VI บ้าน ๆ

[chakkarin]

อย่างที่ 3 ถ้าสงสัย เปิดโอกาสให้เค้า สารภาพก่อนเสมอ ครับ

เพื่อให้เรา ไว้วางใจเค้าได้เหมือนเดิม ครับ

เช่น

"เหรอ พี่กอล์ฟ เห็นว่าน้อง มายด์ เล่นของเล่น แล้วไม่เก็บ ตอนไหน เหรอครับ"

"เอ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้ว พี่กอล์ฟ จะช่วยพ่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ ยังไงดีน๊า"

ถ้าเค้าเสนอทางออกที่ดี เช่น

"เดี๋ยวผมจะช่วยพ่อเก็บให้เอง หรือเดี๋ยวผมกับพ่อช่วยกันเก็บดีไหมครับ "

ก็เท่ากับ เราเปิดโอกาสให้เค้า แก้ปัญหา และได้ชื่นชม รวมทั้งกลับมาไว้วางใจเค้าอีกครั้ง

ยิงนก ครั้งเดียวได้ นก 3 ตัว แบบนี้ผมชอบครับ

หรือถ้า เค้าสารภาพแล้ว เราไม่ว่าอะไร

แต่เปิดโอกาสให้เค้าแก้ไข ด้วยตนเอง

ครั้งหน้า เค้าจะกล้าสารภาพมากขึ้น ครับ

[theenuch]

ส่วนเรื่อง โกหก

ผมขอบังอาจโพสต์ก่อน อาเจ้ นุช ดังนี้ครับ

ก่อนอื่น ทำ "ใจ" เราเอง ก่อน

เยี่ยมเลยค่ะ...เดาใจพี่ถูกว่าพี่จะมาคุยต่อเรื่อง "โกหก"
และวิธีที่น้อง chakkarin ทำอยู่และมาช่วยแบ่งปันนั้น เป็นวิธีที่ดีมากเลยค่ะ

ตามทฤษฎีที่นำมาให้อ่านเด็กวัยนี้จะมีลักษณะการทำดีเพื่อให้ได้รางวัล
และทำบางสิ่งเพื่อให้พ้นการถูกลงโทษ (เอาตัวรอดนั่นเอง)

ต้องไม่ลืมว่าเขาไม่รู้จักคำว่า "โกหก"
แต่พ่อแม่รู้จักคำนี้และ 100% "เกลียดพฤติกรรมนี้"
พอเห็นลูกมีพฤติกรรมดังกล่าวย่อมไม่ชอบเป็นธรรมดา

แต่อย่างที่บอกการเลี้ยงเด็กจะให้ดีต้องมองในมุมของเด็กให้เป็น
ลองนึกย้อนกลับไปในวัยเดียวกันคิดว่าตัวเรารู้จักคำว่า "จริยธรรม" หรือยัง
"โกหก" "ขี้เกียจ" "ไม่มีความรับผิดชอบ" หรือด้านบวก "ขยัน" "ประหยัด" "ซื่อสัตย์"
คำตอบคือยังแน่ๆ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราต้องเข้าใจพัฒนาการตามวัย
เราจะได้ไม่ด่วนโกรธลูกไปเสียก่อน และจะได้รู้ว่าเราควรจะสอนให้เขารู้
พฤติกรรมที่เป็น คุณธรรมและ จริยธรรม "นิทาน" ช่วยได้ค่ะ เช่น "เด็กเลี้ยงแกะ"
และนิทานอีสปที่เกี่ยวข้องมีมากมาย พี่ก็เลยวัยมาเยอะ ใครนึกออกมาช่วยๆ กันนะคะ

.............................

ส่วนเรื่องแปรงฟันนั้น เขายังไม่รู้ว่าการแปรงฟันมีประโยชน์อย่างไร และถ้าไม่แปรงล่ะมีโทษอย่างไร
เราอาจเคยบอกว่า "ถ้าไม่แปรงฟัน ฟันจะผุ" แล้วไง (เค้าจะคิดแบบนี้...จำได้แต่ไม่รุ้จักอ้ะ 555)
นิทานก็ช่วยได้อีก "หนูนิดไม่ชอบแปรงฟัน" จะอธิบายว่าถ้าฟันของเรามีเศษอาหารติดอยู่
พอเราหลับไปแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง (สนุกค่ะ...มีการมาขุดมาเจาะ อึ๋ย ย..หวาดเสียว)
เวลาเล่าก็ทำหน้าทำตา และอย่างเวลาปวด (ในนิทานมี) ก็ทำท่าปวดให้สุดชีวิต...จะง่ายขึ้น

เรื่องการเก็บของก็แบบที่น้อง chakkarin บอกก็ดีค่ะ ให้เค้าช่วยคิดว่าจำทำยังไง
เด็กอยากมีส่วนร่วมและถ้าเขาได้ช่วยออกแบบ เข้าจะเคารพสิ่งที่เขาออกแบบเอง
แต่ในเด็กเล็กมากๆ อาจต้องให้ choice นิดหน่อย...ข้อดีอีกอย่างของการมีตัวเลือก
คือเราสามารถจำหนดกรอบได้ด้วย ไม่ให้หลุดไปสุดซอยเกินไป (ใช้คำทันสมัยเนอะ)

..................................

และเรื่องการปรับพฤติกรรมนั้น เราต้อง "จับถูก" ห้าม "จับผิด"
ลูกจะยังทำได้ไม่ดีกี่ครั้งใจเย็นๆ ครั้งไหนที่ทำดี "ชม" และ "กอด"ทันที
แขกไปใครมา เพื่อนบ้าน ใครต่อใคร ที่มีโอกาส "ชม" ลูกต่อหน้าผู้คนด้วย
แล้วจะมีคนช่วยชมค่ะ...นานๆ ไปเค้าจะเชื่อมโยงได้ว่า อ๋อ แบบนี้คือ
พฤติกรรมที่พึงประสงค์นะ แบบนี้ไม่ใช่ ทำดีมีรางวัล ทำไม่ดีมีงดรางวัล
เช่น งดเล่านิทาน ถ้าไม่เก็บของเข้าที่ กิจกรรมที่ถูกใจบางอย่างจะไม่ดำเนินต่อถ้าเค้าไม่ทำบางสิ่ง

เราอยู่กับลูกทุกวันเราจะรู้ค่ะ...ว่าจะใช้อะไรมาเป็นเรื่องที่จะ "งด" แล้วได้ผล
"ห้ามเอาความรักมาต่อรอง" มันยิ่งใหญ่ไป และสำคัญเกินไป

เคยได้ยินมาจริงๆ ค่ะ "ถ้าไม่กินข้าวให้หมด...แม่จะไม่รัก" โหต้องกินทุกวัน วันละ 3 มื้อ
จะต่อรองด้วยความรัก ไม่รักเลยหรือ และโลกของเด็กเล็กไม่มีใคร มีแต่เรา
เวลาเราบอกรักมักจะกอด หอมเค้า แม้อธิบายได้ไม่ชัดเจนแต่เค้ารู้จักคำว่า "รัก" ด้วยใจค่ะ

"ถ้าไม่กินข้าว แม่ไม่รัก" เด็กจะรู้สึกแรงค่ะ...เคว้งคว้าง บอกไม่ถูกเลย
ใช้บ่อยเข้าจะกลายเป็นเด็กที่ไม่มีความมั่นคงทางอารมณ์ กลัวการแยกจากเกินไป
หาสิ่งที่เป็นพฤติกรรมอย่างที่บอกดีกว่าค่ะ เช่น ไม่พาไปเดินเล่น ไม่อ่านนิทานให้ฟัง
คืนนี้จะไม่กล่อมนอน ไม่นั่งใกล้ๆ ไม่กอด ไม่หอม ให้พอเหมาะเป็นกรณีไปค่ะ

................................

ขอบคุณทุกๆ คำชมนะคะ...บังเอิญพอได้เรียนมาทางจิตวิทยา
และเป็นความตั้งใจที่อยากนำเรื่องยาก ๆ มาทำให้ง่าย เพื่อให้ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้
เมื่อนั้น "วิชาการ" สาขาใดๆ ก็ตาม จะเกิดประโยชน์สูงสุด...เป็นวงกว้างค่ะ

[theenuch]

เข้ามาอ่านเก็บข้อมูลอย่างตื่นตาตื่นใจเลยครับ ทั้งข้อมูลที่พี่นุชเขียนเล่าถึงเรื่อง"สอนลูกให้เป็นคนดี" และคำถามของพี่ saichon ด้วยครับ ขออนุญาติเก็บข้อมูลที่เป็นประโยชน์น่ะครับ เผื่อถึงเวลามีลูกจริงๆ จะได้นำไปใช้ได้หน่ะครับ เพราะผมกับภรรยา(เพิ่งแต่งงานไม่นานครับ) มีความเห็นตรงกันว่า ลูกจะเป็นยังไงก็ช่าง เก่ง ไม่เก่งไม่สน ขอให้เป็น"คนดี"พอ โจทย์ดูเหมือนง่าย แต่ยากมากๆเลยครับ แต่ผมต้องทำให้ได้ และผมเชื่อว่าผมทำได้ อย่างที่ผมได้เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ตามที่พ่อและแม่ของผมสอนมาครับ

ตั้งหน้าตั้งตาตอบ...เพิ่งเห็นข้อความของน้อง GC เอ๊ย GG ค่ะ

รู้สึกยินดีด้วยกับครอบครัวใหม่..และชื่นชมทั้งน้อง GG และพ่อแม่ด้วยค่ะ

และเชื่อว่านักลงทุนเน้นคุณค่าอย่างพวกเรา
น่าจะเน้นคุณค่าในทุกๆ เรื่องเหมือนๆ กันค่ะ รวมทั้งเรื่องการเลี้ยงลูกด้วย

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและกำลังใจครับ
ผมจะลองเอาไปปรับใช้ในครอบครัวดู ได้ผลยังไงค่อยมาเล่าให้ฟังใหม่น๊ะครับ

สู้ สู้ ท่องไว้ เราอยู่ในสถานการณ์ยากกว่าของคนอื่น...จะได้มีกำลังใจ
ทำไม่เข้าเป้าสิบครั้งอย่าเอามาย้ำ หรือพูดซ้ำๆ ...ทำดี แม้จะแค่ 1 นำมาชื่นชม ซ้ำๆ
ทั้งในส่วนของลูกและของพ่อแม่เอง เพราะบางทีเราเผลอๆ พลาดๆ ไปบ้าง
ถ้าเรามัวตำหนิตัวเองอยู่จะก้าวข้ามไปยาก...ได้ผลยังไงก็มาเล่าสู่กันฟังนะน้องสายชล

ตามด้วย หลักเดียว ที่ผมยึด คือ

" เคารพ เค้าให้ได้มากที่สุด เท่าที่เราจะทำได้ภายใต้ข้อจำกัดของเรา และเค้า "

อันนี้ดีจริงๆ ค่ะ...จะทำให้เราจักขอโทษลูกด้วยถ้าเราทำผิดทำพลาดไป
ลูกจะเรียนรู้จากเรานี่แหละค่ะ เราปฏิบัติต่อเค้าอย่างไร เค้าจะเลียนแบบเราไปโดยไม่รู้ตัว
และนำเอาไปใช้ เวลาเค้าออกไปเกี่ยวข้องกับโลก ....อยากให้ลูกรู้จัก "ขอโทษ" "ขอบคุณ"
"ให้อภัย" "ปล่อยวาง (กล่าวคำว่าไม่เป็นไรเป็น...ไม่เก็บเรื่องจุกจิกมาเป็นอารมณ์ง่าย)" ฯลฯ
เราทำอย่างนั้นกับลูก (ต้องเคารพเค้า...นั่นเอง) และปฏิบัติต่อลูกอย่างให้เกียรติ
และเค้าก็จะเรียนรู้การให้เกียรติผู้อื่นเช่นกันค่ะ การทำให้ดูได้ผลกว่าการพูดสอนค่ะ

[theenuch]

เจอกระทู้เกี่ยวหับการศึกษาใน PANTIP
เกี่ยวกับโรงเรียนอนุบาลที่ญี่ปุ่น เอามาฝากคนมีลูกเล็กๆ ค่ะ ^_*

http://topicstock.pantip.com/library/to ... 53838.html

[ปลูกหุ้นกินผล]

ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้เกี่ยวกับการเลื้ยงลูกมากๆ เลยครับ...

ขอแชร์พฤติกรรมเจ้าตัวเล็กแล้วกันครับ ตอนนี้ 1 ขวบกับอีก 5 เดือน
=> เขาจะชอบเดินสำรวจ ค้นหา ทั่วบ้านเลยครับ เราก็เลยต้องระวังเกี่ยวกับสิ่งที่อาจเป็นอันตรายแก่เจ้าตัวเล็กเป็นพิเศษ เช่น ของมีคม ปลั๊กไฟ พัดลม ของที่แตกง่าย เป็นต้น
=>เขาจะชอบปีนไต่ เช่น บันได โซฟา เป็นต้น ส่วนนี้ต้องระวังพลัดตกได้ และเวลาเรานอนคว่ำ เขาจะชอบมาขี่หลังเรา เล่นกันสนุกดี ^_^
=>ช่วงนี้เขาจะติดแม่มากเป็นพิเศษ แม่ต้องอยู่บริเวณที่เขามองเห็น แต่บางครั้งเราก็ชวนเค้าเล่นก็เพลินไป ลืมแม่ไปชั่วขณะ พอนึกขึ้นได้ ก็จะเดินสำรวจว่าแม่อยู่ที่ไหน อาจเนื่องจากกลัวการพรัดพรากจากแม่
=>ช่วงนี้กำลังฝึกพูด อันนี้ อันนั้น ขอ พยายามสื่อสารกับเรา ใกล้คุยกันรู้เรื่องแล้ว ^_^
=> และช่วงนี้ก่อนนอนจะชอบให้เราหยอกเล่น กอดเล่น กลิ้งเล่นบนที่นอนแล้วค่อยหลับ (ก่อนหน้านี้ต้องร้องเพลงเบาๆ แล้วเอามือตบเบาๆ แล้วค่อยหลับ)

[theenuch]

ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้เกี่ยวกับการเลื้ยงลูกมากๆ เลยครับ...

ขอแชร์พฤติกรรมเจ้าตัวเล็กแล้วกันครับ ตอนนี้ 1 ขวบกับอีก 5 เดือน
=> เขาจะชอบเดินสำรวจ ค้นหา ทั่วบ้านเลยครับ เราก็เลยต้องระวังเกี่ยวกับสิ่งที่อาจเป็นอันตรายแก่เจ้าตัวเล็กเป็นพิเศษ เช่น ของมีคม ปลั๊กไฟ พัดลม ของที่แตกง่าย เป็นต้น
=>เขาจะชอบปีนไต่ เช่น บันได โซฟา เป็นต้น ส่วนนี้ต้องระวังพลัดตกได้ และเวลาเรานอนคว่ำ เขาจะชอบมาขี่หลังเรา เล่นกันสนุกดี ^_^
=>ช่วงนี้เขาจะติดแม่มากเป็นพิเศษ แม่ต้องอยู่บริเวณที่เขามองเห็น แต่บางครั้งเราก็ชวนเค้าเล่นก็เพลินไป ลืมแม่ไปชั่วขณะ พอนึกขึ้นได้ ก็จะเดินสำรวจว่าแม่อยู่ที่ไหน อาจเนื่องจากกลัวการพรัดพรากจากแม่
=>ช่วงนี้กำลังฝึกพูด อันนี้ อันนั้น ขอ พยายามสื่อสารกับเร ใกล้คุยกันรู้เรื่องแล้ว ^_^ (ลุ้นๆ เอาใจช่วยค่ะ)
=> และช่วงนี้ก่อนนอนจะชอบให้เราหยอกเล่น กอดเล่น กลิ้งเล่นบนที่นอนแล้วค่อยหลับ (ก่อนหน้านี้ต้องร้องเพลงเบาๆ แล้วเอามือตบเบาๆ แล้วค่อยหลับ)

เป็นอีกบ้านที่มีลูกชายคู่ "น้องภูมิ" กับ "น้องเพชร" ยังอายุห่างกันมากกว่าของน้องสายชลนิดนึง....บ้านนั้น "ไทเกอร์" กับ "สิงโต" อายุใกล้กันมากๆ เลยยากหน่อย

อ่านสีน้ำเงินแล้วนึกภาพตามเลยค่ะ...ในวันที่เหนื่อยๆ แต่ช่วงเวลาแบบนี้...ทำให้พ่อแม่อย่างพวกเราหายเหนื่อยและกลับมามีเรี่ยวมีแรงได้มากนะคะ

[theenuch]

อุปนิสัย VI_คุณธันวา เลาหศิริวงศ์
(ชวนอ่านโดย...Team Money Talk 4)
...............................
ขอขอบพระคุณ “คุณธันวา เลาหศิริวงศ์”
ที่กรุณาส่งต้นฉบับให้ fb money talk ด้วยค่ะ
.............................
คุณธันวา แนะนำ “4 อุปนิสัย” ที่นักลงทุน VI (ที่ดี) ควรมี
และยังเพิ่มเติมให้ว่า นอกจากอุปนิสัยที่ดีแล้ว นักลงทุนที่ดี
ควรรู้จัก “สิทธิ” ในฐานะผู้ถือหุ้น ....แต่ทั้งนี้ ควรควบคู่
ไปกับการรู้จัก “หน้าที่” ด้วยนะคะ (เอ๊ะ...เรามีหน้าที่
ด้วยหรือนี่ ?...ผู้อ่านหลายท่านอาจสงสัยในใจ ) ^__*
.............................
ท่ามกลางกระแสธารของข้อมูลที่หลั่งไหลมาไม่ขาดสาย
เร็วและแรง... จนบางครั้งเคยรู้สึกว่าเลือกไม่ถูกและไม่ทัน
พออ่านรายละเอียดประกอบบทความนี้ แล้วรู้สึกว่าเรา
ได้ “หลักยึด” เพื่อไม่ให้ล่องไหลไปกับกระแสธารข้อมูล
จนผิดทิศทางและเสียเวลาเปล่าค่ะ....นอกเหนือจากเนื้อหา
ที่มีประโยชน์แล้ว คุณธันวา ให้หลักในการ “กรองข้อมูล”
ไว้มีประโยชน์อย่างยิ่งเลยค่ะ คิดว่าผู้อ่านน่าจะรู้สึกได้เช่นกัน
..............................
ตาม link เพื่อไปอ่านฉบับเต็มที่เว็บไซต์ thaivi.org กันเลยค่ะ
.........................
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=7&t=57303

คุณธันวา.jpg

[saichon]

