ถึงกับต้องไล่ตามอ่านเลย....พี่หมอมุขขยันแบ่งปันมากเลย
และแสดงว่าพี่หมอมุขหายป่วยแล้วใช่มั้ยคะ เยี่ยมเลยค่ะ

theenuch เขียน:ขอบคุณข้อมูลดีๆเสมอค่ะ เว้นวรรคการอ่านไปบ้าง
ถึงกับต้องไล่ตามอ่านเลย....พี่หมอมุขขยันแบ่งปันมากเลย
และแสดงว่าพี่หมอมุขหายป่วยแล้วใช่มั้ยคะ เยี่ยมเลยค่ะ
ว่าจะไปเหนือค่ะ แวะไปเยี่ยมญาติที่ลำพูนและเที่ยวPaul VI เขียน:ลืมถามคุณ นุชไปว่าไปเที่ยวไหนครับ ปีใหม่นี้
theenuch เขียน:ว่าจะไปเหนือค่ะ แวะไปเยี่ยมญาติที่ลำพูนและเที่ยวPaul VI เขียน:ลืมถามคุณ นุชไปว่าไปเที่ยวไหนครับ ปีใหม่นี้
2-3 ปีก่อน เน้นแม่ฮ่องสอน ตาก ครั้งนี้ว่าจะเป็นแบบนี้ค่ะ
เชียงราย
(ดอยตุง วัดร่องขุน และอยากไปวัดท่าน ว.วชิราเมธี ด้วยค่ะ)
เชียงใหม่
(แม่ริม แพแม่ตะมาน นั่งช้าง ล่องแพ และพิพิธภัณฑ์แมลงที่ไปทุกปีค่ะ ลูกชอบค่ะ)
และอาจเลือก อช.สักแห่งเพื่อกางเต้นท์ด้วยค่ะ
ครอบครัวพี่หมอมุขไปไหนคะ?
ดีจังได้ที่เที่ยวเพิ่มตามพี่หมอมุขเลยคือ "ดอยแม่สลอง" อยากไปมานานแล้ว ยังไม่เคยไปPaul VI เขียน:theenuch เขียน:ว่าจะไปเหนือค่ะ แวะไปเยี่ยมญาติที่ลำพูนและเที่ยวPaul VI เขียน:ลืมถามคุณ นุชไปว่าไปเที่ยวไหนครับ ปีใหม่นี้
2-3 ปีก่อน เน้นแม่ฮ่องสอน ตาก ครั้งนี้ว่าจะเป็นแบบนี้ค่ะ
เชียงราย
(ดอยตุง วัดร่องขุน และอยากไปวัดท่าน ว.วชิราเมธี ด้วยค่ะ)
เชียงใหม่
(แม่ริม แพแม่ตะมาน นั่งช้าง ล่องแพ และพิพิธภัณฑ์แมลงที่ไปทุกปีค่ะ ลูกชอบค่ะ)
และอาจเลือก อช.สักแห่งเพื่อกางเต้นท์ด้วยค่ะ
ครอบครัวพี่หมอมุขไปไหนคะ?
