมอ้น พ่อน้องอินดี้นะครับ พี่จำได้นะครับ ^_^
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 746
อ๋อจำได้แล้วค่ะ พ่อน้องอินดี้ พักนี้พี่เข้า fb เพื่อทำงานเฉยๆaonanfield เขียน:ขอบคุณครับ ดีมากๆเลย พี่นุช ผมเปิดให้แฟนดูแล้วนั่งดูด้วยกัน น้ำตาซึมกันทั้งคู่เลยครับดูให้จบนะคะ...ช่วงแรกอาจ งง ๆ เล็กน้อย แต่ดีมากๆ
บ้านไหนมีลูกควรเปิดให้ลูกดูด้วยค่ะ
เสียดายลูกยังตัวเล็กอยู่ ดูไม่ได้ครับ
ปล. ผมอ้น พ่อน้องอินดี้นะครับ พี่จำได้นะครับ ^_^
อาจจะอ่านอะไรบ้างช่วงที่เข้าไม่มากนักแล้วก็ออกเลยค่ะ
เลยไม่ค่อยเห็นรูปน้องอิ้นดี้
แต่ไม่เป็นไรค่ะ...ว่างๆ พี่ไปแอบบดูเองเป็นระยะๆ
มีน้องๆ ใน fb ที่มีลูกที่เราจำได้ นานๆ ครั้งพี่ก็เปิดดูรูปเด็กๆ บ้างน่ารักดี
..............
ปกติพี่เป็นคน "กินน้อยใช้น้อย"
วันที่เรามีน้อยกว่านี้เราคิดว่าเราเป็นคน "ประหยัด"
แต่พอวันที่เรามีมากขึ้นเรา เราเลยรู้ว่าเรา "รู้คุณค่า" นั่นเอง
สำหรับพี่เรื่อง "ประหยัด" กับ "รู้คุณค่า"
เหมือน "ไก่" กับ "ไข่" ไม่รู้อะไรเกิดก่อนกัน
............
ยิ่งดู clip นี้ ภาพเด็กที่นอนซี่โครงบาน หายใจรวยริน
ยิ่งสอนใจและเตือนให้เรารู้ว่าเราสบายมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับเขา
บางคนคน แค่ "กินเพื่อรักษาลมหายใจแต่ละเฮือกไว้" ยังไม่มีจะกิน
ทำให้คิดว่า ตัวเรา "จะอะไรนักหนา" กับการกิน การอยู่
จะต้องเหนือมาตรฐานไปทำไม...ทำนองนี้ค่ะ
คิดแบบนี้มาตลอดดู clip นี้แล้วยิ่งย้ำ
...............
พี่มีเรื่องเล่าให้ฟัง
มีคนตัดหญ้าของหมู่บ้านเขาตัดหญ้ากลางแดดร้อนเปรี้ยง
เราอยู่ในบ้าน เปิดพัดลม ยังร้อนอบอ้าว
มองออกไปเห็นเขาทำงานเมื่อลองจินตนาการเทียบกันดู
รู้สึกเย็นขึ้นมาทันใด ดีแค่ไหน..ที่เราไม่ต้องทำงานกลางแดด
วันหยุดเราอยู่บ้านสบาย แต่เขายังต้องมารับจ้างตัดหญ้า
เวลามาตัดหญ้าเขาจะเอากระติกน้ำ+อุปกรณ์มาวางใต้ต้นไม้หน้าบ้านเรา
พักเที่ยง ก็มานั่งกินกลางวันใต้ร่มไม้ที่เราปลูกไว้ พี่เดินออกไปบอกเขาว่า
วางเลยไม่ต้องเกรงใจ ตั้งแต่นั้นมาถ้าเขาตัดหญ้าไม่ไกลรัศมีจากบ้านพี่
เขาจะวางอุปกรณ์ ห่อข้าวไว้ที่หน้าบ้านพี่ตลอด และก็กลับมานั่งกินข้าวตรงนี้
วันนึงพี่เอาม้านั่งยาวออกไปตั้งไว้ให้ แต่ไม่เจอ..พี่เลยยังไม่ทันบอกเขา
วันนึงอากาศร้อนมาก พี่ออกไปรดน้ำต้นไม้ตอนกลางวัน
