VI บ้าน ๆ

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 91

โพสต์

วันก่อนขึ้นทางด่วนไปหาลูกค้า วางแผนในการเดินทางไว้อย่างดี ขึ้นถูกต้องตามที่วางแผนไว้ แต่พอใกล้จะถึง ไม่รู้ว่าลงทางลงไหน ต้องอ้อมไปสุดท้ายต้องขึ้นทางด่วนกลับมาใหม่อีกครั้งนึง

ชีวิตของผม มองหาทางขึ้น ขึ้นและขึ้น ไปยังที่ที่เราต้องการ บางครั้ง เราหาทางลงไม่เจอหรือลงผิดทาง

คิดถึงเพลงนี้ครับ เสียงพี่เต๋อ พี่ป้อมเล่น Backing ให้บนเวที

[youtube]OCH76B5u0zI[/youtube]
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 92

โพสต์

ความซื่อสัตย์...และพอใจในตนเอง

เคยไปประชุมที่โรงแรม ซึ่งหน่วยงานเราจัดสัมมนา
แล้วบังเอิญโรงเรียนลูกหยุด จึงพาลูกไปรอที่โรงแรมด้วย
เตรียมหนังสือ อุปกรณ์วาดรูป และของเล่นเล็กๆ ไปด้วย
(ต้องขอบคุณลูกที่อยู่ง่าย และสามารถรอคอยนานๆ ได้)

ทางทีมผู้จัดเห็นลูกมาด้วยจึงเอาคูปองบุฟเฟ่ต์มื้อกลางวันมาให้
แต่เราไม่รับ บอกเค้าว่าตั้งใจจะจ่ายให้ลูกเอง

เค้าคิดว่าเราเกรงใจ....อยากให้สบายใจจึงบอกว่าคนมาไม่ครบ
แต่เรามองว่า.....ควรปล่อยให้คูปองไม่ถูกใช้
เพราะทางโรงแรมคิดเงินตามจำนวนคูปองที่ถูกใช้เท่านั้น

แต่ถ้าการันตียอดไว้แล้วเหลือจริง ให้คนขับรถของหน่วยงาน
ได้มีโอกาสมาทานอาหารดีๆ บ้างดีกว่า เพราะเค้ามีส่วนช่วยงาน
ทั้งขับรถ ทั้งขนของ แต่ลูกเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น

ช่วง coffee break ก็ดื่มแต่กาแฟ ส่วนขนมให้ลูก
ทานกับนมกล่องที่เตรียมมา แม้จะมีคำบอกว่า "ไม่เป็นไร"

ตอนจ่ายค่าบุฟฟเฟต์...ลูกชาย (ตอนนั้น 9 ขวบ) บอกว่า
เค้าให้ฟรีๆ ทำไมไม่รับ จ่ายตังค์เองทำไม....ราคาแพงด้วย

เพราะเราสอนเค้าเองว่าเราต้องประหยัด
เค้าก็คิดว่าถ้าเราจ่ายเองคือเราฟุ่มเฟือย

..................................

สอนไปว่า "การประหยัด" คือในส่วนของตนเอง
แต่ไม่ใช่จ้องไปเอาของคนอื่นหรือของส่วนรวม
โดยเฉพาะกรณีนี้ "ภาษีประชาชน" เต็มๆ เลย

ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ค่อยมีเงินก็ตั้งใจมาตลอดว่า
ของใดๆ ก็ตามถ้ามันไม่ใช่ของเรา มันก็ไม่ใช่อยู่วันยังค่ำ

เวลาเห็นคนอื่นได้อะไร หรือมีอะไรที่เราไม่มี
ก็พลอยยินดีไปกับเขาด้วย แต่ในส่วนของตัวเอง
ถ้าอยากได้อะไรเพิ่ม....เราก็ต้องหาเพิ่มเอง
ใครให้อะไรมาฟรีๆ โดยไม่สมเหตุสมผลก็ไม่เคยอยากได้

หลังจบพยาบาล 2 ปี บรรจุเป็นข้าราชการซี 2 เงินเดือน start 2,800 +
แล้วปรับเป็น 3,200 + ตามการปรับฐานเงินเดือนครั้งใหญ่ทั้งระบบ
ส่งตัวเองเรียนมาตลอดจนจบ ป.ตรี และ ป.โท ไม่ได้ขอเงินทางบ้าน

.....................................

นิสัยซื่อสัตย์นี้...ส่งผลให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้คนรอบข้าง
และเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ในชีวิตทุกเรื่องค่อนข้างราบรื่น

.....................................

สำคัญที่สุด....ด้วยวัยเพียงไม่ถึง 13 ปี
ลูกเป็นเด็กที่มีคุณธรรมเรื่องความซื่อสัตย์โดดเด่นมาก
ชนิดที่....ทั้งชีวิตนี้ไม่ต้องห่วงว่าเค้าจะไปเอาเปรียบหรือคตโกงใคร :P

ซึ่งมันเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด...ยิ่งกับเด็กที่มีโอกาสเรียนหนังสือสูง
ถ้าขาดคุณธรรมข้อนี้ อาจกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีอำนาจทำลายล้างสูงได้

และจะมีเงินมีทองแค่ไหนก็ไร้ความหมาย
ถ้าลูกเป็นคนไม่ดี....คนเป็นพ่อแม่ก็ตายตาไม่หลับแน่นอนค่ะ
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 93

โพสต์

Nevercry.boy เขียน:วันก่อนขึ้นทางด่วนไปหาลูกค้า วางแผนในการเดินทางไว้อย่างดี ขึ้นถูกต้องตามที่วางแผนไว้ แต่พอใกล้จะถึง ไม่รู้ว่าลงทางลงไหน ต้องอ้อมไปสุดท้ายต้องขึ้นทางด่วนกลับมาใหม่อีกครั้งนึง

ชีวิตของผม มองหาทางขึ้น ขึ้นและขึ้น ไปยังที่ที่เราต้องการ บางครั้ง เราหาทางลงไม่เจอหรือลงผิดทาง

คิดถึงเพลงนี้ครับ เสียงพี่เต๋อ พี่ป้อมเล่น Backing ให้บนเวที
ขอบคุณ คุณ NB ที่ทำให้มีโอกาสได้ฟังเพลงนี้อีกครั้ง...เชื่อว่าถูกใจใครหลายคน
เอาเนื้องร้องมาแปะให้ด้วยดีกว่า ความหมายดีมากๆ

คำร้อง : เรวัต พุทธินันทน์
ทำนอง / เรียบเรียง : อัสนี โชติกุล

ก่อนตะวันลับแนวเหลี่ยมภูผา
หมอกจางตา ฟ้าร่วมกันท้าทาย
ขุนเขายิ่งใหญ่ ทางเดินห่างลับไกล
บุกเดินไปไม่เคยหวั่น

เขาสูงล้ำค้ำฟ้าตระหง่าน
เหล่าภัยพาลคืบคลานเป็นเงา
ยิ่งสูงยิ่งหนาวยอดเขายังห่าง
อยู่บนทางนึกหวั่นนึกพรั่นความหนาว

เขาสูงล้ำค้ำฟ้าตระหง่าน
เหล่าภัยพาลคืบคลานเป็นเงา
ยิ่งสูงยิ่งหนาวยอดเขายังห่าง
อยู่บนทางนึกหวั่นนึกพรั่นความหนาว

เปรียบคนเราเหมือนดั่งขึ้นภูเขา
ฝ่าไปเอาหมายตัวเราก้าวไกล
สูงๆ ขึ้นไป ใครจะอยู่ข้างเรา
กิเลสยุเย้าให้ปีนป่าย

ไร้มิตรแท้ถึงแม้ยิ่งใหญ่
ใหญ่เกินไปไม่มีใครเอา
ยิ่งสูงยิ่งหนาวยิ่งเหงายิ่งห่าง
อยู่บนทางนึกหวั่นนึกพรั่นความหนาว....

...อ้างอิง http://sz4m.com/t6084


ชีวิตในช่วงนี้ของพวกเราถึงวัยที่ขึ้นเขาพอดีเลย
สิ่งที่ต้องเตรียมก็อย่างที่คุณ NB ว่า คือตอนลงเนี่ยแหละ
จะลงยังไงให้สวยงามไม่กลิ้งตกลงมากันเสียก่อน

การมีสถานะอยู่สูงๆ ในความเห็นของเราเราว่ามีอยู่สองแบบ

แบบแรก ในแบบที่ตัวเราเองรับรู้
คือเราค่อยๆ ปีนขึ้นไปเอง และในที่สุดก็ต้องค่อยๆ เดินลงเอง
โดยมีเป้าหมายของเราเองเป็นตัวตั้ง

กับอีกสถานะหนึ่งคือสูงในความรับรู้ของคนอื่น
อาจด้วยหน้าที่การงาน หรือสถานะทางสังคม
ซึ่งจะสูงจะต่ำได้นั้นต้องมีการเปรียบเทียบ
ก็ "คนอื่น" อีกนั่นแหละที่เอาเราไปเปรียบ
เอาเราไปไว้ "ที่สูง" "ที่ต่ำ" ตามแต่การรับรู้ของเขา
ซึ่งมันเป็นสถานะที่ไม่ยั่งยืน และไม่ค่อยควรค่าแก่การที่เราต้องใส่ใจ

โดยส่วนตัวเรายึดถือแบบแรกมากกว่า
คิดว่าคุณ NB คงคล้ายกันคือให้คุณค่าไปที่แบบแรกมากกว่า

ส่วนแบบที่สองนั้นไม่ใช่หน้าที่ของเรา...ถ้าเราทำแบบแรกดี
ผู้อื่นก็มักจะรับรู้เกี่ยวกับเราตรงตามที่เราเป็นไปด้วยโดยอัตโนมัติ

แต่ช่วงที่คนอื่นจับเราไปอยู่สูงๆ นั้น อาจให้ความรู้สึกคล้ายๆ ในเพลงได้
คือ "ยิ่งสูงยิ่งหนาว" บางที คนบางคน ก็เดินเข้ามาในชีวิตเราเพราะเราสูง
และพร้อมจะเดินออกจากชีวิตเราทันทีที่เราต่ำ เป็นสัจธรรมที่อาจต้องเจอ

แต่ก็เป็นหลักที่เราสามารถเอาไว้ คัดกรอง "มิตรแท้" ได้เหมือนกัน :D

ขอบคุณที่ชวนคุยในประเด็นที่ดี
บางวันเราก็อยากนั่งคุยกับใครซักคนถึงเรื่องแบบนี้
แต่...บางคน...เค้าก็บอกว่า....เราจริงจังไปมั้ย หรือคุยอะไร
"โคตร..สัจธรรม" หรือ "โคตร...ปรัชญา" เหลือเกิน
(ขออนุญาตใช้คำนี้ มันจะสื่อถึงอารมณ์ได้ระดับลึก)

สุดท้ายวิ่งหนีไปหมด บอกว่าเราคุยเรื่องยากเกิ๊น อิ..อิ... :B
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 94

โพสต์

ผมครับคุยเรื่องแบบนี้ ยินดีครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 95

โพสต์

Nevercry.boy เขียน:ผมครับคุยเรื่องแบบนี้ ยินดีครับ
ยินดีเช่นกันค่ะ :wink:
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 96

โพสต์

Nevercry.boy เขียน:ผมครับคุยเรื่องแบบนี้ ยินดีครับ
งั้นคุยกันต่อเลยเนอะ

การที่เราจะไม่จิตใจขึ้นๆ ลงๆ ไปกับสถานะ "สูง" "ต่ำ" แบบที่สอง
คือแบบที่คนอื่นรับรู้และกำหนดให้เรานั้น

โดยส่วนตัวเราใช้วิธีการยึดมั่นอยู่กับหน้าที่
และประโยชน์ที่เราได้สร้างให้เกิดขึ้นบ้างในทางที่ตัวเราจำเป็นต้องก้าวไป

ถ้าเราทำหน้าที่ของเราดีด้วยความอุตสาหะถึงที่สุดแห่งสถานภาพของตัวเรา
และมีผู้คนที่ได้ประโยชน์ (กรณี่ี่เราอยู่สถานะสูงแบบที่สอง)

คิดอาศัยเป็นจังหวะในการสร้างประโยชน์ให้แก่คนหมู่มากเสียเลย
เพราะเวลานี้ทำอะไรก็มีผล พูดอะไรนิดเดียวก็เสียงดัง
มีคนเอาไปขยาย มีคนเอาไปช่วยทำต่อ
ถ้าเป็นหัวหน้าก็อาศัยสถานการณ์รณรงค์ทัศนคติด้านบวกเป็นวงกว้างไปซะเลย

ถ้าต้องสูงแบบที่สองแล้วเลี่ยงไม่ได้ ก็ยึดถือเอามาเพื่อวัตถุประสงค์นี้ซะเลย
แล้วมันจะเกิดประโยชน์ และเราจะมองออกไปข้างนอก ไม่มองอยู่แต่ตัวเอง
ทำให้ยังไง ๆ เราก็รับรู้ตัวเอง ตามที่เราเป็นอยู่วันยังค่ำ
ไม่ค่อยเพลินๆ หลงไปกับสถานะที่คนอื่นให้

ถ้ามีเหตุอันใดที่เราต้องลง (เพราะคนอื่นจับลง) เราก็ไม่รู้สึกว่าเราลง
เพราะที่จริงแล้วเรายังไม่เคยได้ขึ้นไปเลยด้วยซ้ำ (ขึ้นแบบที่คนอื่นจับขึ้นน่ะ) :B

ไปกล่อมลูกนอนแล้วค่ะ...ค่อยคุยกันใหม่นะคะ คุณ NB และทุกๆ คน :B
f.escape
Verified User
โพสต์: 439
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 97

โพสต์

theenuch เขียน:ความซื่อสัตย์...และพอใจในตนเอง

เคยไปประชุมที่โรงแรม ซึ่งหน่วยงานเราจัดสัมมนา
แล้วบังเอิญโรงเรียนลูกหยุด จึงพาลูกไปรอที่โรงแรมด้วย
เตรียมหนังสือ อุปกรณ์วาดรูป และของเล่นเล็กๆ ไปด้วย
(ต้องขอบคุณลูกที่อยู่ง่าย และสามารถรอคอยนานๆ ได้)

ทางทีมผู้จัดเห็นลูกมาด้วยจึงเอาคูปองบุฟเฟ่ต์มื้อกลางวันมาให้
แต่เราไม่รับ บอกเค้าว่าตั้งใจจะจ่ายให้ลูกเอง

เค้าคิดว่าเราเกรงใจ....อยากให้สบายใจจึงบอกว่าคนมาไม่ครบ
แต่เรามองว่า.....ควรปล่อยให้คูปองไม่ถูกใช้
เพราะทางโรงแรมคิดเงินตามจำนวนคูปองที่ถูกใช้เท่านั้น

แต่ถ้าการันตียอดไว้แล้วเหลือจริง ให้คนขับรถของหน่วยงาน
ได้มีโอกาสมาทานอาหารดีๆ บ้างดีกว่า เพราะเค้ามีส่วนช่วยงาน
ทั้งขับรถ ทั้งขนของ แต่ลูกเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น

ช่วง coffee break ก็ดื่มแต่กาแฟ ส่วนขนมให้ลูก
ทานกับนมกล่องที่เตรียมมา แม้จะมีคำบอกว่า "ไม่เป็นไร"

ตอนจ่ายค่าบุฟฟเฟต์...ลูกชาย (ตอนนั้น 9 ขวบ) บอกว่า
เค้าให้ฟรีๆ ทำไมไม่รับ จ่ายตังค์เองทำไม....ราคาแพงด้วย

เพราะเราสอนเค้าเองว่าเราต้องประหยัด
เค้าก็คิดว่าถ้าเราจ่ายเองคือเราฟุ่มเฟือย

..................................

สอนไปว่า "การประหยัด" คือในส่วนของตนเอง
แต่ไม่ใช่จ้องไปเอาของคนอื่นหรือของส่วนรวม
โดยเฉพาะกรณีนี้ "ภาษีประชาชน" เต็มๆ เลย

ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ค่อยมีเงินก็ตั้งใจมาตลอดว่า
ของใดๆ ก็ตามถ้ามันไม่ใช่ของเรา มันก็ไม่ใช่อยู่วันยังค่ำ

เวลาเห็นคนอื่นได้อะไร หรือมีอะไรที่เราไม่มี
ก็พลอยยินดีไปกับเขาด้วย แต่ในส่วนของตัวเอง
ถ้าอยากได้อะไรเพิ่ม....เราก็ต้องหาเพิ่มเอง
ใครให้อะไรมาฟรีๆ โดยไม่สมเหตุสมผลก็ไม่เคยอยากได้

หลังจบพยาบาล 2 ปี บรรจุเป็นข้าราชการซี 2 เงินเดือน start 2,800 +
แล้วปรับเป็น 3,200 + ตามการปรับฐานเงินเดือนครั้งใหญ่ทั้งระบบ
ส่งตัวเองเรียนมาตลอดจนจบ ป.ตรี และ ป.โท ไม่ได้ขอเงินทางบ้าน

.....................................

นิสัยซื่อสัตย์นี้...ส่งผลให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้คนรอบข้าง
และเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ในชีวิตทุกเรื่องค่อนข้างราบรื่น

.....................................

สำคัญที่สุด....ด้วยวัยเพียงไม่ถึง 13 ปี
ลูกเป็นเด็กที่มีคุณธรรมเรื่องความซื่อสัตย์โดดเด่นมาก
ชนิดที่....ทั้งชีวิตนี้ไม่ต้องห่วงว่าเค้าจะไปเอาเปรียบหรือคตโกงใคร :P

ซึ่งมันเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด...ยิ่งกับเด็กที่มีโอกาสเรียนหนังสือสูง
ถ้าขาดคุณธรรมข้อนี้ อาจกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีอำนาจทำลายล้างสูงได้

และจะมีเงินมีทองแค่ไหนก็ไร้ความหมาย
ถ้าลูกเป็นคนไม่ดี....คนเป็นพ่อแม่ก็ตายตาไม่หลับแน่นอนค่ะ
บางทีการรู้จัก "รับ" ก็สำคัญพอๆกับการรู้จัก "ให้"
เพราะเวลาเรารับ คือเราเปิดโอกาสให้เขาได้เป็นผู้ให้
niphon_vi
Verified User
โพสต์: 23
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 98

โพสต์

ขอ ร่วม เดินทางเส้นทาง สาย คุณธรรมนำหน้ด้วยคนครับ
สิ่งทั้งหลาย ไม่ควรยึดมั่น
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 99

โพสต์

f.escape เขียน: บางทีการรู้จัก "รับ" ก็สำคัญพอๆกับการรู้จัก "ให้"
เพราะเวลาเรารับ คือเราเปิดโอกาสให้เขาได้เป็นผู้ให้
เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ

วันก่อนไปสอนการตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเองที่บริษัทนึง
เนื่องจากไปหลายวัน วันกลางๆ มีน้องพนักงานเอาขนม "ถั่วแปบ" มาให้
บอกว่า "แม่หนูทำเอง...ตั้งใจนำมาให้ค่ะ" ปลื้มเลยค่ะ รับด้วยความยินดี