เมื่อหลายปีก่อนไป เชียงใหม่ เชียงราย มายังประทับใจอยู่เลยครับ
อากาศหนาวกับผมนี่ เป็นของคู่กันครับ ชอบหน้าหนาวมากถึงมากที่สุดครับ
เชียงใหม่ ดอยสุเทพคนเยอะพอควรเลยครับ แต่ไปทุกครั้งก็ขึ้นไปนมัสการทุกที ที่มีโอกาส
พระตำหนักดอยสุเทพ ดอกไม้สวยๆ เยอะมาก ผมว่าคุณนุชไม่พลาดแน่นอนครับ
จำได้ว่าไปที่ ที่เค้าจัดงานดอกไม้ครับ ก็สวยสมคำร่ำลือ แต่น่าจะโทรมลงตามกาลเวลาไปบ้างนะครับ แต่หน้าหนาวผมว่า แค่ไปสูดอากาศเย็นๆ ก็ ok แล้วครับ
ส่วนเชียงราย ผมประทับใจแม่สลองครับ แต่ขึ้นไปไม่ถึงสุดครับ ตอนนั้นรถขึ้นไปไม่ไหว สัมภาระเยอะมากเลยไปได้ถึงกลางทาง แต่อากาศดีมาก
แต่ แม่สาย ก็เป็นที่น่าประทับใจมากครับ อากาศตอนที่ไปตอนนั้นเย็นอย่างกับยุโรป ทำเอาเดินเล่นแบบไม่อยากกลับเลยทีเดียวครับ
ข้ามฟากไปตลาดท่าขี้เหล็ก สำหรับผู้ชายก็เฉยๆครับ แต่ผู้หญิงก็คงชอบมากเลยที่ได้ต่อรองราคา
ดอยตุงห้ามพลาดครับ แต่คนเยอะ แน่นอนครับ จอดรถกันถึงไหล่เขาเลยทีเดียว แต่อากาศดี ดอกไม้สวย คุณนุชคงไม่พลาดแน่ครับ
วัดร่องขุ้น ก็สวยมากครับ เสียดายวันที่ผมไปตรงกับวันปีหใ่ คนเยอะมากๆๆๆ แต่ได้ไปเห็นไปถ่ายรูปหน้าวัดก็คุ้มค่าแล้วครับ
เส้นนี้ก็ชอบเหมือนกันค่ะ ถ้าไปจะเลยไปที่น้ำหนาว และ อช.แก่งกระจานด้วยPaul VI เขียน:ลืมบอกไปว่า ครอบครัวผม ปีใหม่นี้ขอทริปในประเทศก่อนครับ
เลยเลือกไป เขาค้อ ครับ
เพราะเฉียดไป เฉียดมาหลายครั้ง ยังไม่เคยไปพักจริงจังซักที
กะจะไปดูทะเลหมอกครับ แล้วก็นั่งชิลๆ จิบกาแฟ ท่ามกลางลมหนาวครับ
ที่อยากไปอีกที่ คือ วัดพระธาต ผาซ่อนแก้วครับ
นอกนั้นโปรแกรมคราวนี้ขอไป แบบหลวมๆครับ เน้นเอาความสุขระหว่างเดินทางแบบสบายๆครับ
ทั้งสองที่นี้อยากไปมากๆ เหมือนกันค่ะ (แต่ต้องเก็บตังค์อีกนานค่ะ)Paul VI เขียน:แต่สงกรานต์ปีหน้า
ที่ plan อยู่มี 2 ที่ครับ
ถ้าไม่ Hokkaido แบบลุยเอง ก็คงเป็น Russia ครับ
คิดได้พูดได้แต่ "ทำ" ไม่ได้
โดย : แจ็ค มินทร์ อิงค์ธเนศ
ภาวะเศรษฐกิจในบ้านเราและตลาดโลกทุกวันนี้ คงกล่าวได้อย่างเต็มปากว่าไม่ได้อยู่ในภาวะปกตินัก รวมถึงอาจเข้าขั้นวิกฤติได้ด้วยซ้ำหากสถาการณ์ต่างๆ ลุกลามและบานปลายจนควบคุมไม่ได้ เพราะระบบเศรษฐกิจทุกวันนี้เปราะบางเหลือเกิน
ท่ามกลางความผันผวนเช่นนี้กลับเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้หลายๆ บริษัทมองเห็นช่องว่างและหาทางไขว่คว้าความสำเร็จมาเป็นของตัวเองได้ เพราะในวิกฤติย่อมมีโอกาสแฝงอยู่ ใครที่กล้าคิดกล้าทำก็ย่อมเข้าใกล้เป้าหมายได้มากกว่าคนที่ “กล้าคิดกล้าพูด” แต่เพียงอย่างเดียว