เปิดสายยางได้ก็รดออกไปเลย ปรากฎว่าลุงคนตัดหญ้าลุกพรวดพราดหนี (บาปเลย)
เขาคงกินกลางวันเสร็จแล้วนั่งพ้กผ่อนอยู่ ไม่กล้านั่งเก้าอี้
พี่ก็ยกมือไหว้ขอโทษเขาที่เรารดน้ำโดน ไม่คิดว่าลุงยังนั่งพื้น
เลยได้โอกาสบอกเขาว่า เรามีเก้าอีกอีกชุดในรั้วแล้ว
นอกรั้วนั้น ตั้งใจจัดไว้ให้เขานั่งสบายขึ้นเวลาเขามาตัดหญ้านั่นแหละ
เมื่อไม่กี่วันมานี้ ออกไปทิ้งขยะแล้วสังเกตเห็นว่า
ต้นตีนตุ๊กแกที่โตเก้งก้างนอกรั้วด้านข้างบ้านเราถูกตัดแต่งเรียบร้อย
เดาได้ทันทีว่าลุงตัดหญ้าช่วยตัดให้แน่นอน รู้สึกเกรงใจเลย
จะขอบคุณก็ยังไม่เจอเขาอีกเลย...เพราะหญ้ายังไม่ยาว
(อยู่โซนที่ดินเปล่า ทางหมู่บ้านเก็บค่าส่วนกลางจากเจ้าของที่ดิน
ไว้เพื่อจ้างคนมาตัดหญ้าให้ ภาพรวมของโครงการจะได้มีระเบียบ)
เรื่องของลุงตัดหญ้าก็ให้แง่คิดอย่างที่เล่ามา
.............
พี่ชอบคิดอะไรแบบนี้แหละค่ะ
ตั้งแต่ลูกเล็กๆ เวลาไปไหนมาไหนเราพกน้ำไป
บางทีอากาศร้อนมากๆ ลูกบอกว่าให้แวะซื้อน้ำเย็น ที่ 7-11
ถ้าเรามีน้ำอยู่พี่จะไม่แวะให้ ฝึกให้เขาดื่มน้ำธรรมดานี่แหละ
คือถ้าเราต้องดื่มน้ำเย็นเสมอ จะสร้างเงื่อนไขให้ห่างจากความธรรมดา
เพราะน้ำธรรมดามันไม่เย็น ถ้าติดดื่มน้ำเย็นเดี๋ยวอยู่ยาก
และอีกหลายเรื่องในชีวิต อยู่กับความธรรมดาให้มาก
ถ้าได้เจอสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่านั้นก็ถือว่ากำไรชีวิตไป
แต่ถ้าต้องอยู่ในภาวะที่ต้องทน ต้องไม่ถนัด ด้วยเหตุใด
เราจะอยูง่ายไม่กระวยกระวาย..พี่เห็นว่าสำคัญที่จะต้องฝึกลูกด้วยค่ะ
..............
ตอนนี้ลูกเริ่มโต เขาบอกว่าดีจังที่เราเลี้ยงเขามาแบบนี้
เขารู้สึกว่าเขาอยู่ง่ายกว่าเพื่อนๆ มาก บางเรื่องเพื่อนบ่นกันจะแย่
เช่น ไปเข้าค่าย ร้อนมั่ง น้ำดื่มไม่เย็น อาหารรสชาติกากมั่ง
อากาศร้อน หรือฝนตก ลูกพี่สบาย (ตั้งแต่เล็กมากๆ
ถ้าฝนตกปรอยๆ พี่ฝึกให้เดินฝ่าฝนโดยไม่ต้องใช้ร่ม)
เขาบอกว่า "คุณแม่เลี้ยงโหด...เขาเลยสบายกว่าใคร" 555+
..............
อ้นเอาไปฝึกน้องอินดี้ได้นะคะ
แต่ต้องใจแข็ง และมองไปข้างหน้าไกลๆ นิดนึง
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 747
คุณนุช ขอบคุณมากครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 748
พี่นุช ขอบคุณมากครับ
ปลูกหุ้นกินผล
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol