VI บ้าน ๆ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 1
หลังจากกล่าวลากระทู้เดิมไปแล้ว....บางวันก็มีเรื่องอยากเขียน
ประกอบกับยังคงมีเพื่อน ๆ แวะมาทักทายและรออ่านเรื่องเล่าอยู่บ้าง
ทบทวนดูแล้วน่าจะตั้งกระทู้ใหม่....ที่ชื่อกระทู้ไม่ผูกติดกับคำว่าลงทุนมากเกิินไป
กระทู้เดิม "เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย"
เกรงใจคนใหม่ๆ ที่อาจหลงเข้ามาอ่านตามชื่อกระทู้
แต่อ่านอย่างไร....ก็ไม่เจอเรื่องการลงทุนเสียที
และโดยส่วนตัวรู้สึกว่า....การลงทุนแนว VI กลืนเข้ากับวิถีการดำเนินชีวิต....
จนไม่สามารถแยกออกมาอธิบายต่างหากได้
(เป็นข้ออ้างของคนที่ลงทุนไม่เก่ง....และไม่มีความรู้เรื่องการลงทุนมากพอจะถ่ายทอดนั่นเองค่ะ )
จึงขอตั้งกระทู้ใหม่ชื่อ "VI บ้าน ๆ" ตามคำแนะนำของคุณ f.escape
ที่ได้เคยแนะนำไว้...ดูเป็นอิสระจากเรื่องของการลงทุน...น่าจะเขียนง่ายขึ้น
ขอนำ link ของกระทู้ "เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย" มาไว้ด้วย
เผื่อเพื่อนๆ ที่ยังไม่เคยอ่านกระทู้เดิม จะไปอ่านได้สะดวกค่ะ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=56129
ตั้งกระทู้ไว้ก่อนแล้วจะทยอยมาเล่านะคะ
ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่อง "บ้าน ๆ" อยากชวนมาช่วยกันเล่า
จะได้มีความหลากหลาย และมีสีสรร และน่าอ่านยิ่งข้ึนค่ะ...
ประกอบกับยังคงมีเพื่อน ๆ แวะมาทักทายและรออ่านเรื่องเล่าอยู่บ้าง
ทบทวนดูแล้วน่าจะตั้งกระทู้ใหม่....ที่ชื่อกระทู้ไม่ผูกติดกับคำว่าลงทุนมากเกิินไป
กระทู้เดิม "เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย"
เกรงใจคนใหม่ๆ ที่อาจหลงเข้ามาอ่านตามชื่อกระทู้
แต่อ่านอย่างไร....ก็ไม่เจอเรื่องการลงทุนเสียที
และโดยส่วนตัวรู้สึกว่า....การลงทุนแนว VI กลืนเข้ากับวิถีการดำเนินชีวิต....
จนไม่สามารถแยกออกมาอธิบายต่างหากได้
(เป็นข้ออ้างของคนที่ลงทุนไม่เก่ง....และไม่มีความรู้เรื่องการลงทุนมากพอจะถ่ายทอดนั่นเองค่ะ )
จึงขอตั้งกระทู้ใหม่ชื่อ "VI บ้าน ๆ" ตามคำแนะนำของคุณ f.escape
ที่ได้เคยแนะนำไว้...ดูเป็นอิสระจากเรื่องของการลงทุน...น่าจะเขียนง่ายขึ้น
ขอนำ link ของกระทู้ "เอาเงิน (สามี) มาลงทุนให้งอกเงย" มาไว้ด้วย
เผื่อเพื่อนๆ ที่ยังไม่เคยอ่านกระทู้เดิม จะไปอ่านได้สะดวกค่ะ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=56129
ตั้งกระทู้ไว้ก่อนแล้วจะทยอยมาเล่านะคะ
ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่อง "บ้าน ๆ" อยากชวนมาช่วยกันเล่า
จะได้มีความหลากหลาย และมีสีสรร และน่าอ่านยิ่งข้ึนค่ะ...
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 2
ดีใจจังที่พี่นุชกลับมาเขียนอีกครั้งครับ
ผมว่าพี่เป็นวีไอด้วยจิตวิญญาณและตัวตนจริงๆของพี่ครับ
พี่เลยทำเรื่องนี้(ทั้งเรื่องการลงทุนและการใช้ชีวิต)ได้แบบเป็นธรรมชาติมากๆ
ปล.แม้อาจไม่ได้มาโพสบ่อยๆแต่ผมจะติดตามอ่านกระทู้นี้ของพี่น๊ะครับ
ผมว่าพี่เป็นวีไอด้วยจิตวิญญาณและตัวตนจริงๆของพี่ครับ
พี่เลยทำเรื่องนี้(ทั้งเรื่องการลงทุนและการใช้ชีวิต)ได้แบบเป็นธรรมชาติมากๆ
ปล.แม้อาจไม่ได้มาโพสบ่อยๆแต่ผมจะติดตามอ่านกระทู้นี้ของพี่น๊ะครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 5
ที่สำคัญที่สุดต้องกราบขอบคุณ อาจารย์ ดร.ไพบูลย์ อาจารย์ ดร.นิเวศน์
และครูบาอาจารย์ รวมทั้งพี่ๆ เพื่อนๆ หรือแม้แต่น้องๆ หลายท่าน
สำหรับความรู้และประสบการณ์ที่ได้กรุณาถ่ายทอดเป็นวงกว้างใน web thaivi
จนคนเล็กๆ คนหนึ่งได้มาศึกษาเรียนรู้ และเก็บเกี่ยว
นำไปประยุกต์ใช้ในการลงทุนและการใช้ชีวิตจนประสบความสำเร็จ
เกินระดับความคาดหวังของตนเองและครอบครัว
ตลอดจนทีมงาน money talk , web thaivi และทีมงาน
ที่สนับสนุนให้มีก้าวที่สำเร็จในการลงทุนมาได้ขนาดนี้
และยังมีพื้นที่เล็กๆ ให้ตั้งกระทู้สื่อสารกับเพื่อนๆ ได้อีกด้วย
ขออนุญาตเอ่ยถึงและขอบคุณ web pantip_สินธร ไว้ ณ ที่นี่ด้วย
เพราะไปแอบเก็บเกี่ยวข้อมูลเชิงจิตวิทยามวลชนที่นั่นบ่อยครั้งเช่นกัน
และสุดท้ายก็เพื่อนๆ ที่แวะมาอ่านและให้กำลังใจ
อีกท่าน คุณหมอ dr1 ที่แนะนำหัวข้อไว้หลากหลาย
.........................................
วัตถุประสงค์ของกระทู้ก็เหมือนเดิมค่ะ
อยากตอบแทนสังคมคุณภาพแห่งนี้
เมื่อไม่ถนัดถ่ายทอดเรื่องการลงทุน
ก็อาสานำเรื่องมีประโยชน์รอบๆ ตัว รอบๆ บ้าน มาถ่ายทอด
สลับสับเปลี่ยนหัวข้อไปเรื่อยๆ ก็แล้วกันนะคะ
เริ่มมีเพื่อนๆ มาทักทายแล้วดีจัง
น้องสายชล คุณ monsoon และ คุณ cobain_vi และอีกหลายๆ ท่าน
อยากบอกว่า...มาช่วยกันเขียนด้วยก็ดีนะคะ
และครูบาอาจารย์ รวมทั้งพี่ๆ เพื่อนๆ หรือแม้แต่น้องๆ หลายท่าน
สำหรับความรู้และประสบการณ์ที่ได้กรุณาถ่ายทอดเป็นวงกว้างใน web thaivi
จนคนเล็กๆ คนหนึ่งได้มาศึกษาเรียนรู้ และเก็บเกี่ยว
นำไปประยุกต์ใช้ในการลงทุนและการใช้ชีวิตจนประสบความสำเร็จ
เกินระดับความคาดหวังของตนเองและครอบครัว
ตลอดจนทีมงาน money talk , web thaivi และทีมงาน
ที่สนับสนุนให้มีก้าวที่สำเร็จในการลงทุนมาได้ขนาดนี้
และยังมีพื้นที่เล็กๆ ให้ตั้งกระทู้สื่อสารกับเพื่อนๆ ได้อีกด้วย
ขออนุญาตเอ่ยถึงและขอบคุณ web pantip_สินธร ไว้ ณ ที่นี่ด้วย
เพราะไปแอบเก็บเกี่ยวข้อมูลเชิงจิตวิทยามวลชนที่นั่นบ่อยครั้งเช่นกัน
และสุดท้ายก็เพื่อนๆ ที่แวะมาอ่านและให้กำลังใจ
อีกท่าน คุณหมอ dr1 ที่แนะนำหัวข้อไว้หลากหลาย
.........................................
