การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไหนคับ
-
- Verified User
- โพสต์: 571
- ผู้ติดตาม: 0
การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไหนคับ
โพสต์ที่ 1
ความยุ่งยากในการ " Valuation หุ้นรายตัว " เป็นปัญหาสำหรับเพื่อนๆนักลงทุนมากน้อยแค่ไหนครับ
ยุ่งยากในที่นี้ผมหมายถึง เราไม่มีความรู้ หรืออีกด้านนึงแม้จะมีความรู้พอที่จะ Valuation เป็น แต่ต้องใช้เวลาเยอะในการทำจึงไม่ค่อยได้ทำ
หรือจะแสดงความเห็นอื่นที่เป็นปัญหาในเรื่อง Valuation ที่ผมไม่ได้พูดถึงก็ได้ครับ
ผลสำรวจผมจะนำมาโชว์หลังสำรวจไปแล้วประมาณ 2-4 สัปดาห์
เหตุผลที่สำรวจเรื่องนี้เพราะผมมีแนวคิดอยากทำเครื่องมือช่วย Valuation หุ้นหน่ะครับ จึงอยากรู้ว่าความยุ่งยากในการ Valution เป็นปัญหาที่สำคัญสำหรับเพื่อนๆนักลงทุนมากน้อยแค่ไหน
น้อมรับ " ข้อเสนอแนะ " ครับ
ขอบคุณครับ
La-Z-Boy
ยุ่งยากในที่นี้ผมหมายถึง เราไม่มีความรู้ หรืออีกด้านนึงแม้จะมีความรู้พอที่จะ Valuation เป็น แต่ต้องใช้เวลาเยอะในการทำจึงไม่ค่อยได้ทำ
หรือจะแสดงความเห็นอื่นที่เป็นปัญหาในเรื่อง Valuation ที่ผมไม่ได้พูดถึงก็ได้ครับ
ผลสำรวจผมจะนำมาโชว์หลังสำรวจไปแล้วประมาณ 2-4 สัปดาห์
เหตุผลที่สำรวจเรื่องนี้เพราะผมมีแนวคิดอยากทำเครื่องมือช่วย Valuation หุ้นหน่ะครับ จึงอยากรู้ว่าความยุ่งยากในการ Valution เป็นปัญหาที่สำคัญสำหรับเพื่อนๆนักลงทุนมากน้อยแค่ไหน
น้อมรับ " ข้อเสนอแนะ " ครับ
ขอบคุณครับ
La-Z-Boy
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 3
- มูลค่าที่แท้จริงนั้นไม่มีอยู่จริง ดังนั้นการ Valuation ออกมาจะไม่มีค่าๆ เดียว ขึ้นอยู่กับวิธีการ ขึ้นอยู่กับสมมติฐาน ขึ้นอยู่กับคนทำ
- การ Valuation มีหลายวิธี มีวิธีที่ยาก มีวิธีที่ง่าย แต่จะยากจะง่ายไม่สำคัญว่าเป็นวิธีที่ใช้เป็นวิธีที่เหมาะสมหรือเปล่า
- หากวิธีที่เหมาะสมมีหลายวิธี การ Valuation ที่ดีที่สุด คือ การใช้วิธีที่ง่ายที่สุด ที่เราและคนอื่นจะเข้าใจมันได้ง่ายๆ
- การปีนกระไดไปใช้วิธีที่มันยากๆ นอกจากจะทำให้เราติดตามกิจการได้ยากแล้ว ยังทำให้เราสื่อสารกับคนอื่นได้ยาก
- กิจการบางอย่างไม่สามารถ Valuation ได้เลย ไม่ว่าจะใช้วิธีใดๆ ก็ตาม แต่บางคนก็พยายามหาวิธี Valuation จนได้ค่าบางอย่างออกมาจนได้
- นักลงทุนแนว VI ที่ไม่ได้ทำ Valuation และไม่ได้ใช้ Valuation เป็นปัจจัยหลักในการซื้อหุ้น ไม่ควรเรียกตัวเองว่าเป็น VI
- การเป็น VI ที่ดี ต้องยอมรับขีดความสามารถตัวเองว่า มีกิจการบางอย่าง ที่เราไม่มีความสามารถที่จะทำความเข้าใจ และไม่มีปัญญาที่จะ Valuation มันได้เลย
- แต่บ่อยครั้งเราโดนอิทธิพลของคนบางคนทำให้เราคิดว่านี่คือการลงทุนที่ดี Valuation แล้วมี upside เยอะ และทำให้เราเข้าใจว่าเราเข้าใจกิจการดีพอ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเราไม่เข้าใจมันมากเพียงพอ จนเห็นเหตุที่ทำให้เรารับความเสี่ยงเกินกว่าที่เราเข้าใจและอาจนำไปสู่ความสูญเสียได้
- การที่จะทดสอบว่าเราเข้าใจกิจการมากเพียงพอหรือไม่? ให้ลองจินตนาการดูว่า ถ้าคนที่ทำให้เราสนใจในกิจการนั้นๆ วันดีคืนดีหายไปจากชีวิตเรา เราจะติดตามกิจการอย่างไร เราจะทำ Valuation อย่างไร เราจะ Take Action อย่างไร ติดตามข่าวอย่างไร ถ้าจินตนาการแล้วพอจะเห็นภาพ ก็พอที่จะเห็นอนาคต ก็อาจจะพอยอมรับได้ว่าเรากำลังลงทุนในกิจการนั้นอยู่ด้วยความเข้าใจระดับหนึ่ง แต่ถ้าไม่เห็นอะไรเลย ควรจะยอมรับไปตามความเป็นจริงว่า เรากำลังเก็งกำไร เรากำลังซื้อหุ้นตามกระแส เรากำลังเล่นพนันกับนายตลาด และเรามีโอกาสขาดทุน
- แม้ว่าเราจะผ่าน Criteria ในข้อข้างบน ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเข้าใจในกิจการนั้นจริงๆ เพราะ เราอาจจะเข้าใจผิดได้เสมอ ดังนั้นไม่ควรยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใดจนเกินไป ให้เผื่อใจเอาไว้บ้าง
- การ Valuation มีหลายวิธี มีวิธีที่ยาก มีวิธีที่ง่าย แต่จะยากจะง่ายไม่สำคัญว่าเป็นวิธีที่ใช้เป็นวิธีที่เหมาะสมหรือเปล่า
- หากวิธีที่เหมาะสมมีหลายวิธี การ Valuation ที่ดีที่สุด คือ การใช้วิธีที่ง่ายที่สุด ที่เราและคนอื่นจะเข้าใจมันได้ง่ายๆ
- การปีนกระไดไปใช้วิธีที่มันยากๆ นอกจากจะทำให้เราติดตามกิจการได้ยากแล้ว ยังทำให้เราสื่อสารกับคนอื่นได้ยาก
- กิจการบางอย่างไม่สามารถ Valuation ได้เลย ไม่ว่าจะใช้วิธีใดๆ ก็ตาม แต่บางคนก็พยายามหาวิธี Valuation จนได้ค่าบางอย่างออกมาจนได้
- นักลงทุนแนว VI ที่ไม่ได้ทำ Valuation และไม่ได้ใช้ Valuation เป็นปัจจัยหลักในการซื้อหุ้น ไม่ควรเรียกตัวเองว่าเป็น VI
- การเป็น VI ที่ดี ต้องยอมรับขีดความสามารถตัวเองว่า มีกิจการบางอย่าง ที่เราไม่มีความสามารถที่จะทำความเข้าใจ และไม่มีปัญญาที่จะ Valuation มันได้เลย
- แต่บ่อยครั้งเราโดนอิทธิพลของคนบางคนทำให้เราคิดว่านี่คือการลงทุนที่ดี Valuation แล้วมี upside เยอะ และทำให้เราเข้าใจว่าเราเข้าใจกิจการดีพอ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเราไม่เข้าใจมันมากเพียงพอ จนเห็นเหตุที่ทำให้เรารับความเสี่ยงเกินกว่าที่เราเข้าใจและอาจนำไปสู่ความสูญเสียได้
- การที่จะทดสอบว่าเราเข้าใจกิจการมากเพียงพอหรือไม่? ให้ลองจินตนาการดูว่า ถ้าคนที่ทำให้เราสนใจในกิจการนั้นๆ วันดีคืนดีหายไปจากชีวิตเรา เราจะติดตามกิจการอย่างไร เราจะทำ Valuation อย่างไร เราจะ Take Action อย่างไร ติดตามข่าวอย่างไร ถ้าจินตนาการแล้วพอจะเห็นภาพ ก็พอที่จะเห็นอนาคต ก็อาจจะพอยอมรับได้ว่าเรากำลังลงทุนในกิจการนั้นอยู่ด้วยความเข้าใจระดับหนึ่ง แต่ถ้าไม่เห็นอะไรเลย ควรจะยอมรับไปตามความเป็นจริงว่า เรากำลังเก็งกำไร เรากำลังซื้อหุ้นตามกระแส เรากำลังเล่นพนันกับนายตลาด และเรามีโอกาสขาดทุน
- แม้ว่าเราจะผ่าน Criteria ในข้อข้างบน ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเข้าใจในกิจการนั้นจริงๆ เพราะ เราอาจจะเข้าใจผิดได้เสมอ ดังนั้นไม่ควรยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใดจนเกินไป ให้เผื่อใจเอาไว้บ้าง
