เริ่มต้นศึกษาบริษัทในตลาดหุ้น เริ่มแบบไหนดีครับ

[KkTp]

สวัสดีครับ

ผมเพิ่งเริ่มต้นในการลงทุนไม่นาน ศึกษามาเรื่อยๆ ทดลองมาบ้าง อยากได้แนวทางหรือประสบการณ์ในการการศึกษาข้อมูลบริษัทครับ

สิ่งที่ผมกำลังทำในตอนนี้ก็คือ ศึกษาข้อมูลบริษัทซึ่ง มันมีมากเหลือเกินในตลาดหุ้น ผมกำลังคิดว่าผมจะทำไงดี ตอนนี้ผมใช้วิธี สนใจตัวไหนก็ไปโหลด 56-1 กับรายงานประจำปีปีล่าสุดมาอ่านก่อน ซึ่งผมอาจจะได้ภาพของบริษัทนั้นๆได้ แต่ผมมาคิดดูว่า ผมจะวิเคราะห์ถึง คู่แข่งได้ยังไงในเมื่อไม่รู้จักเลย ในขั้นตอนต่อไปผมควรจะศึกษาบริษัทใน Sector เดียวกันทั้งหมดใช่ไหมครับ เพื่อจะได้รู้ว่าบริษัทไหนเป็นคู่แข่งบ้าง แล้วเขาเป็นยังไง

หรือ

ให้ผมเริ่มต้นไปในสายธุรกิจที่ผมรู้จักก่อน จะได้เข้าใจง่ายๆ แต่ไม่ใช่หุ้นที่ผมสนใจเท่าไหร่นัก รวมถึงใน Sector เดียวกัน ซึ่งแบบนี้ยอมรับว่าง่ายกว่าเล็กน้อย เพราะในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน ยังมีกลุ่มย่อยๆในนั้นอีก ซึ่งมันก็เป็นข้อสงสัยต่อเนื่องว่า จะหาอ่านได้จากไหนว่า ธุรกิจในแบบที่ผมไม่ค่อยรู้จักมีตัวไหนบ้าง เป็นคู่แข่งสายตรงหรือทางอ้อมครับ

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

[TissueThiti]

ต้องระวังด้วยนะครับ บางธุรกิจผู้นำตลาดก็ไม่ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ
อาจทำให้เราพลาดข้อมูลคู่แข่งคนสำคัญได้ เช่น น้ำตาล น้ำผลไม้

[cocowalk]

ส่วนตัวผมเริ่มจากอ่านห้องร้อยคนร้อยหุ้น ช่วงหน้าแรกๆครับ จะมีคนมา Discuss เกี่ยวกับธุรกิจที่บริษัททำ

[ลูกอิสาน]

เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยเวลาครับ
ถ้าศึกษาแค่ไม่นาน แต่รู้ทุกอย่าง คงไม่ยุติธรรม
จะเริ่มแบบไหนก็ได้
เอาแบบที่เราชอบ
แต่แนะนำว่า เอากลุ่มที่เราสนใจก่อน
อย่าเริ่มที่ตัวยากๆ จะทำให้หมดกำลังใจ
เริ่มจากตัวฮิตๆในห้องร้อยคนร้อยหุ้นก็ดีครับ

[saichon]

ผมเห็นด้วยกับพี่ๆแต่ละท่านที่แนะนำด้านบน
โดยเฉพาะเรื่องให้ดูกลุ่มที่เราสนใจก่อนของพี่โจครับ

จะมีเพิ่มเติมก็อยากให้ลองพิจารณาจากเทปหรือสื่อที่ผู้บริหารมาออก
เช่น รายการมันนี่ทอร์ค วีคลี่ ,รายการเจาะแก่นวีไอ หรือเทปงานออฟเดย์ของตลาดหลักทรัพย์ครับ
ผมว่าการดูรายการเหล่านี้ จะลดเวลาในการอ่านของเราได้เยอะขึ้นทีเดียว
อย่างเมื่อคืนที่รายการเจาะแก่นวีไอ พาพี่ๆไปสัมภาษณ์ผู้บริหารของบริษัทฯในกลุ่มอิเล็กฯบริษัทฯหนึ่งที่น่าสนใจ
ผมว่าดูรายการเหล่านี้ เราจะยิ่งเห็นภาพการทำธุรกิจหรือคู่แข่งมากขึ้นครับ

(เข้ามาเชียร์เพราะแต่ละรายการของเค้าดีจริงๆครับ )

[kongkiti]

เชียร์ รายการเจาะแก่นวีไอ ด้วยครับ +1

[Plant]