วัตถุประสงค์ของกระทู้ก็เหมือนเดิมค่ะ
อยากตอบแทนสังคมคุณภาพแห่งนี้
เมื่อไม่ถนัดถ่ายทอดเรื่องการลงทุน
ก็อาสานำเรื่องมีประโยชน์รอบๆ ตัว รอบๆ บ้าน มาถ่ายทอด
สลับสับเปลี่ยนหัวข้อไปเรื่อยๆ ก็แล้วกันนะคะ
เริ่มมีเพื่อนๆ มาทักทายแล้วดีจัง
น้องสายชล คุณ monsoon และ คุณ cobain_vi และอีกหลายๆ ท่าน
อยากบอกว่า...มาช่วยกันเขียนด้วยก็ดีนะคะ
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 6
รออ่าน และตามมาเก็บเกี่ยวด้วยคนครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- นายมานะ
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1116
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 8
"บ้านๆ"
บางคนใช้คำนี้ในการตำหนิ หรือดูแคลนคนอื่น ดูธรรมดา ไม่ทันสมัย ไม่ดึงดูด
แต่อันที่จริงแล้วจะมีที่ใดอบอุ่นไปกว่าบ้าน จะมีที่ไหนสร้างความสุขให้เราได้มากกว่าบ้าน บ้าน (home) อาจไม่ใช่แค่บ้าน (house) สำหรับหลับนอน หรืออยู่อาศัยก็เป็นได้
แต่อาจเป็นสถานที่ที่เปี่ยมไปด้วยความหมาย ความสุข และความทรงจำ
พิมพ์มายืดยาวเพียงจะบอกว่าเป็นชื่อที่น่ารักดีครับ ฟังดูอบอุ่น ชอบมากครับ
บางคนใช้คำนี้ในการตำหนิ หรือดูแคลนคนอื่น ดูธรรมดา ไม่ทันสมัย ไม่ดึงดูด
แต่อันที่จริงแล้วจะมีที่ใดอบอุ่นไปกว่าบ้าน จะมีที่ไหนสร้างความสุขให้เราได้มากกว่าบ้าน บ้าน (home) อาจไม่ใช่แค่บ้าน (house) สำหรับหลับนอน หรืออยู่อาศัยก็เป็นได้
แต่อาจเป็นสถานที่ที่เปี่ยมไปด้วยความหมาย ความสุข และความทรงจำ
พิมพ์มายืดยาวเพียงจะบอกว่าเป็นชื่อที่น่ารักดีครับ ฟังดูอบอุ่น ชอบมากครับ
- นพพร
- Verified User
- โพสต์: 1039
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 9
VI บ้านๆ จะชอบออกไปนอกบ้านเวลาประมาณสองทุ่มตามร้านซูเปอร์มาเก็ตแบบ lo.. , big.. เพื่อหาซื้อของเซลล์ลดราคาซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาหาร มาประทังชีวิต (ดูหดหู่จัง) ด้วยราคาที่ย่อมเยาว์ (เริ่มดูดีแล่ะ) และรสชาติที่กลมกล่อม (พอได้นะ)
VI บ้านๆ เวลาต้องการเศษกระดาษมาห่อมะม่วง หรือผลไม้ต่างๆ หรือนำมาเช็ดกระจก ก็จะมุ่งไป lo.., big.. เช่นกันเพื่อหยิบโบว์ชัวร์หรือเอกสารนำเสนอสินค้าต่างๆ มาอ่านสักเล็กน้อยเพื่อเป็็นพิธี จากนั้นก็จะนำมาใช้ตามวัตถุประสงค์หลักต่อไป ถ้าไม่อยากใช้ผ้ารองเปื้อนโต๊ะอาหารลองเอากระดาษดังกล่าวมารอง ใช้ได้เป็นอย่างดีทีเดียว กินเสร็จปุ๊บเช็็ดปั๊บสะอาดทันที ลองเช็็ดกระจกดูแล้วก็แลดูสวยสดงดงามดี จริงๆประยุกต์เอาไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะแล้วแต่ไอเดีย
VI บ้านๆ มัักไม่ได้เลือกของถูกเสมอไป แต่ส่วนใหญ่จะมองของคุ้ม ของที่คุ้มกับของที่ถูกไม่เหมือนกันนะครัับลองนึกดู ผมเคยซื้อหลอด LED มาติดแทนหลอดไฟในบ้าน แน่นอนราคามันไม่ได้ถูกแต่ถามผมว่าคุ้มมั้ย ผมคิดว่าคุ้มนะ จ่ายค่าไฟแต่ละเดือนก็คอยสังเกตความคุ้มกันดู
VI บ้านๆ มักจะชอบปลูกต้นไม้ ลองสังเกตดู
VI บ้านๆ มักจะไม่ชอบโอ้อวดว่ามีตังค์เท่านั้นเท่านี้ แต่ส่วนใหญ่มักจะทำมอซอ เหมือนไม่มีอันจะกิน ทั้งๆที่จะกินกี่อันก็ได้้
ถ้าสนุกจะมาอัพใหม่ให้เรื่อยๆ ละกัน ^_^
แจมกระทู้ไม่ว่ากันนะครับ 55
VI บ้านๆ เวลาต้องการเศษกระดาษมาห่อมะม่วง หรือผลไม้ต่างๆ หรือนำมาเช็ดกระจก ก็จะมุ่งไป lo.., big.. เช่นกันเพื่อหยิบโบว์ชัวร์หรือเอกสารนำเสนอสินค้าต่างๆ มาอ่านสักเล็กน้อยเพื่อเป็็นพิธี จากนั้นก็จะนำมาใช้ตามวัตถุประสงค์หลักต่อไป ถ้าไม่อยากใช้ผ้ารองเปื้อนโต๊ะอาหารลองเอากระดาษดังกล่าวมารอง ใช้ได้เป็นอย่างดีทีเดียว กินเสร็จปุ๊บเช็็ดปั๊บสะอาดทันที ลองเช็็ดกระจกดูแล้วก็แลดูสวยสดงดงามดี จริงๆประยุกต์เอาไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะแล้วแต่ไอเดีย
VI บ้านๆ มัักไม่ได้เลือกของถูกเสมอไป แต่ส่วนใหญ่จะมองของคุ้ม ของที่คุ้มกับของที่ถูกไม่เหมือนกันนะครัับลองนึกดู ผมเคยซื้อหลอด LED มาติดแทนหลอดไฟในบ้าน แน่นอนราคามันไม่ได้ถูกแต่ถามผมว่าคุ้มมั้ย ผมคิดว่าคุ้มนะ จ่ายค่าไฟแต่ละเดือนก็คอยสังเกตความคุ้มกันดู
VI บ้านๆ มักจะชอบปลูกต้นไม้ ลองสังเกตดู
VI บ้านๆ มักจะไม่ชอบโอ้อวดว่ามีตังค์เท่านั้นเท่านี้ แต่ส่วนใหญ่มักจะทำมอซอ เหมือนไม่มีอันจะกิน ทั้งๆที่จะกินกี่อันก็ได้้
ถ้าสนุกจะมาอัพใหม่ให้เรื่อยๆ ละกัน ^_^
แจมกระทู้ไม่ว่ากันนะครับ 55
ก้าวแรกที่เล็กๆ แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 10
ยินดีเลยจ้า แบบนี้แหละค่ะที่ต้องการนพพร เขียน: ถ้าสนุกจะมาอัพใหม่ให้เรื่อยๆ ละกัน ^_^
แจมกระทู้ไม่ว่ากันนะครับ 55
ใครมีอะไร "บ้าน ๆ" ก็มาช่วยกันเล่าเลยค่ะ
เพราะถ้าเล่าคนเดียวจะเหนื่อย ช่วยกันเล่าจะได้เกิดไอเดียมากมาย
บางเรื่องจะเอาไปใช้ทำให้ชีวิตสะดวก และประหยัดขึ้นอีก
หรือจะเป็นเรื่องประหยัดเวลาก็ดีนะคะ
เพราะเวลาเป็นของมีค่าและเราก็มีเท่ากันทุกคน
ถ้าไม่ใช่เรื่องประหยัดก็อาจเป็นเรื่องเพิ่มคุณค่า เพิ่มประสิทธิภาพ....อะไรอีกดีหนอ
ใครยังไม่รู้จะเล่าอะไรก็มาช่วยกันฝากประเด็น "บ้านๆ "
เผื่อให้เพื่อนๆ มาช่วยกันเขียนก็ได้นะคะ
(สบายแล้วเรา อิ อิ....เปิดประเด็นไว้....ให้เพื่อนๆ มาช่วย)
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 11
“ความรู้สึก (อารมณ์)” กับ “เหตุผล”
............................................
ทุกคนต้องเคยมีอารมณ์ที่เปลี่ยนไปจากสภาพปกติแน่นอน
เช่น โกรธ เศร้า เหงา ซึม เจ็บ หรือแม้แต่อารมณ์ ด้านบวก
ภาวะอารมณ์ที่ผิดไปจากปกติ.....มักจะส่งผลให้ผู้ที่มีอารมณ์นั้นๆ
ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะรับรู้หรือเรียนรู้สิ่งใดได้ดีนัก
ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า... "คนอื่นก็มีอารมณ์ที่เปลี่ยนไปจากสภาพปกติได้เช่นเดียวกับเรา"
............................................
ลองพิจารณาเรื่องราวระหว่างแม่ลูกคู่หนึ่งไปพร้อมๆ กัน.........
เด็กหญิงน่ารักคนหนึ่งเคยว่านอนสอนง่าย และเรียนเก่งมาก.....เมื่อตอนอยู่ชั้นประถม
แต่พอขึ้น ม.2 อยู่ๆ ผลการเรียนการตกวูบ ครูรายงานว่าโดดเรียน
ส่งผลให้แม่ทำโทษลูกอย่างรุนแรง และตั้งแต่นั้นมาก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด
ก่อนจะสายเกินแก้....ในที่สุด...แม่ตัดสินใจพาลูกไปปรึกษานักจิตวิทยา
นี่คือ "บทสนทนา" ที่นักจิตวิทยาได้จากการสัมภาษณ์ (ทีละคน)
.............................................
นักจิตวิทยา – เล่าปัญหาให้ฟังหน่อย
แม่ – หลังจากขึ้น ม.2 ลูกดื้ออมาก....คุณแม่ดูแลลูกอย่างดี ตามใจทุกอย่าง
เลือกโรงเรียนที่ดีที่สุด ให้เรียนพิเศษที่ที่ดีที่สุด ไม่เคยให้นั่งรถเมล์
รับส่งเองตลอด ไม่ขัดสนเรื่องเงินทอง สบายทุกอย่าง
คุณแม่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกถึงเป็นอย่างนี้
.................................................
นักจิตวิทยา – มีอะไรจะเล่าไหม พูดได้ตามสบาย
ลูกสาว – แม่ไม่เคยฟังหนู (อยากพูดมานานแล้ว)
นักจิตวิทยา – เห็นแม่บอกไปรับไปส่งเอง ที่บ้านฐานะดี สบายทุกอย่าง
ลูกสาว - ตอนเย็นที่แม่มารับ....เวลาหนูขึ้นรถมา...พอจะเล่าถึงเพื่อนแม่จะบอกว่า
"ไร้สาระ" ...."ชั้นส่งแกมาเรียนนะไม่ได้ส่งแกมาเล่นสนุกไปวันๆ"
"ไหนเล่าเรื่องเรียนซิ เรียนอะไรบ้างติดขัดตรงไหน
ที่เรียนพิเศษมาได้ใช้มั้ยต้องเรียนเพิ่มอะไรหรือเปล่า"...."มันไม่ใช่สิ่งที่หนูต้องการ"
นักจิตวิทยา – แล้วหนูต้องการอะไร?
ลูกสาว - "ถ้าแม่ไม่ฟังเรื่องที่หนูอยากเล่าก่อน....หนูก็จะไม่ฟังทุกเรื่องที่แม่อยากพูด"
....................................................
ในครอบครัวที่มีลูก...มีโอกาสเกิดเรื่องอย่างนี้
หรือแม้แต่ครอบครัวที่ไม่มีลูก..ลองพิจารณาดูอาจพบว่า
สามี ภรรยา หรือคนที่เรารัก เคยมีเรื่องที่เค้าอยากจะเล่าให้เราฟังแบบนี้หรือไม่?
