หุ้นแนะนำ TR ขอคำแนะนำ

[monster]

ผมเพิ่งเริ่มหัดลงทุนด้าน vi อยากขอคำแนะนำจากรุ่นพี่หน่อยครับ
ผมพยายามอ่านหนังสือด้านการลงทุนมาหลายเล่มพยายามทำตาม
แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ พอมองว่าดูแล้วแต่พอเวลาผ่านไปก็จะมี
ประเด็นใหม่ๆออกมาเรื่อย ที่ทำให้เรารู้สึกว่าผิดทาง เหมือนหาข้อมูล
ได้ไม่ครบสักที ผมอ่านเวบบอร์ดของคุณโจที่มีหุ้นชนะแพ้ในปี 56
จำนวน 50 ตัว ก็พยายามมาไล่ดู มองว่าหุ้น tr น่าสนใจ มองว่าที่ขาดทุน
ในปีนี้เป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นตลอดไป ตอนนี้ปัญหาก็จบแล้ว
ทรัพย์สินก็ดูโอเค อยากจะลงทุนแต่ไม่ค่อยกล้า มีพี่คนไหนที่กำลังศึกษา
หุ้นตัวนี้อยู่บ้างรึเปล่าครับ ผมขอคำแนะนำช่วยวิเคราะห์เป็นตัวอย่างให้น่อย
นะครับจะขอบคุณมาก

[นายช่างนักลงทุน]

ขอแนะนำเข้าไปอ่านในร้อยคนร้อยหุ้นครับ จะมีคนทีติดตามหุ้นตัวนั้นๆค่อยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

[Plant]

ผมพยายามอ่านหนังสือด้านการลงทุนมาหลายเล่มพยายามทำตาม
แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ

คำถามถามคุณ "monster" ครับ ถามว่าที่เราทำตามในหนังสือนั้น เราทำตามในแบบไหน
ครับ ระหว่างทำตาม "วิธีการ" กับ ทำตาม "วิธีคิด" ....???

ผมพบว่าคนส่วนใหญ่มักจะอ่านหนังสือ หรือหาหนังสือที่บอกวิธีการลงทุนเป็นสเต็ปๆ
วิธีที่ 1...วิธีที่ 2 ...วิธีที่ 3..... แต่ไม่ได้ศึกษาถึงวิธีคิดของผู้เขียนว่าทำไมถึงเลือกที่จะทำ
แบบนั้นในสถานการณ์หรือหุ้นตัวนั้นๆ ซึ่งผมเห็นว่าการลงทุนของแต่ละคนมักจะเจอเหตุการณ์ต่างๆที่ไม่เหมือนกัน และเมื่อเราศึกษาเพียงวิธีการเมื่อเจอเหตุการณ์หรือหุ้นที่แปลกออกไปก็มักจะหาทางออกของเหตุการณ์หรือหุ้นตัวนั้นไม่ได้

แต่ถ้าเราศึกษาวิธีคิด เหตุและผลว่าทำไมถึงทำแบบนั้น ทำไมถึงซื้อ ทำไมถึงขาย
ทำไมถึงมองว่าตัวนี้ดี ตัวนี้ไม่ดี เมื่อเราเจอหุ้นหรือสถานการณ์แปลกๆเราก็จะสามารถ
หาเหตุผลที่จะตัดสินใจในหุ้นหรือสถานการณ์แปลกๆนั้นได้ดีครับ

จึงกลับมาที่คำถามว่า เราศึกษาแบบทำตาม "วิธีการ" หรือ "วิธีคิด" ครับ
.....^^)

[satit]

แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ

ต้องถามตัวเองว่าใช้เวลาลงทุนมายาวนานแค่ไหนแล้ว ใจเร็วด่วนได้ไปหรือเปล่า
ที่ว่าไม่สำเร็จเพราะเราซื้อแล้วหุ้นที่เราถือมันไม่ขึ้นดังใจเราใช่ไหม บางที่เราซื้อแล้วมันขึ้นเลยก็ใช่ว่าเราถูกเสมอไปนะ่อาจเป็นที่เขาว่า RIGHT FOR THE WRONG REASON ก็ได้ครับ
ข้อสำคัญเราต้องทบทวนเหตุผลที่เราซื้อหุ้นตัวนั้น ติดตามข่าวสารและผลประกอบการว่ายังอยู่ในกรอบที่เราคิดไว้หรือเปล่าถ้าใช่ก็ยังคงถือลงทุนต่อไป บ่อยครั้งก็ต้อง
ใช้เวลารอคอยและอดทนกว่าจะเห็นผลครับ ไม่อยากให้ท้อเพราะการลงทุนต้องใช้เวลาสะสมทั้งความคิด ประสพการณ์และความมั่งคั่ง
ผมว่าคนที่ประสบความสำเร็จใน thaivi ล้วนผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะครับ สู้ๆครับ

[monster]

ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำดีๆ ผมจะนำไปใช้ และพยายามพัฒนาตัวเองเรื่อยๆครับ

[leky]

ผมว่าคุณอาจจะอ่านหนังสือมาก แต่อาจจะไม่สามารถ กลั่นเอาแก่นที่คุณจะนำสามารถนำไปใช้ให้เหมาะกับคุณออกมาได้

ตอนเริ่มต้น สิ่งที่ต้องรู้มันเยอะแยะไปหมด จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี แต่ถ้าวันหนึ่งคุณจับจุดได้ คุณจะเข้าใจว่า แก่นของความรู้ที่คุณต้องการใช้มันมีแค่ไม่กี่อย่าง แต่ความยากมันอยู่ตรงที่ บางคนหาแก่นที่ว่านั้นไม่พบ

[monster]

คุณ leky พอมีคำแนะนำหน่อยไดมั๊ยครับ คือตอนเริ่มอย่างผม น่าจะเริ่มที่จุดไหนก่อนดี
เพื่อให้scope ในการหาข้อมูลหุ้นแคบลง ตอนนี้สับสนเริ่มไม่ถูกครับ

[leky]

คุณ leky พอมีคำแนะนำหน่อยไดมั๊ยครับ คือตอนเริ่มอย่างผม น่าจะเริ่มที่จุดไหนก่อนดี
เพื่อให้scope ในการหาข้อมูลหุ้นแคบลง ตอนนี้สับสนเริ่มไม่ถูกครับ

ออกตัวก่อนนะครับ ว่าผมไม่ใช่คนเก่งอะไร ก็แค่พอเอาตัวรอดในตลาดหุ้นพอได้ แต่ถ้าคุณอยากจะถามผม ถ้าสิ่งที่ผมบอกคุณไปพอจะช่วยคุณได้ ผมก็ยินดีครับ

ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนว่า ความสำเร็จในการลงทุนนั้น ต้องใช้เวลา ไม่สามารถ "เร่ง" ได้ครับ เปรียบเสมือนกับการบ่มไวน์รสดี คุณต้องมีระยะเวลาที่นานพอ การใช้เวลาตรงนี้มันจะหมดไปกับการศึกษาหาความรู้ การหาประสบการณ์ การลองผิดลองถูก

จริงอยู่บางคนอาจจะบอกว่าการประสบความสำเร็จในการลงทุนนั้น อาจจะใช้ทางลัดได้ เช่น ลอกหุ้นเซียน ตรงนี้ผมไม่เถียงครับ ว่ามันก็เป็นไปได้ แต่ผมก็เชื่อของผมว่า ถ้าเราทำแบบนั้น วันหนึ่งถ้าไม่มีคนให้เราลอกหุ้นแล้ว เราคงยากที่จะยืนอยู่ได้ด้วยลำแข้งตัวเองครับ ผมมักจะเล่าให้คนรู้จักฟังบ่อย ๆ ว่า โค้ชฟุตบอลบางคนเก่งมาก ประสบความสำเร็จมาก แต่ทำไม ผู้ช่วยโค้ชทำงานด้วยกันมานาน พอออกไปเป็นโค้ชเองส่วนใหญ่ถึงไม่ประสบความสำเร็จ มันก็อาจจะคล้าย ๆ กัน

ประการต่อมา ถ้าคุณคิดจะเรียนจบปริญญาเอก คุณไม่มีทางที่จะปฏิเสธการเรียนป.ตรี ป.โท ตรงนี้ผมต้องการจะบอกว่า ความรู้พื้นฐานเรื่องการลงทุน ยังไงคุณก็ต้องศึกษาครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูงบการเงิน การเข้าใจอัตราส่วนทางการเงินต่าง ๆ ความสัมพันธ์ของตลาดหุ้นหรือบ.จดทะเบียนกับเศรษฐกิจ ถ้าเราสังเกตดี ๆ คนที่จบป.เอก ส่วนใหญ่มักจะกลายเป็นคนที่รู้ลึกในเรื่องเฉพาะ บางครั้งเค้าอาจจะลืมเรื่องพื้นฐานบางเรื่องไปบ้าง ตรงนี้ผมต้องการจะบอกว่า ถ้าคุณก้าวไปเรื่อย ๆ จนหาแนวทางของตัวเองพบ คุณอาจจะมีความถนัดในการลงทุนในรูปแบบของคุณ ซึ่งตรงนี้มันก็ต้องผ่านกระบวนการอีกมากมาย ยังไม่นับว่าการที่เราจะวางแนวทางตัวเองอย่างไรนั้นมันก็ต้องขึ้นอยู่กับนิสัย ความชอบส่วนตัวของเราด้วยครับ

สิ่งที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือ เราต้องรู้จักบ.ในตลาดให้มากครับ เพราะถ้าเรายิ่งรู้จักมาก เราจะพบช่องทางการลงทุนมากขึ้น มีคำพูดหนึ่งที่ผมเคยอ่านเจอเค้าบอกว่า "คนชั้นต่ำรอโอกาส คนชั้นกลางกุมโอกาส คนชั้นสูงสร้างโอกาส"

ความรู้พื้นฐานที่ผมบอกข้างต้นมันก็เหมือนกับคุณเอาข้อมูลใส่ลงไปในสมอง ส่วนการที่คุณจะสร้างความสัมพันธ์ของข้อมูลเหล่านั้นในสมองมันก็ขึ้นอยู่กับวิธีคิด ประสบการณ์ของคุณแล้วครับ ผมยกตัวอย่างเช่น เรื่องบางเรื่องมันเป็นความสัมพันธ์ซ้ำ ๆ เช่น เงินบาทอ่อนค่าหรือแข็งค่าบ.ไหนจะได้หรือเสียประโยชน์ ตรงนี้มันก็เป็นการหาโอกาสในการลงทุนได้ครับ

เรื่องสุดท้ายที่ผมจะบอกก็คือ การลงทุนนั้น ถ้าตอบแบบเด็กสายวิทย์ผมคิดว่ามันก็เหมือนกับเราต้องเป็นคน "ชอบตั้งสมมติฐาน" ถ้าตอบแบบเด็กสายศิลป์มันก็เหมือนกับเราต้องมี "จินตนาการ" ผมยกตัวอย่าง ถ้าเราซื้อหุ้นตัวหนึ่ง ถ้าเราคิดว่าสุดท้ายราคาหุ้นมันจะขึ้น เราก็ต้องคิดว่า มันจะขึ้นเพราะอะไร ปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้มันขึ้นได้ และปัจจัยนั้นถูกควบคุมด้วยอะไร มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน มีความสัมพันธ์กับอะไร โอกาสคาดการณ์ได้ถูกหรือผิดมีมากน้อยแค่ไหน เราจะต้องไปหาข้อมูลอะไร ตรงนี้สำหรับผมถือว่าสำคัญมากครับ ถ้าเราลองคิดไปเรื่อย ๆ สุดท้ายเราก็อาจจะเข้าใจว่าเราควรจะหาหุ้นแบบไหน

หลัง ๆ ผมเองมักจะชอบดูความเป็นไปของหุ้น ถึงผมจะไม่ได้ซื้อหุ้นตัวนั้น ผมก็มักจะชอบดูว่าที่คนเค้ามองว่ามันจะขึ้นเพราะอย่างนั้้นอย่างนี้มันจริงหรือไม่และเราคิดอย่างไร เราหรือเค้าที่ผิดหรือถูก แต่อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือเราอย่าได้มีอคติเข้าข้างตัวเองครับ เช่นซื้อหุ้นแล้วมันขึ้นก็คิดว่าเราวิเคราะห์ถูก ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วหุ้นมันขึ้นกันทั้งตลาด ถ้าเราแยกแยะตรงนี้ไม่ได้ ไม่ยอมรับว่ามันเป็นเรื่องของความโชคดีเข้ามาเกี่ยวข้อง เราอาจจะหลงตัวเองได้ครับ

ประสบการณ์เป็นสิ่งที่ต้องเพาะบ่มครับ การได้คุยกับคนที่มีความรู้ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้เรียนรู้ได้เร็วขึ้น แต่ก็อย่าให้เค้ามาครอบงำความคิดของเราเพียงเพราะเค้าประสบความสำเร็จมากกว่า หรือเพราะเค้ามีชื่อเสียง ฯลฯ

สุดท้ายถ้าเราลองแล้ว และให้เวลามากพอแล้วมันก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ผมก็มองว่าเราก็คงต้องยอมรับครับ ว่าจะลิมิตไว้แค่ไหน ซึ่งถ้าเราเชื่อเรื่องตลาดจะโตในระยะยาวและเรายังอยากลงทุนในหุ้น การซื้อกองทุนอิงดัชนีก็อาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งครับ

ในส่วนของหุ้น TR จริงอยู่หุ้นมันถูกครับ ผมว่าหลาย ๆ คนก็อาจจะรู้สึกแบบนั้น แต่คุณรับได้ไหมถ้าคุณซื้อแล้วราคามันอาจจะลงไปอีกหรือไม่ไปไหน 1 ปี 2 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี คุณรับได้ไหมว่าได้หุ้นราคาถูกแต่ราคาไม่ไปไหน ผมเองไม่ได้ศึกษาหุ้นตัวนี้นะครับ มันอาจจะมีอะไรดี ๆ ก็ได้ครับ จริง ๆ หุ้นตัวนี้ผมเข้าใจว่าช่วงหนึ่งเคยมีช่วงที่ดีกับเค้าเหมือนกัน คุณลองไปดูในปี 2011 ดูครับ ว่าปีนั้นมันเกิดเหตุการณ์อะไรครับ บางทีการศึกษาประวัติของหุ้นมันก็พอจะบอกอะไรให้แก่เราได้ไม่มากก็น้อยครับ

ขอให้คุณโชคดีครับ

[anubist]

สุดท้ายถ้าเราลองแล้ว และให้เวลามากพอแล้วมันก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ผมก็มองว่าเราก็คงต้องยอมรับครับ ว่าจะลิมิตไว้แค่ไหน ซึ่งถ้าเราเชื่อเรื่องตลาดจะโตในระยะยาวและเรายังอยากลงทุนในหุ้น การซื้อกองทุนอิงดัชนีก็อาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งครับ

ขออนุญาตพี่lekyครับ
ถ้าจะซื้อกองทุนอิงดัชนี ผมว่าซื้อactive fundที่มีแนวคิดการลงทุนที่ดี มีผลตอบแทนในอดีตดี มีการเลือกหุ้นที่ดีเข้าพอร์ต ดีกว่าซื้อกองทุนอิงดัชนี เนื่องจาก
1.จากmorningstar Thailand
top20ของผลตอบแทนจากการลงทุนระยะ5ปีและ10ปีเป็นกองกองactive fundทั้งหมดครับ
2.ผลตอบแทนทบต้นระยะ10ปีของกองtop20 active fund มีผลตอบแทนที่ดีอยู่ในระดับ10%+
ซึ่งนักลงทุนบางท่าน ยังทำผลตอบแทนสู้ไม่ได้

ข้อเสียอย่างเดียวคือค่าธรรมเนียมบางกองโหดไปหน่อย ไม่คุ้มค่ากับperformance

[leky]

สุดท้ายถ้าเราลองแล้ว และให้เวลามากพอแล้วมันก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ผมก็มองว่าเราก็คงต้องยอมรับครับ ว่าจะลิมิตไว้แค่ไหน ซึ่งถ้าเราเชื่อเรื่องตลาดจะโตในระยะยาวและเรายังอยากลงทุนในหุ้น การซื้อกองทุนอิงดัชนีก็อาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งครับ