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำเรื่องการเลี้ยงลูกของพี่ๆแต่ละท่านครับ
เป็นคำแนะนำที่ดีและเป็นการเปิดโลกทรรศน์เรื่องนี้ให้ผมได้มากทีเดียวครับ

ไหนๆก็คุยเรื่องนี้แล้วขออีกซักคำถามน๊ะครับ
คราวนี้เป็นเรื่องของคนเล็กที่อายุ 1.5 ปี (อายุเท่ากับน้องเพชร ลูกของพี่ปลูกหุ้นกินผลเลยครับ)
คนเล็กของผมนี่แกหัวไว เรียนรู้เรื่องต่างๆได้เร็ว(สงสัยได้แม่)
แต่ผมเข้าใจว่าแกน่าจะเป็นคนอารมณ์ร้อนหน่อย
หากโดนขัดใจหรือไม่พอใจจะโวยวายและร้องเสียงดังไม่ค่อยยอมอะไรง่ายๆ
ก่อนหน้านี้ผมจะใช้แผนเดิมที่เคยใช้ได้ผลกับคนโต คือการเบี่ยงเบนความสนใจ,เปิดเพลงโมสาร์ทให้ฟัง
และลองใช้วิธีรีบอุ้มมากอดอย่างที่พี่ๆแนะนำ
ตอนนี้ได้ผลระดับหนึ่งแล้วครับ แต่ผมว่าเรื่องอารมณ์ขี้โมโหของแกน่าจะยังอยู่
ไม่ทราบพี่ๆแต่ละท่านมีแนวทางแก้ไขเรื่องอารมณ์ของลูกอย่างไรบ้างครับ

แฮ่...
ผมเอาเฉพาะเรื่องที่คิดว่าจะเป็นปัญหาในการเลี้ยงลูกมาเล่าน๊ะครับ
เรื่องดีๆของพวกแกก็พอมีครับ เดี๋ยวพี่ๆจะว่าครอบครัวนี้มีปัญหาแหง๋ๆไป ฮ่า...

[theenuch]

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำเรื่องการเลี้ยงลูกของพี่ๆแต่ละท่านครับ
เป็นคำแนะนำที่ดีและเป็นการเปิดโลกทรรศน์เรื่องนี้ให้ผมได้มากทีเดียวครับ

ไหนๆก็คุยเรื่องนี้แล้วขออีกซักคำถามน๊ะครับ
คราวนี้เป็นเรื่องของคนเล็กที่อายุ 1.5 ปี (อายุเท่ากับน้องเพชร ลูกของพี่ปลูกหุ้นกินผลเลยครับ)
คนเล็กของผมนี่แกหัวไว เรียนรู้เรื่องต่างๆได้เร็ว(สงสัยได้แม่)
แต่ผมเข้าใจว่าแกน่าจะเป็นคนอารมณ์ร้อนหน่อย
หากโดนขัดใจหรือไม่พอใจจะโวยวายและร้องเสียงดังไม่ค่อยยอมอะไรง่ายๆ
ก่อนหน้านี้ผมจะใช้แผนเดิมที่เคยใช้ได้ผลกับคนโต คือการเบี่ยงเบนความสนใจ,เปิดเพลงโมสาร์ทให้ฟัง
และลองใช้วิธีรีบอุ้มมากอดอย่างที่พี่ๆแนะนำ
ตอนนี้ได้ผลระดับหนึ่งแล้วครับ แต่ผมว่าเรื่องอารมณ์ขี้โมโหของแกน่าจะยังอยู่
ไม่ทราบพี่ๆแต่ละท่านมีแนวทางแก้ไขเรื่องอารมณ์ของลูกอย่างไรบ้างครับ

แฮ่...
ผมเอาเฉพาะเรื่องที่คิดว่าจะเป็นปัญหาในการเลี้ยงลูกมาเล่าน๊ะครับ
เรื่องดีๆของพวกแกก็พอมีครับ เดี๋ยวพี่ๆจะว่าครอบครัวนี้มีปัญหาแหง๋ๆไป ฮ่า...

เข้าใจจ้าไม่มองว่าเป็นปัญหาหรอก

เด็กวันนี้มีพัฒนาการในแต่ละเดือนเร็วมาก (เมื่อเทียบกับตัวเค้าเองค่ะ)
จากวันที่เคยทำอะไรเองไม่ได้มาเป็น เดินได้คล่อง วิ่งได้ กำลังจะสื่อสารได้อีก
แต่ยังไม่ถนัดซักอย่างในความรู้สึกของตัวเค้าเองค่ะ...บ่อยครั้งน่าขัดใจ (เขารู้สึกขัดใจของเขาเองในตัวอยู่แล้ว..เหมือนครึ่งๆ กลางๆ ในตัวเอง)
คล้ายๆ
เวลาเด็กเล็กต้องจากแม่ไปเข้าโรงเรียน
เด็กประถมจะเปลี่ยนเป็นวัยรุ่น
เด็กมหาวิทยาลัยเรียนจบ จะไปทำงานเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
หรือแม้แต่ผู้ใหญ่จะเปลี่ยนงาน จะแต่งงาน หรือจะเข้าวัยทองค่ะ

ถือเป็นช่วงวิกฤตินึงในชีวิตของเขาเอง
แต่มันจะมีวิธีให้ผ่านแต่ละวิกฤติได้ด้วยดีค่ะ

แต่ในเด็กเล็กๆ ยังไม่สามารถสื่อสารได้วิธีที่ทำได้คือออกๆ แนวโมโห เจ้าอารมณ์
แม้แต่เด็กที่ฐานนิสัยเป็นคนใจเย็นก็ยังเป็น แต่เด็กที่มีแนวโน้มจะเจ้าอารมณ์อาจเป็นมากกว่า
แต่ก็อย่าเพิ่งไปตัดสินเข้านะคะ...ว่าเขาจะเจ้าอารมณ์

และเดี๋ยว 18 เดือน จะเป็นช่วงหัดปฏิเสธอีก "พูดคำว่า "ไม่" ทั้งวัน
แม้แต่อยากให้พาออกไปข้างนอก ลองถามว่าจะไปข้างนอกมั้ย
ยังลืมตัวตอบว่า "ไม่" เลยค่ะ...ลองดู
และในวัยสองขวบถึงกับมีศัพท์ทางวิชาการเรียก
"การร้องอาละวาด" ว่า "Temper Tantrums" เลยค่ะ

ก่อนอื่นบอกไว้ก่อนว่าเป็นลักษณะประจำวัย
แต่...ไม่ใช่ว่าพอ่แม่ควรปล่อย หรือไม่ทำอะไรเลยนะคะ
มีวิธีดีๆ ค่ะ...ว่างๆ พี่ค่อยมาตอบต่อนะน้องสายชล

[saichon]

ก่อนอื่นบอกไว้ก่อนว่าเป็นลักษณะประจำวัย
แต่...ไม่ใช่ว่าพอ่แม่ควรปล่อย หรือไม่ทำอะไรเลยนะคะ
มีวิธีดีๆ ค่ะ...ว่างๆ พี่ค่อยมาตอบต่อนะน้องสายชล

คนอะไรใจดี๊ดี..
จะรออ่าน แต่เอาเท่าที่พี่สะดวก อย่าถึงขั้นต้องเป็นภาระของพี่ไปน๊ะครับ

[Nevercry.boy]

ขอบคุณ คุณนุช มากครับ
ผมตามอ่านอยู่ครับ

[theenuch]

จ่ายให้ตัวเองก่อน (Theenut_Team Money Talk 4)
.................................
วันก่อนมีน้องที่คุ้นเคย มาถามว่า “ทำยังไงจะเก็บเงินอยู่?”
เธอเล่าพลางโชว์ลายมือ “หมอดูบอกเก็บเงินไม่อยู่...ท่าจะจริง”
แนะนำหลักการสำคัญมากไปข้อนึง คือ “จ่ายให้ตัวเองก่อน”
(ทำหน้าฉงนขั้นสุด) “มีด้วยหรอพี่...คนที่ไม่จ่ายให้ตัวเองก่อน
หนู “จ่ายให้ตัวเองก่อน” ประจำ ก่อนโอนให้ที่บ้านอีกนะ”
(มีแอบสารภาพว่า...บางเดือน...แม่ต้องโอนกลับมาให้ ^_* )
..............................
เล่าไปยิ้มไป...ดูมีความสุขมากๆ ”สิ้นเดือน พอเงินออกปุ๊บ
ไม่สนอะไรแล้ว เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า จัดไป ช้อปกระจาย
ซื้อให้ตัวเองทั้งนั้น ลำพังตัวเองยังจะไม่พอจะซื้อให้คนอื่นทำไม?”
(อืม..นั่นสิ) “ยิ่งศุกร์สิ้นเดือนนะพี่ กินดีอยู่ดีเกิ๊น!...ขาวอวบอยู่เนี่ย”
................................
ตรวจสอบความเข้าใจซักหน่อยดีกว่าค่ะ....“จ่ายให้ใครนะ?”
“ก็จ่ายให้ตัวเองไง”.......“คิดดีๆ...หยิบเงินไปจ่ายให้ใครกันแน่?”
“พี่หมายถึงแม่ค้าหรอ?” “โห...พี่กวนป่าวเนี่ย?” เงียบ ทิ้งให้คิด
”ใช่แล้วพี่...ไม่ได้จ่ายให้ตัวเองนี่นา จ่ายให้แม่ค้าเต็มๆ เลย (หุ หุ)
แต่พออธิบายให้เข้าใจ...น้องเค้าก็พยายามและทำได้ค่ะ...น่าชื่นชม
...................................
คงไม่ต้องขยายความมากนะคะ เชื่อว่าแฟนๆ fb Money Talk
เข้าใจหลักการ “จ่ายให้ตัวเองก่อน” อย่างดีอยู่แล้วค่ะ..ว่า
ทันทีที่เงินเดือนออก หรือมีรายรับเข้า ต้องหักไว้ก่อนเลย
...................................
โดยส่วนตัวทำแบบในภาพค่ะ ...คือจ่ายให้ตัวเองก่อน เพื่อให้ตัวเองนำไปจ่ายหนี้ระยะยาว (ผ่อนบ้าน) กันไว้ใช้ยามฉุกเฉิน และเอาไปลงทุนให้งอกเงย เหลือจากนั้นจึงนำไปใช้จ่าย (ใช้ไม่หมดอีก...แบบนี้เรียก “ใช้เงินไม่เป็นใช่มั้ยคะ?”)
แต่เชื่อหรือไม่...มีคนรอบๆ ตัวเราที่ยังไม่เข้าใจหลักการข้อนี้
อีกมาก....ดังนั้น “เรื่องนี้ต้องขยาย” ค่ะ พวกเราช่วยกันนะคะ ^_*
...................................