แต่ไม่ทันได้เล่า...เพราะกรอบแห่งความห่วงใยที่เราวางไว้เป็นตัวปิดกั้นการแสดงความรู้สึก
บ่อยครั้งในชีวิตจริง “เหตุผล” กับ “ความรู้สึก” ...มักเป็นเรื่องที่เดินสวนทางกันอยู่
ไม่ได้บอกว่าให้ใช้ชีวิตโดยเอา "ความรู้สึก (อารมณ์)" มาอยู่เหนือ "เหตุผล" นะคะ
แต่...อยากบอกว่า ให้ความสำคัญกับ "ความรู้สึก"ก่อน แล้วคนที่เรารักหรือคนที่คุยกับเรา
จะเปิดใจที่จะคุยเรื่องยากๆ อย่างเรื่องเหตุผลได้อย่างง่ายดายขึ้น
ในที่สุด...จะส่งผลให้ก้าวผ่านเรื่องยากๆ ไปด้วยกันได้ง่ายขึ้นค่ะ
............................................
ทุกคนต้องเคยมีอารมณ์ที่เปลี่ยนไปจากสภาพปกติแน่นอน
เช่น โกรธ เศร้า เหงา ซึม เจ็บ หรือแม้แต่อารมณ์ ด้านบวก
ภาวะอารมณ์ที่ผิดไปจากปกติ.....มักจะส่งผลให้ผู้ที่มีอารมณ์นั้นๆ
ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะรับรู้หรือเรียนรู้สิ่งใดได้ดีนัก
ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า... "คนอื่นก็มีอารมณ์ที่เปลี่ยนไปจากสภาพปกติได้เช่นเดียวกับเรา"
............................................
ลองพิจารณาเรื่องราวระหว่างแม่ลูกคู่หนึ่งไปพร้อมๆ กัน.........
เด็กหญิงน่ารักคนหนึ่งเคยว่านอนสอนง่าย และเรียนเก่งมาก.....เมื่อตอนอยู่ชั้นประถม
แต่พอขึ้น ม.2 อยู่ๆ ผลการเรียนการตกวูบ ครูรายงานว่าโดดเรียน
ส่งผลให้แม่ทำโทษลูกอย่างรุนแรง และตั้งแต่นั้นมาก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด
ก่อนจะสายเกินแก้....ในที่สุด...แม่ตัดสินใจพาลูกไปปรึกษานักจิตวิทยา
นี่คือ "บทสนทนา" ที่นักจิตวิทยาได้จากการสัมภาษณ์ (ทีละคน)
.............................................
นักจิตวิทยา – เล่าปัญหาให้ฟังหน่อย
แม่ – หลังจากขึ้น ม.2 ลูกดื้ออมาก....คุณแม่ดูแลลูกอย่างดี ตามใจทุกอย่าง
เลือกโรงเรียนที่ดีที่สุด ให้เรียนพิเศษที่ที่ดีที่สุด ไม่เคยให้นั่งรถเมล์
รับส่งเองตลอด ไม่ขัดสนเรื่องเงินทอง สบายทุกอย่าง
คุณแม่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกถึงเป็นอย่างนี้
.................................................
นักจิตวิทยา – มีอะไรจะเล่าไหม พูดได้ตามสบาย
ลูกสาว – แม่ไม่เคยฟังหนู (อยากพูดมานานแล้ว)
นักจิตวิทยา – เห็นแม่บอกไปรับไปส่งเอง ที่บ้านฐานะดี สบายทุกอย่าง
ลูกสาว - ตอนเย็นที่แม่มารับ....เวลาหนูขึ้นรถมา...พอจะเล่าถึงเพื่อนแม่จะบอกว่า
"ไร้สาระ" ...."ชั้นส่งแกมาเรียนนะไม่ได้ส่งแกมาเล่นสนุกไปวันๆ"
"ไหนเล่าเรื่องเรียนซิ เรียนอะไรบ้างติดขัดตรงไหน
ที่เรียนพิเศษมาได้ใช้มั้ยต้องเรียนเพิ่มอะไรหรือเปล่า"...."มันไม่ใช่สิ่งที่หนูต้องการ"
นักจิตวิทยา – แล้วหนูต้องการอะไร?
ลูกสาว - "ถ้าแม่ไม่ฟังเรื่องที่หนูอยากเล่าก่อน....หนูก็จะไม่ฟังทุกเรื่องที่แม่อยากพูด"
....................................................
ในครอบครัวที่มีลูก...มีโอกาสเกิดเรื่องอย่างนี้
หรือแม้แต่ครอบครัวที่ไม่มีลูก..ลองพิจารณาดูอาจพบว่า
สามี ภรรยา หรือคนที่เรารัก เคยมีเรื่องที่เค้าอยากจะเล่าให้เราฟังแบบนี้หรือไม่?
แต่ไม่ทันได้เล่า...เพราะกรอบแห่งความห่วงใยที่เราวางไว้เป็นตัวปิดกั้นการแสดงความรู้สึก
บ่อยครั้งในชีวิตจริง “เหตุผล” กับ “ความรู้สึก” ...มักเป็นเรื่องที่เดินสวนทางกันอยู่
ไม่ได้บอกว่าให้ใช้ชีวิตโดยเอา "ความรู้สึก (อารมณ์)" มาอยู่เหนือ "เหตุผล" นะคะ
แต่...อยากบอกว่า ให้ความสำคัญกับ "ความรู้สึก"ก่อน แล้วคนที่เรารักหรือคนที่คุยกับเรา
จะเปิดใจที่จะคุยเรื่องยากๆ อย่างเรื่องเหตุผลได้อย่างง่ายดายขึ้น
ในที่สุด...จะส่งผลให้ก้าวผ่านเรื่องยากๆ ไปด้วยกันได้ง่ายขึ้นค่ะ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 12
ไข่เจียวหมูสับ vs. หูฉลาม?
.................................................
คนในสังคมมักประเมิน"คุณค่า" จาก "ราคา" ของมันเสมอ
ไม่เว้นแม้แต่การประเมินความดีของตัวคนจากฐานะของเขา
ทั้งที่จริงแล้ว "คุณค่า" อาจไม่ได้อยู่ที่ "ราคา"
แต่อยู่ที่ "ความดี" และ "ประโยชน์" ที่สร้างให้แก่่ผู้อื่นก็เป็นได้
สำหรับผมแล้ว ผมชอบไข่เจียวหมูสับมากกว่าครับ
เป็นเรื่องที่ "นายมานะ" เค้าฝากมาเล่าค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกว่าสร้างสรรค์ดี......
ใกล้ตัว..ซะจน.....ลืมนึกถึงว่า..
เรื่องง่ายๆ และ "บ้าน ๆ " อย่าง "ไข่เจียว" ก็สามารถสอนเราได้
.................................................
คนในสังคมมักประเมิน"คุณค่า" จาก "ราคา" ของมันเสมอ
ไม่เว้นแม้แต่การประเมินความดีของตัวคนจากฐานะของเขา
ทั้งที่จริงแล้ว "คุณค่า" อาจไม่ได้อยู่ที่ "ราคา"
แต่อยู่ที่ "ความดี" และ "ประโยชน์" ที่สร้างให้แก่่ผู้อื่นก็เป็นได้
สำหรับผมแล้ว ผมชอบไข่เจียวหมูสับมากกว่าครับ
เป็นเรื่องที่ "นายมานะ" เค้าฝากมาเล่าค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกว่าสร้างสรรค์ดี......
ใกล้ตัว..ซะจน.....ลืมนึกถึงว่า..
เรื่องง่ายๆ และ "บ้าน ๆ " อย่าง "ไข่เจียว" ก็สามารถสอนเราได้
- vim
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2748
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 14
เคยคุยกับพี่ theenuch ไว้ว่าผมเองนั้นเป็นคนใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย สมัยก่อนชอบใช้เงินเดือนชนเดือน เก็บเงินไม่ค่อยอยู่ อาจจะเป็นเพราะว่าผมนั้นมาอาศัยอยู่ต่างประเทศตั้งแต่ตอนมาเรียน การที่ไม่ได้มีครอบครัวที่นี่ ทำให้ระหว่างเรียนจนถึงเรียนจบก็ต้องย้ายบ้านย้ายงานอยู่บ่อยๆ บางทีเค้าก็ไล่เรา บางทีเราก็ย้ายงาน รายจ่ายที่คนปกติเขาจ่ายครั้งเดียวในเวลาสิบปี เช่นค่าทาสีบ้าน ทำพื้นบ้าน ซื้อครัวซื้อโต๊ะ ซื้อเตียงใหม่ ซื้อเครื่องซักผ้าใหม่ ผมกลับต้องมาจ่ายทุกๆ 1-2 ปีเพราะการย้ายบ้าน ซึ่งตรงนี้ราคาไม่ถูกเลยครับ
ช่วงที่อยู่ที่นี่ผมคิดว่าผมใช้โอกาสมาเก็บประสบการณ์ชีวิต เลยมีรายจ่ายเรื่องการเดินทางและการท่องเที่ยวส่วนหนึ่ง ซึ่งบางครั้งก็เป็นรายจ่ายหลัก เพราะการเดินทางนั้นผมไม่มีรถยนต์ ต้องเดินทางโดยใช้เครื่องบินและรถไฟ ผมเห็นหลายคนมีรถแล้วแอบอิจฉา ผมอยากขับบ้างเหมือนกันแต่การทำใบขับขี่ของที่นี่นั้นแพงมาก ต้องเสียค่าทำใบขับขีร่วมๆหนึ่งแสนบาท ยังไม่รวมค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าประกันรถและค่าจอดรถอีก ถ้าไม่ได้กะอยู่ประเทศนี้นานๆก็ไม่คุ้มที่จะมีรถครับ