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 4
การ Valuation นั้น ถ้าดูผิวเผินคือตัวเลข การคำนวณ
แต่จริงๆ ตัวเลขเหล่านั้นมีแหล่งที่มาที่ไป ของตัวเลขแต่ละตัว มีกฏระเบียบซ้อนไว้
และที่สำคัญคือ ขึ้นกับดุลยพินิจของผู้จัดทำ
มันเป็นทั้งศาสตร์และศิลปะในการเข้าถึงแก่น
แต่จริงๆ ตัวเลขเหล่านั้นมีแหล่งที่มาที่ไป ของตัวเลขแต่ละตัว มีกฏระเบียบซ้อนไว้
และที่สำคัญคือ ขึ้นกับดุลยพินิจของผู้จัดทำ
มันเป็นทั้งศาสตร์และศิลปะในการเข้าถึงแก่น
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 5
ถ้าเลือกกิจการที่ง่ายๆ เราเข้าใจก็ง่ายมาก
แต่ถ้าเปรี้ยวออกจาก circle of competence เมื่อไหร่ ก็ยากบรรลัยเลยทีเดียว
แต่ถ้าเปรี้ยวออกจาก circle of competence เมื่อไหร่ ก็ยากบรรลัยเลยทีเดียว
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- << New >>
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1145
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 6
ระยะหลังๆผมแทบไม่เคย valuation เลย คือแบบดูปุ๊ปมันจะรู้สึกเลยว่าถูกหรือแพง หรือไม่รู้ (ส่วนใหญ่จะเป็นแบบหลัง)
ผมก็เลือกแต่ตัวที่ถูกๆ
ผมก็เลือกแต่ตัวที่ถูกๆ
อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
- Highway_Star
- Verified User
- โพสต์: 440
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 8
ส่วนมากที่ผมทำคือ ดูว่าทำธุรกิจอะไรก่อน แล้วค่อยไปดูงบ เพราะหลายๆที ถ้าไม่เข้าใจแล้วโดดไปดูงบเลย ก็จะไม่รู้อีกว่าควรดูตัวเลขหรือ ratio ตัวไหน .... ซึ่งปกติถ้าอ่านงบแล้วมึนๆ เหมือนติด stun ผมจะเริ่มถอยๆ ฮะ 555
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4526
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 9
การ Valuation ไม่มีอะไรตายตัว จุดประสงค์หลัก เพื่อ ให้ เรา นักลงทุน มี ราคา อ้างอิง เมื่อเทียบกับ ราคาตลาด ของหุ้น ตัวนั้นๆที่ เรากําลังทุน อยู่ว่าถูกหรือแพง นอกจาก Valuation หุ้น การ Valuation ของอย่างอื่น เช่น นาฬิกา รถยนต์ บ้าน ก็มีหลักการ ประเมิณ หรือ technic เฉพาะตัวของ มันเอง
ถ้าเป็นของ ที่ไม่ใช่ Asset มักจะดูต้นทุนการผลิตหรือ สร้าง สิ่งนั้น แล้ว เทียบ ราคาตลาด เพื่อให้เห็นภาพ ว่าถูกหรือ แพง แต่ของบางอย่างก็ ใช้ ความพอใจ ในการ ให้ราคา เช่น รูปภาพ เพชร หรือ ของความชอบ ส่วนบุคคล เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การ Valuation หุ้น นั้นเพื่อให้ ได้ Intrinsic Value แต่ มูลค่านั้น ไม่มีค่าคงที่แน่นอน จะเปลี่ยนแปลงตลอดตามผลประกอบการกําไร ที่บริษัท ทําได้ เพราะหุ้น เป็น Dynamic การทํา Valuation นั้นควร ปรับมูลค่าที่เหมาะสม อยู่สมํ่าเสมอ หลัง ประกาศ งบการเงิน ว่ากําไร เป็นไปตามเราคาดไหม และ ลองหา MOS สูงๆ หากเราไม่มั่นใจ ในมูลค่าที่เราคํานวณได้
วิธีที่ใช้ง่ายสุด คือ Forward PE เพราะง่ายและครอบคลุม แต่ใช้ไม่ได้กับทุกกิจการ เช่นกลุ่ม ที่ ขาดทุน หรือ Commodities Asset Play etc
Key ใน การ Valuation หุ้น คือให้ดู ปัจจัยหลัก ที่ส่งผลต่อ กําไร ของกิจการ ถ้าเป็น Commodities ก็ ดู ราคา สินค้า Commo ถ้ากลุ่ม ที่ขาดทุนสะสม ก็ดู จะพลิกกําไรอย่างไร ปรับโครงสร้างหนี้ได้ไหม กลุ่ม Asset Play ก็ดู พวก PBV ว่าปรับราคา Asset เป็น Fair แล้ว ทํา ให้ BV เพิ่มขึ้นขนาดไหน ยิ่ง ขาย Asset เพื่อ unlock แล้ว ปันผลให้ ผถห จะยิ่งดี เป็นต้น
ถ้าเป็นของ ที่ไม่ใช่ Asset มักจะดูต้นทุนการผลิตหรือ สร้าง สิ่งนั้น แล้ว เทียบ ราคาตลาด เพื่อให้เห็นภาพ ว่าถูกหรือ แพง แต่ของบางอย่างก็ ใช้ ความพอใจ ในการ ให้ราคา เช่น รูปภาพ เพชร หรือ ของความชอบ ส่วนบุคคล เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การ Valuation หุ้น นั้นเพื่อให้ ได้ Intrinsic Value แต่ มูลค่านั้น ไม่มีค่าคงที่แน่นอน จะเปลี่ยนแปลงตลอดตามผลประกอบการกําไร ที่บริษัท ทําได้ เพราะหุ้น เป็น Dynamic การทํา Valuation นั้นควร ปรับมูลค่าที่เหมาะสม อยู่สมํ่าเสมอ หลัง ประกาศ งบการเงิน ว่ากําไร เป็นไปตามเราคาดไหม และ ลองหา MOS สูงๆ หากเราไม่มั่นใจ ในมูลค่าที่เราคํานวณได้
วิธีที่ใช้ง่ายสุด คือ Forward PE เพราะง่ายและครอบคลุม แต่ใช้ไม่ได้กับทุกกิจการ เช่นกลุ่ม ที่ ขาดทุน หรือ Commodities Asset Play etc
Key ใน การ Valuation หุ้น คือให้ดู ปัจจัยหลัก ที่ส่งผลต่อ กําไร ของกิจการ ถ้าเป็น Commodities ก็ ดู ราคา สินค้า Commo ถ้ากลุ่ม ที่ขาดทุนสะสม ก็ดู จะพลิกกําไรอย่างไร ปรับโครงสร้างหนี้ได้ไหม กลุ่ม Asset Play ก็ดู พวก PBV ว่าปรับราคา Asset เป็น Fair แล้ว ทํา ให้ BV เพิ่มขึ้นขนาดไหน ยิ่ง ขาย Asset เพื่อ unlock แล้ว ปันผลให้ ผถห จะยิ่งดี เป็นต้น
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 522
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 10
เห็นด้วยกับคุณ Rocker คับ ชัดเจนมากRocker เขียน:การ Valuation ไม่มีอะไรตายตัว จุดประสงค์หลัก เพื่อ ให้ เรา นักลงทุน มี ราคา อ้างอิง เมื่อเทียบกับ ราคาตลาด ของหุ้น ตัวนั้นๆที่ เรากําลังทุน อยู่ว่าถูกหรือแพง นอกจาก Valuation หุ้น การ Valuation ของอย่างอื่น เช่น นาฬิกา รถยนต์ บ้าน ก็มีหลักการ ประเมิณ หรือ technic เฉพาะตัวของ มันเอง
ถ้าเป็นของ ที่ไม่ใช่ Asset มักจะดูต้นทุนการผลิตหรือ สร้าง สิ่งนั้น แล้ว เทียบ ราคาตลาด เพื่อให้เห็นภาพ ว่าถูกหรือ แพง แต่ของบางอย่างก็ ใช้ ความพอใจ ในการ ให้ราคา เช่น รูปภาพ เพชร หรือ ของความชอบ ส่วนบุคคล เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การ Valuation หุ้น นั้นเพื่อให้ ได้ Intrinsic Value แต่ มูลค่านั้น ไม่มีค่าคงที่แน่นอน จะเปลี่ยนแปลงตลอดตามผลประกอบการกําไร ที่บริษัท ทําได้ เพราะหุ้น เป็น Dynamic การทํา Valuation นั้นควร ปรับมูลค่าที่เหมาะสม อยู่สมํ่าเสมอ หลัง ประกาศ งบการเงิน ว่ากําไร เป็นไปตามเราคาดไหม และ ลองหา MOS สูงๆ หากเราไม่มั่นใจ ในมูลค่าที่เราคํานวณได้
วิธีที่ใช้ง่ายสุด คือ Forward PE เพราะง่ายและครอบคลุม แต่ใช้ไม่ได้กับทุกกิจการ เช่นกลุ่ม ที่ ขาดทุน หรือ Commodities Asset Play etc
