มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4891
"ขอบคุณน้องต้อม VI จากเชียงราย ส่งภาพนี้มาให้ จากเชียงรายครับ ^^"
รู้สึกยินดีด้วยมากๆ ค่ะ...แอบนำมาจาก fb พี่หมอมุข
เพื่อให้พวกเราร่วมยินดีกับพี่หมอมุขด้วยค่ะ
รู้สึกยินดีด้วยมากๆ ค่ะ...แอบนำมาจาก fb พี่หมอมุข
เพื่อให้พวกเราร่วมยินดีกับพี่หมอมุขด้วยค่ะ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4892
ขอบคุณมากครับ คุณนุช ^^
เนื้อหาเป็นอย่างไร วิจารณ์ได้นะครับ เผื่อเอาไว้ปรับปรุงเล่มหน้า 555 ( ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ อิอิ )
ช่วงนี้ยังคงวุ่นเสมอต้นเสมอปลายครับ
ไปอบรมมาก็มีการบ้านแถมมาให้อีก
วันเสาร์หน้า 5 เมษา งานสัปดาห์หนังสือ ที่บูธ se ed ผมไปที่นั่นตอน 4 โมงเย็นนะครับ ถือโอกาสเชิญพี่ๆน้องๆ ล่วงหน้าเลยครับ
เนื้อหาเป็นอย่างไร วิจารณ์ได้นะครับ เผื่อเอาไว้ปรับปรุงเล่มหน้า 555 ( ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ อิอิ )
ช่วงนี้ยังคงวุ่นเสมอต้นเสมอปลายครับ
ไปอบรมมาก็มีการบ้านแถมมาให้อีก
วันเสาร์หน้า 5 เมษา งานสัปดาห์หนังสือ ที่บูธ se ed ผมไปที่นั่นตอน 4 โมงเย็นนะครับ ถือโอกาสเชิญพี่ๆน้องๆ ล่วงหน้าเลยครับ
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4894
โทษทีครับ ไม่ว่างเข้ามาดูเลยครับ ตอบช้าไปนิดนึงครับลูกหิน เขียน:ผมซื้อมาแล้วนะครับ แต่ยังไม่ว่างอ่านเลยครับ ของหมอประมุขยังไงก็ดีอยู่แล้วครับ
แต่อย่างไรก็ขอบคุณมากครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนไม่มากก็น้อยนะครับ ปล. ติชมกันได้นะครับ ไปที่ FB หรือ fanpage ได้ครับ
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4899
ผมดันป่วยนี่ซมอยู่ครับ จาร หมอมุข
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4900
พรุ่งนี้น่าจะดีขึ้นจารหมอสบายดีนะครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4902
เรื่องในวันปีใหม่ไทยและวันครอบครัว ขอให้ครอบครัวพี่หมอมุขและทุกๆ ครอบครัวมีความสุข
และเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวหรือท่องเที่ยวโดยปลอดภัยด้วยนะคะ ^_*
พี่หมอมุขไปพักผ่อนหลังทราบข่าวดีเรื่องเตรียมอุดมด้วย...ยินดีด้วยมากๆ เลยค่ะ
นึกถึงภาพที่พี่หมอมุขนำมาลงใน fb ตอนไปนั่งรอน้องต่อเนื่องแล้ว
รู้สึกชื่นชมมากเลยค่ะ....และเข้าใจเลยค่ะว่าความชื่นใจนี้..คุ้มกับการรอคอยแค่ไหน ^___^
มีหนังสือพี่หมอมุขแล้วค่ะ...ไม่มีโอกาสไปขอลายเซ็นเป็นที่ระลึกเลยค่ะ
และเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวหรือท่องเที่ยวโดยปลอดภัยด้วยนะคะ ^_*
พี่หมอมุขไปพักผ่อนหลังทราบข่าวดีเรื่องเตรียมอุดมด้วย...ยินดีด้วยมากๆ เลยค่ะ
นึกถึงภาพที่พี่หมอมุขนำมาลงใน fb ตอนไปนั่งรอน้องต่อเนื่องแล้ว
รู้สึกชื่นชมมากเลยค่ะ....และเข้าใจเลยค่ะว่าความชื่นใจนี้..คุ้มกับการรอคอยแค่ไหน ^___^
มีหนังสือพี่หมอมุขแล้วค่ะ...ไม่มีโอกาสไปขอลายเซ็นเป็นที่ระลึกเลยค่ะ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4903
ขอบคุณครับ คุณนุชtheenuch เขียน:เรื่องในวันปีใหม่ไทยและวันครอบครัว ขอให้ครอบครัวพี่หมอมุขและทุกๆ ครอบครัวมีความสุข
และเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวหรือท่องเที่ยวโดยปลอดภัยด้วยนะคะ ^_*
พี่หมอมุขไปพักผ่อนหลังทราบข่าวดีเรื่องเตรียมอุดมด้วย...ยินดีด้วยมากๆ เลยค่ะ
นึกถึงภาพที่พี่หมอมุขนำมาลงใน fb ตอนไปนั่งรอน้องต่อเนื่องแล้ว
รู้สึกชื่นชมมากเลยค่ะ....และเข้าใจเลยค่ะว่าความชื่นใจนี้..คุ้มกับการรอคอยแค่ไหน ^___^
มีหนังสือพี่หมอมุขแล้วค่ะ...ไม่มีโอกาสไปขอลายเซ็นเป็นที่ระลึกเลยค่ะ
ขอโทษที่ตอบช้าไปหน่อยนะครับ
ยัง on tour at Kansai Japan อยู่เลยครับ ^^
ขอให้คุณนุชมีความสุขมากๆ กับลูกชายสุดหล่อและ EQ ดีที่คุณนุชรักมากๆเช่นกันนะครับ ^^
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4904
หุ้นภัตตาคารVSบ้านจัดสรร
เมษายน 28, 2014
บทความ Posted by ดร.นิเวศน์
กลุ่มหุ้น “ยอดนิยม-ตลอดกาล” กลุ่มหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ก็คือ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นบ้านและคอนโดเพื่อขาย หรือเรียกง่าย ๆ ว่าหุ้นบ้านจัดสรร เพราะนี่คือธุรกิจที่มีบริษัทจดทะเบียนจำนวนมากในตลาดและมีนักลงทุนโดยเฉพาะรายย่อยซื้อขายหุ้นแต่ละวันจำนวนมาก หุ้นในกลุ่มนี้ไม่ได้เพิ่งจะได้รับความนิยม แต่เป็นหุ้นที่มีความคึกคักมานานหลายสิบปีแล้ว มีแค่บางช่วงสั้น ๆ ที่หุ้นซบเซาลง เช่น ในภาวะที่เศรษฐกิจเกิดวิกฤติขึ้นเท่านั้นที่ทำให้หุ้นเหงา คุณลักษณะของหุ้นบ้านจัดสรรนั้นมีความแตกต่างจากกลุ่มอื่นพอสมควรจนทำให้วิธีการคิดวิเคราะห์นั้นควรจะแตกต่างจากกลุ่มอื่นค่อนข้างมาก