ขออนุญาตพี่lekyครับ
ถ้าจะซื้อกองทุนอิงดัชนี ผมว่าซื้อactive fundที่มีแนวคิดการลงทุนที่ดี มีผลตอบแทนในอดีตดี มีการเลือกหุ้นที่ดีเข้าพอร์ต ดีกว่าซื้อกองทุนอิงดัชนี เนื่องจาก
1.จากmorningstar Thailand
top20ของผลตอบแทนจากการลงทุนระยะ5ปีและ10ปีเป็นกองกองactive fundทั้งหมดครับ
2.ผลตอบแทนทบต้นระยะ10ปีของกองtop20 active fund มีผลตอบแทนที่ดีอยู่ในระดับ10%+
ซึ่งนักลงทุนบางท่าน ยังทำผลตอบแทนสู้ไม่ได้

ข้อเสียอย่างเดียวคือค่าธรรมเนียมบางกองโหดไปหน่อย ไม่คุ้มค่ากับperformance

ที่ผมเลือกกองทุนอิงดัชนีก็เพราะว่ามันอยู่ในทางสายกลางครับ จริง ๆ ที่ผมเคยทราบมาผลตอบแทนของกองทุนเหล่านี้ต้องมองที่ระยะยาวพอควรครับ หมายถึงระดับสิบปีขึ้นไปและเป็นข้อมูลของกองทุนแบบนี้ในต่างประเทศ แต่ของไทยผมเองก็ไม่แน่ใจ

ของทุนแบบ active fund นั้น ผมเห็นด้วยครับ ว่าผลตอบแทนบางกองดีมาก แต่ในระยะยาวมาก ๆ เช่น 10 เป็นต้นไป ผมยอมรับว่าไม่แน่ใจจริง ๆ ครับ เพราะอย่างผมเคยซื้อ LTF บางค่าย เคยบริหารดี ๆ ฝีมือก็ตกไปซะอย่างนั้น อย่างบางกองที่เคยเป็นที่หนึ่งเมื่อสองปีก่อน ปีที่แล้วก็กลายเป็นกลุ่มท้าย ๆ ผมไม่แน่ใจว่าถ้าเค้าเปลี่ยนผจก.กองทุนมันจะมีผลมากน้อยแค่ไหน บางครั้งผมก็ใช้วิธีเข้าไปดูหุ้นในพอร์ตของเค้าก่อนครับ บางกองก็ถือหุ้นค่อนข้างจะกล้าได้กล้าเสีย บางกองเค้าก็อนุรักษ์นิยม บางกองก็ถือหุ้นสะเปะสะปะกระจายอย่างละนิดละหน่อยดูแล้วยากจะเอาชนะกองอื่น พูดง่าย ๆ ก็คือ สำหรับผมถ้าเลือกกองถูกก็ได้ผลตอบแทนมาก ถ้าเลือกผิดผลตอบแทนก็น้อยตามครับ ตรงนี้มันก็เป็นความเสี่ยงครับ เรื่องเก็บค่าธรรมเนียมผมไม่ซีเรียสนะครับ ถ้าเค้าเก็บมากแล้วบริหารดีครับ ข้อดีของกองทุนดัชนีคือค่าธรรมเนียมน้อยกว่ากองปกติครับ เพราะแทบไม่ต้องใช้คนมาคอยบริหารครับ

จริง ๆ เรื่องการลิมิตตัวเองที่ผมบอกไป มันก็เหมือนกับเราทำธุรกิจส่วนตัวนั่นแหละครับ ถ้าเราทำธุรกิจแล้วมีแต่ขาดทุน มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะไปทำ เพียงแต่เราจะเอาจุดไหนมาเป็นตัวตัดสินว่า เราควรจะเลิกได้แล้วครับ เพราะมนุษย์มีแนวโน้มจะอยากแก้มือเสมอครับ

[Lastpun]

ลองดู LTF ที่เป็น index fund สิครับ ลงทุน passive ค่าใช้จ่ายน้อยแต่ผลดำเนินการดีกว่าหลายกองที่ active

ผมเห็นด้วยที่ระยะ time horizon ยาวๆ index fund เป็นตัวเลือกที่ดีไม่ต้องคิดมากด้วย

[sunnyvi]