Key ใน การ Valuation หุ้น คือให้ดู ปัจจัยหลัก ที่ส่งผลต่อ กําไร ของกิจการ ถ้าเป็น Commodities ก็ ดู ราคา สินค้า Commo ถ้ากลุ่ม ที่ขาดทุนสะสม ก็ดู จะพลิกกําไรอย่างไร ปรับโครงสร้างหนี้ได้ไหม กลุ่ม Asset Play ก็ดู พวก PBV ว่าปรับราคา Asset เป็น Fair แล้ว ทํา ให้ BV เพิ่มขึ้นขนาดไหน ยิ่ง ขาย Asset เพื่อ unlock แล้ว ปันผลให้ ผถห จะยิ่งดี เป็นต้น
ผมคิดว่า "มูลค่าที่แท้จริงนั้นมีอยู่จริง" ตามเหตุผลของคุณ Rocker
และขอเสริมอีกหนึ่งเรื่องคือ เราต้องคำนึงถึงช่วงเวลาที่เราทำการประเมินมูลค่าด้วย
ถ้า "มูลค่าที่แท้จริงนั้นไม่มีอยู่จริง" จะมีการลงทุนแบบ VI ไปทำไมคับเนี๊ย
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 11
กราบขออภัยด้วยครับ... พอดีพิมพ์เร็วๆ พิมพ์ผ่านๆ ไปหน่อย ไม่ได้ตรวจทานให้ละเอียด ความหมายที่ผมพิมพ์ คือ มูลค่าที่ประเมินได้ ไม่ได้มีค่าๆ เดียว เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ตามข้อมูล ตามมุมมองของผู้ประเมิน ตามขีดความสามารถของผู้ประเมิน รวมไปถึงอคติของผู้ประเมินTibular เขียน:เห็นด้วยกับคุณ Rocker คับ ชัดเจนมากRocker เขียน:การ Valuation ไม่มีอะไรตายตัว จุดประสงค์หลัก เพื่อ ให้ เรา นักลงทุน มี ราคา อ้างอิง เมื่อเทียบกับ ราคาตลาด ของหุ้น ตัวนั้นๆที่ เรากําลังทุน อยู่ว่าถูกหรือแพง นอกจาก Valuation หุ้น การ Valuation ของอย่างอื่น เช่น นาฬิกา รถยนต์ บ้าน ก็มีหลักการ ประเมิณ หรือ technic เฉพาะตัวของ มันเอง
ถ้าเป็นของ ที่ไม่ใช่ Asset มักจะดูต้นทุนการผลิตหรือ สร้าง สิ่งนั้น แล้ว เทียบ ราคาตลาด เพื่อให้เห็นภาพ ว่าถูกหรือ แพง แต่ของบางอย่างก็ ใช้ ความพอใจ ในการ ให้ราคา เช่น รูปภาพ เพชร หรือ ของความชอบ ส่วนบุคคล เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การ Valuation หุ้น นั้นเพื่อให้ ได้ Intrinsic Value แต่ มูลค่านั้น ไม่มีค่าคงที่แน่นอน จะเปลี่ยนแปลงตลอดตามผลประกอบการกําไร ที่บริษัท ทําได้ เพราะหุ้น เป็น Dynamic การทํา Valuation นั้นควร ปรับมูลค่าที่เหมาะสม อยู่สมํ่าเสมอ หลัง ประกาศ งบการเงิน ว่ากําไร เป็นไปตามเราคาดไหม และ ลองหา MOS สูงๆ หากเราไม่มั่นใจ ในมูลค่าที่เราคํานวณได้
วิธีที่ใช้ง่ายสุด คือ Forward PE เพราะง่ายและครอบคลุม แต่ใช้ไม่ได้กับทุกกิจการ เช่นกลุ่ม ที่ ขาดทุน หรือ Commodities Asset Play etc
Key ใน การ Valuation หุ้น คือให้ดู ปัจจัยหลัก ที่ส่งผลต่อ กําไร ของกิจการ ถ้าเป็น Commodities ก็ ดู ราคา สินค้า Commo ถ้ากลุ่ม ที่ขาดทุนสะสม ก็ดู จะพลิกกําไรอย่างไร ปรับโครงสร้างหนี้ได้ไหม กลุ่ม Asset Play ก็ดู พวก PBV ว่าปรับราคา Asset เป็น Fair แล้ว ทํา ให้ BV เพิ่มขึ้นขนาดไหน ยิ่ง ขาย Asset เพื่อ unlock แล้ว ปันผลให้ ผถห จะยิ่งดี เป็นต้น
ผมคิดว่า "มูลค่าที่แท้จริงนั้นมีอยู่จริง" ตามเหตุผลของคุณ Rocker
และขอเสริมอีกหนึ่งเรื่องคือ เราต้องคำนึงถึงช่วงเวลาที่เราทำการประเมินมูลค่าด้วย
ถ้า "มูลค่าที่แท้จริงนั้นไม่มีอยู่จริง" จะมีการลงทุนแบบ VI ไปทำไมคับเนี๊ย
ในอีกนัยยะหนึ่งมูลค่าที่แท้จริงที่ไม่มีอยู่จริง คือ ถึงแม้ว่าเราจะรู้อนาคตทั้งหมด รู้กระแสเงินสด สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับกิจการทั้งหมด ในกรณีนี้เราสามารถคิดลดกระแสเงินสดได้ทั้งหมด โดยที่เราจะเห็นกระแสเงินสดในอนาคตแบบปราศจากความเสี่ยง มูลค่าที่ประเมินได้ก็จะไปขึ้นอยู่กับต้นทุนทางการเงินรวมไปถึงต้นทุนทางโอกาสที่อาจจะแตกต่างกันไปของแต่ละคนอยู่ดี
ส่วนที่ผมเปิดประเด็นเรื่องมูลค่าที่แท้จริงนั้นไม่มีอยู่จริง ด้วยจุดประสงค์อยากให้นักลงทุนที่ใช้มูลค่าที่ประเมินได้ โดยไม่ยึดมั่นถือมั่นในมูลค่าจนเกินไป เพราะ เท่าที่ผมสังเกตความผิดพลาดและล้มเหลวของการลงทุนส่วนใหญ่เกิดจากการยึดมั่นถือมั่นจนเกินไป และการไปยึดมั่นถือมั่นในตัวเลขบางอย่าง ที่ใครบางคนทำให้เรามั่นใจอย่างที่ไม่เคยมั่นใจมากก่อน แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป มูลค่าที่ประเมินได้เปลี่ยนไป การยึดมั่นถือมั่นในมูลค่าที่ประเมินได้ก่อนหน้า หรือที่คนบางคนบอกกับเราจนเรามั่นใจกับมันมาก มักจะทำให้เราเสียหายจากการลงทุน
และเพราะมูลค่าที่แท้จริงนั้นไม่มีอยู่จริง เราจึงควรใช้มูลค่าที่ประเมินได้อย่างระมัดระวัง ประเมินอย่างอนุรักษ์นิยม และเผื่อทางหนีทีไล่เอาไว้บ้าง... การลงทุนด้วยแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่าเป็นวิธีการลงทุนที่สมเหตุสมผลที่สุดในความคิดของผม เป็นวิธีที่เราพอจะรู้ได้คร่าวๆ ว่าเราพอจะได้อะไรกลับมาบ้างจากการลงทุน แค่พอจะรู้ว่ามูลค่าอย่างต่ำที่สุดที่กิจการนี้ควรที่จะทำได้นี้น่าจะเป็นสักเท่าไหร่ ด้วยความเชื่อมั่นสักขนาดไหน อย่างไรก็ตามวิธีที่สมเหตุสมผลที่สุดนี้ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่อีกเยอะมาก ซึ่งไม่ควรเชื่อมั่นจนเกินไป
สุดท้ายต้องกราบขออภัยพี่ Tibular อีกครั้งสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 12
เห็นด้วยกับคุณ Rocker ครับ
การ Valuation หุ้น นั้นเพื่อให้ ได้ Intrinsic Value แต่ มูลค่านั้น ไม่มีค่าคงที่แน่นอน จะเปลี่ยนแปลงตลอดตามผลประกอบการกําไร ที่บริษัท ทําได้ เพราะหุ้น เป็น Dynamic การทํา Valuation นั้นควร ปรับมูลค่าที่เหมาะสม อยู่สมํ่าเสมอ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 522
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 13
อ้อ ไม่มีอะไรต้องกราบขออภัยนะคับคุณ Picatospicatos เขียน:สุดท้ายต้องกราบขออภัยพี่ Tibular อีกครั้งสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น
ผมอ่านคร่าวๆเกินไป ขอโทษด้วยคับ
ในเรื่องการ Valuation หุ้นนั้น คุณ Picatos กล่าวไว้ถูกต้องแล้วคับ
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 14
มันยากตรง การหาข้อมูลมาตีราคา
ส่วนนึงคงขึ้นกับประสบการณ์
เพราะผมเชื่อว่า มันไม่ได้อยู่กับวิธี
จะวิธี เรียบง่าย หรือ ซับซ้อน ก็ได้