หุ้นอีกกลุ่มหนึ่งนั้นยังไม่ได้ร้อนแรงเท่าไรนักเนื่องจากว่ามีบริษัทจดทะเบียนในตลาดไม่มากเท่าและหลายบริษัทก็ยังทำธุรกิจอย่างอื่นด้วยนั่นก็คือ ธุรกิจภัตตาคารขายอาหาร อย่างไรก็ตาม นับวันผมเชื่อว่าจะมีธุรกิจนี้เข้าจดทะเบียนเพิ่มขึ้นและบริษัทเหล่านั้นก็จะเน้นที่การทำภัตตาคารมากขึ้นเป็น “Pure Play” คือพูดได้ว่าเป็นหุ้นขายอาหารแบบภัตตาคารหรือขายอาหารพร้อมรับประทานเป็นหลัก และเมื่อถึงวันนั้นผมเชื่อว่าหุ้นภัตตาคารจะเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ดังนั้น เราก็ควรจะมาทำความเข้าใจกับธุรกิจนี้ซึ่งผมคิดว่ามีอะไรน่าสนใจและก็มีความแตกต่างจากหุ้นของกิจการอื่น ๆ พอสมควร
ผมจับหุ้นบ้านจัดสรรมาพูดกับหุ้นภัตตาคารในบทความเดียวกันนั้น เป็นเพราะผมคิดว่าหุ้นสองกลุ่มนี้ แม้ว่าจะดูเหมือนไม่มีอะไรใกล้เคียงกันนั้น กลับมีความเหมือนกันในหลาย ๆ เรื่อง เช่นเดียวกับที่มีความแตกต่างกันในหลาย ๆ เรื่อง และถ้าเราเข้าใจก็จะทำให้เราวิเคราะห์หุ้นทั้งสองกลุ่มได้ดีขึ้น
ความเหมือนกันของธุรกิจสองกลุ่มก็คือ ตลาดของธุรกิจมีขนาดใหญ่มากคิดเป็นแสน ๆ ล้านบาทต่อปี แต่ในขณะเดียวกันมีผู้เล่นหรือผู้ขายหรือให้บริการจำนวนมากโดยที่ไม่มีบริษัทไหนที่จะ Dominate หรือครอบงำธุรกิจได้เลย พูดง่าย ๆ แม้แต่บริษัทที่ใหญ่ที่สุดก็มีส่วนแบ่งทางการตลาดน้อยมาก ดังนั้น จึงพูดได้ว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างสมบูรณ์ ไม่มีใครกำหนดหรือควบคุมตลาดได้ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต เหตุผลก็คือ ข้อแรก ความต้องการของผู้ซื้อหรือผู้บริโภคนั้นมีความหลากหลายมาก ในเรื่องของบ้านก็เป็นเรื่องของทำเลที่ไม่มีบริษัทไหนสามารถจะยึดกุมได้ ส่วนในเรื่องของอาหารนั้น คนกินก็ต้องการอาหารที่มีรสชาติแตกต่างกันมากมายตลอดทั้งสัปดาห์ เดือนและปี ความสามารถที่จะสนองความต้องการทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ ข้อสองก็คือ การเข้ามาของบริษัทหรือกิจการใหม่ ๆ นั้นเกิดขึ้นได้เสมอและทำได้ไม่ยาก บริษัทเหล่านั้นสามารถที่จะแข่งขันและอยู่ได้ถ้ามีผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมแม้ว่าจะเป็นกิจการขนาดเล็ก ดังนั้น ทั้งสองธุรกิจนี้จึงเป็นธุรกิจที่ใครเก่ง มียี่ห้อ และอาจจะมีต้นทุนที่ถูกกว่าบ้างก็เติบโต ใครไม่เก่งก็ค่อย ๆ ถดถอยลง
ความเหมือนที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของสองธุรกิจนี้ก็คือ แม้ว่าจะเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันกันอย่างสมบูรณ์ แต่ก็เป็นธุรกิจที่มี “กำไรดี” นั่นก็คือ กำไรก่อนต้นทุนค่าโสหุ้ยค่อนข้างจะสูง ดังนั้น ถ้าบริษัทสามารถขายสินค้าได้สูงพอ เมื่อหักต้นทุนค่าโสหุ้ยต่าง ๆ แล้ว บริษัทก็มักจะสามารถทำกำไรต่อยอดขายได้ค่อนข้างสูง เหตุผลที่เป็นแบบนี้ก็คือ ลูกค้าที่ซื้อบ้านหรือลูกค้าที่เข้ามากินอาหารในภัตตาคารนั้น ไม่ได้เข้ามาเพราะเรื่องของราคาเพียงอย่างเดียว คุณภาพก็เป็นสิ่งสำคัญพอ ๆ กัน ดังนั้น บริษัทสามารถตั้งราคาที่ทำให้มีกำไรที่ดีได้ และนี่ทำให้บริษัทที่มียอดขายที่ดีสามารถทำกำไรได้สูงโดยไม่ถูกแย่งชิงลูกค้าเหมือนธุรกิจโภคภัณฑ์ที่การแข่งขันขึ้นอยู่กับราคาเป็นหลัก
ข้อดีของสองธุรกิจที่คล้ายกันอีกอย่างหนึ่งก็คือ การขยายตัวหรือเพิ่มยอดขายนั้น ต้องการเงินลงทุนโดยเฉพาะทุนในส่วนของผู้ถือหุ้นไม่มากนัก ในส่วนของภัตตาคารนั้น บริษัทแทบไม่ต้องใช้ทุนอะไรเลย เนื่องจากมักจะใช้วิธีการเช่าร้านและการขายก็เป็นเงินสดในขณะที่การซื้อวัตถุดิบมักเป็นเงินเชื่อ แต่ในส่วนของการสร้างบ้านขายนั้น อาจจะคิดว่าบริษัทต้องลงทุนสร้างบ้านให้เสร็จก่อนที่จะขายได้เงินมา อย่างไรก็ตาม บริษัทบ้านจัดสรรนั้นสามารถที่จะกู้เงินจากสถาบันการเงินมาซื้อที่และสร้างบ้านได้ค่อนข้างมาก ดังนั้น เงินทุนในส่วนของเจ้าของที่จะต้องใช้จริง ๆ จึงไม่มากนักเมื่อเทียบกับยอดขายหรือเทียบกับกำไรที่จะได้ สรุปก็คือ นี่ไม่ใช่ธุรกิจที่เป็น Capital Intensive หรือต้องลงทุนสูง และดังนั้น จึงเป็นธุรกิจที่ดี
มาถึงเรื่องความแตกต่างของสองธุรกิจนี้ ผมพบว่าธุรกิจภัตตาคารดูเหมือนจะดีกว่าพอสมควรโดยมีประเด็นสำคัญก็คือ ธุรกิจภัตตาคารนั้นมีความสม่ำเสมอของผลประกอบการสูงกว่าธุรกิจบ้านจัดสรรมาก เหตุผลก็คือ ข้อแรก ธุรกิจภัตตาคารนั้นมีจำนวนลูกค้ามากกว่ามาก บางแห่งอาจจะมีลูกค้าเป็นล้าน ๆ ราย ในขณะที่ลูกค้าของบริษัทบ้านจัดสรรนั้นแต่ละปีอาจจะมีแค่หลักพันหรือหมื่นรายเท่านั้น นอกจากนั้น การที่ลูกค้าภัตตาคารส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้ที่ซื้อซ้ำหรือเป็นลูกค้าประจำ นี่ทำให้รายได้ของกิจการมีความสม่ำเสมอ ในขณะที่ลูกค้าบ้านจัดสรรนั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นลูกค้าใหม่และดังนั้น บริษัทจะต้องเริ่ม “นับหนึ่ง” ใหม่ทุกปี นี่ทำให้ผลประกอบการอาจจะไม่แน่นอนเนื่องจากสินค้าในปีใหม่อาจจะไม่ “โดนใจ” ลูกค้าใหม่ได้ และข้อสุดท้ายก็คือ อาหารภัตตาคารนั้น มีราคาต่ำกว่าบ้านมากและอาหารเป็นสิ่งที่เลื่อนการบริโภคไม่ได้ ดังนั้น เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ยอดขายของภัตตาคารจะถูกกระทบน้อยกว่าบ้านจัดสรรมาก
