ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ในสถานการณ์ปัจจุบัน ณ วันนี้ ความร้อนแรงทางการเมืองเป็นประเด็นสำคัญต่อความสนใจของนักลงทุน ซึ่งความจริงแล้วเป็นเช่นนี้ตลอดเวลา เคน ฟิชเชอร์ เคยว่าไว้ว่า ธรรมชาติของตลาดหุ้นคือ "ผันผวน" ไม่ว่าจะช่วงเวลาใด ๆ ความผันผวนของตลาดหุ้น นำมาถึงนิยามเปรียบเทียบว่า มิสเตอร์มาร์เก๊ต เป็นคนที่มีบุคลิกแปลกพิกล เมื่อต้นปีอารมณ์ดีเป็นพิเศษให้ราคาหุ้นสูง มาขายถูก ๆ เอาปลายปี ทำเอาหลายคนขาดทุนและเข็ดขยาดกับตลาดทุน

หากเราให้เวลากับตัวเราเองนานขึ้นกว่านี้และมองย้อนไปในอดีตที่นานกว่า ปีสองปีแห่งความรุ่งเรือง ผมอยากให้เราเห็นภาพของวอร์เรน บัฟเฟตต์ในช่วงแรกของการลงทุน แนวคิดของวอร์เรนในการมองตลาดหุ้นและปรัชญาที่เข้มข้นตั้งแต่วัยหนุ่ม กลางคน ชรา แม้มีเสี้ยวของเทคนิคที่แตกต่าง แต่ปรัชญาของเค้าแทบไม่เปลี่ยนแปลงเลย

ผมคงไม่มีคำแนะนำอะไรเพิ่มเติมในยามที่อุณหภูมิการเมืองเป็นเช่นนี้ แต่หากคุณคิดจะขายหุ้นในช่วงนี้ให้ลองอ่านจดหมายฉบับนี้ดูก่อน จะพบว่าเหตุผลในการขายของ บัฟเฟตต์คืออะไร? สอดคล้องกับการมีเหตุมีผลที่สมควรหรือไม่ ก่อนที่เราจะตัดสินใจขายหรือปรับพอร์ต เพียงเพราะคำว่า "กลัวการเมือง"

ปล. จดหมายฉบับนี้เป็นการเรียบเรียงโดยตัวผมเอง ดังนั้นก็มีเศษเสี้ยวความคิดของผมปน ๆ ไปบ้างในการเรียบเรียงเพื่อความสละสลวย แต่คงไว้ซึ่งสาระให้มากที่สุดนะครับ

จดหมายจากบัฟเฟตต์ ปี พ.ศ. 2501
/ พฤศจิกายน 2556 Nevercry.Boy เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้: เรียบเรียงใจความมิได้แปลตามตัวอักษร

เร็ว ๆ นี้เพื่อนผมที่บริหารสถาบันการเงินขนาดกลาง ๆ แห่งหนึ่งเขียนมาบรรยายกับคุณสมบัติของความเป็นนักลงทุนในอเมริกาไว้อย่างกระชับว่าเค้าเหล่านั้น “ไร้ความอดทนและเปลี่ยนใจง่าย” และนั่นนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงของตลาดหุ้นในปี พ.ศ. 2501

“ระเริง” คำ ๆ นี้กระมังที่จะอธิบายภาพของนักลงทุนยามนี้ได้เหมาะที่สุด การเปลี่ยนแปลงแนวคิดและจิตวิทยาการลงทุนทั้งมือสมัครเล่นตลอดจนมืออาชีพตลอดทั้งปี เค้าเหล่านั้นอ้างสารพัดเหตุผลเพื่อที่จะควักเงินเดินเข้าตลาดหุ้น ถนนทุกสายประดังประเดเข้าสู่ตลาด ไม่มีข้อสงสัยครับว่าปีนี้เป็นปีที่ดีกว่าทุกปี มีอะไรที่ง่ายกว่านี้ที่จะทำเงินได้เร็วและไม่ต้องใช้ความพยายามมาก แต่จะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานหรือไม่? คงเป็นไปไม่ได้ที่ใครสักคนจะตอบ ผมพูดได้อย่างเดียวว่าหากเป็นอย่างนี้ต่อไปมีโอกาสสูงที่จะโดนเล่นงานกลับมา