pay yorself first.jpg

[theenuch]

ก่อนอื่นบอกไว้ก่อนว่าเป็นลักษณะประจำวัย
แต่...ไม่ใช่ว่าพอ่แม่ควรปล่อย หรือไม่ทำอะไรเลยนะคะ
มีวิธีดีๆ ค่ะ...ว่างๆ พี่ค่อยมาตอบต่อนะน้องสายชล

คนอะไรใจดี๊ดี..
จะรออ่าน แต่เอาเท่าที่พี่สะดวก อย่าถึงขั้นต้องเป็นภาระของพี่ไปน๊ะครับ

ค่ะน้องสายชล...จะทยอยๆ นะ

ขอบคุณ คุณนุช มากครับ
ผมตามอ่านอยู่ครับ

ขอบคุณ คุณ NB ด้วยค่ะ

[theenuch]

ชวนฟัง clip ให้สัมภาษณ์...รายการห้องรับแขก Sweet FM ค่ะ
ขอขอบคุณ "คุณปุ๊ก_อรอุมา เกษตรพืชผล"
ที่ให้เกียรติไปเยี่ยมห้องรับแขกค่ะ

ทางรายการตั้งชื่อตอนให้ว่า "แม่บ้านนักลงทุน VI" มี 5 ตอน
พูดเรื่องลงทุนไม่เก่งเหมือนเดิม แต่ฟังแล้วน่าจะได้ประโยชน์
เรื่องการออม และการบริหารเงิน...จึงนำมาฝากค่ะ

บอกไว้ก่อนว่า "บ้านน๊อก บ้านนอก" แต่น่าจะเป็นกำลังใจ
ให้กับคนที่เริ่มต้นชีวิตแบบธรรมดาๆ ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองได้บ้างค่ะ ^_*
(ที่สำคัญ port ยังไม่โตจนห่างจากเพื่อนๆ นัก...ยังอาจตามทันหรือแซงได้ค่ะ..สู้ สู้)

https://www.facebook.com/theenuch/posts ... tif_t=like

[theenuch]

กลยุทธการลงทุนในหุ้นถูก_ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
(ชวนอ่านโดย_Team Money Talk 4)
.........................

ดร.นิเวศน์ 3.jpg

ปกติจะไม่อ่านข้อความยาวๆ ผ่านมือถือค่ะ เพราะสายตาเริ่มยาว
แต่เมื่อวันเสาร์ ทันทีที่ได้รับ mail ต้นฉบับจากอาจารย์ ดร.นิเวศน์
“กลยุทธการลงทุนในหุ้นถูก” นั่งเพ่งจนจบในคราวเดียวค่ะ
น่าจะถูกใจผู้ที่ถือเงินสดอยู่แต่ไม่กล้าเข้า และกำลังมองหา
“แหล่งพักเงิน” ในภาวะที่หุ้นดีๆ ที่ควรถือลงทุนระยะยาว
ดูเหมือนไม่เหลือ Margin Of Safety (MOS) แล้ว ถ้าเข้าซื้อตอนนี้
.......................

อาจารย์ท่านได้ให้ความกระจ่างไว้ในบทความว่า.......
“มันเป็นการเลือกที่เรียกว่า “Second Best” คือไม่มี
ทางเลือกที่ดีกว่านี้ และจริง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ตนเองชอบ
หรือถนัด แต่มันยังดีกว่าการเก็บเป็นเงินสดไว้ในธนาคาร”

จริงอยู่นักลงทุนไม่ถนัดลงทุนในหุ้นทุกกลุ่ม ซึ่งอาจารย์ท่านคง
อ่านใจนักลงทุนได้ ท่านจึงวิเคราะห์ให้เป็นทางเลือกไว้หลายกลุ่ม
แต่ต้องไม่ลืมวัตถุประสงค์ ที่ท่านเขียนบทความนี้แต่ต้นนะคะ

ซึ่งอาจารย์ท่านได้บอกไว้ชัดเจนว่า..........
“สำหรับผมแล้ว นี่คือการลงทุนที่อาจจะไม่ “ถาวร” แต่พร้อมที่จะ
เปลี่ยนแปลงได้ และดังนั้น มันจะไม่ใช่ส่วนใหญ่ของพอร์ตของเรา”
............................

อาจกล่าวได้ว่าถ้ามีทางเลือกที่ดีกว่า หุ้นกลุ่มนี้จะไม่ใช่กลุ่มแรก
ที่ท่านจะเลือกลงทุน เพราะอะไร? อ่านคำอธิบายโดยละเอียด
ของอาจารย์ได้ที่เว็บไซต์ thaivi.org ตาม link นี้ค่ะ

http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 2#p1604642

[theenuch]

อย่า “ลืมนึกถึง” สิ่งเหล่านี้ (Team Money Talk 4)
..................................
มีหลายประเด็นเกี่ยวกับการเงินที่...”ลืมนึกถึง” แล้วมีผล
ให้ต้องเดือดร้อนในภายหลังได้...มีอะไรบ้าง...มาดูกันค่ะ
...............................
เวลาไปดูบ้านหรือคอนโด ทางโครงการมักจะทำตาราง
แสดงการผ่อนดาวน์ และผ่อนชำระต่อเดือนไว้ เช่น
20 ,25 หรือ 30 ปี เจอแบบนี้บางคนคิดว่าผ่อนไหว
ถ้าเจอโปรโมชั่นดีๆ โดยเฉพาะที่ต้องแข่งกับเวลา
เช่น ทั้งลดทั้งแถมไม่กี่หลังช่วงเปิด หรือปิดโครงการ
อาจประเมินเร็วๆ ตามตารางที่เห็น และตัดสินใจจอง
ทำสัญญา และผ่อนดาวน์เร็วไป (ขอบอกว่า...คนขาย
ไม่ค่อยเตือนหรอกค่ะ..ยิ่งเห็นเราสนใจยิ่งเชียร์)
.................................
ในคนที่อายุมากต้องระวังค่ะ...เพราะธนาคารมักกำหนดว่า
“ระยะเวลากู้นานสูงสุด 30 ปี และ ระยะเวลาผ่อนชำระรวมอายุ
ผู้กู้แล้วต้องไม่เกิน 65 ปี หรือไม่เกิน 70 ปี (กรณีเป็นเจ้าของกิจการ)”
..............................
หมายถึง...ถ้าอายุยิ่งมาก...จำนวนปีที่ผ่อนชำระยิ่งสั้นลง
เช่น ถ้าอายุ 50 ปี จะต้องผ่อนหมดภายใน 15 ปี เท่านั้น
ส่งผลให้ “ยอดผ่อนชำระต่อเดือน” สูงขึ้นมาก บางคน
ผ่อนดาวน์เสร็จก็กู้ไม่ผ่านด้วยเหตุผลตามที่เล่ามา
เดือดร้อนต้องมาประกาศขายแบบรีบๆ มิฉะนั้นจะ
ถูกยึดเงินดาวน์ทั้งหมดที่ได้จ่ายไป...ทำให้เสี่ยงต่อการ
ต้องขายแบบรีบๆ และเสียเปรียบคู่เจรจาในที่สุดค่ะ
(ที่พลาดเพราะ..อายุมากจะเงินเดือนสูง เทียบกับตาราง
จะรู้สึกว่ายอดผ่อนต่อเดือนในตาราง..ช่าง ขำๆ เสียจริง
ต้องไม่ลืมว่าตัวเลขที่เห็นคือผ่อนยาว..สำหรับคนอายุน้อยๆ)
ที่พบบ่อยมักกู้ซื้อบ้านหลังที่สอง..หลังแรกยังผ่อนไม่หมดค่ะ
.....................................
และถ้ากู้ผ่านแต่ต้องผ่อนถึงอายุ 65 ปี ต้องไม่ลืมคิดว่า
หลังเกษียณ รายรับหมดลง แต่หนี้ระยะยาวจากการ
ผ่อนบ้านยังอยู่...จะผ่อนต่อด้วยเงินส่วนไหน มองไกลๆ ค่ะ
...................................
ยังมีเรื่องที่ ”ลืมนึกถึง” แล้วจะก่อความเสียหายภายหลัง
อีกหลายเรื่อง....จะทยอยมาเล่าเรื่อยๆ นะคะ ^_*

[theenuch]

เงินของเรา (มีค่า) ไม่เท่ากัน (Team Money Talk 4)
...................................