ความแตกต่างที่ทำให้ภัตตาคารน่าจะเป็นธุรกิจที่ดีกว่าบ้านจัดสรรอีกข้อหนึ่งก็คือ ภัตตาคารนั้นมียี่ห้อหรือมีรสชาดอาหารและบริการที่ทำให้ลูกค้า “ติด” ได้มากกว่าบ้านจัดสรรที่ลูกค้าอาจจะให้คุณค่าของยี่ห้อน้อยกว่ามาก มองในแง่นี้ ภัตตาคารสามารถสร้างความได้เปรียบที่ยั่งยืนหรือ Durable Competitive Advantage ได้ง่ายกว่า ในขณะที่ธุรกิจบ้านจัดสรรนั้นทำได้ยาก
ความแตกต่างที่สำคัญข้อสุดท้ายที่ทำให้ธุรกิจภัตตาคารน่าสนใจและทำให้มี “คุณค่า” กว่าธุรกิจบ้านจัดสรรก็คือ การเจริญเติบโตของอุตสาหกรรม เหตุผลที่การซื้ออาหารกินเป็นธุรกิจที่โตเร็วกว่านั้น เป็นเพราะรายได้ของคนไทยนั้นเพิ่มขึ้นในขณะที่ครอบครัวมีขนาดเล็กลง นั่นทำให้คนยอมจ่ายเงินกินอาหารภัตตาคารที่อร่อยกว่าและต้นทุนเมื่อเทียบกับการทำอาหารกินเองที่บ้านนั้นแคบลง แต่ในกรณีของบ้านจัดสรรนั้น อุตสาหกรรมน่าจะโตช้าลงไปเรื่อย ๆ เหตุผลเป็นเพราะคนไทยนั้นมีอัตราการเกิดน้อยลงมากและจะเริ่มเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น ความต้องการบ้านจะค่อย ๆ ลดลงในเวลาไม่นานนัก
ข้อสรุปของผมก็คือ ธุรกิจภัตตาคารนั้น โดยพื้นฐานแล้วเป็นธุรกิจที่ดีกว่าธุรกิจบ้านจัดสรรถ้าบริษัทประสบความสำเร็จ เหตุผลก็คือ มันเป็นธุรกิจที่สามารถทำกำไรได้ดีพอ ๆ กันแต่มีความสม่ำเสมอกว่ามากและมีโอกาสที่จะเติบโตตามอุตสาหกรรมได้มากกว่า ว่าที่จริงหุ้นภัตตาคารในสหรัฐหลายตัว เช่น หุ้นแม็คโดนัลด์นั้นเป็นหุ้นประเภท “ซุปเปอร์สต็อก” ที่มีมูลค่าสูงมาก ในตลาดหุ้นไทย ผมคิดว่าเพิ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของหุ้นภัตตาคารที่จะเติบโต อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นภัตตาคารนั้นก็จำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงราคาของหุ้นด้วย เพราะถึงแม้ว่ากิจการภัตตาคารในระยะยาวอาจจะดีแต่ค่า PE ก็สูงกว่าหุ้นในกลุ่มบ้านจัดสรร ดังนั้น จึงไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าหุ้นในกลุ่มไหนน่าลงทุนกว่า เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ หุ้นภัตตาคารของไทยอาจจะไม่สามารถเติบโตกลายเป็นหุ้นซุปเปอร์สต็อกก็ได้เมื่อคำนึงถึงว่าบริษัทที่เป็นอินเตอร์แบรนด์อย่างแม็คโดนัลด์หรือ KFC ต่างก็ดำเนินงานในประเทศไทยมาช้านานแล้ว การเอาชนะภัตตาคารเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
เมษายน 28, 2014
บทความ Posted by ดร.นิเวศน์
กลุ่มหุ้น “ยอดนิยม-ตลอดกาล” กลุ่มหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ก็คือ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นบ้านและคอนโดเพื่อขาย หรือเรียกง่าย ๆ ว่าหุ้นบ้านจัดสรร เพราะนี่คือธุรกิจที่มีบริษัทจดทะเบียนจำนวนมากในตลาดและมีนักลงทุนโดยเฉพาะรายย่อยซื้อขายหุ้นแต่ละวันจำนวนมาก หุ้นในกลุ่มนี้ไม่ได้เพิ่งจะได้รับความนิยม แต่เป็นหุ้นที่มีความคึกคักมานานหลายสิบปีแล้ว มีแค่บางช่วงสั้น ๆ ที่หุ้นซบเซาลง เช่น ในภาวะที่เศรษฐกิจเกิดวิกฤติขึ้นเท่านั้นที่ทำให้หุ้นเหงา คุณลักษณะของหุ้นบ้านจัดสรรนั้นมีความแตกต่างจากกลุ่มอื่นพอสมควรจนทำให้วิธีการคิดวิเคราะห์นั้นควรจะแตกต่างจากกลุ่มอื่นค่อนข้างมาก
หุ้นอีกกลุ่มหนึ่งนั้นยังไม่ได้ร้อนแรงเท่าไรนักเนื่องจากว่ามีบริษัทจดทะเบียนในตลาดไม่มากเท่าและหลายบริษัทก็ยังทำธุรกิจอย่างอื่นด้วยนั่นก็คือ ธุรกิจภัตตาคารขายอาหาร อย่างไรก็ตาม นับวันผมเชื่อว่าจะมีธุรกิจนี้เข้าจดทะเบียนเพิ่มขึ้นและบริษัทเหล่านั้นก็จะเน้นที่การทำภัตตาคารมากขึ้นเป็น “Pure Play” คือพูดได้ว่าเป็นหุ้นขายอาหารแบบภัตตาคารหรือขายอาหารพร้อมรับประทานเป็นหลัก และเมื่อถึงวันนั้นผมเชื่อว่าหุ้นภัตตาคารจะเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ดังนั้น เราก็ควรจะมาทำความเข้าใจกับธุรกิจนี้ซึ่งผมคิดว่ามีอะไรน่าสนใจและก็มีความแตกต่างจากหุ้นของกิจการอื่น ๆ พอสมควร
ผมจับหุ้นบ้านจัดสรรมาพูดกับหุ้นภัตตาคารในบทความเดียวกันนั้น เป็นเพราะผมคิดว่าหุ้นสองกลุ่มนี้ แม้ว่าจะดูเหมือนไม่มีอะไรใกล้เคียงกันนั้น กลับมีความเหมือนกันในหลาย ๆ เรื่อง เช่นเดียวกับที่มีความแตกต่างกันในหลาย ๆ เรื่อง และถ้าเราเข้าใจก็จะทำให้เราวิเคราะห์หุ้นทั้งสองกลุ่มได้ดีขึ้น