ความกล้าคิด กล้าพูด แต่ไม่กล้าลงมือทำมีตัวอย่างให้เห็นมากมาย และผมเชื่อว่ามีให้เห็นทุกองค์กร ทุกบริษัท รวมไปถึงทุกครอบครัวที่จะมีญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูง ที่เฉลียวฉลาดและความคิดแปลกใหม่เสมอแต่กลับไม่นำไปใช้สร้างโอกาสให้ตัวเอง
ประสบการณ์ของผมในอดีตเมื่อครั้งยังศึกษาเล่าเรียนอยู่สหรัฐก็ไม่แตกต่างกันนัก เพราะยุคนั้นคนที่มีโอกาสได้เล่าเรียนต่างประเทศไม่ได้มีจำนวนมากเหมือนทุกวันนี้ นักศึกษาต่างชาติสมัยนั้นมักจะเป็นนักเรียนระดับหัวกะทิที่ได้ทุนการศึกษาจากหน่วยงานในประเทศของตัวเอง
ผมจึงมีโอกาสได้คลุกคลีกับกลุ่ม “หัวกะทิ” เหล่านี้ ซึ่งบางส่วนเมื่อเรียนจบแล้วก็ยังสมัครใจใช้ชีวิตในสหรัฐฯ ต่อ เป็นนักวิชาการ หรือเป็นอาจารย์สอนหนังสือในมหาวิทยาลัยมีชื่อ เพราะความเป็นเลิศด้านวิชาการและความเฉลียวฉลาดที่ไม่แพ้ชาวอเมริกันเลย
ชุมชนชาวจีนยุคนั้นก็มักจะรวมกลุ่มกันบ่อยเหมือนๆ สังคมชาวไทยที่มักจะทำอาหารมารับประทานร่วมกัน โดยมีอาหารหลักอย่างหนึ่งคือ Egg Flower Soup หรือซุปไข่ชนิดหนึ่งของจีน ซึ่งมีคนทำมารับประทานร่วมกันทุกปี
และทุกๆ ปีนั้น ก็จะมีคนชื่นชมรสชาติอันกลมกล่อมของซุปอย่างไม่ขาดสาย พร้อมสำทับว่าหากทำขายเมื่อไรก็คงจะร่ำรวยแน่นอนเพราะเป็นซุปที่อร่อยมาก จนใครๆ ที่ได้ชิมก็พากันติดอกติดใจรสชาติ จนขอให้ทำมารับประทานร่วมกันบ่อยๆ
ผ่านไปกี่ปีๆ Egg Flower Soup ก็ยังคงเป็นอาหารโปรดประจำงาน แต่ผมก็ไม่เคยเห็นใครตั้งใจจะทำซุปนี้ออกขายอย่างจริงจัง จนผมเชื่อว่านานวันเข้า Egg Flower Soup ก็จะกลายเป็นเหมือนนิทานปรัมปราเรื่องหนึ่งที่คนเก่าแก่เล่าขานให้เด็กๆ รุ่นใหม่ฟังว่าเป็นซุปที่อร่อยมาก และหากมีใครทำขายก็ต้องประสบความสำเร็จแน่นอน
ผมอดคิดไม่ได้ว่าผู้เล่านั้นก็คือคนชั้นหัวกะทิของประเทศและมีพื้นฐานการศึกษามาจากสถาบันชั้นนำ ได้รับการยอมรับจากคนทั่วไปมากมาย แต่ก็ไม่มีใครคิดที่จะทำสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีให้เป็นจริงได้อย่างที่คิดไว้สักที
หากมองกันให้ดีเราอาจเห็น Egg Flower Soup มีปรัชญาที่แฝงอยู่ในชามซุป ว่าคนที่มีความเป็นเลิศทางความคิดย่อมมองเห็นโอกาสก่อนผู้อื่น แต่หาก “กล้าคิด กล้าพูด” เแต่เพียงอย่างเดียวโดยไม่ “กล้าทำ” สิ่งที่ตั้งใจไว้ให้เป็นจริง ก็เท่ากับเราปล่อยให้โอกาสที่มีหลุดลอยไป
นอกเหนือจากเรื่องซุปไข่นี้แล้วผมเชื่อว่าผู้อ่านแต่ละท่านคงมีตัวอย่างที่คล้ายคลึงกันแบบนี้อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งมักจะมีโครงเรื่องที่ไม่แตกต่างกัน นั่นคือมีคนมากมาย มองเห็นโอกาส มองเห็นความสำเร็จ แต่ไม่กล้าลงมือทำด้วยเหตุผลร้อยแปดพันประการ