แต่ถ้าให้มา "ไม่สมเหตุสมผล" เช่นมูลค่าสูงเกิน
หรือพิจารณาได้ว่าแหล่งที่มาของเงินมันไม่ถูกต้องนั้น...ไม่รับเด็ดขาดค่ะ

ของลูกนี่ต้องระวัง
มีอยู่ช่วงนึงยายชอบซื้อของเล่นให้ค่ะ
แล้วเด็กกับของเล่นนี่เป็นอะไรที่คู่กันมาก

กลายเป็นว่าทุกครั้งที่ยายมาจากอ่างทอง....ต้องซื้อของเล่น
แล้วยายมาบ่อยมากๆ ของเล่นบางชิ้นราคาแพงเกินรูปลักษณ์
และประโยชน์ที่เด็กจะได้รับจากการเล่นของเล่นชิ้นนั้นค่ะ

เช่น ของเล่นใส่ถ่าน ที่บ้านเราเรียกมันว่า "ของเล่นเด็ก" ซึ่งเราไม่ชอบ
เวลาพิจารณาซื้อของเล่นให้ลูกต้องเป็น "ของเด็กเล่น"
คือเด็กต้องได้ "เล่น" และสามารถออกแบบการเล่นเองได้
ต้องใช้จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ พอสมควรจึงจะเล่นของนั้นได้
ไม่ใช่เปิดสวิทช์แล้วนั่งมองค่ะ อันนั้นคือ "ของเล่นเด็ก" ค่ะ

อันนี้เราไม่ได้รู้สึกดีใจว่า อืม...ประหยัดเงินเราไป
ไม่ต้องซื้อของเล่นให้ลูกเองแล้ว

แต่เรามองว่าเลือกของไม่เหมาะหนึ่ง
และค้านกับนิสัย "อดเปรี้ยวไว้กินหวาน" ที่พยายามสอนลูก อย่างรุนแรง
และมองไปยาวๆ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ จะส่งผลเสียหายต่อลูกในระยะยาวได้

กรณีนั้น ต้องคุยกับยายอย่างจริงจัง
คุยแล้วก็ยังทำไม่ได้ก็ไม่พาไปพบเป็นเวลาหลายเดือน

ได้ผลค่ะ หลังจากนั้นยายเค้าไม่ซื้อของเล่นให้อีกเลย

โดยส่วนตัวก็มีหลักพิจารณาในการ "รับ" ประมาณนี้ค่ะ
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 100

โพสต์

niphon_vi เขียน:ขอ ร่วม เดินทางเส้นทาง สาย คุณธรรมนำหน้ด้วยคนครับ
ยินดีค่ะ คุณ niphon_vi :D
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 101

โพสต์

theenuch เขียน: อันนี้เราไม่ได้รู้สึกดีใจว่า อืม...ประหยัดเงินเราไป
ไม่ต้องซื้อของเล่นให้ลูกเองแล้ว

แต่เรามองว่าเลือกของไม่เหมาะหนึ่ง
และค้านกับนิสัย "อดเปรี้ยวไว้กินหวาน" ที่พยายามสอนลูก อย่างรุนแรง
และมองไปยาวๆ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ จะส่งผลเสียหายต่อลูกในระยะยาวได้

กรณีนั้น ต้องคุยกับยายอย่างจริงจัง
คุยแล้วก็ยังทำไม่ได้ก็ไม่พาไปพบเป็นเวลาหลายเดือน

ได้ผลค่ะ หลังจากนั้นยายเค้าไม่ซื้อของเล่นให้อีกเลย

โดยส่วนตัวก็มีหลักพิจารณาในการ "รับ" ประมาณนี้ค่ะ
ขออนุญาตขยายความนิดนึงค่ะ เพราะเรื่องนี้อาจกระทบความรู้สึก
เหมือนกีดกันความรักระหว่างยายหลาน หรือทำร้ายจิตใจเกินไปหรือไม่

......................................

หลังจากนั้น.....ต้องมาตกลงกันว่าถ้าถึงโอกาสที่เหมาะสมจะบอกค่ะ
ถ้ายายต้องการให้ก็สามารถให้ได้ในช่วงเวลานั้นๆ

ตอนหลังๆ มายายก็เลยเลือกที่จะให้เป็นหนังสือแทนค่ะ
หรืออาจให้เป็นเงินแล้วไปเลือกซื้อเอง...แต่ก็ต้องเฉพาะเวลาที่สมควรเท่านั้น

เวลาเลี้ยงเด็กนี่ถ้าจำเป็นต้องใจแข็งก็ต้องใจแข็งค่ะ
เพราะมันคือการสร้างฐานนิสัยให้เด็กไปทั้งชีวิตเลย

ยกตัวอย่าง การไม่ให้เด็กทานขนมมากเกินไป
เพราะการทานขนมเมื่อย่อยเสร็จจะกลายเป็นน้ำตาลอยู่ในกระแสเลือด
ส่งผลให้ไม่กระตุ้นให้กลไกควบคุมความหิวในสมองทำงาน
เด็กที่ทานขนมต่อเนื่องจึงไม่ค่อยหิวข้าว เมื่อถึงมื้ออาหารก็ทานได้น้อย

แต่เราต้องพิจารณาว่าเราอยากได้อะไรในวัยกำลังเจริญเติบโต
"โปรตีน" น่าจะสำคัญ แล้วจะได้จากอะไรบ้าง นมอย่างเดียวก็ไม่เพียงพอ
ดังนั้น เด็กควรได้รับ "โปรตีน" จากอาหารมื้อหลัก

ถ้าเราปล่อยตามใจ ให้ทานขนมขบเคี้ยวไปเรื่อย
พอถึงมื้ออาหารจริงๆ ก็ไม่หิว แล้วร่างกายจะได้ "โปรตีน" ได้อย่างไร

เมื่อพิจารณาถึง "แก่น" หรือ "สาระสำคัญ" ได้ เราก็จะเลือกได้ถูก

กรณีของการซื้อของให้เด็กก็เช่นกัน มองเผินๆ อาจแค่เล็กๆ น้อยๆ
ปล่อยให้ยายหลานเค้าได้ให้ของกันเพราะมีความรักต่อกัน

แต่สุดท้าย จะกลายเป็นเหมือนกรณี "พ่อแม่ (ญาติผู้ใหญ่) รังแกฉัน"

ก็ควรต้องเลือกที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องค่ะ ในที่นี้นิสัย "อดเปรี้ยวไว้กินหวาน"
เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องฝึก เพราะถ้า "ทำได้" จะนำมาซึ่งอีกหลายอย่าง
ทั้งนิสัยการอดออม การรู้จักใช้จ่าย การไม่รับของเรื่อยเปื่อย
แต่ถ้า "ทำไม่ได้" ก็จะนำมาซึ่งกลุ่มนิสัยด้านตรงข้ามอีกมากมาย
(ถ้าติดไปจนโต....อาจถึงขั้นรับสินบน...และเกิดปัญหาสังคมไม่รู้จบ)

ดังนั้น ต้องมองภาพใหญ่และปลายทางให้ออกและเดินไปให้ถูกเสียแต่ต้นค่ะ

คล้ายการลงทุนนี่แหละค่ะ ที่หลายๆ คน รู้ทฤษฎีเท่าๆ กัน....
แต่สุดท้าย...สื่งที่สำคัญที่สุดคือการควบคุมอารมณ์
ที่จะช่วยให้เราสามารถยืนหยัดและเลือกตัดสินใจไปในทางที่เหมาะสมได้มากกว่าค่ะ :wink:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 102

โพสต์

Nevercry.boy เขียน:วันก่อนขึ้นทางด่วนไปหาลูกค้า วางแผนในการเดินทางไว้อย่างดี ขึ้นถูกต้องตามที่วางแผนไว้ แต่พอใกล้จะถึง ไม่รู้ว่าลงทางลงไหน ต้องอ้อมไปสุดท้ายต้องขึ้นทางด่วนกลับมาใหม่อีกครั้งนึง

ชีวิตของผม มองหาทางขึ้น ขึ้นและขึ้น ไปยังที่ที่เราต้องการ บางครั้ง เราหาทางลงไม่เจอหรือลงผิดทาง

คิดถึงเพลงนี้ครับ เสียงพี่เต๋อ พี่ป้อมเล่น Backing ให้บนเวที

[youtube]OCH76B5u0zI[/youtube]
ชอบมากเหมือนกันครับ

คิดถึงเพลงพี่เต๋อ เกือบทุกเพลง อีกเพลงที่ผมชอบมากอีกเพลง คือ คงจะมีสักวัน

เลยเอามาฝากครับ

[youtube]PPtHQ92jkEY[/youtube]
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 103

โพสต์

Paul VI เขียน:
Nevercry.boy เขียน:วันก่อนขึ้นทางด่วนไปหาลูกค้า วางแผนในการเดินทางไว้อย่างดี ขึ้นถูกต้องตามที่วางแผนไว้ แต่พอใกล้จะถึง ไม่รู้ว่าลงทางลงไหน ต้องอ้อมไปสุดท้ายต้องขึ้นทางด่วนกลับมาใหม่อีกครั้งนึง

ชีวิตของผม มองหาทางขึ้น ขึ้นและขึ้น ไปยังที่ที่เราต้องการ บางครั้ง เราหาทางลงไม่เจอหรือลงผิดทาง