ความเหมือนกันของธุรกิจสองกลุ่มก็คือ ตลาดของธุรกิจมีขนาดใหญ่มากคิดเป็นแสน ๆ ล้านบาทต่อปี แต่ในขณะเดียวกันมีผู้เล่นหรือผู้ขายหรือให้บริการจำนวนมากโดยที่ไม่มีบริษัทไหนที่จะ Dominate หรือครอบงำธุรกิจได้เลย พูดง่าย ๆ แม้แต่บริษัทที่ใหญ่ที่สุดก็มีส่วนแบ่งทางการตลาดน้อยมาก ดังนั้น จึงพูดได้ว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างสมบูรณ์ ไม่มีใครกำหนดหรือควบคุมตลาดได้ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต เหตุผลก็คือ ข้อแรก ความต้องการของผู้ซื้อหรือผู้บริโภคนั้นมีความหลากหลายมาก ในเรื่องของบ้านก็เป็นเรื่องของทำเลที่ไม่มีบริษัทไหนสามารถจะยึดกุมได้ ส่วนในเรื่องของอาหารนั้น คนกินก็ต้องการอาหารที่มีรสชาติแตกต่างกันมากมายตลอดทั้งสัปดาห์ เดือนและปี ความสามารถที่จะสนองความต้องการทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ ข้อสองก็คือ การเข้ามาของบริษัทหรือกิจการใหม่ ๆ นั้นเกิดขึ้นได้เสมอและทำได้ไม่ยาก บริษัทเหล่านั้นสามารถที่จะแข่งขันและอยู่ได้ถ้ามีผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมแม้ว่าจะเป็นกิจการขนาดเล็ก ดังนั้น ทั้งสองธุรกิจนี้จึงเป็นธุรกิจที่ใครเก่ง มียี่ห้อ และอาจจะมีต้นทุนที่ถูกกว่าบ้างก็เติบโต ใครไม่เก่งก็ค่อย ๆ ถดถอยลง
ความเหมือนที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของสองธุรกิจนี้ก็คือ แม้ว่าจะเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันกันอย่างสมบูรณ์ แต่ก็เป็นธุรกิจที่มี “กำไรดี” นั่นก็คือ กำไรก่อนต้นทุนค่าโสหุ้ยค่อนข้างจะสูง ดังนั้น ถ้าบริษัทสามารถขายสินค้าได้สูงพอ เมื่อหักต้นทุนค่าโสหุ้ยต่าง ๆ แล้ว บริษัทก็มักจะสามารถทำกำไรต่อยอดขายได้ค่อนข้างสูง เหตุผลที่เป็นแบบนี้ก็คือ ลูกค้าที่ซื้อบ้านหรือลูกค้าที่เข้ามากินอาหารในภัตตาคารนั้น ไม่ได้เข้ามาเพราะเรื่องของราคาเพียงอย่างเดียว คุณภาพก็เป็นสิ่งสำคัญพอ ๆ กัน ดังนั้น บริษัทสามารถตั้งราคาที่ทำให้มีกำไรที่ดีได้ และนี่ทำให้บริษัทที่มียอดขายที่ดีสามารถทำกำไรได้สูงโดยไม่ถูกแย่งชิงลูกค้าเหมือนธุรกิจโภคภัณฑ์ที่การแข่งขันขึ้นอยู่กับราคาเป็นหลัก
ข้อดีของสองธุรกิจที่คล้ายกันอีกอย่างหนึ่งก็คือ การขยายตัวหรือเพิ่มยอดขายนั้น ต้องการเงินลงทุนโดยเฉพาะทุนในส่วนของผู้ถือหุ้นไม่มากนัก ในส่วนของภัตตาคารนั้น บริษัทแทบไม่ต้องใช้ทุนอะไรเลย เนื่องจากมักจะใช้วิธีการเช่าร้านและการขายก็เป็นเงินสดในขณะที่การซื้อวัตถุดิบมักเป็นเงินเชื่อ แต่ในส่วนของการสร้างบ้านขายนั้น อาจจะคิดว่าบริษัทต้องลงทุนสร้างบ้านให้เสร็จก่อนที่จะขายได้เงินมา อย่างไรก็ตาม บริษัทบ้านจัดสรรนั้นสามารถที่จะกู้เงินจากสถาบันการเงินมาซื้อที่และสร้างบ้านได้ค่อนข้างมาก ดังนั้น เงินทุนในส่วนของเจ้าของที่จะต้องใช้จริง ๆ จึงไม่มากนักเมื่อเทียบกับยอดขายหรือเทียบกับกำไรที่จะได้ สรุปก็คือ นี่ไม่ใช่ธุรกิจที่เป็น Capital Intensive หรือต้องลงทุนสูง และดังนั้น จึงเป็นธุรกิจที่ดี
มาถึงเรื่องความแตกต่างของสองธุรกิจนี้ ผมพบว่าธุรกิจภัตตาคารดูเหมือนจะดีกว่าพอสมควรโดยมีประเด็นสำคัญก็คือ ธุรกิจภัตตาคารนั้นมีความสม่ำเสมอของผลประกอบการสูงกว่าธุรกิจบ้านจัดสรรมาก เหตุผลก็คือ ข้อแรก ธุรกิจภัตตาคารนั้นมีจำนวนลูกค้ามากกว่ามาก บางแห่งอาจจะมีลูกค้าเป็นล้าน ๆ ราย ในขณะที่ลูกค้าของบริษัทบ้านจัดสรรนั้นแต่ละปีอาจจะมีแค่หลักพันหรือหมื่นรายเท่านั้น นอกจากนั้น การที่ลูกค้าภัตตาคารส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้ที่ซื้อซ้ำหรือเป็นลูกค้าประจำ นี่ทำให้รายได้ของกิจการมีความสม่ำเสมอ ในขณะที่ลูกค้าบ้านจัดสรรนั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นลูกค้าใหม่และดังนั้น บริษัทจะต้องเริ่ม “นับหนึ่ง” ใหม่ทุกปี นี่ทำให้ผลประกอบการอาจจะไม่แน่นอนเนื่องจากสินค้าในปีใหม่อาจจะไม่ “โดนใจ” ลูกค้าใหม่ได้ และข้อสุดท้ายก็คือ อาหารภัตตาคารนั้น มีราคาต่ำกว่าบ้านมากและอาหารเป็นสิ่งที่เลื่อนการบริโภคไม่ได้ ดังนั้น เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ยอดขายของภัตตาคารจะถูกกระทบน้อยกว่าบ้านจัดสรรมาก
ความแตกต่างที่ทำให้ภัตตาคารน่าจะเป็นธุรกิจที่ดีกว่าบ้านจัดสรรอีกข้อหนึ่งก็คือ ภัตตาคารนั้นมียี่ห้อหรือมีรสชาดอาหารและบริการที่ทำให้ลูกค้า “ติด” ได้มากกว่าบ้านจัดสรรที่ลูกค้าอาจจะให้คุณค่าของยี่ห้อน้อยกว่ามาก มองในแง่นี้ ภัตตาคารสามารถสร้างความได้เปรียบที่ยั่งยืนหรือ Durable Competitive Advantage ได้ง่ายกว่า ในขณะที่ธุรกิจบ้านจัดสรรนั้นทำได้ยาก