มาถึงวันนี้หากยังเห็นโอกาสของตัวเองอยู่ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรอีกแล้วที่จะถ่วงความเจริญของตัวเองด้วยการนิ่งดูดาย ความสำเร็จยังรอเราอยู่เสมอ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 7#p158561710 เหตุผลที่คุณควรลงทุนในหุ้น
1.เมื่อคุณใช้เงินซื้อหุ้นหมด คุณจะอดไปเที่ยวไร้สาระโดยปริยาย
2.เมื่อคุณใช้เงินซื้อหุ้นหมด คุณจะไม่ต้องกังวลเวลาเพื่อนยืมตังค์เลย เพราะมันไม่มีจริงๆ
3.เมื่อคุณใช้เงินซื้อหุ้นหมด คุณจะอยากไปช็อปปิ้งกับภรรยา อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
4.เมื่อคุณใช้เงินซื้อหุ้นหมด คุณจะลดความอ้วนได้ดีกว่าเดิม เพราะไส้แห้ง
5.เมื่อคุณใช้เงินซื้อหุ้นหมด คุณจะไม่เป็นหนี้ผ่อนรถผ่อนบ้าน เพราะคุณไม่มีเงินดาวน์
6.เมื่อคุณใช้เงินซื้อหุ้นหมด ครอบครัวจะอบอุ่น พ่อแม่จะรักคุณมากขึ้น คุณจะเป็นลูกกตัญญู เพราะคุณจะต้องอยู่บ้านพ่อแม่ จากข้อ5ไง
7.เมื่อคุณใช้เงินซื้อหุ้นหมด ภรรยาจะรักคุณมากขึ้นเช่นกัน เพราะคุณจะไม่มีเงินไปเลี้ยงเด็กที่ไหนได้เลย
8.เมื่อคุณใช้เงินซื้อหุ้นหมด ถ้ายังโสด ก็จะยังได้ใช้ชีวิตโสดไปอีกนาน
9.เมื่อคุณใช้เงินซื้อหุ้นหมด ความหรูหราไฮโซ ของแบรนด์เนม ความสะดวกสบายอย่างราชา และของแพงชิบหายทั้งหลาย จะยังไม่มีวันได้แอ้มเงินคุณ
10.เมื่อคุณใช้เงินซื้อหุ้นหมด ของทั้งหมดในข้อ9 จะมารวมกันส่งมอบให้คุณ ในวันที่คุณประสบความสำเร็จจากการลงทุนในหุ้นแล้ว และจะอยู่กับคุณตลอดไปจนวันตาย
“สวัสดีครับคุณ… ได้ข่าวว่าตอนนี้ลาออกมา‘เล่นหุ้น’อย่างเดียวเหรอครับ?”เป็นคำทักทายจากคนรู้จักหรือจากเพื่อนที่ไม่ค่อยได้พบกันบ่อยนักในระยะหลังนี้ ผมมักจะหยุดนิ่งชั่วครู่ก่อนที่จะตอบคำถามอย่างกระชับที่สุดเพื่อให้คู่สนทนาที่เคยมีความสัมพันธ์ทั้งที่เป็นลูกค้า เป็นเพื่อนร่วมวงการธุรกิจ หรือเป็นเพื่อนเก่า ได้รับข้อมูลที่ผมต้องการสื่อสารอย่างครบถ้วน
“ตอนนี้ไม่ได้ทำงานประจำแต่เป็นกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบของบริษัทมหาชนสามแห่งและเป็นนักลงทุนเน้นคุณค่า (Value Investor)ครับ”คือคำตอบที่ผมมักใช้เสมอ ทั้งนี้เพราะผมมีความรู้สึกที่ดีมากๆ ที่ยังได้มีโอกาสใช้ความรู้และประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมาทำหน้าที่เป็นกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบนอกจากนี้ ผมยังต้องการใช้เวลาที่เหลือขยายความการเป็น ‘นักลงทุนเน้นคุณค่า’ อีกด้วยผมมักหลีกเลี่ยงคำว่า ‘เล่นหุ้น’ เพราะเป็นคำที่มีความหมายกว้างครอบคลุมทุกแนวทางการลงทุนส่วนคำว่า ‘นักลงทุนเน้นคุณค่า’จะมีความหมายเจาะจงและเน้นการลงทุนระยะยาวตรงกับแนวทางการลงทุนของผมมากกว่านั่นเอง