ตามที่ผมได้ศึกษาข้อมูลบริษัทต่างๆมานะครับ ผมเริ่มจากสนใจบริษัทนั้นก่อนครับ
จุดสนใจนั้นเกิดได้หลายทางครับ เช่น เปิดไปเจองบสวยๆ ได้ยินข่าวมาว่าดี มีคนพูดถึงเยอะ
เพื่อนแนะนำมา หรือบางทีก็ไปเห็นชื่อบริษัทนี้เป็นมหาชน ก็มาดูว่าเป็นหุ้นอะไร ทำอะไรครับ
...^^)

พอได้ชื่อหุ้นมาผมก็เริ่มจากแกะงบก่อนเลยครับ งบการเงินดีไหม ทั้งงบดุล งบกำไรขาดทุน
งบกระแสเงินสด ปันผลใช้ได้โอเคผ่าน ก็จะไปต่อที่แบบ 56-1 ครับ(วิเคราะห์งบเอาแค่ใช้
ตัวกรองครับ ไม่ได้ละเอียด เช่น ยอดขายโต กำไรโต ROEดี ปันผลดี มีเงินสดจากการ
ดำเนินงานดี กู้ยืมน้อย ลงทุนไม่สูงมาก เป็นต้น)....^^)

พอดูเรื่อง 56-1 จะดูละเอียดเรื่องโครงสร้างรายได้ครับว่ามันมาจากไหน บริษัททำอะไรบ้าง
แล้วรายได้หลักมันคืออะไร อ่าน 56-1 มักจะมีเขียนถึงคู่แข่งและความเสี่ยงครับ ก็มาดูว่ามี
ความได้เปรียบกว่าคู่แข่งหรือไม่อย่างไร แล้วจะยั่งยืนไหม ตรงนี้ต้องอาศัยข้อมูลบวก
จินตนาการและการคาดเดาครับ ซึ่งผมก็จะไปหาเพิ่มในร้อยคนร้อยหุ้น แล้วก็เวลามองไป
ในอนาคตผมก็จะไปอ่านรายงานประจำปี แล้วก็รายงานการประชุมครับ ดูคำถามของผู้มา
ประชุม และคำตอบของผู้บริหารครับ เมื่อมั่นใจในตัวบริษัทแล้วจึงมาประเมินราคาว่าจะซื้อ
ที่ราคาเท่าไรครับ...^^)

ผมทำแบบนี้แทบทุกครั้งครับ ก็จะมีหลายตัวงบสวย ปันผลดี ทุกอย่างดูดี แต่พอมาวิเคราะ
ห์ตัวบริษัท หุ้นบางตัวผมก็ไม่เข้าใจ เพราะไม่ใช่ Sector ที่ถนัด บางตัวไม่เข้าใจว่ารายได้มันคืออะไร คู่แข่งเป็นยังไง อ่านแล้ว ค้นหาแล้ว ถามแล้วก็ไม่เข้าใจ ก็จะเลิกสนใจครับ เพราะ
ผมยึดคติ "ลงทุนในหุ้นที่เราเข้าใจมันดีเท่านั้น" ครับ...^^)

[Factor_9]

ผมเริ่มจากดูรายการ Money Talk Weeky และเสียบกระซิบรอบๆตัว จากคนที่ไม่ได้อยู่ในตลาดครับ

[harikung]

เรื่องที่ผมอยากจะแนะนำเพิ่มคงเป็นเรื่องการจดบันทึกเก็บข้อมูลบริษัทที่ได้ศึกษามาครับว่าต้องวางระบบการจดหรือเก็บบันทึกข้อมูลให้ดีเพราะจากประสบการณ์(อันน้อยนิด)ที่ผมพลาดแรกๆคือจดบันทึกหรือเก็บข้อมูลไม่ละเอียดทำให้พอเวลาผ่านไปลืมครับ พอจะกลับมาอ่านที่บันทึกไว้(ไม่ละเอียดหรือดีพอ)ก็รู้สึกว่าสุดท้ายต้องกลับไปตั้งต้นไล่อ่านใหม่ตั้งแต่แรกอยู่ดีทำให้เสียเวลาไปพอสมควร

[Highway_Star]

ไม่ว่ายังไง อย่าลืมทำ excel งบต่างๆ ด้วยนะครับ
ไม่งั้นต้องกลับมานั่งทำใหม่ แล้วก็จะคิดว่า ทำไมตูไม่ทำตั้งแต่แรกฟะ เสียเวลาชิบ

[Benzkrub]

ผมคิดว่า ถ้าเลือกกลุ่มที่สนใจได้แล้ว ให้เลือกบริษัทมาแล้วเริ่มจากอ่าน 56-1
จะทำให้เห็นภาพแบบเป็นระบบ ก่อนจะไปดูรายการต่างๆตามที่ด้านบนว่ามา