สำคัญ คือ ข้อมูลที่มากพอ และถูกต้อง
+assumption
มั้งคับ
ปล บางคนสอนผมใช้ roa ตีราคาหุ้นบางชนิด
หรือการใช้ แนวคิด ของ future value discount projectในอนาคต
มาเป็น present value
p/s , peg
etc ประเด็นคงอยู่ตามfactor ที่บอกอะคับ
ส่วนนึงคงขึ้นกับประสบการณ์
เพราะผมเชื่อว่า มันไม่ได้อยู่กับวิธี
จะวิธี เรียบง่าย หรือ ซับซ้อน ก็ได้
สำคัญ คือ ข้อมูลที่มากพอ และถูกต้อง
+assumption
มั้งคับ
ปล บางคนสอนผมใช้ roa ตีราคาหุ้นบางชนิด
หรือการใช้ แนวคิด ของ future value discount projectในอนาคต
มาเป็น present value
p/s , peg
etc ประเด็นคงอยู่ตามfactor ที่บอกอะคับ
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 1679
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 15
ก็ไม่รู้สินะ................ เพราะลอกเซียนครับ
value trap
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 16
การ valuation ดูๆ ไปเหมือนจะเป็นศาสตร์ที่เราต้องไม่ปฎิเสธ เพราะใครก็เห็นสามารถเขียนเป็นทฤษฏี เป็นกฎ เป็นสูตรได้ดังที่เราเห็นทั่วไป จนสามารถตีออกมาตัวเลขได้ เหมือนเครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็ยิ่งคิดว่าเหมือนการตั้งทฤษฎี ตั้งสเป็คหาผู้หญิงที่ใช่ ตอนที่เราคิด จีบ คุย ขอเป็นแฟน การทำให้เธอมาเป็นของเรา เป็นแม่ของลูก การเลือก การยอมรับระหว่างกัน ระหว่างนั้น เราลองประเมินในใจแต่ละคนไปตลอดเวลา เราลองศึกษา เราหาข้อมูลรอบข้าง เราแก้ข้อมูลในใจครั้งแล้วครั้งเล่าที่ได้ข้อมูลใหม่มา เมื่อขั้นตอนมันยังไม่ถึงจะไปตกลงใจ "match"
ยากที่จะตีคุณค่าออกมาให้รู้ว่า น้อง "เอ๋" มี value มากกว่าน้อง "บี๋" หรือน้อยกว่าน้อง "ศรี" ขนาดประมาณไหน เพราะแต่ละคน มีอะไรที่ต่างกันมากมาย
แต่แล้ว เมื่อเราก็ต้องเลือก หลังจาก valuation อย่างหนักหน่วง ... จนพอได้ตกลงเลือกเธอคนใดคนหนึ่งแล้วหรือแม้กระทั่งตกลงถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว บางทีก็เพิ่งรู้ว่าหลากหลายทฤษฎีที่เราลองคิด ลองประเมินไปหลายอย่างนั้นผิดพลาดไปบ้าง
แต่อย่างมาก (ผมไม่ใช่คำว่า "อย่างน้อย" เพราะมันมีผล "มาก") การพยายามหายึดหลักการอะไรไว้ที่ผ่านการลองผิดลองถูก จนถูกมากกว่าผิดจากครูบาอาจารย์หรือรุ่พี่รุ่นพ่อทั้งหลาย มันช่วยไม่ให้เราหลงไปทางมืด ด้วยการหลงคิดเองเออเองว่าชอบน้องเอ๋คนนี้แล้ว รู้จักเมื่อ 5 นาทีที่แล้ว เพราะเขาว่ากันมา เธอต้องดีแน่ๆ เลยข้ามขั้นตอนไป เลยโดดเข้าหาทำอะไรเธอเลย เพราะรีบอยากมีผลผลิตเร็ว สุดท้ายถูกเธอหลอกหมดตัว
รู้จัก 10 โมงครึ่ง ตอนเที่ยงครึ่งยังหวานกันอยู่ พอตอนสี่โมงเย็นเพิ่งรู้ .... ถูกเธอหลอกปอกลอกให้เราหมดตัว
หรือบางทีเราสถานการณ์และองค์ประกอบอื่นๆ ก็ต้องทำให้เราจำใจตัดสินใจไปเลือก น้องศรีที่เราชอบน้อยกว่า ขณะที่เราต้องทำร้ายจิตใจน้องบี๋ที่ดูท่าทางเสนอ offer เราอยู่ในระดับนน่าสนใจมาก... แต่ไปเลือกไม่ได้ เพราะเธอดีเกินไป คือมีคนรุมจีบ จนเธออยู่สูงไป จนเราเข้าหาไม่ได้
แต่สุดท้าย เราก็ลงมือศึกษาจนเข้าใจหายใจเข้าหายใจออกเป็นน้องศรี แล้วแน่ใจว่า ยังไงดีกว่าน้องดี้ ที่เรารู้ชัด ชาวบ้านใครเขาก็รู้ว่า เธออาจทำให้เราไปสู่ชีวิตอันมืดมนได้ เพราะใครๆ ก็ประเมินเธอจากสัดส่วนองค์เอวเท่านั้น เมื่อหมดโปรโมชั่น ไม่มีการความคงทนในการสร้างมูลค่าในระยะยาวต่อเลย
น้องศรีคนที่ดูเหมือนจะไม่สวยเท่าไหร่นัก แต่ที่จริงมีข้อดีอยู่มากมายที่คนอื่นไม่รู้ ก็เลยไม่สน เลยเราเข้าหาง่ายกว่า เช่น ขยัน เก็บเงินเก่ง บริหารชีวิตเป็น วันหนึ่งคนจะร้องอุทานโอ้โฮด้วยความตกใจเมื่อมารู้ภายหลัง ว่าเธอเป็นเศรษฐินีตุนที่ดินไว้มากมาย ทั้งที่ราศรีเธอท่าทางไม่ให้เลย
หมายเหตุ: ผมยังอาจจะพูดอธิบายได้ไม่ครบนัก เพราะผมยังไม่ได้ตกลงไม่ว่า น้องเอ๋น้องบี๋น้องศรีหรือน้องดี้... สงสัยตัวเองว่ามัวประเมินมูลค่ามากไป เกินไป
ใครที่เลือก จนมี productivity มี dividend หลายคนแล้ว ช่วยมาเล่าประสบการณ์ชีวิตจริงที ว่าทฤษฎีทั้งหลาย ที่ตั้งไว้ ช่วง valuation ผิดไปหรือหรือเที่ยงตรงขนาดไหน เทียบกับหลัง match
จะร่าเริง หรือจะหดหู่ ถือว่าเป็นวิทยาทาน แก่คนที่ยังคงอยู่ในขั้นตอน valuation ทั้งหลายอยู่ แล้วยังไม่ bid หรือ bid แล้วยังเก้อ เธอยังไม่ offer ตอบมาอยู่
ปิดท้าย
การจะรู้ว่าผล sum ท้ายสุด มันออกมาเป็นบวก ทั้งที่บ่อยครั้งไม่ใช่ผลจากเราเชื่อทฤษฎี valuation พวกนั้นโดยตรง
แต่ผล sum ที่ได้ทำให้พอร์ทเขียวสว่าง เป็นผลจากการที่เราไม่ทำที่นอกและไปไกลจากทฤษฏีหลักการพวกนั้น ช่วยให้เกิดกรอบ ที่ป้องกันการเกิดความเสี่ยง หรือรอบคอบป้องกันให้ให้พฤติกรรมเราไปสร้างความเสี่ยงใหม่ขึ้นมาซะเอง ระหว่างลองปรับเปลี่ยน ประเมินด้วยวิธีการทั้งหลายอยู่
หรือทฤษฎีที่เราลองและเชื่อนั้น บางทีมันไม่ได้แม่นยำหรือได้ประโยชน์อะไรไปกว่ารู้ว่ามีแลคโตบาซิลัสกี่พันตัวในยาคูลท์หรือโยเกิร์ต แต่เราก็เชื่อพิสูจน์ในคุณค่าของมันเพราะหลังจากติดตามฟังข่าวมานานแสนนาน จนรู้จักแน่ใจว่า มีคุณค่าดีกว่ากินน้ำหมักป้าเช็งแน่ๆ
...งงกับตัวเอง เริ่มต้นที่เลือกคู่ ไม่รู้ว่ามาปิดท้ายหาป้าเช็งได้ยังไง
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็ยิ่งคิดว่าเหมือนการตั้งทฤษฎี ตั้งสเป็คหาผู้หญิงที่ใช่ ตอนที่เราคิด จีบ คุย ขอเป็นแฟน การทำให้เธอมาเป็นของเรา เป็นแม่ของลูก การเลือก การยอมรับระหว่างกัน ระหว่างนั้น เราลองประเมินในใจแต่ละคนไปตลอดเวลา เราลองศึกษา เราหาข้อมูลรอบข้าง เราแก้ข้อมูลในใจครั้งแล้วครั้งเล่าที่ได้ข้อมูลใหม่มา เมื่อขั้นตอนมันยังไม่ถึงจะไปตกลงใจ "match"
ยากที่จะตีคุณค่าออกมาให้รู้ว่า น้อง "เอ๋" มี value มากกว่าน้อง "บี๋" หรือน้อยกว่าน้อง "ศรี" ขนาดประมาณไหน เพราะแต่ละคน มีอะไรที่ต่างกันมากมาย
แต่แล้ว เมื่อเราก็ต้องเลือก หลังจาก valuation อย่างหนักหน่วง ... จนพอได้ตกลงเลือกเธอคนใดคนหนึ่งแล้วหรือแม้กระทั่งตกลงถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว บางทีก็เพิ่งรู้ว่าหลากหลายทฤษฎีที่เราลองคิด ลองประเมินไปหลายอย่างนั้นผิดพลาดไปบ้าง
