มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
โพสต์ที่ 1
คือน้องเค๊าจบวิดวะ ทำงานเงินเดือน 28,000 ไม่ซื้อบ้าน ไม่ซื้อรถ
เล่นหุ้นครับ vi หรือ vs ไม่แน่ใจ แต่ชอบถือยาว แล้วขาย
ก็เห็นน้องเค๊าลงทุนอยู่ 50,000 ไม่ถึงสองปีดี ตอนนี้ 300,000 บาทแล้วคับ
ตอนมาเจอผมนี่นั่งรถเมล์มา
อืม นับถือจริงๆครับ
ที่สำคัญน้องเค๊า อายุ 25 ครับ
มีอนาคตสดใสแน่นอน น่าอิจฉาจังเลย
สำหรับคนวัยกำลังเหมาะสมอย่างพี่ (แก่)
อิอิ
เล่นหุ้นครับ vi หรือ vs ไม่แน่ใจ แต่ชอบถือยาว แล้วขาย
ก็เห็นน้องเค๊าลงทุนอยู่ 50,000 ไม่ถึงสองปีดี ตอนนี้ 300,000 บาทแล้วคับ
ตอนมาเจอผมนี่นั่งรถเมล์มา
อืม นับถือจริงๆครับ
ที่สำคัญน้องเค๊า อายุ 25 ครับ
มีอนาคตสดใสแน่นอน น่าอิจฉาจังเลย
สำหรับคนวัยกำลังเหมาะสมอย่างพี่ (แก่)
อิอิ
- PaZZaHut
- Verified User
- โพสต์: 737
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
โพสต์ที่ 2
จะพยายามเดินตามรอยอ่ะครับJeng เขียน:คือน้องเค๊าจบวิดวะ ทำงานเงินเดือน 28,000 ไม่ซื้อบ้าน ไม่ซื้อรถ
เล่นหุ้นครับ vi หรือ vs ไม่แน่ใจ แต่ชอบถือยาว แล้วขาย
ก็เห็นน้องเค๊าลงทุนอยู่ 50,000 ไม่ถึงสองปีดี ตอนนี้ 300,000 บาทแล้วคับ
ตอนมาเจอผมนี่นั่งรถเมล์มา
อืม นับถือจริงๆครับ
ที่สำคัญน้องเค๊า อายุ 25 ครับ
มีอนาคตสดใสแน่นอน น่าอิจฉาจังเลย
สำหรับคนวัยกำลังเหมาะสมอย่างพี่ (แก่)
อิอิ
มือถือไม่ซื้อ เก็บตังเล่นหุ้น :D :D
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
โพสต์ที่ 5
โค้ด: เลือกทั้งหมด
บางคนอายุ 25
เงินเดือนไม่ถึง 15000 เลย แถมต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งให้บุพการีอีก
จะเอาเงินที่ไหนเก็บพอลงทุนได้เท่าเค้า
มีอีกเรือง คุณชิน โสภณพานิช แบกข้าวสาร แต่เหลือเงินส่งไปเมืองจีน
คุณชิน เป็นผู้สร้างแบงค์กรุงเทพครับ
ถ้าเงินเดือน 15000 ขอโทษ เลิกใช้มือถือได้เลย ไม่จำเป็นครับ
ทุกอย่าง ดูเหมือนยอมให้เขาหลอก เพื่อให้เงินหมด
-
- Verified User
- โพสต์: 66
- ผู้ติดตาม: 0
มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
โพสต์ที่ 6
เหอๆๆ
อย่างงี้ถ้าผมมีเงินเิืดือน 15000 จริง
คงจะหางานใกล้บ้าน ไม่ซื้อของที่เกินจำเป็นจริงๆครับ
ตั้งเป้าเก็บเงินเดือนละ 25% ของเงินเดือน
เช้าปั่นจักรยานออกไปทำงาน แถมปิ่นโตไปด้วย
เย็นก็ปั่นกลับบ้าน เสาร์-อาทิตย์ ถ้าไม่มีงาน ก็นอนอยู่กับบ้าน
เหอๆๆ ถ้าทำอย่างงี้สงสัยเก็บได้เดือนละ หมื่นแน่
:ep: :ep: :ep: :ep: :ep: :ep: :ep: :ep: :ep: :ep: :ep: :ep:
อย่างงี้ถ้าผมมีเงินเิืดือน 15000 จริง
คงจะหางานใกล้บ้าน ไม่ซื้อของที่เกินจำเป็นจริงๆครับ
ตั้งเป้าเก็บเงินเดือนละ 25% ของเงินเดือน
เช้าปั่นจักรยานออกไปทำงาน แถมปิ่นโตไปด้วย
เย็นก็ปั่นกลับบ้าน เสาร์-อาทิตย์ ถ้าไม่มีงาน ก็นอนอยู่กับบ้าน
เหอๆๆ ถ้าทำอย่างงี้สงสัยเก็บได้เดือนละ หมื่นแน่
:ep: :ep: :ep: :ep: :ep: :ep: :ep: :ep: :ep: :ep: :ep: :ep:
Price is what you pay. Value is what you get.