ตอนหลังพอเปลี่ยนงานและเริ่มได้งานที่เงินเดือนดีขึ้น เงินเดือนหลังหักภาษีและค่าประกันสุขภาพจะถูกโอนเข้าบัญชีหลัก ซึ่งเป็นบัญชีใช้จ่ายประจำ ผมก็ใช้วิธีโอนเงินส่วนหนึ่งจากบัญชีนั้นไปเข้าบัญชีเงินออมในทุกๆต้นเดือน ทำให้ผมวางแผนเงินออมขั้นต่ำได้ค่อนข้างแน่นอน
ในเดือนไหนที่ใช้เงินได้น้อย มียอดเงินในบัญชีใช้จ่ายประจำจำนวนมากกว่าปกติ ผมก็จะโอนเงินส่วนเกินนั้นเข้าไปในบัญชีเงินออม ทำให้ทุกๆ 2-3 เดือนจะมีเงินออมสูงกว่าเป้าหมายเล็กน้อย
เมื่อมีเงินในบัญชีเงินออมระดับหนึ่งแล้ว ผมก็จะทำการโอนเงินเข้าไปในบัญชีการลงทุนที่อยู่ในไทย ถ้ายังไม่เจอหุ้นที่น่าสนใจผมก็จะเอาไปลงกับกองทุนรวมตลาดเงินก่อน ได้ดอกเบี้ยเล็กๆน้อยๆแต่สภาพคล่องสูง พอเจอหุ้นที่สนใจก็จะถอนเงินออกมาซื้อหุ้น
เขียนแค่นี้ก่อนนะครับ ตอนนี้สายมากแล้ว ผมขอตัวไปหาเงินก่อน
ช่วงที่อยู่ที่นี่ผมคิดว่าผมใช้โอกาสมาเก็บประสบการณ์ชีวิต เลยมีรายจ่ายเรื่องการเดินทางและการท่องเที่ยวส่วนหนึ่ง ซึ่งบางครั้งก็เป็นรายจ่ายหลัก เพราะการเดินทางนั้นผมไม่มีรถยนต์ ต้องเดินทางโดยใช้เครื่องบินและรถไฟ ผมเห็นหลายคนมีรถแล้วแอบอิจฉา ผมอยากขับบ้างเหมือนกันแต่การทำใบขับขี่ของที่นี่นั้นแพงมาก ต้องเสียค่าทำใบขับขีร่วมๆหนึ่งแสนบาท ยังไม่รวมค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าประกันรถและค่าจอดรถอีก ถ้าไม่ได้กะอยู่ประเทศนี้นานๆก็ไม่คุ้มที่จะมีรถครับ
ตอนหลังพอเปลี่ยนงานและเริ่มได้งานที่เงินเดือนดีขึ้น เงินเดือนหลังหักภาษีและค่าประกันสุขภาพจะถูกโอนเข้าบัญชีหลัก ซึ่งเป็นบัญชีใช้จ่ายประจำ ผมก็ใช้วิธีโอนเงินส่วนหนึ่งจากบัญชีนั้นไปเข้าบัญชีเงินออมในทุกๆต้นเดือน ทำให้ผมวางแผนเงินออมขั้นต่ำได้ค่อนข้างแน่นอน
ในเดือนไหนที่ใช้เงินได้น้อย มียอดเงินในบัญชีใช้จ่ายประจำจำนวนมากกว่าปกติ ผมก็จะโอนเงินส่วนเกินนั้นเข้าไปในบัญชีเงินออม ทำให้ทุกๆ 2-3 เดือนจะมีเงินออมสูงกว่าเป้าหมายเล็กน้อย
เมื่อมีเงินในบัญชีเงินออมระดับหนึ่งแล้ว ผมก็จะทำการโอนเงินเข้าไปในบัญชีการลงทุนที่อยู่ในไทย ถ้ายังไม่เจอหุ้นที่น่าสนใจผมก็จะเอาไปลงกับกองทุนรวมตลาดเงินก่อน ได้ดอกเบี้ยเล็กๆน้อยๆแต่สภาพคล่องสูง พอเจอหุ้นที่สนใจก็จะถอนเงินออกมาซื้อหุ้น
เขียนแค่นี้ก่อนนะครับ ตอนนี้สายมากแล้ว ผมขอตัวไปหาเงินก่อน
Vi IMrovised
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 15
ขอยืม "คำจำกัดความ" ที่ "นายมานะ" ให้ไว้ เมื่อได้เห็นชื่อกระทู้ "VI บ้าน ๆ" มาใช้ดีกว่า
ที่เวลาสมาชิกแวะมาทีไรก็มานั่งล้อมวงคุยกันได้ คนไหนเล่นกีตาร์เป็นก็เอามาเล่นคลอๆ ไป
บ้านที่สมาชิกสามารถแวะมาได้เสมอ ไม่ว่าจะเหนื่อย ท้อถอย ซึม เศร้า ก็อยากแวะมาเล่า
หรือว่าทำอะไรได้ก้าวหน้าไปก้าวเล็กๆ แล้วภูมิใจ ก็อยากมาเล่า
อยู่ก็นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมา http://www.youtube.com/watch?v=tKka-7SgQDM
จะเป็นไปได้มั้ยนะ...ที่กระทู้นี้จะมีบรรยากาศแบบนั้นไปด้วย
ขอบคุณ คุณ vim ที่มาเล่าเรื่องที่เคยได้คุยให้พี่ฟังไว้
บอกคุณ vim ไปว่าอาจเป็นด้วยวัย ที่ยังน้อยหรือไม่
และโดยส่วนตัวไม่คิดว่าคุณ vim สุรุ่ยสุร่าย จากการได้ติดตามอ่าน
ความเห็นของคุณ vim ต่อเรื่องต่างๆ เมื่อนำมาปะติดปะต่อจะพบว่า
จริงๆ แล้วน่าจะเป็นคนที่ใช้เงินเป็นเลยด้วย
และวันนี้น้องก็ได้มาแวะมาที่บ้านของพวกเรา...มาเล่าเรื่องของตัวเองยาวขึ้น
ทำให้พบว่าที่เคยให้ข้อมูลว่าตัวเองสุรุ่ยสุร่ายนั้น เป็นด้วยวัยต้นๆ จริงๆ
แต่ในที่สุด....ตอนนี้ก็กลายเป็นนักลงทุนผู้คนขยันออมไปแล้ว
ชีวิตในต่างแดนต้องมีเรื่องน่าสนใจเยอะแน่ๆ ว่างๆ ก็แวะมาเล่าสู่กันฟังเรื่อยๆ นะคะ
อยากรู้ช่วงที่ไปอยู่ใหม่ๆ..กว่าจะปรับตัวได้เป็นยังไงบ้าง
ไว้เตรียมลูกชาย...เผื่อเค้ามีโอกาส เดินตามเส้นทางของคุณ vim บ้าง
หรือบางคนที่กำลังเตรียมที่จะมีเส้นทางคล้ายๆ คุณ vim จะได้มีข้อมูลสำหรับการเตรียมตัวด้วย
นึกถึงบ้านมีนอกชานกว้างๆ หรือมีใต้ถุนบ้านสูงๆ หรือจะมีชิงช้าตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่นายมานะ เขียน:"บ้านๆ"
แต่อันที่จริงแล้วจะมีที่ใดอบอุ่นไปกว่าบ้าน จะมีที่ไหนสร้างความสุขให้เราได้มากกว่าบ้าน บ้าน (home)
อาจไม่ใช่แค่บ้าน (house) สำหรับหลับนอน หรืออยู่อาศัยก็เป็นได้
แต่อาจเป็นสถานที่ที่เปี่ยมไปด้วยความหมาย ความสุข และความทรงจำ
พิมพ์มายืดยาวเพียงจะบอกว่าเป็นชื่อที่น่ารักดีครับ ฟังดูอบอุ่น ชอบมากครับ
ที่เวลาสมาชิกแวะมาทีไรก็มานั่งล้อมวงคุยกันได้ คนไหนเล่นกีตาร์เป็นก็เอามาเล่นคลอๆ ไป
บ้านที่สมาชิกสามารถแวะมาได้เสมอ ไม่ว่าจะเหนื่อย ท้อถอย ซึม เศร้า ก็อยากแวะมาเล่า
หรือว่าทำอะไรได้ก้าวหน้าไปก้าวเล็กๆ แล้วภูมิใจ ก็อยากมาเล่า
อยู่ก็นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมา http://www.youtube.com/watch?v=tKka-7SgQDM
จะเป็นไปได้มั้ยนะ...ที่กระทู้นี้จะมีบรรยากาศแบบนั้นไปด้วย
ขอบคุณ คุณ vim ที่มาเล่าเรื่องที่เคยได้คุยให้พี่ฟังไว้
บอกคุณ vim ไปว่าอาจเป็นด้วยวัย ที่ยังน้อยหรือไม่
และโดยส่วนตัวไม่คิดว่าคุณ vim สุรุ่ยสุร่าย จากการได้ติดตามอ่าน
ความเห็นของคุณ vim ต่อเรื่องต่างๆ เมื่อนำมาปะติดปะต่อจะพบว่า
จริงๆ แล้วน่าจะเป็นคนที่ใช้เงินเป็นเลยด้วย
และวันนี้น้องก็ได้มาแวะมาที่บ้านของพวกเรา...มาเล่าเรื่องของตัวเองยาวขึ้น
ทำให้พบว่าที่เคยให้ข้อมูลว่าตัวเองสุรุ่ยสุร่ายนั้น เป็นด้วยวัยต้นๆ จริงๆ
แต่ในที่สุด....ตอนนี้ก็กลายเป็นนักลงทุนผู้คนขยันออมไปแล้ว
ชีวิตในต่างแดนต้องมีเรื่องน่าสนใจเยอะแน่ๆ ว่างๆ ก็แวะมาเล่าสู่กันฟังเรื่อยๆ นะคะ
อยากรู้ช่วงที่ไปอยู่ใหม่ๆ..กว่าจะปรับตัวได้เป็นยังไงบ้าง
ไว้เตรียมลูกชาย...เผื่อเค้ามีโอกาส เดินตามเส้นทางของคุณ vim บ้าง
หรือบางคนที่กำลังเตรียมที่จะมีเส้นทางคล้ายๆ คุณ vim จะได้มีข้อมูลสำหรับการเตรียมตัวด้วย
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 17
มีหนังมาแนะนำค่ะ Legend of the Guardians ดูได้ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ค่ะ
เนื้อหาของเรื่องดีมากๆ เพลงก็เพราะ ชื่อเพลง Take to the sky
http://www.youtube.com/watch?v=mXf8kGPkszQ
มันคล้ายเส้นทางของนักลงทุนแนว VI ค่ะ
ผู้ที่ทำสำเร็จแล้ว.....ได้เพียรบอกแก่ผู้แสวงหาว่า
ความสำเร็จรอเราอยู่ข้างหน้า.......
แม้เรายังมองไม่เห็นในตอนนี้...แต่ใช่ว่ามันไม่มีอยู่จริง
หากต้องการที่จะประสพความสำเร็จในเส้นทางสายนี้
ต้องออกเดินทางแสวงหาด้วยตนเอง
โดยจะต้องมี "ความเชื่อ" และ "ศรัทธา" เป็นที่ตั้งด้วย...