ถ้ามีเวลาว่าง ผมก็จะไล่อ่าน 56-1 ไปเรื่อยๆครับ ถือเป็นการทำความรู้จักหุ้นตัวใหม่ๆ
แต่ก็เห็นด้วยครับว่า ควรเก็บข้อมูลเป็นระบบ เพื่อสะดวกต่อการมาอ่านวันหลัง

[dojii]

ของผมเริ่มจาก ศึกษาบริษัทที่ผมเคยอยากทำ
ทั้งที่อยากเข้าไปสมัครงาน หรืออยากมีร้านค้าแบบนั้นเป็นของตนเอง
ผมว่ามันตอบสนองความต้องการของตัวเองได้ดี
และทำให้มีความรู้สึกอยากรู้ อยากเห็นมากขึ้น
เป็นผลให้อยากศึกษาเพิ่มเติม ที่สำคัญไม่เบื่อครับ

[Plant]

ในแนวทางของผมนะครับ ถ้าผมสนใจหุ้นตัวไหนแล้วไปดู 56-1 ก่อนดูงบ
หากจะดูจนเข้าใจธุรกิจ ต้องใช้เวลาพอสมควร แต่พอมาดูงบ การทำกำไรได้นิดเดียว
มาดูกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้น้อย แถมต้องลงทุนหนักๆทุกปี ไม่มีเหลือ
เงินสดเข้าบริษัทเลย ไม่ต้องหวังถึงปันผล แบบนี้สำหรับผม ผมมองว่าเสียเวลาครับ

เพราะของผมมีเกณฑ์ในใจอยู่แล้วว่าต้อง ยอดขายและกำไรเติบโตเท่าไร มีเงินสดไหม
ปันผลมากไหม ถ้าไม่ได้ตามเกณฑ์ผมก็ไม่สนใจอยากจะรู้แล้วครับว่าบริษัทนั้นขายอะไร

แต่ขอย้ำครับว่าแบบนี้เป็นสไตล์ผม สไตล์คนอื่นอาจจะดูเรื่อง 56-1 ก่อนดูงบ เพื่อให้เข้าใจ
การทำธุรกิจแล้วอาจจะไปเจอจุดเด่นอื่นๆต่อยอดก็ได้ครับ แบบนี้ต้องสไตล์ใคร
สไตล์มัน ขอให้ลงทุนแล้วได้กำไร ไม่ขาดทุน แค่นั้นก็พอแล้วครับ...^^)

[KkTp]

ขอบคุณทุกท่านสำหรับคำแนะนำครับ

จะเอาไปปรับใช้ดูครับ

[kabu]

คลังกระทู้คุณค่าเลยครับ ความรู้เยอะมากๆ
http://board.thaivi.org/viewforum.php?f=35

ส่วนข้อมูลบริษัทค่อยๆ เพิ่มพูนความรู้ไปเรื่อยๆ ค่อยเป็นค่อยไปครับ หาแนวทางของตัวเองให้เจอ แล้วจะสนุกกับการลงทุน

[Tanukicho]

ให้เวลากับมันมากๆ ไม่ใช่5-6 ชม. แต่เป็น24ชั่วโมง รักและทุ่มเทกับมัน

การซื้อหุ้น ต้องคิดเหมือนว่าเราเป็นเจ้าของบริษัทนั้นจริงๆ

การเป็นเจ้าของบริษัท คุณต้องเข้าใจ ในบัญชี ว่าแต่ ล่ะอย่างบอกอะไรแก่เรา งบดุล งบกำไรขาดทุน งบกระแสเงินสด

แต่บางครั้งตัวเลขพวกนี้มันก็ถูกตกแต่งได้ ดังนั้นแล้ว เราต้องเข้าใจอะไรที่มากกว่า แค่บริษัทนำเสนอ หรือเผยแพร่แก่เรา

เราต้องหาบริษัทที่เข้าใจง่าย เราสังเกตุได้ บริษัทที่เรา สามารถหาซื้อผลิตภัณท์ได้ มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่เราเข้าถึงได้

เข้าใจกลยุทธ์ ของบริษัทเรา ส่วนใหญ่แล้ว กลยุทธ์ของบริษัท ก็ คือ ผู้บริหาร ดูสิ่งเขาพูด สิ่งที่เขาทำ สิ่งที่เขาคิด และสิ่งที่เขาเป็น

สุดท้าย คือ การถือหุ้นนั้นจริงๆ มันจะมีอะไรให้เราพิสูจน์ มากมาย เมื่อราคามีความผันผวน ทั้งเพิ่มขึ้น และลดลง

คุณต้องลองทำ ลองปฏิบัติ เรียนรู้จากความผิดพลาด

“ ไม่มีจิตกรคนใด วาดภาพได้ จากคำบอกเล่าของคนอื่นได้ ”

ขอบคุณครับ