-
- Verified User
- โพสต์: 1822
- ผู้ติดตาม: 0
มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
โพสต์ที่ 9
เป็นข้อมูลของคนที่รู้จักกันน่ะครับJeng เขียน:คนส่วนใหญ่ชอบหลอกตัวเองโค้ด: เลือกทั้งหมด
บางคนอายุ 25 เงินเดือนไม่ถึง 15000 เลย แถมต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งให้บุพการีอีก จะเอาเงินที่ไหนเก็บพอลงทุนได้เท่าเค้า
มีอีกเรือง คุณชิน โสภณพานิช แบกข้าวสาร แต่เหลือเงินส่งไปเมืองจีน
คุณชิน เป็นผู้สร้างแบงค์กรุงเทพครับ
ถ้าเงินเดือน 15000 ขอโทษ เลิกใช้มือถือได้เลย ไม่จำเป็นครับ
ทุกอย่าง ดูเหมือนยอมให้เขาหลอก เพื่อให้เงินหมด
เค้ามาจากต่างจังหวัด ทำงานราชการ เงินเดือนได้หมื่นหน่อยๆ ต้องส่งเงินให้แม่ 6000 ทุกเดือน แล้วค่าใช้จ่ายส่วนตัว เหลือก็เดือนละพันบาทเต็มที่
กว่าจะเก็บได้ 50,000 ผมก็ทำได้แต่ให้กำลังใจเพราะก็ไม่ได้ดีไปกว่าเท่าไหร่
คงต้องแนะนำให้มันหางานใกล้ที่พัก จะได้เดินหรือปั่นจักรยานไป ประหยัดค่ารถ
ผมไม่ได้แย้งว่าทำไม่ได้ แค่อยากบอกว่า แต่ละคนเหลือเงินเก็บได้ไม่เท่ากัน ก็คงเหมือนบริษัทที่มีต้นทุนไม่เท่ากัน จะเหลือ free cash flow จริงๆเท่าไหร่ ถ้าเหลือมาก ก็ลงทุนต่อได้มาก ก็ยิ่งโตเร็ว พวกเหลือน้อยก็โตได้น้อย บางครั้งก็ต้องกู้ยืม
-
- ผู้ติดตาม: 0
มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
โพสต์ที่ 11
พี่ jeng ครับเค้าเริ่มลงทุน 50000 แล้วกลาย 300000 โดยไม่ใส่เงินเพิ่ม
หรือใส่เงินที่เหลือจากเงินเดือนเพิ่มทุกเดือนครับ
หรือใส่เงินที่เหลือจากเงินเดือนเพิ่มทุกเดือนครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
โพสต์ที่ 12
หากไม่เติมเงินเลยเนี่ย
เท่ากับได้อัตราผลตอบแทนประมาณ 145% ต่อปี (แบบทบต้น)
ซึ่งสูงมากๆ แต่ก็เป็นไปได้
เท่ากับได้อัตราผลตอบแทนประมาณ 145% ต่อปี (แบบทบต้น)
ซึ่งสูงมากๆ แต่ก็เป็นไปได้
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 66
- ผู้ติดตาม: 0
มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
โพสต์ที่ 13
ว่าจะไม่มาตอบแล้วเชียว เขินครับ
จริงแล้วเงินเดือนสมัยที่เริ่มลงทุน อยู่ที่ 15K ครับ
เก็บมาใช้การออกม 25% ของเงินเดือน และ ลด cost ที่ไม่จำเป็นทั้งหมดครับ
พอมาลงทุนก็ มั่วๆไปพักนึง และก็ศึกษมาเรื่อยๆครับ