เพราะตลอดเส้นทางมันไม่ง่าย....(โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มจากทุนน้อย)
แต่ก็ใช่ว่า...จะไม่สามารถประสพความสำเร็จ
ถ้าตั้งใจจริง...เราจะสามารถฝ่าอุปสรรคต่างๆ
จนไปพบกับความสำเร็จอันหอมหวานได้
เนื้อเพลงก็สื่อถึงเรื่องราวอยู่บ้างค่ะ
อยากให้ลองหามาดูนะ มันทำให้เรามีพลัง
คิดว่าใช้ได้กับทุกๆ เรื่องในชีวิตได้ด้วย
เนื้อหาของเรื่องดีมากๆ เพลงก็เพราะ ชื่อเพลง Take to the sky
http://www.youtube.com/watch?v=mXf8kGPkszQ
มันคล้ายเส้นทางของนักลงทุนแนว VI ค่ะ
ผู้ที่ทำสำเร็จแล้ว.....ได้เพียรบอกแก่ผู้แสวงหาว่า
ความสำเร็จรอเราอยู่ข้างหน้า.......
แม้เรายังมองไม่เห็นในตอนนี้...แต่ใช่ว่ามันไม่มีอยู่จริง
หากต้องการที่จะประสพความสำเร็จในเส้นทางสายนี้
ต้องออกเดินทางแสวงหาด้วยตนเอง
โดยจะต้องมี "ความเชื่อ" และ "ศรัทธา" เป็นที่ตั้งด้วย...
เพราะตลอดเส้นทางมันไม่ง่าย....(โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มจากทุนน้อย)
แต่ก็ใช่ว่า...จะไม่สามารถประสพความสำเร็จ
ถ้าตั้งใจจริง...เราจะสามารถฝ่าอุปสรรคต่างๆ
จนไปพบกับความสำเร็จอันหอมหวานได้
เนื้อเพลงก็สื่อถึงเรื่องราวอยู่บ้างค่ะ
อยากให้ลองหามาดูนะ มันทำให้เรามีพลัง
คิดว่าใช้ได้กับทุกๆ เรื่องในชีวิตได้ด้วย
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 19
ขอบคุณมากค่ะอาจารย์หมอ Paul VIPaul VI เขียน:มาแวะเยี่ยมชม
ผมเองยังไม่มีโอกาสได้ดูที่คุณ นุช สัมภาษณ์ กับ อ.ไพบูลย์
แต่แฟนผมเค้าชมใหญ่เลย สงสัยต้องหาเวลาดูซักหน่อย
รู้สึกชื่นชมอาจารย์อยู่มาก แต่ไม่มีโอกาสได้บอก
รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่อาจารย์ให้เกียรติมาทักทายผู้น้อย
ฝากขอบคุณแฟนอาจารย์ด้วยนะคะ
ถ้าอาจารย์ได้ดูแล้วจะพบว่านุชเป็นนักลงทุนบ้านๆ จริงๆ ค่ะ
ก็แบบบ้านๆ ตามชื่อกระทู้นี้เลยหล่ะค่ะ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 21
สภาวะจิตว่าง
เมื่อก่อนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องความว่าง จิตว่าง เป็นกลาง
เคยรู้จักชีวิตอยู่แค่ 2 ด้าน ที่ตรงข้ามกัน
คือด้านที่มีอารมณ์ลบเช่น เบื่อ ไม่ชอบใจ เซ็งๆ บ้าง
และด้านบวก เช่น มีความสุข ตื่นเต้น ดีใจ
หลังๆ มาการอ่านหนังสือที่หลากหลายรวมทั้งหนังสือธรรมะ
แต่ไม่ได้อ่านชนิดนั่งสมาธิ วิปัสนากรรมฐานอะไรขนาดนั้นนะคะ
แค่ระดับหนังสือของ ท่าน ว.วชิรเมธี ท่านพุทธทาส
ทำให้เรารู้ว่าจริงๆ แล้วมันมีสภาวะที่กลางๆ อยู่
ตอนที่เราไม่รู้ เมื่อเราอยู่ในสภาวะกลางๆ เราไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไร
เหมือนมันใกล้ๆ กับคำว่าเบื่อ ไม่แน่ใจว่าจะใกล้ๆ กับคำว่าหมดไฟด้วยหรือเปล่า
ในภาวะนี้ ถ้าได้ออกไปเที่ยวตามสถานที่ที่เป็นธรรมชาติ
จะดื่มด่ำกับธรรมชาติได้มากเป็นพิเศษ
หรือแม้แต่ถ้าต้องนั่งอยู่ในที่ที่วุ่นวายเช่นในห้าง ตอนเดินไปเลือกซื้อของ
เราจะแค่มองเห็นความเป็นไปรอบตัว ย้ำว่า "จะแค่มองเห็น ไม่มีอารมณ์ร่วม"
เหมือนเรายืนมองมันจากที่ไกลๆ แม้แต่มองเห็นตัวเองกำลังเดินหยิบขวดแชมพูใส่ตระกร้า
เห็นตัวเองกำลังเดินไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์เลยหละ
หรือแม้แต่การมองตัวเอง หรือเส้นทางที่ผ่านมาของตัวเองได้แบบไม่มีส่วนร่วม
และทำให้เข้าใจเรื่องของ "เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี"
ช่วงเวลนี้แหละที่ใช้ทบทวนตัวเองได้อย่างดี
เพราะเราสามารถมองเห็นแม้แต่ตัวเราเองตรงตามความเป็นจริงอย่างที่สุด
หรือกับทุกๆ เรื่อง เราจะสามารถมองและรับรู้ได้ว่า
มันเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง.....ตรงตามความจริง
อธิบายยากพอสมควรค่ะ
ยิ่งหลังๆ มายิ่งเหมือนมีสภาวะว่างๆ อย่างนี้บ่อยขึ้น
แต่เราอยู่กับมันได้ดี เพราะเรารู้แล้วว่ามันคืออะไร
ถ้าเมื่อก่อนเราอาจคิดว่าเราเบื่อ หรือเซ็ง
พยายามจะตั้งชื่อมาเรียกสภาวะที่เราไม่รู้จักนี้ (เลยออกมาเป็นลบ)
ทั้งที่จริงๆ แล้ว มันคือสภาวะ "จิตว่าง" นั่นเอง
ในภาวะนี้...ถ้าต้องไปลงมือทำอะไรจะทำได้ดีไปหมดค่ะ
ข้อความนี้เขียนขณะเข้าไปร่วมคุยในกระทู้ "เมื่อหมดไฟ ทำอะไรกันครับ" ของคุณ raynus
ขอขอบคุณ คุณ raynus ด้วยที่ทำมีโอกาสได้ทบทวนและย้ำกับตัวเองอีกครั้ง
เมื่อก่อนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องความว่าง จิตว่าง เป็นกลาง
เคยรู้จักชีวิตอยู่แค่ 2 ด้าน ที่ตรงข้ามกัน
คือด้านที่มีอารมณ์ลบเช่น เบื่อ ไม่ชอบใจ เซ็งๆ บ้าง
และด้านบวก เช่น มีความสุข ตื่นเต้น ดีใจ
หลังๆ มาการอ่านหนังสือที่หลากหลายรวมทั้งหนังสือธรรมะ
แต่ไม่ได้อ่านชนิดนั่งสมาธิ วิปัสนากรรมฐานอะไรขนาดนั้นนะคะ
แค่ระดับหนังสือของ ท่าน ว.วชิรเมธี ท่านพุทธทาส
ทำให้เรารู้ว่าจริงๆ แล้วมันมีสภาวะที่กลางๆ อยู่
ตอนที่เราไม่รู้ เมื่อเราอยู่ในสภาวะกลางๆ เราไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไร
เหมือนมันใกล้ๆ กับคำว่าเบื่อ ไม่แน่ใจว่าจะใกล้ๆ กับคำว่าหมดไฟด้วยหรือเปล่า
ในภาวะนี้ ถ้าได้ออกไปเที่ยวตามสถานที่ที่เป็นธรรมชาติ
จะดื่มด่ำกับธรรมชาติได้มากเป็นพิเศษ
หรือแม้แต่ถ้าต้องนั่งอยู่ในที่ที่วุ่นวายเช่นในห้าง ตอนเดินไปเลือกซื้อของ
เราจะแค่มองเห็นความเป็นไปรอบตัว ย้ำว่า "จะแค่มองเห็น ไม่มีอารมณ์ร่วม"
เหมือนเรายืนมองมันจากที่ไกลๆ แม้แต่มองเห็นตัวเองกำลังเดินหยิบขวดแชมพูใส่ตระกร้า
เห็นตัวเองกำลังเดินไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์เลยหละ
หรือแม้แต่การมองตัวเอง หรือเส้นทางที่ผ่านมาของตัวเองได้แบบไม่มีส่วนร่วม
และทำให้เข้าใจเรื่องของ "เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี"
ช่วงเวลนี้แหละที่ใช้ทบทวนตัวเองได้อย่างดี
เพราะเราสามารถมองเห็นแม้แต่ตัวเราเองตรงตามความเป็นจริงอย่างที่สุด
หรือกับทุกๆ เรื่อง เราจะสามารถมองและรับรู้ได้ว่า
มันเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง.....ตรงตามความจริง
อธิบายยากพอสมควรค่ะ
ยิ่งหลังๆ มายิ่งเหมือนมีสภาวะว่างๆ อย่างนี้บ่อยขึ้น
แต่เราอยู่กับมันได้ดี เพราะเรารู้แล้วว่ามันคืออะไร
ถ้าเมื่อก่อนเราอาจคิดว่าเราเบื่อ หรือเซ็ง
พยายามจะตั้งชื่อมาเรียกสภาวะที่เราไม่รู้จักนี้ (เลยออกมาเป็นลบ)
ทั้งที่จริงๆ แล้ว มันคือสภาวะ "จิตว่าง" นั่นเอง
ในภาวะนี้...ถ้าต้องไปลงมือทำอะไรจะทำได้ดีไปหมดค่ะ
ข้อความนี้เขียนขณะเข้าไปร่วมคุยในกระทู้ "เมื่อหมดไฟ ทำอะไรกันครับ" ของคุณ raynus
ขอขอบคุณ คุณ raynus ด้วยที่ทำมีโอกาสได้ทบทวนและย้ำกับตัวเองอีกครั้ง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 22
ระหว่างที่ยังไม่ค่อยมีเรื่องจะเล่า