ผมเองเป็นคนที่ไม่สนใจที่จะพยากรณ์หรือคาดเดาตลาดใด ๆ ทั้งสิ้น ผมใช้ความพยายามในการเสาะแสวงหาหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นของมัน ถึงกระนั้นก็ตามผมสังหรณ์ใจเหลือเกินว่าความเชื่อผิด ๆ ที่ว่าการทำเงินจากตลาดหุ้นเป็นของง่ายนั้นถูกแพร่กระจายไปอย่างล้นหลามและสักวันหนึ่งจะนำความหายนะมาสู่ราคาของหลักทรัพย์ แม้จะไม่กระเทือนถึงมูลค่าพื้นฐาน แต่กระนั้นก็ดีทุกหลักทรัพย์แม้แต่หลักทรัพย์ที่มีราคาต่ำเมื่อเทียบกับมูลค่าก็จะได้รับความเสียหายเช่นกันไม่มีข้อยกเว้น

ปีก่อนผมเคยเขียนไว้ว่า ผลการดำเนินงานของเรามักจะดีในยามที่ตลาดเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือตลาดหมี และดีมากกว่าในภาวะตลาดกระทิงด้วยซ้ำ ต้องเข้าใจนะครับผมไม่ได้มองว่ามูลค่าของพอร์ตลงทุนของเราลดลง เรามองว่ามูลค่าพอร์ตการลงทุนของเราเทียบกับตลาดแล้วเป็นอย่างไรหากเราลงน้อยกว่าตลาดนั้นคือเราดีกว่าคนส่วนใหญ่ และเช่นเดียวกันในภาวะกระทิงพอร์ตของเราก็สามารถขึ้นได้สูงกว่าค่าเฉลี่ย และนั่นคือมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของผม

ปีที่แล้วดาวน์โจนส์ขึ้นจาก 435 มาเป็น 583 รวมปันผลอีกประมาณ 20 จุด ก็นับได้ว่าขึ้นมาประมาณ 38.5% พอร์ตของเราทำได้ดีกว่านั้นเล็กน้อย หุ้นของเราขึ้นมาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 36.7-46.2% ส่วนหนึ่งมาจากสัดส่วนการลงทุนในหุ้นส่วนใหญ่ของเราได้รับผลประโยชน์จากการที่ตลาดพุ่งขึ้นไม่มากนัก อย่างไรก็ตามผมยังคาดการณ์ต่อไปว่าผลการดำเนินงานของเราจะดีกว่าตลาดทั้งในยามที่ตลาดเป็นขาลง ขาขึ้นหรือแม้แต่ตลาดที่อยู่คงที่

คราวนี้คุณคงเข้าใจแล้วว่าผมมีวิธีคิดอย่างไร ผมได้แจ้งในพาร์ตเนอร์ชิพเมื่อปีที่แล้วว่า 10-20% ของสัดส่วนของสินทรัพย์ของเราในหุ้นตัวหนึ่ง ซึ่งผมยินดีที่จะซื้อมันและทะยอยซื้อมากขึ้นและมากขึ้นในช่วงที่ภาวะตลาดเป็นขาลงเพื่อที่เราจะได้หุ้นมากขึ้น และเมื่อตลาดสวิงกลับเป็นขาขึ้นเราจะได้ขึ้นตามไปหรือมากกว่า ผมกำลังกล่าวถึง บริษัท Common Wealth Trust Co. of Union City, New Jersey, ผมคำนวณด้วยวิธีการแบบค่อนข้างอนุรักษ์นิยมได้ Intrinsic Value ของหุ้นตัวนี้ที่ 125 เหรียญ ต่อหุ้น ไม่มีปันผล และมีกำไรประมาณ 10 เหรียญ ต่อหุ้น และเพราะว่าเค้าไม่จ่ายปันผลหุ้นตัวนี้เลยถูกกดราคาเหลือเพียง 50 เหรียญต่อหุ้น!

25.5% ของ Common Wealth นั้นมีเจ้าของเป็นธนาคารที่ใหญ่กว่าซึ่งเล็งจะควบรวมอยู่ (Common Wealth มีสินทรัพย์กว่า 50 ล้านเหรียญ คิดเป็นครึ่งหนึ่งของธนาคาร First National หรือ U.S. National ในโอมาฮา) อย่างไรก็ตาม