ส่วนเงินที่งอกมานั้น ส่วนนึงคือเงินเก็บครับ อีกส่วนคือกำไรจากการลงทุน
ปันผลและ ผลต่าง ประมาณปีละ 20-25% ของเิงินที่ลงไป(มั้งครับจำไม่ได้) บวก กำไรจากปีก่่อนครับ
เหอๆๆ พี่เจ๋งเล่นเอามาพูดอย่างงี้ผมอายเลย :oops: :oops: :oops:
ผมยังอ่อนด้วยนักครับ ยังมิอาจหาญกล้ามาเป็นตัวอย่างให้พี่ๆหรอกครับ
แต่ขอน้อมรับคำชมเอาไว้เป็นกำลังใจนะครับ
ขอบคุณมากครับ
จริงแล้วเงินเดือนสมัยที่เริ่มลงทุน อยู่ที่ 15K ครับ
เก็บมาใช้การออกม 25% ของเงินเดือน และ ลด cost ที่ไม่จำเป็นทั้งหมดครับ
พอมาลงทุนก็ มั่วๆไปพักนึง และก็ศึกษมาเรื่อยๆครับ
ส่วนเงินที่งอกมานั้น ส่วนนึงคือเงินเก็บครับ อีกส่วนคือกำไรจากการลงทุน
ปันผลและ ผลต่าง ประมาณปีละ 20-25% ของเิงินที่ลงไป(มั้งครับจำไม่ได้) บวก กำไรจากปีก่่อนครับ
เหอๆๆ พี่เจ๋งเล่นเอามาพูดอย่างงี้ผมอายเลย :oops: :oops: :oops:
ผมยังอ่อนด้วยนักครับ ยังมิอาจหาญกล้ามาเป็นตัวอย่างให้พี่ๆหรอกครับ
แต่ขอน้อมรับคำชมเอาไว้เป็นกำลังใจนะครับ
ขอบคุณมากครับ
Price is what you pay. Value is what you get.
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
โพสต์ที่ 15
เงินเก็บก้อนแรกของทุกคน ใช้เหงื่อเป็นวัตถุดิบล้วนๆ ครับ เก็บนานมาก ๆ ฐานเงินเดือนที่ยังต่ำอยู่ทำให้ disposable income มันน้อยมากครับ (disposable income = salary-necessary expense) พอเงินเดือนเริ่มมากขึ้น ค่าใช้จ่ายจะขึ้นช้ากว่า (แต่บางคนก็ไม่นะครับ แหะๆ)
ภาระอีกอย่างที่ถ่วงก็คือคนที่ต้องผ่อนรถเอง ความไม่เป็นหนี้เป็นลาภอันประเสริฐครับ ช่วงแรกๆ ซื้อรถมือสอง หรือว่าขึ้นรถเมล์ได้ก็จะดี
พอเก็บได้ถึงจุดหนึ่งแล้ว คราวนี้วัตถุดิบจะเริ่มเปลี่ยนจากเหงื่อเป็นเงินมากขึ้น แบบที่เขาพูดว่า "ให้เงินทำงาน" นั่นแหละครับ interest income กับ dividend income จะช่วยผ่อนแรงเราไปได้เยอะทีเดียว ถึงจุดนี้แล้วมันจะเพิ่มขึ้นเร็วมากเลยครับ
เก็บก้อนแรกให้ได้ครับ มีเฮแน่นอน
ภาระอีกอย่างที่ถ่วงก็คือคนที่ต้องผ่อนรถเอง ความไม่เป็นหนี้เป็นลาภอันประเสริฐครับ ช่วงแรกๆ ซื้อรถมือสอง หรือว่าขึ้นรถเมล์ได้ก็จะดี
พอเก็บได้ถึงจุดหนึ่งแล้ว คราวนี้วัตถุดิบจะเริ่มเปลี่ยนจากเหงื่อเป็นเงินมากขึ้น แบบที่เขาพูดว่า "ให้เงินทำงาน" นั่นแหละครับ interest income กับ dividend income จะช่วยผ่อนแรงเราไปได้เยอะทีเดียว ถึงจุดนี้แล้วมันจะเพิ่มขึ้นเร็วมากเลยครับ