คิดถึงเพลงนี้ครับ เสียงพี่เต๋อ พี่ป้อมเล่น Backing ให้บนเวที

[youtube]OCH76B5u0zI[/youtube]
ชอบมากเหมือนกันครับ

คิดถึงเพลงพี่เต๋อ เกือบทุกเพลง อีกเพลงที่ผมชอบมากอีกเพลง คือ คงจะมีสักวัน

เลยเอามาฝากครับ

[youtube]PPtHQ92jkEY[/youtube]
ชอบมากๆ เหมือนกันค่ะ
แสดงว่าพวกเรามีความร่วมสมัยกันอยู่ (เริ่มจะสูงวัยกันแล้ว) :mrgreen:
ขออนุญาตไปนำเนื้อเพลงมาจาก "กระทู้ของพี่หมอมุข"
มาเพิ่มไว้ที่นี่ด้วยค่ะ ความหมายดีมาก

คงจะมีสักวัน
เรวัต พุทธินันทน์

ดนตรี 4 Bars..2...3...
4.คงจะมีสักวัน คงเป็นวัน ที่ชื่นใจ
คงจะมีสักวัน คงเป็นวัน ที่ยิ่งใหญ่
อยู่บนทางที่เธอ เคยหวั่น
แต่เป็นวันที่คอยเธออยู่ ไม่ไกล

ดนตรี 3 Basr..2...
3...หาก ใจ ท้อ
ขอจงอดทน หนทางที่เดิน ไป
เหนื่อย เพียง ไหน
ไม่กลัวสิ่งใด ก้าวไป ให้มั่น คง

คงจะมีสักวัน คงเป็นวัน ที่ชื่นใจ
คงจะมีสักวัน คงเป็นวัน ที่ยิ่งใหญ่
อยู่บนทางที่เธอ เคยหวั่น
แต่เป็นวันที่คอยเธออยู่ ไม่ไกล

ดนตรี 10 Bars..8...9...
10.คงจะมีสักวัน คงเป็นวัน ที่ชื่นใจ
คงจะมีสักวัน คงเป็นวัน ที่ยิ่งใหญ่
อยู่บนทางที่เธอ เคยหวั่น
แต่เป็นวันที่คอยเธออยู่ ไม่ไกล

หาก ใจ ท้อ
ขอจงอดทน หนทาง ที่เดินไป
เหนื่อย เพียง ไหน
ไม่กลัวสิ่งใด ก้าวไป ให้มั่นคง
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 104

โพสต์

เพลงนี้ก็เหมาะที่จะเป็นกำลังใจ
แก่นักลงทุนแนว VI นะคะ

http://youtu.be/Eve7BMP9kPU


เนื้อเพลง รางวัลแด่คนช่างฝัน
ขับร้องโดย : จรัล มโนเพ็ชร

อย่ากลับคืนคำเมื่อเธอย้ำสัญญา
อย่าเปลี่ยนวาจาเมื่อเวลาแปรเปลี่ยนไป
ให้เธอหมายมั่นคง แล้วอย่าหลงไปเชื่อใคร
เดินทางไป... อย่าหวั่นใครขวางกั้น ..

มีดวงตะวันส่องเป็นแสงสีทอง
กระจ่างครรลองให้ใฝ่ปองและสร้างสรรค์
เมื่อดอกไม้แย้มบาน ให้คนหาญสู้ไม่หวั่น
คือรางวัลแด่ความฝันอันยิ่งใหญ่... ให้เธอ

บนทางเดินที่มีขวากหนาม
ถ้าเธอคร้ามถอยไปฉันคงเก้อ
ฉันยังพร้อมช่วยเธอเสมอ
เพียงตัวเธอไม่หนีไปเสียก่อน

จะปลอบดวงใจให้เธอหายร้าวราน
จะเป็นสะพานให้เธอเดินไปแน่นอน
จะเป็นสายน้ำเย็น ดับกระหายยามโหยอ่อน
คอยอวยพรให้เธอสมดังหวังได้... นิรันดร์... :wink:
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 105

โพสต์

เพลงนี้ก็ดีนะคะ "กำลังใจ"

ด้วยพอจะมีความรู้เกี่ยวกับยาอยู่บ้าง
เมื่อวันที่ตัดสินใจว่าไม่อยู่แล้ว (ตามที่เคยเล่าไป)
จึงเลือก "พาราเซตามอล" ค่ะ
เพราะมันจะทำให้ตับวายและรักษายาก
(กระปุกยาในสถานีอนามัย มีอยู่เท่าไหร่เหมาหมด)

ทานไปตั้งแต่เช้าผู้คนมารับรู้ตอนเย็น
เพราะเก็บเงียบไม่บอกใคร ตอนหลังอาการออก
อาเจียนรุนแรง ทั้งที่ไม่ได้มีอาหารตกถึงท้อง
พี่ที่ทำงานอยู่ด้วยกันเริ่มไปตรวจตู้ยา
พบกระปุกพาราเซตว่างเปล่าทั้งที่เค้าเพิ่งเปิดใช้
ความลับแตก....แต่มันก็ได้รับการดูดซึมไปหมดแล้ว

ใครเป็นคุณหมอคงทราบดี
การรักษาต้องดื่มยาละลายเสมหะรสส้ม
ละลายกับน้ำครั้งละ 24 ซอง ทุก 4 ชั่วโมง
(หรือ 48 ชอง นะ จำไม่ค่อยได้แล้วค่ะ)
แล้วรอดูผลของมันว่าสามารถพา "อเซตามิโนเฟน"
ออกจากร่างกายได้ดีแค่ไหน

เตี่ยมานั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ เตียงแล้วบอกว่า
จำวันที่เตี่ยไปเป็นเพื่อนดูผลสอบที่ "ราม" ได้มั้ย
ไม่มีไฟ....แต่เตี่ยจุดไฟแช็กไล่ดูให้ (เหมือนใน MV นี้เลย)
แล้วก็พบว่าได้ G (80%+) ตั้งหลายตัว
และเป็นเทอมสุดท้ายด้วย...เรียนจบพอดี
(ทำงานสถานีอนามัยไปด้วย. ส่งตัวเองเรียนไปด้วย)

เตี่ยบอกว่า เตี่ยยังภูมิใจในตัวเราเลย
แล้วเราจะมาไม่สู้เอาดื้อๆ ตอนนี้เหรอ

แล้วเตี่ยก็ขับรถเข้ากรุงเทพฯ ไป
ต้องไปซื้อยาละลายเสมหะตัวนั้น
เพราะเตี่ยไปเหมามาหมดทั้งจังหวัดอ่างทอง
และสุพรรณแล้ว ยังไม่พอ คุณหมอแนะนำ
ให้ไปซื้อหน้า รพ.ศิริราช

พอเตี่ยออกไปสักครู่ ในทีวีมีเพลงนี้เลย
ดูแล้วสติมาปัญญาเกิดเลยค่ะ

เด้งตัวขึ้นจากเตียงมานั่งชงยาแช่ตู้เย็นหลายชาม
ต้องให้มันเป็นน้ำแข็ง ไม่งั้นกลืนไม่ลงค่ะ
เพราะร่างกายไม่รับเลย ฝืนดื่มหมดแก้วไป
ต้องเอากระโถนมารอ เหมือนคนไปเลิกยาที่ถ้ำกระบอกเลย
(นั่งท่าเดียวกันนั้นเลยค่ะ)

ถ้าอาเจียนออกมาต้องดื่มใหม่
และของมื้อต่อไปก็รออยู่ในตู้เย็น
ตอนหลังต้องแช่ให้เป็นน่ำแข็งจึงจะพอรับได้

โชคดี.....รอดมาหวุดหวิด
หลังจากนั้นเห็นคุณค่าของชีวิต (ตนเองและผู้อื่น) มาก

ใครที่กำลังท้อแท้อย่าทำอะไรอย่างนั้นเลยนะคะ
หาเพื่อนคุยหน่อยก็ดี พอดีเราไม่ค่อยคุยกับใคร
คนที่อยากคุยด้วยที่สุดคือเตี่ย แต่เตี่ยก็แยกบ้านไปแล้ว

อยากให้เป็นข้อคิดว่า ถ้าใครคนนึงผ่านวันที่แย่ที่สุดมาได้
จะมีวันที่ดีรออยู่ข้างหน้า อย่างที่เรามีเนี่ยแหละ
ให้เวลากับปัญหา บางทีผ่านไประยะนึงมันอาจดีขึ้น
ถ้าไม่.... ก็เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมเสีย แล้วอะไรๆ มันจะดีขึ้น
และคำกล่าวที่ว่า "เวลาจะเยียวยาทุกสิ่ง" นั้นเป็นความจริงค่ะ

ถ้าตัวเราเองไปยอมก้าวไปเราก็หมดโอกาส
ที่จะเจอสิ่งดีๆ ที่รออยู่...ใครก็ช่วยไม่ได้ เราต้องคิดให้ได้เอง

http://youtu.be/Sbd9ATyzrsI

เนื้อเพลง กำลังใจ
คำร้อง/ทำนอง ฤทธิพร อินสว่าง

ในยามที่ท้อแท้ ขอเพียงแค่คนหนึ่ง
จะคิดถึงและคอยห่วงใย
ในยามที่ชีวิต หม่นหมองร้องไห้
ขอเพียงมีใครปลอบใจสักคน

ในวันที่โลกร้าง ความหวังให้วาด
มันขาดมันหาย ใครจะช่วยเติม เพิ่มพลังใจ
ให้ฉันได้เริ่ม ต่อสู้อีกครั้งบนหนทางไกล

กำลังใจ จากใครหนอ ขอเป็นทานให้ฝันให้ใฝ่
ให้ชีวิตได้มีแรงใจ ให้ดวงใจลุกโชนความหวัง