แม้ว่าการควบรวมจะยังเกิดไม่ได้จะมีปัญหาอันเนื่องมาจากข้อขัดแย้งระหว่างกันอยู่บ้าง แต่ผมเชื่อว่าการควบรวมต้องดำเนินไปโดยมีข้อมูลสนับสนุนดังนี้
1. การบริหารงานแบบระมัดระวัง
2. มูลค่าขององค์กรสูงขึ้นดีอย่างสม่ำเสมอ
3. ในที่สุดมูลค่าพื้นฐานจะถูกปลดปล่อย ผมไม่แน่ใจนะครับว่าจะปีนึงหรือสิบปี
โดยเฉพาะในข้อสุดท้ายในที่สุดหากสิ่งที่ผมคาดการณ์เป็นจริงมูลค่าของกิจการจะสูงถึง 250 เหรียญต่อหุ้นเลยทีเดียว

ในหลายปีที่ผ่านมาผมทยอยสะสมหุ้นตัวนี้จน 12% ของธนาคารเป็นของเราที่ราคาเฉลี่ย 51 เหรียญต่อหุ้น เห็นได้ชัดครับว่าการที่ราคาไม่ขยับไปไหนนั้นเป็นผลดีกับเราทำให้เราได้หุ้นมากขึ้น ผมไม่ได้หมายถึงราคาสูงขึ้นแต่ผมหมายถึงสัดส่วนของมันสูงขึ้น และการที่เราเป็นผู้ถือหุ้นสูงสุดอันดับสองนั้นทำให้เรามีสิทธิโหวตและออกความเห็นต่อประเด็นการควบรวมกิจการ

Commonwealth มีผู้ถือหุ้นอยู่ประมาณ 300 คนและก็มีการซื้อขายต่ำประมาณแค่เดือนละ 1-2 ครั้งเท่านั้น คุณคงเข้าใจแล้วนะว่าตลาดหุ้นไม่มีผลกับหุ้นตัวนี้มากนัก แต่หุ้นสภาพคล่องต่ำก็ไม่ง่ายหากจะซื้อหรือขายจะทำให้ราคามันสวิงมากแม้เราจะซื้อน้อยนิด แต่ช่วงท้ายปีนี้เรามีจังหวะดีที่เก็บหุ้นจนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วยต้นทุนที่น่าพึงพอใจ

แต่แล้วผมได้ตัดสินใจขายหุ้นของเราทั้งหมดจากตอนที่ราคาหุ้นตกลงมาจาก 100 เหรียญ ลงมาที่ 80 เหรียญต่อหุ้น ทำไมผมจึงทำเช่นนั้น ผมไม่ซีเรียสครับที่จะถือหุ้นไว้เพราะต้นทุนผมอยู่ที่ 50 เหรียญแล้วก็ทยอยซื้อสะสมต่อไปแม้ว่าผลงานผมจะไม่ค่อยดีเท่าไรในปีที่แล้ว เพราะปีที่แล้วเป็นปีที่ Commonwealth กำไรเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยบังเอิญ ดังนั้นผลงานของเราในแต่ละปีถูกจำกัดโดยประมาณการณ์ผลประกอบการในระยะยาว แต่ไม่ใช่แค่นั้นอย่างไรก็ตามผมเชื่อว่าด้วยวิธีการซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าคือวิธีการที่ชัวร์ที่สุดที่จะช่วยป้องกันเราประคับประคองหุ้นของเราเพื่อให้ผลประกอบการระยะยาวของหุ้นเราสัมฤทธิ์ผล

คนที่ซื้อหุ้นของผมไปที่ 80 เหรียญผมคาดว่าเค้าจะได้รับผลประกอบการที่ดีพอใช้ได้ไปหลายปีเพราะที่ผมคำนวณ intrinsic value ไว้ที่ 135 เหรียญ แต่ ณ จุดนี้มีความเปลี่ยนแปลง intrinsic value 135 กับราคา 80 ไม่เท่ากับ intrinsic value 125 กับต้นทุน 50 สำหรับสถานการณ์แบบนี้ผมคิดว่าหากเราปรับพอร์ตการลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า และจะว่าไปหุ้น Commonwealth ก็ไม่ได้มีมูลค่าต่ำกว่าราคาเมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่น ๆ ของเรา

หากเรานำ 25% ของสินทรัพย์ที่อยู่ในหุ้น Common Wealth ไปลงทุนใหม่ เราน่าจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

การเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่นั้นระยะเวลาในการถือครองสมควรเป็นเวลาที่ให้บริษัทปรับตัวจาก หุ้นที่มูลค่าต่ำกว่าควร เป็นมูลค่าที่แท้จริงของมัน ในการถือครองแต่ละครั้งเราจะเห็นได้ชัดแจ้งว่าผลตอบแทนหุ้นในระยะเวลาที่เราถือครองจะดีกว่าดัชนีดาวน์โจนส์ ณ ช่วงเวลาเดียวกัน