เก็บก้อนแรกให้ได้ครับ มีเฮแน่นอน
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 260
- ผู้ติดตาม: 0
มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
โพสต์ที่ 16
เดาว่าน่าจะเป็นตัวต่ำสิบจะได้เร็วสุด เช่นจาก 4 บ. ไป 7 บ. แบบนี้มีหลายตัวเลย หลาย ๆ ครั้งก็พอไหวHVI เขียน:หากไม่เติมเงินเลยเนี่ย
เท่ากับได้อัตราผลตอบแทนประมาณ 145% ต่อปี (แบบทบต้น)
ซึ่งสูงมากๆ แต่ก็เป็นไปได้
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
โพสต์ที่ 17
โค้ด: เลือกทั้งหมด
เป็นข้อมูลของคนที่รู้จักกันน่ะครับ
เค้ามาจากต่างจังหวัด ทำงานราชการ เงินเดือนได้หมื่นหน่อยๆ ต้องส่งเงินให้แม่ 6000 ทุกเดือน แล้วค่าใช้จ่ายส่วนตัว เหลือก็เดือนละพันบาทเต็มที่
กว่าจะเก็บได้ 50,000 ผมก็ทำได้แต่ให้กำลังใจเพราะก็ไม่ได้ดีไปกว่าเท่าไหร่
คงต้องแนะนำให้มันหางานใกล้ที่พัก จะได้เดินหรือปั่นจักรยานไป ประหยัดค่ารถ
ผมไม่ได้แย้งว่าทำไม่ได้ แค่อยากบอกว่า แต่ละคนเหลือเงินเก็บได้ไม่เท่ากัน ก็คงเหมือนบริษัทที่มีต้นทุนไม่เท่ากัน จะเหลือ free cash flow จริงๆเท่าไหร่ ถ้าเหลือมาก ก็ลงทุนต่อได้มาก ก็ยิ่งโตเร็ว พวกเหลือน้อยก็โตได้น้อย บางครั้งก็ต้องกู้ยืม
หลายๆคน อาจจะมี 100 ล้าน จากการเอาปืนจ่อหัวบุพการี
ส่วนเรืองเหลือเงินไปลงทุน มีวิธีคือ
1. จ่ายให้ตัวเองก่อน เช่น เดือนละ 500 - 1000 บาท เก็บไปเรื่อย ๆ
2. คือไม่ต้องไปเทียบกับใครครับ ว่าเก็บอย่างนี้เมื่อไรจะรวย เพราะการที่หาได้หมื่นกว่า แล้วให้คุณแม่เดือนละ 6000 คุณรวยอยู่แล้วครับ
3. เมื่อมีเงินครบ 20000 ไม่ต้อง 50000 ก็เริ่มทดลองลงทุนกับหุ้นครับ
กว่าจะเก็บได้ 20000 ถ้าเดือนละ 500 ก็เท่ากับ 3.34 ปี ซึ่งไม่เป็นไรครับ จะกี่ปีก็ช่าง สิ่งที่สำคัญคือ เค๊าได้นิสัยเก็บเงินได้ครับ
คนที่เก็บเงินไม่ได้ ไม่มีทางครับ ที่จะมีเงินมาลงทุน
เรื่องจำนวนเงินตอนแรกๆ ไม่สำคัญเท่านิสัยในการเก็บเงินครับ
ขอให้โชคดี และอย่าลืมหาอาชีพเสริมซักหน่อยก็ดีนะครับ รายรับน้อยไปนิด
-
- Verified User
- โพสต์: 426
- ผู้ติดตาม: 0
มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
โพสต์ที่ 18
เงินมาก หรือ เงินน้อย สำคัญก็จริง
แต่ผมคิดว่า หลักในการลงทุน สำคัญที่สุด พวกมาร์จะตอบได้ดี เพราะลูกค้ามาเยอะ
เผอิญ ผมเคยเห็นคนที่พอร์ต ประมาณ หนึ่งร้อยล้าน แต่สุดท้ายแทบไม่เหลือเลย
ไม่ขอเล่ารายละเอียดครับ
เงิน ตอนที่ไม่เล่นหุ้น มันก็คือเงิน กว่าจะควักออกจากกระเป๋าคิดแล้วคิดอีก
แต่
เงิน พอเอามาเล่นหุ้น กลับกลายเป็นของเล่น
อือ แปลกแต่จริง
แต่ผมคิดว่า หลักในการลงทุน สำคัญที่สุด พวกมาร์จะตอบได้ดี เพราะลูกค้ามาเยอะ
เผอิญ ผมเคยเห็นคนที่พอร์ต ประมาณ หนึ่งร้อยล้าน แต่สุดท้ายแทบไม่เหลือเลย
ไม่ขอเล่ารายละเอียดครับ
เงิน ตอนที่ไม่เล่นหุ้น มันก็คือเงิน กว่าจะควักออกจากกระเป๋าคิดแล้วคิดอีก
แต่
เงิน พอเอามาเล่นหุ้น กลับกลายเป็นของเล่น
อือ แปลกแต่จริง
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
โพสต์ที่ 20
8) ให้ตังกะพ่อกะแม่BHT เขียน:บางคนอายุ 25
เงินเดือนไม่ถึง 15000 เลย แถมต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งให้บุพการีอีก
จะเอาเงินที่ไหนเก็บพอลงทุนได้เท่าเค้า
พระสอนว่า
เหมือนทำบุญกับพระอรหันต์ทีเดียวเชียวนะคร้าบ
อ่านที่ว่าแถมต้องแล้วรู้สึกแปลกๆ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- zolomon
- Verified User
- โพสต์: 352
- ผู้ติดตาม: 0
มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
โพสต์ที่ 22
ชื่นชมด้วยคน เพราะน้องเป็นคนส่วนน้อย ... คือ คนส่วนใหญ่อายุเท่านี้มักขอเงินพ่อแม่อยู่ .... เรื่องความคิดเก็บเงินนี่เลิกพูด เพื่อนผมวิศวะอายุเยอะกว่านี้ไม่เห็นมีใครเก็บเงินได้เกินแสนซักคน ทำงานสองปีมีเงินเก็บได้ขนาดนั้นแปลว่าน้องต้องใช้จ่ายได้เหมาะสมจริง ๆ ถ้าเที่ยวเยอะ กินเหล้าตลอด ใช้ฟุ่มเฟือยไม่มีทางเก็บได้ขนาดนี้
.... อดทนไว้ สู้ ๆ เข้านะครับ ท่อง ไว้ .. " หนทางสู่ความสบายนั้นลำบาก หนทางสู่ความลำบากนั้นสบาย "
ปล. แต่ไม่ได้บอกว่าห้ามเที่ยวหรือใช้เงินบ้างเลยนะครับ relax เป็นสิ่งจำเป็น แต่ไม่ใช่ทุกวัน :D
.... อดทนไว้ สู้ ๆ เข้านะครับ ท่อง ไว้ .. " หนทางสู่ความสบายนั้นลำบาก หนทางสู่ความลำบากนั้นสบาย "
ปล. แต่ไม่ได้บอกว่าห้ามเที่ยวหรือใช้เงินบ้างเลยนะครับ relax เป็นสิ่งจำเป็น แต่ไม่ใช่ทุกวัน :D
“If we wait for the moment when everything, absolutely everything is ready, we shall never begin.”