หากไม่นับรวมการเป็นพนักงานประจำของหน่วยงานภาครัฐและบริษัทเอกชนที่ได้รับผลตอบแทนแน่นอนในรูปของเงินเดือนแล้ว คนวัยทำงานที่เหลือคงจะเข้าข่ายที่เรียกว่ามี‘อาชีพอิสระ’ทั้งสิ้น ผู้ประกอบอาชีพอิสระต้องมีความรู้ความชำนาญ ความสามารถเฉพาะด้านเพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้ที่มักไม่คงที่แน่นอน ผู้มีอาชีพอิสระจึงจำเป็นต้องกันเงินส่วนที่เหลือจากการใช้จ่ายประจำวันไว้เพื่อเป็นเงินสะสมสำรองในยามที่รายได้เกิดขึ้นไม่เพียงพออีกด้วย
นักธุรกิจซื้อขายที่ดิน เป็นอาชีพอิสระที่ต้องใช้เงินลงทุนหมุนเวียนสูง ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในการประเมินศักยภาพ ทำเลที่ตั้งของที่ดินและราคาที่เหมาะสม ผู้ประสบความสำเร็จมักได้กำไรงามจากส่วนต่างราคาขายที่สูงขึ้นเทียบกับระยะเวลาถือครอง หากเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำเป็นต้องมีความชำนาญในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากที่ดินเปล่าเพื่อผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ผู้ประกอบอาชีพซื้อขายของเก่าเช่าพระ แสตมป์ นาฬิกา เหรียญและธนบัตร ล้วนต้องมีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับสิ่งนั้นเพื่อได้กำไรจากส่วนต่างราคาซื้อเข้าและขายออกให้เหมาะสมกับดีมานด์และซัพพลาย ส่วนผู้ประกอบการร้านค้าทุกชนิด ร้านอาหาร สถานบริการ หรือผู้รับจ้างทั่วไป ล้วนเป็นอาชีพอิสระที่ต้องพึ่งรายได้และกำไรจากการสร้างมูลค่าเพิ่มในสินค้าและบริการของตน
‘นักลงทุนเน้นคุณค่า’เป็นอาชีพอิสระอย่างหนึ่งที่ต้องมีความสามารถใน ‘การประเมินมูลค่ากิจการ’ของบริษัทจดทะเบียนที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ว่าควรมีช่วงราคาเหมาะสมเท่าใดและพร้อมเข้าลงทุนหากมีผู้เสนอขายกิจการในราคาที่ต่ำกว่าช่วงราคาดังกล่าวหรืออีกนัยหนึ่งคือ เสนอขาย ณ ราคาที่มีส่วนต่างความปลอดภัย (Margin of Safety)นักลงทุนเน้นคุณค่าอาจเลือกที่จะขายหุ้นเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างราคาหากเห็นว่าราคาหุ้นขึ้นสูงเกินปัจจัยพื้นฐานของกิจการ หรือเลือกถือหุ้นนั้นต่อโดยหวังว่าทั้งราคาหุ้นและความมั่งคั่งของตนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากยังเชื่อมั่นว่า เป็นกิจการที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว โดยยินดีที่รับผลตอบแทนในรูปเงินปันผลตลอดระยะเวลาที่ถือครองนั่นเอง