กำลังใจจากใครหนอ ขอเป็นทาน ให้ฉันได้ไหม
ดั่งหยาดฝน บนฝากฟ้าไกล ที่หยาดริน สู่พื้นดินแห้งผาก

กำลังใจ จากใครหนอ ขอเป็นทานให้ฝันให้ใฝ่
ให้ชีวิตได้มีแรงใจ ให้ดวงใจลุกโชนความหวัง

กำลังใจ จากใครหนอ ขอเป็นทานให้ฉันได้ไหม
ดั่งหยาดฝน บนฝากฟ้าไกล ที่หยาดริน สู่พื้นดินแห้งผาก


ถ้ามีโอกาสเป็นกำลังใจให้กับใครได้บ้าง
ก็สละเวลาเป็นให้ก็ได้นะคะ ...พบว่าช่วยคนได้มากจริงๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
odin
Verified User
โพสต์: 84
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 106

โพสต์

เป็นห้องที่ให้กำลังใจได้ดีมากๆเลยครับ จะติดตามอ่านเรื่อยๆนะครับ :D
“Compound interest is the eighth wonder of the world. He who understands it, earn it ; he who doesn’t, pays it.”
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 107

โพสต์

odin เขียน:เป็นห้องที่ให้กำลังใจได้ดีมากๆเลยครับ จะติดตามอ่านเรื่อยๆนะครับ :D
ยินดีค่ะ คุณ odin แวะมาคุยหรือเล่าเรื่อง หรือนำเพลงมา share ก็ได้นะคะ
หรือถ้าไม่สะดวกก็แวะมาอ่านแล้วยิ้มเบาๆ แล้วเก็บกำลังใจออกไปก็ยินดีค่ะ
พอเรามีกำลังใจที่ดี เวลาไปทำอะไรที่ไหนก็มีพลังค่ะ
และผู้คนรอบๆ ตัวเราก็พลอยมีพลังไปด้วย ทำความดีกันไปโดยไม่รู้ตัวเลย

พวกเราที่แวะมาคุย มาอ่านหรือแม้แต่มายิ้มเบาๆ เชื่อว่าแนวๆ เดียวกันอยู่พอสมควรทีเดียวค่ะ :D
f.escape
Verified User
โพสต์: 439
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 108

โพสต์

นับถือคุณนุชค่ะที่แชร์ประสบการณ์
อันนี้กระมังที่ทำให้คณนุชเป็นคนเห็นใจผู้อื่นและไม่เป็น ฟางเส้นสุดท้าย ของใคร

นานมาแล้วมีเพื่อนเภสัชกินพาราฆ่าตัวตาย รอดมาได้โดนเพื่อนเภสัชด่าให้
ว่าเสียชื่อเภสัช (เพราะมันไม่ทำให้ตายทันที แต่มันทำให้ตับเสีย)
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 109

โพสต์

f.escape เขียน:นับถือคุณนุชค่ะที่แชร์ประสบการณ์
อันนี้กระมังที่ทำให้คณนุชเป็นคนเห็นใจผู้อื่นและไม่เป็น ฟางเส้นสุดท้าย ของใคร

นานมาแล้วมีเพื่อนเภสัชกินพาราฆ่าตัวตาย รอดมาได้โดนเพื่อนเภสัชด่าให้
ว่าเสียชื่อเภสัช (เพราะมันไม่ทำให้ตายทันที แต่มันทำให้ตับเสีย)
คุณ f.escape วิเคราะห์ถูกค่ะ

คุณ f.escape เป็นเภสัชกรใช่มั้ยคะ
เพื่อนเภสัชที่เลือกพาราอาจมีความตั้งใจเลือกเลยค่ะ
เพราะวันที่เราเลือกแบบนั้นเราก็ไม่กะอยู่แล้วค่ะ
เลยไม่ได้คำนึงถึงว่าเดี๋ยวถ้ารอดมา ตับจะเสีย

รุ้สึกดีกับสายงานเภสัชกรเป็นการส่วนตัวอยู่ค่ะ
ลืมเล่าไปว่าขณะนอน รพ. ครั้งนั้นมีพี่เภสัชท่านนึง
ที่เล่นกีฬาปิงปองอยู่ด้วยกัน นำหนังสือมาเยี่ยม
หนังสือเล่มนั้นก็เป็นอีกกำลังใจสำคัญเลยค่ะ

เมื่อก่อน อำเภอที่ทำงานอยู่เล็กมาก ยังไม่มีโรงพยาบาลชุมชน
เวลาสั่งซื้อยามาใช้ที่สถานีอนามัย
ของทั้งอำเภอ ก็สั่งผ่าน รพ.วิเศษชัยชาญ
ต้องประสานงานกับพี่เภสัชท่านนี้ตลอด
ก็ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีมาก

และจนมาถึงการไปขุดบาดาลหัวโยก
ให้กลุ่มบ้านที่ไม่มีน้ำใช้ก็ยังได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี เสมอเลยค่ะ

พี่ที่มาช่วยสนับสนุนยาแก่ "บ้านเด็กใกล้วัด"
ตามที่เคยได้เล่าไปก็เป็นพี่หัวหน้าฝ่ายเภสัช
ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอ่างทองค่ะ

เมื่อได้รับการสนับสนุนที่ดีส่งผลให้เวลาไปทำ
กิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ สำเร็จและได้ประโยชน์เป็นวงกว้างดีค่ะ :D
f.escape
Verified User
โพสต์: 439
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 110

โพสต์

5 ความจริงที่น่าตกใจเกี่ยวกับ "ตับ" ของคุณ

1) ตับเป็นอวัยวะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของร่างกายรองจากผิวหนัง
ผิวหนัง 10,868 กรัม
ตับ 1,560 กรัม
สมอง 1,263 กรัม

2) ตับทำงานมากกว่า 500 หน้าที่ รวมถึงการต่อสู้กับการติดเชื้อ ต่อต้านสารพิษ และช่วยในการแข็งตัวของเลือด

3) โดบปกติ ตับมีโลหิตราว 10% ของโลหิตทั้งหมดในร่างกาย และมีการไหลเวียนของโลหิตในตับประมาณ 1.4 ลิตรต่อนาที

4) ตับเป็นอวัยวะเดียวที่จะงอกขึ้นได้ใหม่ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เราสามารถบริจาคส่วนหนึ่งของตับตัวเองให้กับบุคคลอื่นได้

5) ตับคือแบตเตอรี่ มันเป็นที่เก็บน้ำตาลซึงให้พลังงาน และเมื่อใดก็ตามที่ร่างกายต้องการพลังงานก็จะดึงน้ำตาลออกมาใช้ ถ้าปราศจากพลังงานนี้ ระดับน้ำตาลในเลือดจะลดฮวบ และคุณจะตกอยู่ในขั้นโคม่า

จากนิตยสาร ธรรมลีลา ฉบับที่ 154 ตุลาคม 2556
cobain_vi
Verified User
โพสต์: 358
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 111

โพสต์

อ่านแล้วได้ความรู้มากเลยครับ ไม่นึกมาก่อนว่าตับจะต้องทำงานหนักขนาดนี้

สมัยผมอายุประมาณ17-18 เคยฆ่าตัวตายด้วยการกินยาพาราเหมือนกัน ตอนนั้นเครียดมากๆ แต่โชคดีที่ไม่ตาย นึกถึงตอนนั้นถ้ายาฆ่าหญ้าที่ใช้ในไร่ยังไม่หมดผมคงได้ตายสมใจแน่ๆ (ผมกินยาพาราไปทั้งกระปุกใหญ่เลย คิดว่ามันคงจะตาย ^^' ถึงตอนนั้นจะไม่ตายแต่อนาคตผมต้องตายแน่ๆ)

ขอถามอีกนิดครับเห็นมีการล้างตับ ตามวัดต่างๆไม่ทราบว่ามันสามารถล้างได้จริงไหมครับ
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 112

โพสต์

cobain_vi เขียน:อ่านแล้วได้ความรู้มากเลยครับ ไม่นึกมาก่อนว่าตับจะต้องทำงานหนักขนาดนี้

สมัยผมอายุประมาณ17-18 เคยฆ่าตัวตายด้วยการกินยาพาราเหมือนกัน ตอนนั้นเครียดมากๆ แต่โชคดีที่ไม่ตาย นึกถึงตอนนั้นถ้ายาฆ่าหญ้าที่ใช้ในไร่ยังไม่หมดผมคงได้ตายสมใจแน่ๆ (ผมกินยาพาราไปทั้งกระปุกใหญ่เลย คิดว่ามันคงจะตาย ^^' ถึงตอนนั้นจะไม่ตายแต่อนาคตผมต้องตายแน่ๆ)

ขอถามอีกนิดครับเห็นมีการล้างตับ ตามวัดต่างๆไม่ทราบว่ามันสามารถล้างได้จริงไหมครับ
ขอตอบคำถามก่อนนะคะ เรื่องล้างพิษตับ
ไม่ค่อยได้ศึกษาข้อมูลเรื่องนี้เท่าไหร่...ไม่กล้าตอบค่ะเดี๋ยวผิด
รอท่านผู้รู้มาตอยนะคะ


ขอบคุณนะคะที่มาช่วยกันเล่าเรื่อง...และยินดีด้วยที่รอดมาได้เช่นกัน
น่าจะมีความรู้สึกคล้ายๆ กันใช่มั้ยคะ
ที่ว่า ถ้าเราตายไป เสียดายแย่

แต่ตอนที่ทำนั้นเราก็ไม่อยากอยู่จริงๆ นั่นแหละค่ะ

พอถึงตอนนี้ ถ้ามีโอกาสที่จะเตือนใครได้ก็อยากเตือนนะคะ

.................................