Ivan Turgenev
Ivan Turgenev
-
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
โพสต์ที่ 23
ผมก้อมี story ดีๆ มาแชร์เหมือนกัน ครับ ^^
รู้จักรุ่นพี่คนนึง (ผู้ชาย) ที่มีรายได้ประมาณ 25,000 บาท ต่อเดือน (เงินเดือน + คอมมิชชั่น) ตอนอายุ 25 เหมือนกันฮะ
มี Extra Income ต่อปีประมาณ 2 แสนบาท (สอนพิเศษ)
ขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงาน ค่าน้ำมันตกเดือนละ 500 บาท
ใช้จ่ายกับตัวเองเดือนนึงประมาณ 3 พันบาท
รวมเป็น 3,500 บาท
เป็นคนไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน
ยังไม่มีภาระค่าใช้จ่ายเรื่องบ้าน เพราะอาศัยอยู่กับคุณพ่อ-คุณแม่
ปีหนึ่งๆ มีเงินไว้ลงทุน ตกประมาณ 20,000*12 = 240,000 + 200,000 = 440,000 บาท (โว้วว)
เป็น VI เหมือนกัน ครับ แต่คงไม่ได้เป็นสมาชิกในเวบนี้ -*-
การลงทุนของเขา ใช้แนวทางของ Warren กับ ดร.นิเวศน์ ทุกอย่างเสมอมา
และมีหัวอนุรักษ์นิยมในการใช้เงินมากๆ
และที่สำคัญ เงินลงทุนอย่างสม่ำเสมอของพี่คนนั้น เป็นการลงทุนแบบทบต้น ไม่ถอนออกมาใช้เลยแม้แต่บาทเดียว -*-
คาดการณ์เล่นๆ ว่า พี่คนนี้ จะมีอิสรภาพทางการเงิน (อิสระมากด้วยสิครับ) ก่อนอายุ 40 ปีแน่ๆ
ถ้า ดร.นิเวศน์ฯ มี Warren เป็น Idol ในการลงทุน
ผมก้อมีพี่คนนี้เป็น Idol ในการใช้ชีวิต และการลงทุน เช่นเดียวกัน ครับ ^^ ...
รู้จักรุ่นพี่คนนึง (ผู้ชาย) ที่มีรายได้ประมาณ 25,000 บาท ต่อเดือน (เงินเดือน + คอมมิชชั่น) ตอนอายุ 25 เหมือนกันฮะ
มี Extra Income ต่อปีประมาณ 2 แสนบาท (สอนพิเศษ)
ขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงาน ค่าน้ำมันตกเดือนละ 500 บาท
ใช้จ่ายกับตัวเองเดือนนึงประมาณ 3 พันบาท
รวมเป็น 3,500 บาท
เป็นคนไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน
ยังไม่มีภาระค่าใช้จ่ายเรื่องบ้าน เพราะอาศัยอยู่กับคุณพ่อ-คุณแม่
ปีหนึ่งๆ มีเงินไว้ลงทุน ตกประมาณ 20,000*12 = 240,000 + 200,000 = 440,000 บาท (โว้วว)
เป็น VI เหมือนกัน ครับ แต่คงไม่ได้เป็นสมาชิกในเวบนี้ -*-
การลงทุนของเขา ใช้แนวทางของ Warren กับ ดร.นิเวศน์ ทุกอย่างเสมอมา
และมีหัวอนุรักษ์นิยมในการใช้เงินมากๆ
และที่สำคัญ เงินลงทุนอย่างสม่ำเสมอของพี่คนนั้น เป็นการลงทุนแบบทบต้น ไม่ถอนออกมาใช้เลยแม้แต่บาทเดียว -*-
คาดการณ์เล่นๆ ว่า พี่คนนี้ จะมีอิสรภาพทางการเงิน (อิสระมากด้วยสิครับ) ก่อนอายุ 40 ปีแน่ๆ
ถ้า ดร.นิเวศน์ฯ มี Warren เป็น Idol ในการลงทุน
ผมก้อมีพี่คนนี้เป็น Idol ในการใช้ชีวิต และการลงทุน เช่นเดียวกัน ครับ ^^ ...