ความแตกต่างที่สำคัญข้อสุดท้ายที่ทำให้ธุรกิจภัตตาคารน่าสนใจและทำให้มี “คุณค่า” กว่าธุรกิจบ้านจัดสรรก็คือ การเจริญเติบโตของอุตสาหกรรม เหตุผลที่การซื้ออาหารกินเป็นธุรกิจที่โตเร็วกว่านั้น เป็นเพราะรายได้ของคนไทยนั้นเพิ่มขึ้นในขณะที่ครอบครัวมีขนาดเล็กลง นั่นทำให้คนยอมจ่ายเงินกินอาหารภัตตาคารที่อร่อยกว่าและต้นทุนเมื่อเทียบกับการทำอาหารกินเองที่บ้านนั้นแคบลง แต่ในกรณีของบ้านจัดสรรนั้น อุตสาหกรรมน่าจะโตช้าลงไปเรื่อย ๆ เหตุผลเป็นเพราะคนไทยนั้นมีอัตราการเกิดน้อยลงมากและจะเริ่มเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น ความต้องการบ้านจะค่อย ๆ ลดลงในเวลาไม่นานนัก
ข้อสรุปของผมก็คือ ธุรกิจภัตตาคารนั้น โดยพื้นฐานแล้วเป็นธุรกิจที่ดีกว่าธุรกิจบ้านจัดสรรถ้าบริษัทประสบความสำเร็จ เหตุผลก็คือ มันเป็นธุรกิจที่สามารถทำกำไรได้ดีพอ ๆ กันแต่มีความสม่ำเสมอกว่ามากและมีโอกาสที่จะเติบโตตามอุตสาหกรรมได้มากกว่า ว่าที่จริงหุ้นภัตตาคารในสหรัฐหลายตัว เช่น หุ้นแม็คโดนัลด์นั้นเป็นหุ้นประเภท “ซุปเปอร์สต็อก” ที่มีมูลค่าสูงมาก ในตลาดหุ้นไทย ผมคิดว่าเพิ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของหุ้นภัตตาคารที่จะเติบโต อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นภัตตาคารนั้นก็จำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงราคาของหุ้นด้วย เพราะถึงแม้ว่ากิจการภัตตาคารในระยะยาวอาจจะดีแต่ค่า PE ก็สูงกว่าหุ้นในกลุ่มบ้านจัดสรร ดังนั้น จึงไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าหุ้นในกลุ่มไหนน่าลงทุนกว่า เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ หุ้นภัตตาคารของไทยอาจจะไม่สามารถเติบโตกลายเป็นหุ้นซุปเปอร์สต็อกก็ได้เมื่อคำนึงถึงว่าบริษัทที่เป็นอินเตอร์แบรนด์อย่างแม็คโดนัลด์หรือ KFC ต่างก็ดำเนินงานในประเทศไทยมาช้านานแล้ว การเอาชนะภัตตาคารเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4905
อ่านหนังสือแล้ว ขอตั้งชื่อว่า
หนังสือแห่งความปรารถนาดีในการลงทุนครับ
จารย์หมอมุข ใส่ทุกอย่างที่เป็นความรู้จริง ผมชอบเป็นพิเศษเรื่อง EV earning yield การประยุกต์ใช้ รวมถึงการกระจายลงทุน
เป็นหนังสือแนะนำครับ
หนังสือแห่งความปรารถนาดีในการลงทุนครับ
จารย์หมอมุข ใส่ทุกอย่างที่เป็นความรู้จริง ผมชอบเป็นพิเศษเรื่อง EV earning yield การประยุกต์ใช้ รวมถึงการกระจายลงทุน
เป็นหนังสือแนะนำครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4906
ขอบคุณมากครับNevercry.boy เขียน:อ่านหนังสือแล้ว ขอตั้งชื่อว่า
หนังสือแห่งความปรารถนาดีในการลงทุนครับ
จารย์หมอมุข ใส่ทุกอย่างที่เป็นความรู้จริง ผมชอบเป็นพิเศษเรื่อง EV earning yield การประยุกต์ใช้ รวมถึงการกระจายลงทุน
เป็นหนังสือแนะนำครับ
สงกรานต์ที่ผ่านมาไปเที่ยวไหนครับ
แล้วสุขภาพตอนนี้ดีนะครับ ? ไม่ใจสั่นบ่อยๆแล้วนะครับ ^^
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4907
ถ้ามีเวลาจะมา upload รูปเที่ยว trip Kansai ให้นะครับ
คราวนี้สนุก เที่ยวเองไม่ง้อทัวร์ ^^
จะว่าไปเวลาเที่ยวกับทัวร์เราเหมือนซื้อหุ้นผ่านกองทุนรวม
แต่เวลาเที่ยวเองเหมือนเรา เหมือนการเลือกหุ้น style VI อย่างพวกเรานะครับ
คราวนี้สนุก เที่ยวเองไม่ง้อทัวร์ ^^
จะว่าไปเวลาเที่ยวกับทัวร์เราเหมือนซื้อหุ้นผ่านกองทุนรวม
แต่เวลาเที่ยวเองเหมือนเรา เหมือนการเลือกหุ้น style VI อย่างพวกเรานะครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4908
พี่หมอมุขเปรียบเทียบได้เยี่ยมจริงๆ เลยค่ะ ^_*Paul VI เขียน:ถ้ามีเวลาจะมา upload รูปเที่ยว trip Kansai ให้นะครับ
คราวนี้สนุก เที่ยวเองไม่ง้อทัวร์ ^^
จะว่าไปเวลาเที่ยวกับทัวร์เราเหมือนซื้อหุ้นผ่านกองทุนรวม
แต่เวลาเที่ยวเองเหมือนเรา เหมือนการเลือกหุ้น style VI อย่างพวกเรานะครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4909
ขอบคุณค่ะ ..ไม่อยากบอกว่ารอชมภาพเกรงจะเป็นภาระPaul VI เขียน:ขอบคุณครับ คุณนุชtheenuch เขียน:เรื่องในวันปีใหม่ไทยและวันครอบครัว ขอให้ครอบครัวพี่หมอมุขและทุกๆ ครอบครัวมีความสุข
และเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวหรือท่องเที่ยวโดยปลอดภัยด้วยนะคะ ^_*
พี่หมอมุขไปพักผ่อนหลังทราบข่าวดีเรื่องเตรียมอุดมด้วย...ยินดีด้วยมากๆ เลยค่ะ
นึกถึงภาพที่พี่หมอมุขนำมาลงใน fb ตอนไปนั่งรอน้องต่อเนื่องแล้ว
รู้สึกชื่นชมมากเลยค่ะ....และเข้าใจเลยค่ะว่าความชื่นใจนี้..คุ้มกับการรอคอยแค่ไหน ^___^
มีหนังสือพี่หมอมุขแล้วค่ะ...ไม่มีโอกาสไปขอลายเซ็นเป็นที่ระลึกเลยค่ะ
ขอโทษที่ตอบช้าไปหน่อยนะครับ
ยัง on tour at Kansai Japan อยู่เลยครับ ^^
ขอให้คุณนุชมีความสุขมากๆ กับลูกชายสุดหล่อและ EQ ดีที่คุณนุชรักมากๆเช่นกันนะครับ ^^
แต่เห็นพี่หมอมุขมา update กระทู้เมื่อใดก็มาตามอ่านทุกครั้งค่ะ...