มีเพื่อนที่ฆ่าตัวตายสำเร็จไปหลายคนเหมือนกันค่ะ

มีอยู่คนนึงเป็นพี่พยาบาลวิชาชีพ
มาทราบว่า พี่เค้าโทรหาเราเป็นคนสุดท้ายเลย
แต่เค้าไม่พูดถึงนะคะ ไม่เล่าเรื่องใดๆ
เพียงแต่เค้าห่วงเวรห้องพยาบาลโรงงานที่ขึ้นอยู่ด้วยกัน
จึงโทรมาฝากเวรทั้งหมดให้เราขึ้นแทน

คืนนั้นพี่เค้าก็ตัดสินใจ มาทราบข่าวตอนเช้า
ไปเยี่ยมพี่เค้าไม่รู้สึกตัวแล้ว และก็จากไปค่ะ

...........................

ตอนนี้ไร่ยางพาราของคุณ cobain_vi
เป็นอย่างไรบ้างแล้ว...ว่างๆ มาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ
เอารูปมาลงด้วยก็ได้นะคะ เราจะได้รู้ว่าเพื่อนๆ เราอยู่ยังไงกันบ้าง
แต่คนอยู่ต่างจังหวัดก็ดีนะ ที่กว้างๆ ต้นไม้เยอะๆ...น่าจะสบายใจดี

เคยแวะเข้าไปดูรูปใน fb ของคุณ "นพพร" ที่เคยแวะมาคุยในกระทู้
เห็นมะเฟืองต้นเตี้ยๆ แต่ลูกดกมากๆ รอเจ้าตัวนำรูปมาฝากค่ะ

..............................

หวังว่าตอนนี้คุณ cobain_vi ไม่มีเรื่องเครียดหรือกังวลใจแล้วใช่มั้ยคะ
ถ้ามีก็มาเล่าสู่กันฟังได้ อย่าเก็บไว้กังวลเองคนเดียวนะคะ
อย่าลืมว่า...ที่นี่มีเพื่อนๆ นะคะ :wink:
cobain_vi
Verified User
โพสต์: 358
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 113

โพสต์

ตอนนี้ไม่เครียดแล้วครับ เดี๋ยวนี้มีแต่ความสุข เพราะมีทั้งสุขแบบโลกๆ สุขจากสมาธิ สุขจากฌาณ ของหายโดนขโมยถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงจะเครียดมากๆ เดี๋ยวนี้เฉยๆ เวลาป่วยหนักจนแทบจะตายก็เฉยๆ เวลาผ่านไปอะไรๆก็เปลี่ยนตาม นึกถึงตอนเด็กๆ ตอนเด็กด้วยความที่แม่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว ผมเลยต้องพยายามช่วยแม่ทำงานมาตั้งแต่เด็กๆ มาถึงจุดนี้เหมือนฝันไป ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ มองดูตัวเองแล้วไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ นึกถึงตอนนั้นถ้าผมตายไปแม่คงลำบากมากๆแต่ยังไงก็คงไม่เท่าขาดโอกาสสำคัญที่จะได้เจอพระพุทธศาสนา(แต่ยังไงๆผมต้องตายแน่ๆ เพราะใครๆเค้าก็ตายกัน) ผมเคยเฉียดตายมาหลายครั้งแล้วตั้งแต่วันที่เกิดเลย แม่เล่าว่าผมไม่ยอมหายใจ หมอตบตูดตั้งนานก็ไม่ร้อง ตัวเริ่มเขียวแล้วหมอกับพยาบาลแตกตื่นกลัวว่าผมจะตาย ตอนสักสี่ขวบก็โดนรถชนเป็นรถมอไซค่ชนกระเด็นเลยแถมชนแล้วยังวิ่งทับตัวผมไปอีก หลังจากนั้นก็"เฉียด"มาเรื่อยๆครับ
ขอเล่าอดีตนิดส์นึงนะครับ(คิดถึงตอนเด็กๆแล้วมีความสุข ถึงจะลำบากอย่างไรก็รู้สึกว่ามีความสุขมากๆๆ) อย่างที่ทราบผมจะอยู่กับแม่แค่สองคนแม่ลูกช่วงตอนเด็กๆบ้านจะเป็นร้านขายของ คือหน้าร้านก็จะมีตู้ใส่ของขายทั้งสบู่แฟ้บยาสีฟัน ถัดเข้าไปก็จะมีจักรเย็บผ้า ถัดไปข้างๆจะเป็นโต๊ะกระจกเสริมสวยไว้บริการลูกค้า ถัดเข้าไปก็จะเป็นห้องน้ำกับครัว เราจะปูเสื่อนอนตรงที่ว่างๆกลางร้าน หลังจากปิดร้าน( ที่ทั้งหมดของร้านแม่ผมจะมีขนาดประมาณ8เมตร กว้างประมาณสัก6เมตร หลังคาสังกะสีผุๆฝนตกจะรั่ว แม่จะให้เอาชามไปรอง ประตูก็จะเป็นสังกะสีเก่าๆปะไว้กับโครงไม้ เวลาเปิดร้านตอนเช้าแม่จะเอาไม้ไผ่ท่อนยาวๆค้ำแล้วดันขึ้น ออฟฟิซของแม่พื้นที่แค่นั้นแต่จัดสรรได้อย่างคุ้มค่า คือมีตั้งสามอาชีพในที่เดียวกันคือ ขายของ เย็บผ้า ดัดผม) เวลาแม่ซักผ้าก็ต้องมาซักหน้าร้าน พอซักเสร็จก็จะเอาน้ำซักผ้าสาดไปบนถนนป้องกันฝุ่น(สมัยนั้นถนนเป็นลูกรัง ฝุ่นเยอะมากๆ) ตอนเด็กๆผมต้องเดินไป รร. ถ้าช่วงหน้าน้ำถ้าผมไปนอนอยู่บ้านก๋ง ผมก็จะพายเรือไปโรงเรียน
ผมใฝ่ฝันอยากมีจักรยานมาก ผมเชื่อว่าเพื่อนๆในห้องแทบทุกคนก็คงอยากจะมีจักรยานเหมือนกัน ผมเก็บเงินหยอดกระปุกทุกวันเพื่อจะไปซื้อจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์(ตอนนั้นราคาประมาณ800บาท ถ้าอย่างดีแบบที่เพื่อนที่เป็นลูกครูมีกันราคาจะอยู่ที่ประมาณ1200บาท ) ตอนนั้นผมอยู่ป.4 เป็นวันที่ผมจำได้ไม่มีวันลืม เป็นวันที่ผมเก็บเงินครบ(จริงๆขาดอยู่300กว่าบาท ถ้าจำไม่ผิด แม่บอกว่าถ้าขาดเท่าไรเดี๋ยวแม่ออกให้!)
วันนั้นแม่ผมนั่งรถเมล์ไปซื้อจักรยานที่โพธาราม ผมเรียนไม่รู้เรื่องเลยเพราะจดจ่อถึงเวลาเลิกเรียน ซึ่งแม่ต้องเอาจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ในฝันมารับที่โรงเรียน มันต้องเท่ห์มากๆ เพราะในบรรดาเพื่อนๆมีคนที่มีจักรยานอยู่ไม่ถึง5คน(จากนักเรียน เกือบ50คน ผมกำลังจะเป็นหนึ่งในนั้น)
เดินออกมาถึงปากประตูมองหาจักรยาน สักพักแม่เดินจูงจักรยานใหม่เอี่ยมสีน้ำเงิน แต่.
มันไม่ใช่จักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ มันเป็นจักรยานทรงผู้หญิงที่มีตระกร้าอยู่ด้านหน้า สวรรค์น้อยๆของผมหายวับไปเลยฮะ โกรธแม่มาก งอนแม่อยู่หลายวัน แม่ถามอะไรก็จะไม่ตอบ ทำเป็นมองไม่เห็นแม่(นึกถึงตอนเราหัดจักรยานแทบเป็นแทบตาย อุตส่าห์ยืมจักรยานของก๋งซึ่งเป็นจักรยานทรงสูงๆมาหัดทุกเย็นหวังว่าจะให้คล่อง แหม่ ทำจักรยานล้มจนหัวเข่ามีแต่แผล ) ถามแม่ว่าทำไมไม่ซื้อบีเอ็มเอ็กซ์ แม่บอกว่า จักรยานแบบนี้ดีแล้วแม่จะได้ขี่ด้วย