แต่อย่างมาก (ผมไม่ใช่คำว่า "อย่างน้อย" เพราะมันมีผล "มาก") การพยายามหายึดหลักการอะไรไว้ที่ผ่านการลองผิดลองถูก จนถูกมากกว่าผิดจากครูบาอาจารย์หรือรุ่พี่รุ่นพ่อทั้งหลาย มันช่วยไม่ให้เราหลงไปทางมืด ด้วยการหลงคิดเองเออเองว่าชอบน้องเอ๋คนนี้แล้ว รู้จักเมื่อ 5 นาทีที่แล้ว เพราะเขาว่ากันมา เธอต้องดีแน่ๆ เลยข้ามขั้นตอนไป เลยโดดเข้าหาทำอะไรเธอเลย เพราะรีบอยากมีผลผลิตเร็ว สุดท้ายถูกเธอหลอกหมดตัว
รู้จัก 10 โมงครึ่ง ตอนเที่ยงครึ่งยังหวานกันอยู่ พอตอนสี่โมงเย็นเพิ่งรู้ .... ถูกเธอหลอกปอกลอกให้เราหมดตัว
หรือบางทีเราสถานการณ์และองค์ประกอบอื่นๆ ก็ต้องทำให้เราจำใจตัดสินใจไปเลือก น้องศรีที่เราชอบน้อยกว่า ขณะที่เราต้องทำร้ายจิตใจน้องบี๋ที่ดูท่าทางเสนอ offer เราอยู่ในระดับนน่าสนใจมาก... แต่ไปเลือกไม่ได้ เพราะเธอดีเกินไป คือมีคนรุมจีบ จนเธออยู่สูงไป จนเราเข้าหาไม่ได้
แต่สุดท้าย เราก็ลงมือศึกษาจนเข้าใจหายใจเข้าหายใจออกเป็นน้องศรี แล้วแน่ใจว่า ยังไงดีกว่าน้องดี้ ที่เรารู้ชัด ชาวบ้านใครเขาก็รู้ว่า เธออาจทำให้เราไปสู่ชีวิตอันมืดมนได้ เพราะใครๆ ก็ประเมินเธอจากสัดส่วนองค์เอวเท่านั้น เมื่อหมดโปรโมชั่น ไม่มีการความคงทนในการสร้างมูลค่าในระยะยาวต่อเลย
น้องศรีคนที่ดูเหมือนจะไม่สวยเท่าไหร่นัก แต่ที่จริงมีข้อดีอยู่มากมายที่คนอื่นไม่รู้ ก็เลยไม่สน เลยเราเข้าหาง่ายกว่า เช่น ขยัน เก็บเงินเก่ง บริหารชีวิตเป็น วันหนึ่งคนจะร้องอุทานโอ้โฮด้วยความตกใจเมื่อมารู้ภายหลัง ว่าเธอเป็นเศรษฐินีตุนที่ดินไว้มากมาย ทั้งที่ราศรีเธอท่าทางไม่ให้เลย
หมายเหตุ: ผมยังอาจจะพูดอธิบายได้ไม่ครบนัก เพราะผมยังไม่ได้ตกลงไม่ว่า น้องเอ๋น้องบี๋น้องศรีหรือน้องดี้... สงสัยตัวเองว่ามัวประเมินมูลค่ามากไป เกินไป
ใครที่เลือก จนมี productivity มี dividend หลายคนแล้ว ช่วยมาเล่าประสบการณ์ชีวิตจริงที ว่าทฤษฎีทั้งหลาย ที่ตั้งไว้ ช่วง valuation ผิดไปหรือหรือเที่ยงตรงขนาดไหน เทียบกับหลัง match
จะร่าเริง หรือจะหดหู่ ถือว่าเป็นวิทยาทาน แก่คนที่ยังคงอยู่ในขั้นตอน valuation ทั้งหลายอยู่ แล้วยังไม่ bid หรือ bid แล้วยังเก้อ เธอยังไม่ offer ตอบมาอยู่
ปิดท้าย
การจะรู้ว่าผล sum ท้ายสุด มันออกมาเป็นบวก ทั้งที่บ่อยครั้งไม่ใช่ผลจากเราเชื่อทฤษฎี valuation พวกนั้นโดยตรง
แต่ผล sum ที่ได้ทำให้พอร์ทเขียวสว่าง เป็นผลจากการที่เราไม่ทำที่นอกและไปไกลจากทฤษฏีหลักการพวกนั้น ช่วยให้เกิดกรอบ ที่ป้องกันการเกิดความเสี่ยง หรือรอบคอบป้องกันให้ให้พฤติกรรมเราไปสร้างความเสี่ยงใหม่ขึ้นมาซะเอง ระหว่างลองปรับเปลี่ยน ประเมินด้วยวิธีการทั้งหลายอยู่
หรือทฤษฎีที่เราลองและเชื่อนั้น บางทีมันไม่ได้แม่นยำหรือได้ประโยชน์อะไรไปกว่ารู้ว่ามีแลคโตบาซิลัสกี่พันตัวในยาคูลท์หรือโยเกิร์ต แต่เราก็เชื่อพิสูจน์ในคุณค่าของมันเพราะหลังจากติดตามฟังข่าวมานานแสนนาน จนรู้จักแน่ใจว่า มีคุณค่าดีกว่ากินน้ำหมักป้าเช็งแน่ๆ
...งงกับตัวเอง เริ่มต้นที่เลือกคู่ ไม่รู้ว่ามาปิดท้ายหาป้าเช็งได้ยังไง
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 17
Valuation แปลว่า การประเมินราคา (หาความหมายจาก google)
Valuation หุ้น จึงแปลว่า การประเมินราคา หุ้น ...^^)
สำหรับผม ง่ายมากครับ!!! เพียงแค่เรามีหลักคิดของเราที่ใช้แล้วได้ผลตอบแทน
ที่ดีตามต้องการ เราก็ใช้วิธีแบบเดิมๆนั่นแหละครับ ส่วนวิธีของคนอื่นก็ศึกษาไว้บ้าง
ลองเอามาประยุกต์ใช้กับของเราบ้าง ถ้ามันใช้แล้วไม่ได้ผลไม่ได้แปลว่าคนอื่นคิดผิด
เพียงแต่วิธีนั้นมันไม่เหมาะกับเราเท่านั้นเองครับ สำคัญคือหาวิธีที่เราใช้แล้วได้ผล
ให้เจอครับ ถ้าเจอแล้วจะรู้สึกว่าการ Valuation หุ้น มันง่ายและน่าเบื่อมาก!!!...^^)
Valuation หุ้น จึงแปลว่า การประเมินราคา หุ้น ...^^)
สำหรับผม ง่ายมากครับ!!! เพียงแค่เรามีหลักคิดของเราที่ใช้แล้วได้ผลตอบแทน
ที่ดีตามต้องการ เราก็ใช้วิธีแบบเดิมๆนั่นแหละครับ ส่วนวิธีของคนอื่นก็ศึกษาไว้บ้าง
ลองเอามาประยุกต์ใช้กับของเราบ้าง ถ้ามันใช้แล้วไม่ได้ผลไม่ได้แปลว่าคนอื่นคิดผิด
เพียงแต่วิธีนั้นมันไม่เหมาะกับเราเท่านั้นเองครับ สำคัญคือหาวิธีที่เราใช้แล้วได้ผล
ให้เจอครับ ถ้าเจอแล้วจะรู้สึกว่าการ Valuation หุ้น มันง่ายและน่าเบื่อมาก!!!...^^)
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 229
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 19
+1 น้องpicatos
ตามนั้นล่ะ ถ้าน้องคนไหนอยากลองเป็นวีไอ ให้เริ่มจากกิจการที่ท่านสนใจและมีความรู้มากที่สุด ค่อยๆเรียนรู้การประเมินไป แล้วจะเป็นเซียนเหมือนพี่ๆเขานะครับ
ตามนั้นล่ะ ถ้าน้องคนไหนอยากลองเป็นวีไอ ให้เริ่มจากกิจการที่ท่านสนใจและมีความรู้มากที่สุด ค่อยๆเรียนรู้การประเมินไป แล้วจะเป็นเซียนเหมือนพี่ๆเขานะครับ
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 20
แรก ๆ ผมก็ใช้ Valuation
หลัง ๆ ผมใช้ Evaluation
ส่วนลอกเซียนนี่ ส่วนมากเจ๊ง ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะลอกก็จริง แต่ไม่ได้ซื้อเพราะตอนนั้นยังไม่เชื่อมัวแต่มาทำ Valuation จนราคามันไปก่อน เลยเจ๊งเพราะซื้อไม่ทัน
หลัง ๆ ผมใช้ Evaluation
ส่วนลอกเซียนนี่ ส่วนมากเจ๊ง ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะลอกก็จริง แต่ไม่ได้ซื้อเพราะตอนนั้นยังไม่เชื่อมัวแต่มาทำ Valuation จนราคามันไปก่อน เลยเจ๊งเพราะซื้อไม่ทัน
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 21
ผมชอบตรงคำว่า "Evaluation" ตรงใจผมจริงๆ เพราะเมื่อก่อน เคยตั้งคำถามอย่างที่เคยมีเพื่อนถามผมเหมือนกัน ว่าเชื่อถือๆ ได้เหรอ valuation แล้วจบที่แค่นั้นเหรอoatty เขียน:แรก ๆ ผมก็ใช้ Valuation
หลัง ๆ ผมใช้ Evaluation
ส่วนลอกเซียนนี่ ส่วนมากเจ๊ง ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะลอกก็จริง แต่ไม่ได้ซื้อเพราะตอนนั้นยังไม่เชื่อมัวแต่มาทำ Valuation จนราคามันไปก่อน เลยเจ๊งเพราะซื้อไม่ทัน
เลยไม่แน่ใจตรงกับของผมที่เข้าใจรึเปล่า
คือ เรื่องแรก มันจะมีส่วนที่เดิม ไม่ได้มีเป็นตัวเลข ตัวอย่าง ความน่าเชื่อถือของผู้บริการ, การเปิดเผยข้อมูล, .... ฯลฯ