- Muffin
- Verified User
- โพสต์: 874
- ผู้ติดตาม: 0
มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
โพสต์ที่ 24
ก่อนหน้านี้ ผมเอาเงินเดือนให้แม่ตรงๆ ก็ให้แม่ได้จำนวนหนึ่ง
แล้วเปลี่ยนแนวทาง
เป็นเอาเงินที่จะให้แม่ ไปรวมกับเงินก้อนหนึ่งของคุณแม่เอง แล้วเงินก้อนนั้นมาเปิดพอร์ทเล่นหุ้นให้แม่ ให้แม่ได้เยอะกว่าเอาเงินเดือนให้แม่ตรงๆเยอะเลย
พ่อแม่เลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็กแล้ว ผมโตจนเป้นพ่อคนได้สบายแล้ว ยังไม่มีตังพอหาเลี้ยงท่านได้เท่าที่อยากทำเลย
แล้วเปลี่ยนแนวทาง
เป็นเอาเงินที่จะให้แม่ ไปรวมกับเงินก้อนหนึ่งของคุณแม่เอง แล้วเงินก้อนนั้นมาเปิดพอร์ทเล่นหุ้นให้แม่ ให้แม่ได้เยอะกว่าเอาเงินเดือนให้แม่ตรงๆเยอะเลย
พ่อแม่เลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็กแล้ว ผมโตจนเป้นพ่อคนได้สบายแล้ว ยังไม่มีตังพอหาเลี้ยงท่านได้เท่าที่อยากทำเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 66
- ผู้ติดตาม: 0
มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
โพสต์ที่ 26
จริงๆแล้วผ?ก็นำ้งินเดือนบางส่วนมาให้ทางบ้านนะครับMuffin เขียน:ก่อนหน้านี้ ผมเอาเงินเดือนให้แม่ตรงๆ ก็ให้แม่ได้จำนวนหนึ่ง
แล้วเปลี่ยนแนวทาง
เป็นเอาเงินที่จะให้แม่ ไปรวมกับเงินก้อนหนึ่งของคุณแม่เอง แล้วเงินก้อนนั้นมาเปิดพอร์ทเล่นหุ้นให้แม่ ให้แม่ได้เยอะกว่าเอาเงินเดือนให้แม่ตรงๆเยอะเลย
พ่อแม่เลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็กแล้ว ผมโตจนเป้นพ่อคนได้สบายแล้ว ยังไม่มีตังพอหาเลี้ยงท่านได้เท่าที่อยากทำเลย
แต่เรื่องการลงทุนนี่ คุยกับทางบ้านแล้ว และก็นำเงินของทางบ้านมาบริหารให้งอกเงยบ้างแล้วครับ
ที่น่าตกใจคือ ตอนนี้ return ของเงินจากทางบ้าน
เติบโตในอัตราเร่งที่สูงมาก น่าดีใจจริงๆ
หวังเอาไว้เพียงอย่างเดียวว่า อีกสิบปีหลังจากนี้ อยากท่านทั้งสอง จะได้อยู่กันอย่างสุขสบายครับ ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องภาระค่าใช้จ่ายอีกต่อไป
ซึ่งทำให้ผมระมัดระวังในการคัดสรรค์หุ้นที่จะเข้าไปลงทุนครับ
และผมก็ได้รับประโยชน์จากการลงทุนด้วยความระมัดระวังนี้ด้วยครับ
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :oops:
Price is what you pay. Value is what you get.