สถานการณ์ปัจจุบัน
ตลาดขึ้นมาสูงแล้วครับและมันยากเหลือเกินสำหรับผมที่ผมจะหาสินทรัพย์ที่มีราคาถูกจนกระทั่งผมสนใจ และผมพร้อมที่จะถือครองสินทรัพย์เหล่านั้นเพิ่มขึ้นแต่มันยากเหลือเกินที่จะพิจารณาได้อย่างเหมาะสมในช่วงเวลา ณ ขณะนี้

เพื่อที่จะขยายโอกาสในการลงทุน ผมพยายามที่จะออกแรงในการซื้อหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าราคาไว้ในครอบครองอย่างไม่ลดละ ผมดำรงไว้ซึ่งนโยบายนี้เพื่อที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ของผมที่จะสร้างผลตอบแทนแบบโดดเด่นในยามที่ตลาดตกต่ำหรือในสภาวะปกติ และผมยินดีที่จะได้รับผลตอบแทนแบบปกติในยามที่ตลาดร้อนแรง

วอร์เรน อี. บัฟเฟตต์

11 กุมภาพันธ์ 2502
แก้ไขล่าสุดโดย oatty เมื่อ อังคาร พ.ย. 26, 2013 8:24 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
เหตุผล: แก้ไขจาก 10 บาท เป็น 10 เหรียญ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
kongkiti
Verified User
โพสต์: 5830
ผู้ติดตาม: 2

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณมากครับ :bow: :bow:
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee

FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
Dangdao
Verified User
โพสต์: 151
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณคะขอบคุณ
PLUSLOVE
Verified User
โพสต์: 1474
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ปีที่แล้วดาวน์โจนส์ขึ้นจาก 435 มาเป็น 583 รวมปันผลอีกประมาณ 20 จุด

ตอนนี้ 16072 จุด และจากมุมมองแบบเดียวกัน ในSET ไทย จาก 400-500 จุด

เราก้คงได้เห็นไปไกลถึงปักกิ่ง 2000 จุดในอนาคต เฉกเช่นเดียวกันกับความเจริญที่สมัยก่อนความเจริญกระจุกแค่ในเมืองหลวง

คนภูธรรายได้ยังไม่มากนัก แต่ตอนนี้คนภูธรก้ร่ำรวยไม่แพ้คนในเมือง

บทความของพี่ NB ตรงใจผมยิ่งนัก มันเป็นภาพอดีตของตลาดหุ้นดาวโจนส์ และเซทไทยอนาคตก้จะเป็นแบบนั้น

เราไม่มีโอกาศจะฟลุ๊คได้ของถูกแบบสมัย เลห์แมน กันแล้ว เพราะ ตลาดUSAและยุโรปค่อยๆฟื้นตัวขึ้นมา แน่นอนว่า

ปัจจัยการเมืองสุดท้ายก้จะจบลง แล้วมันก้จะผ่านไป อีกครั้งหนึ่ง


สุดท้ายนี้ คำของปู่ วอเรนท์ บัฟเฟตยังใช้ได้ดีเสมอในทุกสถานการณ์

บัฟเฟตต์แนะนำให้คิดถึงระยะเวลาเป็น 10 ปี แทนที่จะเป็น 10 นาที
ถ้าคุณไม่สามารถจะถือหุ้นได้เป็นทศวรรษ ก็อย่าซื้อหุ้นตั้งแต่แรก
อย่าหมกมุ่นอยู่กับราคาหุ้น
จงศึกษาพื้นฐานของธุรกิจ ความสามารถในการสร้างกำไร อนาคตของบริษัท และอื่น ๆ และ เวลาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของธุรกิจ
Dech
Verified User
โพสต์: 4596
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอบคุณครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 6

โพสต์

A simple rule dictates my buying: Be fearful when others are greedy, and be greedy when others are fearful . . . Let me be clear on one point: I can’t predict the short-term movements of the stock market. I haven’t the faintest idea as to whether stocks will be higher or lower a month — or a year — from now. What is likely, however, is that the market will move higher, perhaps substantially so, well before either sentiment or the economy turns up. So, if you wait for the robins, spring will be over

Warren E. Buffett

................................