มีรูปไม่มีรุปก็ไม่เป็นไรค่ะ...พวกเราทราบดีว่าภารกิจพี่หมอมุขมากเพียงใด สู้ สู้ นะคะ
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4910
ใจสั่นเวลาเจอสาว ๆ ครับ อ่ะ ไม่ใช่แระPaul VI เขียน:
แล้วสุขภาพตอนนี้ดีนะครับ ? ไม่ใจสั่นบ่อยๆแล้วนะครับ ^^
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4912
เปิดชื่อหุ้นถูกนำเข้า-ถอดออกในดัชนีเอ็มเอสซีไอรอบใหม่ ดัชนีกลุ่มหลักโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ติดชื่อ ส่วนดัชนีกลุ่มหุ้นขนาดเล็ก 3 บจ.น้องใหม่เจ๋ง บีเจซี เฮฟวี่, เมก้า ไลฟ์, นามยงเทอร์มินอล บล.ทรีนีตี้ฯ แนะกลยุทธ์สะสมหุ้นที่ถูกนำเข้าคำนวณดัชนี เตือนหลีกเลี่ยงลงทุนในหุ้นที่ถูกตัดออก เช่น จีสตีล แกรมมี่ ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ สหโมเสค เปิดสถิติบจ.ถูกนำเข้าและตัดออกจากการคำนวณดัชนี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าตลาด 11%
alt เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา เอ็มเอสซีไอ(MSCI) ประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่ถูกนำเข้าและตัดออกจากการคำนวณดัชนีเอ็มเอสซีไอ ไทยแลนด์ (MSCI Thailand )รอบใหม่ โดยดัชนีกลุ่มหลัก (MSCI Global Standard Index) หุ้นที่ถูกนำเข้าได้แก่ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด(มหาชน)(บมจ.)(BH) ขณะที่ไม่มีหุ้นถูกตัดออก
สำหรับดัชนีกลุ่มหุ้นขนาดเล็ก (MSCI Global Small Cap Index) หุ้นที่ถูกนำเข้าได้แก่ บมจ.บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี (BJCHI), บมจ.เมก้า ไลฟ์ ไซแอ็นซ์ (MEGA), บมจ.นามยง เทอร์มินอล(NYT), บมจ.โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น(TTCL) ส่วนหุ้นที่ถูกตัดออกได้แก่ บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ , บมจ.จีสตีล ,บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY), บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ (SITHAI) และบมจ.สหโมเสคอุตสาหกรรม(UMI) โดยรายชื่อหุ้นรอบใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในช่วงเย็นของวันที่ 30 พฤษภาคม 2557
ทั้งนี้บมจ.บีเจซี เฮฟวี่ บมจ.เมก้า ไลฟ์ และบมจ.นามยง เทอร์มินอล ถือเป็นบริษัทจดทะเบียน(บจ.)น้องใหม่ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯปี 2556
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงกลยุทธ์การลงทุนสำหรับหลักทรัพย์ที่ถูกนำเข้าและตัดออกจากการคำนวณดัชนีเอ็มเอสซีไอ ไทยแลนด์ รอบใหม่ว่า จากผลการศึกษาย้อนหลังถึงการปรับตัวของราคาหลักทรัพย์ที่ถูกนำเข้าและตัดออกจากการคำนวณดัชนีทั้งในส่วนของดัชนี MSCI Global Standard Index และดัชนี MSCI Global Small Cap Index โดยใช้ข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2551 พบว่าราคาหุ้นที่ถูกนำเข้าและตัดออกจากการคำนวณดัชนีมักจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญหลังการประกาศ ไปจนกระทั่งถึงวันเริ่มใช้ข้อมูลจริง
http://www.thanonline.com/index.php?opt ... 3yBatKSzh4
alt เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา เอ็มเอสซีไอ(MSCI) ประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่ถูกนำเข้าและตัดออกจากการคำนวณดัชนีเอ็มเอสซีไอ ไทยแลนด์ (MSCI Thailand )รอบใหม่ โดยดัชนีกลุ่มหลัก (MSCI Global Standard Index) หุ้นที่ถูกนำเข้าได้แก่ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด(มหาชน)(บมจ.)(BH) ขณะที่ไม่มีหุ้นถูกตัดออก
สำหรับดัชนีกลุ่มหุ้นขนาดเล็ก (MSCI Global Small Cap Index) หุ้นที่ถูกนำเข้าได้แก่ บมจ.บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี (BJCHI), บมจ.เมก้า ไลฟ์ ไซแอ็นซ์ (MEGA), บมจ.นามยง เทอร์มินอล(NYT), บมจ.โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น(TTCL) ส่วนหุ้นที่ถูกตัดออกได้แก่ บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ , บมจ.จีสตีล ,บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY), บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ (SITHAI) และบมจ.สหโมเสคอุตสาหกรรม(UMI) โดยรายชื่อหุ้นรอบใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในช่วงเย็นของวันที่ 30 พฤษภาคม 2557
ทั้งนี้บมจ.บีเจซี เฮฟวี่ บมจ.เมก้า ไลฟ์ และบมจ.นามยง เทอร์มินอล ถือเป็นบริษัทจดทะเบียน(บจ.)น้องใหม่ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯปี 2556
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงกลยุทธ์การลงทุนสำหรับหลักทรัพย์ที่ถูกนำเข้าและตัดออกจากการคำนวณดัชนีเอ็มเอสซีไอ ไทยแลนด์ รอบใหม่ว่า จากผลการศึกษาย้อนหลังถึงการปรับตัวของราคาหลักทรัพย์ที่ถูกนำเข้าและตัดออกจากการคำนวณดัชนีทั้งในส่วนของดัชนี MSCI Global Standard Index และดัชนี MSCI Global Small Cap Index โดยใช้ข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2551 พบว่าราคาหุ้นที่ถูกนำเข้าและตัดออกจากการคำนวณดัชนีมักจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญหลังการประกาศ ไปจนกระทั่งถึงวันเริ่มใช้ข้อมูลจริง
http://www.thanonline.com/index.php?opt ... 3yBatKSzh4
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4913
สุดยอดกระทู้ครับตอนนี้
เป็นอะไรที่ชัดเจน วาจาคมคาย เปรียบเทียบให้เห็นชัดเจน
แนะนำพวกเราทุกคนเข้าไปอ่านครับ นายกโจ ของเรามาเอง
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=57586
เป็นอะไรที่ชัดเจน วาจาคมคาย เปรียบเทียบให้เห็นชัดเจน
แนะนำพวกเราทุกคนเข้าไปอ่านครับ นายกโจ ของเรามาเอง
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=57586
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4914
ขอบคุณค่ะพี่หมอมุข...มีประโยชน์มากจริงๆPaul VI เขียน:สุดยอดกระทู้ครับตอนนี้
เป็นอะไรที่ชัดเจน วาจาคมคาย เปรียบเทียบให้เห็นชัดเจน
แนะนำพวกเราทุกคนเข้าไปอ่านครับ นายกโจ ของเรามาเอง
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=57586
ขออนุญาตนายกโจเพื่อนำไปลงใน fb money talk ด้วยแล้วค่ะ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4915
ขออนุญาตช่วยนำมาลงให้นะคะ...พี่หมอมุขไม่ค่อยมีเวลาแน่ๆ
ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ที่ถ่ายทอด...ดูเพลินมากๆ
พี่หมอมุขเล่าสิ่งยากๆ ให้เข้าใจง่ายเหมือนเดิม...ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ
...........
ถอดรหัสเซียน : "หมอมุข" นักลงทุนหุ้น VI
[youtube]5kaTLumuNzg[/youtube]
ถอดรหัสเซียน : บริหารพอร์ตให้มั่งคั่งและมั่นคง
[youtube]DwAz4tEprvc[/youtube]
ถอดรหัสเซียน : ประสบการณ์หุ้นรายตัว
[youtube]CtSqVPisZ3Y[/youtube]
ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ที่ถ่ายทอด...ดูเพลินมากๆ
พี่หมอมุขเล่าสิ่งยากๆ ให้เข้าใจง่ายเหมือนเดิม...ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ
...........