หลายท่านเริ่มเดา...สงสัยจะเขียนถึงอัตราแลกเปลี่ยนแน่ๆ เลย
เดาไม่ถูกค่ะ...เขียนถึง “เงินบาท” ที่ใช้อยู่ในประเทศเรานี่แหละค่ะ
..................................

เชื่อหรือไม่.....เงิน 100 บาท ของพวกเรา (มีค่า) ไม่เท่ากันค่ะ
100 บาท ของมนุษย์เงินเดือนเสียภาษีอัตรา 10 % เหลือ 90 บาท
แต่ถ้านำไปซื้อ LTF จะมีค่า 110 บาท (ไม่นับปันผล และมูลค่าวันขาย)

100 บาท ของคนที่สะสมให้หุ้นปันผล 7 % มีค่า 107 บาท
(ไม่นับ Capital Gain_หรือในทางกลับกัน...หากเลือกหุ้นผิด)

100 บาท ของคนที่ผ่อนบ้าน ดอกร้อยละ 5 เหลือค่า 95 บาท
จ่ายหนี้บัตรเครดิตที่มียอดค้างชำระไป 100 หนี้ลดไม่ถึง 100
.................................

ซื้อล็อตเตอรี่ได้ 1 คู่ (80 ขาย 100_โดนไป 25% ทันใด) เพิ่มค่า
ทวีคูณขึ้นกับรางวัลที่ถูก “แต่! เป็น 0 ในพริบตา ถ้าไม่ถูกซักรางวัล!”
100 บาท ซื้อหนังสือนิทานมาอ่านให้ลูกฟัง ได้ความผูกพันและ
คุณธรรมจริยธรรมติดตัวลูกไปจนตาย ประเมินมูลค่าไม่ได้ค่ะ
.................................

“เวลา” เพิ่มมหัศจรรย์ของการทบต้นไม่ว่า “ดอกเบี้ยเงินฝากทบต้น”
และ “ปันผลทบต้น” ไม่เว้นแม้แต่ “ดอกเบี้ยเงินกู้ทบต้น” นะ..อย่าลืม!
ฝากเงินได้ดอก 2.5% ข้าวแกง ขึ้นราคาจาก 30 เป็น 40 ( 33.33%)
น้ำปั่นตลาดนัด ขึ้นจาก 20 เป็น 25 (25%)...(ไหนว่าเงินเฟ้อ 3% ไง)
................................

ถ้าพูดได้ “เงินของเรา” คงพูดว่า ”ถ้ารักเรา...ซื้อหนังสืออ่านเพิ่มความรู้
แล้วใช้เราไปทำงานหนักๆ บ้างนะ..เราอยากมีค่าเพิ่มให้ทัน “ข้าวแกง”

คิดไปคิดมาสนุกดีค่ะ....”เงินของพวกเรา...มีค่าเท่าไหร่กันนะ ?” ^_*

เงินมีค่าไม่เท่ากัน.png

[Nutth147]

[youtube]http://youtu.be/wF4UOjvGd2A[/youtube]

คิดว่าเหมาะกับ พี่นุช และ คุณลูกครับ .... แอบสงสัยว่าคนในบอร์ดอาจเป็นคนส่งไป

[theenuch]

[youtube]http://youtu.be/wF4UOjvGd2A[/youtube]

คิดว่าเหมาะกับ พี่นุช และ คุณลูกครับ .... แอบสงสัยว่าคนในบอร์ดอาจเป็นคนส่งไป

[youtube]wF4UOjvGd2A[/youtube]
ขอบคุณค่ะ น้อง Nutth147 ดูไม่ได้แต่อยากดูเลยต้องรีบมาช่วยทำค่ะ

[youtube]http://youtu.be/wF4UOjvGd2A[/youtube]

วิธีการคือเราต้องตัดสีแดงนั้นออกค่ะ...พี่เคยเป็นเหมือนกัน แรกๆ ที่หัด post youtube ในนี้ค่ะ
ลองแก้แล้วแก้อีกและ preview อยู่เป็นนานสองนานค่ะ...กว่าจะได้

ไม่น่าจะใช่ case พี่กับลูกเนอะ...
แต่พี่เห็นด้วยว่า...ถ้าใครทำตาม vdo ที่น้อง Nutth147 แนะนำจริงก็จะได้ประโยชน์มากๆ ค่ะ

พี่นำ VI สายดำตอนพี่ไปออกมาฝากด้วยดีกว่าค่ะ
แต่พี่พูดไม่เก่งเหมือนใน vdo นั้นนะคะ..(มือสมัครเล่น+ตื่นเต้น)
ไม่เก่งทั้งเรื่องลงทุน..ทั้งเรื่องแนะนำการออมไม่ได้พูดแบ่งสัดส่วนที่ถูกต้อง
แบบที่มืออาชีพเค้าแนะนำเลยค่ะ...พอเบรค น้องๆ ยังบอกว่าพี่ไม่ยอมแบ่งสัดส่วนให้

สังเกตดีๆ น้องเค้าพยายามจะถามมากๆ เลยค่ะ....แต่พี่ไม่ Get
แต่ถึง GET ก็คงพูดไม่ได้ เพราะพี่ไม่ได้แบ่งสัดส่วนตามทฤษฎีการออม
ที่นักวางแผนการเงินใช้กันน่ะค่ะ...ของพี่อาจพอเป็นประโยชน์ระดับนึง
แต่น่าจะยึดตามที่ น้อง Nutth147 แนะนำมาเป็นหลักน่าจะดีกว่าค่ะ

[youtube]zTcNEpYiiWc[/youtube]

[Nutth147]

เรื่องนี้ผมประสบกับตัวเองเลยครับ (คล้ายๆ)

คือ แม่ผมนี้ท่านเตรียมเงินเพื่อผมจะไปศึกษาต่อเมืองนอกไว้ให้ก่อนหนึ่ง ( มาเล หรือ สิงค์โปร ) แต่ปรากฏว่าผมสอบเอ็นท์เมืองไทย และขณะที่เรียน มหาลัยมีทุนให้ด้วย ค่าเทอมผมตก เทอมละ 5500 บาทครับ

แม่ผมกลับนำเงินนั้นไปลงทุนในอสังหาให้เอง .... ไม่น่าเชื่อครับ 10 ปีผ่านไป อสังหาชินนั้นสร้างผลตอบแทนใช้ได้เลยครับ

และต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ผมถึงมาตระหนักว่าคนแรกที่สอนให้ผมเห็นถึง พลังของการถือยาว(ทบต้น) คือ แม่ผมนี้เอง ( พี่นุชเปิดพอร์ทให้ลูกดู ส่วนผมได้รับโฉนท ที่มีรายละเอียด ราคาเริ้มต้นและการจัดการในช่วงนั้น)

ท่านอาจไม่ใช้นักลงทุนในหุ้น แต่ก็ทำให้ผมเห็นได้ว่า " เวลา " มีค่าแบบนี้นี้เอง

ปล เรื่อง ยูทูป ขอบคุณมากครับบบบ

[theenuch]

เรื่องนี้ผมประสบกับตัวเองเลยครับ (คล้ายๆ)

คือ แม่ผมนี้ท่านเตรียมเงินเพื่อผมจะไปศึกษาต่อเมืองนอกไว้ให้ก่อนหนึ่ง ( มาเล หรือ สิงค์โปร ) แต่ปรากฏว่าผมสอบเอ็นท์เมืองไทย และขณะที่เรียน มหาลัยมีทุนให้ด้วย ค่าเทอมผมตก เทอมละ 5500 บาทครับ

แม่ผมกลับนำเงินนั้นไปลงทุนในอสังหาให้เอง .... ไม่น่าเชื่อครับ 10 ปีผ่านไป อสังหาชินนั้นสร้างผลตอบแทนใช้ได้เลยครับ

และต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ผมถึงมาตระหนักว่าคนแรกที่สอนให้ผมเห็นถึง พลังของการถือยาว(ทบต้น) คือ แม่ผมนี้เอง ( พี่นุชเปิดพอร์ทให้ลูกดู ส่วนผมได้รับโฉนท ที่มีรายละเอียด ราคาเริ้มต้นและการจัดการในช่วงนั้น)

ท่านอาจไม่ใช้นักลงทุนในหุ้น แต่ก็ทำให้ผมเห็นได้ว่า " เวลา " มีค่าแบบนี้นี้เอง

ปล เรื่อง ยูทูป ขอบคุณมากครับบบบ

เยี่ยมเลยค่ะ...พี่ว่าแม่ของน้อง Nutth147 เก่งและมีวิสัยทุศน์ที่ดีมากค่ะ
ชื่นชมมาตั้งแต่เรื่องการให้ไปบวชสามเณรที่ออสเตรเลียแล้วค่ะ
พอมาทราบเพิ่มเติมเรื่องนี้อีกยิ่งประทับใจค่ะ

พี่ว่าสิ่งที่น้อง Nutth147 เล่ามานี่ เป็นกำลังใจสำหรับคนที่มีลูกเล็กๆ เลยนะคะ
ให้ได้รู้ว่า เรื่องวางแผนการเงิน ถ้าคนใกล้ตัวทำให้ดู จะได้ผลมากกว่าคนอื่นสอนแน่นอน