ผมอยากขยายความที่ บัฟเฟตต์ เขียนไว้ในปี 2501 กับปัจจัยที่เค้าพิจารณาขาย Common Wealth ออกไป ดังนี้

1. วอร์เรน จะคำนวณ Intrinsic Value ก่อนเสมอ

2. แม้ว่าวอร์เรนจะไม่ให้น้ำหนักกับตลาด แต่เค้าจะคอยจะเปรียบเทียบราคา ณ ขณะนั้น เป็นต้นทุนของเขา ดังประโยคที่ว่า " intrinsic value 135 กับราคา 80 ไม่เท่ากับ intrinsic value 125 กับต้นทุน 50"

3. การวัดผลการดำเนินงาน วอร์เรน ไม่ได้บอกว่าปีนี้ดีกว่าปีที่แล้ว แต่ให้ดูเปรียบเทียบกับตลาดแทน เช่น ปีนี้มากกว่าตลาด มากกว่า ปีที่แล้ว เค้าถือว่าดี (ถึงแม้ว่าจริง ๆ แล้วปีนี้จะทำได้น้อยกว่าปีที่แล้วก็ตาม) - ผมว่าหลักการณ์นี้ดีมากนะอันนี้ผมชอบมาก ส่วนนึงมันช่วยลด อีโก้และความขี้อิจฉา ตัวกูของกู ด้วย ลองนำหลักข้อนี้ไปใช้ดู

4. วิธีการซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าคือวิธีการที่ชัวร์ที่สุดที่จะช่วยป้องกันเราประคับประคองหุ้นของเราเพื่อให้ผลประกอบการระยะยาวของหุ้นเราสัมฤทธิ์ผล

5. ระยะเวลาในการถือครองสมควร คือ "เวลาที่ให้บริษัทปรับตัวจาก หุ้นที่มูลค่าต่ำกว่าควร เป็นมูลค่าที่แท้จริงของมัน"

6. ต่อเนื่องจากเรื่องของการวัดผลตอบแทน ดังนั้น ตลอดระยะเวลาถือครอง "เราควรจะเห็นได้ชัดแจ้งว่าผลตอบแทนหุ้นในระยะเวลาที่เราถือครองจะดีกว่าดัชนี ณ ช่วงเวลาเดียวกัน"

บทความนี้แม้จะเก่าแล้ว (55 ปี) แต่ผมว่ามีคุณค่าและตอบโจทย์หลาย ๆ อย่างให้กับผมเองครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 7

โพสต์

อ้อ อีกเรื่องนึง ผมถือว่าเป็นรากฐานแนวคิดที่ตกผลึกจริง ๆ ครับ

"ผมพยายามที่จะออกแรงในการซื้อหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าราคาไว้ในครอบครองอย่างไม่ลดละ ผมดำรงไว้ซึ่งนโยบายนี้เพื่อที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ของผมที่จะสร้างผลตอบแทนแบบโดดเด่นในยามที่ตลาดตกต่ำหรือในสภาวะปกติ และผมยินดีที่จะได้รับผลตอบแทนแบบปกติในยามที่ตลาดร้อนแรง"
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
MACUS
Verified User
โพสต์: 237
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ขอบคุณมากครับพี่ NB ยังคมเหมือนเดิมเลยครับ :wink:
*********\\\ฉันต้องเก่งขึ้น เรียนรู้ตลอดชีวิต///**********
ลูกหิน
Verified User
โพสต์: 1217
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ขอบคุณครับสำหรับบทความ ผมถือหุ้น 100% ตลอดครับ เพราะคิดว่าในระยะยาวจะได้ผลตอบแทนที่ดีเยี่ยม และยังหาหุ้นที่เติบโตได้ดีในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจในช่วง2-3ปีต่อจากนี้ครับ
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 10

โพสต์

เยี่ยมเลยค่ะคุณ NB
ขอบคุณมากค่ะ :wink:
MACUS
Verified User
โพสต์: 237
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 11

โพสต์

Nevercry.boy เขียน:แต่แล้วผมได้ตัดสินใจขายหุ้นของเราทั้งหมดจากตอนที่ราคาหุ้นตกลงมาจาก 100 เหรียญ ลงมาที่ 80 เหรียญต่อหุ้น ทำไมผมจึงทำเช่นนั้น ผมไม่ซีเรียสครับที่จะถือหุ้นไว้เพราะต้นทุนผมอยู่ที่ 50 เหรียญแล้วก็ทยอยซื้อสะสมต่อไปแม้ว่าผลงานผมจะไม่ค่อยดีเท่าไรในปีที่แล้ว เพราะปีที่แล้วเป็นปีที่ Commonwealth กำไรเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยบังเอิญ ดังนั้นผลงานของเราในแต่ละปีถูกจำกัดโดยประมาณการณ์ผลประกอบการในระยะยาว แต่ไม่ใช่แค่นั้นอย่างไรก็ตามผมเชื่อว่าด้วยวิธีการซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าคือวิธีการที่ชัวร์ที่สุดที่จะช่วยป้องกันเราประคับประคองหุ้นของเราเพื่อให้ผลประกอบการระยะยาวของหุ้นเราสัมฤทธิ์ผล

คนที่ซื้อหุ้นของผมไปที่ 80 เหรียญผมคาดว่าเค้าจะได้รับผลประกอบการที่ดีพอใช้ได้ไปหลายปีเพราะที่ผมคำนวณ intrinsic value ไว้ที่ 135 เหรียญ แต่ ณ จุดนี้มีความเปลี่ยนแปลง intrinsic value 135 กับราคา 80 ไม่เท่ากับ intrinsic value 125 กับต้นทุน 50 สำหรับสถานการณ์แบบนี้ผมคิดว่าหากเราปรับพอร์ตการลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า และจะว่าไปหุ้น Commonwealth ก็ไม่ได้มีมูลค่าต่ำกว่าราคาเมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่น ๆ ของเรา
รบกวนถามพี่ NB ครับผมไม่เข้าใจประโยคที่ประโยคสีแดงครับ ขอบคุณครับ :oops:
*********\\\ฉันต้องเก่งขึ้น เรียนรู้ตลอดชีวิต///**********
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 12

โพสต์

MACUS เขียน:
Nevercry.boy เขียน:แต่แล้วผมได้ตัดสินใจขายหุ้นของเราทั้งหมดจากตอนที่ราคาหุ้นตกลงมาจาก 100 เหรียญ ลงมาที่ 80 เหรียญต่อหุ้น ทำไมผมจึงทำเช่นนั้น ผมไม่ซีเรียสครับที่จะถือหุ้นไว้เพราะต้นทุนผมอยู่ที่ 50 เหรียญแล้วก็ทยอยซื้อสะสมต่อไปแม้ว่าผลงานผมจะไม่ค่อยดีเท่าไรในปีที่แล้ว เพราะปีที่แล้วเป็นปีที่ Commonwealth กำไรเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยบังเอิญ ดังนั้นผลงานของเราในแต่ละปีถูกจำกัดโดยประมาณการณ์ผลประกอบการในระยะยาว แต่ไม่ใช่แค่นั้นอย่างไรก็ตามผมเชื่อว่าด้วยวิธีการซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าคือวิธีการที่ชัวร์ที่สุดที่จะช่วยป้องกันเราประคับประคองหุ้นของเราเพื่อให้ผลประกอบการระยะยาวของหุ้นเราสัมฤทธิ์ผล

คนที่ซื้อหุ้นของผมไปที่ 80 เหรียญผมคาดว่าเค้าจะได้รับผลประกอบการที่ดีพอใช้ได้ไปหลายปีเพราะที่ผมคำนวณ intrinsic value ไว้ที่ 135 เหรียญ แต่ ณ จุดนี้มีความเปลี่ยนแปลง intrinsic value 135 กับราคา 80 ไม่เท่ากับ intrinsic value 125 กับต้นทุน 50 สำหรับสถานการณ์แบบนี้ผมคิดว่าหากเราปรับพอร์ตการลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า และจะว่าไปหุ้น Commonwealth ก็ไม่ได้มีมูลค่าต่ำกว่าราคาเมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่น ๆ ของเรา
รบกวนถามพี่ NB ครับผมไม่เข้าใจประโยคที่ประโยคสีแดงครับ ขอบคุณครับ :oops:
1) ณ วันที่ซื้อ ต้นทุนของวอร์เรน อยู่ที่ 50 เหรียญ ณ วันที่ซื้อ วอร์เรนคำนวณว่า หุ้นมีแวลู อยู่ที่ 125 บาท (ต่างกัน 150%-A)
2) ณ วันที่ขาย ราคาของหุ้นอยู่ที่ 80 หุ้นมีอนาคตดีขึ้น วอร์เรนคำนวณว่า หุ้นมีแวลู อยู่ที่ 135 บาท (ต่างกันเพียง 68%-B)