เมื่อครั้งยังทำงานประจำ ผมมีโอกาสร่วมเสวนากับคุณตัน ภาสกรนที ในงานสัมมนา “CEO สัญจร” จัดโดยหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ที่จังหวัดเชียงใหม่ คุณตันเปรียบเทียบชีวิตคนกับเข็มนาฬิกากล่าวคือ ในช่วงต้นของวัยทำงานเป็นช่วงเรียนรู้ จึงมักต้องทำงานแทบทุกชนิดอย่างหนักแทบไม่มีเวลาพักผ่อนเช่นเดียวกับเข็มวินาทีที่ต้องวิ่ง(ทำงาน) อยู่เสมอเมื่อเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้จัดการแม้อาจจะเหนื่อยกายน้อยลงแต่ความรับผิดชอบและความสำคัญของงานเพิ่มขึ้นตามลำดับเปรียบเสมือนการทำงานของเข็มยาว การเป็นซีอีโอหรือเจ้าของธุรกิจนั้น เป็นงานที่ต้องมีวิสัยทัศน์ ต้องตัดสินใจกลยุทธ์ธุรกิจสำคัญได้อย่างถูกต้องเปรียบเสมือนเข็มสั้นที่แม้เดินเพียงครั้งเดียวในหนึ่งชั่วโมงแต่หากผิดพลาดจะเกิดความเสียหายมากในฐานะที่เคยมีบทบาททั้งเข็มวินาที เข็มยาว และเข็มสั้น ผมยืนยันว่าเข็มทุกเข็มนั้น ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการทำงานให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย ทุกบทบาทล้วนให้โอกาสเราได้เรียนรู้แนวคิด มุมมองและประสบการณ์ที่ดีแตกต่างกันไป ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ประกอบการตัดสินใจในการลงทุนแบบเน้นคุณค่าได้อย่างดีอีกด้วย
ผลตอบแทนที่ดีจากตลาดหุ้นในหลายปีที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนส่วนหนึ่งหันมายึดอาชีพ ‘นักลงทุน’ด้วยการเป็นนักลงทุนเต็มเวลา สำหรับผู้ที่ยังทำงานประจำหรือผู้เพิ่งสำเร็จการศึกษาที่กำลังพิจารณาตัดสินใจเรื่องนี้ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า หนึ่ง การลงทุนมีความเสี่ยงและผลตอบแทนจากการลงทุนนั้นไม่แน่นอนหนทางข้างหน้าอาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป สองแม้ต้องขยันและทุ่มเทเพื่อความก้าวหน้า แต่การทำงานนั้นทำให้เราได้แสดงศักยภาพของตนโดยใช้วิชาความรู้ที่เรียนมาในทางปฏิบัติ สามสังคมทำงานทำให้มีเพื่อนร่วมงาน ต้องติดต่อกับผู้คนต่างเพศ ต่างวัยและได้แลกเปลี่ยนแนวคิด มุมมองที่หลากหลายและสี่ประเทศไทยยังต้องการทรัพยากรบุคคลวัยทำงานคุณภาพเพื่อการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศในระยะยาว
แม้การตัดสินใจในบางครั้งอาจไม่มีทางเลือกมากนักดังคำกล่าวที่ว่า Sometimes life leaves us two final choices: “Yes or No”, “Now or Never” & Take it or leave it” – choose wisely. แต่การตัดสินใจยึดอาชีพ ‘นักลงทุน’เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญที่ทุกคนต้องพิจารณาอย่างรอบคอบนักลงทุนทุกคนจึงต้องไม่ลืมข้อคิดเตือนใจอมตะที่ว่า “จงเปลี่ยนแปลงเมื่อพร้อม”เช่นกัน