และยังมาช่วยกันยืนยันเรื่องของ "เวลา" ที่ทำให้ทุกๆ อย่างทบต้นได้ทั้งหมด
พี่ว่าสมัยนั้นยังไม่ค่อยมีคนลงทุนแพร่หลายเหมือนสมัยนี้นะคะ
ถ้าได้มีโอกาสรู้จักการลงทุนในหุ้ร....พี่เชื่อว่าแม่ของน้อง Nutth147
ต้องเป็นนักลงทุนที่ดีมากๆ คนนึงเลยทีเดียวค่ะ

ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันนะคะ...คิดว่าเพื่อนๆ ได้ประโยชน์มากแน่นอนค่ะ

[Nutth147]

ผมมาขอยืนยันในฐานะลูก (ที่วันนี้โตแล้ว 55555 )

ว่าของแบบนี้ ถึงจุดหนึ่งลูกจะเกิดการตกผลึกและเข้าใจครับ แต่มันจำเป็นต้องใช้เวลาในการแสดงผลครับ

ยอมรับว่าก่อนจะคิดได้ ผมมองแม่ผมเฉยๆมาก เพราะท่านธรรมดามาก ถ้าเทียบกับคนอื่น
แต่พอเรามองครบทุกมุม ท่านทำงานแค่ราว 20 ปี ก็เกษียญตัวเองได้ โดยไม่มีความจำเป็นต้องอาศัยเงินผมเลย
แถมยังสามารถสร้าง สินทรัพย์ เพื่อคนอื่นและแบ่งบางส่วนมาทำบุญได้ด้วยครับ

สิ่งที่ตลก คือ .... ช่างเป็นเรื่องจริงมากที่ว่าสิ่งที่ดีที่สุดมักอยู่รอบตัวเรา สำคัญว่าเราจะมองเห็นมันหรือเปล่า

[theenuch]

“คาถา_การออม” ท่องไว้ (Team Money Talk 4)
DCA ใน DCA
................................

“เทคนิคลงทุนหุ้น แบบ VI มือใหม่” อาจารย์ ดร.นิเวศน์ ท่านกล่าวว่า
ถ้าเราเลือกลงทุนในกิจการที่มี “ความสามารถในการแข่งขันระยะยาว”
(DCA_Durable Competitive Advantage ) แน่นอนว่ากิจการจะมี
“รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ปันผลเพิ่ม” เราจึงนำมาท่องเป็น “คาถาลงทุน”
เพื่อใช้พิจารณา บริษัทที่เราจะนำ “เงินเย็น” ของเราเข้าไปลงทุนด้วย
................................

วันนี้มี “คาถา_การออม” มาฝากค่ะ จากการที่ขยันออมเงินมาทั้งชีวิต
ก่อนลงทุนในหุ้น “รายได้เพิ่ม เงินออมเพิ่ม ดอกเบี้ยเพิ่ม” (น้อยเกิ๊น!)
พอมาลงทุนในหุ้นเปลี่ยนเป็น “รายได้เพิ่ม สะสมหุ้นเพิ่ม ปันผลเพิ่ม”
อยากได้ “ปันผลมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก” ”พอเลี้ยงตัวได้ยามเกษียณ”
รายได้เพิ่ม จึงซื้อหุ้นสะสมเอง แบบ DCA (Dollar Cost Average)
ในกิจการที่มี DCA (Durable Competitive Advantage ) นั่นเองค่ะ
...............................

สมมติว่าใครคนหนึ่งทำ DCA หุ้น A ซึ่งเป็นกิจการที่มี DCA ถือมา 3 ปี
(จะถือไปเรื่อยๆ ถ้าพื้นฐานของกิจการยังไม่เปลี่ยน และมีแนวโน้มดีขึ้น)
ปีที่ 3 หุ้น A (55 บ./หุ้น) ปันผล 4.25 /หุ้น (7.73%) มีอยู่ 5,000 หุ้น
ปันผล (4.25 x 5,000) = 21,250 บาท ซื้อเพิ่มอีก 1,000 (65 บ./ หุ้น)
(65,000 - ปันผล 21,250) = เพิ่มเงิน 43,750 บาท (3,645.83/เดือน)
หุ้นเพิ่มเป็น 6,000 หุ้น (ราคาเฉลี่ย เพิ่มเป็น 56.67 /หุ้น (ซื้อแพงขึ้นเล็กน้อย) )
ปีที่ 4 หุ้น A (56.67 /หุ้น) ปันผล 4.85 /หุ้น (8.56%) มีอยู่ 6,000 หุ้น
ปันผล (4.85 x 6,000 )=29,100 บาท เพิ่มจากปีก่อน อีก 7,850 บาท
(จากบริษัท A “รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม” ปันผลเพิ่ม จาก 4.25 เป็น 4.85)
และจากซื้อหุ้นเพิ่ม.เงินออมในหุ้น = 340,000 บาท (ถูกกว่า ECO car)
.............................

โบนัสออก..ไปดาวน์บ้าน..ไม่ซื้อเพิ่ม.แต่หุ้น A กิจการดีวันดีคืน..ก็ปันผลเพิ่ม
ปีที่ 5 หุ้น A (56.67 /หุ้น) ปันผล 5.45/หุ้น (9.62 %) มีอยู่ 6,000 หุ้น
ปันผล (5.45 x6,000) =32,700 บาท เพิ่มจากปีที่ 3 อีก 11,450 บาท
(บริษัท A “รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม” ปันผลเพิ่ม จาก 4.85 เป็น 5.45)
.............................

อยากได้ “ปันผลมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก” (ยังไม่นับเครดิตภาษี )
ถ้าหวังแค่นั้น..หุ้น A ที่สมมติให้ดูแบบหยาบๆ พอจะ “ตอบโจทย์” ได้ค่ะ
...........................

“คาถา_การออม” “รายได้เพิ่ม สะสมหุ้นเพิ่ม ปันผลเพิ่ม” แค่ท่องยังไม่พอต้องลงมือทำด้วยค่ะ ยิ่งเริ่มเร็วยิ่งดี !....ออมก่อนรวยกว่า! แน่นอนค่ะ ^_*

[theenuch]

ผมมาขอยืนยันในฐานะลูก (ที่วันนี้โตแล้ว 55555 )

ว่าของแบบนี้ ถึงจุดหนึ่งลูกจะเกิดการตกผลึกและเข้าใจครับ แต่มันจำเป็นต้องใช้เวลาในการแสดงผลครับ

ยอมรับว่าก่อนจะคิดได้ ผมมองแม่ผมเฉยๆมาก เพราะท่านธรรมดามาก ถ้าเทียบกับคนอื่น
แต่พอเรามองครบทุกมุม ท่านทำงานแค่ราว 20 ปี ก็เกษียญตัวเองได้ โดยไม่มีความจำเป็นต้องอาศัยเงินผมเลย
แถมยังสามารถสร้าง สินทรัพย์ เพื่อคนอื่นและแบ่งบางส่วนมาทำบุญได้ด้วยครับ

สิ่งที่ตลก คือ .... ช่างเป็นเรื่องจริงมากที่ว่าสิ่งที่ดีที่สุดมักอยู่รอบตัวเรา สำคัญว่าเราจะมองเห็นมันหรือเปล่า

เยี่ยม ^_*

[arica]

เงินของเรา (มีค่า) ไม่เท่ากัน (Team Money Talk 4)
...................................

หลายท่านเริ่มเดา...สงสัยจะเขียนถึงอัตราแลกเปลี่ยนแน่ๆ เลย
เดาไม่ถูกค่ะ...เขียนถึง “เงินบาท” ที่ใช้อยู่ในประเทศเรานี่แหละค่ะ
..................................

เชื่อหรือไม่.....เงิน 100 บาท ของพวกเรา (มีค่า) ไม่เท่ากันค่ะ
100 บาท ของมนุษย์เงินเดือนเสียภาษีอัตรา 10 % เหลือ 90 บาท
แต่ถ้านำไปซื้อ LTF จะมีค่า 110 บาท (ไม่นับปันผล และมูลค่าวันขาย)

100 บาท ของคนที่สะสมให้หุ้นปันผล 7 % มีค่า 107 บาท
(ไม่นับ Capital Gain_หรือในทางกลับกัน...หากเลือกหุ้นผิด)

100 บาท ของคนที่ผ่อนบ้าน ดอกร้อยละ 5 เหลือค่า 95 บาท
จ่ายหนี้บัตรเครดิตที่มียอดค้างชำระไป 100 หนี้ลดไม่ถึง 100
.................................

ซื้อล็อตเตอรี่ได้ 1 คู่ (80 ขาย 100_โดนไป 25% ทันใด) เพิ่มค่า
ทวีคูณขึ้นกับรางวัลที่ถูก “แต่! เป็น 0 ในพริบตา ถ้าไม่ถูกซักรางวัล!”
100 บาท ซื้อหนังสือนิทานมาอ่านให้ลูกฟัง ได้ความผูกพันและ
คุณธรรมจริยธรรมติดตัวลูกไปจนตาย ประเมินมูลค่าไม่ได้ค่ะ
.................................

“เวลา” เพิ่มมหัศจรรย์ของการทบต้นไม่ว่า “ดอกเบี้ยเงินฝากทบต้น”
และ “ปันผลทบต้น” ไม่เว้นแม้แต่ “ดอกเบี้ยเงินกู้ทบต้น” นะ..อย่าลืม!
ฝากเงินได้ดอก 2.5% ข้าวแกง ขึ้นราคาจาก 30 เป็น 40 ( 33.33%)
น้ำปั่นตลาดนัด ขึ้นจาก 20 เป็น 25 (25%)...(ไหนว่าเงินเฟ้อ 3% ไง)
................................