ถอดรหัสเซียน : "หมอมุข" นักลงทุนหุ้น VI
[youtube]5kaTLumuNzg[/youtube]
ถอดรหัสเซียน : บริหารพอร์ตให้มั่งคั่งและมั่นคง
[youtube]DwAz4tEprvc[/youtube]
ถอดรหัสเซียน : ประสบการณ์หุ้นรายตัว
[youtube]CtSqVPisZ3Y[/youtube]
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4917
สบายดีค่ะพี่หมอมุขPaul VI เขียน:ขอบคุณครับ คุณนุช
สบายดีนะครับ
Long weekend เดือนหน้า พาเจ้าตัวเล็กไปเที่ยวที่ไหนครับ
ว่าจะไปสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช อช.วังน้ำเขียวค่ะ
ฤดูนี้ ป่าฝนน่าจะมีแมลงเยอะค่ะ ^__^
พี่หมอมุขคงมี plan ท่องเที่ยวเช่นกัน
รอชมภาพครอบครัวน่ารักของพี่หมอมุขเช่นเคยค่ะ
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4918
มี plan เหมือนกันครับ คุณนุช แต่ยังไม่ located ที่ไหนครับtheenuch เขียน:สบายดีค่ะพี่หมอมุขPaul VI เขียน:ขอบคุณครับ คุณนุช
สบายดีนะครับ
Long weekend เดือนหน้า พาเจ้าตัวเล็กไปเที่ยวที่ไหนครับ
ว่าจะไปสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช อช.วังน้ำเขียวค่ะ
ฤดูนี้ ป่าฝนน่าจะมีแมลงเยอะค่ะ ^__^
พี่หมอมุขคงมี plan ท่องเที่ยวเช่นกัน
รอชมภาพครอบครัวน่ารักของพี่หมอมุขเช่นเคยค่ะ
เที่ยวแล้วเอาภาพสวยมาฝากด้วยนะครับ ^^
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4919
ที่ปรึกษาทางการเงินคาดซื้อขายกิจการผ่านกองทุนไพรเวทอิควิตี้คึก บริษัทจดทะเบียนสภาพคล่องเหลือเฟือ พร้อมขยายลงทุน เหตุได้สิทธิประโยชน์ภาษีนิติบุคคล เช่นเดียวกับกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาฯ อีกทั้งได้กำไรเห็นๆ หลังถอนเงินลงทุน ล่าสุด "ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น" ดันบริษัทร่วมลงทุน"สเตรกา"เข้าตลาดหุ้น ฟากกองทุนไทยทวีทุน 2 ขายสถาบันสอนภาษา"วอลล์สตรีท อิงลิช"ให้เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ บจ.ในกลุ่มมาลีนนท์ 800 ล้านบาท
สมภพ ศักดิ์พันธ์พนมสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทโปร แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เปิดช่องทางการจัดตั้งกองทุนไพรเวทอิควิตี้ในรูปแบบกองทรัสต์ เช่นเดียวกับ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หรือรีทส์ ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีนิติบุคคล อีกทั้งก.ล.ต.อยู่ระหว่างขอกระทรวงการคลังลดหย่อนภาษีจากเงินปันผล ก็จะยิ่งเป็นแรงดึงดูดให้กองทุนร่วมลงทุน หรือไพรเวทอิควิตี้ฟันด์ทรัสต์ ( Private Equity Fund Trust )ในประเทศไทยมีโอกาสเกิดมากยิ่งขึ้น และยังถือว่าเป็นการช่วยนำพาธุรกิจขั้นเริ่มต้นแต่ยังขาดแหล่งเงินทุนให้เติบโตได้
นอกจากนี้เริ่มเห็นเจ้าของกิจการที่นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯแล้วมีความมั่งคั่งมากขึ้นทั้งจากเงินปันผลและกำไรจากส่วนต่างราคา ได้นำเงินไปลงทุนต่อ โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเช่นกรณีของบริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)(บมจ.)ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้เข้าลงทุนในรูปแบบเวนเจอร์แคปิตอล ในบมจ.สเตรกา สัดส่วน 40 %
ขณะที่บมจ.สเตรกาเองนั้นปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งบริษัท แอสเซทโปร ฯเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบมจ.ไลฟ์ ฯก็เตรียมที่จะขายหุ้นออกมาในรูปแบบไอพีโอ
ดร.อุตตม สาวนายน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพรอสเพอริตี้ แอ็ดไวซอรี จำกัด กล่าวว่าปีนี้บริษัทได้เตรียมขาย(EXIT) ธุรกิจที่มีการลงทุนผ่านกองทุนไพรเวทอิควตี้ (กองทุนไทยทวีทุน 2 ) แล้ว 1 บริษัท คือ สถาบันสอนภาษา "วอลล์สตรีท อิงลิช" มูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท (ผู้สนใจซื้อคือ บมจ.เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์)โดยระยะเวลาลงทุนประมาณ 3-4 ปี และถือว่าเป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย ทั้งนี้สำหรับเป้าหมายผลตอบแทนกองทุนไพรเวทอิควิตี้ 20-25 % ต่อปี ระยะเวลาลงทุน 3-4 ปี
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า แนวโน้มจะได้เห็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดตั้งบริษัทเพื่อเข้าไปร่วมลงทุนในธุรกิจอื่นที่น่าสนใจ ในรูปแบบ คอร์ปอเรต เวนเจอร์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากบางกลุ่มธุรกิจจัดตั้งคอร์ปอเรต เวนเจอร์ขึ้นมาเพื่อเป็นการทดลองลงทุนในธุรกิจที่คาดว่าจะสามารถนำมาต่อยอดธุรกิจหลักของตนเองได้ โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่มีการจัดตั้งบริษัทเพื่อการลงทุนขึ้นเอง จึงทำให้การลงทุนผ่านเวนเจอร์แคปิตอลปกติลดลงไป ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาเวนเจอร์แคปิตอลมีการระดมทุนผ่านกองทุนรวมและบริหารโดย บริษัทจัดการลงทุนก็ตาม
สำหรับปีนี้ธุรกิจที่น่าสนใจลงทุน คือ อาหาร สินค้าเกษตรที่เพิ่มศักยภาพโดยการแปรรูปแล้ว และในระยะยาวประเทศเพื่อนบ้านที่มีสินค้าเกษตรใกล้เคียงกัน ควรทำแบบคอนแทร็กต์ ฟาร์มมิ่ง(Contract Framing) คือระบบการเกษตร ที่มีการทำสัญญาซื้อขายผลผลิตล่วงหน้า เป็นต้น
นายชนิตรกล่าวว่าที่ผ่านมาบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มสื่อสารมีความเคลื่อนไหวการจัดตั้งธุรกิจเงินร่วมลงทุน หรือเวนเจอร์แคปิตอล อาทิ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ ที่จัดตั้งกองทุนอินเวน (Invent) ซึ่งเห็นชัดเจนธุรกิจที่ช่วยต่อยอด ธุรกิจขายหนังสือสิ่งพิมพ์ดิจิตอลออนไลน์ "อุ๊คมี" โดยลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ซึ่งรวมถึงกลุ่มซีพีด้วย เช่นเดียวกับบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่นหรือดีแทค จัดตั้งบริษัทเพื่อการลงทุนภายใต้บริษัทลูกด้วยเช่นกัน ส่วนหนึ่งเพื่อต้องการพัฒนานวัตกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่วนในอดีตกลุ่มธุรกิจที่ลงทุนไปแล้วผ่านเวนเจอร์แคปิตอล และประสบความสำเร็จ คือ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มยานยนต์ เป็นต้น