A=150% กับ B=68% ต่างกัน แม้เป็นหุ้นเดียวกัน เห็นวิธีคิดวอร์เรนมั๊ย การอัพเดทสถานการณ์และการประเมินราคาหุ้นเสมือนเป็นต้นทุนของตนเอง

ณ จุด B วอร์เรนจึงบอกว่า 68% นั้น เมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่น ๆ ในพอร์ต ดู ๆ ไป CommonWealth ก็ไม่ได้อันเดอร์แวลู มากนัก ประกอบกัน เค้าจึงตัดสินใจขายออกมา

นั่นคือวิธีคิดของวอร์เรนวัยหนุ่มครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
MACUS
Verified User
โพสต์: 237
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 13

โพสต์

อ้อ Get ล่ะคับ ขอบคุณมากครับ
*********\\\ฉันต้องเก่งขึ้น เรียนรู้ตลอดชีวิต///**********
imerlot
Verified User
โพสต์: 2686
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 14

โพสต์

แฟนคลับ
บทความ คุณ NB
:bow: :bow: :bow:
แปลและเขียน..ได้ดีมากครับ..



..
คล้ายๆกัน ของลุงบัฟ ปี2012
************
A thought for my fellow CEOs: Of course, the immediate future is uncertain; America has faced the
unknown since 1776. It’s just that sometimes people focus on the myriad of uncertainties that always exist
while at other times they ignore them (usually because the recent past has been uneventful).
5American business will do fine over time. And stocks will do well just as certainly, since their fate is tied
to business performance. Periodic setbacks will occur, yes, but investors and managers are in a game that
is heavily stacked in their favor. (The Dow Jones Industrials advanced from 66 to 11,497 in the 20th
Century, a staggering 17,320% increase that materialized despite four costly wars, a Great Depression and
many recessions. And don’t forget that shareholders received substantial dividends throughout the century
as well.)
Since the basic game is so favorable, Charlie and I believe it’s a terrible mistake to try to dance in and out
of it based upon the turn of tarot cards, the predictions of “experts,” or the ebb and flow of business
activity. The risks of being out of the game are huge compared to the risks of being in it.

My own history provides a dramatic example: I made my first stock purchase in the spring of 1942 when
the U.S. was suffering major losses throughout the Pacific war zone. Each day’s headlines told of more
setbacks. Even so, there was no talk about uncertainty; every American I knew believed we would prevail.
The country’s success since that perilous time boggles the mind: On an inflation-adjusted basis, GDP per
capita more than quadrupled between 1941 and 2012. Throughout that period, every tomorrow has been
uncertain. America’s destiny, however, has always been clear: ever-increasing abundance.
If you are a CEO who has some large, profitable project you are shelving because of short-term worries,
call Berkshire. Let us unburden you.

************
...
http://www.berkshirehathaway.com/letters/2012ltr.pdf

..
cobain_vi
Verified User
โพสต์: 358
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ขอบคุณครับสำหรับข้อความดีๆ
....
Set บ้านเราอีกสักสามสิบปีผมว่าน่าจะถึงสามพันจุด แต่ตอนนั้นตัวผมและหลายๆคนในนี้คงหายไปจากโลกนี้แล้ว
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา
ReRedrum
Verified User
โพสต์: 198
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
"ผมไม่ได้ลงทุนในหุ้นเพียงเพราะว่าผมต้องการเงินมากมาย
แต่มันเป็นความสนุกในการค้นหาบริษัทชั้นเยี่ยม
เฝ้าดูมันเติบโต และทำเงินให้เรา"

"เบื้องหลังของด้านหลัง ก็คือ ด้านหน้า"
ภาพประจำตัวสมาชิก
dome@perth
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4740
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 17

โพสต์

สุดยอดครับท่าน NB
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง
"
ภาพประจำตัวสมาชิก
PGsoulmate
Verified User
โพสต์: 79
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 18

โพสต์

ขอบคุณพี่ NB สำหรับบทความดีๆ คับ
เป็นแง่คิดดีๆ ที่ช่วยเตือนสติได้เป็นอย่างดีในสถานการณ์แบบนี้
ผมเชื่อว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป เหมือนทุกๆ ครั้ง :D
Espoir
Verified User
โพสต์: 2
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 19

โพสต์

เยี่ยมจริงๆเลยครับ มีคนเก่งๆนำบทความของคนเก่งๆมาใช้ได้
อธิบายให้คนอื่นๆเข้าใจได้ง่าย คารวะสิบจอกเลยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
vim
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2748
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 20