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
โพสต์ที่ 27
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ที่น่าตกใจคือ ตอนนี้ return ของเงินจากทางบ้าน
เติบโตในอัตราเร่งที่สูงมาก น่าดีใจจริงๆ
roe นับเป็นเดือน
-
- Verified User
- โพสต์: 1067
- ผู้ติดตาม: 0
มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
โพสต์ที่ 28
เงินเดือน 15000 ให้แม่ 6000 ประเสริฐสุด ๆ แล้วครับท่าน
ผมมองว่าถึงแม้ตอนนี้จะเก็บออมได้อย่างยากลำบากมาก
แต่ผมคิดว่าในอัตราส่วน 6000/15000 นี่เขาได้เต็ม ๆ เลยครับ
เพราะมันเป็นเหมือนการลงทุนเพื่อสร้างวินัยในการใช้เงิน
อ่านกระทู้นี้จากที่มีโครงการซื้อมือถือใหม่นี่ก็เป็นอันพับไปก่อนครับ
เอามาติดกาวใช้ต่อไปก่อน อิ ๆ
ผมมองว่าถึงแม้ตอนนี้จะเก็บออมได้อย่างยากลำบากมาก
แต่ผมคิดว่าในอัตราส่วน 6000/15000 นี่เขาได้เต็ม ๆ เลยครับ
เพราะมันเป็นเหมือนการลงทุนเพื่อสร้างวินัยในการใช้เงิน
อ่านกระทู้นี้จากที่มีโครงการซื้อมือถือใหม่นี่ก็เป็นอันพับไปก่อนครับ
เอามาติดกาวใช้ต่อไปก่อน อิ ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 2266
- ผู้ติดตาม: 0
มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
โพสต์ที่ 29
แนะนำว่าทำงานหลักให้มาก ทำงานให้คิด เดี๋ยวเงินเดือนก็มากขึ้นตามด้วยครับBHT เขียน: เป็นข้อมูลของคนที่รู้จักกันน่ะครับ
เค้ามาจากต่างจังหวัด ทำงานราชการ เงินเดือนได้หมื่นหน่อยๆ ต้องส่งเงินให้แม่ 6000 ทุกเดือน แล้วค่าใช้จ่ายส่วนตัว เหลือก็เดือนละพันบาทเต็มที่
กว่าจะเก็บได้ 50,000 ผมก็ทำได้แต่ให้กำลังใจเพราะก็ไม่ได้ดีไปกว่าเท่าไหร่
คงต้องแนะนำให้มันหางานใกล้ที่พัก จะได้เดินหรือปั่นจักรยานไป ประหยัดค่ารถ
ผมไม่ได้แย้งว่าทำไม่ได้ แค่อยากบอกว่า แต่ละคนเหลือเงินเก็บได้ไม่เท่ากัน ก็คงเหมือนบริษัทที่มีต้นทุนไม่เท่ากัน จะเหลือ free cash flow จริงๆเท่าไหร่ ถ้าเหลือมาก ก็ลงทุนต่อได้มาก ก็ยิ่งโตเร็ว พวกเหลือน้อยก็โตได้น้อย บางครั้งก็ต้องกู้ยืม
แต่ราชการก็อาจจะยากหน่อย
คำแนะนำคือ ถ้าส่งให้แม่เดือนละ 6,000 บาท ต้องถามว่ามีภาระผูกพันหรือเปล่าเพราะว่าค่อนข้างเยอะสำหรับคนต่างจังหวดั
อาจทอนลงเหลือสัก 5000 เพื่อจะมีเงินเก็บ เดี๋ยวเก็บทบต้นไปทุกเดือนก็เพิ่มเองครับ เดี๋ยวก็ได้แล้ว 50,000
การเลือกงานก็สำคัญนะครับ ถ้าคิดว่างานที่มีอยู่ปัจจุบัน ไม่ดีจริง เราก็สามารถเปลี่ยนมาหางานที่ดีกว่าได้
เหมือนการเล่นหุ้นนะครับ บางครั้งเราก็ต้องเลือกสิ่งที่หุ้นที่ดีที่สุดในเท่าที่เลือกได้เช่นกัน
ซึ่งก็ขึ้นกับความสามารถว่าจะหาได้ดีขนาดไหน ก็ขึ้นกับความขวนขวายของคนทำงานครับ
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
- ch_army
- Verified User
- โพสต์: 1352
- ผู้ติดตาม: 0
มีน้องคนนึง เป็นตัวอย่างที่ดีของ vi
โพสต์ที่ 30
ทำงานได้เงินเดือน 28000 แน่ะ ทำอะไรที่ไหยครับ ผมก็วฺสวะเหมือนกัน เผื่อจะตามไปสมัครด้วย