ขออนุญาตนำข้อความที่ได้ร่วมแสดงความเห็น
ไว้ในกระทู้ "เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ"
มาใส่ไว้ในนี้ด้วยเผื่อมีใครยังไม่เคยอ่านกระทู้ดังกล่าว
ท่านที่สนใจสามารถติดตามอ่านได้ตาม link นี้ค่ะ
(ได้เรียนขออนุญาตท่านอาจารย์เด็กใหม่ไฟแรงแล้วค่ะ)
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 9&start=30
โดยส่วนตัวยังอ่อนด้อยทางธรรมอยู่มาก
ธรรมะที่ยึดถือปฏิบัติอยู่ยังอยู่ระดับตื้นๆ เลยก็ว่าได้ค่ะ
ไม่ได้นั่งสมาธิหรือไปปฏิบัติธรรมใดๆ
เพราะชีวิตในปัจจุบันยังมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอยู่
แต่ก็ใช้ธรรมะเป็นหลักในการดำเนินชีวิตและการลงทุนในทุกขณะค่ะ
ที่ยึดมั่นและใช้ในการดำเนินชีวิตเสมอ
คือการพิจารณาวงจร "ปฏิกิจจสมุปบาท"
แนวๆ ที่ว่า "ทุกอย่างเกิดแต่เหตุ" ค่ะ
เข้าใจและใช้พิจารณาสิ่งต่างๆ ในชีวิตเสมอๆ
โดยเฉพาะกับสถานการณ์ที่ต้องเลือกทาง
ที่เราจะต้องก้าวไปในแต่ละช่วงของชีวิต
กรณีที่อยู่ตรงทางแยกนี่....ยิ่งใช้การพิจารณาในเรื่องดังกล่าวมากที่สุดค่ะ
ในที่สุดก็จะเลือกทางที่เหมาะกับความเป็นปัจเจกชนของตัวเรา
และสอดคล้องกับภาระหน้าที่ และบริบทแวดล้อม ณ ขณะนั้นๆ
แต่ไม่แตกฉานขนาดที่จะสามารถอธิบายหรือแลกเปลี่ยนกับผู้รู้ได้เลยค่ะ
นอกจากหลักธรรมที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว
ที่คิดว่าตนเองอยู่ในระดับปฏิบัติได้ดี
คือ "ศีล 5" "พรหมวิหาร 4" "สันโดษ"
และ "การมีสติอยู่กับปัจจุบัน"
ด้วย "จิตว่าง" คือไม่ได้ทุกข์ ไม่ได้สุขน่ะค่ะ
หลายครั้งอาจจะดูเหมือนเฉื่อยๆ เนือย....ไม่ทันคน
ในความเห็นของผู้ที่มองเข้ามาได้ค่ะ
แต่จริงๆ แล้วเราเลือกที่จะเป็นแบบนั้นเองค่ะ
ขออนุญาตนำข้อความที่ได้ร่วมแสดงความเห็น
ไว้ในกระทู้ "เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ"
มาใส่ไว้ในนี้ด้วยเผื่อมีใครยังไม่เคยอ่านกระทู้ดังกล่าว
ท่านที่สนใจสามารถติดตามอ่านได้ตาม link นี้ค่ะ
(ได้เรียนขออนุญาตท่านอาจารย์เด็กใหม่ไฟแรงแล้วค่ะ)
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 9&start=30
โดยส่วนตัวยังอ่อนด้อยทางธรรมอยู่มาก
ธรรมะที่ยึดถือปฏิบัติอยู่ยังอยู่ระดับตื้นๆ เลยก็ว่าได้ค่ะ
ไม่ได้นั่งสมาธิหรือไปปฏิบัติธรรมใดๆ
เพราะชีวิตในปัจจุบันยังมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอยู่
แต่ก็ใช้ธรรมะเป็นหลักในการดำเนินชีวิตและการลงทุนในทุกขณะค่ะ
ที่ยึดมั่นและใช้ในการดำเนินชีวิตเสมอ
คือการพิจารณาวงจร "ปฏิกิจจสมุปบาท"
แนวๆ ที่ว่า "ทุกอย่างเกิดแต่เหตุ" ค่ะ
เข้าใจและใช้พิจารณาสิ่งต่างๆ ในชีวิตเสมอๆ
โดยเฉพาะกับสถานการณ์ที่ต้องเลือกทาง
ที่เราจะต้องก้าวไปในแต่ละช่วงของชีวิต
กรณีที่อยู่ตรงทางแยกนี่....ยิ่งใช้การพิจารณาในเรื่องดังกล่าวมากที่สุดค่ะ
ในที่สุดก็จะเลือกทางที่เหมาะกับความเป็นปัจเจกชนของตัวเรา
และสอดคล้องกับภาระหน้าที่ และบริบทแวดล้อม ณ ขณะนั้นๆ
แต่ไม่แตกฉานขนาดที่จะสามารถอธิบายหรือแลกเปลี่ยนกับผู้รู้ได้เลยค่ะ
นอกจากหลักธรรมที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว
ที่คิดว่าตนเองอยู่ในระดับปฏิบัติได้ดี
คือ "ศีล 5" "พรหมวิหาร 4" "สันโดษ"
และ "การมีสติอยู่กับปัจจุบัน"
ด้วย "จิตว่าง" คือไม่ได้ทุกข์ ไม่ได้สุขน่ะค่ะ
หลายครั้งอาจจะดูเหมือนเฉื่อยๆ เนือย....ไม่ทันคน
ในความเห็นของผู้ที่มองเข้ามาได้ค่ะ
แต่จริงๆ แล้วเราเลือกที่จะเป็นแบบนั้นเองค่ะ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 23
อีกความเห็นที่ได้ร่วมแสดงความเห็นไว้ในกระทู้
"เส้นทางธรรมกับีชวิตการลงทุนแนววีไอ"
ของท่านอาจารย์ "เด็กใหม่ไฟแรง"
เรียนขออนุญาตอาจารย์แล้วเช่นกันค่ะ
ลืมอธิบายการนำหลักธรรมมาใช้ในการลงทุน
เห็นด้วยที่ว่าธรรมมะมีความเป็น "อกาลิโก" คือ ทันสมัยอยู่เสมอ
เราสามารถเอามาใช้ในการวิเคราะห์ทุกเรื่อง
แม้จะเป็นความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีล่าสุดใดๆ ก็ตาม
ที่ว่า "ทุกอย่างเกิดแต่เหตุ" นั้น จะเชื่อมโยงมาสู่เรื่องของ "กรรมคือการกะทำ"
โดยส่วนตัวจะเน้นใช้พิจารณาเหตุและผลของการกระทำในปัจจุบัน คือ ในชาตินี้เลย
ไม่ค่อยได้คิดไปถึงชาติหน้า คือ "เลือกกระทำสิ่งใด ก็จะได้รับผลจากการกระทำสิ่งนั้น" ในชาตินี้เลย
ในเรื่องของการลงทุน เช่น
ผล-นักลงทุนสองคนมีความเห็นต่อหุ้นตัวเดียวกันต่างกันอย่างสุดขั้ว
เหตุ-อาจเพราะเข้าซื้อในราคาที่ต่างกัน
คนที่มี MOS มาก-ย่อมว่าดี
คนที่มี MOS น้อย-ย่อมว่าไม่ดี
คือถ้าเหตุต่างก็จะให้ผลต่างเสมอ
และ "กรรม" หรือ "การกระทำ" ในที่นี้คือ "การเข้าซื้อที่ราคาใด"
หรือ ในภาวะที่ตลาดหุ้นผันผวนหนัก
ผล-นักลงทุนคนนึงยังคงยินดีกับหุ้นที่ถือ แต่อีกคนทุกข์หนัก
เหตุ-อาจเพราะเป้าหมายในการลงทุนต่างกันอยู่ตั้งแต่ต้น
คนที่ 1 ลงทุนเพื่อหวังปันผลที่มากกว่าอัตราดอกเบี้ย_จะยังคงสบายใจตราบเท่าที่พื้นฐานกิจการไม่เปลี่ยน
คนที่ 2 ลงทุนเพื่อหวัง capital gain เป็นหลัก_แม้พื้นฐานหุ้นไม่เปลี่ยนแต่ราคามันลดก็ไม่สบายใจ
คนที่ 3 ลงทุนด้วย margin-อาจจะขายทิ้งทุกราคาแม้จะทราบว่าพื้นฐานไม่เปลี่ยน
ในฐานะนักลงทุน...โดยส่วนตัวมีความเห็นว่าเราต้องมีความรู้มากพอที่จะวิเคราะห์พื้นฐาน
และต้องเลือก "ผล" ที่เราอยากจะได้ในตรงกับบริบทของเราแล้วค่อยเลือกเหตุที่จะนำมาซึ่งผลนั้นๆ
เช่น ทนภาวะหุ้นแดงๆ ไม่ได้ - ต้องทำเหตุให้ดีแต่ต้นคือ ต้องเลือกราคาที่มี MOS มากพอ
อายุมากแล้วต้องการความมั่นคง-เลือกหุ้นปันผล
และ..... เราสามารถใช้หลักนี้ในการเลือกอะไรอีกหลายๆ อย่างในชีวิต "ถ้าเหตุดีแต่ต้น-ผลก็มักจะดี"
ในส่วนของ "พรหมวิหาร 4" ข้อที่คิดว่าคนส่วนใหญ่แค่รู้จัก แต่อาจยังละเลยในการปฏิบัติให้ได้จริง คือ
"มุทิตา" ถ้ามีข้อนี้มากเราจะชื่นชมยินดีในความสำเร็จของผู้อื่นได้ง่าย
เมื่อนั้นจิตใจจะค่อนข้างเปิด.....ส่งผลให้เรียนรู้หนทางที่ผู้ประสพความสำเร็จ
ได้เลือก "กระทำ" จนส่งให้เกิด "ผลสำเร็จ"
เกิดการเรียนรู้และนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ง่าย
อีกข้อคือ "อุเบกขา"
ถ้าใช้ร่วมกับการพิจารณาเรื่องเหตุและผลเราจะ "ปล่อยวาง" ได้ง่ายพอสมควร
และความเห็นต่อคำว่า "พอ" หรือ "ไม่รู้จักพอ" เป็นเรื่องนี่น่าระวัง
โดส่วนตัวเห็นว่าคำว่า "พอ" เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถตัดสินผู้อื่นได้เลยค่ะ
เช่น บางคน 7 หลักก็พอ เพราะตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัว ไม่มีใครที่ต้องดูแล
บางคน 8 หลัก เพราะในชีวิตต้องดูแลคนในครอบครัวถึง 3 generation เลย
อันนี้เขาก็อาจยังคงหาเพิ่ม ตราบเท่าที่ไม่ได้ไปเบียดเบียนใครก็ไม่น่าถูกตัดสินว่า "โลภ" หรือ "ไม่รู้จักพอ"
หรือแม้กระทั่งคนที่มี port เป็นร้อยล้าน พันล้าน ก็อย่าได้คิดว่าเขา "โลภ" หรือ "ไม่รู้จักพอ"
เพราะถ้า "เหตุ" ของเขาดีแต่ต้นเขาก็ได้รับ "ผลตอบแทน" ที่ทบต้นและมากขึ้นตามระยะเวลา
โดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้ "โลภ" ไม่ได้ไปขวนขวายใดๆ เพิ่มมากมาย
แม่จะเห็นด้วยกับหลักเหตุและผล....แต่อยากให้ระวังกรณีการใช้ไปตัดสินผู้อื่น
ใช้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้ก็เฉพาะกับเรื่องของตัวเองเท่านั้น
ถ้าจะใช้วิเคราะห์หรือทำความเข้าใจผู้อื่นต้องระวัง
ยิ่งกรณีการมีข้อมูลไม่เพียงพอ ถ้าเป็นเช่นนั้นอย่าได้ไปตัดสินใคร เดี๋ยวจะผิด
และสร้างมลทินทั้งแก่ตัวเองและผู้ที่ถูกตัดสินเสียเปล่าๆ
คิดว่าหลักธรรมแต่ละข้อเราเอามาใช้โดดๆ ไม่ได้ต้องเลือกใช้ร่วมกันหลายๆ หลักเป็นกรณีๆ ไป
แต่เชื่อว่าการศึกษาธรรมะมีประโยชน์มากดังที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า ธรรมะเป็น "อกาลิโก"ค่ะ
"เส้นทางธรรมกับีชวิตการลงทุนแนววีไอ"
ของท่านอาจารย์ "เด็กใหม่ไฟแรง"
เรียนขออนุญาตอาจารย์แล้วเช่นกันค่ะ
ลืมอธิบายการนำหลักธรรมมาใช้ในการลงทุน
เห็นด้วยที่ว่าธรรมมะมีความเป็น "อกาลิโก" คือ ทันสมัยอยู่เสมอ
เราสามารถเอามาใช้ในการวิเคราะห์ทุกเรื่อง
แม้จะเป็นความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีล่าสุดใดๆ ก็ตาม
ที่ว่า "ทุกอย่างเกิดแต่เหตุ" นั้น จะเชื่อมโยงมาสู่เรื่องของ "กรรมคือการกะทำ"
โดยส่วนตัวจะเน้นใช้พิจารณาเหตุและผลของการกระทำในปัจจุบัน คือ ในชาตินี้เลย
ไม่ค่อยได้คิดไปถึงชาติหน้า คือ "เลือกกระทำสิ่งใด ก็จะได้รับผลจากการกระทำสิ่งนั้น" ในชาตินี้เลย
ในเรื่องของการลงทุน เช่น
ผล-นักลงทุนสองคนมีความเห็นต่อหุ้นตัวเดียวกันต่างกันอย่างสุดขั้ว
เหตุ-อาจเพราะเข้าซื้อในราคาที่ต่างกัน
คนที่มี MOS มาก-ย่อมว่าดี
คนที่มี MOS น้อย-ย่อมว่าไม่ดี
คือถ้าเหตุต่างก็จะให้ผลต่างเสมอ
และ "กรรม" หรือ "การกระทำ" ในที่นี้คือ "การเข้าซื้อที่ราคาใด"
หรือ ในภาวะที่ตลาดหุ้นผันผวนหนัก
ผล-นักลงทุนคนนึงยังคงยินดีกับหุ้นที่ถือ แต่อีกคนทุกข์หนัก
เหตุ-อาจเพราะเป้าหมายในการลงทุนต่างกันอยู่ตั้งแต่ต้น
คนที่ 1 ลงทุนเพื่อหวังปันผลที่มากกว่าอัตราดอกเบี้ย_จะยังคงสบายใจตราบเท่าที่พื้นฐานกิจการไม่เปลี่ยน
คนที่ 2 ลงทุนเพื่อหวัง capital gain เป็นหลัก_แม้พื้นฐานหุ้นไม่เปลี่ยนแต่ราคามันลดก็ไม่สบายใจ
คนที่ 3 ลงทุนด้วย margin-อาจจะขายทิ้งทุกราคาแม้จะทราบว่าพื้นฐานไม่เปลี่ยน
ในฐานะนักลงทุน...โดยส่วนตัวมีความเห็นว่าเราต้องมีความรู้มากพอที่จะวิเคราะห์พื้นฐาน
และต้องเลือก "ผล" ที่เราอยากจะได้ในตรงกับบริบทของเราแล้วค่อยเลือกเหตุที่จะนำมาซึ่งผลนั้นๆ
เช่น ทนภาวะหุ้นแดงๆ ไม่ได้ - ต้องทำเหตุให้ดีแต่ต้นคือ ต้องเลือกราคาที่มี MOS มากพอ
อายุมากแล้วต้องการความมั่นคง-เลือกหุ้นปันผล
และ..... เราสามารถใช้หลักนี้ในการเลือกอะไรอีกหลายๆ อย่างในชีวิต "ถ้าเหตุดีแต่ต้น-ผลก็มักจะดี"
ในส่วนของ "พรหมวิหาร 4" ข้อที่คิดว่าคนส่วนใหญ่แค่รู้จัก แต่อาจยังละเลยในการปฏิบัติให้ได้จริง คือ
"มุทิตา" ถ้ามีข้อนี้มากเราจะชื่นชมยินดีในความสำเร็จของผู้อื่นได้ง่าย
เมื่อนั้นจิตใจจะค่อนข้างเปิด.....ส่งผลให้เรียนรู้หนทางที่ผู้ประสพความสำเร็จ
ได้เลือก "กระทำ" จนส่งให้เกิด "ผลสำเร็จ"
เกิดการเรียนรู้และนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ง่าย
อีกข้อคือ "อุเบกขา"
ถ้าใช้ร่วมกับการพิจารณาเรื่องเหตุและผลเราจะ "ปล่อยวาง" ได้ง่ายพอสมควร
และความเห็นต่อคำว่า "พอ" หรือ "ไม่รู้จักพอ" เป็นเรื่องนี่น่าระวัง
โดส่วนตัวเห็นว่าคำว่า "พอ" เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถตัดสินผู้อื่นได้เลยค่ะ
เช่น บางคน 7 หลักก็พอ เพราะตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัว ไม่มีใครที่ต้องดูแล
บางคน 8 หลัก เพราะในชีวิตต้องดูแลคนในครอบครัวถึง 3 generation เลย
อันนี้เขาก็อาจยังคงหาเพิ่ม ตราบเท่าที่ไม่ได้ไปเบียดเบียนใครก็ไม่น่าถูกตัดสินว่า "โลภ" หรือ "ไม่รู้จักพอ"
หรือแม้กระทั่งคนที่มี port เป็นร้อยล้าน พันล้าน ก็อย่าได้คิดว่าเขา "โลภ" หรือ "ไม่รู้จักพอ"
เพราะถ้า "เหตุ" ของเขาดีแต่ต้นเขาก็ได้รับ "ผลตอบแทน" ที่ทบต้นและมากขึ้นตามระยะเวลา
โดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้ "โลภ" ไม่ได้ไปขวนขวายใดๆ เพิ่มมากมาย
แม่จะเห็นด้วยกับหลักเหตุและผล....แต่อยากให้ระวังกรณีการใช้ไปตัดสินผู้อื่น
ใช้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้ก็เฉพาะกับเรื่องของตัวเองเท่านั้น
ถ้าจะใช้วิเคราะห์หรือทำความเข้าใจผู้อื่นต้องระวัง
ยิ่งกรณีการมีข้อมูลไม่เพียงพอ ถ้าเป็นเช่นนั้นอย่าได้ไปตัดสินใคร เดี๋ยวจะผิด
และสร้างมลทินทั้งแก่ตัวเองและผู้ที่ถูกตัดสินเสียเปล่าๆ
คิดว่าหลักธรรมแต่ละข้อเราเอามาใช้โดดๆ ไม่ได้ต้องเลือกใช้ร่วมกันหลายๆ หลักเป็นกรณีๆ ไป
แต่เชื่อว่าการศึกษาธรรมะมีประโยชน์มากดังที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า ธรรมะเป็น "อกาลิโก"ค่ะ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 24
เมื่อคืนนี้ได้ชม fb money talk ดีมากๆๆๆ
ตอน "จิตวิทยาการลงทุนยามหุ้นผันผวน"
ผู้ร่วมรายการคือ "คุณโจ_ลูกอิสาน"
ที่เราเคารพนับถือและยึดเป็น Idol ในการลงทุนนั่งเอง
ติดตามชมได้ตาม link นี้ค่ะ
จิตวิทยาการลงทุนยามหุ้นผันผวน
http://www.youtube.com/watch?feature=pl ... 8CEojY#t=9
ขอบอกว่า...เป้าหมายของการลงทุนของเรา...คือ
เพื่อหาที่ฝากเงิน...ที่ทั้งครอบครัวขยันออม
ให้ได้ปันผลมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากเท่านั้น
แต่เนื่องจากมีความศรัทธาในการลงทุนแนว VI
และยึดถือเป็นแนวทางเสมอมา
ส่งผลให้ประสพความสำเร็จเกินกว่าที่คาดหวัง
ทำให้สามารถทำงานประจำควบคู่กับการลงทุน
และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสมดุลอีกด้วย
เห็นด้วยที่ "คุณโจ" ได้กว่าวไว้ใน clip นี้คือ
การควบคุมจิตใจและอารมณ์.....เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการลงทุน
อยากให้ดูค่ะ...เพื่อให้เพื่อนๆ สามารถตั้งมั่น
อยู่ในการลงทุนแนว VI ได้อย่างไม่สั่นคลอน
ตอน "จิตวิทยาการลงทุนยามหุ้นผันผวน"
ผู้ร่วมรายการคือ "คุณโจ_ลูกอิสาน"
ที่เราเคารพนับถือและยึดเป็น Idol ในการลงทุนนั่งเอง
ติดตามชมได้ตาม link นี้ค่ะ
จิตวิทยาการลงทุนยามหุ้นผันผวน
http://www.youtube.com/watch?feature=pl ... 8CEojY#t=9
ขอบอกว่า...เป้าหมายของการลงทุนของเรา...คือ
เพื่อหาที่ฝากเงิน...ที่ทั้งครอบครัวขยันออม
ให้ได้ปันผลมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากเท่านั้น
แต่เนื่องจากมีความศรัทธาในการลงทุนแนว VI
และยึดถือเป็นแนวทางเสมอมา
ส่งผลให้ประสพความสำเร็จเกินกว่าที่คาดหวัง
ทำให้สามารถทำงานประจำควบคู่กับการลงทุน
และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสมดุลอีกด้วย
เห็นด้วยที่ "คุณโจ" ได้กว่าวไว้ใน clip นี้คือ
การควบคุมจิตใจและอารมณ์.....เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการลงทุน
อยากให้ดูค่ะ...เพื่อให้เพื่อนๆ สามารถตั้งมั่น
อยู่ในการลงทุนแนว VI ได้อย่างไม่สั่นคลอน
-
- Verified User
- โพสต์: 439
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 25
เวลาเกิดสภาวะแบบนี้ เป็นอยู่นานไม๊คะ ประมาณว่าเป็นนาที หรือ ชม. หรือเป็นวันคะ?theenuch เขียน:
ในภาวะนี้ ถ้าได้ออกไปเที่ยวตามสถานที่ที่เป็นธรรมชาติ
จะดื่มด่ำกับธรรมชาติได้มากเป็นพิเศษ
หรือแม้แต่ถ้าต้องนั่งอยู่ในที่ที่วุ่นวายเช่นในห้าง ตอนเดินไปเลือกซื้อของ
เราจะแค่มองเห็นความเป็นไปรอบตัว ย้ำว่า "จะแค่มองเห็น ไม่มีอารมณ์ร่วม"
เหมือนเรายืนมองมันจากที่ไกลๆ แม้แต่มองเห็นตัวเองกำลังเดินหยิบขวดแชมพูใส่ตระกร้า
เห็นตัวเองกำลังเดินไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์เลยหละ
ถ้าจะกรุณา ช่วยสอนวิธีหน่อยค่ะ เข้าใจว่าเป็นการได้เห็นความจริงที่ว่ากายนี้ไม่ใช่เรา (คิดเองเล่นๆว่าเราเป็นโปรแกรม Human 3.0)
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 26
เป็นจนชินเลยค่ะ
ไม่ใช่ไสยศาสตร์อะไรนะคะ
คือเปรียบได้กับอย่างนั้นเลยค่ะ
เรารู้ตัวชนิดที่ว่าเหมือนเห็นตัวเองไปทำสิ่งต่างๆ
เราเห็นตัวเองเล็กๆ เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมตรงนั้น
มันทำให้เราไม่ค่อยหลุด เช่น ไม่เคยซื้อของเกินรายการ
เห็นคนแต่งตัวสวยๆ เห็นว่าแฟชั่นรอบตัวประมาณนี้นะ
และก็เห็นตัวเองเดิน plain ๆ เรียบๆ อยู่ท่ามกลางได้
โดยไม่รู้สึกว่าเราต้องไปทำตามก็ได้ค่ะ
แต่ก็รู้นะคะว่าถ้าจะทำเราจะแต่งตัวแบบนี้
ต้องทำยังไงแค่เดินไปซื้อสิ่งนี้มาเพิ่มก็ได้
แต่เราสามารถเลือกได้ว่าเราจะไม่ทำน่ะค่ะ
ยิ่งตอนขับรถนี่ยิ่งชัดเลยค่ะ
เราจะเห็นว่าเราขับรถอยู่ท่ามกลางรถทั้งถนน
เห็นแต่ละคันกำลังทำอะไร
เช่นรู้ว่าอีกประมาณกี่เมตรมีจุดยูเทิร์น
จะเลี่ยงไปอยู่เลนสองก่อนเสมอ
จะมีป้ายรถเมล์ก็เห็นว่าเราเลี่ยงมาอยู่เลนกลางก่อนเลย
ทำให้ไม่ค่อยติดขัดอะไรค่ะ
แม้แต่การลงทุนเราจะเห็นตัวเองท่ามกลางนักลงทุนหลากหลาย
และเราจะรู้เสมอว่าเรามีเงินเท่านี้ ๆ เราทำอะไรได้บ้างหรือไม่ได้
จะเห็นภาพก่อนและชัดเจนเสมอแล้วเลือกแบบที่ตัวเราต้องการค่ะ
แทบจะรู้ผลล่วงหน้าอยู่แล้ว
ก้ำกึ่งระหว่างปัจจุบันกับเห็นผลข้างหน้าค่ะ
จะอยู่กับขณะปัจจุบันมากกว่าแต่ก็อยู่แบบเห็นตัวเองอย่างที่เล่าน่ะค่ะ
แล้วมันก็จะทำให้เราเลือกผลแล้วเราก็กำหนดให้ตัวเราไปทำสิ่งนั้นๆ
หรือแม้แต่การไม่ทำบางสิ่งเพื่อเลี่ยงผลบางสิ่ง
อธิบายยากมากค่ะ
ไม่ใช่ไสยศาสตร์อะไรนะคะ
คือเปรียบได้กับอย่างนั้นเลยค่ะ
เรารู้ตัวชนิดที่ว่าเหมือนเห็นตัวเองไปทำสิ่งต่างๆ
เราเห็นตัวเองเล็กๆ เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมตรงนั้น
มันทำให้เราไม่ค่อยหลุด เช่น ไม่เคยซื้อของเกินรายการ
เห็นคนแต่งตัวสวยๆ เห็นว่าแฟชั่นรอบตัวประมาณนี้นะ
และก็เห็นตัวเองเดิน plain ๆ เรียบๆ อยู่ท่ามกลางได้
โดยไม่รู้สึกว่าเราต้องไปทำตามก็ได้ค่ะ
แต่ก็รู้นะคะว่าถ้าจะทำเราจะแต่งตัวแบบนี้
ต้องทำยังไงแค่เดินไปซื้อสิ่งนี้มาเพิ่มก็ได้
แต่เราสามารถเลือกได้ว่าเราจะไม่ทำน่ะค่ะ
ยิ่งตอนขับรถนี่ยิ่งชัดเลยค่ะ
เราจะเห็นว่าเราขับรถอยู่ท่ามกลางรถทั้งถนน
เห็นแต่ละคันกำลังทำอะไร
เช่นรู้ว่าอีกประมาณกี่เมตรมีจุดยูเทิร์น
จะเลี่ยงไปอยู่เลนสองก่อนเสมอ
จะมีป้ายรถเมล์ก็เห็นว่าเราเลี่ยงมาอยู่เลนกลางก่อนเลย
ทำให้ไม่ค่อยติดขัดอะไรค่ะ
แม้แต่การลงทุนเราจะเห็นตัวเองท่ามกลางนักลงทุนหลากหลาย
และเราจะรู้เสมอว่าเรามีเงินเท่านี้ ๆ เราทำอะไรได้บ้างหรือไม่ได้
จะเห็นภาพก่อนและชัดเจนเสมอแล้วเลือกแบบที่ตัวเราต้องการค่ะ
แทบจะรู้ผลล่วงหน้าอยู่แล้ว
ก้ำกึ่งระหว่างปัจจุบันกับเห็นผลข้างหน้าค่ะ
จะอยู่กับขณะปัจจุบันมากกว่าแต่ก็อยู่แบบเห็นตัวเองอย่างที่เล่าน่ะค่ะ
แล้วมันก็จะทำให้เราเลือกผลแล้วเราก็กำหนดให้ตัวเราไปทำสิ่งนั้นๆ
หรือแม้แต่การไม่ทำบางสิ่งเพื่อเลี่ยงผลบางสิ่ง
อธิบายยากมากค่ะ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 27
ข้างบนก็พยายามจะตอบคำถามคุณ f.escapef.escape เขียน:เวลาเกิดสภาวะแบบนี้ เป็นอยู่นานไม๊คะ ประมาณว่าเป็นนาที หรือ ชม. หรือเป็นวันคะ?theenuch เขียน:
ในภาวะนี้ ถ้าได้ออกไปเที่ยวตามสถานที่ที่เป็นธรรมชาติ
จะดื่มด่ำกับธรรมชาติได้มากเป็นพิเศษ
หรือแม้แต่ถ้าต้องนั่งอยู่ในที่ที่วุ่นวายเช่นในห้าง ตอนเดินไปเลือกซื้อของ
เราจะแค่มองเห็นความเป็นไปรอบตัว ย้ำว่า "จะแค่มองเห็น ไม่มีอารมณ์ร่วม"
เหมือนเรายืนมองมันจากที่ไกลๆ แม้แต่มองเห็นตัวเองกำลังเดินหยิบขวดแชมพูใส่ตระกร้า
เห็นตัวเองกำลังเดินไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์เลยหละ
ถ้าจะกรุณา ช่วยสอนวิธีหน่อยค่ะ เข้าใจว่าเป็นการได้เห็นความจริงที่ว่ากายนี้ไม่ใช่เรา (คิดเองเล่นๆว่าเราเป็นโปรแกรม Human 3.0)
แต่อธิบายยาก ...ขอตอบใหม่ให้ง่ายขึ้นนะคะ
เหมือนโค้ชนักกีฬาดี่กว่าค่ะ...ซึ่งปกติจะเป็นคนละคนกันกับตัวนักกีฬา
เวลาโค้ชมองเข้าไปที่ตัวนักกีฬาจะเห็นจุดดีและจุดด้อย
ที่นักกีฬาไม่สามารถมองเห็นตัวเอง แต่โค้ชเห็น
จึงสามารถบอกให้ปรับเพื่อให้เกมส์ออกมาดีขึ้นได้ในฉับพลัน
แต่กรณีที่เล่ามาพอเรามีจิตว่างมากพอ
เราจะเหมือนมีตัวเองเป็นเหมือนโค้ชของนักกีฬา
ที่ยืนมองเข้ามาและเห็นตัวเองทำสิ่งต่างๆ ชัดเจน
ส่งผลให้เราสามารถโค้ชตัวเองได้ เท่านี้เองค่ะ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 29
ขอบคุณพี่หมอมุขค่ะPaul VI เขียน:เห็นด้วยครับ
ปัญหาบางอย่าง มุมมองบางอย่าง เจ้าตัวมองไม่เห็น ต้องให้คนอื่นชี้ให้เห็น
เข้าทำนองสุภาษิต "เส้นผมบังภูเขา"
ทุกวันนี้ยังมีภาวะ "เส้นผมบังภูเขา"
ที่ยังต้องการการชี้แนะจากผู้อื่นอยู่
เพียงแต่การที่เรามีภาวะที่โค้ชตัวเองได้บ่อยขึ้น
ทำให้เราพึ่งตนเองในเบื้องต้น และนำตนเองได้ดีขึ้นค่ะ
ยังคงต้องเรียนรู้และพัฒนาไปเรื่อยๆ ค่ะ
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI บ้าน ๆ
โพสต์ที่ 30
การทำบัญชีแบบบ้าน ๆ ของครอบครัว เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราประสบผลสำเร็จที่ดีระยะยาวครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/