โพสต์

ขอบคุณพี่ NB ที่แปลและเรียบเรียงมาเพื่อแบ่งปันความรู้ครับ

มีจดหมายของบัฟเฟตต์อยู่สองสามฉบับที่ผมอยากแนะนำให้ทุกๆคนที่สนใจในการลงทุนของบัฟเฟตต์ได้อ่านเพิ่มเติม คือจดหมายในปี 1983 - 1985 (พศ 2526 - 2528) เป็นช่วงที่บัฟเฟตต์ตัดสินใจซื้อ Nebraska Furniture Mart การเข้าซื้อครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ดีเยี่ยม ทั้งๆที่บัฟเฟตต์เองแทบไม่ได้วิเคราะห์มูลค่าทางบัญชีอะไรมากมาย
I have been asked by a number of people just what secrets
the Blumkins bring to their business. These are not very
esoteric. All members of the family: (1) apply themselves with
an enthusiasm and energy that would make Ben Franklin and Horatio
Alger look like dropouts; (2) define with extraordinary realism
their area of special competence and act decisively on all
matters within it; (3) ignore even the most enticing propositions
failing outside of that area of special competence; and, (4)
unfailingly behave in a high-grade manner with everyone they deal
with. (Mrs. B boils it down to “sell cheap and tell the truth”.)

Our evaluation of the integrity of Mrs. B and her family was
demonstrated when we purchased 90% of the business: NFM had never
had an audit and we did not request one; we did not take an
inventory nor verify the receivables; we did not check property
titles. We gave Mrs. B a check for $55 million and she gave us
her word. That made for an even exchange.

http://www.berkshirehathaway.com/letters/1984.html
ซึ่งในช่วงนี้เองเป็นปีที่บัฟเฟตต์ได้ปิดโรงงานทอผ้าลง และได้อธิบายว่าทำไมการลงทุนซื้อ Berkshire Hathaway ถึงเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดในมุมมองของเขา ทั้งๆที่ซื้อมาถูกกว่ามูลค่าทางบัญชี
When Buffett Partnership, Ltd., an investment partnership of
which I was general partner, bought control of Berkshire Hathaway
21 years ago, it had an accounting net worth of $22 million, all
devoted to the textile business. The company’s intrinsic
business value, however, was considerably less because the
textile assets were unable to earn returns commensurate with
their accounting value. Indeed, during the previous nine years
(the period in which Berkshire and Hathaway operated as a merged
company) aggregate sales of $530 million had produced an
aggregate loss of $10 million. Profits had been reported from
time to time but the net effect was always one step forward, two
steps back.

http://www.berkshirehathaway.com/letters/1985.html
ในจุดนี้เองทำให้การลงทุนของบัฟเฟต์เริ่มเปลี่ยนอย่างชัดเจนขึ้น จากเดิมที่ลงทุนโดยการวัดมูลค่าที่แท้จริงในเชิงตัวเลขจากบัญชี มาเป็นการลงทุนที่พิจารณาความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ และใช้ข้อมูลเชิงคุณภาพเข้ามาพิจารณามากขึ้น ผมคิดว่าจดหมายฉบับนี้จะเป็นการเติมเต็มให้แนวคิดมูลค่าที่แท้จริงจากฉบับที่พี่ NB เรียบเรียงมาครับ
Vi IMrovised
Daraja
Verified User
โพสต์: 12
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 21

โพสต์

ได้ข้อคิดดีมากๆครับ Thank YOU :D
ปลูกหุ้นกินผล
Verified User
โพสต์: 111
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 22

โพสต์

ขอบคุณมากครับ ชอบประโยคนี้...
ผมดำรงไว้ซึ่งนโยบายนี้เพื่อที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ของผมที่จะ
"สร้างผลตอบแทนแบบโดดเด่นในยามที่ตลาดตกต่ำหรือในสภาวะปกติ และผมยินดีที่จะได้รับผลตอบแทนแบบปกติในยามที่ตลาดร้อนแรง"
ปลูกหุ้นกินผล
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปล้องนาง
Verified User
โพสต์: 441
ผู้ติดตาม: 0

Re: ข้อคิดก่อนจะขายหุ้นหรือปรับพอร์ต

โพสต์ที่ 23

โพสต์

ขอบคุนครับ ได้ไอเดียดีมากครับ
Res tantum valet quantum vendi potest.....
โพสต์โพสต์