แต่สุดท้าย เป็นหน้าที่ของเรา ต้องเปรียบเทียบ evaluation มันเป็นตัวเลขให้ได้ ถ้าจะเลือกหลายๆ บมจ. หรือเทียบกับคู่แข่ง
แต่ละกิจการ ที่ว่าจะเทียบคู่แข่ง ขนาดบางทีชื่อที่ทางการจัดให้อยู่ใน sector เดียวกันก็จริง แต่พอดูข้างใน มันเทียบกันยากเหมือนที่ฝรั่งบอกว่า apple เอาไปเทียบกับส้ม มันจะเทียบกันได้ไง
หรือบางที พบหุ้น 2 ตจัวที่น่าสนใจ แต่อยู่คนละวงการกัน ควรจะเลิอกซื้อตัวไหนก่อน แบบที่ว่า apple ก็อร่อย แต่ส้มก็หวานชื่นใจ เหมือนจะดีใกล้เคียงกันมาก จะเลือก shop อะไรมาลงอยู่ในตระกร้า port ดี
แทนที่จะมึนระหว่าง apple กับส้ม ก็เลยต้องจัดการ พยายาม evaluation เหมือนพยายามเทียบรส เทียบสารอาหาร ในผลไม้ 2 อย่าง เปรียบเทียบ evaluation มันเป็นตัวเลขอยู่ในระนาบเดียวกัน
สุดท้าย evaluation คล้ายๆ ตัดเกรดนักเรียน ใส่น้ำหนักให้แต่ละรายการ คล้ายๆ หน่วยกิตแต่ละวิชา
บางที ผลออกมาที่เลือกทั้งคู่ แต่เทความน่าสนใจให้ใครซักกี่มากน้อย เช่น สรุปได้แล้ว แบ่งเงิน shopping หยิบเอา apple:ส้ม 35%:65% มาลงตระกร้า
บางอย่างมันไม่ทันกินอย่างว่าจริงๆ เพราะไปถึงไหนต่อไหนแล้ว มันจะทันการได้ ต้องเราเก็บข้อมูลไว้นานแล้ว ต้องเตรียมล่วงหน้าจริงๆ ประเภทเก็บลงแยกเป็น folder แต่กิจการเฉพาะลง hard disk เลย บางเรื่อง "ตามดม" มันมานาน พอเห็นผบห. ออกข่าว (อย่างปล่อยข่าวลงนสพ.หุ้นๆ ทั้งหลาย) รู้เลย ว่าเขาทำอะไรกันอยู่ อันไหนข่าวแค่กระตุ้นราคาหุ้น อันไหนข่าวลงมือทำของใหม่จริง
เล่าของผมที่มีอยู่พอควรแล้ว (แต่ยังต้องปรับปรุงอีกเรื่อยๆ)
อยากถามหลัก evaluation ของท่าน oatty ไกลจากของผมขนาดไหน ลองแชร์กันหน่อยครับ เผื่อจะได้ไอเดียใหม่อะไรมาเสริมมาปรับปรุง กำจัดจุดอ่อนของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น
ขอลอกหลักการเอามาโมเมดัดแปลงให้มันเข้ากับของตัวเองบ้างละกัน
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 22
ฮ่า ฮ่า ฮ่า..พี่ณรงค์อธิบายได้ตรงพอสมควรเลยครับ
เสริมอีกตรงที่เราต้องอ่านข้อมูลเยอะ ๆ เหมือนนายกโจทำมาก่อน พอทราบประวัติศาสตร์แต่ละบริษัทและราคาถูกแพงในใจ ก็แค่ตามห่าง ๆ ก็พอ สมัยก่อนผมอ่านเวบบอร์ดร้อยหุ้นก่อนนอนทุกวันทำให้รู้จักหุ้นเยอะ ระยะหลังไม่ค่อยได้อ่านโง่ลงไปเยอะเลยมัวแต่ไปเล่นเกมส์
การ Evaluation/Valuation จะแม่นยำหรือใกล้เคียงก็ต่อเมื่อข้อมูลที่เราได้สมบูรณ์มากน้อยแค่ไหน สมมติฐานถูกต้องหรือเปล่า ซึ่งต้องนำมาจากการสั่งสมข้อมูลและนำมาขัดเกลา พินิจพิเคราะห์อีกครั้ง และทุกคนก็พิเคราะห์ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ผมคิดว่ามันเป็นส่วนผสมของศาสตร์และศิลป์แยกกันไม่ออก เหมือนสมถะกรรมฐานกับวิปัสสนากรรมฐานนั่นแหละ มันแยกกันในบางมิติ แต่ว่ามิติหนึ่งมันต้องเดินคู่กันไป
เสริมอีกตรงที่เราต้องอ่านข้อมูลเยอะ ๆ เหมือนนายกโจทำมาก่อน พอทราบประวัติศาสตร์แต่ละบริษัทและราคาถูกแพงในใจ ก็แค่ตามห่าง ๆ ก็พอ สมัยก่อนผมอ่านเวบบอร์ดร้อยหุ้นก่อนนอนทุกวันทำให้รู้จักหุ้นเยอะ ระยะหลังไม่ค่อยได้อ่านโง่ลงไปเยอะเลยมัวแต่ไปเล่นเกมส์
การ Evaluation/Valuation จะแม่นยำหรือใกล้เคียงก็ต่อเมื่อข้อมูลที่เราได้สมบูรณ์มากน้อยแค่ไหน สมมติฐานถูกต้องหรือเปล่า ซึ่งต้องนำมาจากการสั่งสมข้อมูลและนำมาขัดเกลา พินิจพิเคราะห์อีกครั้ง และทุกคนก็พิเคราะห์ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ผมคิดว่ามันเป็นส่วนผสมของศาสตร์และศิลป์แยกกันไม่ออก เหมือนสมถะกรรมฐานกับวิปัสสนากรรมฐานนั่นแหละ มันแยกกันในบางมิติ แต่ว่ามิติหนึ่งมันต้องเดินคู่กันไป
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
- นายมานะ
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1116
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 23
แก่นของการ valuation คือการคาดการณ์ “มูลค่าของกิจการในอนาคต” หรือเปล่าครับ (ซึ่งมูลค่าดังกล่าวอาจมองได้ทั้งในมุมของการขายกิจการ หรือกระแสเงินสดที่เราจะได้รับจากการประกอบธุรกิจ) เมื่อถามว่ามูลค่าที่แท้จริงมีอยู่จริงหรือไม่ คงต้องถามกลับว่า มีมูลค่าของกิจการในอนาคต อยู่จริงหรือไม่ ซึ่งหากเราเชื่อว่าอนาคตมีอยู่จริง มูลค่าของกิจการในอนาคตก็จะต้องมีอยู่จริงอย่างแน่นอน (ไม่ว่าจะเป็น 0 บาท 100 บาท หรือล้านบาท) หากแต่ว่าแม้จะมีอยู่จริง แต่อนาคตนั้นเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน แต่เนื่องจากอนาคตนั้น แม้จะมีอยู่จริง แต่มีโอกาสของความน่าจะเป็นที่หลากหลาย และไม่มีใครที่สามารถคาดการณ์ได้ถูกต้อง 100% อนาคตจึงเป็นสิ่งที่มีความผันผวน ไม่แน่นอน ดังนั้นแล้ว มูลค่าของกิจการที่แตกต่างกันตามมุมมองของนักลงทุนแต่ละคน มาจากการมองอนาคตที่แตกต่างกันของแต่ละคน และแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงเวลา
ขอตอบคำถามของคุณ LA-Z-BOY ว่า การคาดการณ์อนาคต "ยุ่งยาก" หรือไม่ ผมคิดว่าขึ้นอยู่กับจริตของนักลงทุนแต่ละคน สำหรับผมคือด้วยวิธีการที่ใช้อยู่อาจไม่ได้ยุ่งยาก และผมรู้สึกสนุกไปกับการศึกษากิจการและคาดการณ์ แต่เนื่องจากผมยังอ่อนทั้งความรู้ และประสบการณ์ จึงอาจใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องอยู่ก็ได้ บางวิธีการที่ยุ่งยากหรือซับซ้อนผมก็อาจไม่เลือกใช้ หรืออาจยังศึกษาไม่มากพอที่จะเห็นประโยชน์จากการใช้ แต่ถ้ามีวิธีที่จะทำให้ความยุ่งยากนั้นลดลง หรือสามารถเข้าใจเครื่องมือนั้นๆ ได้มากขึ้น ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้อย่างยิ่งครับ
ขอตอบคำถามของคุณ LA-Z-BOY ว่า การคาดการณ์อนาคต "ยุ่งยาก" หรือไม่ ผมคิดว่าขึ้นอยู่กับจริตของนักลงทุนแต่ละคน สำหรับผมคือด้วยวิธีการที่ใช้อยู่อาจไม่ได้ยุ่งยาก และผมรู้สึกสนุกไปกับการศึกษากิจการและคาดการณ์ แต่เนื่องจากผมยังอ่อนทั้งความรู้ และประสบการณ์ จึงอาจใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องอยู่ก็ได้ บางวิธีการที่ยุ่งยากหรือซับซ้อนผมก็อาจไม่เลือกใช้ หรืออาจยังศึกษาไม่มากพอที่จะเห็นประโยชน์จากการใช้ แต่ถ้ามีวิธีที่จะทำให้ความยุ่งยากนั้นลดลง หรือสามารถเข้าใจเครื่องมือนั้นๆ ได้มากขึ้น ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้อย่างยิ่งครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 272