ถ้าพูดได้ “เงินของเรา” คงพูดว่า ”ถ้ารักเรา...ซื้อหนังสืออ่านเพิ่มความรู้
แล้วใช้เราไปทำงานหนักๆ บ้างนะ..เราอยากมีค่าเพิ่มให้ทัน “ข้าวแกง”

คิดไปคิดมาสนุกดีค่ะ....”เงินของพวกเรา...มีค่าเท่าไหร่กันนะ ?” ^_*

เงินมีค่าไม่เท่ากัน.png

อ่านแล้ว เข้าใจง่ายๆทันทีเลยครับ
ขอบคุณครับ พี่นุช

[theenuch]

Investment by…ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
(ชวนอ่านโดย_Team Money Talk 4)
...............................

ดร นิเวศน์ 6.jpg

ดีใจทุกครั้งที่ได้อ่านบทความของอาจารย์ ดร.นิเวศน์ค่ะ
อีกครั้ง และอีกครั้ง...ที่อาจารย์ท่านเน้นให้ลงทุนระยะยาว
ถ้าหากมีใครมาถามท่านว่า “อาจารย์ลงทุนอย่างไร”
ท่านจะอธิบายผ่าน “Key Word” ที่ท่านคิดขึ้นมา ดังนี้ค่ะ
..............................

Investment by walking around
“ผมแทบไม่ฟังนักวิเคราะห์หรืออ่านจากบทวิเคราะห์ใด ๆ เลย
ผมชอบ“เดินหา” ไปเรื่อย ๆ”
..............

Investment by watching around
"ผมไม่ค่อยมองผ่าน ๆ แต่ผมมักจะตั้งใจมอง
ผมคิดว่าการ “สังเกต” สิ่งต่าง ๆ นั้น
จะทำให้เราสามารถเปรียบเทียบและหา “ผู้ชนะ” ได้ถูกต้อง"
................

Investment by thinking around
“ผมเป็นคนที่คิดตลอดเวลา เวลาผมพบอะไร
หรือสังเกตอะไรอยู่ผมก็จะคิดไปด้วย”
...............

Investment by reading around
“วิธีหาหุ้นลงทุนของผมนั้นมาจากการวิเคราะห์ที่ผมใช้ศาสตร์
หรือความรู้ต่าง ๆ หลากหลายมาก...ก็หมายความว่า
ผมต้องอ่านหนังสือมากมายในหลาย ๆ สาขาวิชา”
................

Investment by staying around
ภายใต้ “Key Word” นี้ อาจารย์ฝากข้อคิดไว้
เป็นสัจธรรมและลึกซึ้งมากค่ะ

“เมื่อถึงวันหนึ่งที่เราอายุมากจน “ใกล้ตาย” การ “ลุ้น” ในเรื่อง
ของผลตอบแทนหรือความมั่งคั่งของเราคงจะออกมาว่า ปีนี้จะยัง
“Staying around” หรือยังอยู่ไหม? ถ้ายังรอดได้ โอกาสก็คือ
เราก็จะรวยขึ้นไปอีก 10% ไม่ต้องไปคิดว่าจะทำได้ดีแค่ไหน
เทียบกับตลาดหรือเทียบกับใคร ๆ”

ดังนั้นท่านจึงใส่ใจดูสุขภาพเพื่อจะได้ staying around ไปนานๆ ค่ะ
..................................

อ่านรายละเอียดแต่ละ Key Word ได้ที่ Thaivi.org ตาม link นี้ค่ะ

http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=57336

[theenuch]

เงินของเรา (มีค่า) ไม่เท่ากัน (Team Money Talk 4)

อ่านแล้ว เข้าใจง่ายๆทันทีเลยครับ
ขอบคุณครับ พี่นุช

ขอบคุณมากค่ะ น้อง arica ...ดีใจ

[jverakul]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

กิจกรรมสำคัญไม่แพ้การเรียน

วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2557


ในโซเชียลเน็ทเวิร์กเต็มไปด้วยเรื่องโยธวาทิตของนักเรียนและศิษย์เก่าโรงเรียนสตรีวิทยา 2 ไปขอเงินนักธุรกิจ 3.1 ล้านบาท เพื่อเดินทางไปแข่งที่เนเธอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา

เจตนารมณ์ของนักเรียน อาจารย์ และศิษย์เก่าของโรงเรียนสตรีวิทยา 2 ก็คือ การนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติบ้านเมืองและสถาบันของตน เมื่อผลงานในอดีตของวงโรงเรียนพิสูจน์ได้ว่ามีมาตรฐานพออวดโลกได้ ก็สมควรนะครับ ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จะต้องรีบเอางบประมาณกลางมาสนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมให้เยาวชนไทยเข้าสู่สนามระดับโลก

การให้นักเรียนออกไปหางบประมาณกันเอง ถ้าไปหาถูกคนก็ดีไป แต่ถ้าไปหากลุ่มคนที่ทุกเวลานาทีจ้องแต่จะสร้างข่าวเพื่อขายสินค้า เยาวชนคนของเราก็อาจจะกลายเป็นเหยื่อของการโฆษณา ในสังคมนี้มีเยอะครับ ที่เรื่องเพียง 10 ก็นำมาขยายกระจายข่าวไปจนถึง 100 บางทีเกิน 100 เสียด้วยซ้ำไป บางโรงเรียนอาจจะโชคร้ายที่เดินเข้าไปให้เสือกินถึงในถ้ำอย่างไม่รู้ตัว

โลกปัจจุบัน การมุ่งแต่เฉพาะการศึกษาในระบบไม่พอดอกครับ จำเป็นต้องสอนให้เด็กทำกิจกรรมทั้งในและนอกโรงเรียน โดยเฉพาะกีฬาและกิจกรรมที่เล่นเป็นกลุ่ม เมื่อเยาวชนโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะสามารถทำงานเป็นกลุ่มได้ หลายครอบครัว แม้ว่าจะไม่เดือดร้อนเรื่องเศรษฐกิจ แต่ก็ส่งเสริมให้เยาวชนคนในครอบครัวทำงานหาสตางค์ บางครอบครัวยอมขนาดระหว่างปิดเทอม หรือในช่วงที่จบมัธยมปลายแล้ว ให้เยาวชนทำงานหาเงินเสียก่อน ก่อนที่จะเข้าเรียนในระดับสูงต่อไป

ในหลายประเทศ เอกชนเป็นฝ่ายสอดส่ายสายตามองหาโอกาสที่จะเข้าไปส่งเสริมกิจกรรมของเยาวชน ส่งเสริมแล้วก็เอามาลงในนิตยสารข่าว หรือเว็บไซต์ของบริษัท แต่ไม่โหดขนาดเอาไปกระหึ่มตึมข่าวเพื่อทำประโยชน์ให้กับตนเองหรือธุรกิจของตนเอง

กรณีโรงเรียนสตรีวิทยา 2 ผมถามผู้เชี่ยวชาญด้านอิเล็กทรอนิกส์มาร์เก็ตติ้งและโซเชียลมีเดีย ได้รับคำตอบว่า มีการจงใจนำไปแชร์ในโลกออนไลน์ซ้ำซาก เรื่องที่ควรจะจบได้ภายใน 2-3 วัน ก็กลับมีการลากออกไปอีกเป็นอาทิตย์ ผมถามพี่สาวคนโตที่จบปริญญาโทด้านอิเล็กทรอนิกส์มาร์เก็ตติ้งและโซเชียลมีเดียจากอังกฤษ ซึ่งสนใจติดตามถามข่าวเรื่องพวกนี้ พี่ผมมีความเห็นว่า มีคนจงใจนำไปขยาย เป็นความเห็นเช่นเดียวกันกับผู้เชี่ยวชาญท่านที่ผมถามมาก่อน

มีวิจัยเป็นเรื่องเป็นราวแล้วครับ ว่ามีความแตกต่างของระบบคิดและระเบียบวินัย ระหว่างชายที่เคยเกณฑ์ทหารกับคนที่ไม่เคย ระหว่างคนที่เคยทำกิจกรรมของสถาบันการศึกษากับคนที่ไม่เคย บริษัทใหญ่สมัยนี้ จึงไม่ค่อยสนใจว่าคุณจบการศึกษาด้วยคะแนนเกียรตินิยมหรือไม่ แต่กระหายใครที่จะรู้ก่อนรับเข้าทำงานว่า คุณเคยทำกิจกรรมกลุ่มระหว่างเรียนหรือเปล่า?