ตอนแม่ไปเลี้ยงกุ้งก้ามกรามช่วงนั้นผมอยู่ป.6 แม่จะไม่ค่อยเปิดร้านแล้วเพราะว่าเริ่มขายของไม่ดี บ่อกุ้งประมาณสักสองไร่ได้ ผมต้องปั่นจักรยานไปหาแม่แทบทุกเย็น ถ้าช่วงไหนแม่ต้องใช้จักรยานก็จะให้ผมนอนบ้านก๋ง แต่ถ้าเป็นเย็นวันศุกร์แม่จะรับผมที่หน้ารร. แล้วซ้อนจักรยานคันเก่งไปที่บ่อกุ้งด้วยกันตลอด เวลาผมซ้อนท้ายผมก็มักจะจินตนาการว่าอยากโตไวๆจะได้ปั่นให้แม่นั่งบ้าง
พอตอนม.1 แม่ผมเลิกขายของถาวร ไปเลี้ยงกุ้งเต็มตัว ผมต้องปั่นจักรยานไปรร.วันนึงไปกลับประมาณ15กม. ตอนเย็นหลังเลิกเรียนก็จะมานอนเป็นเพื่อนแม่ที่บ่อกุ้ง บางวันที่วัดมีงานผมก็จะปั่นไปดูหนังแล้วจะบอกแม่ว่าจะนอนบ้านก๋ง ถนนเมื่อก่อนจะเป็นลูกรังเป็นหลุมกระเด้งมากๆ ผมจะไม่ชอบเลยอยากให้เค้าราดยางจะได้เรียบๆ เวลาเจอถนนเป็นหลุมรถจะกระเด้งผมทำไงรู้ไหมฮะ ผมจะปล่อยลมยางที่ล้อหน้าให้อ่อนหน่อย เวลาตกหลุมจะเป็นเหมือนโช๊คมอเตอร์ไซค์ จะนุ่ม(แล้วก็จะจินตนาการว่าตัวเองขี่มอไซค์) ปั่นจักรยานกลางคืนดึกดื่นแค่ไหนผมไม่กลัวผีเลยนะ เพื่อนผมไม่มีใครกล้าแบบผมหรอก บางทีหนังเลิกตีหนึ่ง ผมยังปั่นจักรยานกลับบ่อกุ้งอยู่เลย ไฟฉายก็ไม่มี หลุมเหลิมไม่สนหละ ขี่ลุยไปเลย
ที่เบื่อก็คือหน้าฝน ถนนจะแฉะมากๆ ช่วงไหนเป็นหลุมจะมีน้ำขัง ทำให้ต้องคอยระวังไม่ให้น้ำกระเด็นมาโดนเสื้อ(เสื้อขาวๆเวลาโดนน้ำกระเด็นมา มันจะออกสีแดงๆ จะซักออกยากมากๆ)
พอตอนเย็นหลักเลิกเรียนบางวันผมต้องไปซื้ออาหารกุ้งพ่วงใส่รถจักรยานมาด้วย นึกสภาพสิครับ ถนนลูกรังเป็นหลุมเป็นบ่อ ต้องซ้อนอาหารกุ้งลูกนึงหนักประมาณ50กก หน้าจักรยานจะลอยเหมือนยกล้อเลยครับ บางทีขี่ไปตกหลุมอาหารกุ้งก็จะตกผมก็ต้องจอด ยกอาหารใส่ท้ายจักรยาน ยกก็ไม่ค่อยไหวเพราะตัวผมเล็กมากๆกว่าจะยกได้เหนื่อยมากๆ พอมาถึงก็แบกใส่บ่าเดินไปที่บ่อ แล้วก็จะช่วยแม่หว่านอาหาร
ที่บ่อกุ้งที่นอนของเราจะเป็นกระต็อบหลังเล็กๆขนาดประมาณ2x2เมตร หลังคามุงจาก มีแคร่เล็กๆไว้นอน ถัดจากแคร่ก็จะเป็นเตาดินเผา(ผมว่าไม่น่าจะเรียกเตา เพราะมันหลุดหมดแล้ว ตอนหลุดแรกๆก็เอาลวดมารัดไว้ พอใช้ไปนานมันไม่ไหวแล้ว ต้องเอาหินมารอง) เวลาหน้าฝนๆจะสาดมาในที่นอน เราก็จะนอนไม่ได้ ตอนเช้าไปรร. ก็เรียนไม่รู้เรื่องเพราะอดนอน
วันไหนที่ฝนตกหนักลมแรง ผมกับแม่ต้องคอยจับหลังคาเพราะมันจะปลิวตามลม ตอนอาบน้ำตอนเย็นก็ต้องรีบอาบเพราะเดี๋ยวจะมืด ไม่มีไฟฉาย ผมจะเดินไปอาบที่คลองซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณสัก400เมตรได้ จริงๆมีไฟฉายนะครับ แต่หัวมันชอบขาดแม่ก็เลยรำคาญไม่ใช้มันเลย นึกถึงไฟฉาย ครั้งนึงไฟฉายหัวมันขาด ตอนกลางคืนจะมองไม่เห็นผมไปหยิบกระยาสารทที่ใส่ถุงพลาสติคใส่ปาก ไม่รู้ว่ามีมดตะนอยอยู่ในถุงด้วย โดนมดต่อยปากบวมเลย จำไม่ลืมเลย ประทับใจมากๆ ฮา
ผมเริ่มเลี้ยงไก่ครั้งแรกที่บ่อกุ้งนี่แหละ เป็นอาชีพที่ต้องลงทุนครั้งแรกในชีวิตเลย พอผมเก็บเงินได้สัก50บาท จะนั่งรถเมล์ไปนครปฐม ค่ารถเมล์5บาท ไปกลับ10บาท รถเมล์จากหมู่บ้านไปนครปฐมมีแค่วันละเที่ยวตอน8โมงเช้า ตอนขากลับจะออกจากนครปฐมตอนบ่าย3
ถ้าผมตกรถ ซึ่งผมไม่อยากให้เกิดคือจะต้องนั่งรถเมล์แดง(รถบัส) ไปลงที่สี่แยกบางแพ แล้วนั่งรถอีกต่อเข้าบ้าน ไอ้เสียเวลาน่ะไม่เท่าไรหรอก แต่กลัวไม่มีค่ารถจ่ายน่ะสิ เพราะจากที่ต้องเสียแค่5บาท มันจะกลายเป็น11บาท ค่าลูกไก่สมัยนั้นตัวละแค่5บาท ผมจะไปซื้อแค่4-5ตัว เงินที่เหลือประมาณ20บาท ผมจะไปซื้อขนม ผมจะทำอยู่อย่างนั้นหลายครั้งคือจะซื้อลูกไก่ไข่แค่ครั้งละ4-5ตัว ไปหลายครั้งหน่อยได้เที่ยวด้วย แรกๆแม่จะห่วงมากทำเหมือนผมจะไปออกรบ กำชับโน่นนี่นั่น คือแกเป็นห่วงเรา ตอนนั้นอายุ12ขวบ อยู่ม.1 ไก่ไข่ที่ผมเลี้ยงแรกจะมีแค่20กว่าตัว เหลือจากกินเองแล้วจะเอาไปขายได้เงินค่าไปรร.ทุกวัน (ตอนนั้นไข่ลูกนึก1.5บาท ผมได้เงินไปรร. วันละสามบาท ที่เหลือเก็บ)
พอม.2 แม่ย้ายไปเลี้ยงกุ้งอีกที่นึงซึ่งอยู่ไม่ไกลจากรร.มากนักประมาณสัก4กม.ได้ ที่นี่เป็นบ่อกุ้งใหญ่กว่าเดิมประมาณ4ไร่ มีที่กว้างกว่าที่แรก ผมมีไก่ไข่ในฟาร์ม50กว่าตัว (growth 100%ใน1ปี เทพมากๆ )
นึกถึงแม่แล้วก็สงสาร แม่ผมต้องทำงานหนักมากๆ ด้วยความที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว แม่จะขยันมากๆ ตั้งแต่เกิดมาจำความได้ผมไม่เคยเจอใครที่จะขยันเท่าแม่ผมอีกแล้ว มีอยู่ครั้งนึงตอนมหาลัย ตอนนั้นแม่ย้ายมาทำไร่สัประรดที่ระยองหลายปีแล้ว คนงานไม่มี แกหักสัประรดแล้วแบกขึ้นรถด้วยนะครับ ทำอยู่คนเดียว ทำตั้งแต่เช้ายันเย็น กว่าจะเต็มรถ ผมมาเห็นแล้วสะเทือนใจมาก แม่ต้องทำงานให้เรา ส่งเราเรียน ลำพังอุ้มท้องเรามากว่าจะคลอดก็แย่แล้ว ยังต้องมาเลี้ยงดูเราอีกตั้ง20กว่าปี กว่าที่เราจะทำงานได้ ตอนผมบวชมีอยู่วันนึงตอนนั้นในพรรษาพอดี แกขับรถมาจากระยอง (ปกติผมจะเป็นคนขับรถช่วยแม่ตลอด พอบวชแล้วไม่มีใครช่วยแกเลยต้องหัดขับเอง ขับเป็นอยู่ไม่กี่วันกล้ามาก ขับเข้ากรุงเทพเลย ขึ้นทางด่วนเฉยเลย ) ในรถมีทั้งสัประรด ทั้งทุเรียน ไปเอามาขายตามนัดที่ราชบุรี แม่บอกว่าคิดถึงผม เป็นห่วง กลัวว่าผมจะไม่สบาย(ผมเป็นโรคหอบหืดมาตั้งแต่เด็ก เป็นเพราะว่าเลี้ยงไก่นี่แหละครับ คือที่บ่อกุ่งผมจะเลี้ยงไก่ไว้ใต้แครที่เรานอนเพราะ ไม่มีที่เลี้ยง ไก่จะมีไรแดง ทำให้ผมแพ้ เป็นหอบหืดหายใจไม่ออกแทบตาย) แกเดินลงมาจากรถตัวเปียก ฝนก็ตกหนัก สงสารแกแต่ก็ช่วยไม่ได้ ตั้งแต่ตอนผมเด็กๆแล้วเวลานอนแม่จะสอนผมทุกวัน อย่าดื้อนะ ให้ตั้งใจเรียน อย่าฟุ้มเฟ้อนะ ต้องประหยัดนะ เรียนหนังสือให้เก่งๆโตขึ้นจะได้สบายไม่ต้องลำบากเหมือนแม่ อย่าไปไหนคนเดียวนะ ฯลฯ สารพัดที่แม่จะสอน สอนทุกวันจนผมจำได้ แม่พูดอยู่อย่างนั้นจนผมหลับ
เล่ามาซะยาวเลย ดึกแล้ว ถ้าไม่เบื่อ ว่างๆผมจะมาเล่าใหม่ นึกถึงตอนเด็กแล้วสนุกมากๆ ชีวิตไม่ค่อยมีอะไร จะกินบางทียังแทบไม่มี แต่ทำไมมันสุขจัง (ผมเชื่อว่าหลายๆคนต้องเป็นเหมือนผมเวลานึกถึงตอนเด็กๆ)
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 114