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 26
ในความเห็นสภาวะตลาดปัจจุบัน valuation เป็นเรื่องที่ยากมาก บางครั้ง คำจำกัดความอาจ
รวมต้องรวมไปถึงเรื่องอะไรอีกหลายๆเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับผลตอบแทนในเชิงการคำนวณใดๆ
เพราะตัวเลขเหล่านั้นยังไม่สามารถคำนวณออกมาได้ โดยส่วนใหญ่จึงเป็นเรื่องที่ต้องรวมเอา
จิตนการหรือความเชื่อ + เข้าไป เพื่อทำการ valuation ออกมา ผลลัทธ์ที่ได้ มีความผิดพลาดสูง
เพราะคำว่า instrintic value ก็ไม่สามารถแสดงออกมาเป็นรูปธรรมได้โดยตรง แต่น่าจะ
สำแดงได้ในทางสถิติของราคา มากกว่า ดังนั้น คำว่า marginal of safety (บางตำราใช้คำว่า
marginal of error) จึงเป็นยอดสุดของกลยุทธ์ เพราะตลาดนั้นก็ใจคนดีๆนี้เอง มันเหวี่ยง
ไปตามเรื่องของมัน บางครั้งสำหรับผมต้องคอยสอบทานตัวเอง เรื่องการยึดติด valuation
ในแนวทางของเราที่การ์ดอาจจะตกได้เพราะความที่อยากจะได้ผลตอบแทนที่มากเกินเหตุ จน
ใส่ความเชื่อลงไปในการ valuation มากกว่าประจักษ์พยานที่เกิดขึ้นในอดีต หรือ ปัจจุบัน ประกอบ
กับ ความไม่สามารถตีความราคาที่ตลาดให้ในปัจจุบันนั้นเกิดขึ้นได้เพราะเหตุผลใด
ในความเห็นส่วนตัวแล้ว ความเฉียวฉลาดในการให้ราคาของตลาดมีมากอย่างไม่น่าเขื่อเลย
รวมต้องรวมไปถึงเรื่องอะไรอีกหลายๆเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับผลตอบแทนในเชิงการคำนวณใดๆ
เพราะตัวเลขเหล่านั้นยังไม่สามารถคำนวณออกมาได้ โดยส่วนใหญ่จึงเป็นเรื่องที่ต้องรวมเอา
จิตนการหรือความเชื่อ + เข้าไป เพื่อทำการ valuation ออกมา ผลลัทธ์ที่ได้ มีความผิดพลาดสูง
เพราะคำว่า instrintic value ก็ไม่สามารถแสดงออกมาเป็นรูปธรรมได้โดยตรง แต่น่าจะ
สำแดงได้ในทางสถิติของราคา มากกว่า ดังนั้น คำว่า marginal of safety (บางตำราใช้คำว่า
marginal of error) จึงเป็นยอดสุดของกลยุทธ์ เพราะตลาดนั้นก็ใจคนดีๆนี้เอง มันเหวี่ยง
ไปตามเรื่องของมัน บางครั้งสำหรับผมต้องคอยสอบทานตัวเอง เรื่องการยึดติด valuation
ในแนวทางของเราที่การ์ดอาจจะตกได้เพราะความที่อยากจะได้ผลตอบแทนที่มากเกินเหตุ จน
ใส่ความเชื่อลงไปในการ valuation มากกว่าประจักษ์พยานที่เกิดขึ้นในอดีต หรือ ปัจจุบัน ประกอบ
กับ ความไม่สามารถตีความราคาที่ตลาดให้ในปัจจุบันนั้นเกิดขึ้นได้เพราะเหตุผลใด
ในความเห็นส่วนตัวแล้ว ความเฉียวฉลาดในการให้ราคาของตลาดมีมากอย่างไม่น่าเขื่อเลย
Way of life is way of brain
- murder_doll
- Verified User
- โพสต์: 1608
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 27
[quote="oatty"
ส่วนลอกเซียนนี่ ส่วนมากเจ๊ง ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะลอกก็จริง แต่ไม่ได้ซื้อเพราะตอนนั้นยังไม่เชื่อมัวแต่มาทำ Valuation จนราคามันไปก่อน เลยเจ๊งเพราะซื้อไม่ทัน [/quote]
ให้10like เลย ไม่รุ้เปนไรเล่นตามเซียนทีไรโดนทุกที อ่ะครับ
ส่วนลอกเซียนนี่ ส่วนมากเจ๊ง ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะลอกก็จริง แต่ไม่ได้ซื้อเพราะตอนนั้นยังไม่เชื่อมัวแต่มาทำ Valuation จนราคามันไปก่อน เลยเจ๊งเพราะซื้อไม่ทัน [/quote]
ให้10like เลย ไม่รุ้เปนไรเล่นตามเซียนทีไรโดนทุกที อ่ะครับ
เงินทองเป็นของมายา
ข้าวปลาคือของจริง
ข้าวปลาคือของจริง
-
- Verified User
- โพสต์: 2545
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 28
Measure หรือวัดมูลค่าหุ้น มีหลายแบบ
Evalution หรือประเมินมูลค่าหุ้น เอาที่วัด measure มาสังเคราะห์ิีิีอีกครั้งเพื่อหามูลค่าที่แท้จริงจามความเห็นเราที่เราคิดว่าดีสุด เป็น ศิลป ประสบการณ์ ความรู้ในธุรกิจนั้น เกิดข้อถกเถียงกันมากสุด
ลองดูเวลามีการ takeover หนือ delist จะมีข้อมูล ทั้ง measure และ evaluation ชัดเจน
การหามูลค่าหุ้นแท้จริง มาจากกระแสเงินสดสุทธิอนาคตเป็นเรื่องสำคัญมาก
ความแน่นอนของกระแสเงินสดจึงเป็นเรื่องมีความสำคัญกับกาาประเมินมูลค่า
ตัวอย่าง พันธบัตรที่มีรูปแบบกระแสเงินสดชัดเจน ประเมินมูลค่าได้ง่ายกว่า
หากเรา มองหุ้นเป็นพันธบัตร จะพบว่าระแสเงินสดที่ได้รับมันไม่แน่นอน มันจึงประเมินยากตรงมันมี growth หรือ มันมี risk สูงหรือต่ำ
ดู risk ก่อน ก็ดูว่า โอกาสเบี่ยงเบนผลตอบแทนหรือกระแสเงินสดสุทธิระยะยาวจากสมมุติฐานของมูลค่่าหุ้นระยะยาว มันถบี่ยงเบนมากน้อยเพียงใด ตรงนี้้วลาจะเข้าซื้อเราต้องเอา mos มาช่วย ทำให้เรามีกรอบการลงทุนของเราตามความเสี่ยง คือกรอบความเสี่ยงที่ทำให้ผลตอบแทนเบี่ยงเบนแง่ลบของสมมุติฐานเรา แต่เรายังรับได้
ดู upside หรือ growth โอกาสที่กระแสเงินสดเบี่ยงเบนเชิงบวกจากสมมุติฐานเรามีมากน้อยเพียงใด มูลค่ามันเพิ่มขึ้น
เวลาประเมินมูลค่าหุ้น ข้อมูลการวิเคราะห์ที่สำคัญที่เป็น leading ต่อมูลค่าหุ้น เราจะเห็น factor ใหญ่ ๆ ที่มันไปกระทบมูลค่ากระแสเงินสดในอนาคต ตัวใดสำคัญ ตัวใดไม่สำคัญ เช่น รายได้หลัก sssg gpm ต้นทุนขาย ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน ค่าเสื่อมราคา npl npa capex %npm มูลค่าทรัพย์สิน replacement cost เป็นต้น
เซียนหลายคนจึงประเมิน factors เหล่านี้เป็นตัวติดตามนั้นเอง เพราะเป็น leading indicators สำคัญที่ต้องติดตาม
ประโยชน์ตรงนี้ื จึงนำไปสู่การลงทุนที่เราต้องติดตาม factors เหล่านี้หรือที่เราเรียกว่าการทำการบ้าน ว่ามันยังอยู่ในกรอบของมูลค่าหุ้นแท้จริงที่เป็นช่วงของเราอยู่ หรือมันหลุดนอกกรอบ ทั้งเหนือกว่า upside หรือต่ำกว่าคือ risk
ถ้าในกรอบ ก็ hold
ถ้านอกกรอบไปทางลบหลุด mos ก็ sell ห้ามดูต้นทุนซื้อของเรา เพราะเราพลาด เป็นเหตุผลที่เราควรถือหุ้นมากกว่า 1 ตัว เพราะเรามีโอกาสมองพลาด
ถ้านอกกรอบไปทางบวกมากขึ้น hold and let profit run หรือซื้อเพิ่มถ้าราคายังถูกอยู่ เพราะมูลค่าแท้จริงมันยังปรับตัวสูงขึ้นได้ growth stock มันได้ upside ตรงนี้ ทำให้ถือยาวได้นั้นเอง