ตอนที่เรียน ม.1-3 โรงเรียนบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) น้องสาวของผมร่วมกิจกรรมวงโยธวาทิตโรงเรียน ต้องซ้อมทุกเย็น ผมเห็นภาพที่แม่กับพ่อไปนั่งรอน้องที่โรงเรียนจนถึงสามสี่ทุ่มได้อย่างลึกลงไปในความทรงจำ ระยะหลัง โชคดีที่มีการจัดที่พักให้นักกิจกรรมในโรงเรียน

เมื่อเรียน ม.5-6 ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท และที่จีน น้องสาวผมไม่เคยมีปัญหากับเพื่อน ทั้งไทย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ฯลฯ อยู่ร่วมหอกันได้อย่างดีมีความสุข น้องมีชีวิตอยู่ในหอพักสตรีของมหาวิทยาลัยในกรุงปักกิ่งอย่างปรับตัวเข้ากับเพื่อนได้ เดี๋ยวนี้ น้องเรียนไป ทำงานไป ก็ทำงานร่วมกับคนนานาชาติในร้านอาหารได้ นี่คืออานิสงค์ของการทำกิจกรรมกลุ่มระหว่างเรียน   หน้าที่อย่างหนึ่งของศิษย์เก่าที่ปฏิบัติกันทั่วโลกก็คือ เมื่อเติบโตจนมีกำลังวังชาดีแล้ว ก็ควรจะเข้าไปช่วยเหลือ 1-2 สถาบันเก่าที่เล่าเรียนมา เพราะอาจช่วยทุกสถาบันไม่ไหว ในห้วงช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อคณะนักเรียนของโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จันทบุรี จะไปสร้างชื่อเสียงในยุโรปและอเมริกา พ่อของผมก็เป็นหนึ่งในศิษย์เก่าที่ช่วยหาเงินสนับสนุนการเดินทาง เมื่อกลับมาแล้ว เราก็เห็นความเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นของอาจารย์และเยาวชนเหล่านั้นที่เดินทาง

ครูเป็นอีกอาชีพหนึ่งซึ่งมีความจำเป็นต้องออกไปเห็นโลกภายนอก สมาคมศิษย์เก่าและผู้ปกครองนักเรียนหลายแห่งสนับสนุนให้ครูไปเห็นการศึกษาในมาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ฯลฯ เมื่อกลับมาแล้ว ครูเหล่านั้น เป็นครูที่มีเรื่องเล่า เรื่องเล่าและประสบการณ์จริงของครูทำให้ครูเป็นพระเอกและนางเอกของนักเรียน เป็นขวัญใจที่นักเรียนเชื่อมั่น

มาร่วมส่งเสริมกิจกรรมของครู นักเรียน และนิสิตนักศึกษากันเถิดครับ.

http://www.nitipoom.com/Article1Item.aspx?ID=4566

สวัสดีครับพี่นุช ผมไม่ค่อยได้โพสท์เท่าใหร่ แต่ก็ตามอ่านตลอดครับ

[jverakul]

ลืมบอกไปว่า ผมเห็นด้วยกับการทำกิจกรรมระหว่างเรียน เพราะเราสามารถนำมาใช้ในการทำงานจริงได้ค่อนข้างเยอะ

[theenuch]

ลืมบอกไปว่า ผมเห็นด้วยกับการทำกิจกรรมระหว่างเรียน เพราะเราสามารถนำมาใช้ในการทำงานจริงได้ค่อนข้างเยอะ

หวัดดีค่ะ น้อง jverakul เห็นด้วยค่ะ พี่จะระวังเรื่องการกด like และ share มากๆ
สอนลูกด้วยค่ะ...ต้องมีสติในการรับสารมาก แม้แต่ด้านบวกก็ตาม

เคยเจอรุ่นน้องคนนึงที่ห้างก็เข้าไปทักทาย และก็ชมเค้าว่า
เรื่องที่เค้า share หลายเรื่องมีประโยชน์มาก
สามีเค้ายืนค้อน บอกว่า "มีแต่เวลากด like กด share แต่ไม่ทำ...
เพราะไม่มีเวลาทำ เอาเวลาทั้งหมดไปอยู่กับสื่อ online
จนเป็นเทพ social ไปแล้ว" บรรยากาศมาคุมาเลยค่ะ...เราต้องรีบปลีกตัวออกมา
มาคิดดูก็เห็นจะจริง เพราะอัตราเรื่องที่เค้า share ต่อวันมันเยอะมาก
เราเองก็เคยสงสัยว่าเค้าอ่านหมดหรือ ขนาดพี่อ่านหนังสือเร็วมากๆ
ยังอ่านไม่ทัน...แต่คนกด like เพียบ

ตั้งแต่นั้นมา แม้แต่คนที่ share สิ่งดีๆ ก็ใช่ว่าเราจะเชื่อเค้าไปได้นะคะ
ดังนั้นด้านลบๆ ร้ายๆ นี่ไม่ต้องพูดถึงค่ะ....ต้องมีสติในการพิจารณาให้มาก

พี่นึกถึงเรื่องนึงที่พี่เคยเขียนไว้ใน fb money talk เอามาให้อ่านดีกว่าค่ะ


นิทานเรื่องนึง เขียนโดย “Madonna” นักร้องชื่อดังที่เรารู้จักกันดีค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกประทับใจ จึงนำมาใช้ในชีวิตประจำวันและสอนลูกด้วย
..........................

apple ของคุณพีบอดี้ (ชื่อคุณครู)
(MR.PEABODY'S APPLE)
..........................

มีเด็กชายคนหนึ่งเห็นคุณครูของเขาหยิบ apple
ขณะที่แม่ค้ากำลังก้มหน้าก้มตาเรียงผลไม้อื่นๆ อยู่
ด้วยถูกปลูกฝังเรื่องความซื่อสัตย์มา เขารู้สึกตำหนิคุณครูอยู่ในใจ
ตั้งแต่วันนั้น...เขาก็แอบดูคุณครูจากฝั่งตรงข้ามถนนเสมอ
เท่านั้นยังไม่พอเขาได้ชวนเพื่อนๆ มาซุ่มดูอีกหลายคน
เมื่อมีคนรู้มากขึ้น....ก็ยากที่เรื่องราวจะถูกปิดเป็นความลับ
..........................

“ปากต่อปาก” ในที่สุดเรื่องของคุณครูก็แพร่ไปทั่วทั้งโรงเรียน
..........................

เด็กชายต้นเรื่องรู้สึกกังวลใจ
เพราะเท่าที่เขารู้จัก คุณครูไม่น่าจะมีนิสัยเช่นนี้
มีอะไรบางอย่างที่เขา “รู้ไม่หมด” หรือเปล่านะ?
ด้วยสำนึกที่ดีอยู่บ้างเขาจึงไปสารภาพ...คุณครูได้ฟังก็ยิ้ม
ตอนเลิกเรียนได้ชวนเด็กชายไปที่ร้านผลไม้ด้วยกัน
“ทำไมจะหยิบ apple ไม่ได้...ครูของเธอจ่ายเงินล่วงหน้าไว้แล้ว”
.................................

เด็กชายถึงกับอึ้ง นอกจากไม่ใช่อย่างที่เขาคิดแล้ว
เหตุการณ์จริงยังกลับกลายเป็นตรงกันข้าม
ที่สำคัญ “เรื่องไม่จริงด้านลบ” แพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียนแล้ว
.....................................

“ผมจะทำยังไงดีครับ...ถึงจะแก้ไขความผิดในใจครั้งนี้ได้”
“เย็นนี้หลังเลิกเรียนกลับไปนำหมอนขนเป็ดที่บ้านมา 1 ใบ
แล้วมาพบครูบนดาดฟ้าของตึกเรียนนะ”
ตอนเย็น....บนดาดฟ้า....ในวันที่ลมแรงมาก
คุณครูซึ่งเตรียมกรรไกรมาด้วย เขาตัดหมอนขนเป็ด
แล้วให้เด็กชายกระพือหมอนที่ตัดแล้วนั้น..ให้สุดแรง
............................

ลมอื้ออึง...พัดขนเป็ดล่องลอยออกไปอย่างรวดเร็ว ทุกทิศทุกทาง
“ถ้าอยากขอโทษครู...ให้ตามเก็บขนเป็ดนั้นกลับมาให้หมด”
เด็กชายวิ่งกระหืดกระหอบตามเก็บขนเป็ดตามที่ครูบอก
แต่.......ลมแรงเหลือเกิน จนความพยายามไร้ผล
............................

ขอสรุป ข้อคิดจากนิทานเรื่องนี้สัก 2 -3 ข้อ
กรณีที่เรามีโอกาสเป็นต้นเรื่องเราควรจะปล่อยขนเป็ดออกไปไหม
โดยเฉพาะเรื่อง “ละเอียดอ่อน” ที่อาจ “ส่งผลกระทบด้านลบ”
ถ้าเราเป็นผู้มีโอกาสเห็นขนเป็ดปลิวผ่านมา
จะเก็บไว้เพื่อรอเจ้าของมารับคืน...หรือส่งต่อเรื่อยไป
และ เราจะตัดสินผู้อื่นง่ายๆ เพียงเพราะข้อมูลที่ส่งต่อกันมาหรือไม่?
............................

ที่รู้สึกประทับใจกับเรื่องราวนี้เพราะ
มีอยู่ครั้งนึงเคยเป็นเหมือนเด็กชายต้นเรื่อง
ที่ตัดสินคนอื่นเร็วไปนิด...เพราะขาดข้อมูล
เคยเก็บขนเป็ดได้แล้วส่งต่อ....ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ที่แย่ที่สุดคือ....เคยอยู่ในฐานะเหมือนคุณครู
และได้รับผลกระทบรุนแรง.....โดยเราไม่อยู่ในฐานะ
ที่จะไปอธิบายหรือแก้ต่างใดๆ ได้
..............................

ถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่าดี...นิทานเรื่องนี้สามารถ “ส่งต่อได้” นะคะ


พี่ว่าพรุ่งนี้พี่นำไปลงซ้ำดีกว่า...เข้ากับสถนาการณ์ดีค่ะ