โพสต์

cobain_vi เขียน: เล่ามาซะยาวเลย ดึกแล้ว ถ้าไม่เบื่อ ว่างๆผมจะมาเล่าใหม่ นึกถึงตอนเด็กแล้วสนุกมากๆ ชีวิตไม่ค่อยมีอะไร จะกินบางทียังแทบไม่มี แต่ทำไมมันสุขจัง (ผมเชื่อว่าหลายๆคนต้องเป็นเหมือนผมเวลานึกถึงตอนเด็กๆ)
ไม่เบื่อเลยค่ะ
แต่ละเรื่องก็นึกภาพตามไปด้วย...เห็นเป็นภาพเลย
ถึงว่าในเทปที่คุณ cobain_vi เล่าไว้ว่า
ที่สึกจากการบวชเพราะเป็นห่วงแม่ เข้าใจได้ชัดเจนเลยค่ะ

ชอบทุกเรื่อง ยิ่งเรื่องเลี้ยงลูกไก่แล้ว growth สูง นี่ เทพจริงๆ ค่ะ

ฟังเรื่องราวระหว่าง "แม่" กับ "คุณ cobain_vi" แล้วนึกถึงเพลงนี้ค่ะ :D

http://www.youtube.com/watch?v=lYV1sTk1Wu4

ในเพลงเปลี่ยนเป็น "แม่" กับ "คุณ cobain_vi" นะคะ

ข้างหลังภาพ
หนูมิเตอร์

มองภาพถ่ายแล้วใจคิดถึง
เฝ้ารำพึงคิดถึงแต่เธอ
มั่นในรักสม่ำเสมอ
ยังรักเธอมิมีเสื่อมคลาย

* ไกลแสนไกลสุดโค้งขอบฟ้า
ไกลสุดตาฟ้ามิอาจกั้นใจ
หวงสุดห่วงใจนั้นแสนห่วงใย
ไกลแสนไกลใจนั้นสุดคิดถึง

เฝ้ารำพึงกับรวงข้าวหล่น
บ่นอยู่กลางท้องนา
ครวญตามสายลมมา
บอกเธอว่าข้าคิดถึง

ข้างหลังภาพจารึกอักษร
เป็นบทกลอนรักอันหวานซึ้ง
มีความรักมาให้ มีหัวใจมาฝาก
หากว่าเธอต้องการก็เก็บรักษาไว้

เพราะหัวใจดวงนี้มีความรัก
เพราะหัวใจดวงนี้มีความภักดี
เพราะหัวใจดวงนี้มีความจริงใจ

บ้านหลังน้อยที่อยู่หลังสวน
หอมอลอวลด้วยมวลดอกไม้
ฝากความรักและความห่วงใย
ส่งมาให้เก็บไว้นะเธอ
เด็กใหม่ไฟแรง
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 1575
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 115

โพสต์

ผมก็ตามอ่านอยู่ทุกวันนะครับ
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
ภาพประจำตัวสมาชิก
oatty
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2444
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 116

โพสต์

ผมก็ตามอ่านด้วยเหมือนกันครับ :D
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 117

โพสต์

เด็กใหม่ไฟแรง เขียน:ผมก็ตามอ่านอยู่ทุกวันนะครับ
รู้สึกขอบพระคุณอย่างสูง
และยึดถืออาจารย์เป็นแรงบันดาลใจและกำลังใจเสมอค่ะ

ขออนุญาตมอบเพลงนี้ให้อาจารย์ซึ่งเป็นตัวแทนของข้าราชการที่ดี
และถือโอกาสมอบแก่ทุกๆคนด้วยนะคะ
จริงๆ แล้ว เดินตามรอยเท้าพ่อนั้น
ไม่เฉพาะข้าราชการเท่านั้น พวกเราทุกคนสามารถทำดีได้ค่ะ

จำขึ้นใจ
http://youtu.be/cxTF1wL06Q4

จำขึ้นใจ
ศิลปิน คำร้อง สุรักษ์ สุขเสวี
อัลบั้ม ทำนอง/เรียบเรียง เศกพล อุ่นสำราญ

ฉันรู้สึกโชคดีที่ได้เกิดมา สวมเครื่องแบบสมญาข้าราชการ

และได้ทำภาระหน้าที่สำคัญ รับใช้งานเพื่อพ่อหลวงแห่งไทย

สานประโยชน์ของชาติและปวงประชา

เหมือนคำสัตย์สัญญาที่มอบเอาไว้

ด้วยหลักการเลิศล้ำ หลักธรรมค้ำใจ

ภาคภูมิใจในเกียรติยศศักดิ์ศรี

จะเดินตามรอยเท้าของพ่อด้วยความตั้งใจ

จะเติมเต็มความหมายข้าราชการที่ดี

มอบชีวิตทุ่มเทให้แผ่นดินนี้ ทำความดีเพื่อชาติไทย



สูงที่สุดของชีวิตคนหนึ่งคน ต้องพิสูจน์ว่าตนได้ทำอะไร

ด้วยสัจจะที่ฉันปฏิญาณให้ไป ฉันภูมิใจที่ทำตามได้จริง



ยึดมั่นหัวใจ ในหลักเที่ยงธรรม รับใช้ประชาชน

ทุกคนเท่าเทียมกัน มั่นคงความดีตลอดไป

ฉันรู้สึกโชคดีที่ได้เกิดมา สวมเครื่องแบบสมญาข้าราชการ

และได้ทำภาระหน้าที่สำคัญ รับใช้งานเพื่อพ่อหลวงแห่งไทย

Rap (เมื่อเราถวายปฏิญาณคำสัตย์ สิ่งมีค่าและภาคภูมิใจของเราคือนำเอาคำนั้นไปปฏิบัติ เพื่อถวายแด่พ่อหลวงตามรอยพระยุคลบาท จะมุ่งมั่นรับใช้ประชาชน และแก้ไขปัญหาของชาติ เต็มกำลังและความสามารถที่มีให้สมกับที่เกิดมาเป็นข้าราชการบริพารพร้อมเกียรติยศที่เราได้สวมเครื่องแบบสีกากีคือการได้ตอบแทนแผ่นดินด้วยคำว่าบริการเราคือข้าราชการ)



จะเดินตามรอยเท้าของพ่อด้วยความตั้งใจ

จะเติมเต็มความหมายข้าราชการที่ดี

มอบชีวิตทุ่มเทให้แผ่นดินนี้ ทำความดีเพื่อชาติไทย

สูงที่สุดของชีวิตคนหนึ่งคน ต้องพิสูจน์ว่าตนได้ทำอะไร

ด้วยสัจจะที่ฉันปฏิญาณให้ไป ฉันภูมิใจที่ทำตามได้จริง

(ทดแทนคุณให้พ่อหลวงและแผ่นดิน)


theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 118

โพสต์

oatty เขียน:ผมก็ตามอ่านด้วยเหมือนกันครับ :D
ยินดีค่ะ คุณ oatty นึกว่าหายไปไหนที่แท้ก็แอบติดตามอยู่นั่นเอง
ว่างๆ ก็แวะมาคุยกับเพื่อนๆ นะคะ :D
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 119

โพสต์

เด็กใหม่ไฟแรง เขียน:ผมก็ตามอ่านอยู่ทุกวันนะครับ
ขอบพระคุณสำหรับ "รองเท้าที่ถอดวางไว้ที่นอกชาน" นะคะ
นุชหยิบไปใส่ทุกวันค่ะ และเชื่อแน่ว่าพวกเราที่บ้านนี้ก็หมุนเวียนนำไปใส่กันเสมอค่ะ

http://youtu.be/XZulB3iJVwM

พ่อ / ปั่น ไพบูลย์เกียติ เขียวแก้ว

เมื่อก่อนครั้งฉันเป็นเด็กน้อย คอยแต่คลาน
พ่อหัดตั้งไข่ให้จนฉันเดินเป็น
เตาะแตะก้าวทีละน้อยค่อยๆ เข็น
จับเกาะพ่อเดินเล่น ตามประสาเยาวว์วัย

พ่อถอดรองเท้าไว้ ให้เห็นตรงนอกชาน
ฉันเจ้าเด็กน้อยลองใส่สวมเดินภูมิใจ
อยากใส่ไว้ให้เหมือน แม้จะหนักยังเดินไหว
พ่อยิ่งใหญ่เหมือนภูเขาเราจะตาม

ข้างหน้าที่ทิ้งไว้คือรอยเท้าที่พ่อเดิน
ลูกเหยียบย่าง ไม่ห่างเหินเดินตาม
ย่ำบุกป่าเขาลำเนาไพร ไม่ครั่นคร้าม
เด็กน้อยตามอย่างพ่อ ไม่ท้อเดินไป

เติบใหญ่ถึงวันนี้ พบชีวิตที่ผกผัน
ฉันจึงได้รู้ว่าการเดินไม่ง่ายดังใจ
วันที่ถูกทุกข์ทับถม ขมขื่นใจสักเพียงไหน
รองเท้าพ่อคู่ใหญ่ยังสอนใจเรา

วันที่ถูกทุกข์ทับถม ขมขื่นใจสักเพียงไหน
พ่อยิ่งใหญ่เหมือนภูเขาเราจะตาม
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 120

โพสต์

รอฟังต่อครับคุณ cobain_vi
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/