Evalution หรือประเมินมูลค่าหุ้น เอาที่วัด measure มาสังเคราะห์ิีิีอีกครั้งเพื่อหามูลค่าที่แท้จริงจามความเห็นเราที่เราคิดว่าดีสุด เป็น ศิลป ประสบการณ์ ความรู้ในธุรกิจนั้น เกิดข้อถกเถียงกันมากสุด
ลองดูเวลามีการ takeover หนือ delist จะมีข้อมูล ทั้ง measure และ evaluation ชัดเจน
การหามูลค่าหุ้นแท้จริง มาจากกระแสเงินสดสุทธิอนาคตเป็นเรื่องสำคัญมาก
ความแน่นอนของกระแสเงินสดจึงเป็นเรื่องมีความสำคัญกับกาาประเมินมูลค่า
ตัวอย่าง พันธบัตรที่มีรูปแบบกระแสเงินสดชัดเจน ประเมินมูลค่าได้ง่ายกว่า
หากเรา มองหุ้นเป็นพันธบัตร จะพบว่าระแสเงินสดที่ได้รับมันไม่แน่นอน มันจึงประเมินยากตรงมันมี growth หรือ มันมี risk สูงหรือต่ำ
ดู risk ก่อน ก็ดูว่า โอกาสเบี่ยงเบนผลตอบแทนหรือกระแสเงินสดสุทธิระยะยาวจากสมมุติฐานของมูลค่่าหุ้นระยะยาว มันถบี่ยงเบนมากน้อยเพียงใด ตรงนี้้วลาจะเข้าซื้อเราต้องเอา mos มาช่วย ทำให้เรามีกรอบการลงทุนของเราตามความเสี่ยง คือกรอบความเสี่ยงที่ทำให้ผลตอบแทนเบี่ยงเบนแง่ลบของสมมุติฐานเรา แต่เรายังรับได้
ดู upside หรือ growth โอกาสที่กระแสเงินสดเบี่ยงเบนเชิงบวกจากสมมุติฐานเรามีมากน้อยเพียงใด มูลค่ามันเพิ่มขึ้น
เวลาประเมินมูลค่าหุ้น ข้อมูลการวิเคราะห์ที่สำคัญที่เป็น leading ต่อมูลค่าหุ้น เราจะเห็น factor ใหญ่ ๆ ที่มันไปกระทบมูลค่ากระแสเงินสดในอนาคต ตัวใดสำคัญ ตัวใดไม่สำคัญ เช่น รายได้หลัก sssg gpm ต้นทุนขาย ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน ค่าเสื่อมราคา npl npa capex %npm มูลค่าทรัพย์สิน replacement cost เป็นต้น
เซียนหลายคนจึงประเมิน factors เหล่านี้เป็นตัวติดตามนั้นเอง เพราะเป็น leading indicators สำคัญที่ต้องติดตาม
ประโยชน์ตรงนี้ื จึงนำไปสู่การลงทุนที่เราต้องติดตาม factors เหล่านี้หรือที่เราเรียกว่าการทำการบ้าน ว่ามันยังอยู่ในกรอบของมูลค่าหุ้นแท้จริงที่เป็นช่วงของเราอยู่ หรือมันหลุดนอกกรอบ ทั้งเหนือกว่า upside หรือต่ำกว่าคือ risk
ถ้าในกรอบ ก็ hold
ถ้านอกกรอบไปทางลบหลุด mos ก็ sell ห้ามดูต้นทุนซื้อของเรา เพราะเราพลาด เป็นเหตุผลที่เราควรถือหุ้นมากกว่า 1 ตัว เพราะเรามีโอกาสมองพลาด
ถ้านอกกรอบไปทางบวกมากขึ้น hold and let profit run หรือซื้อเพิ่มถ้าราคายังถูกอยู่ เพราะมูลค่าแท้จริงมันยังปรับตัวสูงขึ้นได้ growth stock มันได้ upside ตรงนี้ ทำให้ถือยาวได้นั้นเอง
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
-
- Verified User
- โพสต์: 2545
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การ" Valuation หุ้น "มีความยุ่งยาก สำหรับเพื่อนๆมากแค่ไห
โพสต์ที่ 29
ตัวอย่างการประเมินมูลค่า
http://www.bot.or.th/thai/statistics/fi ... _Rate.aspx
หากผมใช้ pe ในการประเมิน
เงินฝากออมทรัพย์ระยะสั้นไม่มีความเสี่ยงตามทฤษฎี ดอกเบี้ยหรือผลตอบแทน 0.5% ต่อปี pe เท่ากับ 200 เท่า
เงินฝากประจำ ดอกเบี้ยหรือผลตอบแทน 2% ต่อปี pe เท่ากับ 50 เทา
http://www.thaibma.or.th/yieldcurve/YieldTTM.aspx
พันธบัตรรัฐบาล อายุ 10 ปี มีอัตราดอกเบี้ย 3.65% ต่อปี pe เท่ากับ 27.39%
ดังนั้น ถ้า earning 50 สตางค์ ต่อปี ออมทรัพย์จะมีมูลค่า 100 บาท
ถ้า earning 2 บาทใน 1 ปี ประจำจะมีมูลค่า 100 บาท
ถ้า earning 3.65 บาทใน 10 ปี พันธบัตรจะมีมูลค่า 100 บาท
จะเห็นว่า ประเภทตราสารและระยะเวลาลงทุน มีความสัมพันธ์กับมูลค่าอย่างเห็นได้ชัด
โดยระหว่างทาง ปัจจัยที่เสี่ยงที่กระทบมูลค่า คือ อัตราดอกเบี้ยตลาดจะมีผลต่อ มูลค่าที่เปลี่ยนแปลงไป
แต่หุ้นเป็นหลักทรัพย์ระยะยาวและมีหลาย factors ที่กระทบกับผลตอบแทนทั้งระยะสั้นและระยะยาว
การประเมินมูลค่าหุ้นจึงไม่ง่ายเมื่อเทียบกับตราสารอื่นที่มีกระแสเงินสดรับที่ชัดเจน แน่นอน
อย่างไรก็ตามเพราะความไม่แน่นอนของผลตอบแทนหุ้นเป็นหลักทรัพย์ระยะยาวที่สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 11-12% หรือ pe เฉลี่ยระยะยาวเทียบกับเงินลงทุนตั้งต้นวันนี้ ประมาณ 8.33 เท่า ( ซื้อวันนี้ ผลตอบแทนเฉลี่ยระยะยาวที่เติบโตในอนาคต) จึงเป็นเสน่ห์ให้คนมาลงทุนในหุ้น เพราะมันมี pe ที่ต่ำกว่าตราสารการเงินอื่น ไม่ว่าจะเป็น เงินฝาก หรือพันธบัตร แต่ผลตอบแทนนั้นต้องแลกกับในระยะสั้นที่ผันผวนกว่านั้นเอง
และทำให้มันประเมินมูลค่าหุ้นถ้าดูระยะสั้นไม่ง่ายเลย
http://www.bot.or.th/thai/statistics/fi ... _Rate.aspx
หากผมใช้ pe ในการประเมิน
เงินฝากออมทรัพย์ระยะสั้นไม่มีความเสี่ยงตามทฤษฎี ดอกเบี้ยหรือผลตอบแทน 0.5% ต่อปี pe เท่ากับ 200 เท่า
เงินฝากประจำ ดอกเบี้ยหรือผลตอบแทน 2% ต่อปี pe เท่ากับ 50 เทา
http://www.thaibma.or.th/yieldcurve/YieldTTM.aspx
พันธบัตรรัฐบาล อายุ 10 ปี มีอัตราดอกเบี้ย 3.65% ต่อปี pe เท่ากับ 27.39%
ดังนั้น ถ้า earning 50 สตางค์ ต่อปี ออมทรัพย์จะมีมูลค่า 100 บาท
ถ้า earning 2 บาทใน 1 ปี ประจำจะมีมูลค่า 100 บาท
ถ้า earning 3.65 บาทใน 10 ปี พันธบัตรจะมีมูลค่า 100 บาท
จะเห็นว่า ประเภทตราสารและระยะเวลาลงทุน มีความสัมพันธ์กับมูลค่าอย่างเห็นได้ชัด
โดยระหว่างทาง ปัจจัยที่เสี่ยงที่กระทบมูลค่า คือ อัตราดอกเบี้ยตลาดจะมีผลต่อ มูลค่าที่เปลี่ยนแปลงไป
แต่หุ้นเป็นหลักทรัพย์ระยะยาวและมีหลาย factors ที่กระทบกับผลตอบแทนทั้งระยะสั้นและระยะยาว
การประเมินมูลค่าหุ้นจึงไม่ง่ายเมื่อเทียบกับตราสารอื่นที่มีกระแสเงินสดรับที่ชัดเจน แน่นอน
อย่างไรก็ตามเพราะความไม่แน่นอนของผลตอบแทนหุ้นเป็นหลักทรัพย์ระยะยาวที่สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 11-12% หรือ pe เฉลี่ยระยะยาวเทียบกับเงินลงทุนตั้งต้นวันนี้ ประมาณ 8.33 เท่า ( ซื้อวันนี้ ผลตอบแทนเฉลี่ยระยะยาวที่เติบโตในอนาคต) จึงเป็นเสน่ห์ให้คนมาลงทุนในหุ้น เพราะมันมี pe ที่ต่ำกว่าตราสารการเงินอื่น ไม่ว่าจะเป็น เงินฝาก หรือพันธบัตร แต่ผลตอบแทนนั้นต้องแลกกับในระยะสั้นที่ผันผวนกว่านั้นเอง
และทำให้มันประเมินมูลค่าหุ้นถ้าดูระยะสั้นไม่ง่ายเลย
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger