"ไฟร์วิคเตอร์"ยื่นไฟลิ่งเสนอขายIPOมิ.ย.นี้ลงสนามเทรดQ4/2557
Source - ทันหุ้น (Th)
Tuesday, May 27, 2014 09:28
ทันหุ้น - "ไฟร์วิคเตอร์" เล็งยื่นไฟลิ่งในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ในเดือนมิถุนายนนี้ เตรียมพร้อมเป็นสมาชิกในตลาด mai คาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายได้ในช่วงไตรมาส 4/2557 หรือ ไตรมาส 1/2558 หวังระดมเงินขยายธุรกิจ มองไกลตลาดเพื่อนบ้านพม่า-กัมพู
นายวิรัฐ สุขชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฟร์วิคเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเตรียมยื่นไฟลิ่งในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ในเดือนมิถุนายนนี้ และคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายได้ในช่วงไตรมาส 4/2557 หรือ ไตรมาส 1/2558 โดยบริษัทจะนำหุ้นเพิ่มทุน 45 ล้านหุ้นเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เพื่อระดมทุนขยายกิจการ ชำระคืนหนี้บางส่วนและนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ทั้งนี้บริษัทเพิ่งแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา มีทุนจดทะเบียน 175 ล้านบาททุนชำระแล้ว 130 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ผู้ถือหุ้นใหญ่ได้แก่ นายวิรัฐ สุขชัย ถือ 38% กลุ่มตระกูลชาญณรงค์ 38% ที่เหลือถือโดยพนักงานบริษัท หลังขายหุ้นเพิ่มทุนผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้ง 2 กลุ่มลดสัดส่วนการถือหุ้น แต่ก็ยังมากกว่า 50%
โดยบริษัทเป็นผู้นำเข้าและผู้แทนจำหน่ายสินค้าคุณภาพจากสหรัฐและยุโรป เกี่ยวกับอุปกรณ์สำหรับดับเพลิงด้วยน้ำ น้ำยาโฟม ก๊าซและสารเคมี พร้อมทั้งอุปกรณ์สำหรับการตรวจสอบและเตือนภัยที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน รวมทั้งระบบสุขาภิบาลและระบบปรับอากาศครบวงจร ปัจจุบันมีสินค้า 18-20 ยี่ห้อ และจะเพิ่มสินค้าแบรนด์ใหม่ เข้ามาอีก 3-4 ยี่ห้อ โดยปีนี้คาดสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายได้ 2 ยี่ห้อ ซึ่งเน้นสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่
"การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด mai จะช่วยทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น ลูกค้ามั่นใจ และทำให้เรามีโอกาสขยายการขายสินค้าไปประเทศเพื่อนบ้าน" นายวิรัฐ กล่าว
ขยายตลาดไทย-เทศ
นายวิรัฐ กล่าวว่าในปีนี้บริษัทจะขยายกลุ่มงานวิศวกรรมหรือติดตั้งระบบดับเพลิงเองมากขึ้นเพราะเป็นงานที่ได้มาร์จิ้นสูงหรือได้มากกว่า 30% คาดว่าเร็วๆ นี้จะได้รับงานใหม่มูลค่าราว 35 ล้านบาท และมีอีก 2 งาน งานละ 20 ล้านบาท โดยปีนี้จะมีมูลค่างานจากกลุ่มนี้มากกว่า 100 ล้านบาทจากปีก่อนมีมูลค่า 80 ล้านบาท ระยะเวลาทำงาน 3-6 เดือน
สำหรับตลาดอุปกรณ์ระบบดับเพลิงมีโอกาสเติบโตอีกมาก เพราะปัจจุบันทุกคนให้ความสำคัญกับด้านความปลอดภัยมากขึ้น และกฎหมายก็บังคับเข้มงวดเรื่องการวางระบบดับเพลิงมากขึ้น ทำให้มีโอกาสเติบโตสูง แม้ว่าปีนี้อาจจะชะลอไปเพราะเรื่องการเมือง ทำให้งานก่อสร้างทั้งอาคารสูงและโรงงานชะลอออกไป
นอกจากนี้ บริษัทเห็นช่องทางขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จากปัจจุบันส่งอุปกรณ์เหล่านี้ไปขายในเวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งมียอดขาย 5% ของยอดขายรวมเท่านั้น แต่คาดว่าในอีก 2 ปี จะเข้าไปตั้งสำนักงานตัวแทนจำหน่าย ประเทศแรกที่จะไปคือ พม่า รองลงมากัมพูชา ซึ่งเห็นโอกาสการเติบโตของงานก่อสร้างอีกมาก
วางเป้ารายได้โต 15%
คาดว่าในปีนี้รายได้และกำไรสุทธิของบริษัทน่าจะเติบโต 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 519 ล้านบาท กำไรสุทธิ 51 ล้านบาท ปัจจุบันมีคำสั่งซื้อในมือแล้วมากกว่า 150 ล้านบาท และเชื่อว่าจะทำได้ตามเป้าหมายแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจปีนี้จะชะลอตัว โดยในไตรมาส 1/2557 รายได้เติบโต 6-8% จากไตรมาส 1/2556 และคาดว่าในไตรมาส 3 ปีนี้เศรษฐกิจโดยรวมน่าจะกลับมาดีขึ้น เพราะปัจจัยการเมืองเริ่มนิ่ง งานก่อสร้างจะกลับมา ทั้งนี้ในช่วง 3 ปีย้อนหลัง (ปี 2554-2556) รายได้ของบริษัทเติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบกิจการ โดยตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 2544 จนถึงปัจจุบันบริษัทมีผลกำไรต่อเนื่องมาตลอด
ปัจจุบันบริษัทมีกลุ่มลูกค้าหลักได้แก่ กลุ่มผู้รับเหมา 55% ที่จะใช้ช่องทางนี้ขายตรง และกลุ่มตัวแทนจำหน่าย 30% และขายตรงกับผู้ใช้รวมทั้งรับติดตั้งระบบดับเพลิง ได้แก่ ปตท. ทีพีไอ เป็นต้น ซึ่งมีสัดส่วน 15% บาทต่อหุ้น--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น
FIREVICTOR
-
- Verified User
- โพสต์: 40089
- ผู้ติดตาม: 1