ลองวิเคราะห์เรียงไปตามแนวทางวีไอดูครับ

1. ลงทุนในบ.ที่ดีมีอนาคตสดใส ต้องรุ้ว่าบ.ทำมาหากินอย่างไร กำไรมาจากไหน มีความแข็งแกร่งยากที่คู่แข่งจะชนะได้ DCA
ต้องวิเคราะห์ 5 forces ดู ถ้าเราสนใจแล้ว ต้องดูงบการเงินย้อนหลังไปหลายๆปี ยอดขายเพิ่มขึ้นกำไรเพิ่ม มีความมั่นคง อัตราส่วนการเงินที่สำคัญ ยืนยันคุณภาพของบ. และเราอาจพอประเมินได้ว่าเป็นหุ้นแบบใด ของปีเตอร์ลินช์

TR มีรายได้หลักจากเรยอน ซึ่งเป็นคอมโมดิตี ราคาไปตามตลาดโลก มีความแข็งแกร่งที่ประสิทธิภาพการผลิต กำไรต่อเนื่องมานาน มีกำไรสะสม เกือบสองหมืนล้าน ปันผลน้อย แต่เอาไปลงทุนในบ.ลูกจำนวนมาก มีการเพิ่มกำลังการผลิตในช่วยสามสี่ปีก่อนได้ถึง 150000ตันต่อปี และมีการทำ backward integration ไปผลิตวัตถุดิบในการทำเรยอน จนถึงกับเช่าที่ปลูกยูคาในลาว ระยะยาวน่าจะได้เปรียบบ.เล็กๆ
แต่ลองดูราคาเรยอนและกำลังผลิตเรยอนในจีนที่เป็นคุ่แข่งส่งออกสำคัญ ในปีหลังๆมานี้ (ผบห.พูดถึงปริมาณการผลิตในรายงานประจำปี 56 ราคาเรยอนในจีนดูจากกุเกิล) และลองดูราคา cotton ย้อนหลัง 10 ปี หาได้จากราคาคอมโมดิตี้ในกูเกิล เทียบกับยอดขาย และกำไร นอกจากนั้นกำไรจะมาจากบ.ลูกนอกตลาดมารวมด้วย ซึ่งคาดเดาได้ยาก ต้องดูงบเฉพาะบริษัทด้วย

2. ผบห.มีความสามารถและความซื่อสัตย์

บ.แม่ เบอล่า มีชื่อเสียง คงไว้ใจได้ในแง่ ธรรมาภิบาล แต่แนวคิดของบ.แม่จากต่างชาติ มักจะปันผลไม่มาก และเก็บเงินไปลงทุนต่อในบ.ลูกอย่างต่อเนื่อง

3. ซื้อในราคาเหมาะสม ต้อง valuation ได้ และซื้อเมื่อมีส่วนต่างความปลอดภัย

จะประเมินอย่างไร หุ้นอุตสาหกรรมควรพีอีเท่าไร บ.ขาดทุนอาจต้องใช้ของเดิม เฉลี่ยเอา ราคาพีบี ถูกมาก 0.3 หรือจะประมาณกำไรจากเรยอน และบ.ลูกเป็นเท่าไร

ลองดูแล้วไปโพสในห้องTR ดูความเห็นท่านอื่นๆดู

[yakjabon]

อืม ... หุ้น commodity ... คำแนะนำส่วนตัวนะครับ ถ้าจะลงทุนสินค้าพวกนี้เราต้องรู้เรื่อง demand - supply ขอวสินค้าพวกนี้จริงๆ ตลาดอยู่ที่ไหน ปลาใหญ่ ปลาเล็กในธุรกิจนี้

ส่วนเรื่องหนังสือก็ถูกเขียนมาจากประสบการณ์ของแต่ละคน อ่านแล้วคงต้องถามตัวเองว่าเราเชื่อเขาหรือไม่ หนังสือก็ไม่ได้ถูกทุกเล่ม อาจมีแค่หนึ่งในสิบเล่มที่ถูกเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกเล่มจะผิดทุกหน้า เอาส่วนที่เราเชื่อของแต่ละเล่มมา แล้วลองมาเรียบเรียงเป็นหนังสือของตัวเอง เช่น เดียวกับการเลือกบริษัท ผู้บริหารทุกคนก็บอกว่าบริษัทที่ตัวเองบริหารดีทุกบริษัท แต่เราเท่านั้นเป็นคนตัดสินว่าเราจะเชื่อใคร

[namtan1]

ที่แน่แน่คือP/B 0.3ถือว่าถูกมากครับจากประสบการณ์โอกาสขาดทุนน้อยแต่จะกำไรเท่าไหร่ต้องศึกษาเองนะครับ

ปล. ผมมีหุ้นตัวนี้นะครับอาจจะทำให้มีมุมมองเชิงบวก

[PLUSLOVE]

ให้ดู PSR ครับ PE/PBV อาจจะบอกเราไม่หมด การลงทุนในหุ้นคอมโมดิตีก้ตามนี้เลยครับ

จงซื้อหุ้นเมื่อPEสูง PSRต่ำ และสินค้าขาดตลาด และจงขายมันออกไปเมื่อ PEต่ำและทุกคนแห่เพิ่มกำลังการผลิต และราคาหุ้นสูงลิ่ว

ประโยคนี้ เซียนเรือเคยสอนผมไว้ ตั้งแต่สมัยเรือเทกองขึ้นไปแรงๆ เค้าบอกว่า ก่อนจะเขื่อนแตก จะมีสัญญานให้เรารู้

[PLUSLOVE]

จริงๆเรย่อน มีผลน้อยมากจากฝ้าย เพราะ ถ้าฝ้ายแพงโพลีเอสเตอร์ ก้จะได้ประโยชน์มากกว่า คนที่ใช้เรย่อนเป็นกลุ่มคนเฉพาะกลุ่ม

จะดูเรย่อน ว่าจะเขื่อนแตกไหม ให้ดูเมื่อไหร่ที่ ใน3เดือนมีแต่ แท่งเขียวๆ เกิดขึ้นติดๆกัน พร้อมกับดีมานท์ที่มากจากประเทศที่นำเข้า

จะสัมพันธ์กัน เพราะมีดีมานท์มากราคาก้จะสูงขึ้นได้ +คู่แข่งมีการขยายกำลังการผลิต แปลว่า เอาแล้ว...มันกำลังจะบินแล้ว

http://www.fibre2fashion.com/textile-ma ... eports.asp

ถ้า PSRต่ำ สิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำคือ รอจนเมื่อสัญญานเขื่อนแตกมา จงรีบเก็บหุ้นซะ เพราะเมื่อข่าวออกแล้วคนรู้แล้ว

คุณไม่มีทางได้ต้นทุนต่ำๆแน่นอนครับ หุ้นคอมโมเหมือนการเล่นถั่ว ถ้าคุณช้ากว่าเค้า ไปเฮโลทีหลัง แต้มต่อคุณก้จะน้อยกว่าคนที่เข้าไปคนแรกๆ

ไม่ว่าจะ เรือ สังกะสี ฟิลม์ ยาง น้ำตาล ฝ้าย ถั่วเหลือง ทุกอย่างใช้หลักการเดียวกันคือ


ถ้ารู้ว่ามันขาดแน่ๆ เขื่อนแตกแน่ๆ จงรีบกวาดหุ้นเสียก่อนคนอื่นมากวาดไป แต่อยากบอกว่า softcommo มันยากกว่า hard commoเยอะ

สินค้าทดแทนได้เร็ว และขาดไม่นาน คุณต้องแม่นทั้งตลาดที่เป็นตลาดหลักในการบริโภค โอกาศที่จะขาดขาดจากอะไร มีประเทศไหนปลูกได้อีก

ระยะเวลาในการปลูก จนถึงเก็บเกี่ยว

ของจะเขื่อนแตกก้มี 2อย่าง คือ 1.เมื่อซัพพลายของ VSF ลดลงมาก เจ้าอื่นล้มหายตายจากไป แต่ดีมานท์เท่าเดิม

2.เมื่อดีมานท์มากขึ้น >>> แต่ supllyเท่าเดิม

ส่วนใหญ่จะมา2 กันหมดทั้งเรือเทกอง ฟิลม์ คือ ดีมานทมันมาก>>> จนทำให้ทุกคนแห่ขยายกำลังการผลิต



คำแนะนำสำหรับผม คุณมีแต้มต่อ แต่คุณจะรอได้หรือเปล่า