ด้านนายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการก.ล.ต. กล่าวก่อนหน้าว่า ก.ล.ต.สนับสนุนธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น หรือที่เรียกว่า "ต้นกล้า" แต่มีศักยภาพในด้านการนำนวัตกรรมใหม่ๆมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัท อาทิ ธุรกิจกลุ่มไอที ธุรกิจแปรรูปยา ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ธุรกิจภาพยนตร์และคอนเทนต์ เป็นต้น แต่ยังขาดเงินทุน จึงนำเสนอโครงการ "หุ้นนวัตกรรมและสร้างสรรค์" คือ การหาแหล่งทุนให้โดยสนับสนุนจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน หรือไพรเวทอิควิตี้ฟันด์ทรัสต์ เพื่อเข้าไปลงทุนในธุรกิจดังกล่าวด้วย ทั้งนี้หากเป็นธุรกิจมีความพร้อมความสามารถดำเนินการเข้าจดทะเบียนได้ทันปี 2558 ก็ยังได้รับการลดหย่อนค่าธรรมเนียมทั้งในส่วนของตลาดหลักทรัพย์ฯและ ก.ล.ต.ด้วย ซึ่งธุรกิจที่เข้าข่ายโครงการดังกล่าวจะต้องเป็นธุรกิจที่ดำเนินการมาไม่น้อยกว่า 2 ปี มีทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 20 ล้านบาท และมีกำไรหรือกำไรสะสมด้วย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,963 วันที่ 6 - 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
สมภพ ศักดิ์พันธ์พนมสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทโปร แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เปิดช่องทางการจัดตั้งกองทุนไพรเวทอิควิตี้ในรูปแบบกองทรัสต์ เช่นเดียวกับ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หรือรีทส์ ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีนิติบุคคล อีกทั้งก.ล.ต.อยู่ระหว่างขอกระทรวงการคลังลดหย่อนภาษีจากเงินปันผล ก็จะยิ่งเป็นแรงดึงดูดให้กองทุนร่วมลงทุน หรือไพรเวทอิควิตี้ฟันด์ทรัสต์ ( Private Equity Fund Trust )ในประเทศไทยมีโอกาสเกิดมากยิ่งขึ้น และยังถือว่าเป็นการช่วยนำพาธุรกิจขั้นเริ่มต้นแต่ยังขาดแหล่งเงินทุนให้เติบโตได้
นอกจากนี้เริ่มเห็นเจ้าของกิจการที่นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯแล้วมีความมั่งคั่งมากขึ้นทั้งจากเงินปันผลและกำไรจากส่วนต่างราคา ได้นำเงินไปลงทุนต่อ โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเช่นกรณีของบริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)(บมจ.)ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้เข้าลงทุนในรูปแบบเวนเจอร์แคปิตอล ในบมจ.สเตรกา สัดส่วน 40 %
ขณะที่บมจ.สเตรกาเองนั้นปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งบริษัท แอสเซทโปร ฯเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบมจ.ไลฟ์ ฯก็เตรียมที่จะขายหุ้นออกมาในรูปแบบไอพีโอ
ดร.อุตตม สาวนายน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพรอสเพอริตี้ แอ็ดไวซอรี จำกัด กล่าวว่าปีนี้บริษัทได้เตรียมขาย(EXIT) ธุรกิจที่มีการลงทุนผ่านกองทุนไพรเวทอิควตี้ (กองทุนไทยทวีทุน 2 ) แล้ว 1 บริษัท คือ สถาบันสอนภาษา "วอลล์สตรีท อิงลิช" มูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท (ผู้สนใจซื้อคือ บมจ.เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์)โดยระยะเวลาลงทุนประมาณ 3-4 ปี และถือว่าเป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย ทั้งนี้สำหรับเป้าหมายผลตอบแทนกองทุนไพรเวทอิควิตี้ 20-25 % ต่อปี ระยะเวลาลงทุน 3-4 ปี
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า แนวโน้มจะได้เห็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดตั้งบริษัทเพื่อเข้าไปร่วมลงทุนในธุรกิจอื่นที่น่าสนใจ ในรูปแบบ คอร์ปอเรต เวนเจอร์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากบางกลุ่มธุรกิจจัดตั้งคอร์ปอเรต เวนเจอร์ขึ้นมาเพื่อเป็นการทดลองลงทุนในธุรกิจที่คาดว่าจะสามารถนำมาต่อยอดธุรกิจหลักของตนเองได้ โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่มีการจัดตั้งบริษัทเพื่อการลงทุนขึ้นเอง จึงทำให้การลงทุนผ่านเวนเจอร์แคปิตอลปกติลดลงไป ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาเวนเจอร์แคปิตอลมีการระดมทุนผ่านกองทุนรวมและบริหารโดย บริษัทจัดการลงทุนก็ตาม
สำหรับปีนี้ธุรกิจที่น่าสนใจลงทุน คือ อาหาร สินค้าเกษตรที่เพิ่มศักยภาพโดยการแปรรูปแล้ว และในระยะยาวประเทศเพื่อนบ้านที่มีสินค้าเกษตรใกล้เคียงกัน ควรทำแบบคอนแทร็กต์ ฟาร์มมิ่ง(Contract Framing) คือระบบการเกษตร ที่มีการทำสัญญาซื้อขายผลผลิตล่วงหน้า เป็นต้น
นายชนิตรกล่าวว่าที่ผ่านมาบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มสื่อสารมีความเคลื่อนไหวการจัดตั้งธุรกิจเงินร่วมลงทุน หรือเวนเจอร์แคปิตอล อาทิ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ ที่จัดตั้งกองทุนอินเวน (Invent) ซึ่งเห็นชัดเจนธุรกิจที่ช่วยต่อยอด ธุรกิจขายหนังสือสิ่งพิมพ์ดิจิตอลออนไลน์ "อุ๊คมี" โดยลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ซึ่งรวมถึงกลุ่มซีพีด้วย เช่นเดียวกับบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่นหรือดีแทค จัดตั้งบริษัทเพื่อการลงทุนภายใต้บริษัทลูกด้วยเช่นกัน ส่วนหนึ่งเพื่อต้องการพัฒนานวัตกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่วนในอดีตกลุ่มธุรกิจที่ลงทุนไปแล้วผ่านเวนเจอร์แคปิตอล และประสบความสำเร็จ คือ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มยานยนต์ เป็นต้น
ด้านนายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการก.ล.ต. กล่าวก่อนหน้าว่า ก.ล.ต.สนับสนุนธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น หรือที่เรียกว่า "ต้นกล้า" แต่มีศักยภาพในด้านการนำนวัตกรรมใหม่ๆมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัท อาทิ ธุรกิจกลุ่มไอที ธุรกิจแปรรูปยา ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ธุรกิจภาพยนตร์และคอนเทนต์ เป็นต้น แต่ยังขาดเงินทุน จึงนำเสนอโครงการ "หุ้นนวัตกรรมและสร้างสรรค์" คือ การหาแหล่งทุนให้โดยสนับสนุนจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน หรือไพรเวทอิควิตี้ฟันด์ทรัสต์ เพื่อเข้าไปลงทุนในธุรกิจดังกล่าวด้วย ทั้งนี้หากเป็นธุรกิจมีความพร้อมความสามารถดำเนินการเข้าจดทะเบียนได้ทันปี 2558 ก็ยังได้รับการลดหย่อนค่าธรรมเนียมทั้งในส่วนของตลาดหลักทรัพย์ฯและ ก.ล.ต.ด้วย ซึ่งธุรกิจที่เข้าข่ายโครงการดังกล่าวจะต้องเป็นธุรกิจที่ดำเนินการมาไม่น้อยกว่า 2 ปี มีทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 20 ล้านบาท และมีกำไรหรือกำไรสะสมด้วย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,963 วันที่ 6 - 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 4920
ต้องขออภัยพี่ๆน้องๆ ครับ
ตอนนี้ภารกิจงานราษฎร์ งานหลวง รวมทั้งภารกิจครอบครัวค่อนข้างมาก
อาจจะไม่สามารถมาโพสต์ที่กระทู้นี้ครับ
ตอนนี้ก็สามารถติดตามหรือพบเจอกันใน fb หรือ fanpage นะครับ ^^
ตอนนี้ภารกิจงานราษฎร์ งานหลวง รวมทั้งภารกิจครอบครัวค่อนข้างมาก
อาจจะไม่สามารถมาโพสต์ที่กระทู้นี้ครับ
ตอนนี้ก็สามารถติดตามหรือพบเจอกันใน fb หรือ fanpage นะครับ ^^